26
ททททททททททททททททททททททททททททททท ททท ททททททททททททททททท 1.Theories of Deviance : Classical Essentialist Normative Non-Deterministic 2.Positivistic Theories of Deviance 3.Biological and Psychological Theories of Deviance 4.Sociological Theories of Deviance 5.Durkheim and Anomie 6.The Sociological Perspective 7.Functionalist Perspective 8.Social Disorganization and Control Theories 9.Structural Strain Theories 10.Subcultural Theories of Deviance 11.Social Learning Theories 12.Selective Interaction/Socialization 13.Theories of Drug Use 14.Labeling Theory and Ethnomethodology 15.Feminism 16. Power-Control and Feminist Theories 17. Culture Conflict Theory 1.Theories of Deviance : Classical Essentialist Normative Non-Deterministic Demonic Theories ททททททททททททททททททททททททททททททททททททท ททท ททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท ททททททททททททททท 1

Devian theories

Embed Size (px)

DESCRIPTION

ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับสังคมวิทยา และพฤติกรรมเบี่ยงเบน

Citation preview

Page 1: Devian theories

ทฤษฎี�ท��เกี่��ยวข้�องกี่�บสั�งคมว�ทยา และพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

1.Theories of Deviance   : Classical Essentialist   Normative   Non-Deterministic

2.Positivistic Theories of Deviance3.Biological and Psychological Theories of

Deviance4.Sociological Theories of Deviance5.Durkheim and Anomie6.The Sociological Perspective7.Functionalist Perspective8.Social Disorganization and Control

Theories 9.Structural Strain Theories 10.Subcultural Theories of Deviance 11.Social Learning Theories 12.Selective Interaction/Socialization 13.Theories of Drug Use 14.Labeling Theory and Ethnomethodology 15.Feminism 16. Power-Control and Feminist Theories 17. Culture Conflict Theory

1.Theories of Deviance   : Classical Essentialist   Normative   Non-Deterministic

• Demonic Theories พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นพฤติ�กี่รรมชั่��วร�าย บาป็ ท��เกี่�ดจากี่สั��งท��ม�

อ#านาจเหน%อธรรมชั่าติ�ไม(สัามารถควบค*มได�Classical: Focus: act vs actor Deviance is a choice Human being is a rational actor

1

Page 2: Devian theories

พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน เป็�นกี่ารกี่ระท#าท��ม�เหติ*ผลข้องมน*ษย, เกี่�ดจากี่ผ-�กี่ระท#าได�ติ�ดสั�นใจในกี่ารเล%อกี่กี่ารกี่ระท#า

• มนุ�ษย์�ม�เจตจ��นุงอิ�สระ(Free will) ในุก�รต�ดส�นุใจเลื�อิกก�รกระทำ�� คิ�ดถึ�งผลืด�ผลืเส�ย์ คินุทำ��ม�พฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุ เนุ��อิงจ�กเห็$นุว่&�ก&อิให็'เก�ดประโย์ชนุ�ม�กกว่&�โทำษทำ��ได'ร�บี่ไม&เกรงกลื�ว่บี่ทำลืงโทำษ

• สนุใจก�รกระทำ��ทำ��แสดงอิอิกม� ไม&ได'สนุใจ ผ-'ทำ��แสดงพฤต�กรรม“

อิอิกม�”

แนวค�ดข้องสั#าน�กี่คลาสัสั�ค (Classical School) ข้อง Cesare Baccaria

มน*ษย,ม�อ�สัระท��จะเล%อกี่ติ�ดสั�นใจในสั��งท��เห/นว(าได�ป็ระโยชั่น,มากี่กี่ว(าสั��งท��เสั�ยป็ระโยชั่น,“มน*ษย,ม�เจติจ#านงอ�สัระ (Free Will) ในกี่ารเล%อกี่กี่ารกี่ระท#า”ผ-�กี่ระท#าผ�ด เน%�องจากี่

-ไม(เกี่รงกี่ล�วกี่ฎีหมาย-บทลงโทษท��เคยได�ร�บไม(ม�ความร*นแรง

Rational Choice TheoryCesare Beccaria and Jeremy Bentham1.พฤติ�กี่รรมกี่ารแสัดงออกี่ข้องมน*ษย,เป็�นกี่ารกี่ระท#าท��ม�เหติ*ผล2.เหติ*ผลด�งกี่ล(าวม�กี่ารพ�จารณาถ2งป็ระโยชั่น,และโทษท��จะได�ร�บ3.พฤติ�กี่ารณ,แสัดงออกี่ท*กี่อย(างรวมท�3งพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเกี่�ดจากี่กี่ารค#านวณถ2งป็ระโยชั่น,ท��ได�ร�บและกี่(อให�เกี่�ดความพ2งพอใจเป็�นสั#าค�ญ4.พฤติ�กี่รรมกี่ารติ�ดสั�นใจข้23นอย-(กี่�บโทษท��ได�ร�บ

2

Page 3: Devian theories

5.ร�ฐม�หน�าท��ออกี่บทลงโทษท��ท#าให�คนเกี่รงกี่ล�ว ท#าให�ไม(เกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

Positivistic Theories of Deviance• พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นพฤติ�กี่รรมท��เกี่�ดข้23นใน

สั�งคมท��วไป็ • กี่ารจะเข้�าในพฤติ�กี่รรมเหล(าน�3 ม�ความจ#าเป็�นติ�อง

ทราบสัาเหติ*ข้องกี่ารเกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

แนวค�ดข้องสั#าน�กี่ป็ฏิ�ฐานน�ยม (Positive School) ข้อง Cesare Lombrosoผ-�ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน ค%อ ผ-�ท��ถ-กี่สัภาพแวดล�อมและป็8จจ�ยติ(างๆบ�บบ�งค�บ (Determinism)

