Upload
others
View
2
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
วชิา เทคนิคก่อสร้าง 1
รหสั 3106-2004 สาขาวชิา ช่างก่อสร้าง
หลกัสูตร วชิาชีพชั้นสูง (ปวส.)
หน่วยที่ 4 งานคอนกรีต
คอนกรีต
คอนกรีตเป็นวสัดกุ่อสร้างที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายอย่างย่ิง ช่างก่อสร้างทั่วไปคุ้นเคยกับการน าปูนซีเมนต์มาผสมกับน า้และวสัดผุสม เทลงตามแบบหลอ่รูปร่างหน้าตดัตา่งๆได้ตามต้องการ
ชนิดของคอนกรีต
คอนกรีตแบง่ออกได้ 5 ประเภทใหญ่ๆ ดงันี ้
1.คอนกรีตล้วน เป็นคอนกรีตอย่างเดียวปราศจากวสัดอุื่นใดเหมาะสมกบัโครงสร้างที่รับแรงอดัอย่างเดียว
2.คอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นคอนกรีตที่มีเหล็กเสริมเพ่ือให้สามารถรับแรงอดัและแรงดึงมากขึน้ นิยมใช้ในการก่อสร้าง เสา คาน พืน้ และฐานราก
3.คอนกรีตอดัแรง เป็นโครงสร้างคอนกรีตที่ใช้เทคนิคการดึงลวดรับแรงดึงสูง และถ่ายแรงค้างไว้ในเนือ้คอนกรีต ท าให้โครงสร้างสามารถต้านทานต่อโมเมนต์ดัดและแรงเฉือนได้ สามารถแบง่ได้เป็น 2 ประเภท คือ
3.1 วิธีอดัแรงก่อน
3.2 วิธีอดัแรงทีหลงั
วธีิอดัแรงก่อน
ท าโดยดึงลวดรับแรงสูงไว้ก่อนในแบบหล่อ แล้วจึงเทคอนกรีตลงในแบบหล่อ เม่ือคอนกรีตพัฒนาก าลังอัดตามที่ก าหนดไว้แล้ว จึงตดัลวดออก แรงดึงที่ค้างอยู่ในลวดรับแรงดึงสงูจะถ่ายแรงเข้าสูค่อนกรีต
วิธีอดัแรงทีหลงั
ท าโดยสอดลวดแรงดึงสูงไว้ในการวางท่อโลหะสงักะสีในแบบหล่อ เทคอนกรีต เม่ือคอนกรีตได้ก าลงัตามที่ก าหนดแล้ว จึงดงึลวดรับแรงดงึสงูที่ปลายหวั ท้าย หรือปลายด้านใดด้านหนึง่
วตัถุดิบท่ีใชผ้สมคอนกรีต
1.ปนูซีเมนต์ ปัจจบุนัปนูซีเมนต์ที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นปนูซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ซึง่ ASTM ได้แบง่ออกเป็น 5 ประเภทตามลกัษณะการใช้งานดงันี ้
ประเภทท่ี 1.ปูนซีเมนตป์อร์ตแลนดธ์รรมดา
ใช้กบังานคอนกรีตทัว่ไปที่ไมส่มัพนัธ์กบัสภาวะอากาศรุนแรงหรือในพืน้ที่ที่มีซัลเฟต สามารถใช้กับสารเคมีผสมเพ่ือปรับปรุงคณุสมบตัิบางประการได้อีกด้วย
ประเภทท่ี 2.ปูนซีเมนตป์อร์ตแลนดด์ดัแปลง
เป็นปูนซีเมนต์ ที่ใช้กับงานที่ เกิดความร้อนและทนต่อซลัเฟตได้ปานกลาง
ประเภทท่ี 3.ปูนซีเมนตป์อร์ตแลนดใ์หก้ าลงัอดัเร็ว
