296
ฉบับปรับเปลี่ยน พิมพ์เป็นครั้งที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๒ จัดทำโดย กองทุนหนังสือสลึง รายได้ เพื่อจัดทำหนังสือสลึงเผยแพร่สืบต่อไป วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อสืบทอดและเผยแพร่บทเพลง และบทกวีในแนวสร้างสรรค์ เพื่อการดำเนินชีวิตอย่าง สร้างสรรค์และมีคุณค่าต่อสังคม ๒. เพื่อปลูกจิตสำนึกในการรับรู้และทำความเข้าใจต่อปัญหาต่างๆ ในสังคม,รับรู้และเปิด กว้างที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาโดยมีสติและใช้ปัญญาพิจารณาอย่างเป็นกลาง จนกระทั่งรู้ถึงบทบาทของตนและสามารถกำหนดแนวทางการดำรงชีวิตของตนใน สังคมได้ ขอขอบคุณ ๑. ศิลปินทุกท่านที่แต่งเพลง ร้องเพลง และแต่งบทกวีที่มีคุณค่าให้พวกเรา ได้อ่าน ได้ฟัง และได้ขับร้อง ๒. ผู้ค้นคว้ารวบรวม และจารึกตำนานและประวัติศาสตร์ที่ได้คัดสรรมาลง ในหนังสือเล่มนี๓. พี่ๆ ที่ก่อกำเนิดและพัฒนาชีทเพลง จนกลายมาเป็นหนังสือ ‘สลึง’ ( ฉบับเดิม ) อันเป็นแรงบันดาลใจในการทำหนังสือเล่มนี๔. จิตใจที่พร้อมจะเปิดกว้างเพื่อเรียนรู้ แสวงหา และพร้อมจะรับใช้สังคมทุก ๆ ดวง ๕. น้องๆ พี่ๆ เจ้าของหนังสือทุกคนที่เก็บรักษาหนังสือสลึงเล่มนี้ไว้เป็นอย่างดี ขอบคุณเป็นพิเศษ .... สำหรับทุกคนที่พยายามหัดร้องเพลงในสลึงเล่มนีและเพลงเพื่อชีวิตสร้างสรรค์อื่นๆ รวมทั้งผู้ที่พยายามทำความเข้าใจกับ ตัวหนังสือทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในสลึงเล่มนีหนังสือเพลงเพื่อชีวิตสร้างสรรค์ ลึ

Saleung Entire Book 2009

Embed Size (px)

DESCRIPTION

หนังสือเพลงเื่พื่อชีวิตสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

Citation preview

Page 1: Saleung Entire Book 2009

ฉบับปรับเปลี่ยน พิมพ์เป็นครั้งที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๒

จัดทำโดย กองทุนหนังสือสลึง

รายได ้ เพื่อจัดทำหนังสือสลึงเผยแพร่สืบต่อไป

วัตถุประสงค์๑. เพื่อสืบทอดและเผยแพร่บทเพลง และบทกวีในแนวสร้างสรรค์ เพื่อการดำเนินชีวิตอย่าง

สร้างสรรค์และมีคุณค่าต่อสังคม

๒. เพื่อปลูกจิตสำนึกในการรับรู้และทำความเข้าใจต่อปัญหาต่างๆ ในสังคม,รับรู้และเปิด

กว้างที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาโดยมีสติและใช้ปัญญาพิจารณาอย่างเป็นกลาง

จนกระทั่งรู้ถึงบทบาทของตนและสามารถกำหนดแนวทางการดำรงชีวิตของตนใน

สังคมได้

ขอขอบคุณ๑. ศิลปินทุกท่านที่แต่งเพลง ร้องเพลง และแต่งบทกวีที่มีคุณค่าให้พวกเรา ได้อ่าน ได้ฟัง

และได้ขับร้อง

๒. ผู้ค้นคว้ารวบรวม และจารึกตำนานและประวัติศาสตร์ที่ได้คัดสรรมาลง ในหนังสือเล่มนี้

๓. พี่ๆ ที่ก่อกำเนิดและพัฒนาชีทเพลง จนกลายมาเป็นหนังสือ ‘สลึง’ ( ฉบับเดิม )

อันเป็นแรงบันดาลใจในการทำหนังสือเล่มนี้

๔. จิตใจที่พร้อมจะเปิดกว้างเพื่อเรียนรู้ แสวงหา และพร้อมจะรับใช้สังคมทุก ๆ ดวง

๕. น้องๆ พี่ๆ เจ้าของหนังสือทุกคนที่เก็บรักษาหนังสือสลึงเล่มนี้ไว้เป็นอย่างดี

ขอบคุณเป็นพิเศษ .... สำหรับทุกคนที่พยายามหัดร้องเพลงในสลึงเล่มนี้

และเพลงเพื่อชีวิตสร้างสรรค์อื่นๆ รวมทั้งผู้ที่พยายามทำความเข้าใจกับ

ตัวหนังสือทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในสลึงเล่มนี้

หนังสือเพลงเพื่อชีวิตสร้างสรรค์

ส ลึ ง

Page 2: Saleung Entire Book 2009

โหมโรง…๑๐

พระบรมราโชวาท๑๑

เพลงเพื่อชีวิต จารึกสายธารแห่งการต่อสู้

๒๔๙

คน ดนตรี มหิดล ๒๕๘

คน ดนตรี เพื่อชีวิต ๒๖๐

ทำไมถึงเป็นสลึง๒๖๓

บันทึกการเดินทางบนเส้นทางชีวิต

๒๖๔

Blowing in the Wind

How many roads ๖๙

Tsunami กระแสคลื่นที่ซัด ๑๑๖

กรรมาชน มองข้าวใน ๖๒

กระแตตื่นเช้า ดูเจ้ากระแต ๑๘๑

กลิ่นรวงทอง ท่ามกลางเปลว ๑๑๘

กว่าจะรัก แต่ก่อนนั้น ๒๖๕

ก้อนหินและดอกไม้

ก้อนหินสำหรับ ๗๖

กันภัยมหิดล กันภัยมหิดล ๒๐

กาแฟ ตื่นนอนตอน ๑๗๔

กายภาพที่รัก เรารักกันน้องพี่ ๒๔

การเริ่มต้น ทุกทุกวัน ๒๔๗

กำลังใจ โบกมือลา ๒๖๖

กำลังใจ ในยามที่ท้อแท้ ๒๓๖

กีฬาเวชสัมพันธ์ ยามเหม่อ ๓๑

เก็บตะวัน เก็บตะวัน ๒๔๙

เก็บฝัน ฝันแล้วก็ ๒๒๙

เก็บไว้ให้เธอ ลมที่โชยพัด ๒๔๙

ใกล้ตาไกลตีน ไกลโอ้ไกล ๑๒๕

ล่เรื่องราวไ

Page 3: Saleung Entire Book 2009

ขขอ ไม่ได้ขอ ๑๘๗

ของฝากจากทะเล อยากเก็บ ๑๕๒

ของฝากจากภูเขา หยุดเวลา ๑๕๒

ขอเพื่อนจงหยัดยืน นกพิราบ ๒๓๓

เขาใหญ่ กว่าจะเป็น ๑๔๐

เขาใหญ่ ๒ ดงพญาไฟ ๑๔๑

แขวนรัก รักยังอยู่ ๒๑๗

คคงจะมีสักวัน คงจะมีสักวัน ๒๔๓

คนกับควาย คนกับคน ๘๓

คนเก็บฟืน เบื้องบนเป็น ๑๒๔

คนของเพื่อน จะล้าจะเหนื่อย ๒๕๓

คนดี ฟ้าหมอง ๕๓

คนตีเหล็ก สูบไฟให้แรง ๑๐๔

คนภูเขา ร้อยดาวร้อยเดือน ๙๐

คนสร้างบ้าน มีไม้กระดาน ๔๔

ครอบครัวใหม่ เรา...เราร่วม ๔๒

ครูน้อย บอบบางในร่าง ๗๐

ความรัก ความรักคือ ๒๐๑

ความรัก เมื่อรักต้อง ๒๐๑

ความหวัง เมื่อความผิดหวัง ๔๙

คารวะด้วยเสียงเพลง มาเถิดหนา ๖๓

คาราวาน แสงแดดส่อง ๑๖๗

คำตอบในสายลม อีกสักกี่คน ๑๑๒

ค่ำลง ค่ำลงค่ำลง ๘๕

คำสัญญา ก่อนจากกัน ๒๖๖

คำสัญญา(แห่งเดือนตุลา)

กลางป่าเขา ๙๐

คิดถึง เราเคยอยู่ ๒๕๗

คิดถึงบ้าน จากมานาน ๑๓๓

คึดถึงบ้าน มองดูดวงดาว ๑๓๒

คืนรัง โอ้ยอดรัก ๑๒๑

คืนสู่รัง ฝนโปรยโปรย ๑๒๐

คุณค่าชีวิต มาพี่น้อง ๔๒

โคมฉาย ข้ามเขาลำธาร ๖๔

งงามถิ่นรามา งามซึ้งใจ ๒๖

จจดหมายถึงพ่อ อ่านคำบรรยาย ๑๙๑

จันทร์เจ้าขา ฉันเหมือนนก ๗๙

จันทร์เจ้าเอย จันทร์เจ้าเอย ๑๙๙

จากเพื่อนถึงเพื่อน กว่าจะรู้ใจกัน ๒๖๔

จากภูผาถึงทะเล ฝากลมพา ๑๑๙

จิตร ภูมิศักดิ์ เขาตายใน ๙๓

จุดหมายเดียวกัน เรา...ต่าง ๒๔๕

...ร่ายบทเพลง

Page 4: Saleung Entire Book 2009

เจ้าผีเสื้อ โอ้โอเจ้า ๑๘๑

เจ้าสาวที่กลัวฝน เหตุอันใด ๑๗๒

ใจประสานใจ มองแววตา ๒๑๓

ฉฉันจึงมาหาความหมาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ๔๗

ฉันเป็นดอกไม้ ฉันเป็นดอกไม้ ๑๒๑

เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยง ๑๙๘

ชช่างมันฉันไม่แคร์ กี่เช้าที่เราตื่น ๑๒๙

ชาวดง กลางดงพงป่า ๑๓๖

ชีวิตกับความหลัง เราได้เกิด ๒๓๔

ชีวิตสัมพันธ์ เจ้านกเอย ๑๔๔

ซเซิ้งอีสาน ทุ่งโล่งโจงโปง ๘๒

โซลิดารีตี ้ มาพวกเรา ๙๘

ณณ ที่นี้ ด้วย ณ ที่นี้ ๒๙

ดด.ญ.ปรางค์ ขยะในถัง ๗๗

ดวงใจน้อยๆ อยากไปอยู่ ๒๔๔

ด้วยรักและผูกพัน

หากเราต้องจากกัน ๒๖๓

ดอกไม้ ดอกไม้ ๔๓

ดอกไม้ จำปาที ่ ๒๐๒

ดอกไม้ของน้ำใจ อาจจะมี ๒๑๔

ดอกไม้พฤษภา ฝนเอ๋ยฝน ๑๑๓

ดอกไม้พลาสติก เวลาดู ๑๗๐

ดอกไม้ให้คุณ ขอมอบดอกไม้ ๕๗

ด้ายน้อย จากด้ายน้อย ๓๐

ดาวดวงน้อย เพราะเธอนั้นคือ ๑๙๒

ดาวน์สาว ไอ้ไข่นุ้ย ๑๖๒

ดิน น้ำ ลม ไฟ ดิน ดินให ้ ๑๔๕

ดินแดนรังสี ดินแดนรังสี ๒๕

ดินเลือกไม้ ล่องลอยมา ๑๔๓

ดินสอโดม(จากภูพานถึงลานโพธิ์)

ดินสอโดม ๙๔

ดุริยางคศิลป์ บนเส้นทาง ๓๐

ดูดาว หากดาวดวง ๑๘๐

เด็กชายเกตุกนกกับเด็กหญิงบุญเย็น

ฉันเกิดมา ๗๕

เด็กดั่งดวงดาว เมื่อดาว ๑๘๕

เดินทางไกล เดินทางไกล ๑๖๔

เดือนเพ็ญ เดือนเพ็ญ ๙๖

เดือนแรม เดือนแรม ๙๗

แด่...เจ้าดอกไม้ กอบเอาหัวใจ ๒๓๗

แด่เพื่อน เตือนเพื่อน ๔๘

แด่หนุ่มสาว มาเถิดมา ๕๖

แด่หนุ่มสาว ความเอยความรัก ๕๖

แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน ความเป็น ๒๔๒

ตต้นชบากับคนตาบอด

Page 5: Saleung Entire Book 2009

ผลิดอกงาม ๑๗๕

ต้นไม้ เกิดบนดิน ๑๔๗

ต้นไม้ของพ่อ นานมาแล้ว ๑๙๐

ตรงเส้นขอบฟ้า ตรงเส้นขอบฟ้า ๒๔๑

ตราบใดความฝันยังไม่จบ

ถ้าหากจะ ๒๒๕

ตลอดเวลา พักสายตา ๒๐๓

ตะกายดาว อยากจะเป็น ๒๔๔

ตะวัน ตะวัน... ๑๐๕

ตะวันชิงพลบ ตะวันสาดแสง ๒๑๕

ใต้ต้นศรีตรัง ใต้ต้นศรีตรัง ๑๙

ถถั่งโถมโหมแรงไฟ ปฏิวัติโค่นล้ม ๙๕

ถามยาย นับตั้งแต ่ ๑๓๐

ถ้ามีวันนั้น ถ้าหากมี ๒๔๓

ถึงเธอผู้มาใหม่ ถึงเธอผู้มาใหม่ ๔๓

ถึงเพื่อน ในโลกแห่ง ๒๓๔

ททะเลใจ แม้ชีวิต ๑๒๓

ทัพธรรม ดาวดวงคง ๒๓๑

ทั่วทุกทิศ เราต่างมา ๔๐

ทางเดินหนุ่มสาว หนุ่มสาวจง ๒๔๐

ทานตะวัน ตะวันส่อง ๒๓๘

ทาบธรรม ขอยินดี ๒๕๒

ทำไม ทำไม...เขา ๗๑

ที่นี่ไม่มีครู ทำไมครู ๗๑

ที่ศาลายา สิ่งดีๆ ๒๖๘

ทุ่งแสงตะวัน เรานัดกัน ๑๘๐

เทคนิคการแพทย์

ลำน้ำเจ้าพระยา ๒๔

เทิดพระนามมหิดล

มหิดลคือพระนาม ๑๔

เทิดพระบิดา เรามหิดลทุกคน ๑๔

เทียน จากวันนั้น ๓๕

เทียน(หนึ่ง) เทียนหนึ่งถูก ๓๕

เทียนชีวิต หากชีวิต ๖๑

เที่ยวละไม เที่ยวไปตาม ๑๖๖

แทนความห่วงใย อยากจะเก็บ ๒๖๗

ธธรรมนำใจ คุณธรรมส่อง ๑๐๘

ธูปดอกสุดท้าย เดินคนเดียว ๒๓๙

เธอ ถึงเดือนเคลื่อน ๖๘

เธอคือความหวัง เธอคือความหวัง ๑๐๓

เธอผู้เสียสละ รุ่งเช้าวันหนึ่ง ๑๐๕

เธอรู้ไหม(คนดี) อาจจะม ี ๒๑๗

เธอวันนี้ เธอคือมวล ๔๕

เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม

เธอเห็นท้องฟ้า ๒๐๖

นนก นก นก เจ้านกน้อย ๕๑

นกเขาน้อย เด็กเอ๋ยเด็ก ๗๔

นกเขาไฟ ภูบ่สูง ๑๕๕

Page 6: Saleung Entire Book 2009

นกที่บินลับฟ้า อยากบินบน ๘๘

นกละเมอ รักจากไป ๒๐๒

นกแล นกแลก็คือ ๑๘๔

นกสีเหลือง กางปีกหลีกบิน ๙๒

นักเดินทาง จากเวลา ๑๖๕

นักเดินทาง หยิบกระเป๋าเจ้า ๑๖๔

นักแสวงหา เสียงรถไฟ ๒๒๓

นับดาวทะเล นั่งดูนับ ๑๑๔

นางนวล ขอบทะเล ๒๓๙

นายพลน้อย อยากบอกคุณ ๑๘๔

นายแพทย์สนุกสนาน ไม่มีผู้ใด ๑๗๖

น้ำ เพราะคนไม่หยุดตัดไม้ ๑๓๘

น้ำท่วม น้ำท่วมหลาก ๗๒

นิทานหิ่งห้อย เด็กน้อยได้ ๑๘๖

บบทเพลงใต้แสงดาว

ผ่านไปคล้าย ๒๖๐

บางกอก พ่อฉันเรียก ๑๓๓

บ้านบนดอย บ้านข้าอยู่ ๑๖๐

บ้านหลังนี้ ต้องอยู่กัน ๑๔๙

บินหลา บินหลา ๑๑๐

แบ่งปัน หอมอันใด ๖๐

ปประกายดาว คืนนี้ฟ้า ๖๔

ประกายไฟ ประกายไฟ ๖๕

ประชาธิปตน ตราบใด ๑๑๑

ประชานิยมงมงาย ประชาชน ๑๐๙

ประตู หลายวันก่อน ๒๐๙

ปลูกดอกไม้ เมื่อยามเช้า ๑๘๒

ป่า เสียง...นกกา ๑๔๐

ปากกา กระดาษ บ้านงาม ๑๔๖

ป่าเขา อยากอยู่กลาง ๑๔๒

ป่าไทย หวีดหวิวเสียง ๑๔๒

ป่าลั่น เมื่ออาทิตย์ ๑๔๙

ปีกแห่งฝัน ความฝันของฉัน ๒๒๖

เปลวเทียน จากเมืองที่ ๓๖

เปลวเทียน จุดเทียนเล่มน้อย ๓๗

เป้าหมายการศึกษา ฉันเยาว์ ๔๗

เปิบข้าว เปิบข้าวทุก ๘๔

ผผิงดาว ฝากดอกไม้ ๒๔๘

ไผ่แดง ไผ่เป็นลำ ๑๑๓

ฝฝนแรก ฝนแรกเดือน ๙๙

ฝันแห่งศรัทธา ท่ามกลางความ ๒๒๗

ฝันอันยิ่งใหญ่ ด้วยพลังความฝัน ๒๗

ฝากรัก สายน้ำน้ำ ๒๐๕

พพรุ่งนี้ ค่ำนี้ ตะวัน ๘๙

พลังใจ ดังสายลม ๕๒

พลังเพลง เพลงนั้นคือ ๖๒

พ่อ เมื่อก่อน ๑๙๔

Page 7: Saleung Entire Book 2009

พ่อ เมื่อต้นโพธิ์ ๑๙๓

พ่อกล่อมลูก ดึกแล้วหนา ๑๙๒

พ่อหายไปไหน ตักนิ่มเคย ๑๙๔

พักตรงนี้ พักตรงนี ้ ๒๑๒

พิกุลรำลึก เราเคยร่วม ๒๓

พิทักษ์แผ่นดิน จะสร้างสรรค ์ ๒๘

พี่ชายที่แสนดี เมฆดูสวยงาม ๑๙๗

พี่สาวครับ พี่สาวครับ ๑๖๑

เพราะฉะนั้นจึงรักกันเช่นฉะนี้

แม้เวลาผ่าน ๒๐๗

เพราะอะไร เธอเคยถาม ๒๑๘

เพลงกล่อม นอนนะนอน ๑๙๙

เพลินไพร เบื้องหน้า ๒๔๐

เพาะรัก บ้านที่สร้าง ๑๘๙

เพียงลมพัดผ่าน ฉันไม่อยาก ๒๖๓

เพียงเอื้อมมือ แม้ว่ายัง ๒๕๑

เพื่อใคร มองน้ำค้าง ๕๘

เพื่อชีวิตใหม่ ยามอาทิตย์ ๔๕

เพื่อแผ่นดิน ก่อนตะวัน ๑๐๒

เพื่อมวลชน ถ้าหากฉัน ๕๒

เพื่อเมืองไทย ถึงมันไม่ ๕๘

ฟ้า โลกของฟ้า ๒๔๕

ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ฟ้าสูงแผ่นดิน ๘๔

ไฟแห่งสัจธรรม ฮือ ฮือ ฮือ ๑๐๔

ภภราดร สตรีเขาเห็น ๘๗

ภาพฝัน เมฆขาวฟ้าใส ๑๔๓

ภูเขาและทะเล เมื่อมีคำถาม ๒๐๔

มมงคลนาม มงคลนามเภสัชกรรม ๒๘

มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ๔๘

มหิดลฉลองชัย นามมหิดล ๑๕

มหิดลน้องพี่ มหิดลน้องพี่ ๑๖

ม่อนแสงดาว ม่อนแสงดาว ๑๘๘

มาร์ชประชาชนเดิน เร็ว เร็ว มา ๙๕

มาร์ชเยาวชนเพื่อสาธารณสุข

พวกเราเหล่า ๓๑

มาร์ชวิดยา พวกเราน้องพี่ ๒๖

มาร์ชอุปกรณ์การแพทย์

ดินแดนแสน ๒๙

มาร่วมใจ มาเร็วมา ๒๓๔

มิดะ บนฟ้ามี ๑๕๗

มือเรียวเกี่ยวรวง บนพื้นดิน ๑๓๗

แม่ ตื่นขึ้นมา ๑๙๖

แม้เราจะไม่พบกัน ไกลสุดไกล ๒๖๑

แมลงปอปีกใส ตรงที่ริมธาร ๑๘๒

แมลงสาบกับนกในกรงทอง

เป็นกาจั๊ว ๑๖๙

แม่สาย ฟากฟ้ายามเย็น ๑๒๗

ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน

เจ้าไม้ขีด ๒๐๘

Page 8: Saleung Entire Book 2009

ไม้ไผ่ร้องเพลง อ่อ อี๋ ออ ๑๘๓

ไม่รักแต่คิดถึง ชีวิตบางช่วง ๒๐๖

ยยังมี เธอเคยบอก ๒๐๕

ยามห่างไกล ขอฝากเสียง ๒๖๒

ยิ่งสูงยิ่งหนาว ก่อนตะวัน ๑๗๑

ยินดีเพื่อนใหม่ วันนี้ยินดี ๔๑

ยิ้มกลางสายฝน

เย็นฝนพรำพรั่งพรู ๑๑๐

ยิ้มเหงา ๆ เศร้างาม ๆ

ยิ้มเหงาเหงา ๒๕๗

เยาวชน โอ้ชีว ี ๕๔

เยาวชนเพื่อชาติ เยาวชนชาว ๑๐๗

รรวมเคียวเกี่ยวฟ้า เหมือนดั่งดาว ๙๘

รักคุณเท่าฟ้า หากฉันบิน ๑๔๘

รักงอมแงม ล้อมวงบรรลง ๒๐๓

รักน้อง เจ้านกน้อย ๓๙

รักนั้น กับคำถาม ๒๑๑

รัตติกาล รัตติกาล ๒๓๒

รับขวัญ มาซิมา ๓๔

รับขวัญบายศรี โอ...โอ้ละหนอ ๓๔

รางวัลแด่คนช่างฝัน

อย่ากลับคืนคำ ๒๒๗

ราชดำเนิน โอ้ราชดำเนิน ๑๑๒

ราชพฤกษ์พิไล

พวกเราสาธารณสุข ๒๗

รามาปณิธาน หนึ่งในฤทัย ๒๖

รำวงวันเมย์เดย์ เรารำวง ๙๙

รุ่งอรุณในฝัน รุ่งอรุณ ๗๙

รู้สึกสบายดี ร้องเถิดร้อง ๑๗๘

เร่ขายฝัน ใครอยากมี ๒๒๘

เรามีเรา แต่ก่อนแต่ไร ๒๑๒

เราและเธอ ส่งดวงใจ ๒๕๘

เราอาสาพัฒนา เราอาสา ๕๕

เรียน ต่างคน ต่างแย่ง ๔๙

เรียนและงาน ออกเดินจาก ๑๓๑

เรือลำหนึ่ง หากชีวิต ๒๑๙

โรงเรียนของหนู สายลมหนาว ๗๒

ลลมรำเพย จากไปแล้ว ๒๕๙

ลิงทโมน ลิงทโมน ๑๕๐

ลุกขึ้นสู้ รีบตื่นขึ้นมา ๑๐๑

ลุงขี้เมา อุทาหรณ ์ ๑๒๖

ลุ้น แอบลุ้น ๔๑

ลูกหมูใส่รองเท้า ในเช้าแจ่มใส ๑๘๑

แล้วคิดถึงกันบ้างนะ หากทะเล ๒๖๑

โลก(world) โว…โว…โว… ๑๕๑

โลกสวยด้วยมือเรา

ธรรมชาติสร้าง ๑๓๗

ววันของเรา หากใคร ๑๑๑

Page 9: Saleung Entire Book 2009

วันเวลา วันเวลา ๒๒๒

วาดฝัน มองดูดวง ๒๒๓

วาดฝัน วาดรูปสวย ๒๒๔

ศศรัทธาเมื่อมาค่าย เราจากบ้าน ๕๕

ศรีตรัง ศรีตรัง ฝังใจ ๑๗

ศักดิ์ศรีตรัง สู่ดินแดน ๑๘

ศาลายา เมื่อมาพบพาน ๒๑

ศาลายา อยู่ท่ามกลาง ๒๑

ศาลายา ดื่มด่ำความรู้สึก ๒๒

ศิริราชรื่นเริง รื่นเริง ๒๓

สสงสารจันทร์ จันทร์เจ้าเอ๋ย ๑๒๘

สยามพาเหรดถึงผู้ทำลาย

อยากจะเป็น ๑๕๓

สลัม ข้ามสะพาน ๗๗

สลึง เป็นเพียง ๖๖

สวรรค์บ้านนอก ฟ้าผ่องเพ็ญ ๑๕๖

สอดคล้องและสมดุล

ด้วยปีกแห่ง ๒๑๐

สะพานสายรุ้ง ขอบฟ้าทิ้งโค้ง ๑๘๓

สัจธรรมที่แอบแฝง

มองดูความ ๗๓

สัญญา มาจากแดน ๓๙

สานศรัทธา ผูกดวงใจ ๕๑

สานแสงทอง ขอผองเรา ๙๑

สามัคคี จับมือกัน ๒๓๓

สายสัมพันธ์ ท่ามกลางหัวใจ ๑๐๒

สาวเชียงใหม่ ข้าเจ้าเป็น ๑๖๐

สาวมอเตอร์ไซค์ อ้ายคนจน ๑๕๙

สาวเอย สาวเอยเธอ ๔๔

สิ่งฝันในใจนี้ ชีวิตคน ๖๘

สิทธิมนุษยชน ภายใต้แสง ๘๐

สิบสี่ตุลา สิบสี่ตุลา ๙๑

สีน้ำเงิน ศรีตรังยั่งยืน ๑๗

สืบ นาคะเสถียร ดวงตาของเจ้า ๑๓๙

สุทธาสิโนบล สุทธาสิโนบล ๒๕

สู่บ้านนา ฉันเบื่อเมืองกรุง ๘๕

สู้ไม่ถอย สู้เข้าไป ๘๙

สู่เส้นชัย ทางข้างหน้า ๒๓๖

เสียงครวญจากสลัม

ฉัน...เป็นเด็ก ๗๘

เสียงจากคีตาญชลี มาเถิดมา ๖๓

เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ

ม่านฟ้ายามค่ำ ๑๐๖

เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ

วันเวลาผัน ๘๖

แสงดาวแห่งศรัทธา

พร่างพรายแสง ๕๓

แสงเทียน จะมีกี่คน ๓๖

แสงแห่งอุดมการณ์ มองท้องนภา ๑๐๓

หหนุ่มพเนจร บนถนน ๒๒๑

Page 10: Saleung Entire Book 2009

หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ

ฝากหัวใจ ๒๑๖

หยดน้ำ น้ำเพียงหยด ๘๑

ห่วงใยเหลือเกิน ฝากรักของฉัน ๒๖๘

หวังดี อยากขอบคุณ ๒๖๐

หากรัก หากรัก เป็นแค่ ๒๑๖

เหงา เหงา เหงา เหงา ๕๔

เหงา เธอบอกว่า ๑๒๔

ไหวเอน หญ้ายังคง ๑๑๙

ออยากกลับบ้าน ๑ จะอยู่แห่งไหน ๑๓๔

อยากกลับบ้าน ๒ จะอยู่แห่งไหน ๑๓๔

อยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก

อยากให้ความ ๖๐

อย่ายอมแพ้ หากวันนี้ ๒๔๖

อรุณสวัสดิ์ แม้วันที่รอ ๒๕๐

อหังการของดอกไม้ สตรีมีสองมือ ๘๗

อ้อมอกศรีตรัง สู่อ้อมอกรั้ว ๑๘

อิฐก้อนหนึ่ง ให้ลมมันแรง ๒๕๕

อิ่มอุ่น อุ่นใดๆ ๑๘๕

อุ๊ยคำ อุ๊ยคำ... ๑๕๘

เอกเขนก ฟ้าฟ้าชวน ๑๗๗

เอ้อ ก่อนเราจะ ๑๘๐

โอ้อดีต โอ้อดีต ๒๒๑

Page 11: Saleung Entire Book 2009

ดินแดนแห่งมนุษยธรรมและน้ำใจมหาวิทยาลัยเพื่อปวงชน...

มหาวิทยาลัยมหิดล เดิมชื่อว่า “มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์”

มีประวัติยาวนานและเริ่มต้น มาจาก “โรงศิริราชพยาบาล” ที่พระบาทสมเด็

จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ.

๒๔๒๙ เพื่อรักษาพยาบาล ราษฎรที่เจ็บป่วย โดยพระราชทานสิ่งของจาก

การพระเมรุสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้า ศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรส

ที่ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคบิด เมื่อพระชนมายุ เพียง ๑ ปี ๗ เดือน

ต่อมาขยายกิจการเป็นโรงเรียนแพทย์ชื่อว่า โรงเรียนแพทยากร

(๒๔๓๕) และพระราชทานนามว่า ราชแพทยาลัย เมื่อ ๒๔๔๓ เมื่อก่อตั้งจุ

ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. ๒๔๕๙ ได้รวม ราชแพทยาลัยเข้าไว้ด้วย

แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น คณะแพทยศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ จนกระทั่งปี

พ.ศ. ๒๔๘๖ จึงได้สถาปนาขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์

ภายหลังมีการจัดตั้งคณะต่างๆ เพิ่มมากขึ้น และในวันที่ ๒ มีนาคม

๒๕๑๒ จึงประกาศจัดตั้งเป็น มหาวิทยาลัยมหิดล โดย พระบาทสมเด็จพ

ระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนาม ตามพระนาม สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช

กรมหลวงสงขลานครินทร์ พระนามเดิมของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศ

อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

Page 12: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บทเพลงเพื่อชีวิต... เป็นตำนานแห่งยุคสมัย

เป็นสายธารการต่อสู้ของนักศึกษา และประชาชน

หนังสือเพลงเพื่อชีวิต… จึงเป็นแหล่งรวมของเรื่องราวแห่งยุคสมัย

จึงต้องมีทั้งเรื่องราวในอดีตและปัจจุบัน

จึงต้องเปิดกว้างสำหรับผู้ต้องการ ค้นหา

แนวทางแห่งการต่อสู้เพื่อความดีงาม

สลึง… เป็นคุณค่าของยุคสมัยที่กำลังจะถูกลืม

เพราะบทเพลงจำนวนมากใน สลึง

กำลังลบเลือนไปจากความทรงจำ

และถูกละลายไปจากสายธารการถ่ายทอด

บทเพลงเพื่อชีวิตที่สร้างสรรค์… จึงเป็นความพยายามที่จะนำเสนอ

การเลือกสรรเพื่อการรู้จักเพลงเพื่อชีวิต…ที่สร้างสรรค์

และเพลงเพื่อการทำชีวิต….ให้สร้างสรรค์

โดยหวังให้

สลึง… ที่ปรับเปลี่ยน

เป็นแหล่งรวมตำนานแห่งยุคสมัย

ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน

อยู่เรื่อยไป

ด้วยความ….ใส่ใจ

ของ หนุ่มสาวนักแสวงหารุ่นใหม่

หมโรง...โ

๑๒

Page 13: Saleung Entire Book 2009

สลึง

“...มหาวิทยาลัยมหิดล และโดยเฉพาะผู้ที่ศึกษา

ในมหาวิทยาลัยนี้ ก็ถือว่าต่างเป็นลูกของท่าน

(สมเด็จพระบรมราชชนก) ก็นับว่าเรามีสิ่งที่

ใกล้เคียงกัน เพราะว่าเป็นลูกของท่านเหมือนกัน

และนับได้ด้วยว่ามีพี่น้อง จำนวนมากน่าชื่นใจ

คนที่เป็นพี่น้อง ควรจะช่วยกันเสมอ มีความสามัคคีกัน

เพื่อที่จะให้วงศ์ตระกูลชื่อเสียง ของตนดี สร้างสรรค์ใ

ห้ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม มีความเจริญก้าวหน้า…”

พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่

คณะนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลในโอกาสเสด็จฯ ทรงดนตรี

เป็นการส่วนพระองค์ ณ สวนอัมพร พระราชวังดุสิต

วันเสาร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๑๓

๑๓

Page 14: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เทิดพระนามมหิดล

* มหิดล คือพระนาม ปิ่นสยามพระราชบิดา

ที่โปรดเกล้าพระราชทานมา เป็นชื่อมหาวิทยาลัย (ซ้ำ *)

** อัตตานัง อุปปะมัง กเร เราจะทุ่มเทพลังกายใจ

เพื่อสนองพระบาทไท้ พระทรงมุ่งใจตั้งปณิธาน (ซ้ำ **)

*** พวกเรา ชาวมหิดล ถ้วนทุกคนพร้อมรักสมัครสมาน

จะกอบกิจเทิดนามพระราชทาน ให้ตระการก้องหล้าทั่วฟ้าดิน (ซ้ำ ***)

เทิดพระบิดา

เรามหิดลทุกคนใฝ่ความดี เราพร้อมมีศักดิ์ศรีแห่งมวลชน

เรามอบรักพิทักษ์ไทยทุกคน เราผจญเพื่อทุกคนกินอยู่ดี

เราพร้อมใจป้องโรคภัยให้ปวงชน เราทุกคนสู้ทนไม่หน่ายหนี

เรายอมทุกข์เทใจให้เป็นพลี เราชีพนี้พลีเพื่อพระบิดา

* เราลำเค็ญยากเข็ญสู้ฝ่าฟัน เรารักกันสร้างสรรค์ด้วยศรัทธา

เรามหิดลทุกคนมั่นสัจจา ตามรอยพระบิดาคือสัญญาเพื่อปวงชน

( ซ้ำ * )

๑๔

E C#m F#m B F#m

E7 A B7 E C#7 F#m(B) B(E)v

E C#m F#m B F#m

E7 A G#m C#m C#7 F#m B7 E

E F#m G#m F#m E

F#m B E C#m B G#(E)

Dm C Dm A Dm Dm Gm Bb A

Dm C Gm Dm A Bb A Dm

Dm Gm Dm A Dm Dm Gm Bb A

Dm C Gm A C F A Dm

Dm C A Dm Dm Gm Bb A Dm

C Gm Em A Dm

Page 15: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มหิดลฉลองชัย

นามมหิดล เป็นศรีแก่ชน ผองชาวแพทย์ไทย

เป็นพระบิดา ของแพทย์ทุกวัย เทอดไว้นานมา

พวกเราปลื้มใจ นามพระเกริกไกร ซึ้งในศรัทธา

สถาบันนี้ พระนามนี้มา ศึกษากว้างไกล

ไชโย ไชโย ทั่วกัน เราร่วมสัมพันธ์ ร่วมใจ

ในสถาบันนี่ไซร้ ยืนยง

นามมหิดล เป็นศรีกมล ของเรามั่นคง

มานะยามเรียน พร้อมเพียรพะวง ประสงค์เทอดทูน

ปลื้มในอุรา ศึกษาได้มา วิชาเกื้อกูล

ครานี้ปลื้มใจ ผลได้สมบูรณ์ ที่หวังปริญญา

จึงมาร่วมวัน ฉลองร่วมกัน สัมพันธ์อุรา

อยากเห็นมานาน สำราญสักครา ให้สาแก่ใจ

ไชโย ไชโย พวกเรา มาร่วมรักเนา แนบใจ

ฉลองความสดใส ทั่วกัน

ชาวมหิดล ร่วมพร้อมกมล พร้อมใจผูกพัน

มานะจำนง พะวงสำคัญ ร่มขวัญชาติไทย

๑๕

F G C C7

Bb C A A7

F G C C7

Bb C F

F G

C Bb C C7

F G C C7

Bb C F

F G C C7

Bb C A A7

F G C C7

Bb C

F G

C Bb C C7

F G C C7

Bb C F

Page 16: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มหิดลน้องพี่

Intro : Em Am B7 Em

มหิดลน้องพี่ เรานั้นมีความผูกพัน

ร่วมสายใยคลอ้งใจกัน ไม่มีวันเสื่อมคลาย

มหิดล เราทุกคนไม่แหนงหน่าย

แม้นลำบากเพียงใด ฝ่าฟันไปไม่หวั่นเกรง

มหิดล เราทุกคนใช่อวดเก่ง

มีน้ำใจเป็นนักเลง แต่ไม่เบ่งกับใคร

มหิดล เราทุกคนต่างฝันใฝ่

อุดมการณ์อันสดใส ด้วยดวงใจมั่นคง

* เราต่างยินดี ต่างเปรมปรีดิ์สุขีทุกคน

ในรั้วมหิดล เราทุกคนต่างภูมิใจ

** มหิดล เราทุกคนมีดวงไฟ

คุณธรรมนำจิตใจ เพื่อชาวไทยทุกคน( ซ้ำ * , **, * , * )

ประกายดาว

สีน้ำเงิน...เป็นสีประจำมหาวิทยาลัยมหิดลที่ยังหาข้อสรุปไม่แน่ชัดว่ามีที่มาอย่างไรศรีตรัง...เป็นสิ่งที่ชาวมหิดลยึดถือมานานว่าเป็นตน้ไม้ประจำมหาวิทยาลัย

ดังจะเห็นได้จากเพลงเก่าที่รุ่นพี่แต่งไว้ เช่น ศรีตรัง, ใต้ต้นศรีตรัง, ศักดิ์ศรีตรัง, สีน้ำเงิน ฯลฯ ที่ล้วนมีคำว่าศรีตรังอยู่ทุกเพลง

ทั้งที่ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยมหิดลจวบจนกระทั่งในโอกาสครบรอบ 30 ปีแห่งวันพระราชทานนามมหิดล

( 2 มี.ค.42 )จึงได้จัดประกวดต้นไม้สัญลักษณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็น “กันภัยมหิดล”อตฺตานํ อุปมํ กเร...จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา

เป็นคติพจน์ที่ชาวมหิดลล้วนยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต

๑๖

G

Em C D7

Em G

Am B

Em G

Em C D7

Em G

Am D7 G G A Bb

Bm (Em) Em (Am)

C (C) Am (Bm) B (Em)

Em G

Am D7 G

Page 17: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สีน้ำเงิน ประกายไฟ

ศรีตรังยั่งยืนเด่นงาม ทั่วเขตคามงามด้วยน้ำใจ

น้ำเงินเด็ดเดี่ยวมั่นคงไม่มีหวั่นไหว ลำบากเพียงไหนด้วยใจใฝ่คุณธรรม

ศรีตรังยิ่งงามสง่า ประกาศทายท้าต่อความชั่วช้าใด ๆ

จะร่วมสร้างสรรค์ด้วยธรรมส่องนำจิตใจ สว่างไสวเพื่อไทยเพื่อผองประชา

* แม้ผจญความยากลำบาก ถึงต้องทุกข์ยากอย่างไรจะไม่สับสน

จะขอฟันฝ่าต่อไปด้วยใจอดทน เพื่อบรรลุผลดั่งคำราชบิดา

ศรีตรังนั้นงามเพียงใด คงอยู่ในใจพี่น้องเสมอมา

เลือดสีน้ำเงินต้องคงอยู่คู่ประชา ดุจดังแผ่นฟ้าดุจดังแผ่นดิน ( ซ้ำ * )

ศรีตรัง

ศรีตรัง ฝังใจ ผูกพันหทัย ให้ถือในสัญญา

น้ำเงิน โสภา ที่เป็นขวัญตา ในอาณาจักรเรา

ศรีตรัง แสนงาม เชิดชูเขตคาม อยู่ทุกยามเย็นเช้า

ศรีตรัง แดนเรา ยิ่งมองปองเร้า ใจของเราผูกพัน

* ปลุกเรานี้ สามัคคีร่วมกัน

ปลอบเรานั้น ขวัญชีวันมั่นคง

ศรีตรัง สัญญา เชิดชูศรัทธา ที่พร้อมพาประสงค์

มิคลาย จำนง ที่เราประสงค์ เราทะนงภาคภูมิ ( ซ้ำ * )

๑๗

G G7 C G

Em E Am G Am D7

G G7 C G

C D G D7 G/G7

C G

C D G Am D7

G G7 C

Em E Am G D7 G

C Am Dm F Dm

F Dm G C

C Am Dm F Am

C Em C Dm C

F G

F G7

C Am Dm F Am

C Am C G C

Page 18: Saleung Entire Book 2009

สลึง

Intro : A D Dm E

สู่ดินแดนศรีตรังงามสง่ากว้างไกล

สู่ดวงใจพึงในรักสามัคคีที่มีมอบให้

ร่วมเดินทางทุกคนมั่นในศักดิ์ศรีตรัง

มาร่วมกันสร้างสรรค์ให้สังคมงาม ด้วยความมั่นใจของเธอ

* มาต่อสู้ด้วยความทุกข์ทนแม้จะลำบาก

จะฝ่าฟันไปตลอดทาง

เราทุกคนล้วนภูมิใจในศักดิ์ศรีตรัง

จงร่วมกันสร้างสรรค์ให้สังคมงาม ด้วยความมั่นใจของเธอ

( ซ้ำ * )

ศรีตรัง ... ฝังจิต ... ตรึงใจ ... มิคลาย ...

สู่อ้อมอกรั้วมหิดล นี่คือมหาวิทยาลัยสูงค่า

เราภาคภูมิใจที่เราได้มาร่วมสถาบัน

หยิ่งในศักดิ์ศรี... ศรีตรัง

เทิดทูนความดี... ศรีตรัง

จดจำภาพศรีตรังนี้ นิรันดร์ ( ซ้ำทั้งหมด )

ศักดิ์ศรีตรัง

อ้อมอกศรีตรัง

ประกายไฟ

ประกายไฟ

๑๘

A Amaj7

F#m Bm Bm7 E7

A Amaj7

F#m Bm Bm7 E7 A A7

D F#m Bm E7

F#m E7 F#m E7

A Amaj7

F#m Bm Bm7 E7 A

Amaj7 D Dm A

A C#m D

A F#m Bm E

Bm

C#m D

A E A

Page 19: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ใต้ต้นศรีตรัง ประกายดาว

Intro : C Am F G7 C F G C

ใต้ต้นศรีตรัง ยังจำฝังใจ

ร่วมก้าวรุดไป สู่ความฝันใฝ่รวีร้อนแรง

เลือดมหิดลข้น สร้างวีรชนแกร่ง

กากบาทแดง แรงศรัทธาฝ่าภัยพาล

เทอดอุดมการณ์ ในใจทุกคน

อุทิศพลีตนเพื่อชีวิตใหม่ ไม่แปรผันคืน

หยัดยืนทะนงกล้า ทายท้าปลุกไทยตื่น

สู้เพื่อพลิกฟื้น อุดมการณ์อันเกรียงไกร

* ขอพลีตน ก้าวสู่แห่งหนเพื่อสร้างโลกนี้สดใส

รีบมาเร็วไว ฝ่าฟัน ผองภัย

สร้างสรรค์ไทยใหม่ ให้เริงฤดีอาบแสงรวี

งามดอกศรีตรัง เร่งรวมพลังรับใช้ประชากู้สิทธิ์เสรี

เพื่อมวลมนุษย์ชาติ ดอกไม้จากใจพลี

เพื่อเกียรติศักดิ์ศรี คุณธรรม จรรยาบรรณ ( ซ้ำ * )

๑๙

C Em C

G G7

F C

G C F C G C

C Em C

G G7

F C

G C

F Fm C

G

G G7

C G G7

F C

G C F C G C

Page 20: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กันภัยมหิดล

กันภัยมหิดล ทั่วสกลนามมงคลประดับฟ้า

เอกมณีหนึ่งเดียวในโลกา ม่วงอร่ามงามสง่าตระการไกล

กันภัยมหิดล แหล่งสร้างคนให้เป็นคนให้เป็นไทย

เพื่อก้าวสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่ พร้อมรวมใจเป็นหนึ่งในมวลประชา

ปณิธานในพระราชบิดา ปลุกศรัทธาพี่น้องดังทรงฝันใฝ่

กระแสสามัคคีพร้อมยอมพลีเพื่อประชาไทย ประกาศเกรียงไกรตลอดกาล

กันภัยมหิดล หลั่งเลือดข้นน้ำเงินเข้มสมัครสมาน

จะไหลนองป้องไทยพ้นภัยพาล คำสาบานกังวานก้องเพื่อผองไทย

กันภัยมหิดล จะแตกต้นแลชูช่อสว่างไสว

บนดินแดนมนุษยธรรมและน้ำใจ คงบานอยู่ในใจเต็มภาคภูมิ

ดินแดนมนุษยธรรม และน้ำใจ แห่งมหาวิทยาลัยเพื่อปวงชน

กันภัยมหิดล: เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2542 มหาวิทยาลัยมหิดลได้จัด การประกวดต้นไม้สัญลักษณ์ โดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระราชทานพระกรุณาธิคุณทรงมีพระวินิจฉัย ชี้ขาดให้ “กันภัยมหิดล” เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยเหตุผลว่า เป็นต้นไม้ที่พบในประเทศไทย สามารถปลูกได้ง่าย มีนามเป็นมงคล มีชื่อพ้องกับ นามมหาวิทยาลัยและมีลักษณะสวยงาม แม้จะเป็นไม้เถาแต่ก็สามารถจัดแต่งเป็นทรงพุ่มได้หลายแบบ มีอายุยืนหลายปีและเมื่อเถาแห้งไปก็สามารถงอกงามขึ้นได้ใหม่ ซึ่ง ความเป็นไม้เถานี้สื่อความหมายถึงความก้าวหน้าและความสามารถในการปรับตัวให้ พัฒนาไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างดี

๒๐

C Dm G C

C Dm G C

C Dm G C

C Dm G C

Am Am G

C Dm G C F G

C Dm G C

C Dm G C

C Dm G C

C Dm G C

C Dm G C

Page 21: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ศาลายา ประกายดาว

Intro : Dm Dm Gm F#m D D G F Dm Dm

เมื่อมาพบพาน สถานแห่งนี้ เหมือนดังมีมนต์ คอยดลใจให้ไปใฝ่หา

ซึ้งในฤดี ที่ศาลายา แม้ใครได้มาล้วนพาสุขใจ

เหม่อมองนกกา บนฟ้าที่เห็น เหินบินเล่นลม ดูน่าชมสมใจหนักหนา

แม้มันบินสู่ผ่านหมู่เมฆา ช่างงามจับตาหาใดเปรียบปาน

ให้หวนคิดดังเมื่อครั้งอยู่หอ เฝ้ารอพากเพียร

เคยเล่าเรียนที่ตึกแมลงปอครั้นพอยามเย็นเดินเล่นในหอ ชีวิตชาวหอแสนสุขใจ

* แดนดินถิ่นนี้ ล้วนมีความหมาย ติดตรึงใจไม่ลืมเลือน

ความหลังฝังจิตคิดถึงเพื่อน ๆ อยากกลับไปเยือนถิ่นศาลายา

Solo : Dm C Bb A7 Dm Gm F A Dm Dm

ศาลายา ประกายไฟ

อยู่ท่ามกลางท้องนา กว้างไกลแลลิบตา แสนจะเงียบเหงา

กลางวันร้อนผ่าว กลางคืนหนาวเหน็บ เผชิญผองภัย

แกร่งดังขุนเขา ขาวราวปุยนุ่น ละมุนฤทัย

หนทางกว้างใหญ่ ปูไว้ให้เธอ ชาวศาลายา

ขอจงเชื่อมั่น สรรสร้างความดี

ด้วยศรัทธานี้ มีมอบให้แด่ผองประชา

อาบแสงแห่งสัจจะ ประกาศท้าความเหนื่อยยากไม่ยอมแพ้…

ดวงแด ยิ่งแน่วแน่แด่เธอ ..... ชาวศาลายา

๒๑

Dm A7 Gm D

A Dm Gm A7

Dm A7 Gm Dm

A Gm A7 Dm

Dm A7

Gm Dm A Gm A7 Dm

Bb Gm Dm

Bb Am Dm Dm

A F#m A C#m C#

D A Bm E

Bm D

A E A C#

F#m Bm E

A F#m C#m Bm

B F#m B D Dm

A E A

Page 22: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ศาลายา

ดื่มด่ำความรู้สึกอบอุ่น มหิดลการุณยท์ี่ศาลายา

แหล่งพักสำนักศึกษา สอนศิษย์ก้าวหน้าทุกทาง

มากมวลหมู่ครูทั้งหลาย มากมายช่วยเหลือทุกอย่าง

มากมิตรสนิทใจไม่จาง แม้เมื่อยามร้างห่างไกล

* โอ้ศาลายา โอ้ศาลายา ถิ่นศึกษาเริ่มต้นวิชาชื่อที่สดใส

โอ้ศาลายา โอ้ศาลายา ถิ่นศึกษาเริ่มต้นวิชาชื่อที่สดใส

ศิษย์มหิดล ทุกคนภูมิใจ ติดชื่อตรึงไว้ อยู่กลางใจ ตลอดกาล

( ซ้ำที่ * )

ศาลายา …. ศาลายา ….. ศาลายา

ศาลายา

เป็นโครงการจัดตั้งเมื่อปี ๒๕๑๘

เปิดเป็นที่เรียนของนักศึกษาชั้นปี ๑ ทุกคณะของมหาวิทยาลัยมหิดล

ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๒๕ ถือเป็นรุ่น “ศาลายารุ่นที่ ๑”

และนับรุ่นต่อกันมาตั้งแต่บัดนั้น

ศาลายา มีความเป็นพิเศษที่เป็นทั้งที่เรียนที่กินอยู่หลับนอนร่วมกัน

ทั้งหมดของเด็กมหิดลโดยไม่แบ่งแยกคณะ

ศาลายา เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นที่รวมของความทรงจำที่ ...

แม้จากไปไม่ลืมเลือน

๒๒

A D A D A

F#m B7 D/ Dm A F#m Bm E

A B7 C#7 F#m

D A E A

A F#m D A Bm E A

A F#m D A Bm E A

D E C#m F#m B7 E A

D Dm A

Page 23: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มหาวิทยาลัยมหิดลมีกำเนิดและพัฒนาการที่ยาวนาน คณะต่างๆ จึงมีจุดเริ่มต้นและ ประวัติศาสตร์ของตนเองที่แตกต่างกันที่เห็นได้ชัดคืออายุที่ต่างกันมากตั้งแต่กว่าร้อยปีจนถึง คณะเกิดใหม่อายุเพียงไม่กี่ขวบ ช่องว่างระหว่างวัยย่อมมีอยู่แต่ช่องว่างระหว่าง “มนุษยธรรม และน้ำใจ” คงมีเพียงน้อยนิดถ้าเรามั่นใจว่าเราคือเพื่อนพี่น้องร่วมสถาบัน

มหาวิทยาลัยมหิดล

ศิริราชรื่นเริง รื่นเริง (รื่นเริง) ร่วมบันเทิงสนุกแสนสำราญ (สนุกแสนสำราญ)

เบิกบาน (เบิกบาน) สามัคคีผูกพัน (สามัคคีผูกพัน)

จิตใจ (จิตใจ) ไม่มีวันเสื่อมคลายรักมั่น (เสื่อมคลายรักมั่น)

ศิริราช (ศิริราช) สายสัมพันธ์มั่นคง (สายสัมพันธ์มั่นคง)

* ต่างคนเบิกบานสราญหทัยแท้ สายสัมพันธ์ไม่ลืม

อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ดีใจหทัยล้วน ชวนสนุกเฮฮา

** ถิ่นเรา (ถิ่นเรา) ศิริราชอันเป็นนามเร้าใจ (อันเป็นนามเร้าใจ)

จากไป (จากไป) ใจเราลืมไม่ลง (ใจเราลืมไม่ลง) ( ซ้ำ *,** )

พิกุลรำลึก เราเคยร่วมกันสนุกสนาน เราเคยประสานดวงใจ

เราเคยสุขทุกข์มิหวั่นไหว เราเคยก้าวไปพร้อมใจกัน

* ฝ่าไปให้ถึงซึ่งจุดที่มุ่งหมาย ฝ่าไปด้วยดวงใจเปี่ยมความหวัง

ฝ่าไปสานสายใยเปี่ยมพลัง ฝ่าไปถึงปลายทางรับใช้ประชา

** อย่าลืมฉัน ใจมั่นอุดมการณ์ อย่าลืมลานพิกุลงามดั่งความฝัน

อย่าลืมสุขทุกข์เคยฝ่าฟัน อย่าลืมคืนและวันฉันและเธอ ( ซ้ำ *,** )

๒๓

Page 24: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กายภาพที่รัก เรารักกันน้องพี่ ร่วมสร้างความดีไม่มีเสื่อมคลาย

จวบจนฟ้าดินมลาย

เราตั้งใจไว้มั่น รับใช้มวลชน

เพื่อคนพิการทั่วหล้า

เปี่ยมด้วยคุณธรรม และน้ำใจมั่นพวกเรายอมพลี

มีจิตไมตรี พวกเรา PT เป็นมิตรนิรันดร์

แพรชมพูงามเด่น ดุจเป็นพยานของการผูกพัน

รื่นเริงสรรค์สร้างสังคม

เกียรติศักดิ์ของเรา เทิดอุดมการณ์

คืองานเรากายภาพ

ด้วยพลังสร้างสรรค์ และสองมือมั่นประสานดวงใจ

ร่วมฝ่าฟันไปเพื่อสังคมไทย ประชารื่นรมย์

เทคนิคการแพทย์

ลำน้ำเจ้าพระยา ไหลมาจากแดนไกล

อุ้มชูผองเราชาวไทย เลี้ยงดูให้สดใสชื่นบาน

ริมฝั่งเจ้าพระยา สรรมาสถาบันใจ

เทคนิคการแพทย์วิไล มหิดลหลักชัยนิรันดร์

* พากเพียรเรียนวิชา ร่วมใจพัฒนาน้องพี่

ผลงานด้านนี้ ผองเราไม่มีเสื่อมคลาย

อยู่ยังฝั่งนที สองปีที่เราเรียน

รักมั่นไม่แปรเปลี่ยน เจ้าพระยาเหมือนเพื่อนเตือนใจ (*)

๒๔

Page 25: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดินแดนรังสี

ดินแดนรังสี

ของเรานี้เฉิดฉาย

พี่น้องหญิงชาย

ร่วมใจกายเกลียวกลม

โน่นพี่นี่น้อง

แสนปรองดองสุขสม

เรามาอบรม

เพื่อช่วยชนชาวไทย

น้ำใจรังสี

มิรู้จางเหือดหาย

ยามจากกันไกล

เฝ้าห่วงใยอาทร

ถิ่นเก่าเราจ๋า

แม้กายลาจากจร

สุดห่วงอาวรณ์

ถึงจะจรแต่กาย

ตั้งจิต อธิษฐาน

ขอบนบานเทพไท้

เป่ามนต์ดลใจ

มิให้ลืมถิ่นเรา...

สุทธาสิโนบล คู่สายชลงามวิไล

คุณธรรมประจำใจ ต้องมีไว้คู่วิชา

สุทธาสิโนบล ใครได้ยลตรึงติดใจ

บัวงามม่วงครามไสว เหลืองสดใสในเกสร

สุคนธ์ระรวยรื่น พาจิตชื่น กลิ่นขจร

แม้นเป็นเช่นภมร จะขอซ่อนอยู่ใกล้บัว

ม่วงครามแสนงามนี้ ถือเป็นสีประจำตัว

ทันตแพทย์ทุกคนทั่ว นิยมบัวต่างสมญา

กลีบน้อยรวมเป็นดอก ดังจะบอกทุกทิศา

ด้วยรักและศรัทธา ผูกพันพา สามัคคี

ศักดิ์ศรีวิชาชีพ ดั่งประทีปแห่งฤดี

ม่วงครามดอกงามนี้ แนบชีวีนิรันดร

สุทธาสิโนบล

๒๕

Page 26: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มาร์ชวิดยา พวกเราน้องพี่ ร่วมสามัคคีเป็นพี่น้องกัน

พวกเราวิดยาอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน กลมเกลียวรักมั่นสัมพันธ์จิตใจ

พวกเราร่วมกัน ร่วมสร้างสรรค์ให้ชาติก้าวไกล

ให้โลกรู้ว่าเราคือไทย เราต่างภูมิใจในสถาบัน

เราวิดยา เราวิดยา วิดยามหิดล

รามาปณิธาน

หนึ่งในฤทัยฉัน คือรามาธิบดี ถ้อยคำคำนี้แสนซึ้งทรวง

ประกอบกิจการงานใดใดทั้งปวง ยังห่วงหวงชื่อรามาธิบดี

ขอปฏิญาณ ตั้งจิตมุ่งใจ อยู่ที่แห่งใดในโลกนี้

ขอกระทำแต่ความดี สมเกียรติและสมศักดิ์ศรีรามาธิบดีมหิดล

งามถิ่นรามา งามซึ้งใจงามถิ่นนี้ มีที่ใดไหนปาน

ยินเสียงดนตรีขับขาน ประสานสายใยสัมพันธ์

มาเถิดพี่น้องผองชาวรามา มาเถิดจงมาร่วมใจ

มาร่วมสร้างสรรค์ ด้วยฝันอันยิ่งใหญ่ สร้างเมืองไทยรุ่งเรือง

จะขอ….ปฏิญาณ จะสมาน….สามัคคี

ชาวรามาธิบดี ด้วยศักดิ์ศรี…อันเกรียงไกร

๒๖

Page 27: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ราชพฤกษ์พิไล

พวกเราสาธารณสุขศาสตร์ แผนผงาด มาดงดงามตามกันหนา

สุขาภิบาลนั้นสันฐานสง่า นักโภชนา วิทยาพาเพริดพราว

พวกสุขะศึกษาเอาการ พวกเอางานนั้นพยาบาลหวานซึ้งสวาทวาว

อาชีวะอนามัยเกริกกราว งามเหมือนเดือนและดาว สกาวพราวนภา

พวกเราสาธารณสุขศาสตร์ หมายช่วยชาติราชการงานอาสา

ใฝ่ฝันนั้นมันขลังหวังนั้นมันกล้า รักเรียนเพียรพาเอาวิชามาช่วยไทย

มิ่งชีวัน ขวัญชีวิตเรา สัญลักษณ์แห่งเราและเรา

พริ้งเพราพราวประไพ เหลืองพิลาศราชพฤกษ์พิไล

ประทับใจไฉไลเราไว้ไม่ลบเลือน

ฝันอันยิ่งใหญ่

ด้วยพลังความฝันอันยิ่งใหญ่ ด้วยแรงใจสร้างสรรค์เพื่อปวงประชา

เขียวของเราดังโลหิตลูกพระบิดา สร้างคุณค่า PI ผูกสายสัมพันธ์

เปรียบเป็นดินใช่เรานั้นจะไร้ค่า ศักดินาหรือไรที่เราใฝ่ฝัน

เสียสละและอดทนเป็นสิ่งสำคัญ จงมุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อสังคมไทย

ที่แห่งนี้หลอมรวมให้เราเป็นหนึ่ง (เราเป็นหนึ่ง)

ที่แห่งนี้สอนเราเข้าใจความหมาย

ชนชั้น วรรณะ ยศศักดิ์ ทรัพย์สินใดๆ ไม่อาจวัดใจค่าความเป็นคน

พระบรมราชชนกยึดมั่น อุดมการณ์ย้ำเตือนอยู่ทุกแห่งหน

เมตตาธรรมคือหัวใจแพทย์มหิดล เพื่อประชาชนชาวไทยได้พึ่งพิง

คือหัวใจของเราแพทย์มหิดล เพื่อประชาชนชาวไทยได้พึ่งพิง

๒๗

Page 28: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มงคลนาม

มงคลนามเภสัชกรรม เป็นหนึ่งพึงจำนามขจร

รวมพลังเภสัชกร เภสัชขจรระบือกร้าวแกร่ง

ทุกถิ่นไกลทั่วไทยร่วมแรง ต่างเข้มแข็งด้วยกันทุกคน

ร่วมใจกันยึดมั่นคุณธรรม เภสัชกรรมเพื่อปวงชน

ปวงโรคามีมากหลากล้น เราเสาะเราค้นคิดยามาป้อง

พร้อมฉีดกินหมดสิ้นทั้งผอง เพื่อป้องกันโรคภัยนับคณา

ล้วนตั้งใจเมื่อได้ร่วมใจร่วมในนโยบาย หมายมั่นในสวัสดิภาพของชาวประชา

ผองโรคภัยขจัดออกไปอย่าให้มาบีฑา แม้ประชาไกลห่างโรคาพวกเราพอใจ

* มงคลนาม มงคลนาม มงคลนาม เภสัชกรรม

มงคลนามเภสัชกรรม เป็นหนึ่งพึงจำจนเจนใจ

รวมพลังเภสัชทั่วไทย เขียวมะกอกสดใสรักดั่งชีวา

ถึงอยู่ไกลรวมใจบูชา เภสัชสถาบันแสนเกรียงไกร ( ซ้ำ * )

พิทักษ์แผ่นดิน จะสร้างสรรค์โลกสวยด้วยสื่อโสต บอกคุณโทษสอนหลักออมรักษา

จะร่วมเสริมสร้าง ภูมิปัญญา สร้างน้ำฟ้าปลูกป่าในจิตใจคน

จะสร้างฝันให้เป็นจริงใช่สิ่งฝัน ลบภาพอันเลวร้ายในทุกหน

แม้เหนื่อยยากก็พร้อมก็ยอมทน เพื่อล้างมลพิษภัยให้แผ่นดิน

เพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย เพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย เพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย

๒๘

Page 29: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มาร์ชอุปกรณ์การแพทย์

ดินแดนแสนเด่นเป็นสง่า ศาลายาเป็นที่ตั้งของเรานั้น

คืออุปกรณ์การแพทย์สถาบัน สิ่งสำคัญเรื่องวิจัยพัฒนา

เครื่องมือแพทย์ทั้งหลายเราถนัด ความสันทัดจากการเรียนเพียรศึกษา

ทั้งนี้นั้นสถาบันให้เรามา นำวิชาทั้งหลายไปใช้กัน

การกีฬาเราก็สู้ด้วยความกล้า อุปกรณ์ศาลายานั้นไม่หวั่น

แม้นมีนิดแต่มีพิษภัยอนันต์ ยามแข่งกันเราสู้ สู้ขาดใจ

อุปกรณ์การแพทย์เรียนก็เด่น เราก็เป็นนักศึกษามหา’ลัย

ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่เราร่วมใจ สร้างสรรค์อุปกรณ์จงเจริญ...จงเจริญ

ณ ที่นี้ ด้วย ณ ที่นี้ พวกเรานั้นมี สัมพันธ์ เป็นพี่น้อง

เราหมายปอง สร้างความเป็นจริง สู่ฝันอันยิ่งใหญ่

มาอยู่ร่วมกันดัวยผูกพัน สร้างสายสัมพันธ์ ไม่ห่างไกล

เพื่อที่นี่ส่องไสว รวมเป็นวิศวะ สามัคคี ศักดิ์ศรีสง่า

มาเถิดเร็วมา ผองเรารวมกัน เป็นพี่น้อง

เราปรองดอง สร้างความสัมพันธ์ไม่หาย

สร้างความสัมพันธ์ สร้างพลังเป็นสง่า

มาเถิดเร็วมา เพื่อวิศวะมหิดล

๒๙

Page 30: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดุริยางคศิลป์(ญ.) บนเส้นทางสร้างเสียงด้วยสีสัน เพื่อแรงฝันกว้างไกลในแดนสรวง

บรรจงร้อยถ้อยสำเนียงเสียงทั้งปวง ฝากในดวงจิตมั่นดั่งสัญญา

(ช.) ดั่งสัญญามั่นไว้ในดวงจิต เป็นมิ่งมิตรสัมพันธ์ใจมุ่งใฝ่หา

บำรุงเสริมเพิ่มพลังสร้างศรัทธา สู่ประชามวลสังคมนิยมไทย

(พร้อมกัน) * ดุริยางคศิลป์ ถิ่นดีดนตรีประจักษ์

แหล่งรวมรักษ์คนดนตรีศรีสมัย

ประสานเพลงบรรเลงรมย์สมฤทัย

ภาคภูมิในทิพย์สถานวิมานเพลง

ด้ายน้อย จากด้ายน้อยเล็ก ๆ รวมเป็นผืนใหญ่ ถักทอไว้ ประดุจสานสามัคคี

แต่งสี แต้มสัน ต่างกันความหมายที่มี คือถิ่นนี้ ที่เราก้าวมา

* ญ. ศาสน ช. ศาสน

ญ. ศึกษา ช. ศึกษา

เราชาวปรัชญา ศรัทธามุ่งไปในสังคม

อุดมการณ์กว้างไกล เปรียบแสงนำทางสว่างกลางดวงใจ

** จากวันนี้พี่น้องร่วมกันฝันใฝ่ อยู่ที่ไหนหัวใจยังมีเธอ

จะนานเท่าไรต่อให้ไกลสุดสายตา จะกลับมาหาเพื่อนเก่าที่เคยเรียน

(ซ้ำ *,**) (ผูกพันเหมือนเก่ามิเคยเลือน)

๓๐

Page 31: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กีฬาเวชสัมพันธ์ ยามเหม่อมองดูฟ้า ท้องนภานั้นช่างกว้างใหญ่

แล้วความฝันเธออยู่ที่ใด ทำอย่างไรเมื่อฝันไกลเกินจริง

วันใดที่เธอท้อแท้ แม้วันใดยอมแพ้ทุกสิ่ง

แต่จงจำว่าเธออย่าละทิ้ง ฝันที่เกินความจริงคงอยู่ไม่ไกล

วันใดเธอผิดหวัง ยังมีคนข้างหลังเคียงข้าง

วันใดเธออ้างว้าง ไร้ทางไปสู่ฝัน

อยากบอกให้เธอรู้ ว่ายังมีเพื่อน ๆ ( พี่ ๆ ) ที่รักกัน

คอยช่วยเติมความหวัง และเป็นกำลังใจ ( ซ้ำ )

อยากบอกให้เธอรู้ วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ก้าวไกล

จะช่วยพาเธอไปสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่ใจ เธอต้องการ

มาร์ชเยาวชนเพื่อสาธารณสุข ประกายดาว

พวกเราเหล่านักศึกษา เรียนเพื่อรักษาโรคภัย

พวกเราตั้งจิตมั่นไว้ จะร่วมรับใช้ปวงชน

สุขภาพปวงชนคือหน้าที่ พวกเรานี้ยอมพลีทุกคน

จะฝ่าความลำบากสับสน เราทุกคนมีคติประจำใจ

ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจหนึ่ง เรารำลึกถึงอยู่ไม่คลาย

ส่วนประโยชน์ของตนนั้นไซร้ ขึ้นไว้ประโยชน์มวลชน

๓๑

F C G

F C F

F C G

F C F

Bb F C

F Bb C F

Page 32: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สดุดีมหาวชิราวุธพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร์มหาวชิราวุธ

พระทัยพิศุทธิ์พระราชทานสถานกุศล

วชิระสง่างามนามถกล

เป็นสาธารณกุศลเพื่อชนทั้งปวง

พระทัยท่านดุจฝนหลั่งจากฟ้า

พระเมตตาดุจเทวาจากสรวง

ทรงนึกถึงพี่น้องไทยด้วยความเป็นห่วง

ผองชนทั้งปวงเฝ้าจารึกนึกถึงพระคุณ

วชิระแห่งนี้มีวาสนา

พระบุญญาคุ้มครองมาถึงแสนอบอุ่น

นามกระเดื่องเลื่องลือไกลด้วยใบบุญ

ซาบซึ้งพระคุณขอสดุดีปิ่นศรีราชันย์

ถึงกาลพ้นผ่านเนิ่นนานเลยไป หัวใจระลึกคุณท่านนั้น

วชิระเฟื่องรุ่งเรืองเร็วพลันสร้างสรรค์สดใส

ณ วันนี้เกิดสถาบันเกริกไกร

วิทยาลัยแพทย์นามไซร้มหานคร

สรรค์สร้างปวงแพทย์รักษาผู้เจ็บไข้

ที่โรคภัยเบียดเบียนให้เดือดร้อน

ไม่ว่าชั้นวรรณะใดพร้อมเอื้ออาทร

ผองเราสังวรณ์ว่าชีวิตทุกคนมีค่า

ขอถวายชีวิตนี้ให้เป็นพลี

ผองแพทย์มีจรรยาบรรณสูงส่งถ้วนหน้า

ขอก้มกราบแทบบาทไท้ปิ่นราชา

องค์พระมหาวชิราวุธสูงสุดบูชา

๓๒

Page 33: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เธอนักเรียน…นิสิต…นักศึกษา

คือผู้เรียนวิชา…เรียนปัญหา…เรียนเหตุผล

ก่อนที่จะก้าวย่างไปตามทางแต่ละคน

สู่ความเป็นประชาชนอย่างเต็มตัว

ฐานะเธอจึงเป็นเช่นลูกน้อย

ประชาชนคือแม่…คอยคุ้มหัว

โลกนี้ สังคมนี้ คือ ครอบครัว

วางหน้าที่ไว้ทั่ว ๆ ตามเท็จจริง

นักเรียนนิสิต นักศึกษา…จึงมีอภิสิทธิ์

ที่ประชาชนได้อุทิศเป็นที่ยิ่ง

เธอคือลูกหลานประชา…อย่าทอดทิ้ง

ต้องตระหนักในสิ่งนี้มีสำนึก

จงศึกษา…เพื่อไปเป็นประชาชน

ไปตอบแทนบุญคุณพ้นรู้สึก

อย่าเหินห่างวางท่าโอฬาร์พันลึก

แล้วทักทึกอยู่เหนือกว่าประชาชน

เช่นนั้น…เธอคือ…คนผู้มีอภิสิทธิ์

มีชีวิตเหนือใครใครไปทุกหน

คนเช่นนี้ไม่ควรค่าคำว่าคน

เพราะเขาปล้นปวงประชาอย่างน่าละอาย

บัณฑิต...