“อาชั่ญากี่ร เป็ร�ยบเสัม%อน ผ-�ป็:วย จ#าเป็�นติ�องได�ร�บกี่ารบ#าบ�ดร�กี่ษา”Bring Back Beast : B.B.B) –กี่ารแกี่�ไข้ผ-�ม�บ*คล�กี่ภาพเสั�ยให�กี่ล�บสั-(สั�งคม• เหติ*ท��เจ/บป็:วย เพราะถ-กี่สัภาพแวดล�อมหล(อหลอม หร%อบ�บ

บ�งค�บ

3

Page 4: Devian theories

Positive

เศรษฐก�จ

ส�งคิม

ก�รเม�อิง

*คิรอิบี่คิร�ว่*โรงเร�ย์นุ*ก�รคิบี่เพ��อินุ*ทำ��อิย์-&อิ�ศ�ย์*อิ�ช�พ*อิบี่�ย์ม�ข*ส��อิ*ศ�สนุ�

ก�ย์ภ�พ/ช�ว่ภ�พ

จ�ตใจ

บี่�คิลื�กทำ��อิ&อินุแอิ

ห็ร�อิ

ป2ว่ย์

+พฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุห็ร�อิ

อิ�ชญ�กรรม

Sociological Theories of Deviance Structural Theories:

• พฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุเก��ย์ว่ข'อิงก�บี่ระบี่บี่ส�งคิม• โคิรงสร'�งทำ�งส�งคิมทำ��ให็'เก�ดพฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุ โดย์ข�4นุอิย์-&ก�บี่

• Opportunity Structures โอกี่าสัทางสั�งคม• Culture: Values ว�ฒนธรรม : ค(าน�ยม• Normative Structure เป็�นสั(วนป็ระกี่อบ

อย(างหน2�งข้องโครงสัร�างทางสั�งคม

ทฤษฎี�โครงสัร�างหน�าท�� ( Structural-Functional   Analysis)-พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน ค%อ พฤติ�กี่รรมท��เป็�นกี่ารละเม�ดบรรท�ดฐาน

ข้องสั�งคม อ�นท#าให�สั�งคมเสั�ยระเบ�ยบ โครงสัร�างหน�าท��ติ(าง ๆ ในสั�งคมไม(สัามารถกี่ระท#าได�อย(างสัมบ-รณ,แบบ อ�นอาจน#าไป็สั-(ป็8ญหาในสั�งคมติ(อไป็

4

Page 5: Devian theories

ทฤษฎี�สัภาวะไร�กี่ฎีเกี่ณฑ์, , สัภาพไร�กี่ฎีหมาย (Anomie ) Emile Durkheim

สัภาวะ Anomie ค%อ สัภาวะไร�กี่ฎีเกี่ณฑ์,ทางสั�งคม ม�ความสัล�บซั�บซั�อน เติ/มไป็ด�วยความยากี่จนสัมาชั่�กี่ในสั�งคมข้าดสั��งย2ดเหน��ยวใจ ไม(เกี่รงกี่ล�วกี่ฎีหมาย ท#าให�ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน หร%อ กี่ารกี่ระท#าผ�ดเกี่�ดข้23นในสั�งคม

STRAIN THEORIES OF CRIME"When people get mad, they act bad”. (Robert

Agnew)

Merton’ Strain  Theory- พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน  เป็�นพฤติ�กี่รรมท��เกี่�ดจากี่ความกี่ดด�น

ในกี่ารด#าเน�นชั่�ว�ติ  ไป็สั-(เป็?าหมายในชั่�ว�ติท��สั�งคมกี่#าหนดค(าน�ยมไว�- ความข้�ดแย�งระหว(าง เป็?าหมายและว�ถ�ทาง น#าไป็สั-(ภาวะ

Anomieประเด$นุโต'แย์'ง                                                                       

- พฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุจ��นุว่นุเทำ&�ใดเก�ดจ�กคิว่�มกดด�นุ- คินุป2ว่ย์ทำ�งจ�ต , เพศ อิธิ�บี่�ย์ไม&ได'- คิว่�มกดด�นุเก�ดจ�กเห็ต�ผลืม�กม�ย์- คิ&�นุ�ย์ม  คิว่�มส��เร$จแต&ลืะส�งคิมต&�งก�นุ

Anomie-Structural Strain  Goals

Means

Conformist( ป็ฏิ�บ�ติ�ติาม) accepts +accepts +

Innovator(เป็ล��ยนแป็ลง) accepts + reject/blocked +

5

Page 6: Devian theories

Ritualist (ย2ดถ%อว�ฒนธรรมใหม() reject -accept +

Retreatist (ล(าถอย) reject -reject/blocked -

Rebel (ป็ฏิ�ว�ติ�) reject (new) +/-reject (new) +/-

Emile Durkheim     เห/นว(าพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนไม(ได�กี่(อให�เกี่�ดผลเสั�ยติ(อสั�งคมเพ�ยงด�านเด�ยว หากี่แติ(ย�งกี่(อให�เกี่�ดป็ระโยชั่น,ติ(อสั�งคมด�วย ด�งน�3

1. เกี่��ยวข้�องกี่�บค(าน�ยม  ว�ฒนธรรม  และบรรท�ดฐาน ท#าให�คนในสั�งคมเห/นค*ณค(าบรรท�ดฐาน

2. กี่#าหนดด�วยศี�ลธรรม3. ท#าให�เห/นถ2งความเป็�นหน2�งเด�ยวข้องสั�งคม4.น#าไป็สั-(ความเป็ล��ยนแป็ลงในสั�งคม

ทฤษฎี�ว�ฒนธรรมรอง (Subcultural Theories) ทราสัเซัอร, (Trasher)

