3....

Preview:

Citation preview

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

สร้างความสมัพนัธ์เชิงฟังก์ชนัระหว่างข้อมูล เพ่ือท านายค่าของตวัแปรหน่ึง เม่ือทราบค่าของอีกตวัแปรหน่ึง

เน่ืองจากความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลสองตวัแปรเกิดขึ้นได้หลายลกัษณะ แผนภาพการกระจายจะช่วยบอกเราได้ว่า ลกัษณะความสมัพนัธมี์รปูแบบเป็นแบบใด เช่น เส้นตรง พาราโบลา หรือ เอกซโ์พเนนเชียล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

หลกัการหาความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั y = f(x) จะเป็นจะเป็นตวัแทนท่ีดีท่ีสดุต้องสอดคล้องกบัเงื่อนไข 3 ประการ คือ1. σ 𝒚 − ෝ𝒚 = 𝟎

2. σ 𝒚 − ෝ𝒚 𝟐 ต้องมีค่าน้อยท่ีสดุ3. (ഥ𝒙, ഥ𝒚) ต้องเป็นจดุบนฟังกช์นั y = f(x)

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

ตวัอย่างท่ี 1 จากการสอบถามรายได้และรายจ่ายของครอบครวั 10 ครอบครวั ในเขต อ.เมือง จ.ชลบรีุ ปรากฏผลดงัน้ี

จงเขียนกราฟจดุ (x,y) เพ่ือแสดงแผนภาพการกระจายของข้อมลู

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

ตวัอย่างท่ี 2 ผลการสอบวิชาคณิตศาสตรแ์ละฟิสิกสข์องนักเรียน 15 คน ท่ีเลือกมาอย่างสุ่มเป็นดงัต่อไปน้ี

สมการของความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัระหว่างวิชาฟิสิกสแ์ละคณิตศาสตร์เป็นแบบใด

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

สมการเส้นตรงจะมีรปูแบบ y = mx + c โดยหาค่า m และ c ได้จาก

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู3. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นพาราโบลา

สมการเส้นตรงจะมีรปูแบบ y = ax2+bx+c โดยหาค่า a,b และ c ได้จาก

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู3. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นพาราโบลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู3. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นพาราโบลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

สมการเส้นตรงจะมีรปูแบบ y = abx หรือ logy = loga + xlogbโดยหาค่า a และ b ได้จาก

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลูความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

ข้อมูลท่ีอยู่ในรปูอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลท่ีมีการเปล่ียนแปลงตามล าดบัการเกิด (เกิดก่อน,เกิดหลงั) ซ่ึงปกติข้อมลูมกัจะเกิดในช่วงเวลาเท่าๆกนั เช่น ทุกวนั ทุกเดือน ทุกปี

การค านวณกจ็ะท าคล้ายกบัความสมัพนัธแ์บบอ่ืนๆ แต่ระยะเวลา (x) เราจะก าหนดใหม่ให้ง่ายขึน้ เช่น -3, -2, -1, 0, 1, 2, 3 เป็นต้น

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Recommended