เพียงเธอจะหยุดคิดถึง…ความหมาย

ก่อนจะถอดเสื้อครุยอันกรุยกราย

ทางข้างหน้าท้าทายและ…คอยเธอ…

ฯลฯ

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

๓๓

Page 34: Saleung Entire Book 2009

สลึง

รับขวัญIntro : F G7 C Fm C

มาซิมาจะรับขวัญ มาร่วมกันประสานดวงใจ

ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ มอบรักจากใจไว้ให้แด่เธอ

มาซิมาอย่ารอช้า มารีบมาเถอะเราน้องพี่

ด้วยใจรักและภักดี รักมั่นสามัคคี รักนี้ไม่จืดจาง

เมื่อเราร่วมกันด้วยความมั่นใจ เปรียบเสมือนดวงไฟส่องไสวเส้นทาง

ให้น้องพี่รวมพลัง รักมั่นไม่จืดจาง ร่วมทางก้าวไกล

รับขวัญบายศรี

โอ … โอ้ละเน้อ เออ เอ่อ น้องเอย ลา...

โอ้..น้องเอย พี่นี้ขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล

รักเจ้าดังดวงใจ มิคลายหน่ายนา ลา ...

(ช.) พี่จะรับขวัญเจ้า (ญ.) เอามาเข้าเป็นขวัญจิต

(ช.) จะรักดังชีวิต (ญ.) ใจคิดกรุณา ลา ...

(ช.) ขอจงหายโศก (ญ.) พ้นภัยหายโรค

(ช) ให้มีโชคนะน้องยา

(พร้อมกัน…) จะเอาด้ายยาวขาวบริสุทธิ์ ลา …

พันมัดผูกไว้ที่ข้อมือของเจ้า ลา …

เหมือนดังใจพี่ผูกพันเจ้าไว้ไม่หน่ายหนี

เอ้อ…เอ่ย ใจผูกพัน

๓๔

G7 C Em Am Dm

G7 F G C

G7 C Em Am Dm

G7 F G C

G C G C

Am G C

Gm F Gm F

F Dm

F Dm Gm

Dm F

Dm F

Dm

F Gm

Dm F

Dm

Gm Dm F

F

Page 35: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เทียนIntro : C Am Dm G7 C

จากวันนั้นเพื่อนขวัญ เคยร่วมกันขับขานร่วมจิตใจ

สู่วันนี้พี่น้องร่วมฝ่าภัย จากใจถึงทุกคน

ด้วยความรักเปี่ยมล้นบนเส้นทาง สว่างไสวในศรัทธา

ร่วมกันสร้างพรุ่งนี้ของประชา ที่สดใสให้เป็นจริง

* ชีวิตเธอมีคุณค่า มวลประชาเขารออยู่ รอเธอเป็นผู้ก้าวไป

ดังมวลไม้ที่งอกงาม ยามถึงคราวชูช่อใหม่ ไปเถิดจงไปทั่วแดน

** อยากให้เธอเป็นเทียนเล่มน้อย ที่ส่องแสงสู่หนทางมืดมน

เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คน ตราบจนนิรันดร ( ซ้ำ *,** )

เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คน ตราบจนนิรันดร

เทียน (หนึ่ง)

เทียนหนึ่งถูกจุดที่นี่ เทียนนี้ถูกจุดลุกไสว

เทียนนี้ถูกจุดที่ใจ เปลวไฟถูกจุดขึ้นมา

เปลวไฟแห่งการลุกไหม้ เปลวไฟแห่งการศึกษา

เปลวไฟต่อสู้มายา เปลวไฟที่ท้าผองภัย

บ่อยครั้งเทียนกระพริบริบหรี่ เมื่อมีลมกรรโชกโบกใกล้

บ่อยครั้งเทียนแทบดับไป แทบไม่อาจต้านลมแรง

* ศักดิ์ศรีที่เทียนส่องอยู่ เชิดชูศรัทธากล้าแกร่ง

แม้เป็นเทียนน้อยด้อยแสง อาจแฝงศรัทธาเรืองรอง

บัดนี้เทียนถึงการมอดดับ ลาลับไปจากเพื่อนผอง

แต่ ณ ที่นี้เรืองรอง ขอเทียนน้องส่องทดแทน ( ซ้ำ *,**)

๓๕

C Am C Dm G7

C Am Dm/G7 C

C Am C Dm G7

C Am Dm/G7 C/C7

F C Am Dm G7

F C Am Dm G7

C Am C Dm/G7

C Am Dm/G7 C

C Am Dm/G7 C

C Am C Em

Am Dm G7 C

C Am C Em

Am Dm G7 C

C Am C Em

F Dm G7 C/C7

F G7 C

C Edim Dm G7 C

C Am C Em

F Dm G7 C

Page 36: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เปลวเทียน นศพ.ขจรศักดิ์ เทพเสน

Intro : C Em Am G

จากเมืองที่ค่ำคืนแสงพร่างพราย เป็นเพียงหนึ่งแสงที่มองเห็นทั่วไป

สู่ดินแดนแสนไกล ไร้ความหวัง เธอคือพลังที่รอคอย

* เปลวเทียนน้อยน้อยในค่ำคืนไม่มีแสง เปลวเทียนน้อยน้อยแม้ลมแรงไม่หวั่นไหว

เพื่อคนมากมายเพื่อโรคร้ายได้สิ้นไป เพื่อชีวิตที่ฝากไว้ในมือเธอ

อดทนเพื่อผู้คนที่รอคอย ยิ้มของเด็กน้อยอยู่ที่เธอ

ผ่านคืนแห่งโรคภัยไร้หม่นหมอง รอคอยแสงทองของวันใหม่ ( ซ้ำ *,** )

แต่งขึ้นเพื่อเป็นเพลงประจำค่าย CPIRD (โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท) ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

แสงเทียน

จะมีกี่คนกันหรือเล่า แม้นล้มจักลุกสู่เป้าหมาย

ก้าวเดินฟันฝ่านั้นคือแรงกาย แล้วไซร้แรงใจใครดูแล

อย่าหวังเพียงพิงอิงคนข้าง อย่าอ้างเพียงลมไม่โบกไหว

อย่าคิดเพียงเรานั้นไม่มีใคร อย่าไปยึดติดเพียงรอบตัว

อาทิตย์ยามเช้าคือส่องแสง จันทรายามเย็นคือสดใส

เวลาผันเปลี่ยนคือดับไป มิอาจต้านแรงและทัดทาน

เทียนหนึ่งเทียนน้อยเจ้าจุดไว้ เป็นไปเจ้าสรรค์สร้างความหวัง

ท่ามกลางมืดมิดคือพลัง หาไม่ดับไปตามกาเล

จงเป็นผู้จุดแสงสว่าง จงสร้างแสงเทียนสว่างไสว

ดูแลเทียนนี้ที่ในใจ เก็บเป็นแรงใจตลอดกาล

คำร้อง พิราบขาว ทำนอง หนึ่ง น้ำโขง

๓๖

C Em Am Dm G

F G Em Edim Dm G C

C Em Am G C Em Am G

F G Em Am Dm G C

C Em Am Dm G

F G Em Edim Dm G C

C G Am F G C/C7

F G C/Em/Am Dm G C

C G Am F G C/C7

F G C/Em/Am Dm G C

C G Am F G C/C7

F G C/Em/Am Dm G C

C G Am F G C/C7

F G C/Em/Am Dm G C

C G Am F G C/C7

F G C/Em/Am Dm G C

Page 37: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เทียนไข

น้ำตาเทียนหยดไหล ด้วยถูกเปลวไฟเผาตัวมันเอง

แต่เทียนน้อยไม่เคยหวั่นเกรง ยอมพลีตัวเองสู้ความร้อนรน

แม้นเทียนถูกไฟหลอม เทียนก็ยินยอมเพื่อปวงประชา

สร้างแสงสว่างนำพา ส่องทางเจิดจ้าชี้ทางมวลชน

แต่เทียนน้อยยังคอยวัน ได้ร่วมฝันสรรค์สร้างความดี

ด้วยรักและสามัคคี ให้ชีวีได้มีคุณค่า

* มา...มาเถิดเพื่อนเอ๋ย โอ้เพื่อนเราเอยเข้ามาร่วมกัน

ช่วยกันคิดพัฒนาสร้างสรรค์ เพื่อเฝ้ารอวันที่สวยงดงาม

** หากแม้นเพื่อนเจ็บปวดร้าว เพื่อนอย่าลืมเราที่เคยเข้าใจ

เพื่อนคนนี้ยังคอยห่วงใย ถึงตัวอยู่ไกลแต่ส่งใจทุกครา

(ซ้ำ ** , * , * )

เพลงประจำรุ่น พสวท. 19

เปลวเทียน

จุดเทียนเล่มน้อยขึ้นส่องนำทาง จุดไฟสว่างขึ้นในดวงใจ

ลบรอยความมืดให้เลือนหายไป ส่องทางเส้นชัยก้าวไปพร้อมกัน

จุดเทียนเล่มน้อยขึ้นส่องนำทาง จุดไฟสว่างขึ้นในดวงใจ

ลบรอยความมืดให้เลือนหายไป ส่องทางเส้นชัยก้าวไปพร้อมกัน

เบิ่งฟ้า…ยามฟ้ามืดหม่น ทั่วทุกแห่งหนไร้คนนำทาง

แต่ในดวงใจสว่างไสวด้วยไฟเหตุผล ส่องความมืดมนผ่าความสับสน

เหมือนเปลวเทียนส่องทาง (ซ้ำ)

เปลวเทียน เปลวเทียนส่องทาง เปลวเทียน เปลวเทียนส่องทาง

เปลวเทียน เปลวเทียนส่องทาง เปลวเทียน เปลวเทียนส่องทาง

ลูกทุ่งเปลวเทียน

๓๗

Dm

C Dm

Dm

C Dm

Dm

C

Dm

Dm

Dm

C Am F G

C Am F G

C Am F G

C Am F G C

F G C Am

F G F G C

C Am F G

C Am F G C

C Am F G

C Am F G C

Page 38: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กาลเวลาผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป

แต่ฉันแทบไม่รู้จักเธอเพิ่มขึ้น

คล้อยไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่น้อย

ฉันปรารถนาที่จะเข้าไปรู้จักโลกของเธอให้มากขึ้น

แต่เธอก็ไม่เปิดโอกาส

มันทำให้ฉันนึกถึงตัวไหม

ที่รักไยล้อมกรอบตัวเอง

รอบแล้วรอบเล่า

ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก

อยู่ภายในโลกแคบ ๆ เงียบ ๆ

แล้วเธอจะมีโอกาสเป็นผีเสื้อแสนสวยได้อย่างไรหนอ

ถ้าเธอไม่ยอมเจาะเกราะออกมา

สัมผัสกับโลกกว้างอันสดใสภายนอก...

นวลศิริ เปาโรหิตย์

๓๘

Page 39: Saleung Entire Book 2009

สลึง

รักน้อง จิ้น กรรมาชน

Intro : C Em Am Em Dm F G7 C

เจ้านกน้อยล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม

ความเหงาเอยเหมือนคอยเหยียบย่ำ ให้ทรมา

ฝ่าลมแล้งด้วยแรงท้าทาย สู่จุดหมายที่ไกลลิบตา

เพียงพบเธอทุกวันเห็นหน้า อิ่มเอิบดวงมาลย์

* ดอกไม้แย้มกลีบ บานแล้วในใจฉัน

จงหอมชั่วนิรันดร์ มิโรยร่วงผ่านจากใจเราผอง

** จงมอบความรักด้วยใจภักดี มอบชีวีให้เธอคุ้มครอง

ความหวังดีจงมาปกป้อง ทั้งตื่นและฝัน

( ซ้ำ *,** )

สัญญา ประกายไฟ

Intro : C Am C Am G

มาจากแดนแห่งหนไหนใกล้ไกล มาร่วมใจใฝ่ศึกษา

รวมความรักน้องพี่ชื่นชีวา ศาลายารักมั่นคง

มองวิหคหมู่นกผกผิน เจ้าจะบินไปแห่งไหน

มาสร้างสรรค์ความฝันอันยิ่งใหญ่ สร้างเมืองไทยให้รุ่งเรือง

* ฟังนั่นเสียงนกเขาขัน น้องจำคำมั่นสัญญา

ยามตะวันลาลับขอบฟ้า สัญญาพี่จำมั่นใจ

** จะไปอยู่แห่งหนไหนใจยัง เฝ้าใฝ่ฝันและห่วงหา

มาพี่น้องผองเพื่อนทั่วหน้า ศาลายาเขารออยู่ ( ซ้ำ *,** )

๓๙

C Em Am Em

Dm F G7

C Em Am Em

Dm F G7 C

F G7 Em Am

Em Dm F G7

C Em Am Em

Dm F G7 C

C Am C Em

F C Am Dm G7

C Am C Em

F C Am Dm G C/C7

F C C ( C D E )

F Fm C Dm/G7

C Am C Em

F C Am Dm G C

Page 40: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทั่วทุกทิศ ประกายไฟ

Intro : D D D D

เราต่างมาจากทั่วทุกทิศ มีชีวิตร่วมในสถาบัน

ตาสบตาเป็นสื่อความสัมพันธ์ คบกันด้วยน้ำใจ

อันความรักของเรานั่นหนา เหมือนดั่งมาลาผลิใบ

จงเข้มแข็งดั่งแสงแห่งอุทัย ก้าวไกลสู่เสรี

ไม่ว่าใครมาจากไหนไม่สำคัญ มิตรภาพสื่อสัมพันธ์ในความหมาย

เพียงเปิดใจเพื่อรับรู้ด้วยน้ำใจ พร้อมก้าวไปสู่เพื่อนใหม่สู่สิ่งดี

ความรู้สึกรับรู้ได้ในดวงจิต ผูกพิชิตมิตรภาพไม่หน่ายหนี

คุณธรรมพึงน้อมนำสู่ชีวี ให้จิตมีความเข้มแข็งดุจตะวัน

ส.จาดสิงห์

๔๐

D F#m Bm A

D F#m Bm A D

D D7 G

D A

Page 41: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ยินดีเพื่อนใหม่

วันน้ียินดีท่ีได้มีเพ่ือนใหม่ พ่ีบอกจากใจ ใจจริง ๆ ของพ่ีนะเออ

พ่ีพ่ีดีใจได้รับขวัญใหม่บายศรีคุณเธอ ใส่ใจ ๆ เสมอ อยากพบเธอด้วยความยินดี

** ขอน้องทุกคน (ซ้ำ) จงสามัคคี (ซ้ำ)

ร่วมกับพ่ีพ่ีทุกช้ันปี รักศักด์ิศรีชาวเราชาวมหิดล

วันน้ียินดี ยินดีท่ีได้เป็นเพ่ือนใหม่ ท้ังจากใกล้ไกล จากแห่งไหนอย่าได้กังวล

ติดขัดส่ิงใดอย่าได้เกรงใจพ่ีมหิดล พ่ีๆ ยินดีมากล้นจะช่วยทุกคนด้วยความเต็มใจ

( ซ้ำ ** )

ลุ้น ศุ บุญเลี้ยง

แอบลุ้นตั้งแต่วันที่ไม่รู้จัก อยากทักเมื่อวันที่ได้เห็นหน้า

แรกพบอยากคุยอยากสบสายตา สรรหาคำใดมาสื่อไมตรี

* คนดีมาเป็นขวัญใจของพี่ ณ ที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับเสมอ

โลกหมุนให้เราได้มาพบเจอ ไม่ใช่ละเมอเราได้เจอกันแล้วจริง ๆ

** ผูกพันดังสายไหมในโรตี จะคอย คอยลุ้นคนดีร่ำไป

แห่งไหนถ้าใจของเธอใฝ่ฝัน จะเป็นมิ่งขวัญซึ่งกันและกันและตลอดไป

ซ้ำ (*,**)

ต่างเป็นมิ่งขวัญซึ่งกันและกันและตลอดไป๔๑

Bm

Em F#m Bm

Bm

Em F#m Bm

Bm

Em F#m Bm

C Am C Am

C A7 Dm F G C

C Am C Am

F Em Dm G C C7

F Em Dm G C C7

F Em Dm G C

Dm G C

Page 42: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คุณค่าชีวิต

Intro: G Am Bm C G Am D G

มาพี่น้อง ปรองดอง สัมพันธ์รักกันด้วยใจ

ไม่ว่าที่ไหน ใกล้ไกลนั้นเราก็พี่น้องกัน

ชีวิตเกิดมา คุณค่าสำคัญที่ความเป็นคน

บากบั่น ฝึกฝน อดทนเพื่อคนที่เขารออยู่

ดู … โรคภัยหัวเราะร่า ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า

ดู … ฝูงชน ร้องเรียกเร้า เราห่วงหา

ทำอย่างไร ประชาทั่วไทยได้สุขสำราญ

โรคภัยแผ้วพาล จักผลาญด้วยแรงพี่น้องร่วมกัน

พวกเรารักกันพี่น้องร่วมกัน นั่นไงเล่าคนที่เขารออยู่

ครอบครัวใหม่

เรา ... เราร่วมสร้างสรรค์ รักกัน รักกัน รักกันน้องพี่

เราจับมือกัน เพื่อความสัมพันธ์ให้มันยั่งยืน

เรามิใช่อื่นไกล เหมือนครอบครัวใหม่

ร่วมทุกข์ ร่วมใจ ไม่หน่ายหนี

ดู ….(ฮูว์ ฮูว์) ครอบครัวใหม่เราก้าวไกลกว่าใครไหน ๆ อีก

เป็นความสุขใจ เหนืออื่นใดครอบครัวใหม่เรา

ประกายดาว

๔๒

G Em Am D

G Em Am D7 G

G Em Am D

G Em Am D7 G

C D G G7

C G Am D7

G Em Am D

G Em Am D7 G

Am D7 G Am D7 G

G Em Am D7 G

Em Am D7 G

C G C G

Em Am D7

G Em Am D7 G

Em Am D7 G

Page 43: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดอกไม้ จิระนันท์ พิตรปรีชา

Intro : G Em Am D7(2time) G

ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน

บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ

สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่

แน่วแน่แก้ไข จุดไฟศรัทธา

เรียนรู้ ต่อสู้มายา

ก้าวไปข้างหน้า เข้าหามวลชน

ชีวิต อุทิศยอมตน

ฝ่าความสับสน เพื่อผลประชา

ดอกไม้ บานให้คุณค่า

จงบานช้าช้า แต่ว่ายั่งยืน

ที่นี่ และที่อื่น ๆ

ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน

จงเป็นเหมือนดอกไม้หลายๆดอก

ผลิกลีบออกกล้าแกร่งทุกแห่งหน

ด้วยเธอคือดอกไม้ของมวลชน

เพื่อเกิดขึ้นคงทนตลอดกาล

จงยอมปลดปลิดกลีบแห่งตัวเอง

ให้กลีบอื่นบานเบ่งแผ่กิ่งก้าน

อย่าผลิดอกออกมาอย่างสามานย์

คอยดูดเลือดคนนับล้านเพื่อเลี้ยงตัว

ถึงเธอผู้มาใหม่ ประกายดาว

ถึงเธอผู้มาใหม่ จิตใจเธอใฝ่สิ่งใด

เธอก้าวเข้ามา เพื่อจะจากสู่หนใด

เข้าหา มวลชนยิ่งใหญ่

หรือจากไปเพียง เพื่อตน

เพื่อนรัก...ก้าวเถิดก้าวมา ศึกษาทุกสิ่งที่นี่

ก้าวกลับพร้อมด้วยจิตพลี เพื่อพี่เพื่อน้องผองไทย

๔๓

G Em

Am D7

G Em

Am D7

G Em

Am D7

G Em

Am D7

G Em

Am D7

G Em

Am D7 (G)

C Am C

Am Dm G7

C Am

Dm G7 C

Page 44: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สาวเอย พลังเพลง

สาวเอยเธอสดใส เหมือนดอกไม้ยามเช้า

อย่าให้ชีพอับเฉา ร่วงโรยไปไร้จุดหมาย

มาเรียนรู้โลกา เร็วมาก่อนจะสาย

ประชาใกล้อดตาย ใช่ดูดายเร่งเร็วไว

* มาเถิดรักมวลชน ร่วมผจญผองภัย

เพื่อนำชัยให้ประชา มาศึกษาความจริง

สาวเอยเธอพร่างพราว มาเป็นดาวในดวงใจ

อยู่คู่ผู้ยากไร้ ร่วมชูไทยให้สำแดง

สาวเอยจงก้าวไป ไปตามทางตะวันแดง

มาเป็นโคมไขแสง ช่วยชูธรรมให้ปวงชน

คนสร้างบ้าน โคมฉาย

มีไม้กระดาน กระเบื้องมุงหลังคา

มีเสาเอามา ไม่รอช้าสร้างบ้านเรา

มีฆ้อนตะปู ตีตอกปังมิเบา

มีกบเลื่อยแต่งเสา แต่งกระดานตามต้องการ

มีเงิน มีเลื่อย มีไม้ ยังไม่เป็นบ้าน แรงงานของคนสิสร้างทุกสิ่งสรรพ์ได้

เกรียงไกร ผู้ใช้แรงงานสร้างโลกโสภา

แรงเหงื่อและแรงงานเป็นบ้านอาศัยมา ควรมองเห็นค่าแห่งแรงงานกรรมกร

ฮุย……..ฮุย……ฮุย……เลฮุย

๔๔

C Em F Em

F Em Dm G

C Em F Em

F Em Dm G C/C7

F C Dm C

Dm C G7 C

C Em F Em

F Em Dm G

C Em F Em

F Em Dm G C

C Am

C Am G

C Am C

C Am G

C Am C Am

C C G

C Am C C Am G

C //Am/C/C/Am/G/C

Page 45: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เธอวันนี้ นางนวล

เธอคือมวลพลังผู้กล้าและแกร่ง

เธอร้อนแรงดุจแสงตะวัน

เธอคือแสงแห่งความสุขสันต์

เธอร่าเริงและเบิกบาน

หมัน่เพยีรเรยีนเพือ่สรา้งหนทางชวี ี

เธอสุขศรีไม่มีทุกข์ตรม

อยากมีอนาคตสดใสรื่นรมย์

เธอหวังเพียงเท่านั้นฤา

* มองดูรอบกาย (มองดูรอบกาย)

มองดูสังคม (สังคมโสมม)

เธอสุขอยู่ได้อย่างไรเมื่อผองชน

ทนทุกข์ยากลำเค็ญ

** จงเป็นดั่งดวงดาวที่พราวสว่าง

นำหนทางเพื่อมวลชน

เธอคือประกายไฟที่โหมกระหน่ำ

ลามลุกไหม้ความทุกข์ทน

( ซ้ำ *,** )

เพื่อชีวิตใหม่ สตริง อมธ.

ยามอาทิตย์สีแดง

สาดทอแสงทั่วหล้า

ปลุกหัวใจชาวประชา

โลดถลาเอาชัย

สังคมเก่าอยุติธรรม

( อยุติธรรม อยุติธรรม )

มวลชนระกำหมองไหม้

สู้เพื่อชีวิตใหม่

อันสดใสเสรี

* โอ้ประชาชน

( ประชาชน ประชาชน )

ต้องทุกข์ทนขื่นขม

เจ็บปวดร้าวระบม

สังคมไม่เหลียวแล

** ภารกิจของเรา

เยาวชนทั่วหล้า

ยอมพลีชีวา

เพื่อประชาชูชัย

ลา .............

( ซ้ำ *,** )

๔๕

C Am

Dm G7

C Am

Dm G7 C G7

C Am

Dm G7

C Am

Dm G7 C C7

F

C

Am Dm

G

C Am

Dm G7

C Am

Dm G7 C

C

Am

F

G7

C

Am

F

G7

C

Am

F

G7

C

Am

F

G7

C/Am/F/G7

Page 46: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดอกหางนกยูงสีแดงฉาน บานอยู่เต็มฟากสวรรค์

คนเดินผ่านไปมากัน เขาด้นดั้นหาสิ่งใด

ปัญญามีขายที่นี่หรือ จะแย่งซื้อได้ที่ไหน

อย่างที่โก้หรูหราราคาเท่าใด จะให้พ่อขายนามาแลกเอา

ฉันมาฉันเห็นฉันแพ้ ยินแต่เสียงด่าว่าโง่เขลา

เพลงที่นี่ไม่หวานเหมือนบ้านเรา ใครไม่เข้าถึงพอเขาจะเยาะเย้ย

นี่จะให้อะไรกันบ้างไหม มหาวิทยาลัยใหญ่โตเหวย

แม้นท่านมิอาจให้อะไรเลย วานนิ่งเฉยอย่าบ่นอย่าโวยวาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย

ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

มืดจริงหนอสถาบันอันกว้างขวาง ปล่อยฉันอ้างว้างขับเคี่ยว

เดินหาซื้อปัญญาจนหน้าเซียว เทียวมาเทียวไปไม่รู้วัน

ดอกหางนกยูงสีแดงฉาน บานอยู่เต็มสวรรค์

เกินพอให้เจ้าแบ่งปัน จงเก็บกันอย่าเดินผ่านเลยไป

วิทยากร เชียงกูร

๔๖

Page 47: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฉันจึงมาหาความหมาย นฤคหิต

Intro : Bm///A/G F#m/Em//F#m/Bm

“ ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง

ฉันจึง มาหาความหมาย

ฉันหวังเก็บ อะไร ไปมากมาย

แต่สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว ”

มืดจริงหนอ สถาบันอันกว้างขวาง ปล่อยให้ฉันอ้างว้างขับเคี่ยว

เดินหาซื้อปริญญาจนหน้าเซียว เทียวไปเทียวมาไม่รู้วัน

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหาความหมาย

ฉันหวังเก็บ อะไร ไปมากมาย แต่สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว

เป้าหมายการศึกษา พลังเพลง

Intro : G Bm C D7 G Cm G

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย

ฉันหวังเก็บ อะไร ไปมากมาย สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว

เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง หรือจึงมุ่งมาศึกษา

เพียงเพื่อปริญญา เอาตัวรอดเท่านั้นฤา

แท้ควรสหายคิด และตั้งจิตร่วมยึดถือ

รับใช้ประชาคือ ปลายทางเราที่เล่าเรียน

๔๗

( G/Em/F#m//G#m/C#m )

Bm A Bm Bm A Bm

F#m Em Bm A Bm

Bm A Bm Bm A Bm

F#m Em Bm A Bm

G Em C D

G Bm C D G

G Em C D

G Bm C D G

Page 48: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มหาวิทยาลัย พลังเพลง

Intro : D F#m Em Bm Em Bm A7 D

มหาวิทยาลัย ช่างกว้างใหญ่สดใสโสภา

หลายคนดั้นด้น อดทนมา กี่คนเล่าหนา ฝ่าหลุดพ้นจนได้ชัย

น้องจ๋า น้องมาจากไหน เป็นผู้ใดก็ไม่สำคัญ

จากวัยเรียนที่ต้องพากเพียรแข่งขัน น้องจะฝันยึดมั่นทางสายใด

* มาเถิด เชิญเถิดน้องเข้ามา เร่งศึกษาปัญหาสังคมไทย

วันเวลาไม่เคยรอท่าให้เราก้าวไป ร่วมใจกันไว้เรียนรู้สิ่งใหม่ในมหา'เอย

** คุณค่า ของความเป็นคน อยู่ที่ตนฝึกฝนไม่ละเลย

การงานร่วมประสานให้เคย อย่าเฉยเมย สู่แนวทางสร้างความดี

ซ้ำ (*,**)

แด่เพื่อน คุรุชน

เตือนเพื่อนผู้สุขสันต์ มาร่วมกันมาร่วมกันสัมพันธ์รักกันเข้าไว้

มองสังคมกว้างใหญ่ มาร่วมใจกันสมัครสมาน

ขอเพื่อนอย่าสิ้นหวัง เป็นพลังหนุนนำคำกล่าวขาน

เรียนเพื่อชิงดีนั้น ลบล้างมันให้หมดสิ้นไป

เรียน…แข่งขัน ดังหมายมั่นที่เพื่อนเข้าใจ

มาพินิจกันใหม่ เรียนเพื่อใครจึงได้แข่งขัน

เรียนรู้เถิดโลกา ชาวประชารอความสัมพันธ์

มาเชื่อมสายใยมั่น มาร่วมกันรับใช้มวลชน

๔๘

D Bm G A7

D F#m Em A7 D

D Bm G A7

D F#m Em A7 D

Em A7 F#m D A7

D F#m Bm Em A7 D

D Bm Em A7

D F#m G A7 D

D Bm Em A7 D

Bm D Em Bm Em A7

D Bm Em A7

Bm D Em A7 D

Em A7 D Bm D

Bm D Em A7

D Bm Em A7 D

Bm D Em A7 D

Page 49: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ความหวัง พลังเพลง

เมื่อความผิดหวัง ผ่านเข้ามา จงอย่าเสียใจ

สร้างความหวังใหม่ ท้อทำไมชีวิตยังไม่สิ้น

อย่ามัวนั่งซึม คร่ำครวญเพ้อ เศร้าฤดี

มองดูโลกซิ มองให้ดี ชีวิตมีค่าเอย

* ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาหาใช่ชีวิตเรา

เรียนรู้โลกและชีวิต อุทิศสร้างสรรค์ สังคมยุติธรรม

มาจงร่วมใจ เร่งเรียนรู้โลกและสังคม

เราจะได้ชื่นชม เมื่อโลกสุขสมชีวิตมีค่าเอย (ซ้ำ *)

เรียน พลังเพลง

ต่างคน ต่างแย่งจอง ที่นั่งเรียน ต่างภูมิใจได้เพียรศึกษา

หวังชุบชีวิตให้มีราคา สุดท้ายคุณค่าจะฆ่าคน

ฆ่าให้ตายจากความเป็นจริง ให้ทอดทิ้งสังคมหมองหม่น

เลี้ยงไว้ในสวรรค์ชั้นชน มีบ้านมีรถยนต์มีภรรยา

ความเป็นกลางคือใบไม้ที่ร่วงหล่น ความเป็นคนคือราคินสิ้นค่า

กลับมาเถิดสู่ความจริงคือ “ปรัชญา” สร้างศรัทธาสู้อธรรมทั้งปวง

๔๙

C Em Am G7

C Em F G7

C Em Am G7

C Em F C C7

F C Dm G7 C

Em Dm G7 C

C Em Am G7

C E F C C7

A F#m D E

A F#m D E

A F#m D E

A F#m D E

A F#m D E

A F#m D E A

Page 50: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เพื่อนเอ่ยถึงเรื่องหนึ่งว่า ....... เวลานี้ ....

เราขาดคนที่จะยอมตนเป็นอิฐก้อนแรกที่ทิ้งลงไปและก็จมอยู่ที่นั่น

เพื่อให้ก้อนอื่นทับถมตนอยู่ที่นั่น

และเสร็จแล้วเจ้าก้อนที่จะปรากฏเป็นที่รู้จักของสังคม

ก็คือก้อนที่อยู่เหนือก้อนอื่นสุด

ส่วนก้อนแรก ..... ก็จมดินอยู่นั่นเอง

เราหาคนแบบนี้ไม่ค่อยได้

จึงไม่ค่อยมีอะไรที่ใหม่ที่มีคุณค่าออกมา ..............

เพราะน้ำจิตน้ำใจแห่งการเสียสละของเรายังอบรมกันได้ผลน้อยเต็มที่

หรือว่าเราจะไม่เคยเน้นการอบรมเรื่องนี้กันเลยก็ได้ ...

โกมล คีมทอง

๕๐

Page 51: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สานศรัทธา คำร้อง/ทำนอง มโนมัย-มโนภาพ

Intro : C/Am/C/Am/Dm/F/G7 C

ผูกดวงใจดวงน้อย เรียงร้อยเป็นสาย ในคืนฟ้าหม่น

ร้างห่างผู้คน บนหนทางเปลี่ยว เหลียวหาใครไม่มี

ร่วมแรงร่วมใจ เบิกฟ้าวันใหม่ ศรัทธาเสรี

แสงแห่งรวี เชิดชีวีสูงค่า ท้าทายอธรรม

* แม้ยังยาวนาน อีกนาน อีกนาน

มีเสียงเพลงขับขาน ขับขาน ด้วยจิตที่ร้าวราน จะฝ่าผองภัย

** ผูกดวงใจ ด้วยใจ ดังรุ้งสดใส หลากสีทอกันมา

ย้ำความสัมพันธ์ มั่นในศรัทธา ก้าวมาร่วมกัน ( ซ้ำ *,** )

นก ประกายดาวIntro :A D A D

นก นก เจ้านกน้อย เจ้าเคลื่อนคล้อยไปจากถิ่น

บิน บิน บิน บิน จักโบยบินไปแห่งไหน

คลื่นพายุลม อีกความมืดมน ทนปวดร้าวใจ

ทั้งโพยภัยดังขวากหนามกางกั้นไว้

* ไกลจากบ้านมาด้วยศรัทธามั่นไม่หวั่นผองภัย

ขอฝากหัวใจและความหวังไว้ในแสงสุรีย์

เมื่อยามแสงเรืองพราย เมฆร้ายหายไป

** ลิบ ลิบ โน่นขอบฟ้า อีกไม่ช้าก็จะรุ่ง

มุ่ง มุ่ง ด้วยหมายมุ่ง สู่ฟ้าทองผ่องอำไพ

ฝ่าความมืดไปด้วยความหวังในสิ่งที่ชื่นชม ความสุขสมที่ล่วงลับจะกลับคืน

(ซ้ำ *,**)

๕๑

C Am C Am

Dm G7 C

Am C Dm

Dm G7 C

Am C Am

Dm E Dm G7 C

C Am C Am

Dm G7 C

C Am

F C

Am G C C7

F G C

C Em Am Dm G7 F

C Em Am Dm G7 F

C Em Am Dm G G7

C Am

F C

Am G C C7 F G7 C

Page 52: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พลังใจ ตี้ กรรมาชน

Intro : E/E B7/C#m B7/E/B7 E/F#m/B7 G#m7/E

* ดังสายลมที่พัดผ่านลาญป่า พาใบไม้พลัดถิ่น

ดังสายน้ำที่ไหลรินพัดพา นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ

ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ

เพื่อพี่น้องผู้ที่ยากไร้ รวมดวงใจของเราฟันฝ่า

ดนตรี : E/E B7/C#m B7/E/B7 E/F#m/B7

G#m7/E/E/F#m C#m B7/C#m/B7/

F#m B7/F#m B7/B7 G#m7/E/E (ซ้ำ * )

เพื่อพี่น้องผู้ที่ยากไร้ รวมดวงใจของเราฟันฝ่า

เพื่อมวลชน กรรมาชน

Intro : C/Em/Am/G/C/Em/Am/A7/Dm/Dm/G/G/C/Fm/C/G

ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล

จะขอเป็นนกพิราบขาว เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี

ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา

หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย จะถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน

ชีวา ยอมพลีให้ มวลชน ที่ทุกข์ทน ขอพลีตนไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง

(ซ้ำทั้งหมด)

เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์ สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์

แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน

จิตร ภูมิศักดิ์

๕๒

E B7 C#m B7 E/B7

E F#m B7 G#m7 E

F#m C#m B7 C#m B7

F#m B7 F#m B7 G#m7 E

F#m B7 F#m B7 G#m7 E

C /Em /Am G C / Em /Am

A7 Dm Dm G

C /Em /Am G C /Em /Am

A7 Dm G C /F /C

G C Dm Am/G C/C7 F Dm G7 C /Fm /C

Page 53: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คนดี คีตาญชลี

ฟ้าหมอง แผ่นดินร่ำร้องระงม สองมือชูชัยไขว่คว้าเพียงลม

ไขว่คว้าเพียงลม ผ่าวลมแล้งลอย

เวิ้งฟ้าทุ่งนาป่าเขาดงดอย เขายังคงคอย คอยนับวันคอย

กับสายลมลอย เขาคอยเรื่อยมา

เธอมาท่ามกลางพายุ ประทุเถื่อนภัย เพียงสองมือช่วยจับ

มือช่วยฉุด มือร่วมฝ่าไปข้ามภัยให้แรง

คนดี จะมีทุกหนทุกแห่ง หนทางยาวไกลโหดร้ายรุนแรง

โลกนี้มีแรงเพราะแรงคนดี

แสงดาวแห่งศรัทธา

พร่างพรายแสงดวงดาวน้อยสกาว ส่องฟากฟ้าเด่นพราวไกลแสนไกล

ดั่งโคมทองส่องเรืองรุ้งในหทัย เหมือนธงชัยส่องนำจากห้วงทุกข์ทน

พายุฟ้าครืนข่มคุกคาม เดือนลับยามแผ่นดินมืดมน

ดาวศรัทธายังส่องแสงเบื้องบน ปลุกหัวใจปลุกคนอยู่มิวาย

* ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย

แม้นผืนฟ้ามืดดับเดือนลับละลาย ดาวยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน ( ซ้ำ * )

ดาวยังพรายอยู่จนฟ้ารุ่งราง

เพลงแสงดาวแห่งศรัทธา : เป็นบทกวีที่มีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ ที่ใช้สัมผัสใน อย่างดี แม้นใ

นการใช้สัญลักษณ์ที่มีความหมายในความรู้สึกของปัญญาชน เช่น ใช้คำว่า “ดาว” “เดือน”

ในการเปรียบเทียบ แต่งโดยสุธรรม บุญรุ่ง ซึ่งเป็นนามปากกาของ จิตร ภูมิศักดิ์ ในช่วงนั้น

จิตร ภูมิศักดิ์

๕๓

Am C E Dm E

Am

Am C E Dm E

Am

Am F E Am

G F E Dm E

Am C E Dm E

Am

G Am Em C D G

G D D G

G D C G Am Em C G

G D C G C G /B7

Em Am D G/B7

Em Am D G

D G

Page 54: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เหงา

เหงา เหงา เหงา เหงา อยู่เงียบเหงาจึงเศร้าโศก

เพ้อ เพ้อ เพ้อ เพ้อ เธอเฝ้าฝันถึงวันสุขสม

แต่พอเหลียวมอง ไม่เคยเห็นมีสิ่งที่ชื่นชม

เธอตรอมตรม ท้อถอยคอยแต่ฝัน

เสียง หวิว หวิว คลื่นลมพาหวั่นไหวใจปั่นป่วน

เสียงโหยหิวโหยหวนมวลประชายังโศกศัลย์

สิทธิและเสรีถูกเหยียบและย่ำยีไม่มีสัมพันธ์

มันเป็นวันที่ฝันเพ้อเธอจะก้าวไป

ใครจะต้านทานศรัทธาร่วมกัน ไม่หวั่นผองภัย

เธอตัดสินใจทิ้งในสิ่งเก่าเข้ามาเสริมงาน

แล้วจะถึงคราประชาคว้าชัย

ร่าเริงใจร่าเริงเราจะร่วมกันเคียงบ่า

ปลุกใจด้วยศรัทธาเร่งเวลาอันสดใส

เจอะปัญหามาปลุกให้เห็นจริง ยิ่งรวมหัวใจ

เดินตรงไปไขว่คว้าอิสระกลับคืน

เยาวชน กรรมาชน

โอ้ชีวี เรานี้ มีค่า อยู่คู่มวลประชา

มาเถิด มาพี่น้อง ผองเรา เยาวชนยิ่งใหญ่

สามัคคี สิมา เร็วไว เพื่อรับใช้มวลชน

ร่วมกัน สำแดง พลังเกรียงไกร เพื่อ…รับใช้มวลชน

๕๔

C Am C

F C

Am G C

F G C

C Am C

F C

Am G C C7

F G C

C Em Am Dm G F

C Em Am Dm G7 F

C Em Am Dm G

C Am C

F C

Am G C

F G C

AmC Dm Am C Dm Am

C Dm Am C Dm Am

C Dm Am C Dm Am

C Dm Am C Dm Am

Page 55: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ศรัทธาเมื่อมาค่าย

เราจากบ้านมา หวังมาเรียนรู้โลกกว้าง

มาด้วยความหวัง ศรัทธาที่กล้าและแกร่ง

มาพบมาเห็น มาทำมาช่วยด้วยแรง

มาเพื่อเปลี่ยนแปลง จิตใจรับใช้ประชา

เราพบเราเห็น น้ำใจใสบริสุทธิ์

ที่เปรียบประดุจ พลังเสริมสร้างศรัทธา

ได้พบสัมผัส สุขทุกข์ปัญหานานา

ได้เริ่มเรียนรู้ค่าอ ชีวิตชาวนาที่ต้องตรากตรำ

ซ้ำยังโดนขูดโดนรีด โกงกินสิ้นแรง

เหมือนดั่งใครเขาแกล้ง แสร้งซ้ำตอกย้ำความจน

วันหนึ่งเถิดหนา ชาวนาหน้าดำจำทน

จะทวงสิทธิ์ตน สมค่าชาวนาเหนื่อยแรง

พลังเพลง

เราอาสาพัฒนา

เราอาสาพัฒนา ใจเริงร่าและสามัคคี

ล้วนตั้งจิตอุทิศชีวิตพลี ผูกไมตรีแด่พี่น้องผองไทย

แม้ห่างไกลไม่ท้อถอย ถึงยอดดอยสูงเยี่ยมเทียมฟ้า

เราบุกบั่นฝ่าฟันเข้าไปหา ช่วยพัฒนาด้วยเมตตาอารี

สายลมหนาวเคล้าลมฝน ในกมลเราแสนเยือกเย็น

แต่อบอุ่นในบุญที่บำเพ็ญ ความลำเค็ญก็มลายหายไป

(ซ้ำทั้งเพลง)

ศ.ดร. วิจิตร ศรีสอ้าน

๕๕

Am Em Am

Dm G Am

Dm G C

Dm G C

Dm Am

Dm G7 C C7

F C

Am Dm G7 C F C

Dm G7 C

Am Am

C Am

Dm G C Am Cอ

C F

C G C F C

C F

C G C F C

C F

C G C F C

Page 56: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แด่หนุ่มสาว น้ำค้าง

มาเถิดมา…หนุ่มสาวคนเร่าร้อน อย่าเกี่ยงงอนกับผู้ที่หลับใหล

อย่าเกี่ยงงอนกับผู้ที่อยู่ไกล อย่าท้อใจคอยไฟบรรลัยกัลป์

มาเถิดมา หนุ่มสาวคนแกร่งกล้า อย่ามัวช้าร้องขอต่อสวรรค์

อย่ามัวรอกัลปพฤกษ์มุมเมืองกัน อย่ามัวฝันถึงโลกหน้าจะช้าไป

มาเถิดมาหนุ่มสาวคนอยากเห็น มาร่วมเป็นคนสร้างหนทางใหม่

มาร่วมเป็นเพื่อนผู้จะเดินทางไกล มาร่วมใจเป็นหมู่อยู่รวมพลัง

เราจะก้าวไปข้างหน้าหาสัจจะ เราจะละความสบายไว้ภายหลัง

เราจะโค่นล้างอธรรมที่กำบัง เราจะยังสัจธรรมอยู่คู่มวลชน

แด่หนุ่มสาว นฤคหิต

ความเอยความรัก หนุ่มสาวเจ้าประจักษ์รักแค่ไหน

เจ้าจะมอบความรักจากหัวใจ แด่ชนผู้ยากไร้ในแผ่นดิน

หรือจะรักเพื่อรักจากดวงจิต มอบชีวิตไว้กับโลกที่โศกถวิล

จมจ่อมกับส่วนตัวเป็นอาจิณ เธอจะยินดีรับกับข้อใด

หนุ่มเอยหนุ่มสาว เธอจะย่างเท้าก้าวไปทางไหน

สู่เส้นทางใสสว่างพร่างอำไพ มีดวงใจอุดมการณ์ฝ่าม่านดำ

หรือจะอยู่คู่ฟ้าที่มืดมิด ไม่รับรู้ชีวิตที่ถูกหยาม

สายตาเธอจักมองข้ามความระยำ ฤาจะย่ำมันให้ยับลงกับตา

ความเอยความรัก ใช่ว่าจักลอยสวรรค์อยู่ชั้นฟ้า

แต่ความรักมีความหมายในสายตา พร้อมจะฝ่าผองภัยไปด้วยกัน

หนุ่มเอยหนุ่มสาว จงเร่งก้าวเท้าย่างเร่งสร้างสรรค์

ด้วยความรักศรัทธาและเชื่อมั่น เร่งสร้างสรรค์สังคมไทยให้สมบูรณ์

๕๖

Dm C Dm F A

F G Dm F C Dm

Dm C Dm F A

F G Dm F C Dm

Dm C Dm F A

F C Dm F C Dm

Dm F Dm F A

F G Dm F C Dm

D F#m G D

F#m Em Gdim Ddim A7

D F#m G D

F#m Em Gdim Ddim A

G Bm C G

Bm Am Ddim A7 D7

G Bm C G

Bm Am Ddim A7 D7

G Bm C G

Bm Am Ddim A7 D7

G Bm C G

Bm Em Ddim A7 D7

Page 57: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดอกไม้ให้คุณ คาราวาน

ขอมอบดอกไม้ในสวน นี้เพื่อมวลประชา

จะอยู่แห่งไหน จะใกล้จะไกลจนสุดขอบฟ้า

มอบความหวังดังดอกไม้ผลิ สดไสวอาณา

เป็นกำลังใจให้คุณ เป็นกำลังใจให้เธอ

เป็นสิ่งเสนอให้มา

* ดวงตะวันทอแสง..มิถอยแรงอัปรา

เป็นเปลวไฟที่ไหม้นาน

เป็นสายธารที่ชุ่มป่า

เป็นแผ่นฟ้าทานทน

ขอมอบดอกไม้ในสวน ให้หอมอบอวลสู่ชน

จงสบสิ่งหวังให้สมตั้งใจ ให้คลายหมองหม่น

ก้าวต่อไปตราบชีวิตสุด ดุจกระแสชล

เป็นกำลังใจให้คุณ เป็นกำลังใจให้เธอ เป็นสิ่งเสนอให้คน (ซ้ำ *)

…เป็นกำลังใจให้คุณ เป็นกำลังใจให้เธอ เป็นสิ่งเสนอให้คน….

๕๗

D Bm A7 D

G Bm A7

D Bm A7 D

Bm A7 D

A7 D

G D

Bm A7

D

A7 D

D Bm A7 D

G A

D Bm A7 D

Bm A7 D A7 D

Bm A7 D A7 D

Page 58: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เพื่อใคร น้ำค้าง

มองน้ำค้างบนปลายหญ้า สวยนักหนาน่าชม

มองยอดสนในสายลม ลู่ตามลมเอนไปมา

มองน้ำค้างบนปลายหญ้า แดดส่องมาก็มลาย

ยามเมื่อสายลมจางไป ยอดสนไหวพลันกลับคืน

แล้ววันนี้มีสิ่งใดที่คงทน ต่างเวียนวนวันผ่านไปไม่แน่นอน

ความสุขสันต์ และความฝันนั้นจางจร เป็นมายาหลอนใจให้ลุ่มหลง

มองน้ำค้างบนปลายหญ้า ล่วงเวลาก็มลาย

แต่ชีวีมีความหมาย อยู่เพื่อใครในสังคม

เพื่อเมืองไทย แอ๊ด คาราบาว

ถึงมันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด ถึงมันจะผิดช่างมันปะไร

ถ้าเราจะเดินมันคงไม่ไกล ถ้าเราไม่ไปคงไม่มีวัน คงไม่มีวัน ….

ดนตรี/

ใต้ดวงตะวัน นั้นมีไออุ่น ยังมีวัยรุ่น วัยวันร่าเริง

ยังมีเสียงเพลงแห่งความบันเทิง และมีเวลาเหลือพอให้พากเพียร ให้พากเพียร

ดนตรี/

๕๘

C G Am Em F G

C G Am Em F G G7

C G Am Em F G

C G Am Em F G

F C Am E F C C7

F C Am E F G

C G Am Em F G

C G Am Em F G C

Em B7 Em

Em Am D

Em B7 Em

Em Am D

Page 59: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ถึงมันจะยากกว่าที่เธอคิด ถึงมันจะผิดช่างมันปะไร

ยังมีเสียงเพลงให้เธอผ่อนคลาย ส่งกำลังใจให้เธอได้พากเพียร ให้พากเพียร …

จากปีเป็นเดือน …จากเดือนเป็นวัน

จากคืนวันที่ผันผ่าน เป็นตำนานเรื่องราว

สายลมแสงแดดขุนเขา ณ ลุ่มน้ำของความเป็นไทย

ไปยังที่เราไป เป็นอย่างที่เราเป็น ไม่เลยไม่เคยยกเว้น

ไม่ลองย่อมไม่รู้สึก

เป็นส่วนลึกของความในใจ ถ้าให้เธอสอนและเธอจะสอนได้ไหม

ถ้าให้เธอคิด เธอจะคิดอะไร ถ้าให้เธอทำแล้วเธอจะทำอะไร (ทำไปเลย)

ดนตรี/

ด้วยใจรักและตั้งใจ มั่นใจแม้นานแสนนาน

เธอคืออนาคตกาล ผู้สืบสานสร้างสังคมไทย

เป็นส่วนลึกของความในใจ ให้เธอสอนเธอจะสอนได้ไหม

ให้เธอคิด เธอจะคิดอะไร ให้เธอทำ เธอจะทำอะไร

เป็นส่วนลึกของความในใจ เปิดประตู ประตูบานไหน

ให้เธอคิด เธอจะคิดอะไร ให้เธอทำ เธอจะทำอะไร

เป็นส่วนลึกของความในใจ ให้เธอทำ เธอจะทำได้ไหม

เพื่อเมืองไทยด้วยใจและใจ เพื่อเมืองไทยเธอจะทำอะไร

เพื่อเมืองไทยด้วยใจและใจ เพื่อเมืองไทย....เธอจะทำอะไร

๕๙

G C G

Em Am D D7

G C G

Em Am D

G C G Em Am

D G

C G D G

C G D G

G C G

Em Am D G

C G D G

C G D G

C G D G

C G D G

C G D G

C G D G

C G D G

Page 60: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แบ่งปัน เนื้อร้อง-ทำนอง เจริญศักดิ์ เลิศมงคล

ขับร้อง ศุ บุญเลี้ยง

หอมอันใดจะหอมเท่าใจละมุน ขาวปุยนุ่นไม่ขาวเท่าใจเมตตา

หวานอันใดจะหวานเท่ากรุณา สวยเจ้าเอย ดุจฟ้าระบายสีคราม

ฝนอันใดฉ่ำใจเท่าปรานี ร้อยพันสีไม่สวยเท่าสีของใจ

ฟ้าขาว ๆ น้ำที่ว่าใส ๆ ก็ไม่ใสเท่าใจเราใสเอง

* ขอให้รักบานในหัวใจของเธอ ปลูกความฝันงอกงามทั่วทุกถิ่น

ขอความหวังขอใจไม่รู้จบสิ้น ให้ได้ยินคำขอร้องของผู้คน

ขอมอบเพลงบทนี้เพื่อมวลของพวกเธอ ผู้งดงามด้วยน้ำใจมีเมตตา

เหนื่อยเพียงใดดวงใจยังเปี่ยมศรัทธา เธอผู้ล้ำค่าอ่อนล้าเพื่อมาแบ่งปัน (ซ้ำ *)

อยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก น้ำค้าง

อยากให้ความรักเพื่อคนทั้งโลก อยากจะให้โชคเพื่อคนทั้งหล้า

อยากให้รอยยิ้มลบคราบน้ำตา อยากให้ชีวาแก่คนทั้งปวง

อยากให้คนทุกข์ (คนทุกข์) พ้นทุกข์ลำเค็ญ

ความเคืองเข็ญ แค้นยากลำบากใหญ่หลวง

ให้หมดทุกข์สร้างสุขในใจทุกดวง อยากให้ปวงคนทุกข์เป็นสุขสันต์

อยากอุทิศชีวิตทั้งหมดนี้ (เอาไป เอาไป)

เพื่อสร้างความดีไม่เคยหวั่น (เอาไป เอาไป)

จะเร่งสร้างทั้งคืนและทั้งวัน (สองวัน สามคืน)

เพื่อชีวิตอันสั้นนั้นมีราคา (สามบาทห้าสิบ) ( ซ้ำทั้งหมด )๖๐

D Bm A D

A Em A D

D Bm A D

A Em A D

A D

A D Em A D

D Bm A D

A Em A D

C Am C G

C C7 F C G C

C Am

C G

C C7 F C G C C7

F C

Em Am

F G

F G7 C

Page 61: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทีปนี

หากชีวิต เหมือนอย่างเทียน คงพากเพียร เปล่งแสงใส

แม้ตัว ต้องไหม้ไฟ สว่างไสว เพื่อมวลชน

คงส่องแสง ไม่เต็มคืน คงฝึกฝืน ละลายตน

แสงเทียน ที่คงทน สว่างบน ความเวทนา

* จุดไว้ สองข้างทาง เพื่อก้าวย่าง อย่างคงค่า

หากเทียนดับ ลับชีวา ผองประชา คงมืดมน

ถึงคราวดับ ลับแล้ว ชีพแผ่ว ใกล้สิ้นลม

น้ำตาเทียน หลั่งตรอมตรม จนล่มจม ท่วมแท่งเทียน

ก่อนจะลับ จะลาไป ต่อดวงใหม่ สว่างเวียน

น้อมนำ จนจำเนียร มาพากเพียร ในเส้นทาง

หากมนุษย์ ปุถุชน กระทำตน อย่างเทียนแท่ง

สังคม คงไม่แล้ง น้ำใจแรง เอื้ออาทร

มาเถิด ปัญญาชน ทุกข์ทน จงฝ่าฟัน

เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กัน โลกนั้น คงสดใส

รินรด น้ำใจรักษ์ ผูกสมัคร สมานไว้

ล้อมวง กลางดวงไฟ รวมจิตใจ รวมแท่งเทียน

...Solo...(*)

ล้อมวง กลางดวงใจ สืบแสงใหม่...แสนล้านดวง

เทียนชีวิต

๖๑

Dm Gm

Dm A

Dm Gm

Dm A Dm

C Dm

C A

Dm Gm

Dm A

Dm Gm

Dm A

Dm A

Dm A

Dm C A

Gm A

Dm C Dm

Gm A Dm

Page 62: Saleung Entire Book 2009

สลึง พลังเพลง พลังเพลง

เพลงนั้นคือสื่อความหมาย ด้วยจิตใจสดใสมีเสรี

เสียงเพลงชี้ความจริงแห่งชีวี เพลงที่ดีต้องรับใช้ประชาชน

แต่ละวันได้ยินเพลงขับประสาน ในสายธารชีวิตอันหมุนวน

ในตนเองเสียงเพลงไม่เคยหมองหม่น แต่ผู้คนบันดาลให้แตกต่างกัน

ขอเราทุกคนจงร่วมใจ (ร่วมใจสรรค์สร้าง)

ร่วมกัน สร้างเพลง อันสูงค่า เพลงที่ดีของปวงประชา

ใช่เพลงที่ลอยเลิศฟ้า กลับเป็นเพลงของชาวดิน

จงช่วยกันสร้างเพลงเพื่อชีวิต (เพลงเพื่อชีวิต)

สร้างความคิดคุณธรรมเลิศวิไล ชูเพลง เพื่อชั้นชนคนยากไร้

จงก้าวไปเพื่อเสริมสร้างพลังเพลง

กรรมาชน กรรมาชน

**มองข้าวในนา แล้วพาใจเศร้าอาดูร

ดอกเบี้ยเพิ่มพูน นายทุนมันขูดรีดไถไป

โรยอ่อนรอนรอน กรรมกรทุกข์ยากทำงาน

รายได้เจือจาน เหมือนดังขอทานแย่งเขากิน

* กรรมกร ชาวนา จงมาร่วมกันสรรค์สร้างโลกใหม่ ( ซ้ำ * )

ด้วยจิตและกาย ของเราร่วมกันบันดาล

พลังแห่งแรงงาน เท่านั้นสร้างโลกให้โสภา ( ซ้ำ * , *)

กรรมกร ชาวนา จงมาร่วมกันสรรค์สร้างโลกใหม่… กรรมาชน

(ซ้ำ ** , * , * , * ) ๖๒

G Bm Em Bm Am C D D7

G Bm Em Bm Am C D D7

G Bm Em Bm Am C D7

G Am Em Am D7 G

Em G

Am D G Em Am

C G Am D D7

G Bm Em Bm

Am C D D7 G Am Bm Em

Am D G Am D G

C Am C Am

C Am F C Dm G

C Am C Am

C Am F C Dm G

E Am Dm G

C Am C Am

C Am F C Dm

E Am Dm G C

Page 63: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เสียงจากคีตาญชลี คีตาญชลี

มาเถิดมาพวกเรา เหนือ กลาง ใต้ อีสาน

ฟังเพลงสำราญ เสียงคีตาญชลี

ทิ้งความทุกข์ สุขสมในฤดี

ฟังเสียงดนตรี เพื่อชีวีชื่นบาน

หากฉันเป็นนก จะร้องขับขาน

กล่อมดวงวิญญาณ ผู้กระหายสงคราม

ให้อยู่ด้วยความรัก อยู่ด้วยความงดงาม

ด้วยความละโลภ โกรธหลง

หากฉันเป็นไม้ จะทิ้งกิ่งลง

ปกคลุมเมฆฝน แด่ผู้คนผ่านทาง

ให้อยู่ด้วยความรัก อยู่ด้วยความงดงาม

ด้วยความละโลภ โกรธหลง

คารวะด้วยเสียงเพลง คีตาญชลี

มาเถิดหนา เรามาประสานสัมพันธ์

ดนตรีที่กล่อมโลกนั้น เป็นสายสัมพันธ์แห่งปวงประชา

เรามาบรรเลง ด้วยบทเพลงแห่งชีวา

ความจริงใจนั่นหนา ล่องลอยมาพร้อมกับเสียงเพลง

ทุกข์หรือเศร้า เงียบเหงาปราชัยวังเวง

ฟังเถิดฟังเสียงเพลง เราพร้อมบรรเลงให้พลังใจ

ก้าวต่อไปเถิดหนา ทายท้ามรสุมร้าย

แม้เราไม่ท้อสิ่งใด ประทีปในชีวีย่อมมีเอย

C F C

G Dm G C

C F C

G Dm G7 C

F C F C

G7 Dm G C

C F C

G7 Dm G7 C

๖๓

C Am C

Dm F E Am

F C

Dm F E

Am E

Am

C Dm F C

Am E Am

Am E

Am

C Dm F C

Am E Am

Page 64: Saleung Entire Book 2009

สลึง

โคมฉาย โคมฉาย

ข้ามเขาลำธารฟันฝ่าศัตรู กระชับปืนชูสู้เพื่อโลกใหม่

กองทัพประชาแกร่งกล้าเกรียงไกร ชูธงนำชัยมาให้มวลชน

ลำบากเพียงไหน ไม่หวาดไม่หวั่น ฝึกใจให้มั่น บากบั่นอดทน...เพื่อหนทางไกล

* ข้ามเขาข้ามนามาสู่นาคร สิ้นเสียงพร่ำวอนราญรอนรุกใกล้

แรมเดือนแรมปีปลุกทาสเป็นไท ไปทวงธรรมชัยที่ทากสูบกิน

นี่คือโคมฉายที่จะสาดส่อง ให้มวลพี่น้องอยู่สุขทุกถิ่น...หมดสิ้นความจน

** ดั่งฉันและเธอเปรียบดุจตะวัน สาดแสงเร็วพลันเพื่อชีวิตใหม่

กรรมกรชาวนาถูกสูบเลือดไป เร็วมาเร็วไวก่อนสายเกินรอ

สุขอยู่แห่งไหน มอบให้ประชา หากอยู่บนฟ้า ลงมาเร็วไว...ก่อนสายเกินรอ

(ซ้ำ*,**)

ประกายดาว ประกายดาว

คืนนี้ฟ้าสีหม่น ใช่มืดมนจนสิ้นแสง

นั่นดาวจรัสแรง ยังทอแสงรุ้งอำไพ

ท่ามกลางพายุจัด ดาวยิ่งชัดยิ่งสดใส

ส่องทางเห็นเด่นไกล ทางแห่งชัยของมวลชน

* ดวงดาวแห่งศรัทธา ปลุกประชาทั่วทุกหน

ต่อสู้กู้สิทธิ์ตน ที่ถูกปล้นมาเนิ่นนาน

ประกายดาวสายสัมพันธ์ ดวงใจมั่นร่วมประสาน

พลังใดมิอาจทาน อุดมการณ์อันเกรียงไกร

คืนนี้แม้คืนแรม ดาวยิ่งแจ่มฟากฟ้าไกล

ฟ้าทองจะอำไพ รุ่งวันใหม่ของมวลชน

(ซ้ำ *)

๖๔

Am C Em Am

Am C Em Am

Am E C Em Am

Am C Em Am

Am C Em Am

Am Em Am

Am C Em Am

Am C Em Am

Am E C Em Am

Am C Dm Am

F C Dm Am Em

Am C Dm Am

F C Dm Am Em

Am F Em Am

C G C F E7 Am

Am F Em Am

C G C F E Am

Am C Dm Am

F C Dm Am Em

Page 65: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ประกายไฟโหมลุกไหม้ สาดแสงร้อนแรงทั่วแดนฟ้า

สว่างไสวในพริบตา ความมืดมัวทั่วพสุธา

มลายไปด้วยประกายไฟเจิดจ้า

ประกายไฟของดวงใจ หนุ่มสาวร้อนแรงพลังสร้างสรรค์

ก้าวไปด้วยแรงศรัทธา ไปข้างหน้าท้าแสงตะวัน

ไม่หวั่นเกรง ภยันตราย

* ประกายไฟลามไป ลุกไหม้มวลอธรรม

มืดมนอนธการใด ๆ มลายไปด้วยประกายไฟธรรม

นำหลักชัยเสรีเรืองรอง

** จุดประกายของความดี ศักดิ์ศรีคนจนที่ถูกเหยียดหยาม

จรัสแสงส่องนำมวลชน ให้สู้ทนในสังคมทราม

ขับไล่ความชั่วช้ากาลีสิ้นไป

*** ก้าวเดินมาร่วมใจกัน สร้างสรรค์สังคมอุดมธรรม

จิตใจรับใช้มวลชน เชิดชูปวงคนจนยากไร้

จุดประกายไฟลามในใจคน

(ซ้ำ *,**,*** ) จุดประกาย…..ไฟ

ประกายไฟ น้ำค้าง

๖๕

Am C F E

Am F Dm

Am E Am

Am C F E

Am F Dm

Am E Am

Am F C

Am F Dm

Am E Am

Am C F E

Am F Dm

Am E Am

Am C F E

Am F Dm

Am E Am

E Am

Page 66: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สลึง ภูริส แซ่หลี

Intro : G D C G

เป็นเพียงผู้ผ่านทาง ของกาลและเวลา

เป็นเพียงผู้ขับขาน บทเพลงแห่งความเป็นไป

มีรอยยิ้ม มีความหวัง มีกำลังใจ

มีความหมาย มากมายชวนให้ค้นหา

* ขอจงหยัดยืน เคียงกัน สร้างสรรค์รวมพลังแกร่ง

ด้วยเรี่ยวแรงสองมือและอุดมการณ์

** จะร่วมสร้างสรรค์ดันสังคม ที่ทุกข์ระทมสิ้นความหวัง

ขอบทเพลงจงนำพลังเพื่อผองชน

เศษเล็กๆที่คน มองไม่เห็นคุณค่า

หล่นตามพื้นริมทาง ไม่มีความสำคัญ

คือ สลึง รวบรวมเศษเสี้ยวกำลัง

ต่อเติมฝันร่วมทางเดินด้วยศรัทธา

ซ้ำ (*,**,**)

๖๖

G D C G

G D C G

Em D G

Em D G

C D G Em

C D G (G7)

C D G Em

C D G (D)

G D C G

G D C G

Em D G

Em D G

Page 67: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จะสอยดาวสาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า

มาทำอาหารให้คนไร้สิ้น

ฟันนภาที่เห็นออกเป็นชิ้น

เอามาสินเย็บเป็นเสื้อเผื่อคนจน

จับเอาดวงตะวันอันกว้างใหญ่

จัดสรรให้พำนักพักทุกหน

เที่ยวรวบรวมธาตุมาทั้งสากล

แล้วคิดค้นปรุงเป็นยาฆ่าโรคภัย

ถึงกาลนั้นฉันคงร้องก้องโลกว่า

ข้าเคยมาข้าเคยเห็นเว้นแต่ไม่

ต้องแบกความผิดหวังติดหลังไป

แต่ครองชัยสูงค่าเกินตาคน

วิทยากร เชียงกูร

๖๗

Page 68: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เธอ นฤคหิตIntro : A C#m F#m E / A C#m F#m F#m7 D Bm E7 A C#m F#m F#m7 D E7 A

* ถึงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยเลื่อนจากฟ้า ถึงห้วงเวหาจะเหลือเพียงความมืดมน

มีผู้ฝันร้ายในห้วงวังวน อดอยากยากจนทนทุกข์ทนทรมาน

** แต่เพื่อนคือแสงอันแกร่งตระการ ที่ขับภัยพาลฝันร้ายให้จางหายไป

มาเถิดเพื่อนขวัญมาร่วมประสาน ตั้งปณิธานอภิบาลผองไทย

*** เธอคือพลังคือความหวังให้โลกโสภา เธอคือผู้นำพามวลชนก้าวเดินต่อไป

เธอเปรียบดังแสงที่ร้อนแรงดังดวงตะวัน ทอแสงประกายให้เฉิดฉายไปทั่วแดน

( ซ้ำ *** , * , ** )

สิ่งฝันในใจนี้ รวมฆ้อน

Intro : F G7 C Am F G7 C

ชีวิตคนเรามีทั้งเศร้าและสุข บ้างมีแต่ทุกข์ ทุกข์ระทม

ตรมในความทุกข์ ควานหาสุขจนสิ้นลม ไม่เคยสุขสมตรมตรอมใจ

บ้างมีแต่สุขไม่เคยทุกข์ ทุกข์ระทม พบแต่สิ่งสุข สนุกใจ

* สิ่งฝันในใจนี้ เราจะมีความทุกข์ร่วมกัน

เราฝัน เราจะมีความสุขร่วมกัน

เรามีทั้งเพื่อน มีทั้งเดือนและดาว เรามีทั้งข้าว มีทั้งปลา

เรามีเสียงนก มีน้ำตก มีแนวป่า มีเสียงนกร้อง มีท้องนา

มีพายุพัด มีคลื่นซัด มีฟ้าผ่า มีทั้งเสียงร้อง นองน้ำตา

(ซ้ำ *,*)

๖๘

A C#m F#m E D Bm E7 A

A C#m F#m E D Bm E7 A

AC#m F#m E D Bm E7 A

A C#m F#m E D Bm E7 A

C#m F#m C#m F#m

C#m F#m D E7 A

C F C Am C F G7

C F C Am C F G7

C F C Am C F G7

F G7 C Am

F G7 C

C F C Am C F G7

C F C Am C F G7

C F C Am C F G7

Page 69: Saleung Entire Book 2009

สลึง

Blowing in the Wind Bob Dylan

How many roads must a man walk down

Before you call him a man?

Yes, 'n' how many seas must a white dove sail

Before she sleeps in the sand?

Yes, 'n' how many times must the cannon balls fly

Before they're forever banned?

* The answer, my friend, is blowin' in the wind,

The answer is blowin' in the wind.

How many times must a man look up

Before he can see the sky?

Yes, 'n' how many ears must one man have

Before he can hear people cry?

Yes, 'n' how many deaths will it take till he knows

That too many people have died?

(repeat *)

How many years can a mountain exist

Before it's washed to the sea?

Yes, 'n' how many years can some people exist

Before they're allowed to be free?

Yes, 'n' how many times can a man turn his head,

And Pretend that he just doesn't see?