• เกี่��ยวข้�องกี่�บทฤษฎี�กี่ารเร�ยนร-�ทางสั�งคม• เร�ยนร-�ในกี่ารละเม�ดบรรท�ดฐานข้องสั�งคม แติ(ติ�องกี่ารผ-�ท��

สัน�บสัน*นว(าพฤติ�กี่รรมด�งกี่ล(าวม�ความถ-กี่ติ�อง• ทฤษฎี�ว�ฒนธรรมรอง เร�ยนร-�ว�ฒนธรรมท��แติกี่ติ(างข้องกี่ล*(ม

จากี่สั�งคม และยอมร�บพฤติ�กี่รรมด�งกี่ล(าว

ทฤษฎี�ค(าน�ยมข้องชั่นชั่�3นกี่ลาง (Albert   Cohen) -ว�ฒนธรรมรองกี่(อให�เกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนม�กี่จะม�ล�กี่ษณะ 3

ป็ระกี่าร

6

Page 7: Devian theories

1.ความสัามารถรอบด�าน2.กี่ารแสัวงหาความสั*ข้ชั่��วแล(น3.ความเป็�นอ�สัระข้องกี่ล*(ม

ทฤษฎี�ล�กี่ษณะว�ฒนธรรมข้องชั่นชั่�3นติ#�า (Lower –Class Culture)

(Miller) ว�ฒนธรรมข้องชั่นชั่�3นติ#�าท��น#าไป็สั-(พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน อาท�

กี่ารเป็�นน�กี่เลงโติ ย*(งเกี่��ยวกี่�บสั*รา ยาเสัพติ�ด ชั่อบความติ%�นเติ�น ย2ดโชั่คชั่ะติา

ค(าน�ยมท��ชั่นชั่�3นกี่ลาง หร%อ ชั่�3นล(างชั่อบป็ฏิ�บ�ติ� ได�แกี่(1.ชั่อบหาความล#าบากี่ใสั(ติ�ว (Trouble)

2.ชั่อบความร*นแรงและด*ด�น (Toughness)

3.ชั่อบความโอ(อ(า (Smartness)

4.ชั่อบความติ%�นเติ�นหวาดเสั�ยว (Excitement)

5.ชั่อบเชั่%�อถ%อโชั่คชั่ะติา (Fate)

6.ชั่อบป็กี่ครองติ�วเอง (Autonomy)

ทฤษฎี�ความข้�ดแย�งทางว�ฒนธรรม (Theory of Culture Conflicts)เชั่ลล�น (Sellin)

ในสั�งคมม�ความแติกี่ติ(างข้องหลายกี่ล*(ม และม�ความหลากี่หลายข้องว�ฒนธรรมซั2�งน#าไป็สั-(ความข้�ดแย�งและกี่ารเกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน หร%อ อาชั่ญากี่รรม

ทฤษฎี�ความล�าหล�งในทางว�ฒนธรรม (Cultural Lag Theory)

7

Page 8: Devian theories

พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน เกี่�ดจากี่ความสัล�บซั�บซั�อนข้องย*คเคร%�องจ�กี่รกี่ลหร%ออ*ติสัาหกี่รรม ซั2�งม�ความเจร�ญท#าให�เกี่�ดความล�าหล�งข้องว�ฒนธรรมติามมา และป็8ญหาสั�งคม เชั่(น กี่ารว(างงาน ป็8ญหาว�ยร*(น

ทฤษฎี�แกี่�ติ�ว (Theory of Neutralization) ผ-�ท��ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน หร%อ ป็ระกี่อบอาชั่ญากี่รรม เพราะ

เร�ยนร-�เทคน�คกี่ารแกี่�ติ�ว• ป็ฏิ�เสัธความร�บผ�ดชั่อบ• ป็ฏิ�เสัธกี่ารกี่ระท#าร�าย• ป็ฏิ�เสัธผ-�เสั�ยหายหร%อผ-�ได�ร�บอ�นติราย• ป็ร�กี่ป็ร#าผ-�ท��ป็ร�กี่ป็ร#าติน• อ�างถ2งความจงร�กี่ภ�กี่ด�ในระด�บท��สั-งข้23น

ทฤษฎี�สัถาบ�นท��เกี่��ยวเน%�องกี่�บกี่ารเกี่�ดอาชั่ญากี่รรม (Theories of Institutions and Crime)

พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน หร%อ อาชั่ญากี่รรม เกี่�ดข้23นเน%�องจากี่สัถาบ�นในสั�งคมท#าหน�าท��ไม(เหมาะสัมสัถาบ�นทางสั�งคมท��สั#าค�ญ อาท� • ครอบคร�ว• สัถาบ�นกี่ารศี2กี่ษา• สั%�อมวลชั่น• ร�ฐบาล

Process Theories: พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นล�กี่ษณะข้องพฤติ�กี่รรมท��เกี่�ดจากี่กี่าร

ติ�ดสั�นใจ กี่ารเป็ร�ยบเท�ยบผลข้องพฤติ�กี่รรมท��แสัดงออกี่มา

8

Page 9: Devian theories

• เกี่�ดจากี่กี่ารเร�ยนร-� Learning

• กี่ารแป็ลความหมาย Interpretation

• กี่ระบวนกี่ารข้�ดเกี่ลาทางสั�งคม Socialization

Social LearningAs one learns a preponderance of definitions

favorable to deviance, one will engage in deviance.

