View
2
Download
0
Category
Preview:
Citation preview
Trend
20for Quality Vol.20 No.194
December 2013
for Quality
ใน การท�ากิจกรรมกลุ่ม QCC (QC
Circle) จะมีการก�าหนดให้ใช ้
เครื่องมือที่เรียกว่า 7 QC Tools ในการแก้ไข
ปัญหา (problem solving)
หลายคนมีความสงสยัว่าท�าไมต้องใช้
ชุดเครื่องมือเหล่านี้ด้วย และเครื่องมือน้ีมี
ประโยชน์อย่างไร ?
บทความฉบับนีน่้าจะช่วยไขข้อข้องใจ
ให้ผู้อ่านได้
วิบูลย์ พงศ์พรทรัพย์
viboon@gmail.com
ต่าง ๆ เพื่อน�ามารวบรวมเป็นชุดเครื่องมือให้
พนักงานระดับปฏิบัติการใช้ในการวิเคราะห์
ข้อมูล โดยมีเงื่อนไข คือ ต้องเป็นเครื่องมือที่
ใช้งานง่ายและสามารถประยุกต์ใช้ในการ
วิเคราะห์ข้อมูลได้
หลังจากการศึกษา เทคนิค เครื่องมือ
วิธีการต่าง ๆ JUSE ได้รวบรวมเครื่องมือ 7
เครื่องมือ ซึ่งได้แก่ แผนภาพพาเรโต แผนภูมิ
ควบคุม กราฟ ใบตรวจสอบ ฮีสโตแกรม
กับการแก้ไขปัญหาด้วย QCCชุดเครื่องมือ 7 QC Tools เกิดขึ้นใน
ช่วง 1960s ซึ่ง JUSE (อ่านใน Union of
Japanese Scientists and Engineers) ได้
สร้างกิจกรรม QCC ขึ้น โดย QCC เป็นการ
รวมกลุ่มของพนักงานระดับปฏิบัติการเพื่อ
แก้ปัญหาในงานของตนเอง และมีหัวใจ
ส�าคัญของการแก้ไขปัญหาคือการตัดสินใจ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
JUSE จึงได้ท�าการเลือกเครื่องมือ
ตอนท่ี
1
Trend
Vol.20 N
o.1
94 Decem
ber 2013
21
แผนภาพก้างปลา และแผนภาพการกระจาย
และได้ตั้งชื่อชุดเครื่องมือนี้ว่า 7 QC Tools
จะเหน็ได้ว่าชดุเครือ่งมอื 7 QC Tools
ถูกก�าหนดขึ้นมาเพื่อใช้ส�าหรับการ วิเคราะห์
ข้อมลู เพือ่แก้ไขปัญหา แต่จากประสบการณ์
ของผู้เขียนที่ได้เป็นที่ปรึกษาการท�า QCC
พบว่า คนส่วนมากน�าชุดเครื่องมือเหล่าน้ี
มาใช้เพียงเพื่อ น�าเสนอข้อมูล หรือน�าเสนอ
ผลงานเท่านั้น แต่มิได้ใช้เครื่องมือในการ
ค้นหาสารสนเทศจากข้อมูลเพื่อประกอบการ
ตัดสินใจแต่อย่างใด
แล้วเราจะน�า 7 QC Tools มาใช้
วิเคราะห์ข้อมูลอย่างไรดี ?
หากจ�าแนกตามจุดประสงค์ของการ
ใช้งาน สามารถจ�าแนก 7 QC Tools ได้เป็น
4 กลุ่ม ตามขั้นตอนของการแก้ไขปัญหาดังนี้
1. เครื่องมือส�าหรับการวิเคราะห์
ความเสถยีรของข้อมลู ได้แก่ แผนภาพพาเรโต
แผนภูมิควบคุม
2. เครื่องมือส�าหรับการวิเคราะห์
ความผนัแปรของข้อมลู ได้แก่ กราฟ ใบตรวจ-
สอบ แผนภูมิควบคุม ฮีสโตแกรม
3. เครื่องมือส�าหรับการวิเคราะห์
สาเหตแุละผล ได้แก่ แผนภาพก้างปลา กราฟ
ฮีสโตแกรม และแผนภาพการกระจาย
4. เครื่องมือส�าหรับการท�าให้เป็น
มาตรฐาน ได้แก่ แผนภูมิควบคุม
ในการแก้ไขปัญหาจะเริ่มจากการ
พจิารณาว่า กระบวนการทีจ่ะท�าการแก้ปัญหา
นั้นมีเสถียรหรือไม่ ?