(repeat *)

๖๙

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

Bb C7 F Dm

Bb C7 F

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

F Bb F Dm

F Bb C7

Page 70: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ครูน้อย สมพงศ์ หมื่นจิตต์

Intro : A

บอบบางในร่างสาวน้อย บนดอยที่แสนเหน็บหนาว

คนเดียวโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา น้ำค้างพร่างพราวพื้นดิน

น้ำพริกเส้นหมี่ปลากระป๋อง พออิ่มท้องพออยู่พอกิน

เงินเดือนน้อยไม่สร้างหนี้สิน ผักหญ้าเก็บกินไม่สิ้นเปลือง

*ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ต่างมาเพื่อย้ายเข้าเมือง

แสงสีรถรารุ่งเรื่อง เสพสมให้ดูหรูหรา

แต่ครูน้อยเธอยังฝืนข่ม นอนซมเพราะพิษไข้ป่า

ต่อสู้กับความอ่อนล้า ด้วยน้ำเกลือน้ำตาน้ำใจ

F#m/G#m/A/F#m/G#m/A

เด็กน้อยบนดอยคอยอยู่ วิญญาณครูไม่เคยจางหาย

จะร้อนหนาวจะเศร้าแค่ไหน เด็กไทยยังได้อ่านเขียน

ใครจะย้ายก็ช่าง ใจเธอยังไม่เปลี่ยน

ใครจะไปไหนก็ช่าง เธอจะไปโรงเรียน

ดนตรี A/G#m/F#m/D/E A F#m E A A Bm E A (ซ้ำ *)

เด็กน้อยบนดอยคอยอยู่ วิญญาณครูไม่เคยจางหาย

ถึงตัวร้อนทุรนทุราย แต่ใจเธอยังไม่ท้อ

ใครจะย้ายก็ช่าง เธอก็ยังอยู่ต่อ

ใครไม่เห็นใจก็ช่าง เธอก็ยังสู้ต่อ

๗๐

A F#m E A

Bm E A E A F#m/G#m/A

A F#m E A

Bm E A E

A C#m Bm A

A C#m Bm E

A F#m E A

Bm E A

A F#m E A

A Bm E A

A F#m E A

A F#m E A

A F#m E A

A Bm E A

A F#m E A

A F#m E A

Page 71: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทำไม

ทำไม….เขาเกิดมา สุขอุราไร่นาสาโทเป็นหมื่น

ทำไม….ฉันกล้ำกลืน ต้องทนฝืน ไร่นาต้องเช่าเขาทำ

ทำไม….เขาไม่ทำ แต่ได้กรรมกอปรผลเกินการใช้จ่าย

ทำไม….ฉันลงแรงแทบตาย ส่วนที่ได้ไม่พอต่อการอยู่กิน

* เจ้าอยู่ไหนเล่าความยุติธรรม

โปรดส่องนำความเป็นธรรมตามวิถี

เจ้าอยู่ไหนเล่าความปรานี

โปรดช่วยชี้โปรดให้เราเท่าเทียมกัน

ทำไม….ฉันต้องจน เกิดเป็นคนไยทนให้เขาย่ำยี

ทำไม….เพื่อชีพใหม่ที่ดี ผิดหรือที่จะสู้กู้ความเป็นคน (ซ้ำ *)

นฤคหิต

ที่นี่ไม่มีครู แฮมเมอร์

Intro: C/Em/Am

ทำไมครูที่นี่มีน้อยนัก เด็กๆ มักถามถึงครูอยู่เสมอ

ครูคนใหม่อยู่ไหนกันเล่าเออ เด็กชะเง้อคอยครูอยู่ทุกวัน

ครูมากมายมีไหมในวันนี้ จะยินดีมุ่งบ้านป่าอาสาสอน

ร่วมทุกข์สุขกับเด็กในดงดอน เอื้ออาทรสอนสั่งอย่างตั้งใจ

จงไปเถิดเด็กน้อยรอคอยอยู่ ต้องการครูนำทางไปทุกหน

ถิ่นไทยในป่ากว้างยังมืดมน เพียงครูคนเทียนส่องทางสว่างพอ

ครูจบแล้วทำไมไม่ยอมกลับ หรือใครจับครูไว้ที่ไหนหนอ

เด็กเพียรถามหน้าเศร้านั่งเฝ้ารอ น้ำตาคลอที่นี่ไม่มีครู…

น้ำตาคลอที่นี่ไม่มีครู น้ำตาคลอที่นี่ไม่มีครู

๗๑

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

C Em Am C Em Am

F Bb Dm Gm F

F Bb Dm Gm C7 F

F Bb Dm Gm F

F Bb Dm Gm C7 F

F Am

Bb C7

F Dm

Gm C7 F

F Bb Dm Gm F

F Bb Dm Gm C7 F Fmaj7

Page 72: Saleung Entire Book 2009

สลึง

โรงเรียนของหนู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

Intro : G Em Am D

สายลมหนาวพัดโบกโบยพริ้ว ดูแล้วสวยใสๆ

เย็นลมเย็นไหว ๆ สวยงาม

บ้านอยู่ไกลทุรกันดาร โรงเรียนอยู่หลังเขา

มีแต่เราพวกเราไม่มีใคร

* ยามร้อนแสนร้อน ยามหนาวก็หนาวถึงใจ ไม่มีผ้าห่มคลุมกาย

โรงเรียนมีครูหนึ่งคน ครูผู้เสียสละตน

อดทนอยู่ห่างไกลความสบาย

ใช่จะวอนให้เห็นใจ ความสำนึกต่อเพื่อนไทย

ไทยกับไทยไยแตกต่างกัน

โรงเรยีนของหนอูยูไ่กลไกลไ๊กล อยากใหค้ณุ ๆ หนัมอง โรงเรยีนของหน ู

ดนตรี/ Em Am D G Em Am D

(ซ้ำ * ) ดนตรี/ G C G

น้ำท่วม ประกายดาว

น้ำท่วมหลากมา ท่วมท้องนา ดังทะเล

ชีพแทบม้วย ด้วยฝนเท เหมือนน้ำตา

เมื่อยามขาดฝน ชีวิตคนทรมา

ดังต้นไม้ โรยรา ไร้น้ำพรม

เมื่อยามท้องคลื่นกลืนกล้ำ ดุจดังน้ำตา เมื่อแล้งฝนแห้งโรยรา

ชีวิตชาวนา จะลำบากเพียงไหน (ซ้ำทั้งหมด)

๗๒

G Em

Am D

G Em

Am D

Em D G Am D

G Em

Am D

G Em

Am D

Em D Em D G

D Bm Em A

D Em Bm

D Bm Em A

D Em Bm

F#m Bm F#m Bm F#m Em

A D

Page 73: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สัจธรรมที่แอบแฝง น้ำค้าง

Intro : Dm

มองดูความจริงในโลกนี้ น้อยคนที่ซึ้งเข้าใจ

ความเป็นธรรมกำลังสูญหาย ดวงตะวันลาลับไป

คนกลุ่มน้อยร่ำรวยมีสุข อภิสิทธิ์ยิ่งใหญ่

คนนับล้านระทมยากไร้ แค้นข้อง หมองไหม้

มองดูความจริงอันปวดร้าว ข้าวมีกินด้วยมือใคร

แรงงานใครขุดสร้างแบกไถ สร้างเรือนสร้างเมือง

แรงงานใครหลั่งไหลเป็นเหงื่อ เกื้อกูลสังคม

แรงงานใครระทมขื่นขม สังคมหยามเหยียด

* ยากจนคือความเลว ขัดสนคือราคี

สังคมไฉนจึง อยุติธรรม อยุติธรรม

มองดูความจริงในโลกนี้ หลายคนที่ซึ้งเข้าใจ

เชิญมาร่วมกับความยากไร้ ก้าวไกลในความจริง

ในความยากไร้ยังมี ชีวิตสรรพสิ่ง

สัจธรรมที่ถูกทอดทิ้ง แฝงอยู่คู่โลกา

(ซ้ำ *)

๗๓

Am C E

Am C E Am

Am F G Am

Am C E Am

Am C G Am

Am C E Am

Am E G Am

Am C G Am

Am Dm F E

G Am E Am

Am C E Am

Am C E Am

Am F G Am

Am C E Am

Page 74: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นกเขาน้อย

Intro: E / E / F#m7 / F#m7 / G#m / G#m / A / B /E /E / E

เด็กเอ๋ยเด็กตัวน้อย ๆ เจ้าด้อยเรื่องการศึกษา เจ้าด้อยกำลังวังชา ข้าวปลามีไม่พอกิน

หน้าร้อนมันแล้งเหลือทน หน้าฝนน้ำท่วมพื้นดิน หน้าหนาวหนาวจนจะสิ้น

จำใจจากถิ่นเกิดมา จากมาทำงานใช้แรง

* นกเขาน้อย เจ้าบินลอยสู้ลมแรง แดดทั้งแผดทั้งเผา ตัวเจ้านั้นยังไม่แกร่ง

เกรงเจ้าจะหมดแรง หมดแรงกระพือปีกบาง

ดนตรี E / B

หนูเอ๋ยหนูตัวน้อย ๆ เจ้าด้อยสติ ปัญญา เมื่อก้าวลงชานชาลา ฝูงห่าก็รุมฉกชิง

ถูกขังไว้รอเลือกตัว เหมือนวัวเหมือนควายจริง ๆ นายหน้าหักค่ากลอกกลิ้ง

รับจริงสามร้อยต่อเดือน ทั้งเดือนในโรงโกงแรง (ซ้ำ *)

ดนตรี E / A / A / E / A / E / B / E / E / A / A / E / A / E / F#m / B / B

/ E / B / E / B

สงสารเด็กตัวน้อย ๆ ถดถอยกำลังทุกที กินข้าวคลุกน้ำปลาใส่สี

เต็มที่มื้อหนึ่งครึ่งจาน ทำสิบสองชั่วโมงต่อวัน หลับกันกับพื้นโรงงาน

ถูกตีถูกทรมาน คิดถึงแม่ที่บ้านทุ่งนา น้ำตาหลั่งจนอ่อนแรง

นกเขาน้อย เจ้าบินลอยสู้ลมแรง แดดทั้งแผดทั้งเผา ตัวเจ้านั้นยังไม่แกร่ง

นกน้อยเจ้าหมดแรง สิ้นแรงตายคาโรงงาน

นกเขาน้อย เจ้าบินลอยสู้ลมแรง แดดทั้งแผดทั้งเผา ตัวเจ้านั้นยังไม่แกร่ง

นกน้อยเจ้าหมดแรง สิ้นแรงตายตาลืมโพลง

ดนตรี E

โฮป

๗๔

E A E A E B7 E

E A E A E

F#m7 Bsus4 B7 E Esus4

A B7 E F#m7 A B7 E

F#m7 Bsus4 B7 E Esus4

E A E A E B7 E

A E A E

F#m7 Bsus4 B7 E Esus4

E A E A E

B7 E A E

A E F#m7 Bsus4 B7 E Esus4

A B7 E F#m7 A B7 E

F#m7 Bsus4 B7 E

A B7 E F#m7 A B7 E

F#m7 Bsus4 B7 E

Page 75: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เด็กชายเกตุกนกกับเด็กหญิงบุญเย็น น้ำค้าง

ฉันเกิดมาเป็นเด็กดี โตขึ้นจะเป็นคนดี

พ่อแม่คอยดูแลฉัน ทุกทุกวันฉันสบายดี

แก้มยุ้ยท้องยุ้ยพุงปลิ้น เพราะฉันกินแต่ของดี ๆ

มีหมู เห็ด เป็ดไก่ (ซ้ำ) กินไข่โปรตีนมากมี

(พูด) ผมหรือครับชื่อเด็กชายเกตุกนก ปกติแล้วเป็นคนดี

เพราะกินแต่ของดี ๆ เวลาจะนอนก็ดี

เวลาจะนั่งก็ดี เวลาจะยืนยิ่งดีใหญ่เลยครับ

ขอโทษ เวลาจะขี้ ก็ขี้ส้วมหินอ่อนชั้น…ดี

ฉันเรียนโรงเรียนหลังใหญ่ แล้วต่อมหา’ลัยชั้นดี

พ่อฉันรวยล้าน ๆ บาท ผูกขาดของแพงหูฉี่

ความหวังของฉันก็คือ (ซ้ำ) เป็นนายกรัฐมนตรี

ฉันเกิดเป็นลูกชาวนา พ่อแม่ทำนาเก่งดี

ปลูกข้าวตรากตรำดำไถ เหงื่อไหลตัวดำทั้งปี

ตัวฉันพุงโรก้นแป้ว กินกลอยกินแห้วที่มี

กินหอย กินปู กินปลา (ซ้ำ) กินเลวกว่าหมาผู้ดี

(พูด) ฉันชื่อเด็กหญิงบุญเย็น พ่อแม่เป็นชาวนา

จะหาของกินยากเต็มที เวลาหน้าหนาวขื่นขม

ผ้าห่มสักผืนไม่มี ยามนอนต้องนอนขดงอ

ยามนั่งตัวงอเต็มที เวลาจะยืนขาสั่น

ก็แรงมันไม่ค่อย…มี “

เรียนที่ศาลา หลังคาโหว่ โกโรโกโสบัดสี

โตขึ้นจะเป็นชาวนา ฉันคงหมดนามีหนี้

อนาคตของเด็กหญิงบุญเย็น (ซ้ำ) อาจต้องไปเป็นโสเภณี

๗๕

Am

Dm Am

Dm E Am

Am

Dm Am

Am

Dm Am

Dm E Am

Am

Dm Am

E Am

Page 76: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ก้อนหินและดอกไม้ น้ำค้าง

ก้อนหินสำหรับคุณ ดอกไม้สำหรับผม

ความหิวสำหรับคุณ อาหารสำหรับผม

ผ้าขี้ริ้วสำหรับคุณ ผ้าแพรสำหรับผม

อากาศเสียสำหรับคุณ ห้องแอร์สำหรับผม

(สร้อย) ทั้งหมดนี้คุณคงจะพอใจ

ที่เราได้แบ่งสรรกันยุติธรรม

สังคมแบ่งชั้นชี้นำ

ให้ผมรวยและคุณจนเรื่อยไป

รถเมล์สำหรับคุณ รถเก๋งสำหรับผม

สลัมสำหรับคุณ ตึกรามสำหรับผม

หาบเร่สำหรับคุณ ภัตตาคารสำหรับผม

น้ำตาสำหรับคุณ รอยยิ้มสำหรับผม

(สร้อย)

ก้อนหินสำหรับคุณ ดอกไม้สำหรับผม

โรงเรียนวัดสำหรับคุณ มหา’ลัยสำหรับผม

เงินร้อยสำหรับคุณ เงินล้านสำหรับผม

ความตายสำหรับคุณ ความเจริญสำหรับผม

(สร้อย)

๗๖

E A E

E B7

A E

E A E

E

A G#m B7

E A E

A B7

E A E

E B7

A E

E A

E A E

E B7

A E

E A E

Page 77: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ด.ญ.ปรางค์ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

ขยะในถังที่ตั้งริมทาง เด็กหญิงปรางค์กำลังคุ้ยเขี่ย

เป็นประจำหน้าบ้านผัวเมีย ที่นั่งดูเหมือนพลเมืองดี

ยังไม่รู้จะได้อะไร เปลือกลำไยหรือซองบุหรี่

อยากจะได้หุ่นยนต์ดี ๆ หนูอยากจะมีน้องตุ๊กตา

ถ้าได้ดังฝันจะรีบเอาไป อวดวินัยลูกชายของป้า

ถ้าแขนไม่ครบ ไม่มีลูกตา จะให้ลุงมาช่วยเสริมเติมแต่ง

* ขยะในถังตั้งอยู่ในใจ ที่ใสสะอาดวาดต่อเติม

เพิ่มความฝันทุกวันเวลา ตุ๊กตานำทางไปทั่ว

ตามซอกซอยของเมืองมัวมัว มือน้อย ๆ ค่อย ๆ คุ้ยเขี่ย (ซ้ำ * )

สลัม จิ้น กรรมาชน

ข้ามสะพานไม้ทรุดโทรมไม่ต่างบ้านเรา จากบ้านแต่เช้ามิจางไอกลิ่นสลัม

ออกไปทำงาน ขายแรง หามรุ่ง หามค่ำ ทนระกำ เอาเปรียบเหยียบกันเหลือดี

* จากบ้านนอกมาสู่เมืองแดนศิวิไลซ์ จากถิ่นยากไร้หวังใจจะได้อยู่ดี

สวรรค์ลวงตา โสภาเพื่อคนมั่งมี นรกตบตี หวังที่มีวอดมลาย

น้ำครำ สลัม ชอกช้ำ เหมือนหนึ่งไม่มีความหมาย

ราคาค่าความเป็นคน ถูกเหยียดหยามจนลดค่าเหลือเพียงเงินตรา

เส้นทางที่หมาย ก้าวไปด้วยใจหวังมั่น จับมือประสาน ปานประหนึ่งภูผา

เปลี่ยนแปลงสลัม น้ำครำให้มีคุณค่า สร้างโลกโสภา ความหวังใหม่ของสลัม

( ซ้ำ * )

๗๗

D A7 D Bm

D A7 D

D A7 D Bm

D A7 D

D A7 D Bm

D A7 D

D A7 G D

A7 D Bm

D A7 G D

F Fmaj7 F Dm F Fmaj7 Gm C

F Fmaj7 Dm/C Bb Eb C

F Fmaj7 F/Dm F Fmaj7 Gm/C

F Fmaj7 Dm C Bb C F

Dm Gm C F

Dm/D7 Bb Eb C

F Fmaj7 F Dm F Am Gm C

F Fmaj7 Dm/C Bb C F

Page 78: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เสียงครวญจากสลัม น้ำค้าง

ฉัน…เป็นเด็กสลัม ท่ามกลางน้ำครำ เติบโตเรื่อยมา

พ่อฉัน คอยกวาดถนน ยากจน หม่นหมอง

ไม่เคยร่ำรวยเงินทอง ไม่เคยฉ้อโกงผู้ใด

ไม่เคยจะแล้งน้ำใจ ไม่เคยได้สุขสบาย

* บ้านฉัน…เก่าเต็มที ผุพังเหลือที่ ไม่มีราคา

อยู่มาเวลาเนิ่นนาน บ้านนี้ บ้านฉัน

ไม่เคยมีใครเหลียวแล ไม่เคยมีใครนิยม

สังคมเบือนหน้าหนีเรา เพราะเรา เป็นชาวสลัม

ทำไมสังคมจึงต้องเหยียดหยาม ให้สลัมเป็นดินแดนอันต่ำช้า

ไร้ความสุขสบายนานา ที่บรรดาคนร่ำรวยมี

นี่หรือคือความยุติธรรม คุณธรรมซื้อได้ด้วยเงินทอง

ผิดหรือที่ชาวสลัมทั้งผอง เกิดมาหมองต้องเป็นคนจน

(ซ้ำ * )

๗๘

Bm A

Bm A

D Bm A F#

G D G D

A Bm A Bm

Bm A Bm A

D Bm A F#

G D G D

A Bm A Bm

Bm F# Bm F#

Bm G A F#

Bm F# F#

Page 79: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จันทร์เจ้าขา โฮป

ฉันเหมือนนกบาดเจ็บที่บินหลงฟากฟ้า เมฆดำมืดมิดหนาตามองหาหนทางไม่มี

คนจนก็คือคนจน ขัดสนชั่วนาตาปี ความรู้พื้นฐานไม่ดี อาหารจะกินไม่มี

จึงเป็นอย่างนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์

จันทร์เจ้าขาอาหารไม่พอ ครูกับหมอบ้านฉันไม่มี

จันทร์เจ้าขาช่วยฉันสักที แก้วแหวนมณี ฉันไม่ต้องการ

ขออาหารพอกินก็พอ ครูกับหมอสักคนดีดี

จันทร์เจ้าขาช่วยฉันสักที แก้วแหวนมณี ฉันไม่ต้องการ

(ซ้ำทั้งหมดอีกครั้ง)

(ฉันไม่ต้องการ แก้วแหวนมณี) แก้วแหวนมณี ฉันไม่ต้องการ (ซ้ำ)

รุ่งอรุณในฝัน พันดาว

รุ่งอรุณเฉิดฉันที่ฝันใฝ่ อุ่นเอยอุ่นไอแสงแห่งระวี

เสียงนกขับขานหวานปานดนตรี ขับกล่อมชีวีให้ชื่นใจ

รุ่งอรุณเริ่มแล้วชีวิตใหม่ อุ่นเอยอุ่นไอรักและหวังดี

ซึ้งใจจดจำน้ำมิตรไมตรี ไม่มีพรมแดนขีดคั่นแบ่งคน

* ปรารถนาถึงวันสดใสในสากล สิ้นการเบียดเบียนเหยียดชั้นแบ่งชน

ทุกคนต่างมีศักดิ์ศรี

รุ่งอรุณเฉิดฉันที่ฝันใฝ่ อุ่นเอยอุ่นไอแสงแห่งระวี

ศรัทธาร่วมกันสรรค์สร้างความดี ประกาศศักดิ์ศรีคุณค่าแห่งคน

๗๙

F Bb C F G Gm F C F

F C F G Gm F C F

Gm C F

F Dm F7 Bb F

F Dm D7 Gm C F

C F Dm F7 Bb F

F Dm D7 Gm C F

D7 Gm C F

G B Em Am D G Bm Em

G7 C Bm Am A7 D D7

G B Em Am D G Bm Em

G7 C Bm Am D7 G C Cm G

Bm Em Am D G C Cm G

F#m A D7

G B Em Am D G Bm Em

G7 C Bm Am D7 G

Page 80: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สิทธิมนุษยชน

ภายใต้แสงดวงตะวันอันแดงฉาน ประชาชนร้าวรานแต่นานมา

กระสุนปืนหยาดเลือดคราบน้ำตา คือราคาค่าของความยุติธรรม

จากยุคทาสค้ามนุษย์ดุจพืชผัก จมสู่ปลักสังคมคนกินคน

เผด็จการทั่วหล้าฟ้ามืดมน วีรชนจึงก่อเกิดกำเนิดมา

*จากหยดน้ำหยดน้อยร้อยล้านหยด มารวมทดเป็นกระแสอันเชี่ยวไหล

จากก้อนหินนับพันล้านเม็ดทราย ผนึกให้เป็นภูผาแกร่งปราการ

สรรค์สร้างผืนดินทองเสรีของปวงชน ทั่วทุกหนมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมไป

มีสิทธ์ิคิดพูดเขียนคัดค้านได้ **เชิดชูไว้สิทธิมนุษยชน

กล่าวอ้างถึงความมั่นคงของคนคลั่ง ได้กักขังวีรชนคนนับล้าน

คุกนับพันกำแพงเลือดของเผด็จการ ได้ประหารประชาชนจนบัดนี้

ขอเถิดวางอาวุธอันแสนโหด ปลดปล่อยเถิดวีรชนที่คุมขัง

เชิดชูเถิดเสรีภาพที่กำบัง ขอลบล้างเผด็จการให้สิ้นไป

(ซ้ำ *,**)

น้ำค้าง

๘๐

F B6 F B6 C7 F

Dm Am Gm F B6 F

F B6 F B6 C7 F

Dm Am Gm F B6 F

F Dm B6 G F

F Am Dm F B6 F

F B6 C7 F

F Dm B6 F B6 F

F B6 F B6 C7 F

Dm Am Gm F B6 F

F B6 F B6 C F

Dm Am Gm C F B6 F

Page 81: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หยดน้ำ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

Intro : C / Em / G7 / C / Dm / C /G7 / C / G7 / Dm / G7

น้ำเพียงหยดเดียวจากรากไม้กลั่น มาสะสมจนกลายเป็นห้วยหลั่งริน

ลับรินรายลงประ สองฟากฝั่งเป็นแม่น้ำลำธารสราญชุ่มเย็น

น้ำเพียงหยดเดียวจากความลำเค็ญ เป็นเหงื่อรินหลั่งล้นจนเป็นทุ่งทอง

มองดูสวยสุดตาพาฝันว่า บ้านเรานั้นคือสวรรค์บนพื้นดิน

รุ่งอรุณเยี่ยมเยือนเพื่อนพื้นถิ่น ลงหว่านไถปักดำ กล้ำกำแตกกอ

ร้องเรียงรายลงแขก แรกรักก่อ รอเมฆฝนพร่างพรม รับลมลู่รวง

น้ำเพียงหยดเดียวจากใจฟ้าร่วง รวงรอรับเริงรื่นคำคืนเฝ้าคอย

ลอยลารวงร่วงมาแต่ฝังร่างรวงคืนนั้น เหือดน้ำหวาน โลมเลี้ยงดิน

ลมแรงตีนวดฝัดผลัดหนี้สิน มาจำพรากตักตวงอุ้มรวงข้าวเรา

น้ำเพียงหยดเดียวจากความโง่เขลา เป็นเหงื่อรินแหลกราญ ซึมซ่านทุ่งทอง

มองดูเศร้าสุดตาพาหมองว่า ตัวเราต้อง อยู่นรกบนรอยไถ

* ขอมีน้ำเพียงหยดราดรดใจ ใจของรวงที่ร้าวรวงข้าวผลัดเคียว

ดนตรี/ C / Em / G7 / C / Dm / C / G7 / C / G7 /Dm / G7 ซ้ำ * , *

๘๑

G7 C Em C C7

G7 C C Em C C7

G7 C Em C C7

Dm Em C G7 C G7

C Em C C7

G7 C Em C C7

G7 C Em C C7

Dm Em C G7 C G7

G C Dm Em C C7

G C Em Em C C7

Dm Em C G C G7

G7 C Dm Em C C7

Page 82: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เซิ้งอีสาน คาราวาน

บ้านเมืองทุกวันนี้ มันอดอยากหมากแพง นาก็แห้งปลาก็หาย

ทุ่งโล่งโจงโปง ไม้แห้งยืนตาย ล้มแล้ง แฮงฮ้าย อยู่หมดปี...โอ...

โอ โห โอ... โอ โห โอ...

แดนอีสานกำลังเดือดร้อน มันเป็นย่อนพวกเจ้านายมัน

มันกวดขันกันแต่เรื่องการปราบ มันกำราบชาวไร่ชาวนา

มันตั้งข้อหาให้เป็นคอมมิวนิสต์ คนบ่ผิดมันก็จับไปขัง

มันซังไผมันก็เอาไปฆ่า ผู้ใด๋ว่ามีเหตุมีผล

ประชาชนปากหลายก็บ่ได้ มันก็ใช้อำนาจข่มเหง

มันเป็นนักเลงยิงปืนเข้าใส่ พวกผู้ใหญ่มันบ่มีศีลธรรม

พวกอธรรม พวกทรราชย์ มันปล้นชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง

มันหลอกลวงพวกเฮาพี่น้อง มันยกย่องแต่อเมริกา

ให้มันมาจัดตั้งฐานทัพ ตั้งไนท์คลับเต็มบ้านเต็มเมือง

ไทยเฮาเปลืองทั้งข้าวทั้งน้ำ คนชั้นต่ำอึดอยู่อึดกิน

บนแดนดินอีสานอึดอยาก เก็บหมากไม้ หมากอึ หมากแดง

เอามาแกงกินแล้งต่างข้าว โอโหโอ...โอโหโอ...

ลูกสาวเฮามันก็เอาไปกอด เมียเฮาฮอดมันก็จับไปเซิ้ง

มันอยู่เทิงกฏหมายของชาติ น่าอนาถแท้หนอพวกเฮา

โอโหโอ...โอโหโอ... เฮาจงฆ่า จงถั่ง จงแทง

เฮามีแฮงสองแขนเฮาอยู่ เฮาบ่สู้ก็สิว่าจังใด๋

พวกจัญไรไสหัวมันออก เอาตีนเฮาตอกเตะแม่มันไป

เพลงเซิ้งอีสาน : เป็นคำเซิ้งบั้งไฟทางภาคอีสาน ไขแดง สุกใส นำไปเซิ้งในสภา- ผู้แทนราษฎร

คาราวานนำมาร้องในวง หาที่มาจริง ๆ ไม่พบ

๘๒

Dm Am

Am Dm

Am Dm

Am Dm

Am Dm

Am Dm

Am Dm

Am Dm

Am Am

Am Dm

Am Dm

Am Dm

Am Dm Am

Am Dm

Am Dm

Dm Am Dm

Am Dm

Am Am

Page 83: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คาราวาน

เพลงคนกับควาย : แต่งโดยสมคิด สิงสง โดยมีวิสา คัญทัพ มาร่วมแต่งด้วย

สุรชัย เล่นครั้งแรกในงานแต่งงานของเพื่อนชาวพระจันทร์เสี้ยวท่ามกลางบรรยากาศ

หรูหราของโรงแรม นับเป็นสัญลักษณ์และเพลงต้นแบบของเพลงเพื่อชีวิตในเวลาต่อมา

คนกับควาย

* คนกับคนทำนาประสาคน คนกับควายทำนาประสาควาย

คนกับควายความหมายมันลึกล้ำ ลึกล้ำทำนามาเนิ่นนาน

แข็งขันการงานมาเนิ่นนาน สำราญเรื่อยมาพอสุขใจ

ดนตรี Am / Am / Am / Dm / Am / (ซ้ำ *)

** ไปเถิดไป พวกเราไปเถิดไป ไปเถิดไปแบกไถไปทำนา

ยากจนหม่นหมองมานานนัก นานนักน้ำตามันตกใน

ยากแค้นลำเค็ญในหัวใจ ร้อนรุ่มเพียงใดไม่หวั่นเกรง

เป็นบทเพลงเสียงเพลงแห่งความตาย ความเป็นคนสลายลงไปพลัน

กฎุมพีกินแรงแบ่งชนชั้น ชนชั้นชาวนาจึงต่ำลง

เหยียดหยามชาวนาว่าป่าดง สำคัญมั่นคง คือความตาย

(พูด ) กฎุมพีกินแรงแบ่งชนชั้น (ซ้ำ **)

๘๓

Am Am

Am Am

Dm Am

Am Am

Am Am

Dm Am

Am Am

Am Am

Dm Am

Page 84: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคำร้อง ยุทธพงศ์ภูริ สัมบรรณ ทำนอง/เรียบเรียง รวมฆ้อน

ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เสียงเหยียบย่ำของชนชั้น

กระหึ่มก้องมานานพลัน ว่าฟ้านั้นคือเทวดา

ฟ้าสูงมันกดขี่ ว่าดินนี้ ไร้เดียงสา

เป็นทาสต้องพึ่งพา หากขาดฟ้า จักขาดใจ

จักโน้มฟ้า ให้เทียมดิน หวังหลอกกินอีกนั้นอย่าหมาย

ช่องว่างระหว่างชั้น อันตรายจักทำลายให้ยับอยู่กับมือ…อยู่กับมือ

ดนตรี (Ebm) (ซ้ำทั้งหมด)

เปิบข้าว คาราวานIntro : Am/C Em Am /C Am Dm / C Em Am / 3 ครั้ง

เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ

เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน

ข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน

เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว

จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว

จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ

เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น

ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน

น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน

สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน

ดนตรี/Am /C Em Am/ Am Dm/ C Em Am/ 2 ครั้ง (ซ้ำ*) Am C Em Am

เพลงเปิบข้าว :

เป็นบทกวีของ

จิตร ภูมิศักดิ์

ขณะร่วมวงกับเพื่อน

ก็หยิบกีตาร์มาฮัม

ทำนอง จึงกลายเป็น

เพลงดังที่ปรากฏ

๘๔

Am C Em Am

C D C Em Am

Am C Em Am

C D C Em Am

Am C Em Am

C D C Em Am

Am C Em Am

C D C Em Am

Am C Em Am

C D C Em Am

Page 85: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ค่ำลง คาราวาน

* ค่ำลงค่ำลง เอิงเอย ค่ำลงค่ำลง นกน้อยโผลงสู่พุ่มมะไฟ

เสียงลมแผ่วโผยหนอทางใด อ๋อลมแผ่วผิวใบไผ่ หรีดร้องเรไรดนตรี

ทุ่มกายเทใจ เอิงเอย ทุ่มกายเทใจ โถมแรงฟันไรต่อสู้ตลอดปี

ถางดงเบิกฟ้าไม่รอรี หากินอย่างนี้มานานปี หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยงาน

กระจองอแง เอิงเอย กระแตกระเล็น สายลมเย็นๆโชยที่พัดชาน

สูบแต่ยาฉุนมานมนาน จนลูกจนหลานมันเต็มบ้าน ได้พักสำราญบานเย็น

ค่ำลงค่ำลง เอิงเอย ค่ำลงค่ำลง ตะวันลับดงแลหาไม่เห็น

เหมือนตัวเรานี้ที่ลำเค็ญ ทั้งวัยก็คล้อยดังยามเย็น ไม่รู้จะเป็นฉันใด

ดนตรี /Am Em / Am Em /Am Em (ซ้ำ *)

สู่บ้านนา ประกายดาว

ฉันเบื่อเมืองกรุงช่างวุ่นวายจัง อีรุงตุงนังดูฟังแล้วกลุ้ม

ประเดี๋ยวก็รัฐประหารอันธพาลทั่วกรุง ไม่อยากลงหลุมฉันเลยหนีไปบ้านนา

แสงดาวสกาวฟากฟ้าราตรี เสียงไผ่เสียดสีพริ้วลมชายป่า

รวงทองเจ้างามสดใส น้ำใจของคนบ้านนาช่างงามหนักหนา

ไร้มายาหลอกลวง

* ค่ำคืนวันเพ็ญ ฉันฝันได้เห็นประชาพี่น้อง

จับเคียวเกี่ยวดาวที่พราวระยิบเรืองรอง ร่ายรำระบำขับร้องบทเพลงแห่งไท

สู่ชัยสร้างไทยรุ่งเรือง มาเถิดเร็วมามารู้มาเห็น

ความลำเค็ญของไทยท้องทุ่ง ถึงจนทุกข์ยากมากหลาย

แต่ใจกล้าอาจอง อยู่ตามป่าดงท้องไร่ท้องนา (ซ้ำ *)

๘๕

Am

C Am C Am C Em Am

Am C Am

C Am C Am C Em Am

Am

C Am C Am C Em Am

Am

C Am C Am C Em Am

A F#m

A F#m Bm E

A F#m

A F#m Bm

A

D E A

F#m Bm E

F#m A A

F#m A

F#m Bm A

Page 86: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ คาราบาว

วันเวลาผันเปลี่ยนเวียนไป ใจของคนก็หมุนวนเปลี่ยนแปร

ตั้งแต่เด็กน้อยจนเติบแก่ ผ่านไปพบปัญหาสารพัน …

ถูกกีดกันด้วยชนชั้นเอาเปรียบ เหยียบขย้ำหัวใจทำลายขวัญ

หยดหยาดเหงื่อดังน้ำเกลือน้ำกลั่น น้ำใจนั้น จงแบ่งปันผู้คน …

* เสียงเพลงที่เปล่งออกมา จะโหยหาเสรีอันยิ่งใหญ่

เสียงเพลงที่เปล่งออกมา จะโหยหา เสรีภาพ …

คนกับคนอยู่กันเป็นกลุ่มคน ความสับสนคือโลภโมโทสัน

คือเอาเปรียบเอาไปไม่แบ่งปัน เลยตีกันจนล้มหายตายห่า…

พอเห็นเงินงกเงินเกินจะเก็บ ให้เก็บให้ตายไม่มีราคา

ชีวิตคนดูเหมือนดังผักปลา อนาถหนาสังคมสังคัง … (ซ้ำ *)

อันสังคมขย่มเดินดังเต่า ดังไดโนเสาร์ดังเต่าล้านปี

คือสังคมยศถาบรรดามี ถือศักดิ์ถือศรี ถือนายถือบ่าว …

จะก้าวเดินต่อไปในภายหน้า ต้องสร้างศรัทธาในประชาธิปไตย

ให้เป็นจริงเป็นจังดังตั้งใจ ให้ชาวไทยได้มีเสรีภาพ…. (ซ้ำ*) …

เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ … เสรีภาพ … (ซ้ำ 3 ครั้ง)

เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ … เสรีภาพ…

๘๖

G F G

G D7 G

G F G

C G D7 G

C G D Em

C G D G G D7 G

G F G

G D7 G

G F G

C G D7 G

G F G

G D7 G

G F G

C G D7 G

C G D7 Em (G D7 G)

C G D7 Em (G D7 G)

Page 87: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สตรีมีสองมือ มั่นยึดถือในแก่นสาร

เกลียวเอ็นจักเป็นงาน มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ

สตรีมีสองตีน ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน

ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน มิหมายมั่นกินแรงใคร

สตรีมีดวงตา เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่

มองโลกอย่างกว้างไกล มิใช่คอยชม้อยชวน

สตรีมีดวงใจ เป็นดวงไฟไม่ผันผวน

สร้างสมพลังมวล ด้วยเธอล้วนก็คือคน

สตรีมีชีวิต ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล

คุณค่าเสรีชน มิใช่ปรนกามารมณ์

* ดอกไม้มีหนามแหลม มิใช่แย้มคอยคนชม

บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน

(ซ้ำ *)

จิระนันท์ พิตรปรีชาอหังการของดอกไม้

ภราดร คุรุชน

สตรีเขาเห็นเป็นดอกไม้ เป็นทาสรับใช้ในครัวเรือน

ศักดินากดขี่ทุกปีเดือน บิดเบือนพวกเธอเสมอมา

* ตื่นเถิดหญิงความจริงเธอยิ่งใหญ่ สิทธิ์ควรได้ร่วมแรงแสวงหา

ประเพณีกำหนดกฎออกมา เธอต้องฝ่ากฎเหล่านี้สตรีไทย

เปลี่ยนมือที่อ่อนนิ่มเป็นลิ่มเหล็ก วินัยเหล็กเพชรจัดตั้งครั้งยิ่งใหญ่

หยัดยืนรวมพลังสร้างชาติไทย สังคมใหม่ได้มาภราดร (ซ้ำ*,*)

๘๗

G C C G

C D G D G

G C G

C D G D G

G C G

C D G D G

C Am F C

C Am F C

C Am F C

C Am F/G C

F C

Dm G

F C

Dm Dm C

C Am F C

C Am G C

F C

Dm G (C)

Page 88: Saleung Entire Book 2009

สลึง

อยากบินบนผืนฟ้า ใฝ่หาความงดงาม

ก้อนเมฆและฟ้าคราม ไต่ถามถึงความนัย

นกเอ๋ยเคยลับฟ้า ใฝ่หากำลังใจ

โบกโบยบินลับไป ไม่ยิ่งใหญ่ในสังคม

ใครเก่งก็เป็นดาว วับวาวให้โลกชม

ผู้คนเขานิยม สั่งสมความมั่งมี

หมอกหนาไม่เคยจาง เส้นทางที่ฉันข้าม

เอาเปรียบและเหยียดหยาม กีดกันจนไหวหวั่น

จำเจ็บในดวงใจ บินไปแต่ในฝัน

กฎเกณฑ์เพื่อใครกัน ตัวฉันไม่เข้าใจ

อยากเบิกซึ่งดวงตา เหยียดขาขึ้นท้าทาย

อ่อนล้าจะบินไป ให้ไกลจนสิ้นแรง

อยากบินจนโรยรา แต่ฟ้ายังมืดแดง

ค่ำนี้คงหมดแรง สิ้นลมที่ปลายทาง

นกที่บินลับฟ้า มอ.ปัตตานี

๘๘

Em D

Em

D

Em

D

Em

D Em

D Em

D Em

D Em

Em D

Em

D

Em

Page 89: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พรุ่งนี้ นฤคหิต

ค่ำนี้ ตะวันสีหม่น เมฆหมอกฝนคำราม

แมกไม้วายทั่วเขตคาม ดอกไม้งามกลับเฉา

หยาดฝนที่หล่นร่วงมา ดั่งน้ำตาอาลัย

ความฝันต้องพลันหายไป สุขมลาย วายสิ้น ลงพลัน

ทุรชนอื้อครวญ สายลมแปรปรวน

เปลี่ยนทิศ พัดหวน กลับคืน

พรุ่งนี้ ตะวันสีแดง เจิดแจ่มแสงจรัส

ดอกไม้ชูช่อระบัด กลีบสะพัดดั่งพรม

นกน้อยหลากสีสวยสม จะเริงล่องลอย รำพึงไปมา

สู้ไม่ถอย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล

สู้เข้าไปอย่าได้ถอย มวลชนคอยเอาใจช่วยอยู่

รวมพลังทำลายเหล่าศัตรู พวกเราสู้เพื่อความยุติธรรม

เราเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ ก้าวเข้าไปด้วยใจมุ่งมั่น

เขาจะฟาดเขาจะฟัน พวกเราไม่พรั่น พวกเราสู้ตาย

สู้เข้าไปอย่าได้หนี เพื่อเสรีภาพอันยิ่งใหญ่

รวมพลังผองเราเหล่าชาวไทย สู้ขาดใจพวกเราเสรีชน

( ซ้ำตั้งแต่ต้น ๒ รอบ )

๘๙

D Bm Em A7

D Bm Em A7

D Bm Em A7

D Bm Em A7 D D7

G A7 G A7

Bm Em D Bm Em A7

D Bm Em A7

D Bm Em A7

D Bm Em A7 D

C Em Dm C

C Dm G C

F C

Dm G C

C Em Dm C

C Dm G C

Page 90: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คำสัญญา(แห่งเดือนตุลา) กรรมาชน

กลางป่าเขาเหน็บในหนาวลมผ่าน คืนนี้แสงจันทร์มีความหมาย

ภาพแห่งความหลังครั้งเราเคยชิดใกล้ อุดมการณ์อันฝันใฝ่ยังศรัทธา

อุดมการณ์อันฝันใฝ่ยังศรัทธา

ก่อนรุ่งสางกลางลานแสงทองส่อง วันที่สมปองคงมาถึง

รักที่ปรารถนาพาใจให้คิดคำนึง ทะเลแม้นขวางตรึงจะฝ่าไป

ทะเลแม้นขวางตรึงจะฝ่าไป

* ส่งเพลงบทนี้ผ่านข้ามขอบฟ้า คำสัญญาแห่งเดือนตุลามิลืมเลือน

ยังย้ำเตือนคิดถึงเพื่อนผู้จากไป ยังย้ำเตือนคิดถึงเพื่อนผู้จากไป (ซ้ำ *)

คนภูเขา คาราวาน

ร้อยดาว ร้อยเดือนมา ร้อยดวงมา เรียงเป็นวง

ร้อยใจสายใยยาว กูเกี่ยวดาวมาไว้ดิน

ชาวนาผู้ขมขื่น เขาหยัดยืนขึ้นถือธง

คือคนคงคู่คน เปล่งเสียงสู้เหนือภูพาน

คือผู้ที่อยู่ป่า เป็นแนวหน้ากลางป่าเขา

คือดาวที่วาวเงา อันทอดดวงเพื่อปวงชน

ร้อยดาวร้อยเดือนมา ร้อยเคียวมาเรียงเป็นวง

ร้อยชนที่ชูธรรม ชนจะนำไปชูไทย

เพลงคนภูเขา : วิสา

คัญทัพ แต่งให้สุรชัย

นำท่วงทำนองมาจาก

หนังเรื่อง Ned

Kelly เพลงมีเนื้อหาอ่อน-

หวานแต่มีความหมาย

และใช้คำที่มีอำนาจบ่ง-

บอกถึงอุดมการณ์ที่ยึด

แนวนิยมในป่าภูพาน๙๐

Am C G D C Em Am

G F Am Dm G C

Am Dm G Am

Am C G D C Em Am

G F Am Dm G C

Dm G Am

C Am G F Am

Dm G C Am Dm G Am

C Am F G

C Em Am G

C Am F G

C Em Am G

C Am F G

C Em Am G

C Am F G

C Em Am G

Page 91: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สิบสี่ตุลา กรรมาชน

สิบสี่ตุลา วันยิ่งใหญ่ของไทยทั้งชาติ เลือดไทยต้องไหลสาดอาบพื้นธรณี

เพื่อสิทธิเสรี สู้เพื่อน้องพี่ ชีพนี้ยอมพลี สดุดีวีรกรรมของวีรชน

สิบสี่ตุลา ไทยร่วมจิตร่วมใจกันมั่น ร่วมใจเข้าฟาดฟันโค่นล้มทรชน

เพื่อเอกราชอธิปไตย กู้ความเป็นคน เด็ดเดี่ยวอดทนพลีชีวิต อุทิศชีวัน

* สู้เพื่อไทย สู้เพื่อชาติอย่างอาจหาญ กระสุนลั่นปังเปรี้ยงไม่เคยไหวหวั่น

เผด็จการมุ่งประหารชีวัน เขา้สูป่ระจญัเพือ่ปวงประชายนืยง (ซำ้ *)

จะก้าวตามรอยวีรชนนักรบคนกล้า สู้พื่อปวงประชา อาจหาญทระนง

สืบทอดจิตใจ ของวีรชน เทอดไว้มั่นคง เจตนารมณ์ของวีรชนขอจงเจริญ

สานแสงทอง คาราวาน

* ขอผองเราจงมาร่วมกัน ผูกสัมพันธ์ยิ่งใหญ่

สานแสงทองของความเป็นไท ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ (*)

Find the cost of freedom : Crosby Still Nash and Young

Find the cost of freedom, burried in the ground

Mother Earth will swallow you, Lay your body down

เพลงสานแสงทอง : สุรชัยเป็นผู้แต่งเป็นกลอนในขณะที่ประท้วง ดร.ศักดิ์ ผาสุกนิรันดร์ ก่อน

๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๙ โดยใช้ทำนองเพลง Fine the cost of freedom ของ Bob Dylan ซึ่งมีเนื้

อร้องสั้นแต่มีความหมายในการรวมพลังในการต่อสู้

๙๑

C Am C Dm C G

Am F Dm G C F C

C Am C Dm C G

Am F Dm G C F C

C Am C C

Em G D C

C Am C Dm C G

Am F DmG C F C

Am C Am G Am G Am

Am C Am G Am G Am

Am C Am G Am G Am

Am C Am G Am G Am

Page 92: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นกสีเหลือง คาราวาน

กางปีกหลีกบินจากเมือง เจ้านกสีเหลืองจากไป

เจ้าบินไปสู่เสรี บัดนี้เจ้าชีวาวาย(ฮัม)

เจ้าเหินไปสู่ห้วงหาว เมฆขาวถามเจ้าคือใคร

อาบปีกด้วยแสงตะวัน เจ้าฝันถึงโลกสีใด (ฮัม)

(พูด) คุณจำได้ไหมเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๔-๑๕ ตุลาคม คุณจำได้ไหมรอยเลือด

คราบน้ำตาและฝันร้ายของผู้คน วีรชนคนหนุ่มสาวของเรา ได้ตายไปท่ามกลาง

ห่ากระสุนและแก๊สน้ำตา ตายไปขณะชูสองมืออันว่างเปล่าเพื่อเรียกร้องหาเสรีภา

พ ณ บัดนี้ ขอให้พวกเราจงหยุดนิ่ง ส่งใจระลึกไปยังพวกเขาเหล่านั้น อย่างน้อย

ก็จะได้เป็นเครื่องเตือนใจ และเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่จะอยู่ต่อสู้อีกต่อไป

จงบินไปเถิดคนกล้า ความฝันสูงค่ากว่าใด

เจ้าบินไปจากรวงรัง ข้างหลังเขายังอาลัย ( ฮัม )

กางปีกหลีกบินจากเมือง เจ้านกสีเหลืองจากไป

เจ้าคือวิญญาณเสรี บัดนี้เจ้าชีวาวาย

เพลงนกสีเหลือง : แต่งโดย วินัย อุกฤษณ์ นศ.ธรรมศาสตร์ ( วารสารศาสตร์ )

หลังจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ได้เข้า ร.พ.ประสาท (สมเด็จเจ้าพระยา ) เ

พราะได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนักจากเหตุการณ์ หลังออกจาก ร.พ. ได้แต่งเพ

ลงนี้ขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรชน ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ สุรชัย อธิบายสัญลักษณ์ว่า

นกหมายถึงเสรีภาพ สีเหลืองเหมือนกับนกขมิ้นที่ดูหงอยเหงาเศร้าสร้อย

๙๒

E B7 E A B7 E

E B7 E A B7 E D E A B7 E D E

E B7 E A B7 E

E B7 E A B7 E D E A B7 E D

E

E B7 E A B7 E

E B7 E A B7 E D E A B7 E D E

E B7 E A B7 E

E B7 E A B7 E D E A B7 E D E

Page 93: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จิตร ภูมิศักดิ์ สุรชัย จันทิมาธร

* เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ ยากเย็นข้นแค้นอับจน (ซ้ำ)

ถึงวันพราก เขาลงมาจากยอดเขา ใต้เงามหานกอินทรี

ล้อมยิงโดยกระหยิ่ม อิ่มในเหยื่อตัวนี้ โชคดีสี่ขั้นพันดาว

เหมือนดาวร่วงหล่น ความเป็นคนร่วงหาย ก่อนตายจะหมายสิ่งใด

แสนคนจนยาก สิบคนหากรวยหลาย อับอายแก่หล้าฟ้าดิน

เขาจึงต่อสู้ อยู่ข้างคนทุกข์เข็ญ ได้เห็นได้เขียนพูดจา

คุกขังเขาได้ แต่หัวใจยังปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม

แล้วอำนาจเถื่อน มาบิดเบือนบังหน กี่คนย่อยยับอัปรา

สองพันห้าร้อยแปด เมฆดำปกคลุมฟ้า ด้วยฤทธามหาอินทรี

ร้างเมืองไร้บ้าน ออกทำการป่าเขา เสี่ยงเอาชีวีมลาย

พฤษภาห้าร้อยเก้า แดดลบเงาจางหาย เขาตายอยู่ข้างทางเกวียน

** ศพคนนี้นี่ หรือ คือ จิตร ภูมิศักดิ์ (ซ้ำ**) ตายคาหลักเขตป่ากับนาคร

*** เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอีสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน

เขาตายเหมือนไร้ค่า แต่ต่อมาก้องนาม ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน

*** ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน (ซ้ำ **** )

เพลงจิตร ภูมิศักดิ์ : เป็นเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนสังคมโดยใช้สัญลักษณ์ สุรชัยแต่งจาก

ความรู้ที่เสถียร จันทิมาธร เคยเล่าเรื่องของ จิตร ให้ฟัง เป็นคนแรก เมื่อสุรชัย

เริ่มสนใจคนหัวก้าวหน้า ใน ๒ ท่อนแรก เพลงนี้ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากซึ่ง นิสิต

จิรโสภณ ได้หาข้อมูลมาให้ต่อเติมในท่อนหลัง จึงเกิดภาพชัดเจน

๙๓

G Dm F Dm G F C Dm

Am C Dm C G7 A

G Dm F Dm G F C Dm

G Dm F Dm G F C Dm

G Dm F Dm G F C Dm

Am C Dm C G7 A

G Dm F Dm G F C Dm

G Dm F Dm G F C Dm

G Dm F Dm G F C Dm

Am C Dm C G7 A

G Dm F Dm G F C Dm

Dm F

G Dm F Dm G F C Dm

Am C Dm C G7 A

G Dm F Dm G F C Dm

Page 94: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดินสอโดม ( จากภูพานถึงลานโพธิ์ )

ดินสอโดมธรรมศาสตร์เด่นสู้ศึก ได้จารึกหนี้เลือดอันเดือดดับ

หกตุลาเพื่อนเราล่วงลับ มันแค้นคับเดือดระอุอกคุไฟ

เรามีเพียงมือเปล่ามันล้อมปราบ ระเบิดบาปกระสุนบ้ามาสาดใส่

เสียงเหมือนแตรงานศพซบสิ้นใจ สนามหญ้าคลุ้งกลิ่นไอคาวเลือดคน

มันตามจับตามฆ่าล่าถึงบ้าน อ้างหลักฐานจับเข้าคุกทุกแห่งหน

เราอดทนถึงที่สุดก็สุดทน จึงเปลี่ยนหนทางสู้ขึ้นภูพาน

อ้อมอกภูพานคือชีวิตใหม่ คือมหาวิทยาลัยคนกล้าหาญ

จักโค่นล้มไล่เฉดเผด็จการ อนัธพาลอเมรกิาอยา่หวงัครอง

* สู้กับปืนต้องมีปืนยืนกระหน่ำ พรรคชี้นำตะวันแดงสาดแสงส่อง

จรยุทธ์นำประชาสู่ฟ้าทอง กรรมาชีพลั่นกลองอย่างเกรียงไกร

(ซ้ำ *)

ในวันนี้ลานโพธิ์ธรรมศาสตร์อาจเงียบหงอย ก็เพียงช่วงรอคอยสู่วันใหม่

วันกองทัพประชาชนประกาศชัย จะกลับไปกรีดเลือดพาลล้างลานโพธิ์

เพลงจาภูพานถึงลานโพธ์ : เป็นเพลงที่วัฒน์ วัลยางกูร แต่งเนื้อร้อง และ สุรสีห์

ผาธรรม ใส่ทำนองมีเนื้อหาที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เห็นความคิดแล

ะ ความรู้สึกของเหตุการนองเลือด ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ซึ่งมีนักศึกษาและประชาชน

หัวก้าวหน้าจำนวนมาก ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง สังคมไปสู่สังคมในอุดมคติของตน ต้อง

หลบหนีการตามกวาดล้างของรัฐบาล และมีจำนวนมากที่หันหน้าเดินทางเข้าป่า ไปร่วม

ต่อสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

๙๔

Am C Am E Am

F E Dm Am E Am

Am C Am E Am

F E Dm Am C Am

Am C Am E Am

F E Dm Am C Am

Am

C Am Dm Am E Am

Am

Am C Dm F E Am

Am C Am E Am

F E Dm Am E Am

Page 95: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มาร์ชประชาชนเดิน จิตร ภูมิศักดิ์

เร็ว เร็ว มา มา ร่วมกันเดิน เรามาเดินเหล่าประชาชน

จงร่วมใจเดินเข้าไป จงคว้าชัยมาให้มวลไทย

ขวากใดนั้นหรือเราไม่กลัวเราไม่เกรง ใครมาข่มเหงเราจะสู้เราไม่ถอย

เราจะสู้จนชีพหลุดลอย ไทยจะต้องเป็นไทย

(ซ้ำทั้งหมดอีก ๒ รอบ)

ถั่งโถมโหมแรงไฟ คาราวาน

ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่า ปฏิวัติเพื่อเราประชาชาติไทย

มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์ สู่เอกราชจริงแท้และสดใส

จับอาวุธถั่งโถมโหมแรงไฟ เพื่อก้าวไกลแห่งสังคมอุดมการณ์

ทหารแห่งประชาทำหน้าที่ กำจัดเหล่าไพรี ปฏิกิริยา

ความลำบากนั่นคือมิตรล้างอุปสรรค โค่นจักรพรรดิ์ฟาสซิสต์และศักดินา

มันก่อกรรมทำร้ายเราเรื่อยมา ชาติประชาเป็นดังผู้พลีกรรม

มวลชนดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก เอกลักษณ์นี่แหละหนาใช่คนต้อยต่ำ

คือผู้ยืนอยู่ยงคงทนยิ่ง ทุกอย่างสิ่งผลิตผลมวลชนทำ

เรานักรบแห่งประชามาก้าวนำ มือจับกำปืนกล้าประกาศชัย

อำนาจรัฐจักได้มาด้วยกระบอกปืน ปืนต่อปืนมันยิงมาเรายิงไป

ติดอาวุธความคิดพิชิตศึก ปลุกสำนึกปลุกกายและปลุกใจ

ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่า ปฏิวัติเพื่อเราประชาชาติไทย

มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์ สู่เอกราชจริงแท้และสดใส

จับอาวุธถั่งโถมโหมแรงไฟ เพื่อก้าวไกลแห่งสังคมอุดมการณ์

จับอาวุธถั่งโถมโหมแรงไฟ เพื่อก้าวไกลแห่งสังคม...อุดมการณ์

๙๕

C Am C Am

F G F G F C

C Am C Am

F C F G C

Em G Em C Em

G Em C Em

C Em B7 Em

G Em C Em

G Em C Em

C Em B7 Em

G Em C Em

G Em C Em

C Em B7 Em

C Em C Em

C Em C Em

G Em C Em

G Em C Em

C Em B7 Em

C Em B7 Em

Page 96: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เดือนเพ็ญ (คิดถึงบ้าน)

เดือนเพ็ญแสงเย็นเห็นอร่าม นภาแจ่มนวลดูงาม

เย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา

แสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมา

คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนา

กองไฟสุมควายตามคอก คงยังไม่มอดดับดอก

จันทร์เอ๋ยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า

โหมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว

ให้พี่น้องเรานอนหลับอุ่นสบาย

เรไรร้องดังฟังว่า เสียงเจ้าที่เฝ้าคอยหา

ลมเอยช่วยพากระซิบข้างกาย

ข้ายังคอยอยู่มิหน่าย ไม่เลือนห่างจากเคลื่อนคลาย

คิดถึงมิวายเมื่อเราจากมา

ลมเอยช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากห้วงดวงใจ

ของข้านี้ไปบอกเขา น้ำ นา

ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา

จะไปซบหน้าแทบอกแม่เอ๋ย

เพลงคิดถึงบ้าน : คิดถึงบ้าน (เดือนเพ็ญ) นายผี (อัศนี พลจันทร์) ได้แต่งเพลงนี้ขณะ

พำนักอยู่ในประเทศลาว เพื่อรำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนแต่ไม่ได้รับการเผยแพร่ ลูก ห

ลานนำมาร้องและสุรชัยไปได้ยินเข้าจึงนำมาร้องในเวลาต่อมาบทกวีนี้ นายผีได้ใช้ สั

ญลักษณ์หลายอย่างในการสื่อความหมายเพื่อสะท้อนถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ห่วงใย

ต่อมาตุภูมิของคนที่ห่างบ้านมา 20-30 ปี แล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย

อัสนี พลจันทร์

๙๖

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F

Page 97: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เดือนแรมแสงลาร้างโรยอ่อน เมฆลอยกระจายแรมรอน

ดาวสิ้นแสงจรจากจางร้างลา

แสงจันทร์เอยเย้ยใจข้า คิดถึงป่าไพรไกลตา

คิดถึงเพื่อนยา ร่วมเรียงที่เคียงเคย

เปลวไฟไหม้ลามโลมป่า ฤดูแห่งกาลเวลา

คงมอดลับลาดับลงแล้วเอย

ขุนคีรีวานช่วยเอ่ย ร้องให้ตะวันช่วยเผย

แผดแสงเช่นเคย ลามไหม้สู่พนา

เรไร ร้องครวญชวนเศร้า เสียงซื่อจากใจเร่งเร้า

ลมเอ๋ยโอ้เรารำลึกเรื่อยมา

ขอให้เธอจงรู้ว่า แม้ตายไม่คลายศรัทธา

คิดถึงทุกคราที่เราจากกัน

ลมเอยช่วยเป็นสื่อให้ นำรักห่วงจากดวงใจ

ของข้านี้ไปบอกเขาเช่นกัน

ให้คนไกลอย่าไหวหวั่น สายใยแห่งความผูกพัน

จะรอถึงวันรับขวัญเจ้าเอย

เดือนแรม วิสา คัญทัพ

๙๗

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F

F Gm Dm F Bb

C F C

F Gm Dm F Bb

C F

Page 98: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เหมือนดั่งดาวที่สวยเด่นประดับเวหา เหมือนดั่งนาที่เขียวสดหมดกลิ่นคาว

เหมือนดั่งไฟที่ร้อนผ่าวราวกับตะวัน ส่องแสงไปจนถึงวันผู้คนเท่าเทียม

มาเถิดมวลพี่น้องมารวมพลัง มาเถิดมาฟังบทเพลงแห่งชัย

พี่น้องชาวประชาลำบากมากมาย อีกทั้งล้มตายเลือดนองผืนนา

ทั้งอด ทั้งอยาก ทั้งยาก ตรากตรำ ทั้งทนทุกข์ระกำชอกช้ำลำเค็ญ

เลือดหยดจากฟ้าไม่ช้าจะเห็น น้ำตาที่กระเซ็นจะเป็นเสียงปืน

เอาเคียวเกี่ยวฟ้าลงมาสู่ดิน กวาดล้างมารแผ่นดินให้สิ้นหมดไป

เมื่อดาวฟากฟ้าสีแดงเด่นไกล อย่าท้อจงสู้ไปเร็วไวเพื่อนเอย

อย่าหลับจงลุกขึ้นปลุกเพื่อนไทย แล้วรวมหัวใจเป็นดวงเดียวกัน

ก้าวไปห้าวหาญร่วมฟาดฟัน ไม่ช้าถึงวันประชาได้ชัย

รวมเคียวเกี่ยวฟ้า

โซลิดาริตี้

มาพวกเรามาร่วมกันต่อสู้ มาพวกเรามารวมพลัง

ทุกข์ลำบากยากเข็ญที่เราเผชิญ เราร่วมเดินฟันฝ่า

เรากรรมกรและชาวนาสู้ นักศึกษามาร่วมประสาน

อุปสรรคใดใดไม่เคยหวั่น เราสร้างฝันเพื่อวันเสรี

แม้เวลาจะยังยาวไกล เลือดรดรินหลั่งไหล

เราก้าวไปด้วยกำลังใจ สู่เส้นชัยเสรี

พลีชีพไปในทุกถิ่น บินเหมือนนกที่ผกผิน

Solidarity ใหญ่ยิ่ง เราจะผกผินบินไป

๙๘

Am C Am C E7

Dm F Am Dm Am G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

C Am F G7 C G7 C

Em G

Am Em D Em

Em G

Am Em D Em

C Em D Em

C Em D

Em G

Am Em D Em

Page 99: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฝนแรก เอี้ยว ณ ปานนั้น

ฝนแรกเดือนพฤษภา รินสายมาเป็นสีแดง

ฝนเหล็กอันรุนแรง ทะลวงร่าง เลือดพร่างพราว

หลั่งนองท้องถนน เป็นสายชลอันขื่นคาว

แหลกร่วงกี่ดวงดาว และแหลกร้าวกี่ดวงใจ

* บาดแผลของแผ่นดิน มิรู้สิ้นเมื่อวันใด

อำนาจทมิฬใคร ทะมึนฆ่าประชาชน

เลือดสู้จะสืบสาย ความตายจะปลุกคน

วิญญาณจะทานทน พิทักษ์เทิดประชาธรรม (ซ้ำ *)

ฝนแรกแทรกดินหาย ฝากความหมายความทรงจำ

ฝากดินให้ชุ่มดำ เลี้ยงพืชกล้า ประชาธิปไตย

รำวงวันเมย์เดย์

เรารำวงวันเมย์เดย์ มาร้องฮาเฮให้ระรื่นชื่นบาน

คนงาน คนงาน คนงาน พวกเราอาจหาญด้วยพลังยิ่งใหญ่

โลกที่เราร่มเย็น (โย้น โย้น) เย็นด้วยน้ำมือผู้ใด (ชะละว้า)

โลกที่เราร่มเย็น (โย้น โย้น) เย็นด้วยน้ำมือผู้ใด (ชะละว้า)

หากมิใช่น้ำมือพวกเรา หยาดเหงื่อเราหลั่งละเลง

ซ้ำทั้งเพลง

จิตร ภูมิศักดิ์

๙๙

A C#m7 F#m7 E A

C# C Bm7 E/E A/Em/A

C#m7 F#m7 E A

C# C Bm7 E/E7 A(D Dm)A

A F#m E A

F#m Bm E A

D E F#m

F# Bm E A

A C#m7 F#m7 E A

C# C Bm7 E/E7 A

Am Am

Am Am

G Am G Am

G Am G Am

G Am C/G/Am

Page 100: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๑๐๐

Page 101: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ลุกขึ้นสู้ คาราวาน

รีบตื่นขึ้นมา มองฟ้ามองดิน

เก็บยอดกระถิ่น หากินผักปลา

ทำไร่ไถนา อยู่ป่าอยู่ดง

อยู่มานมนาน ลูกหลานเต็มนา

พวกเทวดา มาตั้งหน้าขูดกิน

วัวควายมันหาย แรงกายคือสิน

ไม่มีพื้นดิน อยู่กินอย่างควาย

* ทำสิบได้ห้า เหนื่อยล้าจนตาย

แรงคนเหมือนควาย แรงใจโบยบิน

รอโชคชะตา รอฟ้ารอดิน

ไม่มีพอกิน ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป(หนี้สินเต็มนา) ซ้ำ*

ลุกยืนขึ้นท้า พวกฟ้าพวกดาว

รวมใจที่ปวดร้าว ปลิดดาวลงดิน

ไม่นานหรอกหนา เมฆฟ้าทมิฬ

กูจะล้างให้สิ้น ชีวินจึงเบิกบาน

(ซ้ำ*,**)

เพลงลุกขึ้นสู้ : เป็นเพลงแรกที่ มงคล อุทก จับปากกาขึ้นเขียนเพลง เสร็จแล้ว วีรศักดิ์

สุนทรศิริ ช่วยแก้ไขขัดเกลาบางคำให้

๑๐๑

Am

C Am

C

Am

Am

C Am

D Am

C Am

D Am

Page 102: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สายสัมพันธ์ นฤคหิต

ท่ามกลางหัวใจรักมั่นผูกพัน ด้วยใจสัมพันธ์คิดถึงทุกครา

เธอฝากย้ำเตือนคำมั่นสัญญา ฉันยังตรึงตรามั่นในใจเธอ

คำมั่นของเราร่วมกันสร้างสรรค์ จะสร้างสวรรค์ฟ้าใหม่สีทอง

ความฝันของเราสดใสเรืองรอง ความหวังสมปองเราต้องร่วมใจ

เมื่อเธอจากไปใจฉันห่วงหา ฉันปรารถนาฝันถึงดวงดาว

นภามืดมัวก็ยังพร่างพราว เธอส่องสกาวท่ามกลางใจฉัน

โอ้ความรักเรานั้นไม่แปรผัน ห่วงโซ่สัมพันธ์ของปวงประชา

เธอเป็นสายใยแห่งกาลเวลา เชื่อมความศรัทธาให้เรามั่นคง

เพื่อแผ่นดิน

ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า...ฮือๆ ได้ยินเพลงแว่วมา ไกล ไกล

ยังจดจำประทับใจ เพลงจากไพร เรื่องราวในป่าเขา

เพื่อแผ่นดิน เมืองไทยของเรา

นกสีเหลือง บินจากเมืองเมื่อวัยเยาว์

ครั้งหนึ่ง

ด้วยดวงใจดุจดังดอกไม้ สีขาว เขียนเรื่องราวแห่งวันเวลา

ด้วยรอยยิ้มและน้ำตา ยังศรัทธา แม้เวลาผ่านไป

แผ่นดินนี้ ยังหายใจ

เก็บบทเรียน สร้างสรรค์วันใหม่

เก็บบทเรียน เป็นกำลังใจ ให้กัน

กำลังใจ

๑๐๒

C Cmaj7G7 G7 Dm7G7

Am Dm7 G7 C F C

CCmaj7G7 F G7 Dm7G7

C AmDm7 G7 G7 G F C

F Fmaj7 F C Cmaj7 C

Dm Dm7G7 C F C

C Cmaj7G7 F G7 Dm7A7

C Am Dm7G7 G7 C F C

C/Em/A7 G C Em A7

C Em A7 G D7/A7/A#7

G C Em A7 G C/Em/A7

G D7/A7/A#7 G D7/A7/A#7 G

C/G/C

C Em A7 G C Em A7

G C Em A7 G D7/A7/A#7

G C Em A7/G C/Em/A7

G D7/A7/A#7 G D7/A7/A#7

G D7/A7/A#7 G D7/A7/A#7 G C/G/C

Page 103: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แสงแห่งอุดมการณ์ ประกายดาว

มองท้องนภา ดวงตะวัน ล่วงดับลับไป

มองท้องนภา ดวงดาว ยังสว่างสุกใส

ส่องทางเป็นเพื่อนผอง พี่น้องไทย ก้าวไปพ้นความมืดมน

มองความจริง สิ่งเลว มากมายในสังคม

กรรมกร ชาวนา ทุกข์ตรมขมขื่นชีวา

เกิดมาถูกเหยียดหยาม ดูแคลน ข้นแค้นยากจนทรมาน

* มาเยาวชน เราทุกคน มาร่วมใจ

จงเป็นเช่นดาว ที่ส่องทางสว่างไสว

แสงแห่งอุดมการณ์ ยิ่งตระการ ในดวงใจ

นำทางเพื่อชาวไทย หลุดพ้นจากความมืดมน (ซ้ำ*)

เธอคือความหวัง พลังเพลง

เธอเป็นความหวัง เป็นพลังของประชา เป็นดาราชี้นำทางสดใส

เป็นอาทิตย์ส่องแสงทั่วแดนไทย เป็นดวงใจประจำคู่ผู้ทุกข์ทน

จากแดนเมือง สู่แดนแคว้นพนา ด้วยศรัทธาก้าวไปในทุกหน

ขออุทิศชีวิตเพื่อมวลชน จะยอมทนลำบากอย่างอาจอง

เธอจากไปด้วยดวงใจที่กล้าหาญ ร่วมประสานกับผองชนบนทางใหม่

เพื่อสร้างสรรค์สังคมอันวิไล ให้มวลไทยได้เป็นสุขทุกวันคืน

เธออยู่ไกลแต่ใจขอรวมกัน ร่วมฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง

ขอติดตามร่วมสู้หยัดยืนยง เพื่อนำธงชัยมาสู่ผองไทย

๑๐๓

Am Dm Am

Am Dm Am

F Am Dm E Am

Am Dm Am

Am Dm Am

F Am Dm E Am

Am C E Am

Am C E Am

Am C E Am

Am Dm E Am

D Bm Em A7 Bm Em A7

Bm D A7 D Bm Em D

D Bm Em A7 D Bm Em A7

Bm D A7 D Bm Em A7 D

Bm D D Bm

A7 D A7 D

D Bm Em A7 D Bm Em A7

Bm D A7 D Bm Em D

Page 104: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ไฟแห่งสัจจธรรม ประกายดาว

ฮือ ฮือ ฮือ กระพือโหม จู่โจมแผดเผาราวไฟป่า

ประชาชนเร่งรุดจุดไฟศรัทธา ลามกระจายบ่ายหน้าท้าอธรรม

ใครใครใครไม่อาจขวาง หักล้างทำลายให้สึกกร่อน

นับวันยิ่งมั่นคงและแน่นอน ก้าวรุดตามขั้นตอนอย่างท้าทาย

นี่แหละคือพลังประชาชน ผู้รับช่วงมากล้นไม่ขาดสาย

สามัคคีประชาชาติได้มากมาย สุรีย์แสงส่องฉายเส้นทางจร

ไฟไฟไฟ แห่งสัจธรรม พลบค่ำย่ำรุ่งยังแรงร้อน

เผาศัตรูประชาชนจนม้วยมรณ์ สั่งสอนพวกมันให้หลาบจำ

โค่นล้มพวกมันให้แหลกลาญ แผดเผาพวกมันให้วอดวาย

คนตีเหล็ก สุรชัย จันทิมาธร

สูบไฟให้แรง เหล็กก็แดงคุโชน เรายกมันขึ้นทั่ง เตรียมถั่งแรงปูดโปน

เฮ้ไฮ้… ฮึบ ฮึบ เราลงพะเนิน บนเหล็กแดงด้วยไฟ

ตีเข้าไป ตีเข้าไป ดัดแปลงรูปใด ย่อมเสร็จได้ด้วยแรง

ทุ่มกายทุ่มใจ เพื่อให้ไทยเป็นไท ต้องสร้างด้วยไฟ ที่ลุกโชนโชติแดง

เฮ้ไฮ้…ฮึบ ฮึบ มารวมพลัง สร้างสังคมที่ดี

ตีเข้าไป ตีเข้าไป สร้างโลกสดใส ย่อมเสร็จได้ด้วยเรา

เพลงคนตีเหล็ก : “..ตีเข้าไป..” ความหมายคือ วิพากษ์วิจารณ์เข้าไป ตีคือ ตีความรู้สึก ตีระบบ

ที่ทำให้เราอึดอัด เนื้อหาสนับสนุนคนที่กล้าจะทำอะไรเพื่ออุดมการณ์

๑๐๔

Dm F Dm F C Dm

F Dm F C Dm

F Dm F C Dm

F Dm F C Dm

F Dm F C Dm

F Dm F C Dm

Am Am

F Dm Am Dm Am

Am

Dm F Dm Am F Am

Dm F Am

Dm Am F Am

Am F Am

F Dm Am Am

Am Em Am Am Em Am

Page 105: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตะวัน น้ำค้าง

ตะวัน ยามเมื่ออุทัย สาดแสงกำจาย ไปทั่วนภา

ส่องทาง ให้ทุกชีวา ฟื้นตนขึ้นมา พ้นความมืดมน

หนุ่มสาว เจ้าเปี่ยมพลัง เจ้าคือความหวัง สร้างสังคมไทย

จงรวม พลังยิ่งใหญ่ เข้มแข็งเกรียงไกร รับใช้ประชา

หนุ่มสาว เปรียบเหมือนตะวัน มือสอง จักปลุกประกาย

ล้างโฉด ชั่วสิ้นมลาย ทำลายมืดมนอนธการ

หนุ่มสาว เจ้าจงร่วมใจ ร่วมกันชิงชัย มาให้มวลชน

มาตุภูมิ เรียกร้องร้อนรน อุทิศพลีตน จนแจ้งแสงชัย

เธอผู้เสียสละ พลังเพลง

รุ่งเช้าวันหนึ่งแจ่มใส เธอพาดวงใจของเธอก้าวมา

แผ่วเบาเหมือนดังลมพา เธอเริ่มแสวงหาในสิ่งที่ควร

เธอยังใหม่ในศึกษา ยังปรารถนาศึกษาโซ่ตรวน

ผูกมัดรัดตรึงทุกส่วน จนเธอผันผวนในสังคม

เธอได้พบสิ่งใหม่ ที่ชูใจใครชื่นชม

สลัดทุกข์อันแสนเศร้าตรม หลุดหายไปในชีวี

แสงเจิดจ้าผ่องใส ชูผู้นำชัยเรืองรองทั่วไป

เธอมีความสุขใจ มวลชนพ้นภัยได้สุขชื่นบาน

เธอก็ถูกกล่าวหา เป็นกบฏชั่วช้าคิดคดการไกล

กบฏหรือคือผู้นำชัย เข่นฆ่าโพยภัยหมดสิ้นดินทอง

๑๐๕

Em Am G

C G Am Em

Em Am G

C G Am Em

C G C Em

G Am D Em

Em Am G

C G Am Em

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D G

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D G

Page 106: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ กรรมาชนIntro: Bbm / F# / F / Bbm