ทฤษฎี�ความแติกี่ติ(างในกี่ารคบหาสัมาคม หร%อ ความสั�มพ�นธ,ท�� แติกี่ติ(าง (Theory of Differential Association)

พฤติ�กี่รรมทางอาชั่ญากี่ร เร�ยนร-�โดย: กี่ารติ�ดติ(อกี่�นอย(างใกี่ล�ชั่�ดภายในกี่ล*(ม ความป็ระพฤติ�ท��แสัดงมาในล�กี่ษณะอาชั่ญากี่ร ข้23นอย-(กี่�บ

- ความแติกี่ติ(างในชั่(วงระยะเวลา- ความสัม#�าเสัมอในกี่ารติ�ดติ(อ- ความสั�มพ�นธ,ซั2�งกี่�นและกี่�น

ทฤษฎี�กี่ารเล�ยนแบบ (Imitaion Theory) Garbriel Trade

อาชั่ญากี่รรมเกี่�ดข้23นเพราะกี่ารเล�ยนแบบ-พฤติ�กี่รรมผ-�อ%�น-สั%�อมวลชั่น

ทฤษฎี�กี่ารข้�ดเกี่ลาข้อง David Matzd

พฤติ�กี่รรมอาชั่ญากี่รเกี่�ดจากี่ข้าดกี่ระบวนกี่ารในกี่ารข้�ดเกี่ลาทางสั�งคม (Socialization)

9

Page 10: Devian theories

-ครอบคร�ว-ชั่*มชั่น-สั�งคม

โดยกี่ระบวนกี่ารข้�ดเกี่ลาท#าหน�าท��ถ(ายทอด-ค(าน�ยม-ความเชั่%�อ-แบบแผนกี่ารป็ฏิ�บ�ติ� ป็ระเพณ� ว�ฒนธรรม

ทำฤษฏี�พ�นุธิกรรมขอิงเฮอิร�ช� (Hirschi ‘s Bond Theory ) พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนหร%อ อาชั่ญากี่รรมเกี่�ดจากี่กี่ารข้าดความ

ผ-กี่พ�นทางสั�งคมข้�อผ-กี่ม�ด หร%อ ความผ-กี่พ�น ได�แกี่(• ความผ-กี่พ�น• กี่ารผ-กี่ม�ด• กี่ารเกี่��ยวข้�อง• ความเชั่%�อ

Control Theory (Hirschi's) Normative-Process คนท��ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน เน%�องจากี่ไม(ม�ความผ-กี่พ�นทางสั�งคม

• ความผ-กี่พ�นทางสั�งคม (Social Bonding) เป็�นสั��งท��ควบค*มทางสั�งคมไม(ให�เกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน*ป็8จจ�ยควบค*มภายใน (Internal Control)

: ความเชั่%�อ และกี่ระบวนกี่ารข้�ดเกี่ลาทางสั�งคม (Belief: socialization) * ป็8จจ�ยควบค*มภายนอกี่ ได�แกี่(

: เง%�อนไข้ข้องเวลา บทบาททางสั�งคม เป็�นติ�น

10

Page 11: Devian theories

ทฤษฎี�กี่ลไกี่แห(งกี่ารควบค*ม (Containment Theory) พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน หร%อ อาชั่ญากี่รรม เกี่�ดข้23นเน%�องจากี่ระบบ

กี่ารควบค*มภายใน ได�แกี่( ร(างกี่ายและจ�ติใจ กี่ารควบค*มภายนอกี่ อาท� ความเชั่%�อ ว�ฒนธรรม

ทฤษฎี�กี่ารควบค*ม (Control Theory) Emile Durkhcim

ความผ-กี่พ�นทางสั�งคมสัามารถควบค*มพฤติ�กี่รรมอาชั่ญากี่รได�

ทฤษฎี�ความผ-กี่พ�นทางสั�งคม (Social Bond) ข้อง Travid Hischi บ*คคลม�ความผ-กี่พ�นกี่�บสั�งคมมากี่

อาชั่ญากี่รรมเกี่�ดน�อยบ*คคลม�ความผ-กี่พ�นกี่�บสั�งคมน�อย

อาชั่ญากี่รรมเกี่�ดมากี่

ความผ-กี่พ�น ได�แกี่(1. ผ-กี่พ�นติ(อครอบคร�ว2. ผ-กี่พ�นติ(อชั่*มชั่นท��อาศี�ยอย-(3. ผ-กี่พ�นติ(อสั�งคมโดยรวม

ป็ระกี่อบอาชั่ญากี่รรม เพราะ1. ไม(ผ-กี่พ�นติ(อครอบคร�ว- ครอบคร�วอย-(แบบติ�วใครติ�วม�น หาเชั่�ากี่�นค#�า ฐานะยากี่จน2. ไม(ผ-กี่พ�นติ(อชั่*มชั่นท��อาศี�ยอย-(- ชั่*มชั่นแออ�ด ม�ความเป็�นอย-(แบบติ�วใครติ�วม�น- ไม(ม�กี่�จกี่รรมในชั่*มชั่นร(วมกี่�น

11

Page 12: Devian theories

- ว�ดไม(สัามารถเป็�นศี-นย,รวมจ�ติใจข้องคนในชั่*มชั่นได�3. ไม(ผ-กี่พ�นติ(อสั�งคมโดยรวม- กี่ารอพยพย�ายถ��นฐาน ท#าให�ไม(ร-�สั2กี่เป็�นสั(วนหน2�งข้องสั�งคมท��

อาศี�ยอย-(

ทฤษฎี�กี่ล*(มชั่�กี่น#า (Reference Group Theory) แฮสัเคล (Haskell)

พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน และ อาชั่ญากี่รรม เกี่�ดจากี่กี่ล*(มชั่�กี่น#าให�กี่ระท#าผ�ด อาท� ครอบคร�ว เพ%�อน

ทฤษฎี�น�เวศีว�ทยาแห(งสั#าน�กี่ชั่�คาโกี่ (The Chicago Ecological School) ข้องเบอร,เกี่สั (Burgess)