เน่ืองจากกระบวนการที่เสถียรแปล
ความว่าสามารถคาดการณ์ได้ ท�าให้สามารถ
เก็บข้อมูลเพื่อท�าการวิเคราะห์ต่อไปได้ แต่
หากกระบวนการไม่เสถยีร แสดงว่าไม่สามารถ
คาดการณ์ได้ มีการเปล่ียนแปลง แกว่งตัว
ตลอดเวลา แบบนีก้ไ็ม่สามารถทีจ่ะเกบ็ข้อมลู
เพื่อวิเคราะห์ปัญหาได้
ลองนึกถึงกระบวนการที่ไม่มีมาตร-
ฐานการท�างาน ต่างคนต่างท�างาน จะพบว่า
งานทีไ่ด้จะมคีณุภาพแตกต่างกนัไป แสดงว่า
กระบวนการไม่เสถียร และเมื่อเกิดปัญหาขึ้น
การแก้ไขปัญหาจะท�าได้ยากเพราะไม่ทราบ
ว่า เงือ่นไขการท�างานใดก่อให้เกดิปัญหา การ
แก้ไขก็ได้แต่ลองผิดลองถูก ไม่สามารถ
วิเคราะห์ข้อมูล
แต่หากมีการก�าหนดมาตรฐานการ
ท�างานเบื้องต้นให้ทุกคนท�างานเหมือนกัน
กระบวนการจะเริม่มเีสถยีรภาพ ข้อมลูทีไ่ด้จะ
เริ่มนิ่งและคาดการณ์ได้ ท�าให้สามารถน�า
ข้อมลูมาวิเคราะห์เพือ่ปรบัปรงุมาตรฐานให้ดี
ขึ้นได้ จากจุดนี้เองท�าให้การเลือกปัญหา
จ�าเป็นต้องวิเคราะห์ความเสถียรของข้อมูล
เพื่อให้มั่นใจว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่
สามารถน�ามาแก้ไขได้
ส�าหรับเครื่องมือในการวิเคราะห์
ความเสถยีรนัน้ ม ี2 เครือ่งมอื ได้แก่แผนภาพ
พาเรโต และแผนภาพควบคุม ซึง่เครือ่งมอืทัง้
สองนี้ ผู้เขียนได้เคยน�าเสนอไปในบทความ
ฉบบัก่อน ๆ (สามารถอ่านรายละเอยีดเพิม่เตมิ
จาก ฉบับที่ 177-178 ส�าหรับแผนภาพ
พาเรโต และฉบับที่ 142-146 ส�าหรับแผนภูมิ
ควบคุม) ไปแล้ว ในที่นี้จึงขอสรุปสั้น ๆ ดังนี้
➲ แผนภาพพาเรโต เป็นเครือ่งมอืที่
ทกุคนทีท่�ากจิกรรม QCC รูจ้กักนัด ีเพราะเป็น
เครื่องมือตัวแรกที่ใช้เลือกปัญหา โดยแผน-
ภาพพาเรโตทีค่นส่วนมากรูจ้กักค็อื กราฟแท่ง
เรยีงชดิติดกันและมเีส้นความถีส่ะสม ดงัรปูที่
1 และเลือกปัญหาจากกราฟแท่งแรกที่มี
ข้อมูลมากที่สุด
ในความเป็นจรงินัน้ แผนภาพพาเรโต
ไม่ได้มีไว้เพียงแค่การเลือกปัญหาจากแท่ง
แรก แต่มไีว้ให้พจิารณาลกัษณะการแจกแจง
ของข้อมูล โดยแผนภาพพาเรโตที่ถูกต้อง
ไม่ใช่เพียงแค่เป็นกราฟแท่งเรียงชิดติดกัน
และมเีส้นความถ่ีสะสมเท่านัน้ แต่ต้องเป็นไป
ตามหลักการพาเรโตที่ว่า “Vital Few and
Trivial Many” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “สิ่งที่
ส�ำคัญมำกมีจ�ำนวนน้อย สิ่งที่มีควำมส�ำคัญ
น้อยจะมีมำก” นั่นก็แปลความว่า ถ้าหาก
กระบวนการมเีสถียร ก็จะต้องเป็นไปตามหลกั
การพาเรโตด้วย
ในกรณทีีล่กัษณะการแจกแจงข้อมลู
ไม่เป็นไปตามหลักการพาเรโตดังรูปที่ 1A
แสดงว่ากระบวนการยังไม่เสถียรหรือการ
จ�าแนกข้อมูลยังไม่ถูกต้อง
▲ รูปที่ 1 กราฟแท่งเรียงชิดติดกัน A ไม่เป็นไปตามหลักการพาเรโต B เป็นไปตามหลักการพาเรโต
Vol.20 N
o.1
94 Decem
ber 2013
22
Trend
➲ แผนภมูคิวบคมุ หรอืทีเ่รยีกกันว่า
Control Chart เป็นเครื่องมือที่หลายคนรู้จัก
กันดี เพราะเป็นเคร่ืองมือที่มักถูกน�าไปใช้ใน