ม่านฟ้ายามค่ำ ดั่งม่านสีดำม่านแห่งความร้าวระบม

เปรียบเหมือนดวงใจมืดทึบระทม พ่ายแพ้ซานซมพลัดพรากบ้านมา

ต่อสู้กู้ถิ่น และสิทธิ์เสรีกู้ศักดิ์และศรีโสภา

จึงพัดมาไกลทิ้งไว้โรยรา จะร้างดังป่าอยู่นับปี

* เคยสดใส รื่นเริง ดังนกเริงลม ถลาลอยชื่นชมอย่างมีเสรี

แม้นร้อยวังวิมานที่มี มิเทียมเทียบปฐพีที่รักมั่น

ความใฝ่ฝันแสนงามแต่ครั้งเคยเนา ชื่นหวานในใจเราอยู่มิเว้นวัน

ความหวังยังไม่เคยไหวหวั่น ยึดมั่นว่าจักได้คืนเหมือนศรัทธา

ดนตรี Bbm / F# / F / Bbm

แว่วเสียงก้องกู่ จากขอบฟ้าไกลแว่วดังจากโพ้นนภา

บ้านเอ๋ยเคยเนา กังวานครวญมา รอคอยเรียกข้าอยู่ทุกวัน

ดนตรี Bbm / Ebm / F# / F / Bbm / Fm / Ebm / F / Bb (ซ้ำ*)

ต่างคนต่างสามารถที่จะอยู่

อย่างที่เขาอยากอยู่

ต่างคนต่างมีสิ่งเกี่ยวข้องพึ่งพากัน

แต่ต่างคนก็ต่างเป็นอิสระ

แต่วันนี้

ฉันนั่งอยู่บนอาคารคอนกรีตชั้นสี่ สีมัวซัว

มองลงไปสู่ความสับสนวุ่นวายข้างล่าง

แลเห็นความสับสนวุ่นวายข้างล่าง

แลเห็นคนที่ไม่ใช่สีคน

วิทยากร เชียงกูร

๑๐๖

Bbm Ebm F Bbm

Bbm Ebm Cm F

Bbm Ebm F Bbm

F#m F Bbm Fm

Bbm F# E Bbm Bbm F# F

Bbm Ebm Db Cm F

Bbm F# F Bbm Bbm F

Bbm Ebm Db Cm Bbm

Bbm Ebm Fm F7 Bbm

Fm F# Fm Bbm

Page 107: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เยาวชนเพื่อชาติ กงล้อ

เยาวชนชาวไทยใจซึ้งศรัทธา รับใช้ประชาสรรพ์นิรันดร์กาล

จากดินแดนแคว้นใดแสนไกลกันดาร ดวงใจหาญมิระย่อขอสู้ไป

หวังประชาธิปไตย ไทยสถิต เทิดอุทิศหมายทั้งกายใจ

เราร่วม (เราร่วม) ร่วมแรงร่วมใจ (ร่วมแรงร่วมใจ)

(ซ้ำทั้งบรรทัด)

ฝ่าฟัน ฝ่าฟัน ฝ่าฟัน ประจัญผองภัย หวังชัยเพื่อไทยประชา

อันแผ่นดินไทยทั่วไปรันทดทวี ด้วยรักในศักดิ์ศรีเสรีมา

เหล่าพวกเราเยาวชนในกมลศรัทธา มุ่งประชาธิปไตยไทยธำรง

ทุกสถาบันศึกษามาร่วมจิต เข้าพิชิตผองอธรรม ทะนง

ยืนยง (ยืนยง) พันธุ์พงศ์เผ่าไทย (พันธุ์พงศ์เผ่าไทย)

(ซ้ำทั้งบรรทัด)

เชิดชัย เชิดชัย เพื่อไทยพัฒนา

ชาวประชาคู่ฟ้าไชโย ไชโย ไชโย

(ซ้ำตั้งแต่ต้น)

๑๐๗

F C F C

Gm C F

C F

F C C7

F C F

F C F C F

Gm C F

C C

F C C7

Gm C

F

Page 108: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ธรรมนำใจ ภูริส แซ่หลี กลุ่มสลึง มหิดล

คุณธรรมส่องนำจิตใจ ให้ก้าวเดินไปในทางที่ดี

คุณธรรมคู่กับศักดิ์ศรี ผู้นำดีชาวประชาเป็นสุข

หากผู้นำขาดคุณธรรม มันคือกรรมของประชาชน

ท่านหลอกท่านลวงคนจนๆ ให้อดทนเชื่อท่านจะได้รวย

ท่านปิดหูปิดตาประชาชน ก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง

การกระทำของท่านเหมือนจับจอง เป็นเจ้าของประเทศ Thailand

* ความเพียงพอท่านมีบ้างไหม แล้วเมื่อไรท่านถึงจะพอ

หยุดเถอะครับสิ่งที่ท่านจะทำต่อ พอเถอะพอเถอะครับออกไปเถอะ

** สิ่งที่ท่านกระทำลงไป เหมือนดังไฟเผาผลาญมวลชน

มาเถอะเราพี่น้อง มารวมกัน ร่วมพลังยิ่งใหญ่

มาร่วมกันร้องเพลงชาติไทย ทวงประเทศไทย ของเราคืนมา

( ซ้ำ *,** )

๑๐๘

G Em C G

G Em D G

G Em C G

G Em D G

G Em C G

G Em D G

G Em C G

G Em D G/G7

C D G

C D G

Em C D G

Page 109: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ประชานิยมงงงาย ภูริส แซ่หลี กลุ่มสลึง มหิดล

ประชาชนตาดำๆ ประชาชนตาดำๆ

ถูกเขาหลอกมานาน ถูกเขาฝังความคิด ให้ดีใจ

ประชานิยมคนงมงาย ประชานิยมคนงมงาย

เขามาลดแลกแจกแถม เขาฝังรากลงไปลึก ถึงขั้วหัวใจ

* มาบัดนี้ ความจริงมาปรากฎ เขาหลอกลวงประชาชนให้ตายใจ

คอรัปชั่นโกงกินเชิงนโยบาย เขาจะขายประเทศไทยให้ สิงคโปร์

** เปิดใจลองมองดูความจริง เปิดใจลองมองดูความจริง

สิ่งที่เขาให้มา กับสิ่งที่เขาได้ไป อะไรนั้นมากกว่า

ตื่นเถอะประชาชนคนไทย ตื่นเถอะประชาชนคนไทย

มาช่วยกันก่อนจะสาย มาปกป้องกันชาติไทย

ให้พ้นภัยช่วยกันเถอะ

( ซ้ำ *,**)

๑๐๙

G Em Bm Em

Am D Am D G/D

G Em Bm G

Am D Am D G G7

C D G Em Am D G/G7

C D G Em Am D G

G Em Bm G

Am D Am D G/D

G Em Bm G

Am D Am D

G

Page 110: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บินหลา(กู้เสรี) กรรมาชน

(สร้อย)… บินหลา บินหลา บินลอยมาเล่นลม

ชื่นชมธรรมชาติอันพิลาสสะอาดตา

ต้นยางยืนทะนงอวดทรวดทรงมิยอมให้ข่ม ต้านทานแรงลมไม่เคยพรั่นภัยพาล

บินหลา บินหลา บินลอยลาไปแห่งใด โพยภัยทุรชาติมาพิฆาตเลือดสาดแดง

หมู่โจรครองเมืองเรืองอำนาจพิฆาตเธอสิ้น หมู่มารใจทมิฬกินเลือดเรามวลประชา

บินหลา บินหลา บินคืนมากู้เสรี ด้วยใจมุ่งหวังอธิปไตยของไทยกลับคืน

หยัดยืน ยืนทะนงสู้อาจองมิยอมให้ข่ม บินหลาเริงลมสู่สังคมอุดมการณ์

(ซ้ำ * )

ยิ้มกลางสายฝน สุรชัย จันทิมาธรIntro : Am

เย็นฝนพรำพรั่งพรูสู่พฤกษา พรมไม้ป่าสดใสในวสันต์

หัวใจเราฉ่ำชื่นเช่นดังคืนวัน ฝันและใฝ่โลกใหม่ต้องเป็นของเรา

ยามฝนหลั่งเมฆบังบดทิวเขา ยามเห็นเจ้าเปียกปอนตอนใกล้สาง

พบคนจริงยิ่งยงคู่คงเส้นทาง เห็นผู้สร้างความทรงจำมิเลือนจากใจ

ยืนหยัดทะนงคู่คงเส้นทางยืดเยื้อ ยิ้มเพื่อความฝันใกล้บรรลุชัย

ยามเห็นหน้าต้องตาสื่อความหมาย จับมือทักทายส่งยิ้มกลางสายฝน

พบความจริงยิ่งหมายมั่นในกมล หนทางสู้สู่ชัยมิไกลจากเรา

เพลงยิ้มกลางสายฝน : ลักษณะเป็นเพลงสัญลักษณ์ เนื้อเพลงหมายถึงการ

ประเล้าประโลมใจให้แก่ผู้พ่ายแพ้ เม็ดฝนหมายถึงกระสุนปืน ความเย็น หมายถึง สงคราม

รอยยิ้ม หมายถึง การต่อสู้เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง นั้น ต้องการให้กำลังใจคนที่ทำงานอย่

างทุ่มเททั้งกาย ใจ แต่ถูกมองข้าม

๑๑๐

G D7

G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G Am C G

F Am C G C Am Am

G Am C G

F Am C G C Am Am

C G C E Am

G Am C G

F Am C G Am

Page 111: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ประชาธิปตนคำร้อง/ทำนอง/ลิขสิทธิ์ : ประเสริฐ ดวงดี

Intro : Am G Am F G C F G C Em Am Dm E

ตราบใดโลกมนุษย์ ยังไม่สุดสิ้นความโง่งม เหยียบย่ำสังคมข่มเหงคนดี

สร้างความร้อนรุมสุมไฟแห่งขุนคีรี อันโลกใบนี้จะสุขไฉน

ผ่านการหล่อหลอมด้วยวิญญาณแห่งเสรีชน อุดมการณ์กรรมาชนฤาจักสลาย

ฤาชาวนาถือเคียว เกี่ยวข้าวจะอดตาย โอ้...ประชาธิปไตย ตอบข้าที

* ทุนนิยมนั้นยังคงกอบโกยไม่มีวันสร่าง หนทางจะสร้างสุขยังสลัว

ความทรงจำนั้นยังคงติดตรึงไว้ในความกลัว กลัว...เงินกินใจคน

** สังคมแบบนี้ ยังคงมีไฟผลาญคนจน ประชาธิปตนสร้างคนเห็นแก่ตัว

มือใครยาวสาวเอา อย่างมันส์เมามัว ฤาความเห็นแก่ตัวจะแผ่ทั่วโลกา

*** ฤาจะมีเส้นทางอย่างอื่นไหมที่มีคำตอบ เส้นทางที่ชอบกับผู้โหยหา

บนทางธรรมะครองจิตใจมิใช่เงินตรา จึงร้องถามศาสดา ฤา...ข้าฝันเกินไป

Solo : Am G Am F G C F G C Em Am Dm G Am ( ซ้ำ *,**,*** )

หากใคร ไม่ท้อจงสู้ต่อไป ยืดอก ภูมิใจไม่ก้มหัว

ไม่ยอมพ่ายแพ้ เพราะเราไม่กลัว ปราบคนชั่วด้วยมือพวกเรา

คลื่นคนบนถนนทอดยาวสุดตา กู่ร้องก้องฟ้าจะปลุกเร้า

ฝากความห่วงใย ทักทายเพื่อนเก่า รอถึงวันของเราอีกครั้ง

ตื่นเถิดขึ้นมา ระดมคนร่วมฝัน เพื่อสร้างสรรค์วันที่เป็นของเรา

วันของเรา จิ้น กรรมาชน

๑๑๑

Am G Am F G C

F G C Am Dm E

Am G Am F G C

F G C Am Dm G Am

F G C Am Dm G Am

F G C Am Dm /E Am

Am G Am F G C

F G C Am Dm E

F G C Am Dm G Am

F G C Am Dm E

G C G Am F G C Gsus G

F E Am Bb D7 Gsus G

C G Am F G C Gsus G

F E Am Dm F F C

G C G Am F Dm G C

Page 112: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ราชดำเนิน แอ๊ด/อี๊ด โอภากุล

โอ้ราชดำเนิน ถนนแห่งวีรชน สวรรค์เบื้องบน รู้ดีเราสู้เพื่อใคร

เพื่อประชาชน เพื่อชาติประชาธิปไตย แผ่นดินอยู่รอดปลอดภัย

เพราะเราคนไทยไม่เห็นแก่ตัว

โอ้ราชดำเนิน ทอดยาวเรื่องราวต่อสู้ ทุกคนได้รู้ยามสู้คนไทยไม่กลัว

ไตรรงค์สะบัด โบกพัดในคืนสลัว แม้ปืนเจ้ายิงถี่รัวระงมไปทั่วท้องราชดำเนิน

ดำเนิน ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า แด่มวลประชาผู้กล้าท้าเผด็จการ

ราษฎร์เป็นชาติพลี ชีพนี้ชั่วกาลนาน อยู่กับลูกกับหลาน

อยู่กลางใจพานประชาธิปไตย

ดำเนิน ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า แด่มวลประชาผู้กล้าท้าเผด็จการ

ราษฎร์เป็นชาติพลี ชีพนี้ชั่วกาลนาน อยู่กับลูกกับหลาน

อยู่กลางใจพาน ณ ราชดำเนิน

อีกสักกี่คนจึงจะหลุดพ้นจากเผด็จการ อีกกี่ลูกหลานจึงจะต้านทานอำนาจทมิฬ

กี่วีรชนที่ร่วงหล่นถมทับแผ่นดิน กี่เลือดหลั่งรินจึงเกิดก่อประชาธิปไตย

กี่ห่ากระสุนที่เนรคุณต่อประชาชน อีกกี่กลุ่มโจรที่จะขุดโค่นให้สิ้นซากไป

กี่พฤษภากี่เดือนตุลาอีกกี่ตำนาน คำตอบเหล่านั้นเพื่อนเอ๋ยอยู่ในสายลม

คำตอบในสายลม มงคล อุทก

๑๑๒

Em C Am G C G

C Am Dm F

G C Am Dm F G C

C F C C F G7

F C Em Dm G7 C

C F C C F G7

F C Em Dm G7 C

Page 113: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ไผ่แดง เทียรี่ เมฆวัฒนา

ไผ่เป็นลำ เป็นกลุ่ม เป็นกอ ไผ่จะล้อเล่นลม

ไปตามทางที่เหมาะสม ไปตามทิศทางลม

ไผ่ต่างพันธุ์ ต่างเผ่าต่างกอ ไผ่ก็ยังต่างสี

ดั่งผู้คนในสังคมเรานี่ ไยจะไม่ต่างกัน

* คนละทาง คนละอย่าง คนละอุดมการณ์

แต่ก็มีจุดหมายเดียวกัน เป็นเรื่องราวของชาวไผ่แดง

บ้างก็รู้กันอยู่แก่ใจ บ้างก็ฝันกันไป

แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใครมาสนตะพาย

ดนตรี/ ( ซ้ำ * )

แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใครมาสนตะพาย

ดอกไม้พฤษภา ซูซู

ฝนเอ๋ยฝน เป็นเม็ดฝนที่เย็นฉ่ำ ก่อเป็นเมฆดำ เกิดเป็นสายธาร

ฟ้าเอ๋ยฟ้า เป็นสายฟ้าที่คำราม ก่อเป็นฟ้างาม ก่อนจะหายไป

ดินเอ๋ยดิน แผ่นดินร้อนก่อนฝนหลั่ง ดินให้พลัง สร้างสรรค์ชีวิตงาม

น้ำเอ๋ยน้ำ เกิดจากฝนที่เย็นฉ่ำ ปลาได้ว่ายดำ ได้ว่ายทวนท้าทาย

เจ้าดอกไม้บานแล้ววันใหม่ ผลิกลีบใบไหวๆเมื่อฝนซา

ให้ความหมายที่มีคุณค่า เก็บรักษาเจ้าไว้คู่แผ่นดิน

โอ้เจ้าดอกไม้ โอ้เจ้าดอกไม้ โอ้เจ้าดอกไม้ โอ้เจ้าดอกไม้

๑๑๓

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D

G Em Am D G

Am D7 G Em Am D G

B7 Em C D

G Em Am D

G Em Am D G

G Em Am D G

C Am7 Dm G7

C Am7 Dm G7

C Am7 Dm G7

C Am7 Dm G7

C Am7 Dm G7

C Am7 Dm G7

C Am Dm G7 C Am7 Dm G7

Page 114: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นับดาวทะเล เอี้ยว ณ ปานนั้น

นั่งดูนับดาวลอยเกลื่อนเมื่อเยือนทะเล

สุดจะคะเนเกณฑ์กะจำนวนของดาว

อาทิตย์งามมาจากไป ไกลที่เส้นทะเล

ดาวเข้าคลุมเต็มฟ้า

อาจมีซักวันดาวเปล่ามาเยือนทะเล

คลื่นลมพัดเซซัดสาดกวาดดาวหายไป

ดาวลับพาใครเปลี่ยนใจ ไกลแล้วไม่คืนกลับ

เลือนลับลาไม่แล

* ก็เคยฟังคนมากมาย แม้ตายก็ยังใฝ่หา

แสงดาวแห่งศรัทธา จะพร่างพรายแสงให้คนทุกคน

ดาวที่จรจากฟ้า บอกอย่าหวังเลยน้ำคำคน

อุดมการณ์วกวนตลอดเวลา

แต่คืนนี้ดาวเจ้ากลับมาเยือนทะเล

ที่ลมซัดเซไม่อาจกวาดดาวหายไป

มีน้อยคนเหมือนกับดาว

มีมากคนที่เศร้ามานับดาวคนเดียว (ทะเล)

ดนตรี C-Cmaj7/Em-Am/C-Dm/F6-G/G7-C/

E-F6/F6-Fm/G-G7/C-Fmaj7/C/ ซ้ำ * /Fmaj7 C

๑๑๔

Cmaj7 Em Am/C

Dm F6 G/G7

C E F6

F G/G7

C Cmaj7 Em Am/C

Dm F6 G/G7

C E F6 Fm

G C-Fmaj7/C-C7

F G Em

Am F Fmaj7 G

F G E Am

Dm F6 Fm G/G+

Cmaj7 Em Am/C

Dm F6 G/G7

C E

F6 Fm G7 C/G

Page 115: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๑๑๕

Page 116: Saleung Entire Book 2009

สลึง

TSUNAMI ย้ง

กลุ่มสลึง มหิดลIntro: F G Em Am FGC

กระแสคลื่นที่ซัดยามทะเลเย็น

กระแสคนยามมองเห็นก็ชื่นชม

กระแสน้ำที่สาดสายกระทบหาดด้วยแรงลม

ภาพความงามที่สั่งสมจากผืนดิน

ฮือๆๆๆ

แต่เหตุใดกระแสโลกจึงแปรเปลี่ยน

กระแสลมที่พัดเวียนกลับเปลี่ยนแรง

คลื่นเคยงามกลับโหดร้ายเหมือนปลายมีดเข้ากรีดแทง

กวาดทำลายด้วยสำแดงของแรงดิน

*ถ้าต้องสูญต้องเสียไป ไร้โอกาสจะกล่าวลา

เหลือเพียงรอยน้ำตาให้อาลัย

ผิดด้วยหรือข้าอาศัยเพียงใต้ฟ้า ทะเลไกล

กลับทำร้ายด้วยเห็นค่าแค่เพียงคน

ผิดใช่ไหมที่ผองข้าเป็นเพียงคน

ฮือๆๆๆ

(ซ้ำ *)

๑๑๖

F G C

F G Am

Bb C Am Dsus/D

Dm G C

F G Em Am F G C ( 2 times)

F G C

F G Am

Bb C Am Dsus/D

Dm G C/C7

F G Em Am

F G C

F G E7 Am

Dm D7 G

F E7 Am

F G Em Am F G C ( 2 times)

Page 117: Saleung Entire Book 2009

สลึง

* ทุกเวลานาที มีสิ่งไม่คาดฝัน และทุกวันก็ไม่มีความแน่นอน

ขอเพียงทำใจให้พร้อม เพื่อพรุ่งนี้ ก็ไม่รู้ จะเจออะไร

แต่วันนี้เวลานี้ เธอมีน้ำตา เจ็บปวดและมองหาคนปลอบใจ

สูญเสียทุกสิ่งหมดสิ้นกำลังใจ ไม่เป็นไรฉันจะคอยเช็ดน้ำตา

อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ (ซ้ำ *)

ชีวิตก็แบบนี้ มีเจอก็มีจาก มีสุขและทุกข์บ้างปนกันไป

วันนี้ฉันเข้าใจ เธอเจอสิ่งเลวร้าย ต้องทำใจ ผ่านพ้นไปให้ได้

อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ (ซ้ำ *)

ดั่งดวงตะวันบางวันก็สดใส บางวันมีเมฆร้ายมาบดบัง

กลางคืนช่างมืดมิด หากชีวิตเปรียบดวงตะวัน

พรุ่งนี้แสงอำพันส่องอำไพ ความจริงของชีวิต ไม่ผิดที่ต้องเจอ

และตัวเธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร เริ่มต้นกันใหม่ ความดีให้สร้างไว้

คลื่นชีวิตโหมเท่าไร ไม่มีพัง (ซ้ำ *)

คลื่นชีวิตโหมเท่าไร ไม่มีพัง ...อย่าร้องไห้.....อย่าร้องไห้

อย่าร้องไห้ ตะวันธรรม, ธนัช สุวรรณบุบผา

๑๑๗

Page 118: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จิตร ภูมิศักดิ์กลิ่นรวงทองIntro: /F,Bb/F,C7/F/

ท่ามกลางเปลวแดดแผดเผาดังไฟ

กลางผืนดินนาไร่ ขอบฟ้ากว้างไกลสุดตา

ใครหนอสู้ทนทำงานกลางนา

ไล่ควายลุยดุ่มกุมไถฟันฝ่า

คราดนาล้าเมื่อยระบม

รุ่งจนจวบค่ำตรากตรำเหงื่อนอง

แปลงผืนดินงามผ่องเป็นทุ่งรวงทองน่าชม

ยามหนาวทนยืนฝืนสู้แรงลม

เก็บเคียวเกี่ยวข้าวมัดฟ่อนกลม

ระดมแรงนวดสุดใจ

* จากแรงเป็นรวงเหลืองงามจนขาวผ่อง

เกิดจากทุ่งรวงทอง เกิดจากสองมือใคร

รสข้าวหอมกรุ่น หอมเอยละมุนละไม

หอมเอยหอมในน้ำใจ ของหมู่ชาวนา

** หยาดเหงื่อรินหยดรดลงพื้นดิน

จนผิวเกรียมโชยกลิ่น

ทำกินอยู่กลางท้องนา

บ่ท้อ บ่ถอยสู้ทนเรื่อยมา

พอเพียงวันหนึ่งชีวิตชาวนา

ลืมตาและหายใจ (ซ้ำ *, **)

(ดนตรี) /F,C7/C,C/F,F7

๑๑๘

D

G D A7 D

G Bm D

G D

Em A7

D

G D A7 D

G Bm D

G Bm D

A7 D

D7 G Bm D

A7 Bm A7 D

G A7 D

G Em D A7

D

G D

A7 D

G Bm D

Bm D

A7 D

Page 119: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ไหวเอน สุรชัย จันทิมาธร

ญ. หญ้ายังคงเอนไหว หัวใจคงไหวเอน เบนตามทิศทาง

ยามเมื่อลมพัดมา ผืนดินมีปีก ฟ้ามีเดือนดารา ลมหวนมา

ฉันพบเธอไหวเอน (ดนตรี)

หญ้ายังคงหลับใหล ลู่เฉยใบเรียงระเนน ความหนาวเย็น

น้ำค้างพรมน้ำตา เหมือนเจ้าไร้ใจ ไร้ลมไร้มารยา

ยามนิทราเหนือเวลาเหนือกาล

ช. * ลมพัดซู่ เจ้าลู่ลมมิทวนทาน ลมพัดผ่าน เจ้าเล่นลม สำราญอารมณ์

(ดนตรี) (ซ้ำ *)

ญ. อยู่ด้วยแรงอ่อนไหว ด้วยหัวใจชื่นชม ลมและหญ้า

หญ้าและลม เสรี คืนวันผันเปลี่ยนมาชั่วนาตาปี ลมหวิวหวี่

พัดลีลาไหวเอน ลมหวิวหวี่ พัดลีลาไหวเอน

จากภูผาถึงทะเล สุรชัย จันทิมาธร

Intro : A E7 A

ฝากลมพา ลอยไป สู่แดนไกล สุดตา ดั่งภูผา กระซิบสั่ง ถึงทะเล

เรือลำน้อย แล่นลอย ให้คนคอย หวนคะนึง พวกเรายัง คิดถึง ถึงทะเล…

จะเร่คว้าง ทางใด จะมีใคร ฝากฝัง สู่ความหวัง เยือนฝั่งสีน้ำผึ้ง

พายุร้ายคลุ้มคลั่ง คลื่นประดังโถมซัด ส่งนาวาปลิวพัด เพราะลมตึง

จากภูผา กลางไพร จากดอกไม้ป่าเขา เถื่อนลำเนา ยังชื่นทุกคืนวัน

จากน้ำค้างที่พรมฉ่ำ จากลำธารที่ไหลริน ฝากบทเพลง แห่งผาหิน…ถึงทะเล

๑๑๙

A E7 D A F#m E7 A

F#m E A E A

E7 D A F#m A

F#m E A E A

E7 D A F#m D A

F#m E A E E7 A

A C#m D A E

E7 C#m Bm A D A E C#m

Em A A F#m A E

A C#m D A E E7

C#m Bm A D A E

C#m Bm A

E C#m D E E C#m Bm C#m A

A C#m D A E E C#m Bm A D D D A E C#m Bm Bm A

A C#m D A E E7

C#m Bm A D A E C#m

Bm A E C#m Bm A

Page 120: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คืนสู่รัง คาราวาน

Intro : A F#m A F#m A F#m A F#m

ฝนโปรยโรยอ่อน ตะวันรอนรอน วิหคจร คืนสู่รัง

ฉากแห่งภูผา มาบดบัง ฟังหริ่งบรรเลง

เสียงเพลงกล่อมไพร เสียงเพลงกล่อมไพร เสียงเพลงกล่อมไพร ในยามเย็น

แสงดาวสว่าง ส่องดูทางเห็น ปืนนั้นเป็นเพื่อนหลับนอน

สุดแดนขอบฟ้าพเนจร ไกลจากนคร เสียงเพลงสวรรค์

เสียงเพลงสวรรค์ เสียงเพลงสวรรค์ ราตรี

เดินทางกลางป่า ฝ่าดงไพรี…เรานั้นมีใจมุ่งหมาย

กี่ป่า กี่เขาแล้วเราเหยียบกราย กี่ด่านภัยร้ายแล้วเราเหยียบมา

แล้วเราเหยียบมา แล้วเราเหยียบมันจมดิน

อุปสรรคทายท้า คือยาพลัง วันแห่งความหลังใช่วันตัดสิน

จึงเร่งวันคืนดังติดปีกบิน สู่เมืองมารดร

ฝนโปรยโรยอ่อน ตะวันรอนรอน วิหคจรคืนสู่รัง

ฉากแห่งภูผามาบดบัง ฟังหริ่งบรรเลง

เสียงเพลงกล่อมไพร เสียงเพลงกล่อมไพร เสียงเพลงกล่อมไพร ในยามเย็น

๑๒๐

A E/F#m/D E

F#m A F#m E

A F#m E7 A

A E/F#m/D E

F#m A F#m E7 A

F#m E7 A

A E7/F#m/D E7

F#m A F#m E7 A

F#m C#m E7/A

Dm Bb Dm Bb D

E7 C#m F#m/D/A/E7

A E/F#m/D E

F#m A F#m E

A F#m E7 A

Page 121: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฉันเป็นดอกไม้ คาราวาน

ฉันเป็นดอกไม้ เกิดในป่าดงดอน สดสวยตามโขดขร

หมู่ภมรมาเฝ้าคอยดม อยู่มาอยู่มานานนม สายลมแสงแดดชื่นใจ

* ใจไม่คิดอะไร อยู่ต่อไปเพื่อมวลพฤกษา กลีบใบไม่เคยไร้ค่า

ช่วยกันสร้างสาน ชีวิตให้งาม

ฉันเป็นดอกไม้ เกิดในสองข้างทาง เบิกบานเมื่อฟ้าสาง

น้ำค้างพรมพร่างฉ่ำเย็น ลมร้อนลมหนาวเช้าเย็น ใครเห็นเขาชอบเด็ดไป (ซ้ำ *)

ฉันเป็นดอกไม้ เติบวัยจากกระถาง สดใสใบสล้าง

ค่ำเช้าคนเฝ้ารักษา กระถางดอกไม้นานา ปรารถนาคนที่เข้าใจ (ซ้ำ*)

ฉันเป็นดอกไม้ คือนิยาย ของแผ่นดิน แต้มสีทั่วธรณิน

ไม่เคยสิ้นกลิ่นหอมจรุง ป่าเขาหรือเมืองหรือทุ่ง หมายมุ่งสร้างสีดอกไม้ (ซ้ำ*)

คืนรัง คาราวาน

โอ้ยอดรักฉันกลับมา จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล

จากโคนรุ้งที่เนินไศล จากใบไม้หลากสีสัน

ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง...

ฝากชีวิตให้เธอเก็บไว้ ฝากดวงใจให้นอนแนบรัง

ฝากดวงตาและความมุ่งหวัง อย่าชิงชังฉันเลยยอดรัก

* นานมาแล้วเราจากกัน โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก

ดั่งทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก ดั่งภูสูงที่สูงสุดสอย

โอ้ยอดรักฉันกลับมา ดั่งชีวาที่เคยล่องลอย

มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง (ซ้ำ *)

ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง...

๑๒๑

A F#m Bm7 E7 A F#m

Bm E7 A F#m Bm E7

A F#m Bm E7 A F#m

E7 A

A F#m Bm E7 A F#m

Bm E7 A F#m Bm E7

A F#m Bm E7 A F#m

Bm E7 A F#m Bm E7

A F#m Bm E7 A F#m

Bm E7 A F#m Bm E7

Dm A7 Gm Dm

A7 Gm Dm

Bb C Dm

Dm A7 Gm Dm

A7 Gm Dm

Dm C A7

Bb Dm C A7

Dm A7 Gm Dm

A7 Gm Dm

Bb C Dm

Page 122: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ในความฝันฉันถามกับความฝัน

ว่าตัวฉันวันนี้อยู่ที่ไหน

และทำไมที่นี่ไม่มีใคร

มีแต่ความหวั่นไหวหวาดกังกล

ว้าเหว่อ้างว้างเป็นที่สุด

ก้าวย่างแล้วหยุดเพราะสับสน

ไม่มีคนไม่มีใครในใจตน

แล้วจะเดินดั้นด้นไปหนใด

ไม่มีใครตอบคำในความฝัน

มีแต่ความเงียบงันทั้งไกลใกล้

มองหาตัวเพื่อจะตามไปถามใจ

ตัวก็หาตัวเท่าใดมิได้พบ

วาณิช จรุงกิจอนันต์

๑๒๒

Page 123: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทะเลใจ แอ๊ด/อี๊ด โอภากุล

Intro : E

* แม้ชีวิตได้ผ่านเลย วัยแห่งความฝัน วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย

ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน

เหมือนชีวิตผันผ่านคืนวันอันเปลี่ยวเหงา ตัวเป็นของเราใจของใคร

มีชีวิตเพื่อสู้คืนวันอันโหดร้าย คืนนี้ตัวกับใจไม่ตรงกัน

** คืนนั้นคืนไหนใจแพ้ตัว คืนและวันอันน่ากลัวตัวแพ้ใจ

ท่ามกลางแสงสีศิวิไลซ์ อาจหลงทางไปไม่ยากเย็น

*** คืนนั้นคืนไหนใจเพ้อฝัน คืนและวันฝันไป ไกลลิบโลก

ดั่งนกน้อยลิ่วล่องลอยแรงลมโบก พออับโชคตกลงกลางทะเลใจ

ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ

ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

(ซ้ำ *,**)

(ซ้ำ ***)

ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีตลอดกาล

๑๒๓

E C#m A B7 E

C#m G#m A B7 E

E C#m A B7 E

C#m G#m A B7 E E7

C#m B7 E

C#m A F#m B7 E7

C#m B7 E C#m

G#dim F#m B7 E

E C#m A B7 E

C#m G#m A B7 E

Solo : E(4 Bars )/E/C#m/AB/E/C#m/G#m/A B/E E7

C#m G#m A B E

Page 124: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คนเก็บฟืน คาราบาว

เบื้องบนเป็นแผ่นฟ้ากว้าง เบื้องล่างเป็นธารน้ำใส

ตัวฉันมีกาน้ำหนึ่งใบ กับกองฟืนที่วางอยู่เรียงราย

อยู่มาปีแล้วปีเล่า วันเก่า ๆ ได้ผ่านเลยไป

คืบคลานเข้าสู่วันใหม่ ลมหายใจยังอบอุ่นในทรวง

** ฉันไม่เคยคิดอื่นใด ที่ยาวไกลเกินสุดขอบฟ้า

เราพบกันใต้ดวงตะวันรอน ยามเธอนอนฉันจะกล่อมนิทรา

เราพบกันแล้วพากันก้าวไป ไปเก็บไม้เก็บฟืนมาต้มกา

น้ำเดือดเรามาแบ่งกันกิน ฟืนหมดเราช่วยกันเก็บฟืน

บางคนว่าฉันเป็นคนบ้า บางคนว่าสติไม่ค่อยดี

บางคนว่าฉันเป็นเช่นนี้ เพราะผิดหวังบางสิ่งที่ตั้งใจ (ซ้ำ **)

เหงา สุรชัย จันทิมาธร

เธอบอกว่าเหงา ฉันก็จะเชื่อ เธอบอกว่าเหลือแต่เพียงชีวิต

เธออาจจะค้น เธออาจจะคิด นั่นก็เป็นสิทธิ์หนึ่งในสังคม

เธออาจจะหวังแม้ยังไม่วาด เธออาจจะคว้างไม่เคยสุขสม

จะมีเงินทองล่องลอยชวนชม แต่ไม่อาจข่มความทุกข์ทางใจ

หันมาทางนี้ มีผู้ยากไร้ เขาเหงายิ่งกว่า ลึกคว้างกว้างไกล

มีมากมีมายใต้ฟ้ามัวหม่น

เธออาจจะเหงา เขาคงเหงากว่า เธอหวั่นผวาหัวใจสับสน

เขาหวาดสะทกทั้งจนทั้งทน ซบหน้าเกลื่อนกล่นแทบทางเท้าเธอ

๑๒๔

Em B7 Em

C Em B7

Em B7 Em

C Em B7 Em

D G Am Em

G B7 Em C D7 Em

G B7 Em C D7 Em

C Am B7 Em

Em B7 Em

C Em B7 Em

Em G Em G Em

C Em D7 Em

G Em G Em

C Em D7 Em

C Em/C/D G Em D7

D7 Bm

G Em G Em

C Em D7 Em

Page 125: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ใกล้ตาไกลตีน สุรชัย จันทิมาธร

ไกลโอ้ไกลจากโพ้นขอบฟ้า เราจากมาด้วยการก้าวย่าง

จากกลิ่นฟางรอยยิ้มเจ้าเอย ใครเล่าเคย….ใครเล่าเคย

พี่น้องเอ๋ย…จะเล่าให้ฟัง…

ตามทิวเขาที่ยาวเหยียดฟ้า ตามหมู่ปลาลำธารใสสด

ตามหมู่มดที่ร้างเริดรัง ไปจากหลังใจฝากฝัง

ฝากเจ้าไว้…ในแผ่นดิน…

ดินเคยนอนสะท้อน อุ่นกาย มองยอดไม้เมื่อยามแรกผลิ

ปริกิ่งรวงเป็นพวงพุ่มใบ น้ำที่ไหลหลั่งลงจากดอย

ใจเจ้าลอยไปสู่ท้องทุ่ง มุ่งสู่เมืองเฟื่องฟุ้งแปลกตา

เจ้าเคยยิ้มเคยแย้มเบิกบาน สนุกสนานท่ามกลางผองเพื่อน

เคยพูดเตือนและสนทนา เจ้าเคยฝันถึงวันที่ดี

มาบัดนี้มิอาจพบหน้า ดูใกล้ตาแต่แล้วไกลตีน

แผ่นดินที่หอมแผ่นดินที่ตรอม จะกอดเจ้าไว้ยังไออุ่นกัน…

รักเจ้าไว้ยังไออุ่นกัน ฝันและฝันให้ไกลที่สุด

เจ้ามนุษย์ เจ้าหวังสิ่งใด

เพลงใกล้ตาไกลตีน : พูดถึงเพื่อนที่ตายไป เป็นความรู้สึกที่ว่า เพื่อน ๆ

ยังคงอยู่ในใจในตา รักเพื่อนมาก อยากบอกเพื่อนว่า “...ฝันและฝันให้ไกลที่สุด...” แล

ะยังหมายถึงการเดินทางอันยาวนาน ที่ยังไปไม่ถึง เหมือนภูเขาที่มองดูแล้ว อยู่ใกล้ตา

แต่เดินไปไม่ถึงสักที

๑๒๕

Bm D Bm D Bm

D Bm G A

D Bm

D Bm D Bm

D Bm G A

D Bm

Bm D Bm D Bm

D Bm D Bm

D Bm D Bm

D Bm D Bm

D Bm D Bm

D Bm D Bm

G A D Bm

D Bm D Bm

D Bm

Page 126: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ลุงขี้เมา คาราบาว

อุทาหรณ์ของคนรุ่นเก่า มีชายชราเป็นคนขี้เมา งานการไม่ทำแกกินแต่เหล้า

กินตั้งแต่เช้า…ทุกวี่วัน เหตุการณ์ผันแปรให้แบมือขอทาน ร่อนเร่พเนจรแหล่งที่

คนพลุกพล่าน ร่างกายซูบโทรมผิวตัวดำกร้าน ตัวสั่นสะท้านเพราะพิษสุราเรื้อรัง

เมื่อครั้งยังหนุ่มแกเคยทำนา ผู้เอาหลังสู้ฟ้า ปลูกข้าวให้คนกิน

หนี้สินล้นตัว เพราะมัวแต่ทำนา ไม่เคยเรียนรู้วิชา ที่นาก็หลุดลอย

มาเป็นจับกังที่แบกหามวันยังค่ำ เหน็ดเหนื่อยแทบตาย ได้แต่ค่าแรงต่ำ ๆ

แกเป็นคนจนที่เสียเปรียบเป็นประจำ กล้ำกลืนความชอกช้ำ ถ้าไม่ทำก็อดกิน

ในยามจะกินไม่เคยเต็มอิ่ม ในยามจะนอนไม่เคยเต็มตื่น หลับลงคราวใด

ฝันร้ายทุกคืน สร้างความขมขื่น จนจิตใจอ่อนแอ

ยามเจ็บไข้ร่างกายสั่นสะท้าน เพราะลุงใช้แรงงาน ยิ่งกว่าใช้แรงวัว

คนเหมือนลุงต้อง ทำงานเหมือนควาย แต่หนี้สินยังมากมาย เกิดเป็นควายดีกว่าคน

หมดสิ้นปัญญาของชาวนาบ้านนอก ร่อนเร่เข้ามาเป็นจับกังในบางกอก

สูญสิ้นราคาพอแก่ชราหัวหงอก หาทางออกสุดท้าย ด้วยสุราเมรัย

กินเหล้าเข้าไปยิ่งเลวร้ายซ้ำเก่า หาเงินมาได้แกก็เอาไปกินเหล้า

มันกลุ้มก็ยิ่งกินยิ่งกินก็ยิ่งเมา ร่างกายก็ปวดร้าว โรคร้ายก็คุกคาม

* เช้าวันหนึ่งมีคนพบศพ ขี้เมานอนตาย อยู่ที่ใต้สะพานลอย (ซ้ำ *,*,... )

๑๒๖

Am C Dm G F

E7 Am Am C Dm

G F E7 Am G Am

F G Am

F G Am

Am C Dm G

F E7 Am G Am

Am C Dm G F

E7 Am

F G Am

F G Am

E7 Am C Dm G

F E7 Am G Am

Am C Dm G

F E7 Am

F G Am

Page 127: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แม่สาย คาราบาว

ฟากฟ้ายามเย็น เห็นแสงรำไร อาทิตย์จะลับโลกไป พระจันทร์จะโผล่ขึ้นมา

หมู่วิหคเหินลมอยู่กลางเวหา จะกลับคืนสู่ชายคา ชายป่าคือแหล่งพักพิง

แต่น้องนางไยไม่เห็นกลับมา จากไปตั้งหลายปีกว่า ท้องนาบ้านเราเหงาจัง

ลมหนาวพัดโบกโยกเรือนจนคล้ายจะพัง ผู้เฒ่าตายายลงนั่ง เหม่อรอด้วยใจเลื่อนลอย

นกน้อยจากท้องนาราคาถูก เธอเป็นลูกที่ถูกพ่อแม่ขายไป

กตัญญูบิดามารดาปานใด แม่สายจากเมืองเจียงฮาย ต้องไปสู่สังคมทราม

เมื่อรู้สึกตัวก็สายเกินไป หมื่นพันที่เธอผ่านชาย หัวใจเธอจึงเย็นชา

สังคมกระหน่ำ ซ้ำสองเธอต้องติดยา ไม่คิดหวนคืนบ้านนา ปรารถนาเพียงยาเมา

ผู้เฒ่าล้มป่วย คนช่วยไปบอก เธอจึงจากเมืองบางกอก หวังไปให้ทันเวลา

เอายาไปฝาก เอาหมาก เอาพลูเสื้อผ้า แม่สายที่เธอจากมา เหมือนวาจาว่าสายเกินไป

นกน้อยกลับมาแค่ทันพระสวด ใครเล่าเจ็บปวด รวดร้าวเท่าสาวเมืองเหนือ

สังคมเมืองไทย ใครฟังเขาคงไม่เชื่อ ขายกินหมดแล้วเอื้องเหนือ ให้กับชายที่อู้บ่จ้าง

๑๒๗

Dm Bb C F Am Dm C

F Am Eb Bb C F

Dm Bb C F Am Dm C

F Am Eb Bb C F

Dm Am Dm Dm Am Dm C

Bb C F A Bb A

Dm Bb C F Am Dm C

F Am Eb Bb C F

Dm Bb C F Am Dm C

F Am Eb Eb C F

Dm Am Dm Dm Am Dm

Bb C F A Bb C Dm

Page 128: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สงสารจันทร์ สถาบันเทคโนโลยี

พระจอมเกล้าพระนครเหนือ

Intro : F C Am Dm F

จันทร์เจ้าเอย เจ้าเคยรักใครบ้างไหม

จะมีใคร สนใจเจ้าบ้างหรือเปล่า

ค่ำคืนนี้ช่างเหงาและแสนเหน็บหนาว

มีเพียงเจ้าลอยเหงาอยู่เพียงลำพัง

หากใครคิดสนใจจันทร์เจ้าสักหน่อย

จันทร์ดวงน้อยได้มีเพื่อนไว้คอยปรึกษา

หากคืนนี้พระจันทร์เจ้ามีน้ำตา

ใครจะมาซับน้ำตาอยู่เคียงข้างเจ้า

ไม่ได้ขอให้ใครเข้ามาสนใจ

จะมีไหมใครซักคนที่เฝ้าห่วงหา

มอบความรัก ความจริงใจ ด้วยแรงศรัทธา

ให้จันทร์ข้าดวงนี้สง่างาม

ให้คืนนี้พระจันทร์สวยเด่นกว่าดวงดารา

ดาวบนฟ้าประดับมาเคียงคู่เธอ

ดาวบนฟ้าโปรดเถิดหนาสงสารจันทร์

Solo : F Am Dm F Am Dm Bb C F Am Dm Gm C F

๑๒๘

F Am Dm

F Am Dm

Bb C F/Am /Dm

Gm C F

F Am Dm

F Am Dm

Bb C F/Am/Dm

Gm C F

F Am Dm

F Am Dm

Bb C F/Am/Dm

Gm C F

Bb C F Am Dm

Gm C F

Gm C F

Page 129: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ช่างมันฉันไม่แคร์ คาราวาน

Intro D Dsus4 / D

กี่เช้าที่เราตื่น กี่คืนที่เราฝัน กี่วันแห่งชีวิตใครลิขิตใครเขียนช่างเหมือนดั่งเทียนเล่มน้อย

หยาดฝนที่หล่นพรำ หยาดน้ำตาเจ็บช้ำ ตอกย้ำใจให้จำเจ็บจำและรอคอย

เช้ายันบ่ายย้ายลงเย็น ชีวิตความอยู่เป็นเหมือนดั่งเล่นละคร

ช่างมันฉันไม่แคร์ ช่างมันฉันไม่แคร์ ไม่แคร์อันใด

ดนตรี/ D Dsus4 / D

กี่เท้าที่เราย่าง กี่ทางที่เราเดินไป

กว้างไกลสุดขอบรุ้ง พรุ่งนี้คงจะเห็นคนก็เป็นอย่างนี้

เมื่อหิวก็อยากกิน ด้วยลิ้นอันกระหาย ด้วยกายอันต้องการ จากงานที่ลำเค็ญ

เห็นกันอยู่รู้ทุกคน บางครั้งเราสับสนไร้แม้แต่คนเข้าใจ

ช่างมันฉันไม่แคร์ ช่างมันฉันไม่แคร์ ไม่แคร์อันใด

ช่างมันฉันไม่แคร์ ช่างมันฉันไม่แคร์ ไม่แคร์อันใด

๑๒๙

D A G D F#m Bm D

G F#m A D

D C G A D

D C G D

D A

G D F#m Bm D

G F#m A D

D C G A D

D C G D

D C G D

Page 130: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ถามยาย พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

Intro :

นับตั้งแต่เธอจำความได้ ก็ไม่เห็นหน้าพ่อและแม่

เด็กหญิงคนนี้เธอเป็นเด็กกำพร้า

พ่ออยู่แห่งหนใด แม่อยู่แห่งหนใด เก็บคำถามนี้ไว้ในใจตลอดมา

เด็กหญิงเธออยู่ ๆ ไปแต่ในหัวใจเธอป่วนปั่น

ก็เพื่อนผองเขาครอบครัวอบอุ่นนัก

จึงเริ่มเฝ้าถามยายพ่อแม่หนูอยู่ไหน เหตุไฉนเขาไม่สนใจส่งข่าวมา

ได้ฟังคำตอบจากยายเด็กหญิงก้มหน้าร้องไห้

พ่อกับแม่เขาทิ้งเจ้าไปตั้งแต่เกิดมา

รับเอาไว้ไม่ไหว เริ่มคบเพื่อนวายร้าย อบอุ่นใจแม้นเพียงชั่วคราวก็เห็นดี

เด็กหญิงเธอเริ่มสาวแล้วเริ่มคบเริ่มรักเพื่อนชาย

ไม่รู้เขาหมายอย่างเดียวคือความสาว

ทอดกายให้เขาเชยชมพอสมใจเขาตีจาก

คิดได้ก็สายเกินไปเขาไม่กลับคืน

ดนตรี/

หลานยายจากไปหลายเดือนก็หวนคืนกลับมาใหม่

ทิ้งลูกน้อยเอาไว้ให้ยายแล้วหลบหาย

เตรียมคำตอบเอาไว้พ่อแม่เหลนอยู่ไหน คำตอบนี้เก็บไว้กับยายตลอดมา

เตรียมคำตอบเอาไว้พ่อแม่เหลนอยู่ไหน คำตอบนี้เก็บไว้กับยายตลอดมา

๑๓๐

Dm C Bb

Dm C A7

Dm C Bb Dm A7 Dm

Dm C Bb

Dm C A7

Dm C Bb Dm A7 Dm

Dm C Bb

Dm C A7

Dm C Bb Dm A7 Dm

Dm C Bb

Dm C A7

Dm C Bb

Dm A7 Dm

Dm C Bb

Dm C A7

Dm C Bb Dm A7 Dm

Dm C Bb Dm A7 Dm

Page 131: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เรียนและงาน พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

Intro : Em D Em D Em

ออกเดินจากบ้านสู่เมืองฟ้า สู่เมืองเทวาเมืองบางกอก

เดินทางเดียวดายจากบ้านนอก มาเล่าเรียนมาศึกษา

เจอะคนทั้งแบบนี้แบบนั้น เจอทั้งแมงวันทั้งจิ้งจอก

เจอะทั้งคนดีคนกลับกลอก คนหวังปอกลอกมีมากมาย

ตั้งใจร่ำเรียนทุกค่ำเช้า ถึงหนักถึงเบาไม่ร้องบอก

อยู่ไปวัน ๆ เหมือนมีปลอก ลากคอให้เดินตามทาง

ชี้ให้ฉันเดินไปทางไหน จะเร่งรีบไปตามคุณบอก

หัวใจเฉื่อยชาแต่ช้ำชอก แตกหักยับเยินป่นปี้

ชี้ให้ฉันเขียนฉันรีบเขียน ชี้ให้ฉันเรียนให้ฉันสอบ

แข่งขันกันไปหลายรอบ เหมือนเลือกเอาหมาพันธุ์ดี

ทำเพื่อหนทางที่วาดหวัง รีดเค้นพลังพุ่งพวยออก

ก็ตามประสาคนจนตรอก หวังงานทำเงินเลี้ยงครอบครัว

จวบจนฉันจบการศึกษา รับใบปริญญาที่ฉันชอบ

สุขใจแค่ไหนไม่ต้องบอก ยิ้มพลางเดินพลางสบายดี

รีบเดินย่ำต๊อกหางาน ความสดชื่นบานที่เคยมี

เริ่มหดเริ่มหายทุกที ไม่มี ๆ ไม่มีงาน

รับคนสิบห้าคนทำงาน เด็กฝากเด็กท่านเอาหนึ่งโหล

ที่เหลือหมื่นพันร้องไห้โฮ ระบบทางแก้ไม่มี

ดนตรี/ D Em D Em D Em D Em D Em

๑๓๑

D

Em D Em

D

Em D Em

D

Em D Em

D

Em D Em

D

Em D Em

D

Em D Em

D

Em D Em

D Em

D Em

D Em

D Em

Page 132: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คิดถึงบ้าน มองดูดวงดาวก็คงเป็นดาวดวงเดียวกัน

มองดูดวงจันทร์ก็เหมือนกับจันทร์ที่บ้านเรา ยามนี้ฉันเหงาคิดถึงบ้าน

มองดูท้องฟ้า ก็ยังเป็นฟ้าผืนเดียวกัน

มองดวงตะวันก็ยังส่องแสงไปบ้านฉัน ยามฟ้ามืดคล้ำคิดถึงบ้าน

* อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน

มีแต่ผู้คนก็เหมือนดั่งคนไม่รู้จักกัน ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน

มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม

แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน

ประจัญบาน

หลายที่หลายแห่งคนทำงาน เช้าชามเย็นชามสองขั้นปี

แต่คนขยันทำงานดี ไม่มี ๆ ไม่มองมา

ยังงี้เมื่อไหร่บ้านเมืองไทย จะเริ่มก้าวไปทัดเทียมทัน

นานาประเทศดังคำขวัญ ที่เขียนเอาไว้สวยดี

อุตส่าห์ร่ำเรียนมาแทบตาย แต่ผลสุดท้ายต้องตกงาน

หมดเงินหมดแรงอยู่ตั้งนาน วิมานมาพังไร้ชิ้นดี

* แม่จ๋าลูกกลับมาแนบเนา กลับสู่บ้านเราด้วยช้ำชอก

ทุ่มเทกายใจให้บ้านนอก หลังถูกจับขังหลายปี (ซ้ำ *)

๑๓๒

C Em

F C F G C G7

C Em

F C F G C G7

C Em

F C F G C G7

C Em

F C F G C G7

D

Em D Em

D Em

D Em D

D Em

D Em

D

D

Page 133: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คิดถึงบ้านIntro : D A D

จากมานานคิดถึงจังเลย หอมเจ้าเอยละอองท้องถิ่น

อยากกลับไปแนบซบไอดิน บ้านรำพึงคิดถึงเสมอ

อัสดงอาทิตย์กล่าวลา คืบคลานมาคือคิดถึงเธอ

คืนเหน็บหนาวอีกแล้วซิเออ บ้านรำพึงคิดถึงไม่สร่าง

* กี่ร้อนกี่หนาวกี่หมื่นร้าวราน ไม่เคยสะท้านทุกเส้นทาง

สู้ทนสร้างฝันถึงวันรุ่งราง จะแบกไปถมความทุกข์ระทม

** ไม่จำเป็นดอกคำสัญญา รั้วชายคาที่แสนรื่นรมย์

ผ่านผุพังเซซังทรุดโทรม จะกลับไปเอาใจซ่อมแซม

ดนตรี/ D Bm D Bm D A D 2 times ( ซ้ำ * , ** ) ดนตรี/ D Bm D

บางกอก เป้ สีน้ำ

พ่อฉันเรียกกรุงเทพว่าบางกอก มีความหมายอย่างไรไม่เคยบอก

บอกอย่าไว้ใจใครอย่าไปหวังพึ่งใคร อดออมทำใจและอดทน

แม่บอกคนกรุงเทพฯนั้นปลิ้นปลอก ใครไม่รู้เขาทันก็โดนหลอก

อย่าไปหลงเชื่อใครจำคำแม่ไว้ ไม่มีใครจริงใจสักคน

* ฉันเข้ามาหาความหมาย หวังเพื่อพบสิ่งที่หมาย

จะเป็นหรือตายจะร้ายหรือดี ลองดูสักทีสิบางกอก (ซ้ำ *)

ฉันมาพบความรักที่บางกอก เธอดูสวยกว่าคนที่บ้านนอก

บอกรักฉันหมดใจพูดจนฉันตายใจ อยู่ๆแล้วไยมากลับกลาย

** โอ๊ย ฉันอยู่ไม่ไหวแล้วบางกอก จะเอาความหมายกลับไปบ้านนอก

บอกให้เขาเข้าใจอย่างที่ฉันเข้าใจ ไม่มีใครจริงใจสักคน (ซ้ำสร้อย,**)

๑๓๓

D Bm D Bm

D A A D

D Bm D Bm

D A A D

G D

G A D

D Bm D Bm

D A A D

E G#m

F#m A B7

E G#m

F#m A B7 E E7

A B7 E A B7 E

A D A E A B7 E

E G#m

F#m A B7

E G#m

F#m A B7 E

Page 134: Saleung Entire Book 2009

สลึง

อยากกลับบ้าน ๑ ศุ บุญเลี้ยง

Intro : C Em Edim Dm C

จะอยู่แห่งไหนไม่เคยจะลืมบ้านเกิด แผ่นดินกำเนิด ถิ่นที่เคยอาศัย

แม้จะจากมา ไม่เกินกว่าใจ แม้จะห่างไกล ไม่เคยห่างเกิน

* แผ่นดินเคยหอมอ้อมแขนแม่อุ่น อยากกลับไปหนุน นอนฟังเสียงทะเล

เมื่อยามอ่อนล้า เวลาที่ว้าเหว่ คิดถึงทะเล คิดถึงบ้าน

ดนตรี/ C Em Edim Dm C (ซ้ำ *)

อยากกลับบ้าน ๒ ศุ บุญเลี้ยง

Intro : C Em Am G F Am Dm G C G

จะอยู่แห่งไหนไม่เคยจะลืมบ้านเกิด แผ่นดินกำเนิด ถิ่นที่เคยอาศัย

ผู้คนผ่านมา หาความสบาย รุมทึ้งทำลาย ไม่ยอมดูแล

* แผ่นดินไม่หอมเขายอมขายขาด ให้คนต่างชาติ มากวาดซื้อผืนทราย

ทะเลอ่อนล้า ฝูงปลาคงร้องไห้ เราหวงแทบตาย เขาขายบ้าน

(ซ้ำ *) ดนตรี/C Em Am G C Em Am G F Em Dm C F Em Dm G

๑๓๔

C G Am C C7 F

Am Em Am Dm G C

C Am C A7 Dm

C Em Am A7 Dm G C

C Em Am/G C C7 F

Am Em A7 Dm G C G

Am C A7 Dm

C E Am A7 Dm G C

Page 135: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๑๓๕

Page 136: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ชาวดง ดิ อิมพอสซิเบิ้ล

(สร้อย) กลางดงพงป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม ดินแดนรื่นรมย์แสนชื่นชมมีเสรี

ไร้ทุกข์สนุกสนานสำราญกันได้เต็มที่ พวกเราชาวถิ่นนี้ล้วนมีไมตรีต่อกัน

ดนตรี /F Am Gm C7 F

อาชีพป่าดงพงไพรเลี้ยงโคทำไร่ไถนาเป็นพราน

หน้าแล้งเราพากันเผาถ่านหาฟืนกลับบ้านเป็นทุน

เงินทองหามาได้อดออมเอาไว้พออุ่น

เจ็บไข้ได้เกื้อหนุนเจือจุนการุณย์ผูกพัน (สร้อย)

ดนตรี /F Am Gm C7 F

เย็นย่ำตะวันรอน ๆ เราได้พักผ่อนสำราญอุรา

ค่ำลงเราพบกันพร้อมหน้าแล้วมาสนุกด้วยกัน

ยามงานนั้นเราทำตรากตรำเพียงไหนไม่หวั่น

เสร็จงานเราสุขสันต์ร้องบรรเลงเพลงกล่อมไพร (สร้อย)

ดนตรี / F Am Gm C7 F

จนยากก็ยังภูมิใจหากินกลางไพรแม้ไม่รุ่งเรือง

ไม่คิดจะเพ้อจะฟุ้งเฟื่องถึงเมืองแดนศิวิไลซ์

กลางคืนเราชื่นบานเรื่องงานเอาไว้วันใหม่

ป่าดงดำรงไว้ทรัพย์ในดินไทยมากมี (สร้อย)

๑๓๖

F Bb F F Am Gm C7

F F7 Bb Bbm F Am Gm C7 F

F Bb F

Am Dm G C7

F F7 Bb Bbm

F Am Gm C7 F

F Bb F

Am Dm G C7

F F7 Bb Bbm

F Am Gm C7 F

F Bb F

Am Dm G C7

F F7 Bb Bbm

F Am Gm C7 F

Page 137: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มือเรียวเกี่ยวรวง พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

บนพื้นดินรอยแยกระแหงไกล ข้าวซบใบโอบรวง

กำด้ามเคียวมือเรียวเกี่ยวรับรวง รวงข้าวลีบหล่นร่วงลงดิน

* บนพื้นดินแยกแตก เราไม่แยกแตกกัน

กำด้ามเคียวมือเรียวเกี่ยวสัมพันธ์ พลิกพื้นดินถิ่นฐานบ้านเรา

( ซ้ำ*,** )

โลกสวยด้วยมือเรา

ธรรมชาติสร้างคน มีมือมาสองมือ ให้มา กับคนเราทุก ๆ คน

เราไว้คอยประคองป้องกัน ไว้ดูแลให้โลกยังคง มีเราทุกคนได้อยู่อาศัยร่วมกันมา

อยู่กันแสนล้านคน ลงมือคนละมือ ช่วยกัน ถ้าเรายังเห็นคุณค่า

ในเมื่อเราเป็นคนทั้งที ช่วยกันทำให้ดีดีกว่ารวมใจเข้ามา มาคอยรักษาโลกเราไว้

(สร้อย) ให้โลกเราสวย พวกเรามาช่วยกัน รับรู้ด้วยกัน แล้วทำให้โลกนี้สดใส

* อยากให้โลกน่าอยู่กว่านี้ เป็นโลกที่เราฝันใฝ่

จะสวยอย่างไร เป็นไปได้ด้วยมือของเรา

อีกไม่ช้าไม่นาน เราเองคงต้องไป แต่มันก็ยังมีโลกใบเก่า

ยังต้องมีอีกหมื่นล้านคน เข้ามาอยู่ที่นี่แทนเรา

คือเด็กของเรา เด็ก ๆ ที่เขาไม่เดียงสา

(สร้อย)

อยู่ที่มือของเราที่จะทำโลกให้เลวร้ายอย่างไร

อยู่ที่มือของเราที่จะทำโลกให้สดใส

(ซ้ำ *)

๑๓๗

D G D Bm Em A

D G D Am D D7

G A D Bm Em A

D G D A7 D

Page 138: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คาราบาว ชุด สัจจะ ๑๐ ประการน้ำ

Intro : F Dm Gm Dm Gm F C7 F

เพราะคนไม่หยุดตัดไม้

แม่น้ำทุกสายจึงไร้ต้นน้ำลำธาร

ไม่เหมือนเมื่อก่อนเรามีป่าเบญจพรรณ

ชุ่มชื่นดุจแดนสวรรค์

เดี๋ยวนี้สูญพันธุ์เพราะฟันเลื่อย

หรือคนว่าไม่เกี่ยวกัน

ก็ลองหลับฝัน ถึงวันที่น้ำเหือดหาย

โลกคงแห้งขอด เต็มไปด้วยทะเลทราย

หากเห็นน้ำมีความหมาย จงรู้จักใช้แบ่งปัน

น้ำขาดจึงต้องประหยัดน้ำใช้

จะกินจะอาบเมื่อใดขอให้จำไว้แม่นๆ

อันน้ำมีน้อยรู้ปิดรู้เปิดวางแผน

เอาน้ำใจทดแทน ก็มีน้ำกินน้ำอาบ

สังคมต้องร่วมมือกัน

เมื่อตื่นจากฝันทุกวันถึงสุขสดใส

น้ำเสียงแหบๆ น้ำคำเหนี่ยวนำน้ำใจ

วิงวอนพี่น้องชาวไทย

ประหยัดน้ำใช้เผื่อกันและกัน

SOLO: F Dm Gm Dm Gm F C7 F

(ซ้ำทั้งหมดอีกครั้ง)

SOLO: Gm C7 F

๑๓๘

F

Dm Gm

Dm Gm

F

C7 F

F

Dm Gm

Dm Gm

F C7 F

Dm F

Bb F

Bb F

Gm C7 F

F

Dm Gm

Dm Gm

F

C7 F

Page 139: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แอ๊ด คาราบาวสืบ นาคะเสถียร

ดวงตาของเจ้าลุกโชน เสียงตะโกนของเจ้าก้องไพร

บัดนี้เจ้านอนทอดกาย จากป่าไปด้วยดวงใจกังวล

วาจาของเจ้าจริงจัง มีพลังเหมือนดังมีมนต์

นักสู้ของประชาชน จะมีกี่คนทำได้ดังเจ้า

* สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนของกรมป่าไม้

หัวหน้ารักษาพงไพร จังหวัดอุทัย ณ ห้วยขาแข้ง

สองมือเจ้าเคยฟันฝ่า อีกสองขาเจ้าย่างย่ำไป

ลัดเลาะสุมทุมพุ่มไม้ ตระเวนไพรให้ความคุ้มครอง

ดูแลสารทุกข์สาราสัตว์ ในป่ารกชัฏ ลำห้วยลำคลอง

ขาแข้งเหมือนดังขาน่อง สองขาเจ้าย่ำนำความร่มเย็น

สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนข้าราชการไทย

ถือประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ ถึงตัวจะตายไม่เสียดายชีวา (ซ้ำ *)

เช้าวันที่หนึ่งกันยา ในราวป่าเสียงปืนกึกก้อง

ญาติมิตรล้วนน้ำตานอง จากข่าวร้ายกลางป่าอุทัย

วิญญาณเจ้าจงรับรู้ คนที่ยังอยู่ยังยืนหยัดต่อไป

สืบเอยหลับให้สบาย เจ้าจากโลกไปนี้ไม่สูญเปล่า

สืบ ……เอย เจ้าจากไปไม่สูญเปล่า (ซ้ำ ๔ ครั้ง)

๑๓๙

E A E

E B7

E A E

E C#m B7

A E

A E B7 E

E A E

E B7

E A E

E C#m B7 E

A E

A E B7 E

E A E

E B7

E A E

E C#m B7 E

A E B7 E

Page 140: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นฤคหิตป่า

เสียง…นกกา แว่วมาจากป่าพงไพร

ยิน…ครั้งใด จิตใจสดใสเบิกบาน

มวล…ไม้งาม เมื่อยามชูช่อไสว

แผ่กาง…ชูกิ่งใบ แกว่งไกวไปตามสายลม

* ยิน…สายธาร เสียงปานประหนึ่งดนตรี

หมู่มวล…มัจฉามากมีหลากสีเวียนว่ายไปมา

ป่าไทย เคยยิ่งใหญ่ ถูกทำลายยับเยิน

เราจงร่วมใจ รักษาไพรให้สมบูรณ์ (*)

เขาใหญ่

กว่าจะเป็นต้นไม้ยืนต้น สูงหยัดยืนใหญ่โตงดงาม

เนิ่นและนานที่สั่งสมเป็นร่มเงา ให้ดอกงามยามที่คนนั้นต้องการ

กว่าจะเป็นสายธารล้นหลาก ไหลระเริงหล่อเลี้ยงผู้คน

เนิ่นและนานที่ปลาน้อยร้อยเส้นใย ว่ายถักทอเป็นธารทองให้ผู้ทุกข์ทน

* คือเขาใหญ่ถิ่นไพรพนา ถิ่นสัตว์สาร่าเริง ล่องลอยมีเสรี

มีเกสรร่อนความงดงามตามความฝัน ขอผองเราจงร่วมกัน ปกป้องฝัน

ปกป้องธารบ้านพงไพร เป็นเขาใหญ่ที่ยืนยาว

( ซ้ำ * )

พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

๑๔๐

G Em G Em G Em G Em

Am Bm C D7

G Em G Em G Em G Em

Am Bm C D7

G Em G Em G Em G Em

Am Bm C G

F C F G

F Am Bm G Em G Em

D

G A Bm G A D

D

G A Bm G A D

G D A F#m Bm D

G A Bm G

A D

Page 141: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เขาใหญ่ ๒ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

Intro: / F / Dm / Gm / F / C7 /

ดงพญาไฟ ตำนานเล่าขานลำเค็ญ

เปลี่ยนเป็นพญาเย็น เมื่อมีผู้คนรุกราน

จนถึงบัดนี้ ย่ำยีต้นน้ำลำธาร

โค่นป่าขุดเขาทุกวัน เขาใหญ่เสื่อมโทรมซีดเซียว

เล่นกอล์ฟลานกว้าง เป็นล้านล้านตารางวา

แค่มีเจตนาให้ลงหลุมเล็กนิดเดียว

โอ้เจ้าประคุณ สนุกกี่คนกันเชียว

ทำท่าสุดแสนหวาดเสียว เมื่อลูกวิ่งลงหลุมรู

ดนตรี : / F / Dm / Gm / C7 / F /

* กลางทะเลทราย ทำไมไม่ไปสร้างทำ

เป็นที่เป็นทางประจำ ให้ไกลลูกตาลูกหู

โรงแรม รีสอร์ท ไปสร้างพากันไปอยู่

อย่ามาสร้างความอดสู ออกไปให้พ้นเขาใหญ่

พี่น้องบ้านเอ็ง บรรเลงเพลงไล่ไปเลย

อย่ามัวแต่ทำเมินเฉย ไร่นาถึงคราววอดวาย

ไม่มีป่าเขา น้ำท่าจะมาจากไหน

ก้มกราบเจ้าพ่อเขาใหญ่ ลูกชายจะบวชแก้บน

ไล่คนรุกรานออกไป

ดนตรี : / F / Dm / F / F / Dm / Dm / Gm / Dm G / F ( ซ้ำ* )

ดนตรี : / F / F / Dm / Gm / F / F

๑๔๑

Dm F

F Dm

Dm Gm

Dm F

Dm F

F F

Dm Gm

F C F

Am F

F F

Dm F

F Dm F

Dm F

F Dm

Dm Gm

Dm C F

Gm F

Page 142: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พลังเพลงป่าไทย หวีดหวิวเสียงทิวสนไหว โอนอ่อนไปในสายลม

หมู่ไม้เขียวน่าภิรมย์ ล้วนแดนอุดมป่าเมืองไทย

เสียงจุ๊บจิ๊บลิบลิบนั่น ปักษาพลันโผบินไกล

สัตว์ป่าล้วนพาเพลินใจ ท่องดงพงไพรได้เสรี

สวยล้ำน้ำตกไหล หลั่งลงไปสู่วารี

น้ำล้นท้นท่วมปฐพี ไม่อาจมีเพราะป่าคุ้มภัย

ทั้งให้ความร่มเย็น ป่ายังเป็นยาแก้ไข

ป่านี้แสนดีเพียงใด ช่างน่าภูมิใจในป่าของเรา

แต่นั่นคือความฝัน ทุกวันนี้นั้นเป็นอย่างไร

ป่าดงล้วนแดนพงไพร มลายสิ้นไปไม่กลับคืน

สายน้ำท้นท่วมแสนเศร้า โอ้ป่าเราช่างขมขื่น

ถูกทำลายเสียจนยับเยิน หมดความเพลิดเพลินใครเล่าทำ

เผ่าไท ป่าเขา อยากอยู่กลางป่าเขา มีร่มเงาแนวพฤกษ์ไพร

และที่นั้น เราพอใจ สิ่งเงียบเหงา

สัตว์ป่ายังคงร้อง น้ำตกก้องดังไกล ๆ

และที่นั้น เราพอใจ สิ่งพบพาน

ฉัน...พอใจเช่นนี้ หากจะมีใครพอใจเช่นดังฉัน

อยากอยู่กลางป่าเขา มีร่มเงาแนวไพรวัลย์

นกกานั้นร้องเรียกคู่อยู่เช้าเย็น

๑๔๒

D Bm D A7

D Em E A7

D Em A7

D Em A7 D G D D D7

G D

Em D D7

G D Bm

G Em A7 D G D

D Bm D A7

D Em E A7

D Em A7

D Em A7 D G D7 D

D G

D Bm A

D G

D A D

D D A

D G

D A D

Page 143: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เผ่าไทภาพฝัน

เมฆขาวฟ้าใส ไม้ดอกเจ้าเบ่งบาน

ลำธารน้อย ยังมีน้ำเอื่อยๆไหล

นกน้อยยังขับขานเสียงเพลงกังวานไพร

ร่มเย็นเพราะมีไม้ให้ร่มเงา

คืนวันจะร้อนหนาว ป่าเขาเจ้ายังเฉย

จะร่วงโรยไปตามกาลที่เปลี่ยนผัน

แต่แผ่นฟ้าและผืนดิน ป่าเขายังคงมั่น

เปลี่ยนกาล แต่รักนั้นไม่เคยเปลี่ยน

ลาก่อน ลาก่อน หัวใจข้าเหนื่อยล้า

เหมือนดังจะเอ่ยลาตลอดไป

สายลมพัดเอื่อย เหมือนมีดกรีดขั้วใจ

เปรียบใบไม้ ที่ร่วงโรย สู่พื้นดิน

ภาพฝันที่ข้าหวัง จะเห็นเจ้ากลับสดใส

หยัดยืนเป็นขุนผาและป่าเขา

รอวันนั้นหวนคืนจะสร้างวันให้เหมือนเก่า

ด้วยแรงใจที่มุ่งหวังและศรัทธา

Solo : A A7 D Dm A A7 C#m D

C#m C#7 F#m Bm E A A7

(ซ้ำ *)