เม%องแบ(งออกี่เป็�น 5 เข้ติใหญ( ๆ 1. จ*ดศี-นย,กี่ลาง ใจกี่ลางเม%อง 2.ทางผ(าน ความเจร�ญทางธ*รกี่�จและอ*ติสัาหกี่รรมข้ยายติ�วออกี่ไป็ ไม(ม�ล�กี่ษณะถาวร ผ-�ม�รายได�น�อยอาศี�ยหนาแน(น แหล(งเสั%�อมโทรม3.เข้ติอาศี�ยข้องผ-�ใชั่�แรงงาน ผ-�ม�เง�นทองอาศี�ยอย-(4.ท��อย-(อาศี�ยข้องชั่นชั่�3นกี่ลาง5. เข้ติชั่านเม%องและเม%องบร�วาร

12

Page 13: Devian theories

5

4

3

2

1

ชั่อรว, และแม/คเคย, (Shaw and Mckay )กี่ารกี่ระท#าผ�ดข้องเด/กี่และเยาวชั่น ม�มากี่ท��สั*ดในเข้ติท�� 2

Techniques of Neutralization ทฤษฎี�กี่ารแกี่�ติ�ว

• ป็ฏิ�เสัธกี่ารร�บผ�ดชั่อบในกี่ารกี่ระท#า เชั่(น -ไม(ได�ท#าร�ายเเหย%�อ - เหย%�อเป็�นฝ่:ายผ�ด -เกี่�ดจากี่กี่ารด%�มสั*รา

ป9จจ�ย์ทำ�งคิรอิบี่คิร�ว่ทำ��ม�ส&ว่นุส�มพ�นุธิ�ก�บี่อิ�ชญ�กรรม�บี่รรย์�ก�ศขอิงคิรอิบี่คิร�ว่ต&อิสม�ช�ก

1. บี่�คิลื�กภ�พ2. คิว่�มส�มพ�นุธิ�ขอิงคิรอิบี่คิร�ว่

13

Page 14: Devian theories

3. คิว่�มม�คิ�ณธิรรม (Super Ego)

4. คิว่�มส�ม�รถึในุก�รสม�คิมก�บี่บี่�คิคิลือิ��นุร-ป็แบบข้องครอบคร�วท��สัร�างป็8ญหาในป็8จจ*บ�น

ครอบคร�วล-กี่ระเบ�ดครอบคร�วย�ป็ซั�ครอบคร�วดาวกี่ระจายครอบคร�วป็รอท

บรรยากี่าศีข้องบ�านติ(อบ*คล�กี่ภาพสัมาชั่�กี่1. ว�พากี่ษ, ว�จารณ, เร�ยนร-�ติ#าหน�ผ-�อ%�น2. โกี่รธ เกี่ล�ยด ป็รป็8กี่ษ, ทะเลาะ3. หวาดกี่ล�ว เกี่รงกี่ล�ว ข้�3กี่ล�ว ติกี่ใจง(าย4. สังสัาร สัมเพท เวทนา มองติ�วเองน(าสังสัาร

บ*คล�กี่ยอมติาม5. อดทน อดกี่ล��น กี่ารอดทน อดกี่ล�3น

7. ยกี่ย(อง สัรรเสัร�ญ ชั่%�นชั่ม ร-�จ�กี่ค*ณค(าคน8. ให�ความสั#าค�ญ -ให�ค*ณค(าติ�วเอง ยอมร�บค*ณค(า -ม�จ*ดม*(งหมายในชั่�ว�ติ9. ม�ความย*ติ�ธรรม ความเท��ยงธรรม10. ซั%�อสั�ติย, ซั%�อสั�ติย,11. ความร�กี่ ความเอาใจใสั( ร�กี่ผ-�อ%�น12. ป็ลอดภ�ยทางจ�ติใจและร(างกี่าย ให�ความเชั่%�อถ%อไว�วางใจคนอ%�น

14

Page 15: Devian theories

“A house is made of bricks and stones but the home is made of love alone”

“Family “ “Father and Mother I Love You”

สั%�อมวลชั่น�เล�ยนแบบโฆษณา

�เล%�อนแบบรายกี่าร�ค(าน�ยมด�านว�ติถ*�ถ(ายทอดความร*นแรง

1.โทรท�ศีน,2. V.D.O3. ว�ทย*4.หน�งสั%อพ�มพ, 5. คอมพ�วเติอร, 6. คอมพ�วเติอร, 7.เกี่มสั,ติ(างๆ

Biological and Psychological Theories of Deviance

• Biological Positivism -พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเกี่�ดจากี่กี่ารเจ/บป็:วยหร%อ ความผ�ดป็กี่ติ�ข้องร(างกี่าย เป็�นสั��งท��บ�บ�งค�บให�คนม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน -กี่ารควบค*มพฤติ�กี่รรมค%อ กี่ารบ#าบ�ดร�กี่ษา-กี่ารให�ความสั#าค�ญกี่�บผ-�กี่ระท#าผ�ดมากี่กี่ว(ากี่ารให�ความสั#าค�ญติ(อพฤติ�กี่รรม

Cesare Lobroso: 1876

15

Page 16: Devian theories

• The Criminal Man

- พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นพฤติ�กี่รรมข้องคนในสั�งคมท��ไม(สัามารถป็ร�บติ�วเข้�ากี่�บสั�งคมสัม�ยใหม(ได�

- ความผ�ดป็กี่ติ�ข้องร(างกี่ายเป็�นติ�วกี่#าหนดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

- (กี่ารศี2กี่ษาผ-�ติ�องข้�งจ#านวน 400 คน ป็รากี่ฏิว(า -43% ม�ความผ�ดป็กี่ติ�

ท��เหม%อนกี่�น)

