Upload
others
View
2
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
Production&
>>> 26 July-August 2016, Vol.43 No.247
ตอนที่1
การออกแบบชิ้นส่วนให้มีเหมาะสมกับการท�างานในยุค
ปัจจุบันที่มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการ
เขียนแบบและการออกแบบ โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่มีการผลิตแบบ
อตุสาหกรรมจ�านวนมาก ๆ มคีวามจ�าเป็นจะต้องพจิารณาองค์ประกอบ
ที่เกี่ยวข้องในการออกแบบ ได้แก่ ความรวดเร็วในการค�านวณ
ออกแบบ สามารถลดเวลาการค�านวณออกแบบด้วยการใช้สูตร
ค�านวณโดยประมาณแทนการใช ้สูตรค�านวณอย่างละเอียด
(ที่ต้องใช้สูตรและค่าแฟกเตอร์จ�านวนมาก ๆ) รวมทั้งลดปริมาณเนื้อ
วสัดไุด้อย่างเหมาะสม เมือ่ได้ขนาดโดยประมาณก็สามารถเขยีนแบบ
ก�าหนดขนาดได้แล้วน�าไปวเิคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพวิเตอร์ Finite
Element Analysis: FEA ดงัตวัอย่างการออกแบบพลูเลย์ร่องลิม่ ทีจ่ะ
กล่าวดังต่อไปนี้
หลักการส่งกำาลังสายพานลิ่ม
เมื่อเปรียบเทียบระบบขับด้วยโซ่ที่ต้องมีปัญหากับระบบ
หล่อลืน่หรอืเฟืองขบั (มรีาคาแพง) แต่ระบบขบัด้วยสายพานต้องการ
การบ�ารุงรักษาน้อยมาก ๆ และมีราคาถูกกว่ามาก แต่จะมีอัตราทด
ไม่เที่ยงตรงเพราะเกิดการลื่นไถล (มีประสิทธิภาพการขับประมาณ
98% ขณะรับภาระ) นอกจากนี้ปัญหาของสายพานขับก็อาจจะเกิด
จากการออกแบบที่ไม่เหมาะสมและอื่น ๆ
ลักษณะแรงปกติ (Fn) จะเป็นแรงจบัยึดเกาะบนผวิร่อง V ของ
พูลเลย์ 2 ผิวในขณะส่งก�าลัง ดูรูปที่ 1
รศ.มานพ ตันตระบัณฑิตย์
พูลเลย์ร่องลิ่มที่เหมาะสม(Optimization of V-pulley Design)
ตัวอย่างการออกแบบ
Production&
July-August 2016, Vol.43 No.247 27 <<<
การคำานวณสายพานลิ่ม
สายพานลิ่มแบบไม่มีปลายหน้ากว้างปกติ ตาม ISO-R 253
และแบบไม่มีปลายหน้าแคบตาม ISO-R 460 ดังรูปที่ 2
อัตราทดความเร็ว (speed ratio) (1.1)
n1 = ความเร็วรอบล้อขับ (รอบ/นาที, min-1)
n2 = ความเร็วรอบล้อตาม (รอบ/นาที, min-1)
dd1, dd2
= ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางพิตซ์ของล้อสายพานขับและ
ตาม ตามล�าดับ
▲รูปที่ 1 แรงจับยึด (Fn) บนผิวร่อง V ของพูลเลย์ 2 ผิว ในขณะที่แรงกดพูลเลย์แนวดิ่ง (Fr) น้อยกว่าแรงจับยึด (Fn) ประมาณ 3 เท่า
▲รูปที่ 2 หลักการและมิติของสายพานลิ่มแบบเปิด (ที่มา: ดัดแปลงจาก [7] หน้า 628)
▲รูปที่ 3 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางพิตซ์ (dd) ของล้อสายพาน
กรณีอัตราทดช้า i = dd1/dd2
> 1