ด้วยรอยยิ้มที่ไร้คราบน้ำตา

Solo : A C#m D E F#m E

เผ่าไทดินเลือกไม้

ล่องลอยมาตามลม

ละอองเกสรอ่อนเยาว์

พืชพันธุ์จากขุนเขา

เอ๋ย…เจ้าเดินทางไกล

สุดแต่ลมจะพา

เจ้ามุ่งหน้าไปทางใด

ร่วงลงในพงไพร

หรือเมืองใหญ่ที่ขอบฟ้า

แผ่นดินจะเลือกไม้

โอบกอดไว้ในอ้อมแขน

อบอุ่นดูแลแทน

ให้ดื่มกินความสมบูรณ์

เด็กเอ๋ยเจริญวัย

เป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา

แพร่พันธุ์สู่ขุนเขา

หรือเมืองใหญ่ตามสายลม

๑๔๓

A A7 D Dm

A A7 C#m

D C#m C#7 F#m

Bm B7 E

A A7 D Dm

A A7 C#m

D C#m C#7 F#m

Bm E A A7

D Dm A A

D A E E7

D Dm A A

B7 E

A A7 D Dm

A A7 C#m

D C#m C#7 F#m

Bm E A

Bm E A

C

Em Dm

G Dm

G C

C

Edim Dm

G Dm

G C C7

F Fm

Em C

A7 Dm

Dm G

C

Edim Dm

G Dm

G C

Page 144: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ชีวิตสัมพันธ์ เจ้านกเอย เจ้าเคยอยู่บนกอไผ่

กู่ขันบทเพลง จากใจ ชมไพรชมพฤกษ์พนา

ส่งสำเนียงเสียงธรรมชาติสร้างมา

ประสมเสียงเพลงพฤกษาที่มาของเสียงดนตรี

กู่เรื่องราวบอกกล่าวถึงความรู้สึก

เป็นเพียงสามัญสำนึก และการห่วงหาอาทร

ตอนนี้เราสิ้นเงาไม้ไม่เหมือนก่อน

ชุ่มชื่นกลับกลายเป็นร้อน เป็นแล้งระแหงระเหิด

ความแห้งแล้ง ความชุ่มชื้น อย่างไหนที่เราชอบใจ

ความร่ำรวย ความยากจน อย่างไหนที่คนชอบกัน

มันอยู่ที่ความสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้

ต้นสายต้นน้ำลำธาร

มาจากป่าสู่เมือง จากเขาทะมึน

หล่อเลี้ยงผู้คนในแท่งคอนกรีต

ยามนี้เราจึ่งมาร้องเพลง

ร่วมร้องบรรเลงเสียงเพลงจากใจ

เมืองนั้นมีความศิวิไลซ์ เมื่อมีป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร

มีนกกาหากินบินว่อน เนื้อแม่ลูกอ่อนมีนมให้ลูกกิน

คนหากิน สัตว์หากินเราไม่เบียดเบียนกันและกัน

ต้นไม้งาม คนงดงาม งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร

ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน มีคนมีต้นไม้ มีสัตว์ป่า

ความสมดุล คือคุณตามธรรมชาติ

ดินน้ำลมฟ้าอากาศ เติมวาดชุบชีวิตชน

หมู่ไม้พันธุ์อยู่กันมาหลายชั่วคน

ให้ใบให้ดอกให้ผล ให้คนได้ผลประโยชน์

๑๔๔

E F#m C#m

E A B7 E B7

E F#m C#m

E A B7 E B7

E F#m C#m

E A B7 E B7

E F#m C#m

E A B7 E B7

E G#m A B7

E G#m A B7

E G#m

A B7

E G#m

A B7

E C#m

A B7

E C#m A B7

E C#m A B7

E G#m A B7

E G#m A B7

E C#m A B7 E

E F#m C#m

B7 E B7 E B7

E F#m C#m

E A B7 E B7

Page 145: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คาราบาวดิน น้ำ ลม ไฟ

Intro : G G D7 G

ดิน ดินให้อาหาร เป็นที่ปลูกฝัง รากลึกลงกิน

ดิน ดินไม่ใช่หิน ซึมซับน้ำกินหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์

* สิ่งอันจำเป็นเห็นกันทั่วไป รู้กันมากมายใครก็ต้องการ

เอื้อและอารีไม่มีปากเสียง ธรรมชาติเรียงร้อยความผูกพัน

น้ำ น้ำ แก้กระหาย ชุ่มฉ่ำชื่นกายชุ่มฉ่ำชื่นใจ

น้ำ น้ำ อยู่ตรงไหน น้ำไหลผ่านไปให้ความสมบูรณ์ (ซ้ำ*)

ลม ลมเจ้าพัดพริ้ว ปลิวพัดความชื้นสดชื่นชีวี

ลม ลมหน้าหนาวนี้ ช่วยพัดไปทีเถิดความทุกข์ระทม (ซ้ำ*)

ไฟ ไฟให้ความร้อน รุมสุมวงจรเป็นพลังงาน

ไฟ ไฟเชื่อมประสาน ครบสิ่งสร้างสรรค์ ดิน น้ำ ลม ไฟ (ซ้ำ*)

คน คนอยู่ตรงไหน ดินน้ำลมไฟรับใช้ผู้คน

คน คนสักกี่คน อุทิศตัวตนเพื่อคนด้วยกัน (ซ้ำ*,*)

๑๔๕

G D7 G

G D7 G

G Em G D7 G

G Em G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

G D7 G

Page 146: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ปากกา กระดาษกลุ่มเยาวชนกอดทะเลด้วยเสียงเพลง

Intro : D A D A D A Bm/E/A

บ้านงามริมทะเล ทรายสวยเหมือนโรยเกลือ

น้ำใสเห็นตัวปลา ที่ว่ายแหวกมาในทะเล

ตอนนี้ช่างเลือนลาง รกร้างเพราะโดนทำลาย

ชีวิตต้องสูญเสียไป เพราะไม่ยอมให้ใครรุกราน

* จะสู้จนสุดลม แม้ต้องจมในรอยน้ำตา

อาวุธที่เรามีมา ก็แค่ปากกาและกระดาษ

เขียนเพลงให้เป็นแรงใจ ให้สู้ไหวเมื่อไฟยังมี

ส่งยิ้มให้เป็นไมตรี ให้รู้ว่ามีคนดีเช่นเธอ

** น้ำใจที่งดงาม ส่งไปให้กับเธอ

ให้รู้ไว้นะเออ เมื่อใดที่เธอท้อแท้ใจ

เพลงนี้จะเป็นพลัง ให้เธอสู้ต่อไป

น้ำตาหยดลงเมื่อไรฝากเพลงนี้ไปเช็ดแก้มใสเธอ

D A D A D A Bm/E/A

ซ้ำ *, **

๑๔๖

A A D A

D A Bm E

D A D A

D A Bm/E A

A A D A

D A Bm E

D A D A

D A Bm/E A

D A D A

D A Bm E

D A D A

D A Bm E A

Page 147: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ต้นไม้ สุรสีห์ อิทธิกุล

Intro : (G D C G D C G) 2 times G C D

เกิดบนดิน หยัดยืนพื้นพสุธาขึ้นมา จนเป็นต้นไม้

อิ่มอาหารมีน้ำเลี้ยงร่างกายกิ่งใบ งอกงามแข็งแรง

อยู่ห่างไกล ดินแดนพฤกษ์พงพนา นกกาพึ่งพาอาศัย

ร่มเงาบังใบ มีชีวิตในพงไพร ไม่เคยทำใครให้เดือดร้อน

เกิดบนดินแดน ทดแทนกลับคืน ให้กับพื้นดิน ถิ่นฐานบ้านเดิม

จวบจนวันตาย ขอตายกับดิน ผุพังละลาย กลับกลายเป็นพื้นดิน

ดนตรี/ G G C D G C

เกิดมานาน จนวันที่โตใหญ่ จนกิ่งก้านใบเสียดฟ้า

แกร่งกำยำมองเห็นชัดเจนในป่า อยู่ในสายตาผู้คน

บุกบั่นมา ตามหาถึงกลางไพร เข้าตัดทำลายโค่นลง

เสียดายเวลาเติบโตมาในแดนดง ต้องมาตายลงในวันนี้

* เกิดบนดินแดน ทดแทนมากมาย แต่กลับต้องตาย ให้กับความรุ่งเรือง

ถูกคนทำลาย เพื่อไปสร้างเมือง นี่คือเรื่องราว เหล่าพันธุ์พืชไพร

G D C D (ซ้ำ *,*,* ) G D C G D C G

๑๔๗

G C G C

G C D

G C G C

D D7

G D C G D C G

G D G D C G

G C G C

G C D

G C G C

D

G D C G D C G

D C G D C G

Page 148: Saleung Entire Book 2009

สลึง

รักคุณเท่าฟ้า

Intro: G Ddim7 Am D7sus4 D7 (2 times)

หากฉันบินบินไปได้ดั่งนก ฉันจะบินบินไปในนภา

หากฉันลอยล่องลมเหนือฟากฟ้า ฉันจะมองลงมายังพื้นดิน

* โลกมนุษย์แสนกว้างใหญ่เหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งเพลินจำเริญหัวใจ

ผืนแผ่นดินแลดูเป็นสีเขียว ผืนแผ่นน้ำแลดูเป็นสีคราม

อาจจะเคยมีใครตั้งคำถาม ความงดงามของโลกอยู่หนใด (ซ้ำ *)

ความงามความรักมีมาตามธรรมชาติ เติมวาดแต่งแต้มแสงสีตามในใจตน

มีฟ้ามีน้ำมีดิน หินทรายและผู้คน ร่วมสุขทุกข์ทนสร้างแผ่นพื้นดินไทย

ดนตรี/G // (G / Ddim7 / Am / D7 2 times)

หากคุณบินบินไปได้ดั่งนก ยามเมื่อคุณบินไปในนภา

ยามเมื่อคุณล่องลอยบนฟากฟ้า มองลงมาเบื้องล่างยังพื้นดิน (ซ้ำ *)

ดนตรี/ Cdim7 / G (4 times)

กระแสเสียงเพลงนี้จากฟากฟ้าแสนไกล

ฝากความในใจให้มวลหมู่ชนทุกคน

อันความเป็นจริงที่มองเห็นมาจากฟ้าเบื้องบน

ฟ้าอยู่ค้ำคน คนไม่อยู่ค้ำฟ้า

ดนตรี/ Cdim7 / G (4 times)

เทียรี เมฆวัฒนา

๑๔๘

G Ddim7 Am D7sus4 D7

G Ddim7 Am D7

C Am D7 G Ddim7 Am Cdim7 D7

G Ddim7 Am D7sus4/D7

G Ddim7 Am D7

C D7 G Em7 Am D7 G Em7

Am D7 G Em7 C D7 G

G Ddim7 Am D7

G Ddim7 Am D7

G#m Am D7 G Em7

Am D7 G Em7

Am D7 G/G7 Em7

C D7 C

Page 149: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ป่าลั่น จรัล มโนเพ็ชร

เมื่ออาทิตย์อุทัย ส่องทั่วท้องถิ่นไกล โลกแจ่มใสอีกครั้ง

เหม่อมองนกโผบิน แว่วธารรินไหลหลั่ง ป่าลั่นดังสะท้านใจ

* แดดส่องฟ้าเป็นสัญญาวันใหม่ พวกเราแจ่มใสเหมือนนกที่ออกจากรัง

ต่างคนรักป่า ป่าคือความหวัง เลี้ยงชีพเรายังฝังวิญญาณนานไป

ตื่นเถิดหนาอายนกกามันบ้าง แผ่นดินกว้างขวางถางคนละมือละไม้

รอยยิ้มของเมียชโลมฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ให้เราจงทำดี

เสื้อผ้าขี้ริ้วปลิวเพราะแรงลมเป่า กลิ่นไอพวกเรา เขาคงจะเดินเมินหนี

คราบใดไหนเล่าเท่าคราบโลกีย์ เคล้าอเวจีหามีใครเมินมัน

โลกจะหมองคลองน้ำตาคนเศร้า แบ่งกันว่าเขาและเราเศร้าจริงใจฉัน

ป่ามีน้ำใจใสแจ่มทุกวัน รักป่าไหมนั่นเมื่อป่าลั่นความจริง

(ซ้ำ*)

บ้านหลังนี้ ธงชัย แมคอินไตย

ต้องอยู่กันไปอีกนาน ในบ้านหลังนี้

เติบโตมาจนป่านนี้ ก็เพราะมีที่ให้อาศัย

บ้านเรามีท้องฟ้า มีสายน้ำ

มีภูเขา มีต้นไม้

แล้วเราจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีอะไรเหลือเลย

๑๔๙

Em D G B7 Em

Am D G B7 Em

G Am Em C D G

Am Em Am Em D

G Am Em C D G

D G Am G Am D G

G Am Em C D G

Am Em Am Em D

G Am Em C D G

D G Am G Am D G

Am D G

G Am D G G7

C Bm

Am D G

Am D G

Page 150: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ลิงทโมน พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

Intro : A/ D / Em (2 times)

ลิงทโมนเอยกระโจนตามต้นไม้ โผเข้าต้นหมากไฮหมากไม้ไล่ชิง

คนทโมนเอยแอบซุ่มตามพุ่มไม้ ตาก็จ้องมองไป ปืนไฟก็ไล่ยิง

แม่ลิงเอยถูกยิงบนกิ่งไม้ กอดลูกน้อยกลอยใจเพื่อนไปเร็วจริง

ร้องเรียกหาว่ามารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิงมารับไป

ร้องเรียกหาว่ามารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิงมารับไป

ลิงทโมนเอย กระโจนตามต้นไม้ ด้วยความกลัวปืนไฟ จะตามไล่ยิง

พ่อลิงเอย นั่งนิ่งบนกิ่งไม้ มองไปตามแนวไพร ไปไหนเล่าแม่ลิง

พี่น้องลิงนั่งนิ่งบนกิ่งไม้ มองลงห้วยรินไหล ไปไหนเล่าแม่ลิง

ร้องเรียกหาว่ามารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิงมารับไป

ร้องเรียกหาว่ามารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิงมารับไป

ลิงทโมนเอยกระโจนตามต้นไม้ โผเข้าต้นหมากไฮ รีบไปเอาลูกลิง

คนทโมนเอยแอบซุ่มตามพุ่มไม้ ตาก็จ้องมองไป ปืนไฟก็ไล่ยิง

พ่อลิงเอย ถูกยิงบนกิ่งไม้ กอดลูกน้อย กลอยใจ รีบไปเถอะ ลูกลิง

ร้องเรียกหา ว่ามารับลูกลิง พ่อก็ถูกยิง ลูกลิงเจ้ารีบไป

ร้องเรียกหา ว่ามารับลูกลิง พ่อก็ถูกยิง ลูกลิงเจ้ารีบไป

* ลิงทโมนเอยกระโจนตามต้นไม้ โผไปตามแนวไพร ไปไหนเล่าลูกลิง

(ซ้ำ *,*,* )

๑๕๐

Em A D Em A

Em A D Em A

Em A D Em A

Em D Em

Em D Em

Em A D Em A

Em A D Em A

Em A D Em A

Em D Em

Em D Em

Em A D Em A

Em A D Em

Em A D Em

Bm Em D A Bm Em

Bm Em Bm Em D A Em A

A D Em A

Page 151: Saleung Entire Book 2009

สลึง

โลก (World) แอ๊ด คาราบาว

Intro :

โว...โว...โว...โว...

** แม้โลกเป็นของเรา ป่าเขาเป็นของใคร

ใครเล่าปลูกต้นไม้ ใครรดน้ำพรวนดิน

หากโลกมีทุกข์ทน คนต้องเป็นทุกข์สิ้น

คนไม่รู้จะกิน คือคนไม่รู้จะเกิด(ไม่รู้จักโลก)

If this is our own earth, whose is nature’s worth?

Who is it grows trees, who is it fills seas?

If this earth knows pain, man feels it the same

Do we realize what it’s worth, this mystery of our birth?

เราจะกอดโลกไว้ร่วมกัน เราจะปันต่อโลกเช่นกัน

เราจะเก็บโลกไว้ให้นานๆ เพื่อลูกเพื่อหลานของเรา

* We can hold this world together

take care of this world together

Keep this world for a long, long time

For our children’s life.

โว... โว... โว... โว...

(ซ้ำ * ,**)

๑๕๑

G D G D G D A D

D G A D

Em Bm A D

D G A D

Em Bm A D

D G A D

D G A D

D G A D

D G A D

G A D Bm G A D Bm

G A D Bm G A D

G A D Bm

G A D Bm

G A D Bm

G A D

D G D G D A D Bm G A G

Page 152: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ของฝากจากภูเขา ศุ บุญเลี้ยง

Intro : F Em Edim Dm G C CCmaj7 F D#dim Edim Dm G C

หยุดเวลาเพียงหันมองมาทักทาย ดอกไม้

จะเร่งจะรีบไปไย ช่วยกันเก็บไว้นาน…นาน

ฝากเอาไปให้ใครต่อใครที่บ้าน

ฝากเรื่องราวไปเล่าขาน ฝากให้บานในใจ

* ให้เข้มแข็ง เหมือนดังภูเขา แต่อ่อนเยาว์ เหมือนดอกไม้บาน

ให้เข้มแข็ง แต่อ่อนหวาน ฝากให้บานในใจคน

( ซ้ำ *) SOLO : C Em Edim Dm G C Em Edim Em G F Em Edim

Dm G C F D#dim Em Edim Dm G C

หยุดเวลาเพียงหันมองมาทักทาย…ดอกไม้ จะเร่งจะรีบไปไย

ช่วยกันเก็บไว้นาน...นาน ฝากเอาไปให้ใครต่อใครที่บ้าน ฝากให้บานในใจคน

ของฝากจากทะเล ศุ บุญเลี้ยง

Intro : G Gmaj7 G6 Fdim Am D#dim D

อยากเก็บคลื่นขาว... ขาวเอามาฝาก อยากเก็บหาดทรายสวย... สวยสะอาด...

น้ำทะเลใส... ใสสดใสแต่เก็บไม่ได้

อยากเก็บคลื่นขาว...ขาวเก็บไม่ได้ อยากหยิบทะเลใสใส่ในขวด

แต่คงไม่สวยไม่ใสไม่ใช่ทะเล

จึงมีแต่เปลือกหอยตัวน้อย... น้อยพอเก็บได้ เก็บใส่มือไว้เก็บไว้แทนทะเล

เก็บขึ้นสู่ฝั่งเก็บไว้เป็นความหวังว่า แล้วอีกไม่ช้าเราจะกลับไปหาทะเล

ดนตรี G G C GG Edim G G G Edim Am Edim D

(ญ)อยากเก็บคลื่นขาวขาวเก็บเอามาฝาก (ช)อยากเก็บคลื่นขาวขาวเก็บไม่ได้

(ญ)อยากเก็บหาดทรายสวยสะอาด (ช)อยากเก็บหาดทรายสวยเก็บไม่ได้

๑๕๒

C Em Edim

Dm G

C Em Edim

Dm G

F Em Edim Dm G C

F D#dim Em Ddim Dm G C

C Em Dm

G C Em Dm G C

G C G G Edim

G C D G

G C G Edim

G Am D G

Am Bm Am7 G Am Bm Am7 G Fdim

Am D G Fdim Am D G

G C G Edim

G C G G Edim

Page 153: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สยามพาเหรดถึงผู้ทำลาย พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร

อยากจะเป็นกำลังสำคัญ ทุกคืนวันเติบโตช้าช้า

ต้องไม่หวั่นบุกบั่นและฟันฝ่า ตอบแทนแดนดินเมืองไทย

กำเนิดเราลืมตาขึ้นมา ไม่เคยลืมค่าความเป็นไทย

ขอพิสูจน์บทหนึ่งของความในใจของเรา

* อาจจะเป็นเพียงคนร้องเพลง ฉันบรรเลงด้วยความจริงใจ

ขอเป็นส่วนประกอบสังคมไทย ใส่ใจสร้างความดีงาม

กลั่นจากใจกลายเป็นสำเนียงเปล่งเป็นเสียงร้อง ร้อง

แล้วร้องตาม บุญคุณเมืองสยามถึงตายไม่ลืม

ฉันไม่มีระบ่งระเบิด ไม่ทำลายแผ่นดินที่เกิด

แต่มีวิญญาณจะร้องเพลง ร้องเพลงเพื่อคนไทย

โลกจะเอาเราเป็นพยาน สร้างตำนานให้มันยิ่งใหญ่

ให้เราภาคภูมิในหัวใจ ว่าฉันคนไทยเมืองยิ้ม (ซ้ำ *)

เขาเหมือนเป็นศัตรูของโลก ใครถีบส่งลงมา

สองข้างทางเคยชินสายตา เปลี่ยนไปไม่เป็นดังเดิม

ยุคของเมืองกำลังยึดป่า ฝูงนกกาโวยวาย

เขียวพื้นดินเป็นแดงพื้นทราย ถูกใครบางคนทำลาย

** คนทำลายคงไม่ทันคิด คิดไว้แค่เพียง แต่หวังกำไร

คอนโดวิว รีสอร์ททั้งหลาย สร้างกันง่ายดาย จนคับทะเล

ฝนฟ้าเอยทำไมไม่ตก หรือฟ้าดินลงทัณฑ์

มีแต่ร้อนมากขึ้นทุกวัน คงไม่นานโลกแตกตาย (ซ้ำ **)

ทำลาย แม้โลกที่ใช้อยู่ ทำลาย ทำลายใครทำ แม้โลกที่ใช้อยู่ ทำลาย

ดนตรี/ (Dm A Bb) 3 time Dm C Dm (ซ้ำ **,** till fade)

๑๕๓

G Em

C A D

G Em

C D G

C G

D G

C G

A D

Dm A Bb Dm A Bb (Dm C Dm) 3 time

Dm A Bb Dm C Dm A Bb

Dm Bb Dm Bb

Dm Bb Dm Dm A Bb

Dm C Dm C Dm

C Dm C Bb Dm (Dm A Bb) 2 time

Dm A Bb Dm A Eb

Dm A Bb Dm C Dm

Dm A Bb Dm C Dm A Bb A Bb Dm C Dm

Page 154: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๑๕๔

Page 155: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พงษ์เทพ กระโดนชำนาญนกเขาไฟIntro: / G / Cm / Gm / Bb / Gm /

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล

ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ พาใจเรามา

* ดอกไม้มาแซมเสียบผม เด็ดดมชมทั่วภูผา

เรียงร้อยเป็นมาลา โปรดมารับมาลัยแต่ง

ดอกไม้มาลัยห้อยคอ แก้มหนอก็ทาสีแดง

ผ้าถุงผืนอีหล้าฮักแพง เสื้อแดงแต่งแต้มลายดอก

ดนตรี : / Gm / C / Gm /

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล

ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ บินรายเล่นลม

เจ้าฟ้อนไม่อ่อนแต่สวย ผ้ามวยโพกสวยสุดสม

ผิวคล้ำ ผมดำ ตาคม เอวกลม ฟ้อนรอบกองไฟ

สูบยาพันด้ายสีแดง ลงแรงถางดงพงไพร

ดอกเหงื่อหอมหวนนวลใย สุขใจไร่ข้าวหอมกรุ่น

ดนตรี : / Gm / C / Gm /

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล

ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ ลงไร่ปลายนา (ซ้ำ *)

ดอกไม้ซ่อนในรวงข้าว หนุ่มสาวเจ้าช่วยออกแรง

ตีข้าวเอาดอกไม้แดง ญาติแย่งไปรอบลอมฟาง

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล

ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ ดวงใจชาวดอย

ภูผาเวลาเย็นย่ำ ถิ่นถ้ำเสียงน้ำตกย้อย

หนุ่มสาวคลอเคล้าใจลอย เกี่ยวก้อยนกน้อยละเมอ

ภูผาเวลาย่ำค่ำ ถิ่นถ้ำเสียงน้ำตกเพ้อ

นกน้อยใจลอยละเมอ เกี่ยวเธอฟ้อนรอบกองไฟ

เกี่ยวเธอฟ้อนรอบกองไฟ ฉันเกี่ยวเธอฟ้อนรอบกองไฟ

๑๕๕

Gm

Gm Cm Bb Gm

Dm Bm Gm C

Bb Gm Bb Gm

Dm Gm Gm C

Bb Gm Gm Cm

Gm

Gm Cm Bb Gm

Dm Gm Gm C

Bb Gm Bb Gm

Dm Gm Gm C

Bb Gm Gm Cm

Gm

Gm Cm Bb Gm

Dm Gm Gm C

Bb Gm Gm Cm Gm C G Gm

Gm Gm

Gm Cm Bb Gm

Dm Gm Gm G C

Bb Gm Gm C Gm

Gm Gm C

Bb Gm Gm C Gm

Gm C Gm C Gm

Page 156: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สวรรค์บ้านนอก โฮป

(ญ) ฟ้าผ่องเพ็ญ งามเด่นคือดังสวรรค์…งามแท้งามว่า

ผู้บ่าวบ้านใดกัน มายืนชมจันทร์ ผู้เดียวหนออ้าย

เจ้าหนุ่มเอย เจ้าหนุ่ม หนุ่มบ้านนา

ปรารถนา หญิงใดมาคอย มายืนใจลอยผู้เดียวหนออ้าย

พี่ชายเอยน้องนางเป็นสาวบ้านนา

แค่สบตา พี่ยาก็น่าใจหาย ยิ่งยามยิ้มพริ้มพราย

เหมือนชายชวนเช่นให้เห็นใจอ้าย

ข้อยบ่เคยคิดรักใครที่ไหนไม่มี

จิตไมตรีน้องพลีให้พี่เอาไว้ ผูกพันธะหัวใจ

ไว้เพ็ญเดือนอ้ายตอบใจน้องด้วย

เจ้าหนุ่มเอย…ฉันจะร่อนใจลง

สาวบ้านไกลหัวใจซื่อตรง เห็นคงบ่รอดจะหลงรักอ้าย

(ช) ฟ้าผ่องเพ็ญงามเด่นคือดังสวรรค์…งามแท้งามว่า

ผู้สาวบ้านใดกันมายืนชมจันทร์ผู้เดียวหนอเจ้า

น้องนางเอยพี่ชายเป็นหนุ่มบ้านนา

ชื่นชีวาสัญญาจะมามั่นหมาย

เก็บเกี่ยวข้าวปีกลาย หนาวลมเดือนอ้ายแต่งงานหนอเจ้า

(พร้อมกัน) ฟ้าผ่องเพ็ญงามเด่นคือดังสวรรค์…งามแท้งามว่า

สองเฮาฮักร่วมกัน เล่นลมชมจันทร์ สวรรค์บ้านนอก

๑๕๖

C

Dm F G C

Dm F Am Dm

C Dm F G C

Dm C Dm

Dm C Dm

F G C

Dm C Dm

Dm C Dm

F G C

Dm F Am Dm

C Dm F G C

C

Dm F G C

Dm C Dm

Dm C

Dm F G C

C

Dm F G C

Page 157: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มิดะ บุญช่วย ศรีสวัสดิ์

Intro : Dm G C Em Am (4 ครั้ง)

บนฟ้ามีเมฆลอย บนดอยมีเมฆบัง

มีสาวงามชื่อดัง อยู่หลังแดนดงป่า

มีกะลาล่าเซอ มีหนุ่มหนุ่มเผลอฮ้องหา

มีสาวงามขึ้นมา แล้วมี...มิดะ

นางนั้นยืนท่าคอย หนุ่มน้อยตี้ยังบ่เคยผ่าน

ยังไร้ราคีพาน บ่ฮู้การกามโลกีย์

ยั่วยวนวาจาเว้าวอน บอกสอนฮื้อละอ่อนนั้นมี

ความฮู้กามวิธี แล้วพลีเรือนกาย

งามเหลือคำรำพัน เป็นหมันและเป็นหม้าย

ความสวยงามคือภัย ถูกเลือกไว้เป็นมิดะ

หนุ่มใดบ่เคยชิดชม บ่สมสู่ฮู้วิชา

หมดหนทางขึ้นมา บนลาน สาวกอด

หมดปัญญาดิ้นรน มืดมนเหมือนคนตาบอด

คนแล้วคนเล่ากอด ทอดกายในดงดินแดน

จนวัยโรยราร่วงไป คนใหม่มาเป็นมิดะแทน

คือเรื่องราวในแดน แผ่นดิน อีก้อ (ซ้ำ *)

๑๕๗

Dm G C Em Am

Dm G C Em Am

Dm G C Em A7

Dm G C G C

Dm G C Em Am

Dm G C Em Am

Dm G C Em A7

Dm G C G C

Dm G C Em Am

Dm G C Em Am

Dm G C Em/A7

Dm G C G C

Dm G C Em Am

Dm G C Em Am

Dm G C Em A7

Dm G C G C

Page 158: Saleung Entire Book 2009

สลึง

อุ๊ยคำ จรัล มโนเพ็ชร

อุ๊ยคำ...อุ๊ยคำ...อุ๊ยคำ...

อุ๊ยคำคนแก่ ท่าทางใจ๋ดี ลูกผัวบ่มีอยู่ตั๋วคนเดียว

มะแลงแดดอ่อน อุ๊ยคำก้ำเคียว เกี่ยวผักบุ้งใส่บุงกลางหนอง

ต๋าก่ฝ้าก็ฟาง หลังก่งุ้มก่ก่อง อยู่กลางหนองจนมืดจนค่ำ

แล้วแกก่แบ่งผักบุ้งเป๋นกำ ส่งขาประจำเลี้ยงตัวสืบมา

อุ๊ยคำเคยบอก เล่าความเป็นมา ลูกผัวก่อนหน้านั้นอยู่ตวยกัน

แล้วมาวันหนึ่ง ผัวแกก็พลัน มาตายละกัน เหลือเพียงลูกสาว

* แต่แล้วแหมบ่เมิน มีเรื่องอื้อฉาว ลูกสาวหนีตวยป้อจาย

อุ๊ยคำเลยอยู่คนเดียวเปลี่ยวดาย ตุ๊กใจตุ๊กกายปี้น้องบ่มี

อุ๊ยคำ...อุ๊ยคำ...อุ๊ยคำ...

** อุ๊ยคำคนแก่ ท่าทางใจ๋ดี ลูกผัวบ่มีเป็นดีเอ็นดูล้ำ

แลงนี้แดดอ่อน บ่หันอุ๊ยคำ เกยมาประจำอุ๊ยคำไปไหน

หมู่ผักบุ้งยอดซมเซาซบบ่ไหว เป๋นจะไดไปแล้วอุ๊ยคำ

ฟ้ามืดมัวหม่นเมฆฝนครึ้มดำ เสียงพระอ่านธรรมขออุ๊ยคำไปดี

อุ๊ยคำ...อุ๊ยคำ...อุ๊ยคำ...

ซ้ำ **

๑๕๘

Am D Am D Am D

Am D F E

Am D F E

Am D G C F E

Am D F E

Am D F E

Am D F E

Am D G C F E

Am D F E

Am D Am D Am D

Am D F E

Am D F E

Am D G C C E

Am D F E

Am D Am D Am D

Page 159: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สาวมอเตอร์ไซค์ จรัล มโนเพ็ชร

อ้ายคนจนต้องจำต้องทนปั่นรถถีบ

จะไปจีบอี่น้องคนงาม

พอไปถึงอ้ายก่ฟั่งเอิ้นถาม

พอไปถึงอ้ายก่ฟั่งเอิ้นถาม

“ อี่น้องคนงามกิ๋นข้าวแลงแล้วกา”

น้องได้ยินก่ปิดประตู๋ ดังปั้ง

อ้ายเลยฟั่งจูงรถถีบออกมา

อ้ายคนจนบ่มีวาสนา (ซ้ำ)

จะไปขี่ฮอนด้าหรือยามาฮ่าไปได้จะได

*กำเดียวก็มีรถยามาฮ่า

ร้อยซาวห้าก๋ายหน้าอ้ายไป

น้องได้ยินก็ฟั่งลุกต๋ามไป (ซ้ำ)

แล้วเอิ้นออกไป...“ อ้ายมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาเจ้า ”

(อ้ายเสื้อลายไปไหนมาเจ้า)

* อ้ายได้ยินหยังมาผิดใจ๋แต๊ว่า

จะขายนาชื้อคาวา ซักกัน

พอไปถึงอ้ายจะเบิ้นน้ำมัน (ซ้ำ)

หื้อน้องแก้นควันต๋ายจ้างมันสาวมอเตอร์ไซค์

ซ้ำ (*,**)

๑๕๙

C Am

C C7

F Am

F Am

C G C

C Am

C C7

F Am

C G C

Dm Am

G C/C7

F Am

C G

C Am

C C7

F Am

C G C

Page 160: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สาวเชียงใหม่ จรัล มโนเพ็ชร/ สุนทรี เวชานนท์

ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่ แหมบ่เต๊าใดก็จะเป็นสาวแล้ว

ตึงวันมีบ่าวมาแอ่ว มาอู้มาแซว เป็นคนละปูน

ข้าเจ้าจะเลือกเอาไผ อ้ายบ่าวเจียงฮายชื่อแก้วมาลูน

อ้ายก๋องคนแป้เขียวซุน อ้ายคำ อ้ายมูล อ้ายสม อ้ายมี

* เปิ้นบอกว่าจะมาขอ ข้าเจ้าก็รอมาแล้วเป็นปี

ป้อแม่ท่าปู๋สะลี อ้ายบ่าวตัวดีหายแซบหายสอย

** ข้าเจ้าบ่เจื่อแหมแล้ว จะแต่งกับแม้วไปอยู่ปลายดอย

ขายผ้า ขายเพชร ขายพลอย ขายแหวน ขายสร้อย อยู่บนดอยปุย

(ซ้ำ *, **)

บ้านบนดอย จรัล มโนเพ็ชร

บ้านข้าอยู่บนดอยเมฆหมอกลอยเต็มฟ้า อยู่กลางพงพนา อยู่ตามประสาคนดอย

ข้าบ่รวย บ่จน บ่เป็นคนสำออย เกิดเป็นคนบนดอย บ่ต้องคอยง้อใคร

บ้านสูอยู่ในเมือง มุงกระเบื้องสีใส บ้านข้าอยู่กลางไพร มุงด้วยใบตองตึง

สูชอบเพลงฝาหรั่ง ข้าชอบฟังเสียงซึง เอ้าตึง ตึงต๊ะติดตึง ข้าดีดซึงก้องป่า

* บ้านบนดอยบ่มีแสงสี บ่มีทีวีบ่มีน้ำประปา

บ่มีโฮงหนังโฮงนวดคลับบาร์ บ่มีโคล่า แฟนต้าเป๊บซี่

** บ่มีเนื้อสันผัดน้ำมันหอย คนบนดอยชอบกินข้าวจี่

บ่มีน้ำหอมน้ำปรุงอย่างดี แต่หมู่เฮามี...ฮือ..มีน้ำใจ

ถ้าสูอยากกินข้าว สูต้องไปไถนา ถ้าสูอยากกินปลา ก็ต้องไปหาในห้วย

ถ้าสูปลูกดอกฝ้าย สูได้ใส่เสื้อสวย แต่ถ้าสูอยากถูกหวย ก็เสียใจต่วยคน

(ซ้ำ* , **)

๑๖๐

C Am Dm G

C Am Dm G

C Am Dm G

C Am Dm G C

Am Dm G C

Am Em Dm G

C Am Dm G

C Am Dm G C

D F#m G A7 D

D F#m G A7 D

D F#m G A7 D

D F#m G A7 D

D G D

D A7 D

D G D

A7 A7 G/A7 D

D F#m G A7 D

D F#m G A7 D

Page 161: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พี่สาวครับ จรัล มโนเพ็ชร

ปี้สาวครับ สวัสดีครับปี้ครับ จำน้องจายคนนี้ได้ก่อ

จำได้บ่ได้ก็บอกมา ล้า ลา ...

ปี้สาวครับ ตอนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ มีมะญิงมาไล่จับ

จะยั๊บเอาผมไปเป๋นแฟน ล้า ลา

* เจอกันเมื่อสองสามปีก่อน ผมยังละอ่อนและซนแก่น

ฮักเป็นปี้สาวได้บ่ได้เมามาเป๋นแฟน ปี้ก็ฮักผมเป็นน้องจาย

** ปี้สาวครับตอนนี้ผมฮักปี้แล้วครับ จะฮักปี้บ่มีหน่าย

บ่อยากเป๋นน้องจายแล้วล่ะ ลัล ลา ลัล ลา

(ซ้ำ *,**)

๑๖๑

D Bm Em A D Bm Em A D Bm Em

A D G A

D Bm Em A D Bm Em A D Bm Em

A D G A

Em A D Bm Em A D Bm

F#m B7 E7 A

D Bm Em A D Bm Em A D Bm Em

A D

Page 162: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดาวน์สาว พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

ไอ้ไข่นุ้ยเป็นหนุ่ม มีหัวใจแต่ไม่มีเงิน

ก็เพลิดก็เพลิน เที่ยวไปพอได้งานทำ

ก็แค่พอกิน ไม่มีเป็นกอบเป็นกำ

เจ็บป่วยประจำ เป็นโรคใจไม่มีวันสร่าง

เป็นโรคใจอ่อน เป็นโรคความดัน

สูงขึ้นทุกวัน ดันทุรัง นะ แม่ นา...

ไอ้ไข่นุ้ยเป็นหนุ่ม อยู่เดียวหัวใจเปลี่ยวเปล่า

ไปเจอะผู้สาวคนงาม ตรงตามใฝ่หา

ก็จีบหลายปีดูใจ ตั้งหลายเวลา

ไปหาพ่อตาแม่ยาย ก็จะให้ร่วมเตียง

เอาเงินสิบหมื่น เอาทองหกบาท

แล้วต้องประกาศจัดงานเลี้ยง แพงแท้หนา

* จะชักชวนคนงามให้หนีตาม มันก็ไม่เข้าที

พ่อแม่ก็คงหวังดี อยากให้มีหน้าตา

ขอต่อสักคำ ขำคมให้สมราคา

ไม่น่ามีปัญหา เพราะสองเรา นั้นก็เข้าใจกัน

เงินดาวน์สองหมื่น จะยื่นให้ก่อน

แล้วค่อย ๆ ผ่อนเดือนละพัน เนาะพ่อเนาะแม่น้อ น้อ... เด้อ.. (ซ้ำ*)

F

Bb Gm

Am F

F

Bb Gm

Am F

F

Bb Gm

Am F

Bb F Gm F Bb F Gm C F

๑๖๒

Page 163: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๑๖๓

Page 164: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เดินทางไกล เดินทางไกล ท่องเที่ยวไป

หาความหมาย จากเส้นทาง

เดินทางไกล ท่องเที่ยวไป

หาความหมาย จากเส้นทาง

ไปขีดเขียน ใช้ความเพียรพยายาม

ระหว่างทาง ต่างเที่ยวถาม

ถึงความงามที่ใฝ่หา อาจจะพบสิ่งสร้างสรรค์

แม้ฝ่าฟัน จะฟันฝ่า อยากจะพบจึงเที่ยวหา

หลักวิชา … ที่เป็นจริง … ที่เป็นจริง

C Am

G

C Am

G

C Am

C Am

G C Am

Am C Am

G C

นักเดินทาง ศุ บุญเลี้ยง

หยิบกระเป๋าเจ้าใบเก่ง ใส่กางเกงก็ตัวเก่า บอกรองเท้า...คงต้องเดินกันหลายวัน

สู่แผ่นดินที่กว้างใหญ่ เปิดดวงใจให้กว้างกว่า จากทะเล สู่ภูผา พเนจร

* รอนแรมหารังนอน บางตอนก็เดินลำพัง สับเปลี่ยนเปลี่ยนเวียนไป ไม่ซ้ำกัน

นั่นแหละชีวิตนักเดินทาง (นั่นแหละชีวิตนักเดินทาง)

อยากให้เธอได้มาด้วย โลกจะสวยขึ้นหลายเท่า แหละยามเช้าจะเฝ้าคอย ดวงตะวัน

จะโบกบินทั่วไพรป่า แหละดื่มกินแสงจันทร์จ้า เก็บความงาม จากปลายฟ้า มาคืนเมือง

(ซ้ำ*)

๑๖๔

G C G C G Bm C D

G C G C G Bm C D

C D G Em C Am D

G D G

G C G C G Bm C D

G C G C G Bm C D

Page 165: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นักเดินทาง

* จากเวลาที่ยาวนาน กับวันวานที่เลยไป

จะมีภาพที่ใจยังจดยังจำไว้ทุกคืนวัน

ผ่านไปเร็วดูราวเหมือนฝัน ภาพความหลังครั้งนั้นไม่เคยเก่า

ย้ำและเตือนในหัวใจเราตลอดเวลา

เปรียบดังเป็นนักเดินทาง ที่รอนแรมหนทางไกล

ย่อมมีเรื่องมากมายมากับทางไกลที่ได้เดินมา

สู่ปลายทางในการค้นหา ผ่านภูผาขุนเขาที่กว้างใหญ่

ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในใจไม่อาจลืมเลือน

ล่วงเลยผ่านไป ถูกกลืนกับกาลเวลา

ไม่พบอะไรยั่งยืน ดุจกระแสน้ำที่ไม่คืนกลับมา

หันมองกลับไป ก็มีแต่ความทรงจำ

ชีวิตที่เคยผ่านมาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและน้ำตาเก็บไว้

จากทางไกลที่เดินมา สู่เวลาที่เดินไป

ไม่มีหนทางใดที่จะนำวันนั้นหวนคืนมา

เก็บความจริงในการค้นหา เป็นบันทึกล้ำค่าและยิ่งใหญ่

เขียนเรื่องราวเอาไว้ในใจ ตลอดเวลา

( ซ้ำ *)

กัมปะนี

๑๖๕

C Cmaj7

C7 F Fm

C Em C7 F

Fm C G

C Cmaj

C7 F Fm

C Em C7 F

Fm C G

Am Am6 G

Em F F Em Dm C G

F F#dim G

E F F Em Dm C G

C Cmaj

C7 F Fm

C Em C7 F

Fm C G

Page 166: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เที่ยวละไม เฉลียง

Intro : Em/D/C/D/Em

เที่ยวไปตามตะวัน บุกบั่นไปตามลม สนุกสุขสมหัวใจหงายคว่ำ

ชีพที่ยาวนาน หรือสั้นแค่เพียงคำ เอาตูดแช่น้ำแล้วเดินต่อไป

เถอะเสาะหา นภาคลุมครอบ สายลมคงรอบไว้ สายใจไหลลู่สู่สวรรค์

Solo : Em D C D Em

เที่ยงก็กินทัน บ่นมันไปไย ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น

ตรู่ก็ลืมตา ขึ้นมาดูตะวัน ว่าโลกสร้างสรรค์ สวยงามให้เรา

บอกให้รู้ ให้ดูความจริงทิ้งคืนเพื่อสู่เช้า ให้เราทิ้งเศร้าสู่สดใส

Solo : Em D C B7 Em D C D Em

โลกไม่มายา จะบ้าก็ในเมือง เรียกรุ่งเรืองก็คงจะไม่

โลกในความจริงคือสิ่งอยู่ในใจ นั่นแหละไซร้วัดความรุ่งเรือง

อีกเมฆา นภาตระหง่าน สายธารที่ผ่านเมือง สายลมนองเนืองสู่หุบเขา

Solo : Em D C D Em

เที่ยวตามใจปอง ท่องตามทางมี สุขอย่างนี้แล้วมีใดเท่า

มั่นในความจริง แต่หยิ่งในตัวเรา มีเพื่อนเป็นภูเขาแล้วกลัวอะไร

อีกทะเลทั้งเห่ทั้งกล่อม ทั้งยอมเป็นเพื่อนใจ ต้นไม้ทรายคลอง พี่น้องกัน

Solo : Em D (‘till fade)

๑๖๖

Em D G Em

D Em D G B7

C D/B7 C D G D C G

Em D G Em

D Em D G B7

C D/B7 C D G D C G

Em D C Em

D Em D G B7

C D/B7 C D/G D C G

Em D G Em

D Em D G B7

C D/B7 C D G D C G

Page 167: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คาราวาน คาราวาน

แสงแดดส่องยามเช้าในพนา อุ่นละมุนฤๅพฤกษานานาพันธุ์

มาเถิดพี่น้องผองเพื่อนชีวิต ตื่นเถิดมวลมิตรผู้ยังหลับใหล

จากเรา คาราวาน…คาราวาน ต้อยต่ำกองเกวียนคนทุกข์ในยุคจักรกล

สองขาดั้นด้นใต้โค้งฟ้าคราม กำเนิดในยามพระเจ้าหลับใหล

ภายใต้แสงไฟฟืนไม้ดง เราเคยลุ่มหลงกับคลาสสิคแบนด์

เมดอินแจแปนแอนด์ยูเอสเอ เวียนว่ายทะเลที่ลวงหลอกเรา

มันเหมือนรูปเงาลวงหลอกตา ขบวนคนทุกข์ได้ลุกขึ้นสู้

พ่อตู้แม่ตู้พี่น้องทั้งหลาย อย่าเพิ่งใจร้ายเข่นฆ่ากันเอง

ฟังสิเสียงเพลงจากเราคาราวาน

ปะกางเกงกะมอมกะแมม เรามานั่งแจมกีตาร์คีย์เอ

ใต้เรือนพัง ๆ ที่เอียงเท่เร่ ชีวิตโปเกมีแต่เกือกคู่กรรม

ห้วยแห้ง ๆ กุลาบ้านเฮา มีแต่พ่อเฒ่าใจเฝ้าคึดฮอด

แม้ฝนจะไม่แม้ไฟจะมอด เสียงเกวียนเอียดออดไม่ยอมแพ้พ่าย

เดินรอนแรมกันเรียงราย เราหญิงชายไปเรียนกัน

มาเราไปใจเดียวกัน กงล้อนั่นไม่หวนคืน

กุลา กุลา กุลา ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย

น้ำตาที่ตกราย คือเลือดหลั่งลงโลมดิน

แสงแดดส่อง ยามเช้าในพนา อุ่นละมุนพฤกษานานาพรรณ

มาเถิดพี่น้องผองเพื่อนชีวิต ตื่นเถิดมวลมิตรผู้ยังหลับใหล

(จากเรา...คาราวาน...คาราวาน...คาราวาน)

๑๖๗

Dm Bm Dm Bb C A7

Dm F Am

Dm C Dm

Bb

Gm C Dm

Am Dm Bb Dm

Gm C Dm

Bb Dm

Gm C Dm

Dm

Gm C Dm

Gm Am Gm Dm

Page 168: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๑๖๘

Page 169: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แมลงสาบกับนกในกรงทอง เอี้ยว ณ ปานนั้น

Intro : G C G D G D

* เป็นกาจั๊วดีกว่าเป็นนกฟ้าในกรงทอง ได้มองท้องน้ำฟ้าใส

ไว้ใจในปีก กระจ้อก กระจอก

ว่าไงเจ้านกประดับฟ้า ไหงมาเลือกประทับในลูกกรง

ปีกแกก็แข็งแรงและมั่นคง ไม่โบกโบยชมฟ้าหรือนกเจ้า

ข้ากาจั๊วบินได้เพดานต่ำ จะศึกษาฟ้างามก็ฉาบฉวย

ซี่กรงสวยแต่มันก็เฮงซวย สวย ๆ ไม่มีเสรีภาพ (ซ้ำ *)

นกอย่างข้าอยู่ไปใช่สบาย ต้องขวนขวายเบียดเสียดเพื่อความสุข

สังคมข้าก็รู้มันอมทุกข์ แต่นี่ยุคเอาตัวรอดขอทางหน่อย

จะคิดอะไรให้มากความ อีกไม่นานถ้าชินชาก็อยู่ได้

เขาให้มาเราก็รับเดี๋ยวก็ตาย ศักดิ์ศรีกินไม่ได้เก็บไว้ก่อน

C/G/D/G/2 times/D (ซ้ำ *)

Em/C/D/G/ 2 times

** มีปีกขยับหลีกหนีฟ้า ขุนเขายังโอบรับตะวันรอน

ข้ามีชีวิตพเนจร ดีกว่ายอมถูกต้อนเข้ากรง

ข้ามีชีวิตพเนจร ดีกว่ายอมถูกต้อนเข้ากรง

ดีกว่ายอมถูกต้อนเข้ากรง

G C G C D Em

C D G C D G

G C G C D G

C D G D D7 G

G C G C D G

C D G D G D

G C G C D G

C D Em D D7 G

G C G C D G

C D G D D7 G

G C D G

C G Am D G

C G Am D G

Am D G

๑๖๙

Page 170: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดอกไม้พลาสติก

เวลาดูดอกไม้ปลอม ๆ บางดอกดูสวยเกินกว่าใคร

ดู ๆ ไปมันไร้คุณค่าเพราะว่าเป็นพลาสติก

ถึงแต่งเติมสีเข้าไป ไม่จับใจเหมือนของจริง

เวลาดูผู้หญิงบางคนที่แต่งเติมสวยเพียงอย่างเดียว

ใครๆเจอก็เหลียวมองเธอเพราะหน้าตาและรูปกาย

อาจสวยจริง แต่เสียดาย ที่หัวใจไม่สวยเลย

* หลาย ๆ คนไม่รู้ไม่เคยลองคิด แท้ ๆ เธอก็เหมือนไม่มีชีวิต

คิด ๆ ดูจะเห็นเธอเป็นเพียง ดอกไม้พลาสติก ถึงสวยก็ทำด้วยพลาสติก

ฮืม…พลาสติก จึงเป็นเพียงสิ่งปลอม ๆ

ดอกไม้พลาสติก ถึงสวยก็ทำด้วยพลาสติก

** ของแท้ดูกี่ครั้งก็ดูดีนะ ของแท้มีชีวิตชีวาดีนะ ของแท้แม้ไม่สวยก็ดูดี

แต่ดอกไม้พลาสติก ถึงสวยก็ทำด้วยพลาสติก ฮืม…พลาสติก จึงเป็นเพียงสิ่งปลอมๆ

ดูดูไปเธอนั้นก็มีเพียงแต่ความสวยที่แต่งเติม เป็นคนเดิมคนที่ไม่เคยมีจิตใจให้ใครๆ

อาจจะสวยจริงแต่เสียดายที่หัวใจไม่สวยเลย

(ซ้ำ*,**)

จึงเป็นเพียงดอกไม้ปลอม ฮัม…พลาสติก

เนื้อร้อง เรวัต พุทธินันทน์

ทำนองเรียบเรียง อัสนี โชติกุล

๑๗๐

A Bm D A E7

A Bm D A

Bm A Bm A E7

A Bm D A E7

A Bm D A

Bm A Bm E7

A Bm A Bm

A Bm D C#m Bm D C#m Bm

D C#m Bm D C#m E7

A Bm A Bm A Bm

D C#m Bm D C#m Bm D C#m Bm D C#m E7

A Bm D A E7 A Bm D A

Bm A Bm E7

D C#m A

Page 171: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ยิ่งสูงยิ่งหนาว เนื้อร้องเรวัต พุทธินันทน์

ทำนองเรียบเรียง อัสนี โชติกุล

ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา หมอกจางตา ฟ้าร่วมกันท้าทาย

ขุนเขายิ่งใหญ่ ทางเดินห่างลับไกล บุกเดินไปไม่เคยหวั่น

* เขาสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่าน เหล่าภัยพาลคืบคลานเป็นเงา

ยิ่งสูงยิ่งหนาวยอดเขายังห่าง อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่นความหนาว

ดนตรี G Bm C Em Dm

(ซ้ำ*)

เปรียบคนเราเหมือนดังขึ้นภูเขา ฝ่าไปเอาหมายตัวเราก้าวไกล

สูงๆขึ้นไปใครจะอยู่ข้างเรา กิเลสยุเย้าให้ปีนป่าย

ไร้มิตรแท้ถึงแม้ยิ่งใหญ่ ใหญ่เกินไปไม่มีใครเอา

ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งเหงายิ่งห่าง อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่นความหนาว

๑๗๑

G Bm Em Bm G Bm Em

C Bm C Bm G Bm C D7

Em Am G

Em Am G C

G Bm Em Bm G Bm Em

C Bm C Bm G C

Em Am G

Em Am G C

Page 172: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เจ้าสาวที่กลัวฝน เรวัต พุทธินันทน์

เหตุอันใด พอความรักเธอเริ่มต้น ชายทุกคน หลีกไกล

เหตุอันใด เธอเคยคิดดูหรือไม่ ใครล้อมกรอบตัวเอง

ตั้งข้อแม้รัก เสียมากมาย จะมีชายใดเป็นได้ดัง

เช่นกฎเกณฑ์ เธอวาง ไว้ใครบ้าง จะมีทางเป็นชายของเธอ

เธอเห็นใคร ไยถึงต้องหลอกตัวเอง

ใจเธอเอง คิดกลัวทุกอย่าง บางครั้งเธอเต็มใจ แต่กลัว

เปรียบเธอเป็น คนกลัว ฝนที่เย็นฉ่ำ กลัวฝนทำ เธอเปียกปอนไป

* หากเธอคิด พบรัก ที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเอง มืดมน

อย่ากลัว ฝน เพราะฝน นั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม

ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน

** ท้องฟ้าใสยามฝนซา เปียกปอนกันมา กลับแห้งไป

ความรักนั้น ต้องมั่นใจ ฝากใจให้รักชักนำ ( ซ้ำ * , ** )

*** หากเธอคิด พบรัก ที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเอง มืดมน

อย่ากลัวฝน เพราะฝน นั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม

( ซ้ำ *** )

E F#m A B7

E F#m A B7 E

C#m G#m C#m G#m

C#m G#m C#m F#7

A B7

E F#m A B7

E F#m A B7 E

C#m G#m C#m G#m

C#m G#m C#m F#7

A B7

E F#m A B7

E F#m A C B7

C#m G#m C#m G#m

C#m G#m C#m F#7

๑๗๒

Page 173: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เติมกาแฟขมเข้มให้เต็มแก้ว

ฝั่งนี้สุดท้ายแล้วและเราจะล่ม

เรือแห่งความเสแสร้งให้แกล้งจม

คลื่นเวลาคารมทั้งมวลไว้

อีกช้อนหนึ่งครีมนั้น เพื่อฉันสหาย

อีกสองช้อนน้ำตาลทราย น้ำตาใส

โลกบางทีบางนาทีนี้ขมไป

และสีดำบางแก้วใด ไยดำนัก

ฉันเติมครีมแก้วฉัน อย่างนั้นเสมอ

ใช่เผยธาตุใดเผลอให้เธอตระหนัก

หากริมฝั่งมิตรภาพนั้นอาบรัก

เพียงไปถึงเราจะทักกับภาพแท้

อีกแก้วหนึ่งกาแฟแด่เธอสหาย

มิปรารถนาน้ำตาลทรายก็แล้วแต่

โน่น, ปีกขาวนางนวลเธอควรแล

มา, เราจิบกาแฟให้แก่ฟ้า

โคลงอยู่เหนือคลื่นลมคารมโลก

มิตรภาพดั่งโชคให้แสวงหา

ขื่นหวานขอด ขมน้ำใจ-ใสน้ำตา

ตัดสินก่อนกาลเวลาตัดสินใจ

รินแก้วนี้ชาเปล่า เพื่อเรา, สหาย

เตรียมขึ้นฝั่งสุดท้ายคลายหวั่นไหว

ทิ้งจริตผิดแปลก ก่อนแยกย้ายไป

แก้วสุดท้ายเชิญจิบได้ ก่อนจมเรือ

พจนาถ พจนาพิทักษ์

๑๗๓

Page 174: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กาแฟ เฉลียง

ตื่นนอนตอนเช้าฉันชงกาแฟ เพื่อดื่ม

แต่บางครั้งลืมไม่มีน้ำตาล เปรียบกับชีวิตบางครั้งคงทรมาน

ฉันลืมน้ำตาลผสม

อยากให้รสดีเข้าทีต้องมีนมสด เพิ่มเติมปรุงรส

เพื่อความหอมมัน ใส่แก้วใบสวยที่เธอให้เป็นของขวัญ

ทดลองปรุงปันจนฉันพบสูตร

สูตรชีวิตฉันต้องเติมด้วยความฝันใฝ่ ใส่กำลังใจ เคี่ยวไฟนานๆ

เพิ่มอารมณ์ขันให้มันเหมือนนมข้นหวาน

ควบคุมน้ำตาล ถ้าหวานจะทานไม่หมด

อย่าเดินตามฉัน ถ้าความฝันเธอแตกต่าง

ให้เธอเลือกทาง ตามเสียงเรียกของใจ

ขอบคุณความรัก ชักนำให้ฉันมั่นใจ

บนโลกกว้างไกลขอบใจที่ฝันยังอยู่

อาจไม่ใช่ตะวัน ส่องนำเส้นทางให้เธอ แต่จะคอยเคียงข้างเสมอ

ขอเป็นแค่แสงนวลจันทร์ ลอยอยู่บนฟ้า ทุกคราที่เธอใฝ่ฝัน

ให้เธอมองฉันเหมือนจันทร์ กระพริบเคียงข้างใจเธอ

ลอยอยู่บนฟ้า ทุกคราที่เธอใฝ่ฝัน

ให้เธอมองฉันเหมือนจันทร์ กระพริบเคียงข้างใจเธอ

๑๗๔

C G C

F G F Fm Am

Dm G

C F C F

G F Fm Am

Dm G C C F C C

C F C F G

F Fm Am

Dm G C

C F C

F G

F Fm Am

Dm G C C7

F G G Am F Fm

Em F Fm Em Am

Am Dm G C C7

F E Am

Am Dm G C G C

Page 175: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ต้นชบากับคนตาบอด เฉลียง

Intro : C/Cmaj7/C6/C (2 times)

ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ จับดวงใจแม้ใครบังเอิญได้เดินมองมา

อาจจะพบเห็นเห็นด้วยตา ต้นชบาขึ้นในโรงเรียนสอนคนตาบอด

ไม่อาจชมดอกชบา ด้วยดวงตาสองตามีกรรมโลกจึงมืดมน

ไม่อาจพบเห็นเหมือนบางคน ว่าดอกผลนั้นมีสีสันรูปทรงอย่างไร

*บอดก็เพียงสายตาเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม

อาจจะรับรู้ไปตาม สูดกลิ่นงามฟังเสียงวิไลร่มไม้บังเงา

ต่างก็เพียงผู้จะชม สิ่งจะชมสำคัญในมันนั้นคืออันใด

เหตุกับผลนั้นหรือว่าใจ ต้นชบาก็มีความหมายไปตามคนมอง

ดนตรี C/Cmaj7/C6/C C/Cmaj7/C6/C7 (ซ้ำ * )

สิ่งที่งามอยู่กับใจ บอดที่ใจ เห็นไปอย่างไรไม่มีวันงาม

โลกจะสวยนั้นสวยไปตาม จิตที่งามมองโลกสดใสไปในทางดี

ดนตรี C/Cmaj7/C6/C

๑๗๕

C Cmaj7 C7 C6 Dm7

G7 G G7 G C

C Cmaj7 C7 C8 Dm7

G7 G G7 G C C7

F Cdim7 F Fm C

Cmaj7 Am Fm Dm7 G7

C Cmaj7 C7 C6 Dm7

G7 G G7 G C

C Cmaj7 C7 C6 Dm7

G7 G G7 G C

Page 176: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นายแพทย์สนุกสนาน เฉลียง

Intro : F/Am7/Dm7/C7 (2 times)

* ไม่มีผู้ใดไหนเลยไม่เคยป่วย จะร่ำจะรวยแข็งแรงสักปานใด

จะดีจะเลวเหลือทน จะยากจะจนเข็ญใจ ใหญ่มาจากใด ไม่มีพ้น สักคนเลย

** ปวดฟันเจ็บมือหายใจไม่เคยโปร่ง โก่งคอก็ไอ หูตาจะฝ้าฟาง

จะเปลี่ยนทอนซิลย้ายไต จะผ่าหัวใจให้แสนบาง โปรดจง โปรดวางไว้ใจในงานเรา

ดนตรี : F/Am7/Dm7/C7/F/D7/Gm7/C6

เชิญสิครับ... เชิญสิครับ...รับบริการโรงพยาบาล นายแพทย์สนุกสนาน..

ดนตรี F/Am7/Dm7/C7 (2 ครั้ง) F/D7/Gm7/C6/F/Am7/Dm7/C7 (ซ้ำ*/**)

อโรคยา ปรมา ลาภา...

๑๗๖

F Am7 Dm7 C7 F D7 Gm7

C7 F Am7 Dm7 C7 Gm7 C7 F/C6

F Am7 Dm7 C7 F D7 Gm7

C7 F Am7 Dm7 C7 Gm7 C7 F

F Bb D7 Eb/C7 F(F/C6)

C7 F

Page 177: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เอกเขนก

ฟ้า ฟ้าชวนหมู่ดาว บอกกับเดือนแล้วเตือนตะวัน

เหนื่อยไหมฟ้าเป็นห่วงจันทร์ ถ้าเหนื่อยกันพักลงคงดี

** ทำสบายสบาย ทำหัวใจเอกเขนก บ้านเราเมืองเราป่าเราฟ้าเรา

ทำสบายสบาย อย่าทำหัวใจเกกมะเหรก บ้านใครเมืองใครไม่รู้

รถ รถชวนถนน บอกเครื่องยนต์ และชวนไฟแดง

เหนื่อยนักพักการแสดง หยุดปาดหยุดแซง เสียงเบาควันบาง (ซ้ำ**)

ดนตรี : G/Am/D7/G

แขน แขนชวนเปลือกตา บอกเข่าบอกขาแล้วชวนสะดือ

อ่อนล้าไม่เพลียบ้างหรือ ฝากบอกมือพักกันเป็นไร (ซ้ำ**)

ดนตรี : G/Am/G/Am/G (ซ้ำ **)

ร้อง ร้องชวนผู้คน หยุดสับสนแล้วชวนตัวเอง

ปล่อยไว้แค่เพียงบทเพลง ช่วยกล่อมบรรเลงโลกนอนสบาย

เฉลียง

๑๗๗

G Am D7 G

Am D7 G

C Bm Am G G

C Bm A7 D7

G Am D7 G

Am D7 G

G Am D7 G

Am D7 G

G Am D7 G

Am D7 G

Page 178: Saleung Entire Book 2009

สลึง

รู้สึกสบายดี เฉลียง

Into : C/G7

ร้องเถิดร้องเพลง ถ้าอยากจะร้องจงร้องไป

ร้องเถิดร้องไห้ ถ้าได้ร้องแล้วลืมมัน

เผลอไปรักใคร เขาไม่รักไม่ยักมัน

แล้วก็แล้วกัน บอกว่าตัวฉันสบายดี

เศร้าเสียใจสนุกตรงไหนเสียน้ำตา ใช้เวลาเศร้าน้อยๆ ก็คงดี

ฟ้าก็แสนไกลจ้องตรงไหนก็โสภี ดูซิดูซี...ว่าโลกใบนี้ช่างดีจัง

* ผู้คนมากมายก่ายกองจ้องมองตั้งใจจะมองหา

รอถึงเวลาจะไขว่จะคว้าทำความดี แต่ใครเล่าใครจะไปตั้งใจอะไรจะมาชี้

คนเรียกคนดีติดที่เขาเอาใจใคร

ฟ้าสีครามเมฆปุยขาวมีสองปุย สวยทั้งสองปุยอยู่ที่เขาที่เราคุย

ฟ้าที่แสนงามแขวนเมฆขาวเป็นร้อยปุย ปุยทุกปุยปุยจะสดสวยเพราะเราดู

ถนนสีเทาเขม่าควันพิษก็สีเทา หิวก็หาเอาป่วยตัวร้อนก็นอนไว

เหงาก็พบคนโลกสับสนมีเยอะไป เพลียก็ตรงไปเก็บโลกสดใสไว้บนเตียง

ดนตรี C/DmG7/DmG7/DmG7/C/C/G7/C/G7

(*) ร้องเถิดร้องเพลง ถ้าอยากจะร้องจงร้องไป

๑๗๘

C

Dm G7

Dm G7 G7

Dm G C G+

C Dm G7

Dm G7 Dm G7 Dm G7 C

C7

F C A7

Dm Bb G+ Am

C Dm G7

Dm G7 Dm G7 Dm G7 C G+

C Dm G7

Dm G7 Dm G7 Dm G7 Em Dm C

Page 179: Saleung Entire Book 2009

สลึงเก็บฟ้าใสใส เอาไว้ให้เมฆสวยสวย

เก็บเมฆสวยสวย เอาไว้ให้เด็กเด็กปั้นฝัน

เก็บทะเลใสใส เอาไว้ให้คลื่นขาวขาว

เก็บคลื่นขาวขาว เอาไว้ให้เด็กเด็กลอยคอ

เก็บป่าเขียวเขียว เอาไว้ให้ต้นไม้สูงสูง

เก็บต้นไม้สูงสูง เอาไว้ให้เด็กเด็กป่ายปีน

เก็บเด็กใสใส เอาไว้ให้โลกกลมกลม

เก็บโลกกลมกลม เอาไว้ให้ผมกับคุณ

เก็บผมกับคุณ เอาไว้ให้บ้านอบอุ่นเล็กเล็ก

เก็บบ้านอบอุ่นเล็กเล็ก เอาไว้สร้างเด็กเด็กของเรา

กุดจี่

๑๗๙

Page 180: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทุ่งแสงตะวัน ศุ บุญเลี้ยง

เรานัดกัน เจอะเจอกัน ไปด้วยกัน ตามหาความฝันอันรื่นรมย์(ไปเลยไป......)

แอบบินตามนกบิน แอบปลอมเป็นก้อนหิน แปลงร่างเป็นแมลงจั๊กกะจั่น

ถ้าอยากจะปีนก็ปีน แต่เราต้องมีพลัง ต้องเสริมกำลังด้วยการร้องเพลง

เด็กซนจนเทวดาบนฟ้ายังกลุ้มใจ ส่องดาวประกายสดใส ไว้ในใจเด็ก

หากหัวใจยังงาม ตราบฟ้าครามยังดี เรามี......ทุ่งแสงตะวัน

ค่ำคืนผลิดาว เช้ามีตะวัน ตราบใดโลกมีคนหว่านฝัน

ดาวสดใสเด็กสวยงาม

A D A E

A D E A

A D E A

D E A D E A

D E A

D E D E

E A

เอ้อ ผึ้งน้อย

ก่อนเราจะนอนเราจะนึกให้ดี ว่าเรามีสิ่งใดลืมกัน

ตื่นจากบนเตียงเราจะหวนคิดพลัน ว่าลืมแปรงฟันกัน...หรือไม่

ก่อนเจรจาเราจะนึกคิดเอา ว่าฟันเราแปรงแล้วหรือไร

อยากจะคะนองเราจะร้องเพลงไป อายเขาตายถ้าไม่แปรงฟันก่อน

G D

G D G

G D

G D C G

ดูดาว ทุ่งแสงตะวัน

หากดาวดวงใดไม่ทอแสง โปรดรับรู้เด็กๆยังเฝ้ารอ

เฝ้ามองดวงดาวสุกสดใส ส่งใจปล่อยลอยไปหาดาว

เมื่อรวมกันย่อมเป็นเรื่องราว เป็นตำนานกลุ่มดาวที่เล่าต่อ

ถ้าเป็นดาวเธอจะลอยอยู่หนใด คอยส่องแสงสดใสในค่ำคืน

หากดาวดวงใดร่วงจากฟ้า ร่วงลงหล่นมาอย่าเสียใจ

เด็กน้อยคือดวงดาวสุกสดใส ในดวงใจทุกดวงมีดวงดาว

C Em Edim Dm G

C Em Dm G

Am Em Dm G

Am Em Dm G C

C Em Dm G

C Em Dm G

๑๘๐

Page 181: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ลูกหมูใส่รองเท้า สองวัย

ในเช้าแจ่มใสวันหนึ่งซึ่งเป็นวันน้ำนอง

ลูกหมูก็อยากจะลองอยากจะลองเล่นโคลน

แต่แล้วก็ต้องคันเท้าพยาธิไชเข้าเท้ามัน

ลูกหมูคิดได้โดยพลันต้องป้องกันทันที

จึงทำรองเท้าด้วยไม้ใช้เชือกเป็นสายชั้นดี

เร็ว ๆ มาช่วยกันซีจะได้ของดีเสียงดัง

ก่อบ...กิ๊บ...ก่อบ... ก่อบ...กิ๊บ...ก่อบ...

ก่อบ...กิ๊บ...ก่อบ...กิ๊บ...ก่อบ...กิ๊บ...ก่อบ...

กิ๊บ...ก่อบ

* ฟัง...ฟังเสียงฉันเดินสิ

ฟัง...ฟังเสียงฉันเดิน

ฟัง...ฟังเสียงฉันเดินสิ... ก่อบ...ก่อบ...ก่อบ.