เป็นปนูซีเมนต์ ที่พฒันาก าลงัอดัได้สงูอย่างรวดเร็ว เหมาะกบังานคอนกรีตที่ต้องการใช้งานเร็ว หรือถอดแบบในเวลาสัน้ เช่น เสาเข็ม แผ่นพืน้ส าเร็จรูป งานซอ่มแซมเร่งดว่น เป็นต้น
ประเภทท่ี 4.ปูนซีเมนตป์อร์ตแลนดเ์กิดความร้อนต ่า
เป็นปูนซีเมนต์ ที่เกิดความร้อนขณะก่อตัวต ่า ลดโอกาสการแตกร้าวเน่ืองจากการสะสมความร้อนเหมาะกับงานเทคอนกรีตปริมาณมากเช่น งานก่อสร้างเขื่อนคอนกรีต
ประเภทท่ี 5.ปูนซีเมนตป์อร์ตแลนดท์นซลัเฟตสูง
ปนูซีเมนต์ประเภทนีมี้ปริมาณสารไตรคลัเซี่ยมอลมิูเนต ต ่าป้องกันไม่ ใ ห้ซัล เฟตจากภายนอกท าลายเ นื อ้คอนกรีต มีความสามารถในการพฒันาก าลงัอดัช้า
2.วสัดผุสม ทรายและหิน ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีปริมาณมากที่สดุในเนือ้คอนกรีต โดยทัว่ไปมีปริมาณ 60 – 75 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ปูนท าหน้าที่ เป็นวัสดุประสาน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.วสัดผุสมละเอียด
2.วสัดผุสมหยาบ
3.น า้ผสมคอนกรีต มีความส าคญัต่อก าลงัอดัคอนกรีตเป็นอย่างมาก คณุสมบตัิส าคญัของน า้คือ ความสะอาดไมค่วรมีสิ่งเจือปนตา่งๆ หรือเป็นน า้ท่ีดื่มได้ หากใช้น า้ผสมคอนกรีตท่ีไม่สะอาดมีสารเจือปนจะส่งผลเสียตอ่ไปนี ้ -น า้ทะเลท าให้ก าลงัอดัคอนกรีตลดลง 10-20 เปอร์เซน็ต์ -น า้ประปามีสว่นผสมของคลอไรด์ มีผลตอ่การเกิดสนิมของ เหลก็ได้ -สารเจือปนในน า้ลดก าลงัอดัของคอนกรีตลงได้ เชน่ ตะไคร่น า้ น า้ตาล น า้เสียจากโรงงาน น า้มนั ตะกอน โดยปริมาณท่ียอมให้ จะต้องไมเ่กินข้อก าหนด
4.สารเคมีผสมเพ่ิม หมายถึง สารเคมีที่ใช้ผสมคอนกรีตนอกเหนือจากข้อที่กล่าวมา เพ่ือเพ่ิมหรือปรับปรุงคุณสมบัติบางประการของคอนกรีต เช่น เพ่ิมความสามารถในการท างาน เพ่ิมก าลัง ลดน า้ เร่งการแข็งตัว หน่วงการแข็งตัว โดยตามมาตรฐาน ม.อ.ก. 773 แบง่สารเคมีผสมเพ่ิมเป็น 8 ประเภทดงันี ้
1.ประเภท A สารลดปริมาณน า้
2.ประเภท B สารหน่วงการแข็งตวั
3.ประเภท C สารเร่งการก่อตวั
4.ประเภท D สารลดน า้และหน่วงการก่อตวั 5.ประเภท E สารลดน า้และเร่งการก่อตวั
6.ประเภท F สารลดน า้ระดบัสงู
7.ประเภท G สารลดน า้ระดบัสงูและหน่วงการแข็งตวั อื่นๆ เช่น สารป้องกนัการเกิดสนิม สารกระจายฟองอากาศ สารกนัซมึ สารเพิ่มความหนืดชนิดตา่งๆ
การผสมคอนกรีต
วิธีการผสมคอนกรีตโดยทัว่ไปแบง่ออกเป็น 2 วิธี คือ
1.ผสมด้วยมือ เหมาะกับงานที่ไม่เคร่งครัดกับคุณภาพ มากนกั สว่นผสมที่ได้ไม่สม ่าเสมอ