ทฤษฎี�อาชั่ญากี่รโดยกี่#าเน�ด (Born Criminal) ข้อง Cesare Lombroso

อาชั่ญากี่รซั2�งม�ล�กี่ษณะข้องอาชั่ญากี่รมาติ�3งแติ(กี่#าเน�ด โดยแสัดงให�เห/น

-ทางร-ป็ร(าง-กี่ะโหลกี่ศี�รษะ ร-ป็สั��เหล��ยม-ใบหน�าโบราณ คล�ายมน*ษย,โบราณสัม�ยโครม�นยอง-แววติาเห�3ยมโหด

ทฤษฎี�ข้อง ลอมโบรโซั“ ” ศ�กษ�นุ�ส�ย์บี่�คิคิลืโดย์ด-จ�ก กะโห็ลืกศร�ษะ“ ”

-พฤติ�กี่รรมอาชั่ญากี่รเป็�นมรดกี่ทางกี่ายภาพ + จ�ติใจแสัดงโดย : บ*คล�กี่ล�กี่ษณะ + แววติา

: กี่ะโหลกี่ศีร�ษะ + โครงสัร�างสัมอง

อาชั่ญากี่รโดยกี่#าเน�ด-บกี่พร(องทางกี่ายภาพ-พฤติ�กี่รรมคล�ายสั�ติว,

16

Page 17: Devian theories

-กี่ล*(มชั่นป็:าเถ%�อน1939: Earnest Hooton: "The American

Criminal”• ล�กี่ษณะข้องผ-�เป็�นอาชั่ญากี่ร อาท� หน�าสั��เหล��ยม ด*ด�น • ล�กี่ษณะด�งกี่ล(าวเป็�นอาชั่ญากี่รจร�งหร%อไม(

1949: William Sheldon: "Varieties of Delinquent Youth"

1949: William Sheldon: "Varieties of Delinquent Youth"ความสั�มพ�นธ,ระหว(างพฤติ�กี่รรมกี่ารแสัดงออกี่และร-ป็ร(าง มน*ษย,ม�ร-ป็ร(าง 3 แบบ1.Endoderm: digestive system อ�วนเติ�3ย เน%3อมากี่ กี่�นมากี่2.Ectoderm: skin and nervous system ผอมบาง ไม(ค(อยม�เน%3อ หน�งห*�มกี่ระด-กี่3.Mesoderm: bones, muscles ติ�วใหญ( ม�กี่ล�ามเน%3อแบบน�กี่กี่�ฬา ม�ความแข้/งแรง

ม�ความป็กี่ติ�ข้องร(างกี่าย==>พ�ฒนากี่ารท��สัมด*ล, ม�บ*คล�กี่ล�กี่ษณะท��ป็กี่ติ�

พ�ฒนากี่ารท��ไม(สัมด*ล==> ความบกี่พร(องข้องร(างกี่าย พฤติ�กี่รรมผ�ดป็กี่ติ�

17

Page 18: Devian theories

delinquents more likely to be mesomorphs. (แข้/งแรง ชั่อบใชั่�กี่#าล�ง)พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนถ-กี่กี่#าหนดจากี่ร-ป็ร(าง France Gall (late 18th century)

• ศ�กษ�สมอิงทำ��ม�ส&ว่นุส��คิ�ญในุก�รก��ห็นุดพฤต�กรรมขอิงมนุ�ษย์� 3

ส&ว่นุ1.openness-secretiveness (เกี่/บความล�บ)

2.acquisitiveness-generosity (ความใจกี่ว�าง )3.eroticism (กี่ามารมณ,)

Imbalance==>deviance ความไม(สัมด*ลข้องสัมองท�3ง 3 สั(วนท#าให�เกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

Bio-Social Theory• สัาเหติ*ข้องพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนม�ความหลากี่หลายทางชั่�วภาพ

อาท� : ติ�วกี่ระติ*�น, ฮอร,โมน, สัารในสัมอง, เป็�นติ�น.

• สัภาพแวดล�อมเป็�นติ�วกี่ระติ*�น

ล�กี่ษณะทางพ�นธ*กี่รรม Heredity • IQ หากี่ม�ระด�บ IQ ติ#�า น#าไป็สั-(พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนและ

พฤติ�กี่รรมอาชั่ญากี่ร• Genetics -ศี2กี่ษาพ�ฒนากี่ารข้องฝ่าแฝ่ด ป็รากี่ฏิว(า 1 ใน 3 ข้องฝ่าแฝ่ดม�

ความสั�มพ�นธ,กี่�บย�นข้องพ(อ-ฝ่าแฝ่ดม�ล�กี่ษณะทางพ�นธ*กี่รรมท��เหม%อนกี่�นสั-ง• XYY Chromosomes: -เพ�ยง 1/1,800-3,000 คนเท(าน�3นท��ม�ล�กี่ษณะน�3

18

Page 19: Devian theories

-ย�งไม(หล�กี่ฐานท��ย%นย�นแน(ชั่�ด นอกี่จากี่กี่#าหนดให�สั-ง

โคิรโมโซม supermale (Patricia Jacob)

XX ห็ญ�ง XY ช�ย์XYY ร(างกี่ายสั-งใหญ( , กี่�าวร�าว

= อาชั่ญากี่รติ(อมไร�ท(อ

อาชั่ญากี่ร ติ(อมไร�ท(อผ�ดป็กี่ติ� ผล�ติฮอร,โมนมากี่ป็8จจ�ยทางกี่ายภาพ

1. สัภาพร(างกี่าย-สั(วนสั-ง น�อยกี่ว(าป็กี่ติ�-น#3าหน�กี่

2. สัภาพแวดล�อม-อากี่าศีร�อน ป็ระกี่อบอาชั่ญากี่รรมมากี่

คด� ฆ(า, ป็ล�น-อากี่าศีเย/น อาชั่ญากี่รรมน�อย

Ex. ชั่�งทร�พย,Psychological Theories

• ความไม(สัมด*ลข้อง Id-Ego-Superego

ทฤษฎี�จ�ติว�เคราะห,ซั�กี่ม�นติ, ฟอรยด, (Sigmund Frued)