(ซ้ำ*) (ซ้ำทั้งหมด)

เจ้าผีเสื้อ สองวัย

โอ้โอเจ้าผีเสื้อเอย

ก่อนเคยถลาเล่นลม

แทรกแซมแกมพรรณไม้ให้ชวนชม

หนอลมพาเจ้าไปแห่งใด

(หนอลมพาเจ้าไปแห่งใด)

ใครเล่าใจร้ายบึ้งตึง

เด็ดดึงฉีกทึ้งปีกงาม

(เด็ดดึงฉีกทึ้งปีกงาม)

ข้าอยากจะถาม

ใครนะทำเจ้าเอย

(ข้าอยากจะถามใครนะทำเจ้าเอย)

(ซ้ำทั้งหมดสองครั้ง)

กระแตตื่นเช้า ดูเจ้ากระแตน้อย เต้นวอย ๆ ว่องไว ช่างแจ่มใสร่าเริงเสียจริง

จับกิ่งโน้นก็มากิ่งนี้ จับกิ่งนี้ก็ไปกิ่งนั้น โลดกระชั้นไปมาตามเสียงเพลง

ตื่น ๆ ตื่นเช้า ๆ ไม่ซึมเซาเศร้าใจ ไม่หลับใหลล่วงเลยสักครา

กระแตน้อย เจ้ากระแตน้อย เต้นวอย ๆ ออกกำลัง ฟังซิฟัง ฟัง ฟัง ฟังเสียงมัน

1..2..1..2..1..2..3..4

ออกกำลังกาย โยกย้ายไปมา มาฉันจะพาเต้นไปด้วยกัน

(ซ้ำทั้งหมด)

สองวัย

๑๘๑

C

F C G7 C

C

F G7 C

C

F C G7 C

C (F)

F C

F C

F C C

Dm A7

Dm

Gm Dm

A7 Dm

A7 Dm

A7 Dm

Gm Dm

Gm Dm

A7

Dm

A7 Dm

C Am G C

C Am G C

C Am G C

C Am G C

C Am G C

Page 182: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ปลูกดอกไม้ สองวัย

เมื่อยามเช้า แสงเงินแสงทองเริ่มส่องขอบฟ้า

สาลิกาบินมา บินมา ร้องเพลงกังวาน มวลบุปผาแย้มกลีบร่ายรำเบิกบาน

ต่างขับขาน ขับขาน ร้องเพลงอวยชัยให้กัน บึม ๆ ๆ ๆ ๆ

วันนี้เป็นวันจันทร์ ฉันจะปลูกทานตะวันไว้รอบ ๆ บ้าน

พรุ่งนี้วันอังคาร บานไม่รู้โรย ฉันจะโปรยริมรั้ว

ต่อมาก็วันพุธ ฉันจะปลูกสายหยุดตรงท้ายครัว

พฤหัสแน่นขนัดไปทั่ว มองดูรอบตัวเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ บึม ๆ ๆ ๆ ๆ

พอถึงวันศุกร์ ฉันก็ลุกขึ้นมาเมียงมอง

หัวใจฉันคับพอง ฉันมองต้นไม้ด้วยใจเบิกบาน

วันเสาร์ตอนบ่าย ๆ ต้นไม้พันธุ์ไม้ก็แลละลาน

ดอกไม้ก็เริ่มเบ่งบาน แสนสุขสำราญกับวันอาทิตย์

บึม ๆ ๆ ๆ ๆ ลา ลา ลา ลา

สองวัยแมลงปอปีกใส ตรงที่ริมธารน้ำไหล ลมพัดไหว ๆ เย็นใจ

ลมเอยลมพัดพาไป ต้นไม้แกว่งไกวไปมา

ตรงที่ริมธารน้ำไหล พันธุ์พืชไสวดอกใบแซมปน

แมลงปอปีกใสบินวน ทุกแห่งทุกหน เจ้าบินไปอย่างเสรี

แล้ววันหนื่งก็มาถึง วันที่ซึ่งลำธารน้ำขุ่นข้น

ไร้ดอกไม้ใบหญ้ามาแซมปน แมลงปอไม่บินวนไปมา

ทุกสิ่งนั้นดูเปลี่ยนไป ธรรมชาติถูกใครทำปี้ป่น

แมลงปอปีกใสบินวน ไปแห่งไปหนไหนเล่านา

ตรงที่ริมธารน้ำไหล ลมไม่พัดไหว ๆ เย็นใจ

สงสารแมลงปอปีกใส จะบินไปไหนกันเล่าเอย

๑๘๒

C

C G7 F C

G7 C

C G7

C

C F C

G7 C

C G7

C

C7 F C

G7 C

C/G7/C/F/C/G7/C

Page 183: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สะพานสายรุ้งIntro : Am F E E7

ขอบฟ้าทิ้งโค้งไกล ๆ สีสวยสดใส ทาบทา

เจ็ดสีรายเรียงเคียงไป เส้นโค้งเส้นใหญ่ ทาบมา

เมื่อยามตะวันรอน ๆ แสงแดดซอกซอน เมฆบน

ถูกฝนละอองปลิวว่อน โอนอ่อนสวยนวล ชวนยล

ม่วงคราม น้ำเงินชวนมอง เขียวเหลืองเรืองรอง แสดแดง

ทอดโค้ง โยงฟากฟ้าทอง อ้อมโอบประคอง โลกไว้ภายใน

ให้สายรุ้งนั้นคือสะพาน ข้ามลำธาร ผ่านภูผา

ผ่านเมืองแมน แดนศิวิไลซ์ ผ่านป่าดงพงไพรพนา

ข้ามมหาสมุทร ไกลสุดตา

ทอดต่อโยง ทั่วทุกแดน เชื่อมทุกแคว้น ให้ถึงกัน

ก้าวข้ามเดินไปบนสะพาน มือประสานกระชับมั่น

ไม่กีดกัน แบ่งผิวพรรณ

ไม้ไผ่ร้องเพลง สองวัย

* อ่อ อี๋ ออ ๆ ๆ ๆ ได้ยินไหมไม้ไผ่ร้องเพลง

ร้องบรรเลงเสียงเพลงความสุข เพลงสนุกดัง อ่อ อี๋ ออ

อ่อ อี๋ ออ ๆ ๆ ๆ ทำไมหนาไม้ไผ่ร้องเพลง

ร้องบรรเลงเสียงเพลงความสุข ไม่เคยทุกข์ร้อง อื่อ อื๊อ อื่อ

อ่อ อี๊ ออ ๆ ๆ ๆ ชีวิตฉันนั้นมีประโยชน์

ฉันมีโทษก็เพียงนิดเดียว ฉันภูมิใจร้อง อ่อ อี๊ ออ

อ่อ อี๊ ออ ๆ ๆ ๆ ( ดนตรี ) อ่อ อี๊ ออ ๆ ๆ ๆ ( ซ้ำ ) ลา… ลา……

สองวัย๑๘๓

Am E F E

Am E F E

Am E F E

Am E F Am

Dm Bb E

F G E Am F E

Am G F E

Am G F E

F E

Am G F E

Am G F E

F E Am F E Am

D G

D A7 D

D G

D A7 D

D G

D A7 D

Page 184: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นายพลน้อย ผึ้งน้อย

อยากบอกคุณ สักนิดสักหน่อย เรื่องนายพลน้อยเที่ยวเดินทาง

ไกลค้นคว้าสิ่งใหม่นานา เจอะกับคนปะปนคลุกคลีทำให้มี

ความรู้แกมเศร้า ว่าพวกเขาล้วนแสนยากจน เจอชาวบ้าน

ภารโรงชาวนา ไปไหนมาทักทายกันใหญ่ เจอะกุลีเข้าใจ

เป็นอย่างไรบ้าง...สวัสดี (สร้อย)

เจอชาวไร่ ชาวเขา ชาวดอย เขาก็คอยเลี้ยงดูปูเสื่อ

เจอะคนดำ ทำนาเกลือ เกลือที่มีแบ่งนายพลไป (สร้อย)

เจอโชเฟอร์ ชาวสลัม เป็นพรวน ชักเชิญชวนให้กินข้าวก่อน

เจอะกับคน ปอนปอน นอนปะปนกับคนเดินดิน (สร้อย)

นกแล นกแล

นกแลก็คือนกแก้ว เสียงแจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา

แต่เจ๊ากิ๋นข้าวแล้วกา ไปไหนกันมาบินถลาลอยลม

เช้าเย็นเมื่อได้เห็นหน้า นกแลจ๋า ข้าหวังเชยชม

ปากแดงแกมเหลืองส้ม ตัวเขียวปนกมน่าชมนกแล

ชอบเกาะบนกิ่งไม้ไหว กิ๋นบะหน่วยในผักแคปแดงแจ๋

กล้วยใต้กับใบผักแค ลำแต้ ๆ เป็นดีถูกใจ

นกแลก็คือนกแก้ว เสียงแจ้ว ๆ บินมาเร็วไว

ค่ำแล้วบ่ดีไปไกล๋ ระวังงูไซกิ๋นตับไตนกแล

G C

C G D7 G

Em C D7 G G

A

D7

G

A D7

G

A D7

E C#m E B7

E C#m F#m B7 E

E C#m E B7

F#m B7 C#m F#m B7 E

C#m F#m B7 E

C#m B7 E F#m B7

E C#m E B7

E C#m F#m B7 E

E C#m F#m B7 E C#m F#m B7 E

๑๘๔

Page 185: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เด็กดั่งดวงดาว ศุ บุญเลี้ยง

Intro : C Am Dm G F C Dm G C

เมื่อดาวหนึ่งดวง ร่วงลงจากฟ้า

จะมีดวงตา เกิดขึ้นมาบนโลกนี้แทน

เป็นเด็กผู้หญิง เป็นเด็กผู้ชาย

ส่องแววประกาย เด็กมีความหมายเช่นดาว

* พวกเราจะโต ไม่นานหรอกหนา

เราจะอาสา เติบโตมาดูแลโลกแทน

ปกป้องป่าไม้ ภูเขาแม่น้ำ

ไม่มีสงคราม หากทำตามความฝันของเด็ก (พวกเรา)

ยังมีพรุ่งนี้ ย่อมมีความหวัง

เด็กคือพลัง เป็นความหวังแห่งวัน

อย่าทำลายฝัน อย่าปิดกั้นไฟ

เด็กมีหัวใจ ผู้ใหญ่ช่วยระวัง

(ซ้ำ *)

๑๘๕

C Am

Dm G C/C7

F C

Dm G C

C Am

Dm G C

F C

Dm G C/C7

F C

Dm G C/C7

F C

Dm G C

Page 186: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นิทานหิ่งห้อย ศุ บุญเลี้ยง

เด็กน้อยได้ยินเรื่องราวกล่าวขานมานาน

ว่าใครได้จับหิ่งห้อยมาเก็บเอาไว้ใต้หมอน

นอนคืนนั้นจะฝันดี จะฝันเห็นดวงดาวมากมาย

ฝันเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง ฝันแสนสวยงาม

เด็กน้อยนั่งตักคุณยายไต่ถามความจริง

ยายยิ้มกินหมากหนึ่งคำไม่ตอบอะไรส่ายหัว

ใจเด็กน้อยอยากเห็นจริง อยากเห็นดวงดาวมากมาย

อยากเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง อยากฝันสวยงาม

หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน

สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู

เด็กน้อยแอบออกมาไล่คว้าแสงน้อยมาดู

ใส่ไว้ในกล่องงามหรู ซ่อนไว้ใต้หมอนแล้วนอนคอยฝันดี

ตื่นเช้าพอได้ลืมตามองเห็นคุณยาย

มาแกล้งถามว่าเจอะอะไร สนุกแค่ไหนที่ฝัน

ใจเด็กน้อยจึงทบทวน ไม่ฝันเห็นอะไรมากมาย

รีบค้นเร็วไวใต้หมอนเปิดฝานั้นดู

หิ่งห้อยในกล่องตอนนี้เหมือนหนอนตัวหนึ่ง

ไม่สวยดังซึ่งตอนอยู่ใต้ต้นลำพูส่องแสง

ยายจึงยิ้มและสอนตามจะมองเห็นความงามที่จริง

อย่าขังความจริงไม่เห็น อย่าขังความงาม

๑๘๖

C Edim Dm G

C Em Edim F

F#dim C Dm G

C G C

C Edim Dm G

C Em Edim F

F#dim C Dm G

C G C C7

F F#dim Em A7

Dm G C C7

F F#dim Em A7

Dm D7 G

C Edim Dm G

C Em Edim F

F#dim C Dm G

C G C C7

C Edim Dm G

C Em Edim F

F#dim C Dm G

C G C

Page 187: Saleung Entire Book 2009

สลึงขอ ศุ บุญเลี้ยง

* ไม่ได้ขอจากดวงจันทร์ ไม่ได้ขอแก้วแหวนเงินทอง

แต่ขอร้องไปยังผู้ใหญ่ทุกคน

ขอที่กว้างให้เด็กๆซุกซน ขอต้นไม้และสายน้ำที่รินไหล

ขออากาศให้เด็ก ๆ หายใจ ขอโลกหนึ่งใบให้เราอาศัยรวมกัน

ขอบทเพลงที่บรรเลงเพื่อเด็ก ให้ปากเล็ก ๆ ได้ร้อง ๆ เพลงร่วมกัน

ให้มือน้อย ๆ วาดระบายสีสัน ขอสิ่งเหล่านั้นฉันขอมากไปหรือเปล่า

ขอโลกหนึ่งใบฉันขอมากไปหรือเปล่า ขอโลกหนึ่งใบให้เราอาศัยรวมกัน

ขอสิ่งเหล่านั้นฉันขอมากไปหรือเปล่า

(ซ้ำ *)

หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน

สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู

เด็กน้อยถือกล่องออกมา เปิดฝาแล้วแง้มมองดู

หนอนน้อยในกล่องงามหรู ก็เปล่งแสงสดใสบินไปรวมกัน

เด็กน้อยนอนหลับสบายอมยิ้มละไม

ใต้หมอนไม่มีกล่องอะไรไม่มีสิ่งใด ๆ ถูกขัง

นอนคืนนั้นจึงฝันดี ฝันเห็นดวงดาวมากมาย

ฝันเห็นเจ้าชายเจ้าหญิงฝันแสนสวยงาม

ลัล ลา ลา ลา ๑๘๗

F F#dim Em A7

Dm G C C7

F F#dim Em A7

Dm D7 G

C Edim Dm G

C Em Edim F

F#dim C Dm G

C G C

G Am

D Bm D G

G Em C G G Bm Am D

C D G Em Am D G

G Em C G G Bm Am D

G Bm Em Am D G

Am D G Am D G

Am D G

Page 188: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ม่อนแสงดาว

ม่อนแสงดาว ม่อนแห่งความหวัง

ม่อนที่เรานั้นสานสัมพันธ์ ร่วมกันสร้างฝันสีทอง

ฝันแห่งความหวัง มีพลังสดใสเรืองรอง

จากบ้านจากพี่จากน้อง มาเป็นลูกม่อนแสงดาว

จากมาไกล ตั้งใจเรียนรู้

ให้พ่อแม่ดู ว่าลูกนั้นเป็นคนดี

คุณครูท่านสอน ให้ลูกนั้นมีศักดิ์ศรี

ลูกสาวของแม่คนนี้ คือคนที่ครูภูมิใจ

โอนี่คือดอยม่อนแสงดาว สดใสสกาวพร่างพราวในคืนมืดมน

แสงดาวคืนนี้ช่วยชี้ให้ใครสักคน มาช่วยคนจนร่วมหนทางบนม่อนแสงดาว

๑๘๘

C G Am

G C G C

Am G Dm

G C G C

Am G C

G Am G C

C Dm

G C G C

Dm G C Dm G C

F G Am Dm G C

Page 189: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เพาะรัก โฮป

บ้านที่สร้างด้วยไม้ กับใบจาก คือบ้านของฉัน

อยู่กับสวนกับดอกไม้บาน สีสันสดใส

พ่อแม่ฉันสุขสำราญ เพาะพันธุ์ต้นไม้ขาย

ต้นไม้ที่ขายดีที่สุด ก็คือต้นรัก

ออกดอกเป็นความห่วงใย กำลังใจคือผลของมัน

ปลูกก็ง่าย ไม่ต้องคอยฤดูกาล แดดและน้ำไม่ใช้

ใช้เพียงการดูแล ทนุถนอมเอาใจ

ขึ้นง่าย ตายเร็ว แต่บางต้นไม่มีวันโรยรา

* เราช่วยกันเอาต้นรักที่เพาะได้

ส่งไปตามบ้านที่ต้องการ

อยากจะได้..หรืออยากจะเติม(อยากจะเติม)

** เราไม่คิดเงินเพราะตีค่าไม่ได้

บ้านทุกบ้านที่ฉันส่งไป

อิ่มเอมใจ...ส่งยิ้มให้กัน (ส่งยิ้มให้กัน)

ใจเขา ใจฉัน โอบรักไว้…ด้วยความยินดี ( ซ้ำ *, ** )

แม่ฉันบอกว่าเป็น เพราะคนขาดความรัก

บางครั้งฉันเหนื่อยมากๆ เพราะบ้านที่ต้องการ

ต้นไม้พันธุ์นี้ มีมากขึ้นทุกวัน

อยากให้ทุกคนช่วยกัน เพาะรักให้เต็ม ( ซ้ำ *, **, *, **)

ใจเขา ใจฉัน โอบรักไว้…ด้วยความยินดี

๑๘๙

D A F#m Bm

G D A

D A F#m Bm

G D A

D A F#m Bm

G D A

D A F#m Bm

D G A D

G (A) (B) D (E) (F#)

G (A) (B) D (E) (F#)

G (A) (B) D (E) (F#)

G (A) (B) D (E) (F#)

G (A) (B) D (E) (F#)

G (A) (B) D (E) (F#)

G (A) (B) A (B) (C#) D (E) (F#)

E B G#m C#m

A E B

E B G#m C#m

A E B F#

B C# F#

Page 190: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ต้นไม้ของพ่อ ธงชัย แมคอินไตย

นานมาแล้ว พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา

เพื่อวันหนึ่งจะบังลมหนาว และคอยเป็นร่มเงา

ปลูกไว้เพื่อพวกเราทุกๆคน

พ่อใช้เหงื่อแทนน้ำรดลงไป เพื่อให้ผลิดอกใบออกผล

ให้เราทุกๆคน เติบโตอย่างร่มเย็นในบ้านเรา

ผ่านมาแล้วห้าสิบปี ต้นไม้นั้นสูงใหญ่ลมแรงเท่าไรก็บรรเทา

ออกผลให้เก็บกิน แตกใบเพื่อให้ร่มเงา

คอยดูแลเรา ให้เรายังมีวันต่อไป

จนวันนี้ ใต้เงาแห่งต้นไม้ต้นใหญ่ ลูกได้อยู่ได้คอยอาศัย

แผ่นดินยังกว้างไกล แต่เหมือนว่าหัวใจพ่อกว้างกว่า

ลูกที่เกิดตรงนี้นั้นยังอยู่ และยังอยู่เพื่อคอยรักษา

จะรวมใจเข้ามา จะมีเพียงสัญญาในหัวใจ

จากวันนี้สักหมื่นปี

ต้นไม้ที่พ่อปลูก ต้องสวยต้องงดงามและยิ่งใหญ่

สืบสานและติดตาม จากรอยที่พ่อตั้งใจ

เหงื่อเราจะเทไปจากหัวใจ

เหงื่อเราจะเทไปให้ต้นไม้ของพ่อยังงดงาม

๑๙๐

A D C#m

C#7 F#m Bm

E A

D C#m C#7 F#m

Bm E A A7

D E C#m F#m Bm E A A7

D E C#m F#

Bm E A

A D C#m C#7 F#m

Bm E A

D C#m C#7 F#m

Bm E A A7

D E

C#m F#m Bm E A A7

D E C#m F#

Bm E A

D E A

Page 191: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จดหมายถึงพ่อ อี๊ด ฟุตปาธ

Intro : F#m/A/Bm/F#m

อ่านคำบรรยายจดหมายถึงพ่อ หนูยังรอวันพ่อกลับบ้าน

กล้ามะละกอที่พ่อเคยหว่าน แยกปลูกไม่นาน ลูกโตน่าดู

*กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า พุ่มกระดังงาเลื้อยซุ้มประตู

ทานตะวันชูคอชูช่อรออยู่ คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา

Instru : F#m/A/Bm/F#m

แม่อธิบายที่พ่อไปทำงาน เพื่อเงินเพื่อบ้านและเพื่อลูกยา

จะมีบ้านโตมีรถโก้สง่า มีหน้ามีตาเหมือนดังใครๆ

พ่อไปคราวนี้แม้จะยาวนาน พวกเราทางบ้านเป็นกำลังใจ

แต่บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้ หนูแกล้งหลับไปสงสารแม่จัง

Instru : F#m/A/Bm/F#m

ส่วนน้องหญิงยิ่งยามเย็นย่ำ อ้อนประจำเหตุผลไม่ฟัง

ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียว

(ซ้ำ *)

Instru : F#m/A/Bm/F#m (2 times)

สุดท้ายนี้ขออวยพรให้ พ่ออยู่แดนไกล หัวใจเด็ดเดี่ยว

ขอพระคุ้มครองยามใจห่อหี่ยว ปกป้องแลเหลียวร่ำรวยกลับมา

(ซ้ำ * , * , *)

๑๙๑

Bm A Bm F#m

F#m A A Bm F#m

F#m A A Bm

Page 192: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดาวดวงน้อย ธนพล อินทฤทธิ์

Intro: Bm Bm A A Bm Bm A A

เพราะเธอนั้นคือทุกสิ่งในชีวิตที่ฉันมี ของมีค่าใดไม่อาจแทนค่าเทียมเท่าสิ่งนี้

ความรักสร้างเธอ มอบเธอให้ฉันคุ้มครองตลอดไป

* เจ้าคือดาวดวงน้อยของพ่อ จับมือพ่อเอาไว้ พ่อจะพาเจ้าเดินข้ามไป สู่ปลายทางที่ดี

ดนตรี Bm Bm A A Bm Bm A A

แม้ยามร้องไห้คอยปลอบ ยามเหน็บหนาวให้ผ้าห่ม เห็นเธอนั้นมีความสุข

ลำบากตายก็ทนไหว เป็นสายสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันสิ้นลงแม้วันตาย (ซ้ำ*)

** ไม่มีรักครั้งไหน รักมากแค่ไหน ยิ่งใหญ่เกินที่ให้เธอ เหนี่อยแค่ไหนไม่ท้อ

ทนได้เสมอ ขอให้เธอมีความสุข ให้เจ้าเดินต่อไป ไม่น้อยหน้าใครใคร

ดนตรี Bm Bm A A Bm Bm A A (ซ้ำ**,*)

แม้รู้ว่าในสักวันหนึ่ง ต้องมีใครสักคน รักเธอ ขอให้เขาเป็นคนดี

ที่ไม่ทำให้เธอเสียใจ รักเธออย่างที่ฉันรักเธอ

พ่อกล่อมลูก เฉลียง

Intro C Em F Fm C G C

ดึกแล้วหนา หลับเถอะหนอ พ่อจะร้องเพลงกล่อม

กล่อมเบาเบา เจ้าตัวน้อย ค่อยค่อยนอนฝันดี

ทำตาพริ้ม อิ่มนมแล้ว อย่างนี้ นอนเถอะหนา เจ้าตัวดี จะให้พ่อร้องทั้งคืนหรือไง

* พ่อจะสอนเจ้าเอาไหมให้นับดาว อยู่บนฟ้า สุกสดใส คือแสงดาว

พ่อจะสอนเจ้าเอาไหมให้นับดาว หนึ่งและสอง หนึ่งและสอง สามสี่

(แปดหมื่นสอง แปดหมื่นสาม ห้าล้านดวง)

๑๙๒

Bm A Bm A

C#m F#m Bm D E

Bm A Bm A

Bm A Bm

A C#m F#m Bm D E

Bm A Bm

A Bm/E A

F#m E D F#m A/E F#m E D

F#m/E A E A

C Em A7 Dm/G

Dm Dm7 D7 C

C C7 F D#dim C Dm G C C7

F Fm Em A7 Dm G C C7

F Fm Em Am Dm G C

ดนตรี C Em A7 G Em Dm7 D7 C C C7 F D#dim C Dm G C C7

Dm Fm C

Page 193: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พ่อ (สายเกินไป) พรชัย ทัดละม่อม

Intro : D A Em Bm D A G/A/D

เมื่อต้นโพธิ์มีใบให้นกกา ที่บินกันมาหาพักพิง

ที่หลับที่นอนที่กิน ได้อิงอาศัยกันอยู่

ก็อยู่กันมาหลายปี พอมีเรี่ยวแรงแข็งแกร่ง

ก็บินกันไปสุดแรง แกล้งลืมร่มเงาต้นโพธิ์

ก็เหมือนดวงใจของพ่อ ที่คอยปกป้องคุ้มภัย

ให้ลูกกินอยู่สบาย จนตัวตายก็ยังเฝ้าดู

เป็นครูของชีวิต เป็นมิตรที่ดีตลอดกาล

เป็นถนนสะพาน ให้ลูกข้ามความทุกข์ไป

ดนตรี D A Em Bm D A G/A/B D7 G D A Bm G Em A D A

ถึงเวลาต้นโพธิ์ล้มลง สิ้นเงามั่นคงเหมือนก่อน

ร่มเงาที่เคยพักร้อน เคยนอนอยู่อย่างมั่นใจ

สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ก็หัวใจใคร หยุดเฉย

เป็นนกโบยบินไปเลย ไม่เคยรู้บุญคุณใคร

เมื่อวันที่พ่อสิ้นลง ยังคงนึกถึงวันนั้น ก็วันพ่อมีชีวิต ทำไมไม่คิดดูแล

แค่เพียงเสียใจที่สุด ดุจว่าชีวิตจะวางวาย

มากมายน้ำตาที่มี เป็นลูกที่ดีแต่สายไป

ตอบแทนแค่เพียงเผาผี เป็นลูกที่ดี แต่สายไป

๑๙๓

D A Em Bm

D A G A D D7

G D A Bm

G Em G A D

D A Em Bm

D A G A D D7

G D A Dm

G Em A D G/A

D A Em Bm

D A G A D D7

G D A Bm

G Em G A D G/A

D A Em Bm D A G A D D7

G D A Bm

G Em G A D D7

G Em G A D

Page 194: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พ่อ ปั่น

Intro: F Fsus4 F Fsus4 F Fsus4 F Fsus4 F

เมื่อก่อนครั้งฉันเป็นเด็กน้อยคอยแต่คลาน พ่อหัดตั้งไข่ให้จนฉันเดินเป็น

เตาะแตะก้าวทีละน้อยค่อยค่อยเข็น จับเกาะพ่อเดินเล่นตามประสาเยาว์วัย

พ่อถอดรองเท้าไว้ให้เห็นตรงนอกชาน ฉันเจ้าเด็กน้อยลองใส่สวมเดินภูมิใจ

อยากใส่ไว้ให้เหมือน แม้จะหนักยังเดินไหว พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม

ข้างหน้าที่ทิ้งไว้ คือ รอยเท้าที่พ่อเดิน ลูกเหยียบย่างไม่ห่างเหินเดินตาม

ย่ำบุกป่าเขาลำเนาไพรไม่ครั่นคร้าม เด็กน้อยตามอย่างพ่อ ไม่ท้อเดินไป

เติบใหญ่ถึงวันนี้ พบชีวิตที่ผกผัน ฉันจึงได้รู้ว่าการเดินไม่ง่ายดังใจ

วันที่ถูกทุกข์ทับถมขมขื่นใจสักเพียงไหน รองเท้าพ่อคู่ใหญ่ยังสอนใจเรา

(วันที่ถูกทุกข์ทับถมขมขื่นใจสักเพียงไหน พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม)

ดนตรี : F Fsus4 F

พ่อหายไปไหน ศุ บุญเลี้ยง

Intro : D Em A7 D F#m Em A7 D

ตักนิ่มเคยหนุนอุ่นไอครั้ง…ก่อน อ้อมแขนแทนหมอนก่อนนอนร้องไห้

ตื่นมางอแง แม่ต้องเอาใจ อดนอนกอดไว้ให้ฉันฝันดี

แม่ถักเสื้อสวยให้ฉันสวมใส่ แม่วาดฝันไว้จะให้ฉันดี

เก็บดาวดวงน้อยร้อยแทนมาลี มาลัยดอกนี้แม่รักดั่งใจ

ยามทุกข์แม่เฝ้า…ยามเหงาแม่ฟัง จะผิดจะพลั้งแม่ให้อภัย

คำสอนพร่ำสั่งสร้างกำลังใจ โลกดูสดใสนัยน์ตาคู่นั้น

* บอกดาวบนฟ้าฝากมาให้หน่อย จากใจดวงน้อยกระซิบถึงท่าน

มาลัยดอกนี้…มีคำรำพัน แต่งแต้มเติมฝันให้แม่คนดี

Solo : G / F#m / G / A7 / D / G / Em / A7 (ซ้ำ *)

๑๙๔

F Am Gm C C C7 F

F Am Gm C C C C7 F

C C C7 F D Gm C

F Am Bm C C C7 F

F Am Gm C C C7 F

F Am Gm C C C C7

C C C7 F D Gm C

F Am Gm C C C C7 F

F Am Gm C C C F

D/F#m/Bm B7 Em

A7 D/F#m/Bm B7 Em A7

D/F#m/Bm B7 Em

A7 D/F#m/Bm G A7 D/D7

G Gm Em A7 D/F#m

D7 G Gm Em A7

D/F#m/Bm B7 Em

A7 D/F#m/Bm G A7 D

Page 195: Saleung Entire Book 2009

สลึง

อิ่มอุ่น

ชลลดา เตียวสุวรรณ(กาเหว่า ไทละเมอ) ขับร้อง

ศุ บุญเลี้ยง แต่ง ตามคำขอของอาจารย์หัวหน้าคณะพยาบาล

โรงพยาบาลศิริราชปีพ.ศ.๒๕๓๔

อุ่นใด ๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง

รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย ไมอ่ยากจากไปไกลแมเ้พยีงครึง่วนั

* ให้กายเราใกล้กันให้ดวงตาใกล้ตา ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

อิ่มใด ๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน

น้ำนมจากอกอาหารของความอาทร แม่พร่ำเตือนพร่ำสอน สอนสั่ง

** ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป

*** ใช่เพียงอิ่มท้อง ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น

อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน

ดนตรี/ D Bm Em A D Bm Em Bm Em A D D7

(ซ้ำ *,**,***)

๑๙๕

D Bm Em A D

Bm Em Bm Em A D/D7

G D Bm B7 Em A

D Bm Em A D

Bm D Bm Em A D/D7

G D Bm B7 Em A

D F#m Bm

A G Bm/B7 Em A D

Page 196: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แม่ แฮมเมอร์

Intro : C/Am/F/G7(2) F/Am/F/G7/C/Am/G7/C

ตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม่หุงข้าวต้มปลา

จวนจะได้เวลา ไปท้องนาอีกครา

ทุกวันคืนแม่อยู่ด้วยความหวัง ดังแสงทองส่องฟ้า

ลูกแม่นั้นไปศึกษา ในสังคมชาวกรุง

ตาแม่มองลูกรัก วันที่เจ้าจากไป

แม่เคยทุกข์ทนเพียงใด แลลูกไกลอกตรม

เมื่อลูกจบจากการศึกษา แม่คอยตั้งตาชื่นชม

ลูกอย่าหลงระเริงสังคม จงหวนคืนบ้านนา

นาก็คือความหวัง ดังชีวิตจิตใจ

จนเดือนดับลับล่วงไป ไกลหนทางลูกจร

ม่านเมฆบดบังนัยน์ตา สาริกาไม่คืนกลับคอน

ทุกคืนวันแม่มิได้หลับนอน คอยเจ้าย้อนบ้านนา

ตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม่หุงข้าวต้มปลา

ดูแสงทองส่องมา ไปท้องนาอีกที

ทุกวันคืนแม่ก็ยังเฝ้าหวัง หวังถึงวันสุดท้าย

รอจนแม่ถึงวันสิ้นใจ คงได้พบลูกชาย

๑๙๖

C Am F G7 C

Am F G7

F Am F G7 C

Am G7 C

C Am F G7 C

Am F G7

F Am F G7

C Am G7 C

C Am F G7

C Am F G7

F Am F G7

C Am G7 C

C Am F G7 C

Am F

G7 F Am F G7

C Am G7 C

Page 197: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พี่ชายที่แสนดี อุ้ย รวิวรรณ จินดา

เมฆดูสวยงาม เมื่อยามมองฟ้า ฟ้าดูกว้างใหญ่เหมือนเก่า

เมื่อยังเล็กแหงนดูมือไขว่คว้าเอา สูงจังอยากตัวโตสูง

จ้องมองแสนนานพี่ชายคงเห็น ยิ้มเดินมาใกล้แล้วอุ้ม

ขี่คอจนเกือบสูงทัน จ้องมองบนฟ้านั่น

เอื้อมมือถึงจันทร์ จะเอาเป็นของเรา

* ครั้งโดนเขารังแก ร้องงอแงร้องไห้

พี่คนนี้ยังคอยคุ้มครองคุ้มภัย น้องเอยอย่ากลัวใครเขา

สองพี่น้องเดินไป น้องตามพี่ชาย จับมือจูงน้องไป

มองฟ้าอันกว้างใหญ่ ฟ้าคงไกลไป ขี่คอพี่สูงเอง

จวบจนฉันโต พี่ยังคงรัก และคอยเป็นห่วงแสนห่วง

เมื่อผิดหวังให้กำลังใจทั้งดวง น้องเอยอย่ากลัวใครเขา

เมื่อยามท้อใจจ้องมองบนฟ้า นึกตอนเป็นเด็กเล็กนั่น

ขี่คอจนเกือบสูงทัน เอื้อมมือให้ถึงจันทร์

บอกเอาไว้นาน พี่ชายที่แสนดี

(ซ้ำ *)

๑๙๗

G Bm Em

Cmaj D7 Em C D G C/D

G Bm Em

C D Em A7

C D7 G

B7 Em/D/C D G

C B7 Em Am D G

B7 Em/D/C B7 Em A7 D

B7 Em D C D G

G Bm Em

C D Em Am D G

G Bm Em

C B7 Em D

C D G

Page 198: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เฉาเลี้ยง นฤคหิต

(สร้อย) เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยงจ้ะ เฉาเลี้ยง

เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยง เฉาเลี้ยงจ้ะ เฉาเลี้ยง

เฉาเลี้ยงแก้วละ 50 ตังค์ ถ้าบ่ลำข้อยบ่ขาย

เฉาเลี้ยงเย็นหวานจับใจ ถ้าขายแพงไปข้อยบ่เอาเงิน

ข้อยขายมาสี่ห้าปี ขายอย่างนี้มาตั้งน้านนาน

เลี้ยงลูกสองคนที่บ้าน ให้มันมีการศึกษา

ขายไป ... ขายมา ... เหนื่อยอุรากายาอ่อนแรง

ไม่ย่อท้อ ... จะสู้ทน ... จะทนขาย ขายเพื่อลูกน้อย

ช่วยอุดหนุนหน่อยซิคุณคุณ ให้ผมมีทุนได้ส่งลูกเรียน

แม้นเหนื่อยก็ต้องพากเพียร ให้ลูกอ่านเขียนได้ก็พอ

๑๙๘

C F G7

C F G7

C F C7

C Cmaj7 F G7

C Am F G7

C Am F G7

C Cmaj7 F G7

C Cmaj7 F G7

C Am F G7

C Am F G7 C

Page 199: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จันทร์เจ้าเอย มูลนิธิเด็ก

(แต่งโดย อัญชลี อิสมันยี)

เพลงกล่อม Carry on

* นอนนะนอนเถิดหนาเจ้านอน เอนพักกายที่ร้อนรุ่มลง

นอนฝันดีเถิดหนาหลับตาเจ้าลง โลกยังคงสวยงาม

มีหนทางอีกไกลให้เดิน ทางที่ดูขัดเขินมีให้ฟันฝ่า

มีน้ำใจที่ใสหลั่งรินไหลออกมา จากชีวาของเรา

** ดวงตะวันจะลับโลกไป ดวงจันทร์หวนคืนมา

อันดวงใจที่ถูกทำร้ายจากสิ่งนานา กาลเวลาจะรักษาเจ้าเอง (*,**)

๑๙๙

จันทร์เจ้าเอย เจ้าเคยทอแสงนวลใย

จันทร์ขวัญใจ ปลอบใจเราสุขเรื่อยมา

ดาวสุกไสว พร่างพรายอยู่ในฟากฟ้า

ยามนี้หนา จันทราเจ้าอยู่แห่งใด

ลมเจ้าเอย รำเพยพัดมาแสนไกล

วานหน่อยได้ไหม พัดเลยไกลไปบอกแม่ที

ยามนี้ลูกสุดเหงา เฝ้ารอวันแม่ขวัญชีวี

มาหาลูกคนดี ปลอบขวัญชมจันทร์สุขใจ

* จันทร์เจ้าเอย เจ้าเคยมีแม่หรือเปล่า

ดาวเอ๋ยดาว เจ้าคิดถึงแม่หรือไม่

ลมเจ้าเอย เจ้าเคยบอกแม่บ้างไหม

ว่าหัวใจลูกน้อย รอคอยแม่เอย (ซ้ำ *)

C Em F C Em F

C Em F C Dm G C

C Em F C Em F

C Em F C Dm G C

Am Em F Dm G C

Am F Dm G C

Page 200: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ในสายลมมีความรัก แม้ไม่รู้ว่าจะโชยผ่านไป ณ แห่งใด

และแห่งใด คือที่ที่จากมา เพียงพลิ้วพรมอยู่เพื่อตัวเอง

ในสายลมจึงชื่นบาน เริงรำเป็นบทเพลงแห่งรัก

อ่อนหวาน ดั่งสายลมยามพลบค่ำ อ่อนโยน ดั่งสายลมของรุ่งอรุณ

ในสายลมไม่มีความเศร้า หากมี ก็เป็นของผู้แอบซ่อน

เป็นความเศร้าที่ตัวมันเองไม่รู้จัก และเป็นความแปลกหน้าของความรัก

สายลมจึงไร้ความปรารถนา ไม่รู้ผลลัพธ์ของความเศร้า

ไม่รับของกำนัลของความสุข เพียงพริ้วผ่านบนเส้นทางของตนเอง

ไม่หยุดแวะและย้อนกลับมาให้ร่ำไห้ ผ่านไปไม่เหลือเวลาให้อาลัย

ในสายลมมีเพียงความใหม่ ไม่มีวันวานและวันพรุ่ง

เพียงพลิ้วพรมอยู่ตรงนี้ เพื่อความรักจักผลิบานสมบูรณ์

เป้ สีน้ำ

๒๐๐

Page 201: Saleung Entire Book 2009

สลึง

พลังเพลงความรัก เมื่อรักต้องมอบให้ อย่าคิดหวงและอาลัย ด้วยความรักที่จริงใจ ให้อภัยในสิ่งผิด

เมื่อร้างคราวจำห่าง อย่าอ้างว้างใจอาดูร อย่าสิ้นหวังเกื้อกูล รักที่มี

* จงรักที่ดวงจิตในความคิดอันมีค่า ใช่จะรักที่เงินตราปรารถนาเพียงรูปกาย

ความรักคือน้ำใจ ใช่มอบไว้เพียงคู่ตน มั่นในรักมวลชน รักยิ่งใหญ่

** ความรักอันสูงค่า ต้องนำพาโลกก้าวไกล นำทางสู่สังคมใหม่อันวิไลมีเสรี

รักแท้ควรเสียสละ ใจชนะอยุติธรรม แด่ชนผู้ระกำให้สุขล้ำเรืองใสสดสมบูรณ์

ซ้ำ (*,**)

คาราวานความรัก

Intro : C Dm Am Dm G C

ความรักคือการให้ หัวใจควรเต็มเปี่ยม

สิทธิ์เธอควรเท่าเทียม ก้าวไปสู่ความหวัง

ความหวังของเรา หนุ่มสาวของโลก

ดั่งนกน้อยบินโบก ดั่งหัวใจบินโบกเริงลม...

ความรักคือการให้ ให้เธอจงชื่นชม

หากมีทุกข์ระทม เจ้าจงกล้าฝ่าฟัน

วันนี้ของเรา หนุ่มสาวหมองหม่น

หากน้ำตารินหล่น น้ำใจควรรินหลั่ง แด่เธอ...

ความรัก ความรัก ความรัก ให้เธอแน่นหนัก อยู่เสมอ

ให้เธอคิด ให้เธอมีเสรีภาพ ให้เธอหวัง ให้เธอวาด ให้เธอ...

๒๐๑

D Bm Em A7 D Bm Em A7

D Bm Em A7 G A7 D A7

D Bm Em A7 D Bm Em A7

D Bm Em A7 G A7 D A7

D Bm Em A7 D Bm Em A7

D Bm Em A7 D Bm Em A7 D

C Dm Am

Dm G Am G

F Am C Em

Am C Dm Am G C

C Dm Am

Dm G Am G

F Am C Em

Am C Dm Am/G/C

C Am Dm C G G7

Am F C G Am C

Page 202: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นกละเมอ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

Intro : C / Am / G7 / Em / Dm / G7 / Dm / C / E7

รักจากไปไกล ๆ ห่างร้าง ๆ รา ก่อนยังจำมั่น ถึงคืนวันรัก

* ครั้งก่อตัวกลัวคนจะรับรู้ สู้อดและทนซ่อนเร้นไม่เป็นอันนอน

ตะเกียงดวงน้อย เราก็ปล่อยลมพัดพา ลมพัดพาแสงมันไป

ใต้แสงดาว ดาวเหนือประกายใสส่อง ยังไม่เปลี่ยนทาง

มองดูหน้าสาวเจ้าก็มอง มองจ้องตา เจ็บช้ำจริงในใจจำ มอบให้รัก

อันหอมเย็นเป็นไปได้เพียงแค่ นกละเมอ (ซ้ำ * ) หา..คู่

ดอกไม้ เนื้อร้อง-ทำนอง ยุทธนา บุญอ้อม

ขับร้อง ศุ บุญเลี้ยง

จำปาที่เด็ดมาเมื่อวานก็บานไป บอนไซที่ผู้ใดว่าหรูมันก็ดูเล็กเกิน

ใบเฟิร์นมันก็คงไม่สวย แพงพวยก็เบ้อเร่อ

จะเอาดอกใดให้เธอ ให้ตรงกับใจที่เพ้อถึงเธออยู่

จำปีที่เด็ดมาให้เธอก็ยังเชย ใบเตยที่ผู้ใดว่าหอมมันก็คงหอมไป

ลำพูที่คู่กรรมเขาใช้ ทำไมเราไม่เจอ

จะเอาดอกใดให้เธอ ให้ตรงกับใจที่เพ้อถึงเธออยู่

ก็ได้แต่หามาหลายปี ดอกใดที่ดีจะมีให้เธอ

ไอ้ดอกที่ดีมันก็ยังไม่เจอ ที่เจอมันก็ยังไม่ดี

ดนตรี/ D Em D Em D F#m Em A G D G A

จะเอาดอกใดให้เธอ ให้ตรงกับใจที่เพ้อถึงเธออยู่

ก่อนนอนก็เลยละเมอ แต่งเพลงแบบนี้ให้เธอฟังแทน(ซ้ำ)

๒๐๒

C Am G7 Em Dm G7 Dm G7

C Am G7 Em C Em Am Am9

G7 C G7 F Dm

F Dm C Dm

G7 C G7 F Dm Am

G7 Em C Am7 A

D Em D Em D Em A

G D G A

Em F#m D Em

D Em D Em D F#m Em A

G D G A

Em F#m D

A D F#m Bm

Em E7 A G F#m Em

Em F#m D

Em F#m D

Page 203: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตลอดเวลา พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

Intro : A E F#m E A E F#m E D E

พักสายตาเถิดนะคนดี หลับลงตรงนี้ ที่ๆมีแต่เราสองคน

ผ่านเรื่องราวผ่านงานผ่านคน สับสนหลายความ

บางเวลาต้องการสักคน ไว้คอยปลอบใจ เข้าใจพูดคุย

ดนตรี/ A E F#m E A E F#m E D E

ความรักเอยงดงามอย่างนี้ จนชั่วชีวี โหยหาความรักไม่เคยพอ

จะอยู่ที่ใดหนใดก็ดี ขอให้มีเธอ สุขอย่างนี้ไม่มีใดเทียม (ซ้ำ*)

* พักกายพักใจหลับตาฝันดี รักเอยรักที่ เข้าใจถึงกัน (ซ้ำ*)

ความรักเอยงดงามอย่างนี้ จนชั่วชีวี โหยหาความรักไม่เคยพอ

อยากให้เธอเคียงข้างอย่างนี้ บอกรักอีกที อยู่ใกล้กันตลอดเวลา

รักงอมแงม ศุ บุญเลี้ยง

* ล้อมวงบรรลงบรรเลง มานั่งบ่นเพลงไม่ยอมหลับนอน

ใจกระเด็นกระดอน มันเปียกมันปอนอาการงอมแงม

เจ้าหัวใจอ่อนแอ ชอบงอแงงัวเงียตื้นตัน

เก็บเอาเธอมาฝัน กลางคืนพัวพันกลางวันนัวเนีย (ซ้ำ *)

เหมอืนคนทำไรเ่ลือ่นลอย(ดเูลือ่นลอย) เหมอืนเปน็ไทฟอยดเ์รือ้รงั(ดเูรือ้รงั)

หัวใจไม่ยอมระวัง เหมือนดังโดนยาระบาย(หมอยังไม่ยอมสั่งยา)

** นอนก็นอนไม่หลับ กระส่ายกระสับอยู่ทุกเวลา

หมอไม่ยอมสั่งยา บอกว่ารักษาไม่หายสักราย

(ซ้ำทั้งเพลง, *,**)

๒๐๓

A E F#m E A E F#m E

A E F#m A

E F#m E D E

A E F#m E A E F#m E

A E F#m E A E F#m E

A E F#m E A E F#m E A

A E F#m E A E F#m E

A E F#m E A E F#m E

C Am

Dm G

C Am

Dm G C C7

F C Am C Am

A7 Dm G C

C Am C Dm

G Dm G C

Page 204: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ภูเขาและทะเล ศุ บุญเลี้ยง

* เมื่อมีคำถามถามให้ลองตอบ ว่าชอบภูเขาหรือทะเล

ไม่ยากใช่ไหมถ้าใครจะตอบ สิ่งที่ชอบรู้อยู่แก่ใจ

ภูเขาแสนงาม ยิ่งในยามที่มีฝนพรำ ผีเสื้อดอกไม้ร่ายรำ

ชอบฝนพรำ ทำให้ผมเธอเปียก

(ซ้ำ *)

ทะเลแสนงาม ยิ่งในยามที่มีสายลม แดดงามจะแต้มตามไรผม

ชอบสายลม พัดเส้นผมเธอปลิว

** เมื่อมีคำถาม ถามกันบ่อย ๆ ต้องคอยตอบเธอเรื่อยไป

ว่าบนภูเขาหรือทะเลไกล ชอบที่ไหนชอบที่มีเธอ

ที่ไหนที่มีเธอที่ไหนที่ฉันจะเจอเธอได้ บอกมาอย่างำเก็บไว้

จะได้แอบไปใกล้ ๆ เธอ

(ซ้ำ **)

ว่าจะบนภูเขาหรือทะเลไกล ชอบที่ไหนชอบที่มีเธอ ( 2 รอบ)

ในวงเล็บตอบว่าชอบที่มีเธอ ชอบที่ไหน... ชอบที่มีเธอ

๒๐๔

G C D G

G C D G/G7

C D Bm Em C Am Bm

C D C G

C D Bm Em C Am Bm

C D C G

G C D G

G C D G

C D Bm Em C Am Bm

C D C G

G C D G

C D G D C /Bm/Am/G

Page 205: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฝากรัก อรรณพ สีสัจจา (เป้ สีน้ำ)

สายน้ำน้ำไหลล่องโรย สายลมลมโชยโบยลิ่ว

สายฝนฝนหล่นล้มปลิว ปลิวกระจายเปียกกายเปียกใจ

สายน้ำน้ำไหลแห้งโหย สายลมลมโชยอ่อนแรง

สายฝนฝนแล้งลมแล้ง ฝนแห้งแห้งกายยังเปียกใจ

* ฝากสายน้ำไหลถึงเธอ ฝากลมบอกเธอฉันเหงา

ฝากฝนให้หล่นหล่นเบาเบา ฝากรักแนบเนาข้างกายและใจ (ซ้ำ*)

** สายน้ำสายลมคือรัก ด้วยรักฝากไปพร้อมฝน

ฝากไว้เคียงข้างใจคน ฝากรักฉ่ำล้นชื่นใจ

(ซ้ำ * ๒ เที่ยว)

เฉลียง

Intro : Am/Em7/F/ Am/Em7/F/C

เธอเคยบอกว่าเธอไม่มีแม้ใครสักคนหนึ่ง คงลืมว่าอย่างน้อยยังมีฉันไง

วันใดที่เธอมีเพื่อนรุมล้อมเธอหรือยังมีใคร เธอก็จะไม่เห็นฉันเลยคนดี

แม้วันใดหัวใจเธอพ่าย จะมาแพ้ไปกับเธอ

และถ้ามีวันใดน้ำตาเธอเอ่อ จะร้องไห้เป็นเพื่อนกัน

* หากเธอสมหวัง...ในวันหนึ่ง ให้รู้ว่าฉันยังแอบเห็นและชื่นชม

หากเธอท้อแท้...ฉันยังอยู่ หากแม้นไม่เห็นฉัน

จงโปรดรู้ไว้ว่าเธอใช่อยู่คนเดียว

ดนตรี : C/G/Dm/Am/Dm/Am/Dm/Am/Dm/Am/F (ซ้ำหมดอีกครั้ง) (ซ้ำ*)

ยังมี

๒๐๕

A C#m Bm E

A C#m Bm E

A C#m Bm E

A C#m Bm E A

A C#m Bm E A

A C#m Bm E A

A C#m Bm E

A C#m Bm E A

C Em F C Em Dm G7

C Em F C Em Dm G7

Am Em F C

Am Em D7 G7

Am G F C Am Dm G7

Am G F C Am

Dm G7 C

Page 206: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ไม่รักแต่คิดถึง เฉลียง

Intro : G/Am/B7/Am7/G/Am7/D7

ชีวิตบางช่วงที่เกี่ยวกัน เราได้แลกเปลี่ยนซึ่งความฝัน

หลายครั้งหลายหน หัวใจไม่ตรงกัน แต่รู้กัน ต่างคนมีน้ำใจ

เธอไม่ต้องนวลอย่างดวงจันทร์ และฉันไม่ใช่ดวงตะวันฉาย

เราเพียงเป็นคนคบกันตามสบาย เมื่อร้างไกลห่วงใยก็แล้วกัน

* ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน

ไม่สนใจเมื่อเธอสุขสันต์ ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร

ยังไม่ประคองถ้าเธอล้ม ถ้าเธอลุกขึ้นยืนได้เองไหว

ขอรู้ขอเห็นว่าเธอเดินเองได้ จะขอมองดูไกลไกลอย่างชื่นชม (ซ้ำ *)

ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน

ต่างหนทางของต่างเรานั้น ถึงแม้ว่าเราจะไกลสักเพียงไหน

ไม่รักแต่คิดถึง

เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม วรรธนา วีรยวรรธนะ

Intro : F F F F

เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ให้กับเธอ

และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ฮือๆ…

ถนนสายนั้นที่ทอดยาว มีเรื่องราวของความเป็นจริง

มีเงาไม้เอาไว้ให้พักพิง มีให้เธอเอาไว้ยามอ่อนล้า

* เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม เห็นเงาของเมฆหรือเปล่า

** ทะเลสีครามที่ทอดยาว เห็นความรักฉันบ้างไหม

Solo : F F F F F Bb C F Dm Gm C F (ซ้ำ *,**)

๒๐๖

G Am Bm Am G Am Bm7

C C#dim G Bm Em Am D7

G Am Bm Am G Am Bm7

C C#dim G Em Am D7 G

Gm C7 F Dm Gm C7 F

Gm C7 F Dm Gm A7 D7

G Am Bm Am G Am Bm7

C C#o G D#o Em Am D G

Gm C F Dm Gm C7 F

Gm C7 F Dm Gm A7 D7

D G/Am/Bm/Am/G

F Bb C F

Dm Gm C

F Bb C F

Dm Gm C F

Dm Gm C F

Dm Gm C F

Page 207: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เพราะฉะนั้นจึงรักกันเช่นฉะนี้ ศุ บุญเลี้ยง

Intro : G / C / D / C / G / C / D / C ( 2 times )

แม้เวลาผ่านนานแสนนานใจยังไม่เปลี่ยน

ถึงฤดูเปลี่ยนหมุนเวียนไม่เคยหยุดเฉย

แต่ความรักที่ให้กันไม่มีวันลดน้อยลงเลย ยังคงพูดเชย ๆ … รักเธอ

ขอเพียงรู้สึกเชื่อใจในยามต้องห่าง

แม้มีความต่าง แต่ร่วมทางกันด้วยเหตุผล

มีความหวังให้กัน ต่อเติมฝันของคนสองคน มีทั้งสุขทุกข์ปนนานมา

* เพราะฉะนั้นจึงรักกันเช่นฉะนี้

เพราะเรามีวันเก่าๆมิใช่มีแต่เพียงดอกไม้

มีรอยยิ้มและมีน้ำตา วันที่โลกเหว่ว้าอย่างน้อยมีเธอ

เพราะฉะนั้นจึงคิดถึงกันเสมอ เหมือนมีเธอคอยชิดใกล้

แม้จะอยู่ห่างกันเพียงไหน ห่างไกลทะเลขวางกั้น

ยามเมื่อนอน ( เรา ) หลับฝันจะฝันถึงเธอ ( กัน )

ขอเพียงรู้สึกเชื่อใจในยามต้องห่าง

คิดถึงกันบ้าง คำสัญญาที่เคยให้ไว้

จะมีรักให้กันและแบ่งปันเพื่อคนมากมาย

ใจจึงอุ่นแม้กายไกลกัน

Intro : G(9) / D /G / C / C(9) / D / Em / G / C / D / Em / D / Cmaj7 /

Am7 / Bm7 / G / G

๒๐๗

G C(9) D G

C(9) D Em

C(9) D Em/D/Cmaj7 Am Bm G/C/G

C(9) D G/C/G

C(9) D Em

G C D Em/D/Cmaj7 Am Bm G/C/G

G C G/C/G

C D G C G

Em D C/Bm/Am D G

G C G C D G

C G Em /D / C/Bm

Am D7 G/C/G

C(9) D G/C/G

C(9) D Em G

C D Em/D Cmaj7/Bm/Am

D G/C/G

Page 208: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน วิยดา โกมารกุล

Intro : /C

เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดายแอบรักดอกทานตะวัน

แรกแย้มยามบานอวดแสงตะวันช่างงดงามเกินจะเอ่ย

ดอกเหลืองอำพันไม่หันมามอง แม้เหลียวมายังไม่เคย

ไม้ขีดเจ้าเอ๋ยเลยได้แต่ฝันข้างเดียว

* ดอกไม้จะบานและหันไปตามแต่แสงจากดวงอาทิตย์

** จุดตัวเองก็ยอมทันใดให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา

เพียงปรารถนาให้มีลำแสงสีทอง

จุดตัวเองก็ยอมทันใดให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา

เพียงปรารถนาดอกทานตะวันหันมองสักครั้ง

เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดายสาดแสงในใจไม่นาน

ดอกเหลืองอำพันจึงหันมามองและพบเพียงกองเถ้าถ่าน

เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดายเพราะรักจริงใจอย่างนั้น

เพียงแค่เธอหันเพียงแค่เธอมองก็พอ

( ซ้ำ * , ** ๒ ครั้ง )

๒๐๘

C Am

Dm G

C A

Dm B E

Am Dm B E

A F#m

Bm E

A F#m

Bm E C /Am /Dm /G

C Am

Dm G

C A

Dm B E

Page 209: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ประตู นครินทร์ กิ่งศักดิ์

Intro : / D / G / D / G / D / G / A7 //

หลายวันก่อน เคยมีดอกไม้ ดอกใหญ่

ส่งให้เธอ ตั้งแต่วันที่เจอ จนวันนี้มันโรยรา

** เห็นเธอซึม รอคอยดอกไม้ดอกใหม่

ที่ไม่มา ไม่ยอมพูดจา มันมองหายังคอยอยู่

*** เสียเวลานั่งรอเก้อ

เธอทำไมต้องคอย

ถามตัวเองให้ดีหน่อย

อย่าคอยเลยเธอ…

* เพียงแง้มบานประตู เธอไม่รู้หรือไง

มีสวนและดอกไม้ รอให้เธอไปชม

ดอกไม้สำหรับเธอ เพียงเธอคิดดอมดม

เธอเก็บมันได้เอง

( ซ้ำ * )

ดนตรี / D / G / D / G / D / G / A7 /

รู้หรือเปล่า บางทีเธอเหงานานๆ

มันไม่ดี เปิดตัวซะที วันพรุ่งนี้คงดีกว่า

( ซ้ำ ** , *** , * ๒ ครั้ง )

ดนตรี / D / G / D / G / D / G / A7 // ‘til fade

๒๐๙

D G

D G

D G

D G

Bm A7 G

Bm A7 G

Bm A7 G

A7

D G

D G

D G

A7

D G

D G

Page 210: Saleung Entire Book 2009

สลึง

สอดคล้องและสมดุล โฮป

Intro : D / G / A7 / D / G / A7 / D / A7 / G

D / G / A7 / Bm / G / Gm / D

ด้วยปีกแห่งรักจริง รักยิ่งศรัทธาและอาทร ลมถึงแรงแดดร้อน

จะจรมุ่งยังขอบฟ้ากว้างไกล

ด้วยเท้าที่มั่นคงจะตรงไปถึงซึ่งหลักชัย แม้เหนื่อยล้าปานใด จะไปให้ถึงใจฝัน

( ร้องรับ ) เธอฉันมิใช่เท้าหลังเท้าหน้า แต่เป็นเท้าซ้ายเท้าขวาที่เกื้อหนุนกัน

เป็นปีกที่สมดุลและสัมพันธ์สอดคล้องต้องกัน ทุกท่าที…

Intro : D / G / A7 / D / G / A7 / D / A7 / G

D / G / A7 / Bm / G / Gm / D

เส้นทางชีวิตเรา โศกเศร้าสุขทุกข์ล้วนมากมี

แต่ด้วยรักภักดี ไม่มีผองภัยใด ๆ ต้านเรา ( ร้องรับ ) (3 รอบ)

ไม่มีผองภัยใด ๆ ต้านเรา

๒๑๐

Bm A D Bm G A D

G A F#m

Bm A D Bm G A D G A D A7

D G A D G A7 D

D G A Bm G/Gm D

Bm A D Bm

G A D G A D A7

C A D

Page 211: Saleung Entire Book 2009

สลึง

รักนั้น พจนาถ พจนาพิทักษ์

Intro : C G Am Em F C Dm G/G7

* กับคำถามที่ถามว่ารักนั้น มีใครกันจะบอกซึ่งความหมาย

และสิ้นสุดเมื่อใดที่แหนงหน่าย คนมากมายกี่รายที่ไปถึง

กับชีวิตที่ผ่านมาพบรัก ได้รู้จักและคิดว่าลึกซึ้ง

ฝันว่าเราต้องรวมให้เป็นหนึ่ง แล้วไยจึงต่อมาแหลกสลาย

* * ความรักไม่ใช่สองคน ดิ้นรนไปจุดหมายไกลห่าง

มีความต่าง.... มีวิถีที่มีเหตุผล

ความรักคือคนสองคน ให้คนอีกคนนั้นทุกอย่าง

ให้ความต่าง....ต่อเติมด้วยความเข้าใจ

Solo : C G Am Em F C Dm G/G7

ให้ชีวิตอีกฝ่ายได้ค้นคิด และมีสิทธิ์จะตามที่ใฝ่ฝัน

เฝ้าคอยเป็นเพื่อนเก่าที่คงมั่น และเป็นวันที่ดีที่เคยเห็น

ให้ความคิดอีกฝ่ายได้ค้นรัก ได้รู้จักกับมุมที่ซ่อนเร้น

ให้ดวงใจแห่งเราได้ดูเด่น ย่อมไม่มีซึ่งวันแหลกสลาย

( ซ้ำ ** , ** , * )

๒๑๑

C Em Am Em

F Em Dm G

C Em Am Em

F Em Dm G/G7

F G C Em

F G A7

F G C Em

F G C/G7

C Em Am Em

F Em Dm G/G7

C Em Am Em

F Em Dm G/G7

Page 212: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เรามีเรา แหวน ฐิติมา

Intro : Dm G C Am Dm G C

แต่ก่อนแต่ไร ไม่เคยอุ่นใจ โดดเดี่ยวเดียวดาย ข้างกายไม่มีใครสักคน

ฝ่าทางชีวิต ทุกข์ภัยผจญ ฝ่าลมและฝน ก็โดยลำพัง

แต่มาวันนี้ คลุกคลีกับเธอ อยู่เคียงกับเธอ แล้วทำให้ใจมีพลัง

จะเดินต่อไป ไม่ยอมหยุดยั้ง หากเดินพลาดพลั้ง ฉันยังมีเธอ

* เราสองเคยผ่านชีวิตโดดเดี่ยว สองเราเคยเหนื่อยและท้อเต็มที

หนทางยังอยู่แสนไกลจากวันนี้ เพียงเรามีเรา จะเดินไปทางใด ไม่หวั่น

จับมือกันเดินด้วยใจอดทน หากใครสักคนล้มลงฉุดมือกันขึ้นไป

จะฝ่าประจันทุกข์อันตราย กอดคอกันไปไม่กลัวภัยพาล (ซ้ำ *)

พักตรงนี้ ธงไชย แมคอินไตย

พักตรงนี้ดีกว่า หยุดและพักให้คลายหายเหนื่อย

สายลมไหวโชยเอื่อย เหนื่อยคลายได้แรงกลับคืนเหมือนเดิม

เพราะทางนั้นไกลอยู่ และไม่รู้ต้องเดินอีกไกลเท่าไหร่

มีเรื่องราวมากมาย ที่ยังคอยให้เราเข้าไปพบเจอ

* ที่ตรงนี้นั้นมีต้นไม้ มีร่มเงาให้นอนสบายพักผ่อน

ลมไม่แรงแสงแดดไม่ร้อน มีฟ้าเอาไว้ห่มนอน และรักแท้จริงใจ

พักตรงนี้ดีกว่า เหนื่อยมานานกับความสับสนวุ่นวาย

นอนเถิดนอนให้สบาย ตื่นขึ้นมาแล้วเดินต่อไป ตามทาง

ตื่นขึ้นมาแล้วแรงกลับคืน ยืนแล้วเดินต่อไป ตามทาง

๒๑๒

Dm G C

Am Dm G C G

Dm G C

Am Dm G C G

C F C

F E Am Dm D7 G

Dm G C

Am Dm G C

Amaj7 Dmaj7 Amaj7 Dmaj7

Amaj7 Dmaj7 Bm E

Amaj7 Dmaj7 Amaj7 Dmaj7

Amaj7 Dmaj7 Bm E A

Bm C#m Bm E A

Bm C#m D E

Amaj7 Dmaj7 Amaj7 Dmaj7

Amaj7 Dmaj7 Bm E A

Bm Bm E A

Page 213: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ใจประสานใจ

มองแววตาทุกคน เปี่ยมสุขล้นระคนสุขสันต์

ยิ้มแย้มเข้าใจกันตาสบประสานไมตรีฉายมา

ดวงฤทัยทุกดวง ถ่วงด้วยรักและแรงศรัทธา ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน

ความคลางแคลงหายไป โลกสดใสคืนมาอีกครา

ฟ้าหลังฝนงามตา ความมืดโรยรามลายหายพลัน

*มีแต่ความเข้าใจ อุ่นไอรักไมตรีต่อกัน ผ่านมานั้นลืมมันลบไป

ร้องเถิดร้องเพลงกัน ประสานรอยร้าวในใจ ลบรอยร้าวภายในอุรา

ร้องเถิดร้องเพลงกัน จับมือกันไว้ดีกว่า หันหน้ามาเข้าใจกัน

อันคนเราทุกคน ต่างเกิดมาควรพาพึ่งกัน มีไมตรีสัมพันธ์โลกนั้นสดใส

จงมารวมพลัง ร่วมสร้างสรรค์จรรโลงฤทัย จับมือกันเดินก้าวไป

มุ่งสู่จุดหมายอนาคตเรา

( ซ้ำ *)

๒๑๓

G C

Em D7

G C Am D7

G C

Em D7

G C Am D7 G

C D7 G Em C D7 G

C D7 G Em C D7 G

B7 Em B7 G

B7 Bm Am

D7

Page 214: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ดอกไม้ของน้ำใจ สาว สาว สาว

อาจจะมีใครที่เคยสับสน และบางคนคงดิ้นรนไขว่คว้า

อาจเคยท้อเสียใจ หวังไว้ไม่ได้มา จนแม้เคยคิดจะหนีหน้าผู้คน

ด้วยวงแขนและเพียงมือสอง โอบประคองหัวใจเจ็บช้ำ

เส้นทางนั้นมืดมน ขาดฝนอันชื่นฉ่ำ หม่นมัวด้วยความมืดดำสิ้นหวัง

หากดอกไม้ แย้มบานในใจแห่งผู้คน ที่ทุกข์ทน

ความสว่างส่องทางสับสน ด้วยความรักที่มอบแก่กัน

ให้ดอกไม้ นั้นแทนความงามแห่งน้ำใจ...ยิ่งใหญ่

เมฆหมอกก็คงสลาย ด้วยดอกไม้คือความสดใสในแสงตะวัน

Seju de isuna toki kokoro shizuka ni

Hurikaero sono kata ni yasashii haru no ame

Hoho o nagareru namida koraezu

Omoide no sukiru made tatazu meba ii

To wa ni chiru koto no mai Hana o

Hito wa aishite kureru desho ka

Yasashi ame ni uta rete o chiru

Haka na sayu e hito wa aisuru no desho

* Hana wa hana yo hita sura saku.