2.ผสมด้วยเคร่ืองผสม หน้าที่ส าคญัของเคร่ืองผสมคือ การคลกุเคล้าวสัดผุสมกบัซีเมนต์เพสต์ให้มีเนือ้สม ่าเสมอ
การล าเลียงคอนกรีต ควรค านึงถึงความประหยัด คงคุณสมบตัิการยึดเกาะที่ดี และอย่าให้เกิดการแยกตวัของคอนกรีต ดงันี ้
วิธีการป้องกนัการแยกตวัขณะเทคอนกรีตออกจากเคร่ืองผสม
วิธีการป้องกนัการแยกตวัขณะเทคอนกรีตออกจากกรวย
วิธีการป้องกนัการแยกตวัขณะเทคอนกรีตออกจากกระบะ
การเทคอนกรีตและการท าใหแ้น่น เป็นงานที่กระท าควบคูก่นัไปตลอดเวลา วตัถปุระสงค์หลกัของการเทคอนกรีต คือ ป้องกนัไม่ให้คอนกรีตเกิดการแยกตวัและท าคอนกรีตให้แน่นอยา่งทัว่ถงึ ดงันี ้ -อตัราการเทคอนกรีตและการสัน่คอนกรีตควรสมดลุกนั -ไม่ควรให้ระยะตกอิสระของคอนกรีตสงูกวา่ 1.50 เมตร -ควรท าการสัน่คอนกรีตให้แน่นเสียก่อนในแตล่ะชัน้ ก่อนที่ จะเทชัน้ตอ่ไป -ควรเทคอนกรีตทีละชัน้อย่างสม ่าเสมอ ไม่ลาดเอียง และ ไม่ควรเทสมุเป็นกอง
วิธีป้องกนัการแยกตวัของคอนกรีตท่ีปลายราง โดยใช้กระบะหรือกรวยรองรับ
การเทคอนกรีตจากรถเข็น โดยเทคอนกรีตลงบนผิวหน้าคอนกรีตเดิม
การเทคอนกรีตลงในผนงัท่ีมีความสงู โดยมีกรวยรองรับ เพ่ือป้องกนัคอนกรีตตกกระทบโดยตรงกบัเหลก็เสริมและแบบหลอ่
การเทคอนกรีตในแบบหล่อทีมีความสงู โดยให้คอนกรีตไหลลงมาพกัยงักระเปาะแล้วจงึล้นลงไปในแบบหลอ่เอง ไมใ่ห้เกิดการกระแทก ซึง่จะท าให้คอนกรีต เกิดการแยกตวั
การเทคอนกรีตลงบนผิวท่ีมีความลาดเอียงให้ใช้แผ่นปิดกัน้ท่ีปลายราง คอนกรีตจะค้างอยูใ่นราง หลีกเล่ียงการแยกตวั
การท าคอนกรีตใหแ้น่น เพ่ือให้ได้คอนกรีตที่มีคณุภาพดี ขัน้ตอนส าคญัคือ การท าคอนกรีตให้มีเนือ้แน่น และลดช่องว่างของอากาศลงให้มากที่สุด ให้คอนกรีตไหลเข้าทุกซอกทุกมุมของแบบหล่อ โดยไม่เกิดการแยกตวัหรือรูพรุนในคอนกรีต ท าได้โดยการ กระทุ้งด้วยมือ และใช้เคร่ืองสัน่คอนกรีต
การท าให้แน่นด้วยมือ
การใช้เคร่ืองสัน่คอนกรีต
การบ่มคอนกรีต คือการควบคุมและป้องกันมิให้น า้ส่วนที่เหลือจากการท าปฏิกิริยาระเหยออก เพ่ือช่วยให้ปฏิกิริยา ไฮเดรชั่น ด าเนินการอย่างต่อเน่ือง ส่งผลต่อการพัฒนาก าลงัอดัอย่างสมบูรณ์ โดยมีวิธีการบม่ตา่งๆดงันี ้
1.การขงัน า้
2.การฉีดน า้หรือพรมน า้ 3.การใช้วสัดเุปียกชืน้คลมุ
4.ใช้กระดาษกนัน า้ซมึคลมุ
5.การใช้แผ่นพลาสติกคลมุ
6 . กา รบ่ม ด้ วยน า้ ย า เค มีเคลือบผิวคอนกรีต
7.การบม่โดยใช้แบบหลอ่