Id -สัภาพจ�ติใจท��ไม(ได�ข้�ดเกี่ลา-โครงสัร�างจ�ติใจข้�3นพ%3นฐาน-สั�ญชั่าติญานท��ฝ่8งล2กี่เป็�นบ*คล�กี่ภาพจากี่แรงผล�กี่ด�น

ทางชั่�วว�ทยา

19

Page 20: Devian theories

Ego-ได�ร�บกี่ารพ�ฒนาจากี่ Id-เป็�นสั(วนป็ระกี่อบท�� 2 ข้องบ*คล�กี่

อ�ติติา -ผ(านกี่ารเร�ยนร-�ระหว(างตินเอง + สั��งแวดล�อม

Super Ego ภาวะจ�ติใจข้�3นสั-งสั*ดจ�ตใจข�4นุนุ�4คิ��นุ�งถึ�ง :-

คิว่�มคิ�ด + คิว่�มร- 'ส�กทำ��เป<นุนุ�มธิรรม= มโนุธิรรม

Id á Super egoEgo

กระทำ��ต�มคิว่�มต'อิงก�รขอิงต�ว่เอิง ข�ดก�รย์�บี่ย์�4งช��งใจ =

พฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุ ห็ร�อิ ก�รกระทำ��ผ�ด

ทฤษฎี�ความติ�องกี่ารข้องมาสัโลว,(Abraham Maslow)1.ความติ�องกี่ารข้�3นพ%3นฐาน

-ป็8จจ�ยสั��-เพศี

2.ความม��นคงป็ลอดภ�ย 3.ความร�กี่ความเข้�าใจ4.เกี่�ยรติ�ยศี ยกี่ย(องชั่%�อเสั�ยง5.ป็ระสับความสั#าเร/จในชั่�ว�ติ-ก�รง�นุ-คิรอิบี่คิร�ว่ -ก�รได'ร�บี่คิว่�มย์อิมร�บี่

*ความติ�องกี่ารร(างกี่ายและจ�ติใจ*

ข้�อจ#ากี่�ดข้อง Structural-Functional Analysis

20

Page 21: Devian theories

*กี่ารกี่#าหนดข้อบเข้ติข้องพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนจากี่บรรท�ดฐานสั�งคม(Norms)เท(าน�3น

*สัมมติ�ฐานท��ว(าพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเกี่�ดข้23นในกี่ล*(มคนยากี่จนเป็�นจ*ดอ(อนข้องทฤษฎี�ว�ฒนธรรมรอง

*ผ-�ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นผ-�ละเม�ดบรรท�ดฐานข้องสั�งคมอาจไม(ครอบคล*มพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนท�3งหมด

Theory of Action-Reaction• มน*ษย,กี่ระท#าในสั��งท��ม�เหติ*ผล • พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นพฤติ�กี่รรมท��เกี่�ดจากี่กี่ารติ�ติราคนใน

สั�งคม• คนท��ถ-กี่ติ�ติราจะม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนติามท��สั�งคมได�ติ�ติรา

2. ทฤษฎี�ป็ฏิ�สั�มพ�นธ,เชั่�งสั�ญล�กี่ษณ, Symbolic-Interaction   Analysis

พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นกี่ระบวนกี่ารทางสั�งคม กี่ล(าวค%อ เป็�นพฤติ�กี่รรมท��คนในสั�งคมร(วมกี่�นกี่#าหนดว(าพฤติ�กี่รรมใด เป็�นพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน โดยม�กี่ารติ�ติราคนในสั�งคมท��ม�พฤติ�กี่รรมด�งกี่ล(าว  และสั�งคมม�กี่ระบวนกี่ารติอบโติ�ติ(อผ-�ท��ม�พฤติ�กี่รรมด�งกี่ล(าว

-   พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นกี่ระบวนกี่ารทางสั�งคม  ซั2�งม�ความเกี่��ยวข้�องโดยติรงกี่�บทฤษฏิ�ติ�ติรา Labeling Theory

- เป็�นพฤติ�กี่รรมจากี่กี่ารกี่ระท#า + สั�งคมม�ป็ฏิ�กี่�ร�ยาโติ�ติอบ,กี่#าหนด

ทฤษฎี�ติ�ติรา (Labelling) ข้อง Howard S. Becker

21

Page 22: Devian theories

*พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน / พฤติ�กี่รรมอาชั่ญากี่ร ถ-กี่กี่#าหนดโดยกี่ล*(มคนรอบๆ ข้�าง หร%อโดยสั�งคม*พฤติ�กี่รรมอาชั่ญากี่รม�ใชั่(ค*ณสัมบ�ติ�ข้องผ-�เป็�นเจ�าข้อง แติ(เกี่�ดจากี่กี่ารท��สั�งคมกี่#าหนดบ*คคลติ(างๆ

ส�งคิมมอิงบี่�คิคิลืนุ�4นุเป<นุอิย์&�งไร บี่�คิคิลืด�งกลื&�ว่จะปฏี�บี่�ต�ด�งนุ�4นุปฏี�บี่�ต�ต�มทำ��ส�งคิมได'ต�ตร�

ทฤษฎี�ติราบาป็ (Stigma) ข้อง Erving Goftman

กี่ารท��สั�งคมกี่#าหนดติ�ติรา หร%อกี่#าหนดพฤติ�กี่รรมข้องบ*คคลในสั�งคมเป็�นกี่ารกี่ระท#าผ�ด จะเป็ร�ยบเสัม%อนติราบาป็ หร%อรอยมลท�นท��กี่#าหนดพฤติ�กี่รรมข้องบ*คคลน�3นให�กี่ระท#าผ�ดติามติราบาป็ หร%อรอยมลท�นท��ได�ร�บจากี่สั�งคม