Hana wa hana yo kita sura ni mau (sura ni chiru)

** คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส

คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน (*,**)

๒๑๔

C Em Am C Em

F G Em Am Dm G

C Am C Em

F G Em Am Dm G

Em Am7 F Fm

C Em Am Dm G7

Em Am7 F Fm

C Em Am Dm G C

C Em Am C Em

F G Em Am Dm G

C Am C Em

F G Em Am Dm G

Em Am7 F Fm

C Em Am Dm G7

Em Am7 F Fm

C Em Am Dm G C

C F C G7

C Am C G7

C F C G7

C Am Dm G7 C

Page 215: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตะวันชิงพลบIntro : D Em G A7

ตะวันสาดแสง แรงกล้าเบื้องบน เอื้ออาทรทุกแห่งทุกหน

ความคิด ความฝัน มุ่งกันทุกคน อยากเจิดจ้าเหมือนดังตะวัน

รัก โลภ โกรธ หลง มั่นคงในใจ ปิดบังดวงตามืดมัวเมา

แก่งแย่ง แข่งขัน ห้ำหั่น เชือดเฉือน ไม่มีเพื่อนมีมิตรจริงใจ

* ชีวิต (ชีวิต) ไม่พ้น (ไม่พ้น) ขึ้นลงก็แค่นั้น (อยากจะขึ้นอย่างนั้นให้นานๆ)

ตะวัน (ตะวัน) ชิงพลบ (ชิงพลบ) ชิงตกจากฟ้า (ลาจากหายไป)

ความรัก เจ้าเอ๋ย ทนทุกข์ อย่างนั้น ไยต้องมาปิดบังใจตน

เมื่อใจรักกัน บอกกันตรง ๆ ปล่อยใจเคียงคู่กันตามทาง

(ซ้ำ *)

ตะวัน ชิงพลบ เรื่องธรรมดา ปล่อยใจเคียงคู่กันตามทาง

๒๑๕

D Bm Em A7

D Bm Em A7 D

D Bm Em A7

D Bm Em A7 D

G D A7/G D

G D G A7

D Bm Em A7

D Bm Em A7 D

D Bm Em A7 D

Page 216: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ นิติพงศ์ ห่อนาค

Intro: C F C F Dm G Em Am Dm G C F

* ฝากหัวใจ ให้กันเอาไว้ก่อน ที่เราจะต้องห่างเหินไป

เผื่อว่าเราลำบากอยู่หนใด หัวใจก็ยังมีคนดูแล อาจจะมีบางคราว เราพบ ใครใหม่

เกิดหวั่นไหวไปตามประสาคนใกล้กัน แต่เรายังมีใจกันไว้ไม่หวาดหวั่น จะไม่เหลือดวงใจ

ที่คิดเผื่อใคร

** สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ ให้เราคอยดูเสมอ หากเราเผลอลืมไป แล้วดวงใจจะหาย

หมั่นคอยดูแล และรักษาดวงใจ เก็บเอาไว้จนวันที่ฉันเคียงคู่เธอ

ดนตรี C F C F Dm G Em Am Dm G C F

(ซ้ำ 1 รอบ) (**)

หากรัก ทีปนี

Intro : D Em A (2 times) G A D Bm Em A D

หากรัก เป็นแค่สองครองคู่ ครอบครองคน

จะเหลือแค่ตน กับตนเอง

รักอย่างนั้นย่อมร้องขอ หวงแหนหวาดระแวง

รักก็จะแพ้ เพราะเรียกร้อง ที่จะรัก

* เพราะรักคือให้ออกไป แล้วยังเบิกบานยิ่ง

รักไม่ใช่สิ่ง หรือสิทธิ์ จะครอบครอง

รักแท้ ไม่มีเจ้าของ หรือร้องขอที่จะรัก

เมื่อใดเรียกร้องความรัก แน่นัก หาใช่รักจริง ....Solo....(*)

๒๑๖

C F Em Am Dm G C/F

C F Em Am Dm G C/C7 F Em

Dm G C/C7 F Em Dm

D7 G

C Em Dm G Em Am Dm/G

F Em Dm G C

D Em A D

D Em A

G G D Bm

Em A D

A Bm

G A D Bm

G A D Bm

Em A D

Page 217: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เธอรู้ไหม (คนดี) แกงส้ม

อาจจะมีเพียงฉัน และวันแห่งความรักเรา

เหงามันอาจจะเหงา เมื่อเธอห่างไกลสายตา

กับบ้างครั้งที่เหนื่อย หัวใจมันอ่อนล้า

ฉันจะนอนหลับตาคิดถึงเธอ

* คนดี เธอรู้ไหม ว่าไม่มีใครแทนที่เธอ

แม้เราไม่เจอ เธอยังอยู่ในใจ

ยามใดที่ร้อนรน ต้องการใครสักคนเคียงใกล้

อย่างน้อยฉันยังมั่นใจ ว่ามีเธอ

ฝากกับดาวบนฟ้า หอบความคิดถึงนี้ไป

ให้เธอเก็บมันไว้ ถึงวันที่เราพบเจอ

หมื่นพันเหงาไม่หวั่น หัวใจมั่นเสมอ

แทนสัญญาถึงเธอ ว่ายังคอย

Intro : C/Em/F/G/C 2 times

รักยังอยู่ ให้รู้ไว้ว่ารักยังอยู่ เป็นหลักฐานของความทรงจำ ในหัวใจ

รักคือเพื่อนจะคอยร่วมทางไกล จะเก็บเอารักของฉันกับเธอให้เป็นความไว้ใจ

* ให้เป็นเพลงรัก ให้รักคอยเตือน อบอุ่นเสมอแม้เพื่อนอยู่ไกล

จะคอยกระซิบคิดถึงเธอทุกเวลา หากใจดวงน้อยเธอเหงาขึ้นมา

ในวันที่อ่อนล้าให้คิดถึงกัน เรื่องราววันนั้น งดงามอยู่ในความทรงจำ

(ซ้ำ *)

เรื่องราววันนั้น งดงามอยู่ในความทรงจำ

แขวนรัก เยาวชนกอดทะเลด้วยเสียงเพลง

๒๑๗

G Bm C D

G Bm C D

Bm Em C Cm

Am D G

C D Bm Em

Am D G G7

C D Bm Em

Am D G

G Bm C D

G Bm C D

Bm Em C Cm

Am D G

C Em F G C/G

C Em F G C/C7

F G Em Am

F G C/C7 F G

Em Am F G C

F G C

Page 218: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เธอเคยถามกับฉันที่ฉันรักเธอ ว่าอยากจะรู้รักเพราะอะไร

กลับไปคิดไปค้นใคร่ครวญมากมาย ไม่เจอ....คำตอบ

ที่ผ่านมานั้นไม่คิดอยากรู้ที่มา และไม่เคยหาเหตุผลใดๆ

แค่ตัวฉันเพียงรู้ว่าเป็นสุขใจ เมื่ออยู่เคียงกัน

*อาจจะฟังแล้วไร้เหตุผล ว่าสิ่งที่ทำให้คนรักกัน

หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ

**หากจะหาเหตุผลสักคำ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ

นั่นเป็นเพราะตัวฉันมาเจอ เจอสิ่งดีงาม

(*,**)

ตั้งแต่วันฉันพบเธอ ก็เจอแต่สิ่งดีงาม

ตั้งแต่วันฉันพบเธอ ได้เจอแต่สิ่งดีงาม

เพราะอะไร ประภาส ชลศรานนท์

๒๑๘

Em A7 D Bm

Em A7 D

Em A7 D Bm

Em A7 D

Em A7 D Bm

Em G A7

Em A7 F#m Bm

Bm A7 D

Em A7 D

Em A7 D

Page 219: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เรือลำหนึ่ง ธนพล อินทฤทธิ์

Intro / G C / G / C / G / C / G / C / D

หากชีวิตเปรียบดังทะเล

ฉันคงคล้ายเป็นเรือล่องไป

ให้ลมพาพัดไปไร้ทิศทาง

สุดขอบฟ้ากว้างใหญ่ ใครรู้บ้างสุดท้ายหนทางจะร้ายหรือดี ฮืม…

มีความหวังฝั่งอันแสนไกล

เห็นเพียงแสงรำไรอ้างว้าง

จะมีใครสักคนหรือไม่มี

หากคืนไหนไร้ดาวเหงาทุกที

ชีวิตก็อย่างนี้ อยากมีความหมาย

*เราคงเป็นดั่ง เรือน้อยลำหนึ่ง

ในทะเลแห่งชีวิตกว้างใหญ่

ฟ้าคลื่นลมซัดมาก็หวั่นไหว ในใจมีแต่จุดหมายคือฝั่ง

มันจะไกลสักเพียงไหนต้องไป แม้ว่าในหัวใจไม่มีใครเลย

ดนตรี / G / C / G / C / G / C / G / C / D

ฉันคงเป็นแค่เพียงผงฝุ่นในสายลม

ไม่มีไม่มีความหมายใดไม่มีใคร

มรสุมพัดผ่านทานไว้ได้

ชีวิตวันต่อไปไม่มีใครรู้ ( ซ้ำ * )

๒๑๙

G Bm

Am D G

Bm Am D

G Em Bm Em Am D

G Bm

Am D G

Bm Am D

G Em Bm Em

Am C D

G C

D G

C D G G C

D G Em D G

G Bm Am D

G Bm Am D

G Em Bm Em

Am D

Page 220: Saleung Entire Book 2009

สลึง เป็นคนปลูกต้นไม้ในความคิด

ร้องเพลงปลุกชีวิตให้สดชื่น

ร่ายลำนำให้ทุกคนได้หยัดยืน

แม้ตัวเองต้องสะอื้นทุกคืนมา

กอดเอาความจริงใจไว้กับอก

ซ่อนริ้วรอยหวาดสะทกบนใบหน้า

แหงนดูดาวพร่างพรายบนปลายฟ้า

ก่อนสองตามืดสนิทได้ปิดลง

ชูเกียรติ ฉาไทสง

๒๒๐

Page 221: Saleung Entire Book 2009

สลึง

โอ้อดีต นฤคหิต

โอ้อดีตที่ตรึงซึ้งใจ จากกันแสนไกลยังใฝ่คะนึง

ความหลังยังฝังตรึง ยามเมื่อคิดถึงตรึงจิตไม่วาย

เมื่อเธอจากไปไกลแสนไกล แต่ด้วยหัวใจยังใฝ่สร้างสรรค์

เพียงขอเธอมุ่งมั่น มาร่วมใจกันคงมั่นมิคลาย

สร้างฝันให้ฝันของเธอ มิใช่ฝันเพ้อละเมอเรื่อยไป

ขอเพียงแต่ก้าวไป หาความจริง

ความลำบาก ยากเย็นเข็ญใจ ฝ่าฟันเรื่อยไปอย่าได้ท้อถอย

วันที่เธอเฝ้าคอย คงไม่เลื่อนลอยจากฝันเป็นจริง

หนุ่มพเนจร คาราวาน

บนถนนหนทางซุปเปอร์ไฮเวย์ หนุ่มพเนจรท่องไปกลางฝัน

ฝันของเจ้าดูเลิศล้ำลาวัณย์ ฝันเจ้าฝันว่าโลกพิสุทธิ์เมลืองมลัง

โอ้ยามนี้ระวีแดงแสงโรยรา สกุณาเจ้าบินตัดฟ้าสู่รัง

บินไปเถิดเจ้านกน้อยผู้น่าชัง ตราบชีพยังชีวิตเจ้าก็ต้องบิน

* บิน บิน บิน บินไป บินไป บินไป เหมือนใจนี้

เสียงดนตรีบรรเลงเหมือนใจดิ้น แม้จะเจ็บปวดช้ำน้ำตาริน

ปีกยังบิน ตายังจ้องมองทาง

บนถนนหนทางซุปเปอร์ไฮเวย์ หนุ่มพเนจรกระเป๋าเดินทาง

มุ่งไปเถิดสู่ขอบฟ้าราง ๆ โลกไม่ร้างเพราะชีวิตเจ้ายังเดิน

(ซ้ำ*) โลกไม่ร้างเพราะชีวิตเจ้ายังเดิน

๒๒๑

A C#m D

D A Bm E7

A C#m D

D A Bm E7

D A

E

A C#m D

A E7 A

G Em

C G D G

G Em

C G D G

C Em

D G G Em

C D G

G Em

C G D G

D G

Page 222: Saleung Entire Book 2009

สลึง

วันเวลา พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป สุขสดใสไม่เคยเดินตาม

วันเวลาหมุนเปลี่ยนโมงยาม ต่างทับถมแต่ความทุกข์ทน

ในเวลาเหงาเปลี่ยวกมล เอาความฝันของฉันต่อเติม

บางเวลาได้มาช่วยเสริม สานเป็นความสดใส ไม่มากมายให้แค่มี

มีความหวังเป็นทางสร้างทำ มีความช้ำเป็นกำลังใจ

เอาความจริงที่แตกสลาย ใส่เบ้าหลอมรวมเป็นพลัง

เอาความเลวที่เกาะเกรอะกรัง กลั่นมันทิ้งกลิ้งเป็นตะกอน

เอาน้ำตาที่เคยเปียกหมอน ไปราดรดร่างคนรุ่มร้อน ให้ชุ่มเย็นไม่ย่ำยี

* ฝันนั้นล่องลอย ดุจหิ่งห้อยแสงริบหรี่

ฝันนั้นยังมี สิ่งสดใสในคืนเดือนดับ

รอตะวันรุ่งราง จะลาลับไม่รบกวน

ยามคุณร้าวรัญจวน ก็จะหวนแสงหิ่งห้อย

ลอยเรืองรองในคืนข้างแรม

(ซ้ำ *)

๒๒๒

A E F#m A

E F#m A

E F#m E

A F#m D A E A

A E F#m A

E F#m A

E F#m E

A F#m D A E A

D E A F#m

D E A F#m

D E A F#m

D E A F#m

D E A

Page 223: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นักแสวงหา พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

Intro :G

เสียงรถไฟกับเสียงใจที่สั่นตามเสียง คนเต็มคันเต็มตู้รถไฟรวมทั้งเขา

แสวงหาหนทางอยากไป ๆ ๆ ให้ถึง เผชิญโชคผจญภัยตามทางรถไฟไปส่ง

* เพราะยังเป็นหนุ่มจะงอมืองอขารอคอยทนไม่ไหว

จึงต้องไปเป็นหนุ่มนักแสวงหาหาทางให้ได้ดี

ในดวงตามีแต่ความหวังทุก ๆ คนต่างมีความหวัง

จึงมีความหวังเต็มคันรถไฟหัวใจเบ่งบาน

เมื่อรถไฟเงียบเสียงจอดลงปลายทาง ชีวิตเราข้างหน้าช่างเต็มด้วยความหมาย

แสวงหาหนทางอยากไป ๆ ๆ ให้ถึง เผชิญโชคผจญภัยตามทางรถไฟไปส่ง

ดนตรี/G Em G Em C Em C D G

วาดฝัน ศุ บุญเลี้ยง

มองดูดวงตะวัน ยิ้มแฉ่ง ลองระบายสีแดง สวยสด

ป้ายสีฟ้าให้ฟ้า แต้มสีเขียวให้ป่า สีรุ้งบางเวลาเราวาดเกินกว่า เจ็ดสี

* ยิ่งวาดยิ่งเห็น ยิ่งเห็นยิ่งฝัน ยิ่งฝันยิ่งสวย ยิ่งสวยกว่า

รักในสิ่งที่เห็น วาดเล่นในสิ่งที่ฝัน แต้มสีแต้มฝัน แต้มด้วยพู่กัน และใจ

** งามยิ่งดูยิ่งงามในความรู้สึก น้ำที่ลึกมีสีของฟ้าเจืออยู่

เขียวให้เขียวร่มไม้ ร้าย….ใจร้ายโค่นป่า ฟ้าสีฟ้า ถามว่า…คนสีอะไร

(ซ้ำ *,**)

๒๒๓

G Em G Em

C Em C D G

Em G

Em D

C Em

C D

G Em G Em

C Em C D G

A F#m C#m D A

D C#m D Bm E7

A Amaj A7

D C#m D E7 A

A F#m C#m A

D C#m D E7 A

Page 224: Saleung Entire Book 2009

สลึง

วาดฝัน ทำนอง ประสาน เปี่ยมอนันต์

คำร้อง วรฐ กายูรวัฒน์ วาดรูปสวย ด้วยสีที่บรรจงลงกระดาษ

วาดความฝัน วาดสายใยผูกพัน อันตระการ

วาดผืนดิน วาดพร้อมดอกไม้หอมบาน

วาดลำธารซ่านใสกระเซ็น

วาดภูผา ใต้ฟ้าที่พร่างพราว ด้วยดาวดื่น

วาดป่าชื้น ให้ผืนดินอุดม และร่มเย็น

วาดตะวัน คู่จันทร์ยามผันแสงเพ็ญ

วาดจนเห็นภาพเป็นความจริง

วาดหมู่นกนับร้อย และวาดเมฆคล้อยฟุ้งฟ้า

และวาดฝูงปลาว่ายไหว ใต้น้ำเย็นยวนชวนพักพิง

วาดน้ำค้างน้อยน้อย ค่อยหยาดค่อยย้อยพร้อยพริ้ง

วาดกระท่อมน้อยให้อิง หลบฝนยามลมโรยโปรยปราย

วาดรอยยิ้ม ภาพพริ้มความอิ่มใจ ให้ทุกสิ่ง

วาดเด็กหญิงน่ารัก น่าเอ็นดู คู่เด็กชาย

วาดสุดดี แต่มีสิ่งน่าเสียดาย

ภาพสุดท้าย ไม่เคยเป็นจริง

๒๒๔

C Dm Em F Em Dm C G

C Dm Em F Em Dm C G

C Dm Em Edim F F#dim Em6

Dm Em G

C Dm Em F Em Dm C G

C Dm Em F Em Dm C G

C Dm Em Edim F F#dim Em6

Dm G C Dm Em

F F#dim Dm A7

Dm E F G

Am Am/G C Edim

F6 C Dm G

C Dm Em F Em Dm C G

C Dm Em F Em Dm C G

C Dm Em Edim F Em

Dm G C

Page 225: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตราบใดความฝันยังไม่จบ (เสียเวลา) แกงส้ม

Intro : C Am F G (3 time)

ถ้าหากจะนับวันเวลาที่ล่วงไป คงไม่มีใครอยากให้มันนั้นสูญเปล่า

อดทนและตั้งใจในสิ่งใดจะหนักเบา กับสิ่งที่เราได้สร้างมันมา

* ถ้าหากว่าใคร กลับไปมองว่ามันผิด ทำให้ต้องคิดที่ผ่านไปเสียเวลา

หมดความหมาย สิ้นสุดไปไร้คุณค่า

อยากจะย้อนกลับมา เพื่อให้เราได้เริ่มใหม่

** ตราบใดความฝันยังไม่จบ คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่

กับเวลาที่เสียมันไป ก็เพื่อให้ได้บทเรียนนี้มา

เพียงมีความคิดจะไม่ยอม ปล่อยจิตใจให้ล้ากับเวลา

อย่าไปนึกเสียใจ กับสิ่งที่เราต้องแลกมันมา มันคือคุณค่าในวันพรุ่งนี้

Solo: C Am F G (3 times) (ซ้ำ *,**)

Solo : C Am F G (2 times)

๒๒๕

C Am

F G

C Am

F

G

C Am

F G

C Am

F G C

Page 226: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ปีกแห่งฝัน กลุ่มสลึง

Intro : A Amaj7 A7 D Dm A Bm E

ความฝันของฉัน ผิดใช่ไหมที่ต่างความคิด

สิ่งตัดสินถูกผิดมันเป็นเช่นไร ชีวิตเราก็มีหลายทาง

ทางของเธอจะเป็นเช่นไร แต่นี่คือทางของฉันที่เลือกไว้

ฉันจะทำสิ่งที่ฝัน ให้ผ่านพ้นไปสู่จุดหมาย

ด้วยกำลังแรงกายและความตั้งใจ แม้นจะดูเป็นเพียงภาพลาง

แต่เป็นภาพความฝันอันแสนยิ่งใหญ่ ฉันหวังเพียงจะมีผู้ใดได้เห็นคุณค่า

แม้นเจอฝนคอยซัดกระหน่ำ หรือพายุพัดผ่านไป

แล้วสักวันหนึ่งจะมีโลกใบใหม่ ที่มีฝันสดใส มากมายให้ไขว่คว้า

ปีกของฉันจะโบยบิน ไปยังฟ้าที่อยู่ปลายฝัน

รอเพียงวันเวลาจะพาฉันไป แม้นหนทางจะไกลเหลือเกิน

แต่ความฝันของฉันยังคงยิ่งใหญ่ แม้นสายตาของคนรอบกายจะมองไร้ค่า

แล้วสักวัน จะบินสู่ฟ้า ด้วยปีกแห่งฝัน….ของฉันเอง

ปีกแห่งฝัน : เพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อประกอบละครสำหรับเล่นในงานรับน้อ

ง ละครนี้ใช้ชื่อ เรื่องว่า “หมูบินได้” เป็นเรื่องของหมูตัวหนึ่งที่เกิดมามีปีก

และหมูตัวนั้นเชื่อว่ามันจะต้อง บินได้ด้วยปีกคู่นั้น จนแล้วจนเล่าที่มันพยายามหัดบิน

ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยจาก หมูรอบข้าง เพราะว่าหมูเกิดมาต้องกินกับนอนเท่านั้น แ

ต่สุดท้ายน่าเสียดายที่หมูตัวนั้น ละทิ้งความฝันว่าจะบินได้ และปีกคู่นั้นก็หลุดไป...

๒๒๖

A Amaj7 D Dm

A F# Bm E D Dm

A C#7 F#m Bm G E

A Amaj7 D Dm

A F# Bm E D Dm

A C#7 F#m Bm E A /A7

D C#m D E A

C#7 F#m C#m D Bm E

A Amaj7 D Dm

A F# Bm E D Dm

A C#7 F#m Bm E A

(C#m F#m E) Bm D E A

Page 227: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฝันแห่งศรัทธา เนื้อร้อง ต่าย ทำนอง ชาย ปิง

ท่ามกลางความสับสน บ้างดิ้นรนจนลืมฝันได้

บ้างทิ้งฝันเก่า เมื่อเยาว์วัย บ้างทิ้งฝันห่างไกล ไม่ติดตาม

* ไถ่ถามความฝัน ที่เธอมี ยังอยู่ดีหรือเปล่าหนอ ฉันขอถาม

จงอย่าทิ้งความฝัน อันงดงาม จงติดตามความฝัน ที่เธอมี

** จงนำฝันเป็นแรงใจในชีวิต จงเชื่อมั่นในสิทธิ์ของเธอนี้

*** จงศรัทธาในฝันที่เธอมี.. ถึงวันที่ เธอสร้างสรรค์ ฝันเป็นจริง

(ซ้ำ *,**,***,***)

รางวัลแด่คนช่างฝัน จรัล มโนเพ็ชร

อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป

ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครกางกั้น

* มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์

เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ให้เธอ

บนทางเดินที่มีขวากหนาม ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ

ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน

จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน

จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้นิรันดร์

(ซ้ำ*)

๒๒๗

D G A D

G A D

D G A D

G A D D7

G A D Bm G A D D7

G A D Bm G A D

F Gm Am Gm F Gm Am

Bb C A7 Dm Gm C7

F Gm Am Gm F Gm Am

Bb C A7 Dm Gm C7 F /F7

Bb Am A7 Dm C7

Bb Am Gm C7

F Gm Am Gm F Gm Am

Bb C A7 Dm Gm C7 F

Page 228: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เร่ขายฝัน เฉลียง

Intro: Eb-Eb Cm / Db Bb / Bb / Cm / Bb Bb / Eb / E / Eb / Bb+

ใครอยากมีฝันล้อมวงตรงเข้ามา มีฝันที่ว่าแบบหรูเลือกดูกัน คนที่ไม่มีฝันไกล

ใครไม่กล้าจะฝันกัน ขายถูกถูกเท่านั้นไม่เอาแพงเลย

ดนตรี: Eb Cm / Db / Bb / Eb / Bb+

มีเงินมากเงินน้อยไม่เห็นเป็นไร เราคัดเตรียมให้จัดไว้ของดีเอย เพียงให้อยากเอาฝันไป

(เพียงให้อยากเอาฝันไป) ไปไปทำให้สวยเลย

(ยา ย่า ย้า ยา) ฝันไม่จบอย่าเฉยมาเอาไปใหม่

ดนตรี: Eb / D7

ฝันสวยสวยนั้นแม้ขาดเงินจะซื้อ ยืมเอาไปเอาไปฝันกันได้ก่อน

แม้นสมหวังเหมือนฝันอย่าใจร้อน เอามาคืนความฝัน คืนมา

เผื่อจะได้เป็นฝันให้ยืมกันต่อ

เปรียบเรามีฝันนั้นเป็นดั่งทำนอง ชีวิตก็ดั่งคำร้องร้องตามจริง รีบรีบมาเอาฝันไป

(รีบรีบมาเอาฝันไป) ไปไปทำให้เห็นจริง

(ยา ย่า ย้า ยา) ฝันไม่เสร็จอย่าทิ้งไว้ตามริมทาง

ดนตรี: Ab / Cm / Fm / Eb Eb7 / Ab / Gm / Fm / Eb / Eb Cm / Db Bb /

Eb / E / Eb /Eb+

๒๒๘

Eb Cm Db Bb Eb Cm Db Bb Eb Eb7

Ab Abm Eb Eb6

Eb Cm Db Bb Eb Cm Db Bb Eb Eb7

Ab Abm

Eb Eb6

G C7

F Bb7

Eb Bb Bb+

Eb Cm Db Bb Eb Cm Db Bb Eb Eb7

Ab Abm

Eb Eb6

Page 229: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เก็บฝัน การ์ตูน มารูโกะ

ฝันแล้วก็อยากจะฝันอีก อยากชวนเธอไปเดินอยู่ในความฝัน

แล้วก็พากันไป

คิดแล้วก็หยิบเอาเสื้อใหม่ ใส่เจ้าตัวสวยไปแล้วก็ออกไปเดินเฉย

ฝอยกันให้ฟุ้ง

เราวิ่งกันไปจนสุดปลายฟ้า แล้วก็ล้มนอน

ลมโบกโชยพัดพาว่าวให้ย้อน ยุกยิกไปมาน่ามอง

มีแมลงเฝ้ารอ แมงปอสีแดงสีเขียวตัวเต่าทอง

ที่แม่น้ำลำคลอง ก็มองดูสุขสดใส

เก็บฝันให้ดี อย่าให้ฝันนั้นหนีเราไปได้

ประเดี๋ยวลืม ประเดี๋ยวลืม แล้วจะเสียดาย

๒๒๙

Page 230: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เห็นไหมนั่นหญ้ารกปกคลุมป่า

เธอจะลุยฟันฝ่าหรือถอยหลัง

เพียงเธอลองสำแดงแรงกำลัง

ทางที่หวังจะเปิดเกิดขึ้นมา

เธอจะเดินผ่านไปในที่สุด

แม้สะดุดหกล้มต้องก้มหน้า

กี่หยาดเหงื่อ รินรด หยดน้ำตา

มิหยุดเธอ หรอกถ้า กล้าไม่กลัว

ในใจมีแรงฤทธิ์พิชิตศึก

หากเธอฮึกเหิมใจไปได้ทั่ว

ขออย่ามืดหมองเศร้าในเงามัว

กำลังใจอยู่กับตัวกลัวทำไม

ไม่สำเร็จทุกเรื่องอย่าเปลืองคิด

ไม่สมหวังชีวิตก็คิดใหม่

สำนึกว่าแพ้ชนะคละกันไป

สุดท้ายภัยก็จะแย่แพ้เธอเอง

วิสา คัญทัพ

๒๓๐

Page 231: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทัพธรรม ฝ่ายวัฒนธรรม อมธ.

Intro : A G Fmaj7 E (2 times) E7

ดาวดวงคงล่วงลับไป วันและวัยคงหมุนเลยผ่าน

คืนคงนานแสนนานและมืดมน

เธอเดินบนหนทางไกล ดวงใจเธอท้อหมองหม่น

ลืมเลือนผู้คนที่เฝ้ารอ

วันที่โลกมืดมนและขมขื่นอย่างวันนี้

รอเพียงวันระวีจะส่องทาง

วันที่โลกมืดมนคนหมองหม่นและเมินหมาง

จะมีใครสร้างทางเพื่อส่องนำ….ไป

ดวงตะวันยังผันมาเยือน ดาวเดือนยังหมุนมาใหม่

วันเวลาล่วงไปแล้วไม่คืน

เธอจะเป็นเช่นแสงสว่าง เป็นพลังให้คนลุกตื่น

อย่าลืมวันและคืนที่ล่วงเลย

การเดินทางแสนไกลยากลำบากและขวากหนาม

มันจะตามคุกคามถ้าอ่อนแอ

เธออาจตรมทุกข์ทนและท้อได้แต่อย่าแพ้

อย่าลืมเลือนผันแปรในเส้นทาง … ไท

ขอบฟ้ากว้างไกล ภูผาพงไพร หนใด จะ…ฝ่าข้ามไปถึงได้ ไม่เกินพลังเธอ

จงลืมความท้อใจเร่งเดินทางร่วมสร้างสรรค์ เราจะไปด้วยกันตลอดทาง

* เราจะไปด้วยกันไม่ไหวหวั่นจับมือกัน เราจะไปด้วยกันตลอดทาง

( ซ้ำ *,* )

๒๓๑

A F#m C#m A

D A E E7

A F#m C#m A

D A E E7

F G C E

F G A

F G C E

F G G# A

A F#m C#m A

D A E E7

A F#m C#m A

D A E E7

F G C E

F G A

F G C E

F G G# A/A/G#m/F#m

D A F#m D A C#m/F#m/Bm E /E7

F G C E F G A

F G C E F G A

Page 232: Saleung Entire Book 2009

สลึง

รัตติกาล พันดาว

Intro : C Em / Am G / Dm G / C Cm / G Dm D7 / G / G7

(ช.) รัตติกาลนี้มัวมน ฟ้าหม่นมืดมิดทรมา

เดือนเลือนลับอำลา สีดำทาบทา ทั่วผืนพนาแนวไพร

(ญ.) ฟ้าดับเดือนลับลาดิน หรือสิ้นความหวังวางวาย

ดาวดวงน้อยประกาย นั้นยังพร่างพรายดังหัวใจคน มิเคยสูญสิ้นศรัทธา

(ช.) ฟ้ามัวมน ดาวยังพร่างพรายดาษดื่น

(ญ.) เย้ยดินมืด เมื่อเดือนละลาย อำลา

(ช.) เย้ยฟ้าหมองเหมือนทุกข์ทรมา

(ญ.) เย้ยจันทราดับฟ้ามลาย ขอเธอเป็นดังดาวสกาวผ่อง

(ช.) เหมือนจะต้องฟันฝ่าหนทางยาวไกล

(ช.) เขานั้นสูง (ญ.) หรือสูงเกินใจ

(ช.) หนทางไกล (ญ.) ไกลหรือเกินคน

(ญ.) ดาวยังเด่นดังเย้ยฟ้ามัวมน

(ช.) เหมือนใจคนมิหมดศรัทธา

(ญ.) คนนั้นยังคงยืนเด่นเย้ยโลกา

(ช.) ตราบชีวาวายวาง

(ญ.) แม้นยืนหยัดต่อสู้ต่อไป

(ช.) เขาถึงสูงเพียงใดหรือมิอาจขัดขวาง

(ญ.) ขอแต่เพียง

(พร้อม) ยังยืนหยัดต่อสู้ต่อไป อุปสรรคใด ๆ ต้องหลีกทางให้เราเอย (ซ้ำ*)

๒๓๒

C Em Am G Dm G C C7

F Em Dm D7 G/G7

C Em Am G Dm G C C7

F Em Dm F G7 C

Am

Dm G

C F

E Am

Dm G

C F

E Am

A C#m D F#m

E A C#7

F#m A E

A D Bm E

A D C#7

F#m E A

F#m E

A D F#m E A

Page 233: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ขอเพื่อนจงหยัดยืน นกพิราบบินเหินลอยทั่วไพรกว้าง ตะวันสาดแสงมาอาบไล้ขนปีกเจ้างาม

ฝากเสียงร่ำถึงเสรีภาพอันสดใส ฝากที่เจ้าสั่งถึงเพื่อนเรามีสิทธิ์เสรี

อย่าท้อใจเมื่อเจอความลำบาก ความทุกข์ยากเพื่อนอย่าหวั่น

จงฟาดฟันให้มันสิ้นไป ขอเพื่อนจงหยัดยืน เพื่อนจงหยัดยืน

เดินพวกเราเดิน ก้าวเดินบนหนทางชัย

เราจะก้าวไป ก้าวไป ด้วยจิตใจร้อนแรง

มีสัจธรรมเราจะกลัวอะไรเล่า มีหนทางแสงสว่าง

ฝากหัวใจถึงเพื่อน ๆ เราทุกแห่ง แสงระวีส่องทาง ระวีส่องทาง …

สามัคคี

จับมือกันไว้ให้มั่นคง เพื่อความยืนยงสามัคคี

รักกันปรองดองเหมือนน้องพี่ เพื่อความสามัคคีมีร่วมกัน

โกรธกันนั้นไซร้เป็นสิ่งเลว ดุจดังเป็นเปลวร้อนไฟนั่น

เผาใจให้มีความไหวหวั่น จับมือยิ้มให้กันนั่นแหละดี

ต่อสู้ร่วมกันไม่หวั่นภัย หยัดยืนสู้ไปด้วยใจมั่น

แม้นภัยใดใดไม่ไหวหวั่น ยืนหยัดสู้ร่วมกันด้วยมั่นใจ

๒๓๓

C Am G C C Am G7 C

Am G7 C Am G7 C G7

F G7 C Am F G7 C C7

F G7 C Am F Dm G7

C Am G7 C

C Am G7 C

F G7 C Am F G7 C C7

F G7 C Am F Dm G7

C Dm C Em

C Dm Am C Dm C

C Dm C Em

C Dm Am C Dm C

C Dm C Em

C Dm Am C Dm C

Page 234: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ถึงเพื่อน พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

ในโลกแห่งความฝันและวันที่เป็นจริง เรื่องราวทุกสิ่งต่างกันมากมาย

เธอจงเสาะหาพกพานำไป เพียงรักเต็มหัวใจ กำลังใจเต็มทรวง

ถ้าเธอเหนื่อยนัก หยุดพักเสียก่อน ล้มตัวลงนอนแนบตักฉันนี่

จะหนาว จะร้อน จะคอยพัดวี หลับฝันถึงสิ่งดี หลีกหนีสิ่งเลว

แม้เธอปวดร้าว ก็ขอเพียงสู้ ฉันยังยืนอยู่คู่เธอ มิแหนงหน่าย

หากเธออยากถามว่าฉันคือใคร ฉันคือหัวใจศรัทธาของผองชน

มาร่วมใจ ประกายดาว

มาเร็วมาร่วมใจ หยัดกายทายท้าทุกข์ทน

จับมือสามัคคีทุกคน...เราจะท้อ อะไรเล่า

เร็ว เร็ว เร็ว มา มา มา เร็วรีบมา ชัยชนะรออยู่ ( ซ้ำ 2 เที่ยว )

ชีวิตกับความหลัง isn't

เราได้เกิดมาหนึ่งหน เราผจญเพื่อความหวัง ทุกข์ประดังเมื่อความหวังพังทลาย

ลืมอดีตที่ขื่นขม ทุกข์ระทมให้เลือนหาย เหมือนนิยายผ่านฝันร้ายที่อับเฉา

* แม้บางวันฝันชื่น หรือบางคืนฝันเศร้า ยิ้มระรื่นรื่นโลมเล้าคลายเศร้าใจ

ยังไม่สิ้นแห่งความหวัง ชีวิตยังสดแจ่มใส ทุกข์ทำไมสู้ต่อไปในโลกเอย

ลา ลา ลา...

๒๓๔

D Em A7 D D7

G Em A7 D

D Bm A7 D D7

G Em A7 D

D Bm A7 D D7

G Em A7 D

C Am Dm

Am C Dm C

C Dm C Bm Em Dm C

A A7 D E7 A E7

A A7 D E7 A A7

D A B7 E

A A7 D E7 A A7

A A7 D E7 A

Page 235: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ให้เธอทั้งหมดเท่าที่มี เท่าที่ชีพนี้จะมีได้

มีใจก็จะให้หัวใจ ไม่มีก็จะให้เท่าที่มี

ตรงนั้นน้ำค้างระยางระยับ วูบวับกลอกแก้วกระจายสี

ค่อยหยดค่อยหยาดยินดี ตรงที่เธอปรารถนาปอง

เป็นเพื่อนดื่มด่ำกับความคิด เป็นมิตรสนิทเมื่อเธอหม่นหมอง

เป็นร่มรายรับประคับประคอง เป็นพรมลาดรองรับเท้าเธอ

ทั้งหมดทั้งนั้นที่ฉันมี ยินดีมอบให้เธอเสมอ

บางสิ่งที่ใจเธอใฝ่เจอ คือสิ่งเลิศเลอที่ฉันมี

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

๒๓๕

Page 236: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กำลังใจ โฮป

ในยามที่ท้อแท้ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย

ในยามที่ชีวิตหม่นหมองร้องไห้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน

ในวันที่โลกร้างความหวังให้วาด มันขาดมันหายใครจะช่วยเติม

เพิ่มพลังใจให้ฉันได้เริ่ม ต่อสู้อีกครั้งบนหนทางไกล

* กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่

ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง

กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม

ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดรินสู่พื้นดินแห้งผาก (ซ้ำ *)

สู่เส้นชัย พลังเพลง

Intro : D Bm D Bm

ทางข้างหน้าลางเลือนเหมือนว่างเปล่า แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้

ที่ตรงโน้นมีหุบเหวมีเปลวไฟ ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน

อนาคตนั้นช่างคดเคี้ยว มันลดเลี้ยว เลี้ยวไปใช่สุขสันต์

ยากลำบากใช่เพียงแต่เสี้ยววัน แต่จะต้องฝ่าฟันจนวันตาย

บนหนทางแม้มีสิ่งใดขวาง ไม่อาจกางกั้นฉันและเธอได้

หนทางนี้สัญญาอย่างมั่นใจ ด้วยพลังยิ่งใหญ่ร่วมในศรัทธา

จะขอฝ่าฟันข้ามความทุกข์ยาก จะลำบากเราสู้ดูเถิดหนา

จะร่วมแรงร่วมกันด้วยศรัทธา ทางข้างหน้าสู่ชัยที่หมายปอง

๒๓๖

D Bm A D

Bm D A G D

D Bm A D

Bm D A G D

D/Dmaj7/Bm G A D

D/Dmaj7/Bm D A G Bm

D/Dmaj7/Bm G A D

D/Dmaj7/Bm D A G A D

D Bm D Bm

D Em F# Bm

Bm D Bm

D Em F# Bm F#7

Bm D Bm

Em A7 D

D Bm D Bm

D Em F#m Bm F#7 Bm

Page 237: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คาราวานแด่...เจ้าดอกไม้

กอบเอาหัวใจของเธอที่ฝากไว้ หลายปีที่ห่างไกลแสนหน่วง

กลีบเจ้าร่วงโรยแล้งลมที่พัดโชย เสียงเพลงที่บีบโบยเฉาร่วง

โอ้เจ้าดอกไม้ เคยบาน ครั้งหนึ่ง…นานมาแล้ว ความตั้งใจแน่แน่ว

เสียงเพลง บรรเลง กล้าหาญ สายลม แสงแดด ดอกไม้บาน

การกู่ขาน จนแผ่นดินสะท้านทะเลสะเทือน

อยากให้เจ้าบิน เหมือนนกที่ผกผิน เหินลอยเหนือแผ่นดิน เหมือนก่อน

ชั่วชีวิตคน เส้นทางอาจสับสน ก้าวไปไม่อับจน ร้าวรอนตราบจนชีวิตเจ้าวาย

หวังเถิดหวังตราบใจหวังตั้งใจไว้

หวังและใฝ่ตราบที่ใฝ่ในความฝัน

ทางเหยียดยาวเราพร้อมก้าวไปด้วยกัน

ไปที่นั่นไปที่นี่ที่มีเรา

หากว่าหนาวจะสุมไฟไล่ความหนาว

เล่านิทานดวงดาวยามเธอเหงา

หากว่าร้อนจะเป็นลมพัดเบาเบา

ขับไล่ร้อนรุมเร้าให้เจ้าเย็น

ชูเกียรติ ฉาไทสง

๒๓๗

D G A A7 D

G A D

Bm Bm F#m G Bm

G A F#m G

A Bm D

D G A A7 D

G A D Bm D

Page 238: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เนื้อร้อง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ทำนอง ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี

ทานตะวัน

ตะวันส่องใสแดดฉายลงมาทาบทาทิวทุ่ง

แผ่วลมผ่านโรยเหมือนโปรยกลิ่นปรุงดอกฟางหอมลอย

ดอกหญ้าดาววับวาวทางเกลื่อนเหมือนดังหยาดพลอย

แตะนิดต้องน้อยราวมณีร่วงพรูพลัดพรายลงดิน

จะอยู่แดนไหนสุดฟ้าแสนไกลคะนึงถึงถิ่น

ด้าวแดนแผ่นดินที่เราจากมาเนิ่นนานแสนนาน

ดอกหญ้างามงดงามดังก่อนหรือรอนร่วงราน

แดดร้อนดินแล้งลมระงมแผ้วพานบ้านนาป่าเขา

* ทุ่มกายทุ่มใจเข้าโหมแรงไฟหัวใจแรงเร่า

ยิ่งสร้างยิ่งทำระกำหนักเบาดิ้นรนหนทาง

เจ้ามิ่งขวัญยิ่งวันยิ่งเดือนยิ่งเลือนยิ่งราง

ทอดทิ้งทุ่งร้างวันและวันผ่านเยือนเหมือนเดินทางไกล

** ตะวันส่องแสงสาดแสงลงมาทาบทาทางใหม่

ร่วมจิตร่วมใจก้าวไปก้าวไปฝ่าภัยร้อยพัน

มิ่งขวัญเอ๋ยหัวใจเรามั่นเหมือนทานตะวัน

เฉิดแสงแรงฝันกลางระวีตะวันสีทองส่องใส ( ซ้ำ * , ** )

เฉิดแสงแรงฝันกลางระวีตะวันสีทองส่องใส

๒๓๘

C Am C

Dm G

Am C Dm

C Dm G G+

C Am C

Dm G

Am C Dm

C G C

C Am C

Dm G

Am C Dm

C Dm G G+

C Am C

Dm G

Am C Dm

C G C

C G C

Page 239: Saleung Entire Book 2009

สลึง

Intro : C/Am/F/Dm (2times)

เดินคนเดียว เดินไป ไม่เห็นเส้นทาง มีขวากหนาม กั้นขวางเส้นทางเอาไว้

กลับหลังคืนมา คืนมาหาเส้นทางใหม่ หมุนคว้างไป แต่ หัวใจยังมั่น

สุดท้ายปลายทาง หวาดหวั่น สั่นเสียว เดินคนเดียว จุดเทียนส่องทางไม่หวั่น

ดวงดาวดารา สาดแสงลา มานับพัน มีแหล่งปัญญา แบ่งปัน มาตลอดทาง

ยังมีเสือ หมูสัง ขวาง เส้นทางไว้ ลำน้ำใหญ่ ตะเข้นอนฟาดหาง

ดวงเทียนดับไป มอง ไม่เห็นทาง หิ่งห้อย กลุ่มน้อย บินมานำทาง.

* ส่องทางเรื่อยไป ตั้งใจ อุทิศ แม้จะน้อยนิด มากมี คุณค่า

ทางที่ แสนยาก ลำบาก นาๆ หิ่งห้อยดับแสง หมดแรง นำพา

(ซ้ำ *)

เหลือเพียงแสงธูป ดอกสุดท้าย ส่องทางเดินไป ไม่ไหว หวั่น

ธูปดอกสุดท้าย โฮป

นางนวล พลังเพลง

Intro : Dm Gm / F Gm Dm / Gm F Am7 / Dm A7 Dm

ขอบทะเล เงินยวง โผบินนางนวล

หากลัว คลื่นลม กระหน่ำ

ปีกกระพือ บินไป หนทางกว้างไกล

หาเคย จำผิด ทิศทาง

* โบกบิน เทียมฟ้า ได้มองลับตา

เจ้านั้น ใฝ่หา วิถีทาง

ฉันตั้งใจ จะเอา เยี่ยงอย่าง

ท้าทาย ยืนหยัด อย่างทระนง (ซ้ำ * )

๒๓๙

C E7 Am F C G7

F C Am F Dm C/G7 C

G7 C E7 Am F C G7

F C Am F Dm C G7 F/C

C/C7/F/G7 C C7 F G7 C

C7 F/G7 Am F G7 C/Am/F

Dm C E7 Am F C E7 G7

F C F F Dm C G7 F/C/G7 (C/Am/F)

Dm C Am F G7 C

Dm Gm Dm

C7 Dm A7

Dm Gm Dm

C7 A7 Dm

F Gm F

Gm Dm A7

Dm Gm Dm

C7 A7 Dm

Page 240: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เพลินไพร พันดาว

เบื้องหน้าคือเส้นทางเหยียดยาว ผ่านขุนเขาทะมึนเสียดฟ้า

ฝ่าดงหนามรกราฝ่าดงพงป่า ข้ามธาราเชี่ยวไหล

ท่ามกลางเปลวแดดร้อนแผดเผา กลางลมหนาวกระพือเหน็บใน

ท่ามกลางสายฝนโปรยเจิ่งนองน้ำไป ลื่นโคลนไหลคลุกคลาน

* เพลินพงไพร ในหัวใจทุกคนสราญ มวลหมู่ดอกไม้บาน ลำธารพนา

ปีนป่ายข้ามภูผา สุดฟ้ามิอาจขวางกั้น

เมื่อเราได้มาถึงยอดดอย ความเหนื่อยล้าก็พลอยหมดพลัน

เหม่อมองฟ้าเมฆลอย ปล่อยใจสำราญ จวบตะวันลับตา

(ซ้ำ*)

ทางเดินหนุ่มสาว สตริง อมธ.

หนุ่มสาวจงก้าวรุดไป เธอจงก้าวรุดไป เพื่อชัยของเรา

ชีพนี้เราจะขอสู้ไป จะไม่หวั่นผองภัย ด้วยใจทระนง

สู่จุดหมายสดใสเด่นพราว เพื่อนหนุ่มสาวก้าวบนหนทางใหม่

อุปสรรคยากเย็นเข็ญใจ จะก้าวไปด้วยใจมั่นคง

ถึงหนทางคดเคี้ยวกว้างไกล ไม่ย่อท้อร่วมเดินเข้าฟันฝ่า

จับมือกันประสานมวลประชา ร่วมทางมาด้วยเจตจำนง

F C G Am

F C G7 C

C G7 F C

C G F C

C G7 F C

C G F C

๒๔๐ C Em Am G C Em Am

A7 Dm F D7 G D7 G7

C Em Am G C Em Am

A7 Dm D7 F G7

F G C Am Dm F A7

D7 G D7 G7

C Em Am G C Em Am

A7 Dm D7 G7 C

Page 241: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตรงเส้นขอบฟ้า

ตรงเส้นขอบฟ้ารุ่งเรือง เมืองที่เราใฝ่ฝัน

เก็บความสั่งสมนมนาน เป็นสายธารสดใส

จะไปให้ถึงคนงาม ถามว่าเป็นสุขไหม

แบกความสับสนวุ่นวาย บรรทุกความทรงจำ

ทั้งๆที่รู้ร่างกาย มากมายแผลใจเจ็บช้ำ

ไม่โทษไม่ถามใครทำ จะไม่ซ้ำในรอยแผลเก่า

* เพื่อวันที่หวัง ยังรอ ต่อไป ด้วยใจมั่นคง

หลงคอยแลแม้คืนวันไกลห่าง ไม่จืดจางร้างรา

แม้เวลาล่วงเลยอยู่เป็นนิรันดร์

ทั้งๆที่รู้ว่าไกล จะไปแม้ไกลกว่านั้น

กี่เดือนกี่ปีกี่วัน คืบคลานทนทานเพื่อเธอ

(ซ้ำ *)

พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

๒๔๑

D A7 D

A7 D

A7 Bm D

A7 D

D7 Bm A7 D

A7 D

Bm D E A

D F#m A

Bm D

D7 Bm A7 D

A7 D

Page 242: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ความเป็นจริงที่เผชิญหน้าอยู่ ออกจะดูอึมครึมและหนักแรง

โตกันมาก็ไม่ทันจะแกร่ง ยังแจกแจงตัวเองไม่เสร็จเลย

เป็นไปเองอย่างที่พอจะเป็น อย่างทีเห็นที่อ้างเอย

ตามกันไปอย่างกับคำพังเพย แต่ไม่รู้เลยจุดยืน

เวลาใดที่ดวงใจหดหู่ จะเลือกใครเป็นครูคอยบอกทาง

คนละวัยก็เลยมีช่องว่าง ยังเคลือบคลางแคลงใจไม่ได้ความ

พอใจทำอย่างที่ตัวพอใจ ก็ถูกมองเห็นเป็นคนห่าม

ทำยังไงจะให้ดูสวยงาม จึงเกิดเป็นคำถามเป็นบทเรียน

มีปัญญาหาอะไรใหม่ๆ มาแต่งเติมดวงใจให้ใฝ่ฝัน

ทางยังไกลก็ต้องทนบากบั่น ถ้าสั่นกลัวมัวเกรงไม่เก่งจริง

ความโลเลแห่งทะเลสังคม ง่ายจะล้มจะจมดิ่ง

เต็มกำลังก็ยังโดนช่วงชิง หมดไม่เหลือก็เบื่อเอง

(ซ้ำ *)

แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน จรัล มโนเพ็ชร

๒๔๒

Dm Am C Dm

Dm Am C Dm

F Gm C Dm

F Gm C Dm

Dm Am C Dm

Dm Am C Dm

F Gm C Dm

F Gm C Dm

Dm Am C Dm

Dm Am C Dm

F Gm C Dm

F Gm C Dm

Page 243: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คงจะมีสักวัน

คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ชื่นใจ คงจะมีสักวันคงเป็นวันที่ยิ่งใหญ่

อยู่บนทางที่เธอเคยหวั่น แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ ไม่ไกล

* หากใจท้อ ขอจงอดทนหนทางที่เดินไป

เหนื่อยเพียงไหน ไม่กลัวสิ่งใด ก้าวไปให้มั่นคง

** คงจะมีสักวัน คงเป็นวันที่ชื่นใจ คงจะมีสักวันคงเป็นวันที่ยิ่งใหญ่

อยู่บนทางที่เธอเคยหวั่น แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ ไม่ไกล

(ซ้ำ **,*) (ซ้ำ *)

เนื้อร้อง เรวัต พุทธินันทน์

ทำนองเรียบเรียง อัสนี โชติกุล

ถ้ามีวันนั้น ชีพชนก ศรียามาตร์

ถ้าหากมีวันนั้นที่เธอต้องทน อยู่ในความสับสนและวุ่นวาย

บางสิ่งมันทำร้ายในจิตใจ เธอหวั่นไหวเกินรับได้ทัน

ไม่อยากให้ยอมแพ้แม้ยังมีกัน อย่าปล่อยให้เสียขวัญกระเจิงไปไกล

ไม่อยากให้เธอท้อจนหมดใจ สู้ต่อไปสักวันต้องดี นา...นา...

* ฉันจะกล่อมใจให้เธอ บทเพลงรักอันสดใสและไพเราะ

ยังจริงใจเสมอไม่ทอดทิ้งกัน

** จะกอดกล่อมเธอไว้ไกลความมืดมน ไปจากความสับสนและวุ่นวาย

เต็มเปี่ยมด้วยความรักและห่วงใย จากดวงใจของใครอีกคน

(ซ้ำ *,** ) นา...นา...

๒๔๓

G Dadd9 G Dadd9 C

Am Em Bm7 C /D/G G7

C D G C D G

C D G C D G

G Dadd9 G Dadd9 C

Am7 Em7 Bm C/D/G

D G A D G A Bm

B7 Em A D

D G A D G A Bm

B7 Em A D G F#m Em D

G A D G A Bm

B7 Em A

D G A D G A Bm

B7 Em A D

G F#m Em D

Page 244: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตะกายดาว

อยากจะเป็นจะมุ่งไป เป็นอะไรดีดีสักอย่าง

คงจะมีหนทางก็ฝันกันไป

อยากจะเป็นคนสำคัญ คงสักวัน…จะก้าวไกล

ไปเป็นดาวดวงใหญ่จะโด่งจะดัง

* แม้จะล้มก็คิดจะคลานเหงื่อจะซ่านกระเซ็น

ถ้าคิดแล้วคุ้มจะขอไปเป็นอย่างหวัง

จะร้อนหรือหนาวก็พร้อมจะทน จะไปเป็นคนยิ่งใหญ่

ก็ค้นกันไป หากันไปหนทาง

**ก็อยากจะดัง มันจึงต้องไป ในเมื่อใจมันเอาซะอย่าง

ยอมทำทุกอย่าง ตะเกียกตะกาย

(ซ้ำ *,**)

ดวงใจน้อย ๆ

อยากไปอยู่ขอบฟ้า ขอบฟ้าที่ว่าไกล จะตามไปตามดวงใจ ดวงใจที่ลอยหาย

ละลายความสับสน ในใจที่มากมาย ไม่ปล่อยให้ทำร้าย ดวงใจน้อยๆ

เหตุที่เธอจะแพ้ คงเป็นเพราะใจไม่เปิดกว้าง

ปล่อยให้ดวงใจคว้าง วางหวังงามที่ฟากฝัน

หากว่าเธอครุ่นคิด อาจจะแพ้อย่างเฉียบพลัน

หมกมุ่นอยู่ทุกวันพักใจไว้ก่อน

* ก็เป็นแค่ใจน้อยๆ ล่องลอย ตามสายลม พลัดหลงไปตามอารมณ์

ให้ใจหมองมัวมน ข่มดวงใจน้อยๆ (ซ้ำ *)

เลยอยากไปอยู่บนขอบฟ้า

เอี้ยว ณ ปานนั้น

๒๔๔

G C

Am G

G C

Am D G/G7

C D Bm Em

C D G/G7

C D Bm Em

Am A7 D

G C

Am D G

G C D G

G Em D G

G C

D G

G C

D G

C D G D

D7 G

G

Page 245: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฟ้า ทำนอง ประสาน เปี่ยมอนันต์

คำร้อง วรฐ กายูรวัฒน์

โลกของฟ้า ดังชีวาบนแดนดิน ตะวันที่ผันผินคือวิญญาณ์

ลมไหวไหว แทนหัวใจที่หาญกล้า เมฆบนท้องฟ้าแทนอารมณ์

เมฆที่หมอง ครองฟ้าใสเมื่อใจงาม ทวนคำถามเมื่อยามตรม

หม่นเต็มผืน ใจยังยืนเพราะฝืนข่ม ใจระทมเฝ้ารอคอย

* คอยผจญจนที่สุด เพื่อถึงจุดเคยหลุดลอย

คือสายรุ้งปรุงฝนปนปรอย ที่คอยวันอันสดใส

** เมฆปรายฝน เยือนบนแดนกว่าแสนฝั่ง คืนความหวัง กำลังใจ

ฟ้าผันผวนหวนใจกล้าสู่ฟ้าใหม่ คืนวันใส ให้ใจสู้

( ซ้ำ *,** )

จุดหมายเดียวกัน ทำนอง ประสาน เปี่ยมอนันต์

คำร้อง สมาชิกค่ายกลุ่มสัมพันธ์ ต.อ.ครั้งที่ ๑๒

เรา....ต่างผูกพันด้วยความจริงใจ ฝันใฝ่...เพื่อก้าวไปสู่ฝัน

เรา...ต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ทางแสนไกลไม่หวั่น จะฝ่าฟันขวากหนาม

รวมหัวใจเป็นหนึ่ง เพื่อถึงวันแสนงาม จะเป็น เส้นทางข้ามผ่าน

ไปถึงยังเส้นชัย ร่วมกัน

มีความศรัทธา อะไรจะมาขวางกั้น มีน้ำใจไมตรี มีจุดหมายเดียวกัน

เพื่อสร้างสรรค์ ความหวังของสังคม

รวมหัวใจเป็นหนึ่ง เพื่อถึงวันแสนงาม จะเป็น เส้นทางข้ามผ่าน

ไปถึงเส้นชัย....ร่วมกัน

๒๔๕

C F C G

Am Em F Em Dm G C G

C F C G

Am Em F Em Dm G C/C7

F Em F G C/C7

F Em Am D7 G

C F C G

Am Em F Em Dm G C

C Em F G

C Em F G

Em A7 Dm G Em A7

Dm G C

C Dm Em Dm F Em Dm C

Dm D7 G

Em A7 Dm G Em A7

Dm G C

Page 246: Saleung Entire Book 2009

สลึง

อย่ายอมแพ้ สุนิสา สุขบุญสังข์

Intro : / D Dmaj7 Bm Bm A G A D

หากวันนี้เราล้มลง ยังคงลุกขึ้นได้ใหม่

ถ้ายังคงมีหนทาง ถ้ายังมียิ้มสดใส

ก้าวไปอย่าหวั่นไหวหวาดกลัว พร้อมทนทุกข์หมองหม่น

ผจญความมืดหมองมัว ไม่กลัวจะฝันถึงวันใหม่

* หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจไม่สิ้นหวัง

ปัญหาแม้จะหนัก ก็คงไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้งก้าวไป

** ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้

จงลุกขึ้นสู้ไป จุดหมายไม่ไกลเกินจริง

ดนตรี / D F # m G A D F # m Bm A G A A D

(ซ้ำ *,** )

ดนตรี / D G A D

๒๔๖

D F#m G Em D

F#m Bm

Bm A G A7 D

G A A7 D G F#m G A7 D

G F#m G A D

F#m Bm A G A7

D Bm Em A7 D

G A D Em A D

Page 247: Saleung Entire Book 2009

สลึง

การเริ่มต้น พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

ทุกทุกวันที่คนเหล่านั้นฟันฝ่า ทุกเวลามีเจ็บมีคนล้มไป

ทุกทุกใจมีความใฝ่ฝันแตกต่างฝันไม่เคยบังเกิดแก่คนท้อใจ

*ในกลางทางไม่อาจจะหวังเกินความเป็นจริง อาจถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง

เปล่าเปลี่ยวและเคว้งคว้างกลางลมวน และไกลจากจุดหมาย

** ฝนแม้ซัดพัดแรงเพียงใด ดังปัญหาที่โหมใส่

ฟ้านั้นรู้และคอยดูใจ ให้เรียนรู้หาคำตอบ

แม้ล้มลุกคลุกคลานเพียงใด เหนื่อยเพียงไหนให้สู้ต่อ

ฟ้าใสใสนั้นยังคอยรอ อย่าไปท้อให้เริ่มใหม่

แม้บางคราวต้องปวดร้าวเท่าไหร่ หัวใจเธอจะเติบโตตามหนทาง

เหมือนตะวันที่เวียนจากฟากฟ้าหนึ่ง ถึงเวลาจะสาดประกายชี้ทาง

ซ้ำ (*,**)

๒๔๗

Page 248: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ผิงดาว ชูเกียรติ ฉาไทสง

ฝากดอกไม้นานาพันธุ์ ฝากความฝันอันสูงค่า

ฝากรอยยิ้มและน้ำตา ที่หลั่งมาจากหัวใจ

ฝากสายรุ้งที่แพรวพราว ฝากแสงดาวอันแสนไกล

เป็นบทเพลงอ่อนหวาน เป็นสายธารอ่อนไหว

ฝากรักหวานละไมมอบให้เธอ

* ให้เธอก้าวไปอย่าไหวหวั่น จุดหมายร่วมกันเราฝันใฝ่

ให้โลกนี้งดงาม เกิดความสุขสดใส มีรอยยิ้มความเข้าใจให้ทุกคน

** ปลุกความฝันอันยิ่งใหญ่ แด่ดวงใจทุกดวง

จุดไฟรักให้โชติช่วง ดับไฟลวงเล่ห์มายา

โลกสวยด้วยน้ำใจ เป็นรักใหม่เราขึ้นมา

*** คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนฟ้า

จากรัก จากศรัทธาของเรา ดนตรี (ซ้ำ *,**,***,***)

Solo: G/Em/C/D7 (3 times) , Am/G/Am/G/C/D7/G/G7

๒๔๘

G Em C D7

G Em C D7

G Em C D7

Am G Am G

C D7 G

C D7 G C D7 G

Am D7 G Em C Am D7

G Em C D7

G Em C D7

G Em C D7

Am G Am G

C D7 G

Page 249: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เก็บตะวัน อิทธิ พลางกูร

Intro: C Em Am F/G C Em Am F/G C Em C/Em/Am/G/F G C G

เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า เก็บเอามาเก็บไว้ในใจ

เก็บพลังเก็บแรงแห่งแสงยิ่งใหญ่ รวมกันไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว

เก็บเอากาลเวลาผ่านเลย สิ่งที่เคยผิดหวังช่างมัน

หนึ่งตัวตนหนึ่งคนชีวิตแสนสั้น เจ็บแค่นั้นก็คงไม่ตาย

* ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้มเมฆหม่น พายุฝนอยู่บนฟากฟ้า

คงไม่นานตะวันสาดแสงแรงกล้า ส่องให้ฟ้างดงาม

หากตะวันยังเคียงคู่ฟ้า จะมัวมาสิ้นหวังทำไม

เมื่อยังมีพรุ่งนี้ให้เดินเริ่มใหม่ มั่นคงไว้ดังเช่นตะวัน

มั่นคงไว้ดังเช่นตะวัน (ซ้ำ*)

เก็บไว้ให้เธอ วรรธนา วีรยวรรธนะ

ลมที่โชยพัด ต้นหญ้าใบไม้ปลิว แดดที่อ่อนใส หอมกลิ่นของวันใหม่

เมฆน้อยน้อย ยังลอยเป็นนิทานบนฟ้าไกล อยากให้เธอได้มาอยู่ตรงนี้จัง

หยาดฝนที่ทอสาย พร่างพรมสู่พื้นดิน ใบไม้แตกกิ่งใบ มาสู่โลกใบใหม่

เด็กน้อยน้อย ยังคงมีฝันลอยไปกว้างไกล อยากให้เธอได้มาอยู่ตรงนี้จัง

* เมื่อไหร่ที่เธอรู้สึกท้อในใจ เมื่อไหร่ที่เธอสับสน

อยากให้รู้ว่ายังมีตัวฉันอีกคน กับโลกที่งดงามหนึ่งใบ

เก็บเอาไว้ให้เธอมาพักใจ

** เธอจะอยู่ไหน ใกล้ไกลสักเท่าไหร่ หากเหงาให้จำไว้ ว่าเธอนั้นมีใคร

ที่เก็บความสวยงามรอให้เธอมาชื่นชม เก็บเอาไว้ให้เธอมาพักใจ

(ซ้ำ*,**) หากอ่อนล้าเมื่อวันใด...กลับมา

๒๔๙

C Em Am F/G/C Em Am F/G

C Em C/Em/Am/G/F G C F/G

C Em Am F/G/C Em Am F/G

C Em C/Em/Am/G/F G C/C7

F G F G C/C7

F G C/Em/Am/G/F Fm C F/G

C Em Am F/G/C Em Am F/G

C Em C/Em/Am/G/F G C

F G C

C F G7 C F G7

C Em Am F G7

C F G7 C F G7

C Em Am F G7 C

F G7 C/Em/Am F G7 Am

F G7 C/Em/Am F G7

F G7 C

C F G7 C F G7

C Em Am F G7 C

F G7 C

Page 250: Saleung Entire Book 2009

สลึง

อรุณสวัสดิ์ พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร

แม้วันที่รอ อยู่ห่างเพียงใด หนทางแสนไกล จงฝ่าฟันไป

สูงสุดแผ่นดิน เสียดฟ้ากว้างใหญ่ ก็ไม่เกิน มือเราจะเอื้อมไปถึง

หลงทางล้มลง บาดเจ็บบางที ขอเพียงให้มี กำลังแรงใจ

พลั้งผิดเป็นครู เรียนรู้เริ่มใหม่ ก้าวเดินไป พาใจไปสู่จุดหมาย

* อย่ายอมแพ้ แค่โชคชะตา มันวกวน สับสนวุ่นวายไม่นานก็คลาย

อย่ายอมแพ้แค่โชคชะตาพิสูจน์คน สู้ทนเดินต่อไป

** แม้วันนี้ยังมืดมนเต็มที ทุกข์ภัยย่ำยีกระหน่ำในใจ

ขอแต่เรามี มีฝันยิ่งใหญ่ อีกไม่นาน อรุณสวัสดิ์ยามเช้า

Solo: A D A Bm E F#m Bm E F#m D E A A7

(ซ้ำ *,**)

อีกไม่นาน อรุณสวัสดิ์ยามเช้า

๒๕๐

A D A D E

F#m Bm E F#m D E F#m

A D A D E

F#m Bm E F#m D E A7

D Dm A Amaj7 A6 A7

D Dm B E

A D A D E

F#m Bm E F#m D E A E

D E D Bm E F#m D E A

Page 251: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เพียงเอื้อมมือ กลุ่มสลึง

Intro : G A D Bm Em A D

แม้ว่ายังห่างไกล ไม่ว่าทางนั้นไกลเพียงไหน

แม้นจุดหมายจะอยู่สุดสูงเพียงเส้นขอบฟ้า

ถึงเธอจะเหน็บหนาว จะเหลียวทางใดดูจะว่างเปล่า

ไม่มีใครเคียงข้างเธอสักคน

แม้จะเจอขวากหนามจะทิ่มจะแทงเท่าใด

จนใจไม่มีแรงเหลือที่จะไขว่คว้า

ไร้ซึ่งกำลังเหลือ ที่ทุ่มลงไปดูจะไร้ค่า

ตราบสองมือและสองขายังอยู่คู่กายของเรา…

* จงฝ่าฟันไป ให้ถึงยังแสงเรืองรองตรงหน้า

แม้นกายจะอ่อนล้าแต่ใจอย่าสิ้นฝัน

หากยังมองเห็นหนทาง เมื่อนั้นยังคงมีแสงตะวัน

ส่องทางแห่งฝันสู่คืนวันที่เป็นจริง

** ขอเธอจงมีความหวัง เป็นทางเพื่อก้าวต่อไป

ฝันใดใดก็ไม่เกินที่จะก้าวไปหา

แล้ววันที่สดใส ที่ของขวัญใดๆไม่อาจสูงเกินค่า

จะไกลเพียงเอื้อมมือคว้า ตรงหน้าสายตาของเรา

*** จงภูมิใจที่ได้ไขว่คว้า สุดแรงกายใจของเราเอง (ซ้ำ *, **, ***)

๒๕๑

D G

A D D7

G Gm F#m Bm

Em/ E A

D G

A D D7

G Gm F#m Bm

Em A D D7

G A D Bm

Em A D/D7

G A F# Bm

Em E A

D G

A D D7

G Gm F#m Bm

Em A D

Em A D G A D

Page 252: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ทาบธรรม กลุ่มสลึง

Intro: G/Ddim/Am D G G/Ddim/Am D G/Gsus4/G

ขอยินดีกับเส้นทางที่เธอเลือกไป หมั่นฝึกฝนอย่างตั้งใจและศรัทธา

เพื่อสั่งสมคุณความดี และเก็บเกี่ยวความรู้วิชา ประสบการณ์อันสูงค่าหาใดเทียม

โลกสีขาวสว่างใสไร้มลทิน ทางแบ่งเบาขจัดสิ้นซึ่งปัญหา

หลักความจริงสิ่งเป็นไป จะรับรู้ด้วยปัญญา พึงน้อมนำด้วยกายวาจาและหัวใจ

* หลักธรรมแห่งมวลชน ขอตั้งใจใฝ่ศึกษา

เพื่อภารกิจสำคัญ เผยแผ่แก่มวลประชา

เพื่อวันข้างหน้ามีโอกาสถ่ายทอดเรื่องราว (ซ้ำ*)

เพื่อวันข้างหน้ามีโอกาสถ่ายทอดเรื่องราว

ทาบธรรม : เพลงนี้แต่งขึ้นในโอกาสงานอุปสมบทของสมาชิกในกลุ่มสลึง

เพื่อต้องการสื่อ ถึงการให้กำลังใจ เพื่อที่จะได้ตั้งใจศึกษาหาความรู้จากประสบการณ์ใน

ชีวิตที่ดีที่สุดอีก ประสบการณ์หนึ่ง และนำสิ่งที่ได้จากการศึกษานั้นมาเผยแพร่และส่งต่

อไปได้อย่างดีที่สุด เพลงนี้เป็นเพลงที่ผู้แต่งใช้เวลานานในการแต่ง เนื่องจากความยากใ

นการหาคำพูดมาใช ้ในการสื่อความหมาย

๒๕๒

G/Ddim/Am D Gmaj7 G/Ddim/Am D G

Am D G Em/D C Cm D

G/Ddim/Am D Gmaj7 G/Ddim/Am D G

Am D G Em/D C D G/Gsus4/G

Cm G Am G

Em E Am

D C D G

D C D G

Page 253: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คนของเพื่อน กลุ่มสลึง

Intro : Em D C Bm Em D Cmaj7 (2 times)

จะล้าจะเหนื่อยท้อสักเพียงไหน แต่ด้วยใจที่มีพลัง

แม้นฟากฟ้าจะดูมืดครึ้มไปบ้าง แต่ร่างกายยังมีเรี่ยวแรง

เพียงสองมือประคองป้องกัน กอดคอกันไว้ให้ใจเข้มแข็ง

ถ้าล้มจะลุกแล้วเดินต่อไป

มีเพื่อนเคียงอยู่คู่กันไม่ทิ้ง ด้วยใจจริงหวังเดินข้างกาย

หมั่นคอยซับน้ำตาถ้าเพื่อนร้องไห้ เช็ดหยาดเหงื่อแห่งความทุกข์ทน

ด้วยสองมือของคนของเพื่อน กับความรักที่มีเปี่ยมล้น

ก่อเกิดกำลังเรี่ยวแรงพากันก้าวไป.....สู่จุดหมาย

* แม้นเธอล้มจะไม่ทิ้งกัน เธอและฉันต้องอยู่คู่กาย

ตราบที่ฟ้ายังคงอยู่ได้ เพื่อรอแสงเดือนมาเยือนฟ้างาม

ถ้าวันนี้เพื่อนยังยืนอยู่ เพื่อนต้องรู้ว่ายังเหลือแรง

ก้าวแห่งฝันสักวันต้องเข้มแข็ง ฟ้าวันใหม่เกิดได้เพราะพวกเรา

ดนตรี : E C#m F#m B7 / A / G#m / G# C#m F#m B7 E (ซ้ำ * )

เพื่อนจะอยู่คู่เพื่อน.....ตลอดไป

๒๕๓

Em D

C B7

C D Bm Em

C/Am B7

Em D

C B7

C D B7 Em

Am C D E A/B7

E C#m F#m B7

A/G#m G# C#m F#m B7

E C#m F#m B7

A/G#m G# C#m F#m B7 E

F#m B7 E

Page 254: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ฝันไปสู่ห้วงหาว โอ้หนุ่มสาวเจ้าฝันถึงสิ่งใด

หยาดน้ำค้างพร่างพราวเช้าวันใหม่ หยาดน้ำใจพร่างพรูไม่รู้สิ้น

จืดจางเมื่อยามสิ้นแรงแห่งหวัง ลาร้างเมื่อยามฝันโปรยโบยบิน

ไม่จีรังเรื่องเคยเห็นฟังได้ยิน ปล่อยชีวาผุพังสิ้นไม่สนใจ

ต่อรักที่สุดจะหวงแหน ต่ออ้อมแขนที่เคยอบอุ่นไอ

ต่อฝันที่มันแพ้พ่าย ต่อหัวใจคนเจ็บร้าวระบม

และต่อมนุษย์ที่สุดจะให้อภัย ความโหดร้ายเข้าประดังถั่งโถม

ต่อวิญญาณอันธพาลสุดโสมม ยังไล้โลมความทรงจำเจ้าอยู่บ้างไหม

ฝันไปสู่ห้วงหาว โอ้เมฆขาววอนเจ้าเป็นเพื่อนปลอบใจ

ฝากน้องน้อยที่ยังร้องไห้ ฝากน้องน้อยที่หัวใจไร้ทิศทาง.....ยามย่างเดิน

ฝันและฝาก ชูเกียรติ ฉาไทสง

๒๕๔

D G A

D Bm Em A

D D G A

D Bm Em A D

G A D

Bm Em A

D G A

D Bm Em A D

D G A

D Bm Em A Bm D

Page 255: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ให้ลมมันแรงร้อนเพียงใด ให้มีฝนมากมาย

แดดเกรียมเผาแทบตาย อย่าไปยอมแพ้

อย่ายอมให้ลมพัดเราไป อย่ายอมเพราะความง่าย

หยัดยืนสู้ด้วยใจ ด้วยใจที่รวมกัน

อิฐก้อนหนึ่งซึ่งถูกวางอย่างเดียวดาย มีความหมายแค่เพียงดินที่คนปั้น

ซ่อนความงามซ่อนความจริงและความฝัน อิฐก้อนนั้นคงรอวันเพื่อมีค่า

อิฐหมื่นแสนที่ถูกวางอย่างสร้างสรรค์ อัศจรรย์จึงบันดาลขึ้นตรงหน้า

ก่อกำแพงสร้างบ้านเรือนตึกระฟ้า แดดลมฝนจะพัดพาไม่มีหวั่น

อิฐก้อนนั้นช่วยป้องกันไม่หวั่นเลย อิฐก้อนนั้นช่วยป้องกันไม่หวั่นเลย

อิฐก้อนไหนจะถูกวางไว้อย่างเดิม อิฐก้อนไหนจะถูกวางไว้สร้างเมือง

อิฐก้อนไหน จะถูกวาง ไว้สร้างเมือง

อิฐก้อนไหน อิฐแบบไหน จะร่วมกันช่วยสร้างเมือง

อิฐก้อนหนึ่ง ประภาส ชลศรานนท์

๒๕๕

Dm C Bb

A7 Dm

Dm C Bb

A7 Dm

Bb C Dm Bb C Dm

Bb C Dm Bb C Dm

Bb C Dm Bb C Dm

Bb C Dm Bb C Dm

Bb C Dm Bb C Dm

Bb C Dm Bb C Dm

Bb C Dm

Bb C Dm

Page 256: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มีบางครั้งบางคราการลาจาก

อาจจะฝากความหวังไว้ครั้งใหม่

คงไม่มีความหวังครั้งใดใด

จะแตกดับลงได้ทุกทุกครั้ง

จึงในการจากกันของวันนี้

เราต่างคนต่างจะมีความมุ่งหวัง

ว่าถ้าชีวิตยงและคงยัง

ก็หมายใจจริงจังจะกลับคืน

คิดเสียว่าลาลับเหมือนหลับฝัน

คงพบกันเวลาลืมตาตื่น

เมื่อมีใจไว้หวังอยู่ยั้งยืน

คงใจฟื้นความหวังเหมือนดังใจ

วาณิช จรุงกิจอนันต์

๒๕๖

Page 257: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ยิ้มเหงาๆ-เศร้างามๆ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

ยิ้มเหงา ๆ เศร้าพองาม ๆ มีคนถามว่าเธอคือใคร

ทั้ง ๆ โลกนี้ก้าวไกลแสนไกล เธอยังสดใสอยู่ในโลกเก่า

ยิ้มเหงา ๆ ของคนงาม ๆ คนที่แบกหามโลกไว้ครึ่งหนึ่ง

โลกวันนี้แม้งามเพียงครึ่ง ก็ครึ่งของเธอที่สร้างที่ทำ

* เศร้างาม ๆ โปรดอย่าถามถึงความทรงจำ

เรื่องความพลัดพรากจากคนที่เธอรัก

ยิ้มเหงา ๆ เศร้าพองาม ๆ คือนิยามของความทุกข์ยาก

ถ้าครึ่งโลกร้ายที่ฉันถางถาก เป็นครึ่งโลกสวย ขอมอบให้เธอ

(ซ้ำ * จบเพลง)

คิดถึงIntro : Dm C Bb A7

เราเคยอยู่ร่วมกันมาก่อน สุขร่วมกันมาก่อน บัดนี้จรจากไปไกลกัน

เราเคยอยู่ร่วมกันมาก่อน ทุกข์ร่วมกันมาก่อน บัดนี้จรจากไปไกลกัน

เราเคยร่วมร้องเพลงด้วยกัน สุขสันต์ร่วมกันบรรเลงเพลง

แต่บัดนี้มาห่างร้างกันไปไกลกัน ทุกคืนวันฉันเฝ้าคิดถึง

ฉันยังจำวันที่เธอนั้นมาจากไป ด้วยอาลัยฉันขอกล่าวลา ลา...ลา...ลา...ลา...ลา

แม้จะห่างร้างไปจากฉัน ไกลแสนไกลนับคืนและวัน

ฉันจะเฝ้าคิดถึงความสัมพันธ์ ตราบชีวันของฉันมลาย

เมื่อบัดนี้มาห่างร้างไปไกลกัน ทุกคืนวันฉันจะคิดถึง

ฉันยังจำวันที่เธอนั้นมาจากไป ด้วยดวงใจฉันขอกล่าวลา ลา...ลา...ลา...