อัตราทดความเร็ว i สามารถให้สูงถึง i ≤ 1:10 หากจะต้องใช้
อัตราทดสูงกว่านี้จะต้องใช้ลูกกลิ้งอัดสายพานท�าให้เกิดมุมโอบ
สายพาน (β) ของล้อขับมากขึ้น โดยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของ
ลูกกลิ้งอัดควรจะมีขนาด ∅ ใกล้เคียงกับขนาดของล้อขับ
ความเร็วสายพานลิ่ม v ≈ π ⋅ dn1⋅ n1 ≈ π ⋅ dn2
⋅ n2 (1.2)
ความเร็วขับสายพานที่เหมาะสมส�าหรับ:
สายพานลิ่มหน้ากว้างปกติ v = 2…30 m/s
สายพานลิ่มหน้าแคบ v = 2…40 m/s
ความเร็วขับสายพาน v < 2 m/s ควรจะเลือกใช้
สายพานแบบแทน
ส�าหรับการส่งก�าลังสายพานลิ่มแบบเปิด (ดูรูปที่ 2) ไม่มี
ลูกกลิ้งดัดสายพาน
▲ตารางที่ 1 เปรียบเทียบขนาดสายพานรูป V มาตรฐานต่าง ๆ (ที่มา: ดัดแปลงจาก [8] หน้า 624)
n1 dd2
i = ⎯ = ⎯ n2 dd1
π ⋅ d ⋅ n dd1⋅ n1 dd2
⋅ n2 v = ⎯⎯⎯⎯ = ⎯⎯ = ⎯⎯ , (m/s) 1000 × 60 19100 19100
Production&
>>> 28 July-August 2016, Vol.43 No.247
ความยาวระบุสายพานลิ่ม (Nominal Length) Ld : ตาม DIN
7753 Part 1 หรือ ISO-R460 หรือ BS 3790 ซึ่งได้แก่ ภาคตัด SPZ,
SPA, SPB, SPC, 19; ภาคตัดเปิดร่องด้านล่าง (Moulded Cogged
Belt) XPZ, XPA, XPB, XPC; และภาคตัดเปิดร่องด้านล่างตาม DIN
2215 หรือ BS 3790 คือ ZX/X10, AX/X13, BX/X17, CX/X22 จะวัด
เป็นความยาวพติซ์ (Pitch Length) Lw หรอื LP หรอืเรยีกว่า ความยาว
เดตัม (Datum Length)
ความยาวสายพานระบ ุ(วดัขอบใน) Li : ตาม DIN 2215 หรอื
BS 3790 ได้แก่ ภาคตัด 5, Y/6, 8, Z10, A13, B/17, 20, C/22, 25,
D/32, E40; และตาม USA - Standard RMA/MPTA คอื ภาคตดัปกติ
A, B, C, D
ความยาวสายพานระบ ุ(วดัขอบนอก) La : ตาม USA – Stan-
dard RMA/MPTA ได้แก่ ภาคตัด (เปิดร่องด้านล่าง) 3VX, 5VX; ตาม
USA – Standard ASAE S211.3 คือ HA, HB, HC, HD; ตาม ISO
5290 คือ ภาคตัด 3V/9J, 5V/15J, 8V/25J; ตาม USA – Standard
RMA/MPTA คือ ภาคตัด 3V/9N, 5V/15N, 8V/25N; ตาม ISO 2790,
BS AU 150, DIN 7753 Part 3 คือ ภาคตัด 9.5 และ 12.5 รวมทั้ง
ภาคตัดเปิดร่องด้านล่าง คือ AVX10, AVX13
สายพานที่ใช้ในรถยนต์ตาม DIN 7753 จะใช้สายพาน
หน้าแคบที่วัดความยาวขอบนอก
β = มุมโอบล้อขับ (องศา) ค�านวณได้จากสูตร
C = ระยะห่างระหว่างศูนย์กลางล้อสายพาน (mm)
dd1, dd2
= ขนาดเส้นผ่านศนูย์กลางพติซ์ของล้อสายพานขบัและ
ตาม ตามล�าดับ
C = 0.7 …. 2(dd2 + dd1) (1.4)
ความยาวระบุสายพานลิ่ม
Ld = ความยาวระบุสายพานลิ่ม (mm)
อ่านต่อฉบับหน้า
β dd2- dd1
cos = ⎯ = ⎯⎯⎯ (1.3) 2 2 ⋅ Ca
(dd2- dd1
)2 Ldc ≈ 2 C + 1.57 (dd2
+ dd1) + ⎯⎯⎯ (1.5)
4C