จ*ดอ(อนข้อง Symbolic-Interaction Analysis 1.ท#าไมสั�งคมจ2งกี่#าหนดพฤติ�กี่รรมบางอย(างเบ��ยงเบนบางอย(าง

ไม(เบ��ยงเบน2.ไม(ได�ให�ความสั#าค�ญกี่�บกี่ารมองพฤติ�กี่รรมกี่ารกี่ระท#าเป็�นหล�กี่

แติ(มองพฤติ�กี่รรมท��คนในสั�งคมกี่#าหนดในกี่ารร�บร-�ติ(อพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

3.สัมมติ�ฐานท��ว(าท*กี่คนในสั�งคมติ(อติ�านพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน4.กี่ารข้าดผลกี่ารว�จ�ยพฤติ�กี่รรมกี่ารติอบโติ�ข้องคนในสั�งคมติ(อ

ผ-�ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

3. ทฤษฎี�ความข้�ดแย�งทางสั�งคม Social   Conflict   Analysis

22

Page 23: Devian theories

พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน ค%อ พฤติ�กี่รรมท��เกี่�ดข้23นในสั�งคมอ�นเน%�องมาจากี่ความข้�ดแย�งในสั�งคม โดยเฉพาะความข้�ดแย�งระหว(างชั่นชั่�3นทางสั�งคม  พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนเป็�นพฤติ�กี่รรมท��ถ-กี่กี่#าหนดจากี่ผ-�ท��ม�อ#านาจ หร%อม�สัถานภาพทางสั�งคมสั-ง

Deviant + Power-  คนม�อ#านาจน�อย     ค%อ           ผ-�ท��ม�พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน1.  บี่รรทำ�ดฐ�นุก��ห็นุดจ�กผ-'ม�อิ��นุ�จในุส�งคิม  ม�ผลืต&อิผ-'ม�สถึ�นุภ�พต���2.  ถึ'�ผ-'ม�อิ��นุ�จม�พฤต�กรรมทำ��ไม&เห็ม�ะสม  จะใช'อิ��นุ�จต�ตร�ผ-'อิ��นุ3.   กฎห็ม�ย์ + บี่รรทำ�ดฐ�นุไม&เคิย์ย์�ต�ธิรรม

-  กี่ารกี่#าหนดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนโดย-  เจ'�ขอิงทำ�นุ                                         -  ผ-'ว่&�จ'�งแรงง�นุ-  ผ-'ม�อิ��นุ�จ                                           -  ชนุช�4นุส-ง

ทฤษฎี�มาร,คซั�สัซั, (Marxist) Karl Mark ระบบท*นน�ยม (Capitalism) กี่(อให�เกี่�ดระบบชั่นชั่�3น

นายท*น + แรงงานม�กี่ารเอาร�ดเอาเป็ร�ยบชั่นชั่�3นแรงงาน

ป็ฎี�ว�ติ� ระบบสั�งคมน�ยมจ*ดอ(อนข้อง Social-Conflict Analysis

1.ให�ความสั#าค�ญกี่�บอ#านาจและความไม(เท(าเท�ยมกี่�นในสั�งคมเท(าน�3น

-ไม(สัามารถอธ�บายได�ว(าพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนกี่#าหนดข้23นมาได�อย(างไรและม�กี่ารควบค*มอย(างไร

23

Page 24: Devian theories

2. สัมมติ�ฐานท��ว(าคนรวยและม�อ#านาจเป็�นผ-�สัร�างและควบค*มบรรท�ดฐานน#าไป็สั-(ความสังสั�ยติ(อกี่ระบวนกี่ารทางกี่ารเม%อง

3. สัร*ป็ความเสั�ยหายระหว(างอาชั่ญากี่รรมคอป็กี่ข้าวกี่�บอาชั่ญากี่รรมท��วไป็ม�ความใกี่ล�เค�ยงกี่�น

4. ความไม(เท(าเท�ยมเท(าน�3นท��ท#าให�เกี่�ดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน แติ(ในสั�งคมพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนม�หลายป็ระเภทแติกี่ติ(างกี่�นไป็

ทฤษฎี�อาชั่ญาว�ทยาแนวพ*ทธ

ป9จจ�ย์ทำ�งจ�ต: โลืภ โกรธิ ห็ลืง: อิย์�กม� อิย์�กได'

อิย์�กเป<นุ อิย์�กไม&เป<นุ

ป9จจ�ย์ทำ�งส�งคิม*ก�รคิบี่คินุพ�ลื

ป9จจ�ย์ส��งแว่ดลื'อิมทำ�งก�ย์ภ�พ*สถึ�นุทำ��เส��ย์งภ�ย์:ส��งเสพต�ด

ม�จฉ�ทำ�ฐ�ห็ร�อิ

คิว่�มเห็$นุผ�ด

พฤต�กรรมเบี่��ย์งเบี่นุห็ร�อิ

อิ�ชญ�กร

Kai  Erikson  :  -พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนท��เป็ล��ยนแป็ลง  =  สัภาพแวดล�อมท��เป็ล��ยนแป็ลง- คนในสั�งคมเป็�นคนกี่#าหนดพฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบน

Deviant   Subcultures   :   ทฤษฎี�โอกี่าสัท��แติกี่ติ(าง (Differential Opportunity

Theory)Richard   Cloward, Lloy   Ohlin

24

Page 25: Devian theories

-          พฤติ�กี่รรมเบ��ยงเบนไม(ได�เกี่�ดจากี่กี่ารข้าดโอกี่าสัแติ(เพ�ยงอย(างเด�ยว-          เกี่�ดจากี่ว�ฒนธรรมรองท��เกี่��ยวข้�องกี่�บอาชั่ญากี่รรม

25