๒๕๗

G Em Am G

Em Am G

G Em Am G

Em Am G

G Am

D7 Am G

G Em Am G

Em Am G

Dm C Bb A7

Dm C b A7

Dm C Bb A7

Bb C A7 Bb A7

Bb C A7 Bb A7 Dm C Bb A7

Dm C Bb A7

Dm C Bb A7

Bb C A7 Bb A7

Bb C A7 Bb A7 Dm C Bb A7

Page 258: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เราและเธอ สุรชัย จันทิมาธร

ส่งดวงใจนี้ให้เพื่อน ภาพความหลังมิเคยเลือนหลุดสลาย

ภาพรอยยิ้มและความกล้า มาปลุกเร้าการต่อสู้

อยู่หนไหนความมั่นใจยังไม่คลาย มิเคยแหนงหน่าย หนทางแห่งธรรม

อยู่ต่างแดนแสนไกลห่าง สุดขอบฟ้าเห็นราง ๆ ดุจจะย้ำ

ให้คำนึงถึงใจเจ้า ข้ามภูเขาและทะเล

จะเร่คว้างไปอย่างไร วอนให้จำ มั่นใจจงทำ ก้าวไปให้ถึง

เราและเธอ อยู่ไกล แสนไกลกัน ความผูกพัน เหมือนดังว่าติดตรึง

ใจเจ้าลอย คล้อยตามสายลมตึง บอกคิดถึง เฝ้ารำพึงกับใบไม้

ฝากบทเพลงนี้ให้เพื่อน ได้ยินแล้วเหมือนการเยือนสื่อความหมาย

เกี่ยวดวงใจ ร้อยให้มั่น อยู่ที่ไหนไม่สำคัญ

ชีวิตนั่นดังพืชพันธุ์ แห่งเสรี งอกงามเต็มที่ ใต้ดวงตะวัน ใต้ดวงตะวัน

เพลงเราและเธอ : ในขบวนแถวที่เหยียดยาวที่ร่วมทางกัน ปรากฏว่าวันหนึ่ง

บางคนแยกไปทางซ้าย บางคนก็แยกไปทางขวา บางคนโลเล ทะเลาะกัน ระแวงหวาด

ซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นคือ ความคิดถึง เพลงเราและเธอจึงเกิดขึ้นสำหรับ ทั้งผู้อยู่

และผู้ไป ซึ่งต่างเจ็บปวดทั้งคู่ เป็นเพลงที่แต่งสำหรับเพื่อนเป็นเพื่อนตายทุก ๆ คน

๒๕๘

C Am C G Am

C Am C Am G

C Am C G7-Am

C Am C G Am

C Am C Am

C Am C G7-Am

G Am G Am

G Am G Am

C Am C G Am

C Am C Am

C Am C G Am

Page 259: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ลมรำเพย พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

จากไปแล้วดังลมรำเพย โอ้อกเอ๋ยไม่หวนกลับหลัง

ดั่งราตรีที่ลืมรุ้งราง ดุจดาวที่หลงฟ้ากว้าง

ดั่งทางที่ร้างสัญจร

จากไปแล้วหนอความหวังดี คอยจู้จี้ห่วงใยไถ่ถอน

แว่นเสื้อผ้าหยูกยากระเซ้าเง้างอน อยู่ตรงไหนฟูกหมอน

ไถ่ถามกับความคิดถึง

* เพียงน้ำคำกล่าวลาเข้มแข็ง ขวัญโรยอ่อนเรี่ยวแรง

หลั่งรินล่ำลาคราหนึ่ง จากก็เจ็บ อยู่ก็จำเจ

จึงไปเพื่อไถ่ถามถึงห่วงหากันอีกสักหน

** เหม่อมองแล้วเมื่อไรจะมา ห่วงหนักหนาว่าจะสับสน

ไต่แสงดาวกับใครกี่คน ไปเพื่อจะหลุดพ้น หรือตั้งใจไปเหงา

(ซ้ำ*,**)

๒๕๙

E C#m B G#m

C#m F#m G#m

E C#m B G#m

G#m F#m E

E

G#m C#m

F#m B E

E C#m B G#m

C#m F#m F#m B E

Page 260: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บทเพลงใต้แสงดาว ศุ บุญเลี้ยง

Intro : C/G/D/C/G/Am/D/G/Gsus4

ผ่านไปคล้ายดั่งสายน้ำไหล จากไกลแล้วไม่ลืมคำสัญญา สัญญา

ฝากดวงดาวส่องแสงส่องนำชีวา แผน่ดนิกวา้งกวา่ พาเราหา่งกนัแสนไกล

ให้เป็นเหมือนดังตะวัน จากกันแล้วยังหมุนเวียนกลับมา กลับมา

หากชีวิตเผชิญกับโชคชะตา ให้วันเวลาบ่มเธอขึ้นมาสู้มัน

อาจมีเมฆมาบดบัง แต่เราก็ยังเฝ้ารอ เฝ้ารอ เฝ้ารอ

ค่ำคืนหนาวที่แสงแห่งดาวถักทอ ขอเธออย่าท้อฝากความห่วงใยส่งไปถึงกัน

(ซ้ำ *)

หวังดี ศุ บุญเลี้ยง

Intro : C G F C Dm G

อยากขอบคุณที่โลกยังหมุนอยู่ และรับรู้ว่าเธอยังฝัน

วันเวลาให้เรานั้นมาพบกัน ผ่านคืนผ่านวันผ่านเดือนเป็นเพื่อนคุ้นเคย

ฝากความรักความคิดถึงให้เพื่อน อย่าลืมเลือนเพื่อนเอยเคยฝัน

อย่าลืมคำพร่ำเตือนที่เคยรำพัน จะแบ่งปันสร้างสรรค์เพื่อวันที่ดี

* แม้สองตาจะมองหาดาว แต่สองเท้ายังก้าวติดดิน

อยู่ใกล้ไกลวันใดที่เธอได้ยิน บทเพลงนี้ส่งความหวังดีมาด้วย

ดนตรี : C/Em/Am F G C/C7 F G C/Em/Am Dm G C/C7 (ซ้ำ *)

อยู่ใกล้ไกลวันใดที่เธอได้ยิน อย่าสิ้นหวังอย่าสิ้นกำลังใจ

๒๖๐

G Em C G Bm

Em D C D G/Gsus4

G Em C G Bm

Em D C D G

ดนตรี : G/Em/C/G/Bm/Em/D/C/D/G/Gsus4

G Em C G Bm

Em D C D G

C Em Am F G C/C7

F G C Em Am Dm G C/G

C Em Am F G C/C7

F G C Em Am Dm G C/C7

F G C/C7 F G C/C7

F G/F/E7 Am Dm G C

F G/F/E7 Am Dm G C

Page 261: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แม้เราจะไม่พบกัน หงา คาราวาน

Intro : Am F Em Dm Em Am F C Dm

Am F Em Dm Am F Em Dm Am

ไกลสุดไกลแสนไกล แต่ใจไม่ไกลหัวใจ

คือเกลียวสัมพันธ์มั่นไว้ คือใยแห่งความรักกัน

สายลมพัดโอนหญ้าไหว ที่ริมสายธารแห่งนั้น

เหมือนใจของเราผูกพัน...แผ่นดิน...

ดนตรี/ Am

จึงวาดปลายปากกา จารึกลายเส้นศิลป์

แทนอารมณ์อันโบกบิน เป็นดินและลมน้ำไฟ

คือความรักความคิดถึง ยิ้มเธอที่ตรึงตราไว้

ผมยาวนุ่มเนียนสยาย...ฉันรักเธอ...

ดนตรี/ Am

ไกลสุดไกลแสนไกล แต่ใจใกล้ใจใกล้เธอ

คงเกลียวสัมพันธ์เสมอ แม้เราจะไม่พบกัน

แล้วคิดถึงกันบ้างนะ สองวัย

หากทะเลแล้งไปหากดวงไฟลับลง หากแผ่นดินสิ้นลงจะมั่นคงชั่วนิรันดร์

จากวันคืนเคลื่อนไปผูกดวงใจคล้องกัน สิ่งดีงามร่วมกันผูกสัมพันธ์ดังสายใย

บอกคำลาถึงกันหากในวันนั้นไกล ฝากคำลาซึ้งใจบอกให้เราคิดถึงกัน

๒๖๑

Am C Am

Dm F Em Am

F Am

E

Am C Am

Dm F Em Am

F Am

E

Am C Am

Dm F E Am

C Am C G C

C Am C G C

C Am C G C

Page 262: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ยามห่างไกล น้ำค้าง

ขอฝากเสียงเพลงแด่เธอเมื่อยามห่างไกล

มอบด้วยดวงใจข้ามน้ำทะเลกว้างใหญ่

ถึงไกลกันสุดขอบฟ้าภูผาพนาหรือมาขวางกั้น

สายใยสัมพันธ์ผูกพันแน่นแฟ้น

เพราะเรามีรักผูกพันมั่นคงต่อกัน

ร่วมใจใฝ่ฝันมั่นในศรัทธายิ่งใหญ่

ถึงจะทุกข์ยากเพียงไหนจะขออุทิศกายใจ

เพื่อความรักอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าสิ่งใดไม่อาจทำลาย

* ไม่เคยลืมเลือนย้ำเตือนสัมพันธ์

ด้วยใจใฝ่ฝันจะคอยเดือนวันและคืน

ร่วมกันเถิดหนาฝ่าผองภัยด้วยใจระรื่น

ยิ้มเย้ยกับความขมขื่นหยัดยืนสรรค์สร้างความดี

ขอให้ศรัทธาเราเป็นเหมือนดั่งดวงดาว

ทอแสงสกาวพร่างพราวพลังยิ่งใหญ่

ขอเรายืนสู้ทายท้า ไม่ยอมหนีหน้าอธรรมใด ๆ

ประสานเสียงเพลงจากใจ ก้าวสู่ไทสมบูรณ์ (ซ้ำ*)

๒๖๒

Am Dm C Dm

C Dm Am

C E C Dm

G7 C F C G C

Am Dm C Dm

C Dm Am

C E C Dm

C Am G7 C F C G C

Dm G7 C Em

Am C Dm G7

C Dm Am

F C G7 C F C G C

Am Dm C Dm

C Dm Am

C E C Dm

C Am G7 C

Page 263: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ด้วยรักและผูกพัน เรวัต พุทธินันทน์

หากเราต้องจากกัน จะเป็นด้วยเหตุใด เก็บความคิดที่คล้ายกัน

กับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั้นไว้

หากวันไหนที่เธอ เกิดเจอะเจอทุกข์ภัย หากเธอนั้นเดือดร้อนใจ

จะเป็นเรื่องใดที่ทำให้เธอท้อแท้

* ขอเพียงแต่เขียนมา ขอเพียงส่งเสียงมา จะไปหา

** (ฉัน)จะไปในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ ไปอยู่ดูแลเป็นเพื่อนเธอ

ให้เธอหมดความกังวลใจ จะไปในทันใดจะตรงไปจะใกล้ไกล

ถ้าหากเป็นเธอจะรีบไปให้เธอได้ความสบายใจ

โปรดจงรู้ว่ามี อยู่ตรงนี้อีกคน กับชีวิตที่วกวน จะมีผู้คนกี่คนที่เป็นมิตรแท้(*)

จิตใจยังพร้อมจะยินดี กับรอยยิ้มที่เธอมี อยากเห็นยิ้มที่ชื่นบาน

อยากเห็นจากเธอ

อยากให้เธอได้มี สิ่งที่ดีเรื่อยไป หากวันไหนเกิดทุกข์ภัย โปรดจงมั่นใจ (ซ้ำ **)

เพียงลมพัดผ่าน พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

ฉันไม่อยากกล่าวคำว่าอำลา ฉันใช่มาโอดครวญหรือชวนให้ลุ่มหลง

เพียงลมลมที่ผ่านเลยก็เลยไป

เหมือนน้ำหลากล่องลงไม่คืนหลัง น้ำก็ยังชุ่มเย็นเป็นสายน้ำ

ไม่เคยขาด ไม่ไหลคืนคือ ความจริง

เราพบกันมีเรื่องราวเล่ากันฟัง เป็นเหมือนดั่งภาพเขียนที่เสกสรร

บรรยากาศที่ดีและจริงใจ

* แม้ไม่มีพยานคำมั่นฤาสัญญา อย่ารอเวลาให้ล่วงเลย ร่างกายจะร่วงโรย

จงโบกโบยโผบินแม้เหน็บหนาว ใช่ว่าเราจะจากกันนิรันดร์ไป (ซ้ำ*)

๒๖๓

Am D G Am

D G

Am D G Am

D G

Em Bm C D D

G Am D

G G Am

D G

Am D G Am D G

Am D Am D Em Bm

C D

Am D G Am D

C G C G Am

C

C G C G Am

C G C

C G C G Am

C G C

Am F C G C Am F C G C

F G Am C G C

Page 264: Saleung Entire Book 2009

สลึง

จากเพื่อนถึงเพื่อน ศุ บุญเลี้ยง

Intro : G C G G D

* กว่าจะรู้ใจกันมันก็นานแสนนาน

กว่าจะมาเป็นเพื่อนกันต้องใช้เวลาเนิ่นนาน

อยู่กันมานานแสนนานจากกันไปไกลแสนไกล

จดจำไว้เพื่อนยังไม่ลืม

บนเส้นทางยาวไกลร่วมฝ่าฟันไว้ก้าวไปดัวยกัน

จำวันนั้นยังจำเคยร่วมกันทำด้วยความมั่นใจ

สุขเราก็เคยร่วมเสพเจ็บเราก็เคยร่วมเจ็บ

จดจำไว้ถึงวันเก่า ๆ (ซ้ำ *)

วันที่จำต้องจากต้องจากกันไกลแต่ใจยึดมั่น

คืนและวันเดือนผ่านไม่อาจเรียกวันเก่าคืนหวนได้

แต่ใจเรายังมั่นคงฝากความทรงจำถึงเพื่อน

จดจำไว้เพื่อนยังไม่ลืม

ดนตรี/ G C G G Am D C G D C G

(ซ้ำ *)

จดจำไว้ถึงวันเก่า ๆ จดจำไว้จากเพื่อนถึงเพื่อน

๒๖๔

G C G

G Am D

C G

D C G

C G D G

C G D G

C G

D C G

C G D G

C G D G

C G

D C G

D C G D C D G

Page 265: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กว่าจะรัก XYZ

Intro : C Em Dm G C

แต่ก่อนนั้น ฉันยังแปลกใจ ที่เห็นใครล่ำลาจากกันด้วยการร้องไห้

แต่บัดนี้ เมื่อเราต้องไป ก็ถึงวันที่ฉันเข้าใจว่าเพราะอะไร

เมื่อเราต้องไป พบเพื่อนใหม่ ซึ่งอาจ ไม่มีใคร

เข้าใจเราเหมือนเพื่อนคนเดิม

* กว่าจะรัก เท่าวันนี้ กว่าจะมีคนมาเข้าใจ ต้องใช้เวลา

ใช่เพียงมองตากันเมื่อไร

อยากจะคิด ต้องจากกัน เป็นแค่ฝัน

แต่ความจริงนั้นเรายังอยู่เคียงข้างกัน ดั่งวันวาน

ดนตรี/ C Em Am G F G C Em Am G F G C G

ก่อนจากกัน ฉันมาบอกลา ด้วยน้ำตาที่มันเอ่อล้นอยู่เต็มหัวใจ

อยากบอกเธอ บอกเธอด้วยใจ ว่ารักเราจะมีให้กันอย่างนี้เรื่อยไป

แล้วเราจะมา พบกันใหม่ จะกลับมา

ร่วมทุกข์สุขกันให้เหมือนเมื่อวาน

( ซ้ำ * )

ดนตรี /

( ซ้ำ *,*,* )

๒๖๕

C Em F C

C Em F Dm G

Em Am Dm

G

C Em Am G F

G

C Em Am

G F G C

C Em F C

C Em F Dm G

Em Am Dm

G

Page 266: Saleung Entire Book 2009

สลึง

กำลังใจ คาราวาน

Intro : D Dmaj7 Bm

โบกมือลา เสียงเพลงครวญมาต้องลาแล้วเพื่อน

กี่ปีจะลับเลือน ฝากเพลงคอยย้ำเตือน หวนไห้

จากกันไกล แม้เพียงร่างกายแต่ใจชิดใกล้

เมื่อใจเราซึ้งใจ ร่วมทางไม่ร้างไกล หมายมั่น

* ขุนเขาไม่อาจขวาง สายธารเที่ยงธรรมได้

ความหวังยังพริ้งพราย เก่าตายมีใหม่เสริม

ชีวิตที่พานพบ มีลบย่อมมีเพิ่ม

ขอเพียงให้เหมือนเดิม กำลังใจ

** อย่าอาวรณ์ รักจะไม่คลอนคลางแคลงแหนงหน่าย

ให้รักเราละลาย กระจายในผองชน ผู้ทุกข์ทนตลอดกาล (ซ้ำ*,**)

คำสัญญา อินโดจีน

ก่อนจากกันขอสัญญา ฝากประทับตรึงตรา จนกว่าจะพบกันใหม่

โบกมืออำลา สัญญาด้วยหัวใจ เพราะความรักติดตรึงห่วงใย ด้วยใจผูกพันมั่นคง

ด้วยความดีนั้นฝังตรึง จากไปแล้วคำนึง ตรึงประทับดวงใจ

อย่าได้ลืมเลือนสัญญากันไว้อย่างไร ขอให้เรามั่นคงจิตใจก้าวไปสรรค์สร้างความดี

* โอ้เพื่อนเอ๋ย เคยร่วมสนุกกันมา แต่เวลาต้องพาให้เราจากกัน

ไม่นานหรอกหนา เราคงได้มาพบกัน ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะเรามั่นในสัญญา

** หากแผ่นดินไม่ฝังกาย จะสุขจะทุกข์เพียงใด น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า

ร้อยรัดดวงใจมั่นในคำสัญญา สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา นี่คือสัญญาของเรา

(ซ้ำ *,**)

๒๖๖

Bm Bm Bm7

Bm Em Bm Em A7 D

BmBm7Bm Bm Bm7

Bm Em Bm Em A7 D

D Bm

B7 Em A7 D

Dmaj7 D Bm B7

Em A7 D

Bm Bm Bm7

Em Bm Em D

G Bm Em D7 G Am Bm Em

C D7 G Em Bm Am D7

G Bm Em D7 G Am Bm Em

C D7 G Em Bm D7 G D7

G Am Bm G Bm Em G7

C D7 G Am Bm Am D7

G Bm Em D7 G Am Bm Am D7

C D7 G Em Bm D7 G

D7 G Am Em D

Page 267: Saleung Entire Book 2009

สลึง

แทนความห่วงใย ภูริส แซ่หลี

Intro : C C7 F C F C G C

อยากจะเก็บความทรงจำ ไม่ต้องการให้ลืมเลือน

ให้เวลาคอยย้ำเตือน ความผูกพันยามหลับฝัน

ฉันต้องอำลา ถึงเวลาต้องจากกัน

รักษากายให้มั่น พลังใจฉันให้เธอ

ดวงใจน้อย ๆ ของเธอจงโบยบิน

บินสู่จุดหมาย ปลายทางที่ฝันใฝ่

หากดวงใจดวงน้อย อ่อนล้าในวันใด

เติมแรงใจ คิดถึงฉันคิดถึงกัน

ดุจดาวในค่ำคืน พรายแสงพร่างพราว

ในค่ำคืนอันเหน็บหนาว อุ่นแสงดาวอุ่นใจ

ขอให้โชคดี จากนี้ต้องห่างไกล

แล้วพบกันใหม่ ห่างไกลใช่ห่างกัน

Solo : C C7 F C F C G C

ซ้ำทั้งเพลง

๒๖๗

C C7 F C

F C G C

F C Am G

F G C/C7

F C

Am C

F G

C

C C7 F C

F C G C

F C Am G

F G C/C7

Page 268: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ห่วงใยเหลือเกิน สุทธิพงษ์ วัฒนจังIntro: A E Bm A E A

ฝากรักของฉัน ไว้แทนตัวและใจ ฝากไว้ในใจของเธอ

ต้องจากกันไกล เมื่อไรจะเจอ ฉันกลัวเธอจะลืม

* ในยามห่างไกล หัวใจคงห่วงหา ห่วงเธอทุกวันและทุกคืน

** ฝากกับฟ้า เป็นเพื่อนยามเธอเศร้า ฝากกับดาวช่วยดูแลเธอ

อยากให้รู้ ถึงแม้ไม่ได้เจอ อยากบอกเธอ ว่าทั้งหัวใจ ห่วงใยเหลือเกิน

แผ่นน้ำและฟ้าที่ดูว่าใกล้กัน แต่แท้ที่จริง แสนไกล

ดั่งเธอกับฉัน ไม่รู้วันไหน จะได้มาเจออีกครั้ง (ซ้ำ *,**)

แม้ว่าเรานั้นห่าง แต่รักเราไม่ห่างกัน

และขอให้เธอมั่นใจ ไม่หวั่น ว่าสักวันเราจะกลับมาเจอ (ซ้ำ**)

ที่ศาลายา โต้ PH ศาลายารุ่น ๑๔

สิ่งดี ๆ ที่เคยให้กัน วันและคืนผ่าน ผ่านไป

เริ่มจากวันที่เราเข้าใจ เราร่วมฝันใฝ่ตลอดมา

ทุก ๆ สิ่งก็รู้ ๆ อยู่ แม้บางทีก็ห่างไกล

ต้องไปตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ นานแม้นานเพียงไหน หัวใจยังอยู่

* มีเพียงเราเท่านั้นขอจงมั่นใจ นานเท่าไรไม่เคยทิ้งกัน

เพราะว่าเรานั้น เพราะพวกเรานั้น คือเพื่อนกันอยู่

แม้ยากเย็นเพียงไหนขอเพียงพูดจา แล้วฉันจะกลับกลับมาหาเธอ

คิดถึงเสมอ จะกลับมาเจอ ที่ศาลายา (ซ้ำตอนสุดท้าย)

ไม่อาจลืมที่เคยสัญญา จะร่วมฟันฝ่าไปสู่กัน

สิ่งดี ๆ ที่มีให้กัน เก็บไว้สร้างสรรค์เพื่อสังคมไทย (ซ้ำ *)

๒๖๘

A F#m Bm E

A C#m F#m Bm A E

E F#m Bm A E

A/C#m/F#m Bm/A/E

A/C#m/F#m Bm/A/E A

A F#m Bm E

A C#m F#m Bm A E

D E A D E A

D E A F#m Bm A E

D F#m G A

D F#m G A

F#m Bm Gm A

F#m Bm Em A D D7

G A F#m Bm

Em A D D7

G A F#m Bm

G A D F#m G A

D F#m G A

D F#m G A D D7

Page 269: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บทเพลงจบแล้ว

อย่างโศกเศร้า และสวยงาม

ข้ารู้สึกอาลัยท่วมท้น

มีถ้อยคำนับร้อยนับพัน

เพียงไม่อาจผ่านพ้นริมฝีปาก

ข้าไม่ปรารถนา

จะขับร้องเพลงบทใหม่

เพื่อหลอกล่อเจ้าไว้ในกับดัก

หากปรารถนาให้เจ้าผละจากไป

เหมือนกวางป่าแหกกรงหนาม

วินัย อุกฤษ

๒๖๙

Page 270: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๗ ปีเถาะ รัตนโกสินทร์ ศก ๒๑๗

๒๗๐

Page 271: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๗ ปีมะโรง รัตนโกสินทร์ ศก ๒๑๘

๒๗๑

Page 272: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๗ ปีมะเมีย รัตนโกสินทร์ ศก ๒๒๖

๒๗๒

Page 273: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๗ ปีมะแม รัตนโกสินทร์ ศก ๒๒๑

๒๗๓

Page 274: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๗ ปีวอก รัตนโกสินทร์ ศก ๒๒๒

๒๗๔

Page 275: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๗ ปีจอ รัตนโกสินทร์ ศก ๒๒๔

๒๗๕

Page 276: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หนังสือสลึง ตีพิมพ์เมื่อ เดือน ๓ ปีชวด รัตนโกสินทร์ ศก ๒๒๖

๒๗๖

Page 277: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บันทึกการเดินทาง...

๒๗๗

Page 278: Saleung Entire Book 2009

สลึง

“เพลงเพื่อชีวิต” คงเป็นคำที่เราพอจะคุ้นเคยกันบ้างบางคนอาจจะเห็นจากป้าย

หน้าผับหรือหน้าบาร์บางแห่ง ซึ่งก็มีผู้กล่าวเสมอๆ ว่านั่นไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิตที่แท้จริงเป็

น “เพื่อชีวิต” นักดนตรีหรือเจ้าของร้านมากกว่า อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเพื่อชีวิตใคร

เพลงเพื่อชีวิตก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเองที่ฟังแล้วใครๆ ก็พอจะบอกได้

และเพลง เพื่อชีวิตก็ไม่ได้มีบัญญัตินิยามไว้แน่นอนความเห็นที่แตกต่างจึงมีได้

เสมอ การบอกว่า เพลงไหนเป็นเพลงเพื่อชีวิต มีลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ

เป็นเหมือนบันทึกจารึก เหตุการณ์ความเป็นไปของสังคม ซึ่งมีสิ่งที่ต่างจากบันทึกทั่วไป

คือบทเพลงยังบันทึก อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ของผู้ประพันธ์และสิ่งแวดล้อมไ

ว้อีกด้วย

ดังนั้นหากต้องการรู้จักกับบทเพลงต่างๆ ให้ลึกซึ้งแล้วก็ต้องศึกษาเห

ตุการณ์ในสังคม ในช่วงที่บทเพลงเหล่านั้นถูกเขียนขึ้นในทางตรงกันข้าม

หากเราต้องการศึกษาความเป็น มาและพัฒนาการของสังคมเราก็สามารถศึกษาได้จากบ

ทเพลงเพื่อชีวิต

ข้อเขียนชิ้นนี้จึงอยากทำหน้าที่ชักชวนผู้ที่สนใจมาร่วมติดตามพัฒนาการขอ

ง สังคมควบคู่ไปกับพัฒนาการของบทเพลงเพื่อชีวิตโดยมีความหวังที่ว่าหากเราเข้า

ใจ ความเป็นมาของสิ่งใด เราก็จะเข้าใจและยอมรับในปัจจุบัน....เพราะจิตใจที่เข้าใจ

ยอมรับและเปิดกว้างเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยความ

หลากหลาย...

เพลงเพื่อชีวิตจารึกสายธารแห่งการต่อสู้

๒๗๘

Page 279: Saleung Entire Book 2009

สลึง

บทเพลงที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตความ

เป็น อยู่ของชาวบ้านได้ดีที่สุดก็คือ

“เพลงพื้นบ้าน” ซึ่งมีความละเมียดละไม

มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นมีความเป็นมา ที่

ยาวนานคู่กับชุมชนซึ่งมีคุณค่ามากมาย

หากเราจะศึกษา

เพลงพื้นบ้านเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิ

ต ของสังคมมานานจนกระทั่งการทะลัก

ของกระแสการพัฒนาหลังการเปลี่ยน

แปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ศิลปะต่าง ๆ

ถูกเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจ เพลงพื้นบ้านที่ เ

คยเป็นความบันเทิงเริงรมย์ของกลุ่ม

ชนกลายเป็น การค้าขายมีการบันทึกเสียง

กระจายเสียงผนวกกับการหลั่งไหล

เข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตกจึงเกิด

การเปลี่ยนแปลงในวงการเพลงไทย ที่

เดิมมีเพลงไทยเดิมและเพลงพื้นบ้าน เ

กิดสิ่งใหม่คือเพลงไทยสากลและเพล

ง ไทยลูกทุ่งในขณะที่เพลงไทยพื้นบ้าน

เสื่อมความนิยมไปทีละน้อย

ในช่วงที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

ปกครองประเทศสภาพสังคมมีการ

เปลี่ยนแปลงระบบนายทุนทำให้คนจน ถู

กเอาเปรียบชาวนาชาวไร่ที่น่าจะเป็น อ

าชีพที่มั่นคงกลับถูกกดขี่เมื่อมีการตั้ง

โรงงานอุตสาหกรรม ชาวนา ชาวไร่จึงหัน

เข้าทำงานเป็นกรรมกรผู้ใช้แรงงานก็ไ

ม่ พ้นเผชิญปัญหาจากระบบทุนนิยมอีก

ใน ยุคนี้เกิดเพลงที่เป็นตัวแทนของควา

ม รู้สึกของประชาชน เช่น เพลง“มนต์การ

เมือง” ที่แสดงถึงความคิดของประชาชน

ที่ไม่พอใจการเมืองในยุคนั้น หรือเพลง

“ข้าวเหลือเกลือแพง” , “หนุ่มกรรมกร”

เป็นต้น สมัยนี้เป็นช่วงที่เพลงเพื่อชีวิต ก

ำลังดังซึ่งเพลงเพื่อชีวิตสมัยนั้นคือเพล

ง ลูกทุ่งสมัยนี้นั่นเอง สองขุนพลเพลงผู้

ยิ่งใหญ่ในเวลานั้นคือ เสน่ห์ โกมารชุน

และ คำรณ สัมบุณณานนท์ บทเพลง

ใช้คำหนัก ๆ ตรงไปตรงมา เป็นการท้า

ทายอำนาจเผด็จการทหารในยุคนั้น ผลง

านเหล่านี้ส่งอิทธิพลถึงศิลปินใน ยุคต่อๆ

มาจนปัจจุบัน

เพลงสะท้อนชีวิต ใต้เงาเผด็จการ

๒๗๙

Page 280: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ในช่วงนี้มีอิทธิพลของสิ่งต่างๆ ที่มี

ผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงความ

สับสนต่อสังคมไทยได้แก่ การปกครอง

แบบเผด็จการที่กลายเป็นการสืบทอด

อำนาจในครอบครัว , อิทธิพลของสหรัฐ

อเมริกาที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒ

น ธรรมการศึกษาและการพัฒนาประเทศ

ซึ่งเป็นช่วงที่นักศึกษามหาวิทยาลัยสน

ใจ แต่การเรียนและชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อกิจก

รรม จำพวกลีลาศและการบันเทิงอื่นๆ

ได้รับการส่งเสริม แต่ในขณะเดียวกันก็ยัง

มีนักศึกษามหิดลกลุ่มหนึ่งทำกิจกรรม

ด้านเผยแพร่แลกเปลี่ยนความคิดโดย ก

ารทำหนังสือร่วมกับเพื่อนต่างมหาวิทยา

ลัยด้วย

จอมพลถนอม กิตติขจร สืบต่อเผด็จ

การจากจอมพลสฤษดิ์ใช้กฎอัยการศึก

โดยไม่มีรัฐธรรมนูญ ต่อมาก็สร้างความ

สัมพันธ์ระหว่างครอบครัวกับ จอมพล

ประภาส จารุเสถียร ทำให้เกิดความเกรง

กลัวการปกครองแบบครอบครัวจึงเกิด ค

วามแตกแยกขัดแย้งในกลุ่มการเมือง

ไทยเป็นหลายกลุ่ม จอมพลถนอมและ

จอมพล ประภาสจึงร่วมกันทำรัฐประหาร

เมื่อ ๑๗ พ.ย. ๒๕๑๔ การปกครอง จึงเ

ข้าสู่อำนาจของระบบครอบครัวสร้าง คว

ามไม่พอใจแก่ประชาชนทั่วไปในยุค นั้น

ประเทศไทยขาดดุลการค้าญี่ปุ่นอย่าง มา

กนักศึกษาโดยศูนย์กลางนิสิต นั

กศึกษาแห่งประเทศไทยจึงร่วมกับ นั

กศึกษาทุกมหาวิทยาลัยจัดการรณรง

ค์ ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นขึ้นในเดือน พ.ย.

๒๕๑๕ เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วม

กันของนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย

โดยที่ประชาชนพอใจและให้ความสนับ

สนุนและเป็นการเปิดบทบาทในการต่อ

รองทางการเมืองของนักศึกษามีการ

ประสานทำงานร่วมกันมากขึ้นจนเกิด เ

หตุการณ์กรณีทุ่งใหญ่ที่ข้าราชการชั้

น ผู้ใหญ่ใช้เฮลิคอปเตอร์ของราชการพ

า ดาราไปล่าสัตว์ในป่าสงวนทุ่งใหญ่ จ

.กาญจนบุรีแล้วประสบอุบัติเหตุตกจน

เป็นข่าวโด่งดัง สื่อมวลชนและนักศึกษา จึ

งออกมาตีแผ่และกล่าวโจมตีจนเป็น

เหตุให้นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแ

๒๘๐

Page 281: Saleung Entire Book 2009

สลึง

หง ๙ คนถูกสอบสวนและถูกตัดสินให้

ลบชื่อออก นักศึกษาและประชาชน จึ

งร่วมกันประท้วงที่อนุสาวรีย์ประชา ธิ

ปไตยข้ามวันข้ามคืนเป็นจำนวนมาก

เป็นประวัติการณ์ ฝ่ายนักศึกษาเห็นว่า

เป็นโอกาสที่ดีจึงจะใช้พลังนี้ในกา

ร เรียกร้องรัฐธรรมนูญจึงยื่นข้อเส

นอ ไม่ให้ลบชื่อนักศึกษาทั้ง ๙ คน

และขอให้ร่างรัฐธรรมนูญภายใน ๖

เดือน ในช่วงนี้ประชาชนมีความเห็น

ร่วมกับนักศึกษาเพราะรัฐบาลเป็น

เผด็จการและไม่สามารถแก้ปัญหาได้

ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ได้ขยายตัวนำ

ไป สู่การร่วมกันเรียกร้องของนักเรี

ยน นักศึกษาและประชาชน จนเกิด

เหตุการณ์นองเลือด ๑๔ ต.ค. ๒๕๑๖

ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกที่ฝ่ายประชาช

น เรียกร้องให้มีการแก้ไขการ ปกครอง

ได้สำเร็จในการเคลื่อนไหวครั้ง นี้นักศึก

ษามหิดลก็มีบทบาทร่วมและยัง จัดตั้ง

“หน่วยพยาบาลเพื่อมวลชน” หรือ

“พมช.” ขึ้นเพื่อช่วยปฐมพยาบาลผู้ได้รับ

บาดเจ็บได้อย่างทันท่วงที

อิทธิพลอีกอย่างหนึ่งคือสหรัฐอเมริก

า ซึ่งภายหลังสงคราวโลกครั้งนี้ ๒ เกิด

ความเกรงกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์อย่าง

มาก สหรัฐอเมริกาจึงเข้ามามีบทบาทใน

ประเทศไทย จัดตั้งฐานทัพในไทยเพื่อต่อ

สู้กับคอมมิวนิสต์ เกิดสงครามเวียดนาม

นอกจากนี้สหรัฐยังสนับสนุนการพัฒน

า ปรับระบบการศึกษาและให้ทุนนักศึก

ษา ไทยไปเรียนในสหรัฐอเมริกาทำให้เกิ

ด แนวความคิดเสรีนิยมแบบอเมริกาเพิ่

ม ขึ้นในประเทศไทย ในขณะเดียวกันใน

สหรัฐนักศึกษา เยาวชนเบื่อหน่าย สง

ครามมีกระแสต่อต้านสงครามเวียดนา

ม เห็นได้จากเพลงเช่น เพลง “Blowing

in the wind” ของ Bob Dylan เกิด

ความปั่นป่วนของวัฒนธรรมอเมริกัน

ซึ่งลามเข้ามาในไทย ทางทหารอเมริกันที่

ตั้งฐานทัพอยู่ในเมืองไทย เช่น วัฒนธรรม

เสรีนิยม ฮิปปี้ เสรีภาพทางเพศ การต่อสู้

ต้านสงครามของนักศึกษาอเมริกันมีส่วน

กระตุ้นนักศึกษาปัญญาชนไทยที่เริ่มมี

สังคมไปสู่ทางที่ดีงามรวมทั้งแรงผลักดั

น จากวัฒนธรรมไทยที่กำลังสูญเอกลักษ

๒๘๑

Page 282: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ณ์ ที่ดีงามของชาติ จากการครอบงำของ

วัฒนธรรมอเมริกันจึงเกิดกลุ่มต่างๆ ขึ้

นทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลั

ย สร้างงานเขียนและวรรณกรรมออกมา

เผยแพร่แนวความคิด เช่น กลุ่มสภาหน้า

โดม,กลุ่มหนุ่มหน้าสาวสวย,กลุ่มพร

ะจันทร์เสี้ยว (ซึ่งต่อมากลายเป็นวง

คาราวาน) ในระยะนี้ จะเห็นจะต่างได้คือ

ในอเมริกานักศึกษาใช้ดนตรีเป็นเครื่

อง มือในการต่อสู้เรียกร้องแต่ในประ

เทศไทย ใช้วรรณกรรมเพลงเพื่อชีวิต

เริ่มมาปรากฏ ในช่วงถัดมา

ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ( ๑๔ ต.ค. ๒๕๑๖ ถึง ๖ ต.ค. ๒๕๑๙ )

“ ช่วงที่ ๑ ยุคกระแสตะวันตก

ช่วงที่ ๒ ยุคแสวงหาตนเอง

ช่วงที่ ๓ ยุคฟื้นฟูวัฒนธรรม ”

นับเป็นช่วงที่สับสนวุ่นวาย

ที่สุดใน ช่วง หนึ่งของประวัติศา

สตร์ไทยดังคำเปรียบ เปรยที่ว่า

“ทำนบเผด็จการหลายกระแส

ประชาธิปไตยทะลักเชี่ยว” ประชาชน

ถูกกดอยู่ใต้เผด็จการมานาน ก้าวกระโดด

เข้ามาใช้เสรีภาพโดยมีนักศึกษาเป็นแถ

ว หน้าเกิดการทะลักปัญหาที่สะสมของ

สังคม ความเหลื่อมล้ำ การกดขี่นำไปสู่ ค

วามต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เกิด ค

วามเท่าเทียมจึงเกิดฝ่ายก้าวหน้าและ ฝ่า

ยประเพณีนิยมที่ขัดแย้งกันอย่าง รุนแรง

มีการจัดตั้งกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน

นวพลและกระทิงแดง

ขึ้นมาตอบโต้ฝ่าย นักศึกษา

ต่อมามีการยอมรับแนวทาง

แก้ไขปัญหาสังคมโดยใช้ระบอบสังคม

นิยมมากขึ้นทำให้มีการโจมตีว่า

นักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ ที่ต้องการล้ม

ล้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

จากกรณีที่นักศึกษาประท้วงการกลับเข้า

ประเทศของจอมพลถนอมในรูปสามเณร

หลังจากต้องออกจากประเทศหลัง

เหตุการณ์ ๑๔ ต.ค. ๒๕๑๖ และมีการ

แสดงละครประท้วงที่พนักงานการไฟฟ้

๒๘๒

Page 283: Saleung Entire Book 2009

สลึง

า ถูกสังหารโดยการแขวนคอขณะที่ไปติด

โปสเตอร์การกลับมาของจอมพลถนอม ล

ะครนี้ถูกโจมตีว่าเป็นการหมิ่นพระบรม

เดชานุภาพของสถาบันพระมหาก

ษัตริย์ นำไปสู่เหตุการณ์นองเลือด

๖ ต.ค. ๒๕๑๙ จุดจบของ

“ยุคประชาธิปไตยเบ่ง บาน”ในช่วง

๓ ปีนี้เราพอจะแบ่งพัฒนาการ

ของเพลงเพื่อชีวิตได้เป็น ๓ ช่วงคือ

ช่วงที่ ๑ ยุคกระแสตะวันตก(ปลายปี ๒๕๑๖- ต้นปี ๒๕๑๗)

“ ขอผองเราจงมาร่วมกัน

ผูกสัมพันธ์ยิ่งใหญ่

สานแสงทองของความเป็นไทย

ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ”

บทบาทของ Bob Dy-

lan, Joan Baez และศิลปิน

อเมริกันที่ร้องเพลงประท้วงมี

อิทธิพลต่อนักศึกษาประชาชนไทยจาก ลั

กษณะเพลงโฟล์คและเครื่องดนตรีคือ

กีตาร์โปร่งที่หาง่ายและพกพาง่าย โดยมี

การเลียนแบบวัฒนธรรม เช่น ฮิปปี้

หรือ บุปผาชน ที่ใช้ ๕ ย. คือ เสื้อยืด

กางเกงยีน รองเท้ายาง สะพายย่าม

ผมยาว และใช้ แนวเพลงของตะวันตก

เช่นเพลง “Where have the flower

gone” ของ Pete Seger เพลง “Fine

the cost of freedom” ที่สุรชัย

จันทิมาทร นำมาแต่ง เป็นเพลง

“สานแสงทอง” เป็นต้น อิทธิพล

จากมหกรรมดนตรี “The Wood Stock

Music and Art Fair” ซึ่งเป็นการ

รวมพลังของคนหนุ่มสาวมากกว่า

๔๕๗,๐๐๐ คน ในอเมริกาเมื่อปี

๒๕๑๒ และถูกบันทึกเป็น

ภาพยนต์ออกฉายทั่วโลก

เป็นภาพยนตร์ที่มีอิทธิพล ต่อแนววามคิด

เสรีนิยมของนักศึกษา ปัญญาชนและ

ศิลปินจำนวนมากในประเทศไทย

บทเพลงในช่วงนี้กล่าวถึงปัญหา

ความทุกข์ยากของกรรมกร ชาวนาความ

ไม่เป็นธรรมในสังคมเป็นส่วนใหญ่

เช่น เพลง “คนกับควาย” “เปิบข้าว”

ของคาราวาน ที่ทำให้คำว่า

“เพลงเพื่อชีวิต” แพร่หลายมากขึ้น

๒๘๓

Page 284: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ช่วงที่ ๒ ยุคแสวงหาตนเอง

(ปลายปี ๒๕๑๗-๒๕๑๘)

มีการปรากฎขึ้นของวงดนตรีจำนวน

มากเช่น “วงกรรมาชน” “วงไดอะเล็กติก”

“วงกงล้อ” มีทั้งการแต่งเพลงเองและ

นำเพลงของ จิตร ภูมิศักดิ์ มาเล่นใหม่ เ

ป็นการเริ่มยุคของการปลุกเร้าอุดมการ

ณ์ ตามแนวศิลปะเพื่อชีวิตบทเพลงปรับ

เปลี่ยนเพื่อใช้เป็นเพลงปลุกใจในการ

เดินขบวนประท้วง

จากเหตุการณ์กลุ่มกระทิงแดงบุกเผ

า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำให้ขบวนก

าร นักศึกษาปรับตัวกันใหม่ลดท่าทีที่แข็ง

กร้าวลง ปรับภาพให้อ่อนลง เพื่อดึงความ

สนใจและหาแนวร่วม เช่น องค์กร

นักศึกษาธรรมศาสตร์ กลับมาฟื้นฟู

ประเพณีจัดฟุตบอลประเพณี งานลอย

กระทง ปีใหม่ มีการแต่งเพลงเช่น

รำวง ลอยกระทง เพลงวันสงกรานต์

ทำให้สถานการณ์ ลดความเคร่งเครียด

ลงได้บ้าง แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายใน

บ้านเมือง เช่น การถูกยิงตาย

ของผู้นำการ

ต่อสู้ทางการเมืองโดยจับผู้ต้องหาไม่ไ

ด้ ก็ทำให้นักศึกษายังคงต้องรณรงค์ต่อ

สู้ ต่อไป เนื้อหาของเพลงเพื่อชีวิตรุนแรง

เข้มข้นมากขึ้น เปลี่ยนจากแนวโฟล์ค

ของวงคาราวาน เป็นร็อคบ้างสตริงบ้าง

เพลงของมาร์ชบ้าง โดยเฉพาะเพลงของ

กรรมาชน สถานการณ์การต่อสู้มีการ

ปะทะกันมากขึ้นทั้งทางความคิดแล

ะ กำลังคนระหว่างฝ่ายก้าวหน้านำโดย

นักศึกษาและฝ่ายประเพณีนิยมทำให้ เ

นื้อหาของเพลงมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

นักศึกษาถูกโจมตีมากขึ้น

ช่วงที่ ๓ ยุคฟื้นฟูวัฒนธรรม (ปลายปี ๒๕๑๘ -๒๕๑๙)๒๘๔

Page 285: Saleung Entire Book 2009

สลึง

นักศึกษาถูกตัดขาดจากประชาชน โดย

ปิดกั้นการใช้สื่อต่างๆ ทำให้เกิดความไม่

เข้าใจนักศึกษามากขึ้นประกอบกับกร

ะแส ความเกรงกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์

นักศึกษาตกเป็นเป้าโจมตี

จนนำสู่เหตุการณ์ นองเลือด ๖ ต.ค.

๒๕๑๙

ในช่วง ๓ ปีนี้มีวงดนตรีเพื่อชีวิต เกิ

ดขึ้นอย่างมากมายเท่าที่รวบรวมได้คือ

วงที่มีผลงานบันทึกเสียงจำหน่าย ได้แก่

คาราวาน,กรรมาชน,ต้นกล้า, คุรุชน,

โคมฉาย, รวมฆ้อน, กงล้อ

วงที่ไม่มีผลงานการบันทึกเสียง

จำหน่ายได้แก่ แดนอีสาน,รุ่งอรุณ,

ฟ้าใหม่,ธารธรรม,นกสีเหลือง,

ไดอะเลคติค,พิราบแดง,โคมเฃียว,

ลูกทุ่งสัจจธรรม, แดนกรรมกร, กรรมกร

ฮาร่า, สหภาพการประปา,ลูกทุ่งก่อสร้าง,

ชูธง,รวมมิตร

หลังจากคณะปฏิรูปการปกครอง

แผ่นดินยึดอำนาจเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม

๒๕๑๙ ประเทศไทยกลับเข้า สู่เผด็จการ

อีกครั้งรัฐบาลชุด นายธานินทร์

กรัยวิเชียร สั่งยกเลิกกิจกรรมนักศึ

กษาและองค์กร นักศึกษาทั้งหมด

จากที่นักศึกษาเคยมี เสรีภาพในก

ารดำเนินกิจกรรมเมื่อพบ ข้อห้าม

กิจกรรมนักศึกษาจึงซบเซาลง ต่อมา

ได้มีความพยายามเรียกร้องให้มี กา

รดำเนินกิจกรรมนักศึกษาขึ้นอีกครั้ง

จนในที่สุดวันที่ 31 ม.ค. 2521 คณะ รัฐม

นตรีก็มีมติอนุมัติให้มีการจัดตั้ง สโมสรแ

ละชมรมเพื่อดำเนินกิจกรรมนัก

ศึกษาได้ภายใต้การคว

บคุมดูแลอย่าง ใกล้ชิด

โดยกิจกรรมนักศึกษาจะต้องเกี่ยว

กับกีฬา ศิลปวัฒนธรรมและการบำเพ็ญ

ประโยชน์เท่านั้น นอกจากนี้กิจกรรมต่าง

ๆ จะต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาดูแลและ

ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดด้วย ส่วน

บทเพลงเพื่อชีวิตยังคงมีบทบาทใน

หมู่นักศึกษามาก เนื้อหาของเพลง

ส่วนใหญ่เป็นการปลอบใจ ให้ความหวัง

เพลงเพื่อชีวิตหลัง ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙

๒๘๕

Page 286: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มีพลังในการต่อสู้ ไม่ท้อถอย วงดนตรีใน

มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีอยู่บ้าง แต่ไม่เปิด

เผย เนื้อเพลงมีมากกว่าช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา

ด้วยซ้ำ เช่น ขอเพื่อนจงหยัดยืน,

ที่นี่ไม่มีครู, เธอคือความหวัง, นางนวล,

บินหลา เป็นต้น หลังเหตุการณ์นองเลือด

นักศึกษาจำนวนมากตบเท้าเข้าป่า

เพื่อต่อสู้ร่วมกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง

ประเทศไทย (พ.ค.ท.) รวมทั้งบรรดา

นักร้องนักดนตรีด้วย เช่นที่บรรยายไว้

ในเพลง “จากภูพานสู่ลานโพธิ์

(ดินสอโดม)” จึงมีบทเพลงเพื่อสนับสนุน

แนวทางของ พ.ค.ท. จำนวนมาก ฝ่าย รั

ฐบาลมีการรณรงค์ต่อต้านคอมมิวนิสต์

อย่างหนัก มีการประกาศรายชื่อหนังสือ

ต้องห้าม ๒๐๔ รายการ มีการควบ

คุมสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด วิทยุ

โทรทัศน์ ออกอากาศเฉพาะเพลง ปลุกใจ

เช่น เราสู้, หนักแผ่นดิน และเพลง

ไม่โจมตีรัฐบาล มีแถลงการณ์เชียร์รัฐบาล

เป็นต้น แต่ต่อมาไม่นานก็เกิดการ ผัน

ผวนในเสถียรภาพของรัฐบาล จนฝ่าย

ทหาร เข้ายึดอำนาจได้สำเร็จเมื่อ ๒๐

ตุลาคม ๒๕๒๐ ความตึงเครียดทางการ

เมืองจึงลดลง สื่อมวลชนมีเสรีภาพมากขึ้น

นักศึกษามีอิสระมากขึ้น มีการแสดงคว

ามคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ

และสังคมอย่างเปิดเผย

มากขึ้นและ แน่นอนมีการเกิดขึ้นของ

วงดนตรีเพื่อชีวิตภายในมหาวิทยา

ลัย เช่น วงฟ้าสาง, วงชีวี, วงสตริง

อมธ. (ม.ธรรมศาสตร์), วงกอไผ่

(มศว.บางแสน), วงลูกทุ่งเปลวเทียน,

วงประกายดาว (ม.มหิดล) เป็นต้น

แนวความคิดของเพลงเพื่อชีวิตใน ช่

วงนี้จึงเป็นการสืบเนื่องมาจากแนวคิด

ในช่วง ๑๔ ตุลาคม นั่นเอง หากแต่ยังไม่

ลงตัวเพราะเหมือน ยุคสมัยย้อนกลับ ไ

ปสู่ยุคการแสวงหาอันสับสนของคนไทย

อีกครั้ง เพลงในยุคนี้จึงมุ่งสะท้อนปัญหา

ของผู้ยากไร้ สะท้อนเรื่องราวของ

เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙

ต่อมานักศึกษาที่เข้าไปร่วมต่อสู้กั

บ พ.ค.ท.เห็นว่าแนวทางของพ.ค.ท.ไม่

ใช่คำ ตอบไปสู่สังคมในอุดมคติของตน

จึงหลั่งไหลกลับออกมาจากป่า มาเรียนต่อ

มาทำงาน มีบทบาทต่าง ๆ ในสังคมบ้าง ก็

กลายเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทใน

๒๘๖

Page 287: Saleung Entire Book 2009

สลึง

มหิดล คือสถานศึกษาที่ผลิตบัณฑิต

ที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ

ให้กับสังคมแต่ความสามารถของนัก ศึก

ษาไม่จำกัดเฉพาะความรู้ที่อยู่ในห้อง สี่เห

ลี่ยมและตำราเรียนเท่านั้นด้วยเหตุ นี้กลุ่

มนักศึกษาที่มีอุดมการณ์คล้าย ๆ กัน จึง

รวมตัวกันเพื่อสรรสร้างและเผยแพร่ บท

เพลงเพื่อชีวิตเพื่อสังคมก่อให้เกิด กลุ่มค

นดนตรีขึ้นผ่านกาลเวลาในยุค ต่าง ๆ

สืบต่อมา คือ

วงกรรมาชน

เกิดขึ้นหลังวงคาราวานไม่นานนัก

ระหว่าง พ.ศ. 2517-2519 หลังการ เรี

ยกร้องประชาธิปไตยของนักศึกษาแล

ะ ประชาชนเปิดตัวครั้งแรกที่หอประชุ

ม ใหญ่ธรรมศาสตร์ ในงาน 14 ตุลาคม

พ.ศ. 2516 ใช้ชื่อว่า

“วงกรรมาชน” จากเดิมที่รวมกัน

อยู่ใน ฐานะวง “ลูกทุ่งวิทยา-มหิดล”

ด้วยลีลา การนำเสนอเพลงเพื่อชีวิต

รูปแบบวงสตริง ที่เร่าร้อนและรุนแรง

ของเครื่องดนตรี ไฟฟ้านำเสนอเพลง

ลูกทุ่งเพื่อชีวิต ส่วนใหญ่กรรมาชน

มีบทบาทสำคัญในการ เรียกร้อง

สิทธิอันชอบธรรมในด้านต่างๆ ของชาวไร่

ชาวนา กรรมกรและการเดิน ขบวนเ

พื่อหวังกดดันทางการเมืองเพื่อ เรีย

กร้องหรือแสดงประชามติการชุมนุม

ครั้งสุดท้ายก่อนการจบบทบาทของ กรรม

าชนในเขตเมืองคือเหตุการณ์นอง เลือด 6

ตุลาคม พ.ศ. 2519

วงประกายดาว

เปิดตัวครั้งแรกในงานรับน้องใหม่

กลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2521 โดยเป็น

ปัจจุบัน บ้างก็กลับมาเป็นนักดนตรีผลิต งานเพลงที่มีสาระ สะท้อนความจริงในสังคม

บอกถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา และแฝงปรัชญากลายเป็นกระแสวัฒนธรรมที่ต่อเนื่อ

งมาจนถึงปัจจุบัน

คน ดนตรี มหิดล

๒๘๗

Page 288: Saleung Entire Book 2009

สลึง

การรวมตัวกันของกลุ่มนักศึกษามหิด

ล ช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.

2519 ซึ่งเป็นช่วงที่กิจกรรมนักศึกษาถูกล

ด บทบาทลงอย่างมาก แต่ประกายดาวได้

เสนอทางเลือกปลูกจิตสำนึกของ

นักศึกษาและเยาวชนผ่านบทเพลงและ

เสียงดนตรีจากนั้น ก็ร่วมแสดงในงาน

ต่าง ๆ เช่นงานรับน้อง แสดงหารายได้เข้า

ชมรมด้านบำเพ็ญประโยชน์และค่าย

ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน ประกาย

ดาวออกเทปชุดแรกปลายปี พ.ศ. 2521

ตามด้วยเทปชุดที่ 2 ชื่อ “มาร่วมใจ”

กลางปี พ.ศ. 2523 และต้นปี พ.ศ. 2524

และได้ลดบทบาทลงเมื่อ สมาชิกส่วนใหญ่

ของวงได้แยกย้ายไปแต่ละภารกิจที่ ต้

องรับผิดชอบตามแต่ละวิชาชีพของต

น โดยครั้งล่าสุดได้ร่วมแสดงในงานรำลึ

ก วีรชนเดือนตุลาคม เมื่อปี พ.ศ. 2527

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กลุ่มประกายไฟ

เกิดจากการสนใจรวมกลุ่มกันของ

นักกิจกรรมในช่วง พ.ศ. 2526

เพื่อสานต่อ และศึกษาปูมตำนาน

บทเพลงเพื่อชีวิต โดยได้รับการถ่าย

ทอดจากรุ่นพี่นักกิจกรรมรุ่นก่อน

เช่นวงประกายดาวจนมีการแต่ง เพ

ลงเพิ่มเติมทำให้เกิดกระแสการร้อ

ง เพลงเพื่อชีวิตของนักศึกษาในยุคนั้

น ระดับหนึ่งมีการจัดมหกรรมเพลงเพื่

อ ชีวิตหลายครั้ง เชิญศิลปินเพื่อชีวิตเก่ง

ๆ มาร่วมด้วย เช่น ประกายดาว,

คีตาญชลี, CARRY ON, คาราวาน มีการ

บันทึกเทปเพื่อการถ่ายทอด บทเพลง

เหล่านี้มา 1 ชุด เป็นวงดนตรีที่มาเล่น ใ

นงานรับน้องมหาวิทยาลัยเกือบทุกปี

นับสิบปี จนถึงปี สุดท้าย คืองานรับน้อง

ปี 2539 ต้องหยุดไปเพื่อปัญหาการ

รวมตัวกันที่ทำได้ยาก ขึ้นทุกทีและความส

นใจที่น้อยลงของ น้อง ๆ

กลุ่มสลึง

เริ่มจากงานรับน้องในยุคหลัง ๆ

ได้มีการรวบรวมเพลงที่มีความหมายใ

น แนวทางสร้างสรรค์ เช่น เพลงที่มี ค

๒๘๘

Page 289: Saleung Entire Book 2009

สลึง

วามหมายในการต้อนรับน้องใหม่เข้า สู่

รั้วมหาวิทยาลัยหรือเพลงที่มีเนื้อหา ใ

นการปลูกจิตสำนึกเพื่อสังคมจัดทำเป็

น กระดาษเพลงแจกน้อง ต่อมาเพลงที่

รวบรวมมีจำนวนมากขึ้น จึงได้จัดพิมพ์

เป็นหนังสือขึ้นโดยรวบรวมเพลงที่

มี ความหมายในเชิงสร้างสรรค์และใช้

ชื่อหนังสือต่าง ๆ หลายชื่อ

อาทิ เช่น “ปู๊น”, “ปลื้ม”, “สลึง”

เป็นต้น โดยไม่ทราบถึง

กลุ่มผู้รวบรวมแน่นอน ต่อมามีกลุ่มบุ

คคลที่เห็นว่าไม่มีวงดนตรีที่จะนำเสน

อ บทเพลงในหนังสือสลึงในงานรับน้อ

งอีก ภายหลังจากรุ่นพี่วงประกายไฟได้

หยุดเล่นไปจึงได้รวมตัวกันเป็นวงขึ้น

ใช้ชื่อว่าวงสลึง และแสดงในงานรับน้อง

เรื่อยมา นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดง

คอนเสิร์ตขึ้นเพื่อเผยแพร่บทเพลง

อันมีคุณค่า ให้แก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย ภายห

ลังผู้ที่สนใจเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงเปลี่

ยนจากความเป็นวงสลึงเป็น กลุ่มสลึง

ที่มีการสืบต่อเรื่อยมาจนถึง ปัจจุบัน

ต้นกล้า

เดิมมีชื่อวงว่า “วงเจ้าพระยา” เป็น

วงดนตรีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มีแนวเพลงเป็นไทยเดิม โดยมีนักดนตรี

จากมหาวิทยาลัยต่างๆมาช่วยกันด้วย เ

มื่อเหตุการณ์ทางการเมืองรุนแรงขึ้น มี

ผู้ไม่เห็นด้วยกับการนำเพลงไทยเดิมไ

ป ประท้วง วงเจ้าพระยาเลยสลายตัวไป

กลายเป็นวงต้นกล้าขึ้นมาแทนซึ่ง

สมาชิกส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาในชุมนุม

ดนตรีไทย ลักษณะเพลงจะผสมผสาน

โดยใช้เพลง ไทยเดิมมาดัดแปลง

เนื้อร้องให้ตรงกับสถานการณ์

โดยเพลงส่วนใหญ่เป็น บทกวีของ

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

คุรุชน

ครูผู้แบกกีตาร์เข้ามาหามวลชน

คน ดนตรี เพื่อชีวิต

๒๘๙

Page 290: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ตั้งวงปี 2517 โดยได้รับอิทธิพลของ

กระการ ต่อต้านในแวดวงนักศึกษา

วิทยาลัยครูโดยเฉพาะวิทยาลัยครู

สวนสุนันทา สมาชิกของวงมี 4 คน โดยมี

เพลงแรกคือเพลงคุรุชน ลักษณะพิเศษ

ของเพลงวงคุรุชนคือเป็นแนว เพลงไทย

เนื้อหากล่าวถึงอาชีพครูและแนวเพล

ง คล้ายวงคาราวาน เพลงส่วนใหญ่

เป็นเพลงโฟล์คซอง เครื่องดนตรีที่ใช้คือ

พิณ กีตาร์ หีบเพลงปาก กลองบองโก

รวมฆ้อน

มีรากเดิมมาจากนักเรียนโรงเรียน

บดินทรเดชา 3 คือ วีระศักดิ์ ขุขัน

- ชินนุตสรณ์ เบญจกุล - ศิวะพงษ์

สระถุมมิระ ลักษณะของการทำดนตรี

จะเอาบทกวีที่น่าสนใจ มาใส่ทำนอง

ไพเราะจากต่างประเทศ หลังจาก

สมาชิกในวงแยกตัวกันไป

วีระศักดิ์ ก็เข้าร่วมก่อตั้งผลักดันวง

“ลูกทุ่งสัจธรรม” ขึ้นซึ่งเป็นวงดนตรี

ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มีรูปแบบ

การทำงานสอด คล้องกับมวลชนมากขึ้น

โคมฉาย

ก่อตั้งขึ้นปี 2518 เป็นการเรียกร้อง

ความต้องการของการเคลื่อนไหวทาง

การเมืองของนักศึกษาประชาชนโดย

ผู้ร่วมก่อตั้ง 3 ใน 5 คนเป็น

นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ก

ารก้าวขึ้นสู่เวทีครั้งแรกเป็นการแสด

ง ด้วยเหตุจำเป็นที่มีเหตุการณ์มาบังคั

บ แต่แล้วการแสดงของวงโคมฉายก็

ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็

น วงดนตรีถาวรไปโดยปริยาย ต่อมา

สมาชิกจำนวนหนึ่งถูก สถานการณ์ทาง

การเมืองผลักดันให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยน เ

ป็นอีกรูปแบบหนึ่งบทบาทของวงดนตรี

นี้จึงต้องยุติลงโดยสิ้นเชิง

กงล้อ

เป็นวงดนตรีสมัครเล่นของนักศึกษา

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เล่นคั่

น รายการให้งานอภิปรายไฮปาร์คและ

ร่วมกับกรรมกรเวลาชุมนุมประท้วง วัตถุ

ประสงค์ของวงคือเล่นเพลงเพื่อ

๒๙๐

Page 291: Saleung Entire Book 2009

สลึง

ชีวิตและความเป็นธรรมจนถึง 6 ตุลาคม

ก็ต้องเลิกไปจากนั้นสมาชิกก็กระจั

ด กระจายเข้าป่าไปหลังจากกลับเข้า

เมืองก็ได้ร่วมกับพี่จิ้นแกนนำวง

กรรมาชนออกเทปชุดรัตติกาล

ซึ่งใช้ชื่อว่าวง “พันดาว”

จิตร ภูมิศักดิ์

เกิดเมื่อ 25 กันายายน 2473

จบอักษรศาสตร์แล้วจึงเป็นอาจารย์ที่

มหาวิทยาลัยศิลปากรลักษณะเฉพาะ ป

ระจำตัวที่เด่นมากคือเป็นคนที่ยึดมั่น

ในเหตุผลมาก จิตรใช้นามปากกาต่าง

ๆ มากมายอาทิเช่น ศุล ภูวดล ,ทีปกร

เป็นต้น ส่วนชื่อจริงจะใช้ในการเขียน

บทความทางวิชาการ ความที่ขยันใฝ่

หาความรู้ จิตรจึงมีความรู้กระจ่าง ถูก

กล่าวขานเชิดชูและเป็นสัญลักษณ์

ของคนรุ่นใหม่ จนถูกกล่าวหาว่าเป็น

คอมมิวนิสต์และถูกจับในปี 2501 ซึ่ง คุ

กได้กลายเป็นเบ้าหลอมจิตใจของเขาให้

แนบแน่นกับดวงใจของประชาชนมาก

ยิ่งขึ้น ในปี 2507 ศาลตัดสินว่าเขา

ไม่มีความผิดใดๆ จึงพ้นจากคุกออกมา

แต่หลังจากนั้น จิตร ได้ถูกคุกคาม

ตลอดเวลา ในปี 2508 เขาตัดสินใจเข้า

ป่าจับปืนสู้ร่วมกับชาวชนบทและเสียชี

วิต ด้วยปืนของฝ่ายตรงข้าม ในวันที่ 5

พฤษภาคม 2509

คีตาญชลี

เสียงจากสองสามีภรรยา เมือ

งเพชรบุรีที่ทำการต่อสู้ในแนวรบ

ด้านเสียงเพลงมานานปีแล้ว เขาเป็น กลุ่ม

บุคคลกลุ่มแรกที่อยู่ในยุคแสวงหา หลังเห

ตุการณ์ทางการเมืองได้อุบัติขึ้น

แฮมเมอร์

วงดนตรีโฟล์คซองที่ขับขาน บทเพลง

แห่งการค้นหาของหนุ่มสาวในยุค“ตุลา

ฯ 16” ผลงานเริ่มเป็นที่ยอมรับเมื่อเพ

ลง บินหลาได้รับรางวัลชนะเลิศในงาน

ประกวดโฟล์คซอง วันดวลเพลงที่มี

วงเข้าประกวดถึง 108 วง ชื่อเดิมของ

วงแฮมเมอร์คือ“วงกระแสธาร”

คาราวาน

๒๙๑

Page 292: Saleung Entire Book 2009

สลึง

คำว่า “คาราวาน”มีความหมายว่า “การเดินทางอย่างไม่สิ้นสุด” เริ่มต้น

จากการรวมตัวกันเล่นของวง “ท.เสน และสัญจร” กับวง “บังคลาเทศ แบนด์”ซึ่งวงดน

ตรีคาราวานนี้มีบทบาท ต่อหนุ่มสาวผู้แสวงหาสัจธรรมในยุค นั้นมากเป็นดนตรีที่ก่อจา

กงานศิลปะมา สู่การสร้างสรรค์ทางงานดนตรีเพื่อ สะท้อนถึงภาพความเป็นจริงจาก ปร

ะสบการณ์ของพวกเขาคาราวานจึงเป็น “ดนตรีเพื่อชีวิต” เป็น “ศิลปะ เพื่อชีวิต”และเป็น

“ศิลปะเพื่อประชาชน”อีกด้วย

ไมถึงเป็น...สลึง

เพลงที่ได้ถูกแปลค่าจากความงามทางศิลปะกลายมาเป็นตัวเลขหลายหลัก

ของจำนวนเงิน บรรดาเพลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต่างได้เริ่มละเลยและเพิกเฉย ต่อคุณค่า

งานศิลปะบนพื้นฐานแห่งชีวิต จิตใจ และวิญญาณในอันแท้จริง มาเป็นคุณค่าแห่งวัตถุ

ที่หมดค่าลงตามกาลเวลาและไม่แปลกอะไรหากเราจะ เปรียบบรรดาเพลงเหล่านี้ให้เป็น

จำนวนค่าของเงินอันมากมายและคนก็เริ่ม เห็นถึงความใหญ่โตต่างก็พอใจมันจนลืมนึก

ถึงพื้นฐานของเงินเหล่านั้น......สลึง

เหรียญสลึง......จึงถูกนำมาเป็นตัวแทนของเพลงเพื่อชีวิต

บทเพลงเพื่อชีวิต......ซึ่งเราได้กำลังละเลยและเพิกเฉยกันไปความที่มันมีพื้นฐาน แ

ห่งความจริงของชีวิตซึ่งได้ถูกสื่อความหมายเหล่านั้นออกมาในรูปของ งานศิลปะ...

งานศิลปะเพื่อชีวิต...

จากคนทำสลึง (อ้างอิงจากฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ตุลาคม 2537)

ทำ๒๙๒

Page 293: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เรื่องราวที่เล่าขานและถ่ายทอดผ่านทางตัวหนังสือและตัวโน้ตที่ปรากฎอยู่ ในหนัง

สือเล่มน้อยเล่มนี้คงเป็นอีกหนทางหนึ่งของผู้จัดทำที่จะพยายามบอกเล่า สิ่งต่างๆที่ดำเนิ

นไปในสังคมนับตั้งแต่สายธารการต่อสู้ของวีรชนผู้กล้าใน อดีตจนถึงปัจจุบัน การเปิดโ

ลกเรื่องราวแห่งความเป็นจริงของสังคมอีกแง่มุมหนึ่ง ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสรับรู้ ได้สั

มผัสและเข้าใจรวมถึงการพยายามสรรสร้าง สิ่งใหม่ให้ชีวิต การเปิดความคิดแห่งการแ

สวงหาให้กับเส้นทางชีวิตของตัวเอง รวมถึงการร่วมมอบกำลังใจและความหวังดีให้กับผู้

อื่นที่ร่วมเดินทางผ่าน เส้นทางสายนี้มา

จุดมุ่งหมายของการร้อยเรียงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและการดำเนินไป

อย่างต่อเนื่องที่ถูกถ่ายทอดผ่านทางบทเพลงอันมีคุณค่าเหล่านี้ทางผู้จัดท

ำ หวังเพียงเพื่อให้ความฝัน ความคิดแห่งการแสวงหาและอุดมการณ์เพื่อยั

ง ประโยชน์แก่ผู้อื่นจะงอกงามและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงท่ามกลางกระแสสังค

ม ที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยการเรียบเรียงครั้งนี้อาจมีคว

าม ผิดพลาดที่เกิดจากผู้เรียบเรียง ขอผู้อ่านทุกท่านได้โปรดใช้ปัญญาและจิตใจ

ที่เป็นกลางพิจารณาด้วย

ก่อนจะจากกันอยากให้ลองพิจารณาว่า สภาพสังคมที่เป็นจริงในปัจจุบัน เ

พลงเพื่อชีวิตยังคงสามารถเป็นสื่อของเรื่องราวในปัจจุบันได้หรือไม่ และมี

คุณค่าเหมาะกับยุคสมัยนี้หรือไม่ หรือบทเพลงที่เหมาะสมคือเพลงที่เป็นที่

นิยม กันอยู่ทั่วไปทุกวันนี้ และเพลงเพื่อชีวิตก็สมควรจะเก็บเข้ากรุเอาไว้นั่ง

ระลึกกันในผับในบาร์

บันทึกการเดินทางบนเส้นทางชีวิต

๒๙๓

Page 294: Saleung Entire Book 2009

สลึง

Memo...

๒๙๔

Page 295: Saleung Entire Book 2009

สลึง

Memo...

๒๙๕

Page 296: Saleung Entire Book 2009

สลึง

เราเป็นเพียง “กองเกวียนเล็กๆ ”

ที่พร่ำร้อง ในสิ่งที่เรารัก เราเชื่อ

บทเพลงทั้งหมด

คือสิ่งที่บอกเรื่องราว

อยู่ในตัวของมันเอง

กลุ่มสลึง‘๕๒

Memo...

๒๙๖