การพิจารณาว่ากระบวนการผลิต ผลิตผลิต-
ภัณฑ์ที่ดีหรือเสีย
แต่ที่ถูกต้องนั้น แผนภูมิควบคุมไม่
สามารถใช้พิจารณาผลิตภัณฑ์ดีหรือเสียได้
เพราะเส้นพิกัดควบคุมมิใช่ค ่าเสปกของ
ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นค่าที่ได้จากการค�านวณ
ข้อมูลทางสถิติ เพื่อแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติ
การกระจายตัวของข้อมูลควรมีค่าเป็นเท่าใด
ดงันัน้ การทีข้่อมลูอยูใ่นหรอืนอกพกัิดควบคมุ
ก็ไม่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ว่าจะเป็นผลิต-
ภัณฑ์ที่ดีหรือเสียแต่อย่างไร
นอกจากนี้จากการจ�าแนกกลุ ่ม
เครื่องมือทั้ง 4 ประเภท จะพบว่า แผนภูมิ
ควบคุมอยู ่ในชุดที่ 4 คือ การท�าให้เป็น
มาตรฐานด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีชื่อที่
เหมือนกัน แต่การสร้างแผนภูมิควบคุม 2
แบบนี้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจาก
แผนภมูคิวบคมุท่ีใช้วเิคราะห์ความเสถยีร จะ
มีจุดข้อมูลก่อนแล้วจึงน�าข้อมูลเหล่านี้ไป
ค�านวณเส้นพิกัดควบคุมเพื่อทวนสอบความ
เสถียร ในขณะที่แผนภูมิควบคุมส�าหรับการ
ท�าให้เป็นมาตรฐาน จะมีพิกัดควบคุมจาก
ข้อมูลชุดเดิมก่อนที่จะท�าการเก็บข้อมูลและ
วาดลงบนแผนภูมิ
ส�าหรับการใช้แผนภูมิควบคุมในการ
วิเคราะห์ความเสถียร นอกจากการพิจารณา
ว่าข้อมูลต้องอยู่ภายใต้พิกัดควบคุมแล้ว ยัง
จ�าเป็นต้องพิจารณาว่าจุดข้อมูลกระจายตัว
อยู่ภายใต้พิกัดอย่างสุ่มหรือไม่ ? หากข้อมูล
มีการกระจายตัวไม่สุ ่ม (เกิดรัน แนวโน้ม
วฏัจกัร เกาะเส้นกลาง เกาะเส้นพกัิด) ก็แสดง
ว่ากระบวนการไม่เสถียรเช่นกัน
ทั้งแผนภาพพาเรโตและแผนภูมิ
ควบคุมสามารถใช้วิเคราะห์ความมีเสถียร
ของข้อมูลได้ แต่แตกต่างกันตรงที่ว่า แผน-
ภาพพาเรโตใช้ส�าหรับข้อมูลจ�าแนกพวก ใน
ขณะที่แผนภาพควบคุมใช้ส�าหรับข้อมูลที่ไม่
จ�าแนกพวก
หลังจากท�าการเลือกปัญหาแล้ว
ขั้นตอนถัดไปคือการเก็บรวบรวมข้อมูล โดย
ในขั้นตอนนี้ ผู้แก้ไขปัญหาต้องค้นหาความ
ผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการเพื่อ
เป็นข้อมลูเบือ้งต้นในการน�าไปสูก่ารวิเคราะห์
หาสาเหตุในขั้นตอนถัดไป
เครื่องมือในกลุ่มนี้ ได้แก่ กราฟ ใบ-
ตรวจสอบ แผนภูมิควบคุม และฮีสโตแกรม
โดยการใช้เครื่องมือเหล่านี้ จะใช้หลักการใน
การวิเคราะห์ความผันแปรก็คือ “กำรค้นหำ
ควำมแตกต่ำงและท�ำควำมเข้ำใจสำเหตุของ
ควำมแตกต่ำงที่เกิดขึ้น” โดยแต่ละเครื่องมือ
มกีารน�าไปใช้อย่างไร ? รบกวนผูอ่้านตดิตาม
ต่อในฉบับถัดไป
เอกสารอ้างอิง
1. คะทซยึะโฮโซตาน,ีการแก้ปัญหาแบบ
QC, สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ ่น):
กรุงเทพฯ,2552
2. กิติศักดิ์พลอยพานิชเจริญ,ระบบการ
ควบคุมคุณภาพที่หน้างาน คิวซีเซอร์เคิล, TACT:
กรุงเทพฯ,2547
อ่านต่อฉบับหน้า
▲ รูปที่ 2 แผนภูมิควบคุม
Recommended