Stoichiometry 2 - km.streesp.ac.thkm.streesp.ac.th/files/140514099441998_14101020200947.pdf · เอกสารประกอบการเรียน ว 30221 เคมี

เอกสารประกอบการเรยน ว 30221 เคม 1 ชนมธยมศกษาปท 4 Aschara Youngkong ผสอนและรวบรวม

Stoichiometry 2

สาระท 3 : สารและสมบตของสาร มาตรฐาน ว 3.1 : เขาใจสมบตของสาร ความสมพนธระหวางสมบตของสารกบโครงสรางและแรงยดเหนยว ระหวางอนภาคมกระบวนการสบเสาะหาความรและจตวทยาศาสตร สอสารสงทเรยนร

และน าความรไปใชประโยชน

ตวชวด วเคราะห ตรวจสอบ อธบายหลกการเขยนและดลสมการเคม และค านวณหา ความสมพนธระหวาง

ปรมาณของสารในสมการเคมและรอยละของผลไดเมอทราบสารตงตนและสารผลตภณฑได

จดประสงคการเรยนร 1. อธบายหลกการเขยนดลสมการเคมและค านวณหามวลของสารในปฏกรยาทเปนไปตาม กฎทรงมวล เมอทราบมวลสารตงตนและผลตภณฑได 2. ค านวณหาจ านวนโมล มวลของสาร ปรมาตรของแกสท STP หรอจ านวนอนภาคของ สารจากสมการเคมได 3. ระบสารก าหนดปรมาณและใชค านวณหาปรมาณของสารอนในปฏกรยาเคมได 4. อธบายและค านวณการหาผลไดรอยละของสารจากการทดลองทก าหนดใหได 5. อธบายหลกของกฎเกย – ลสแซกและอาโวกาโดร พรอมทงใชกฎทงสองค านวณหา ปรมาตรของแกสทเกยวของในปฏกรยาเคมและสตรโมเลกลของแกสได

ผงมโนทศนเรอง สมการเคม

สมการเคมและความสมพนธ

ระหวางปรมาณสารในปฏกรยาเคม

การค านวณปรมาณของสารในปฏกรยาเคม

มวลของสาร

จ านวนอนภาคของสาร สารก าหนดปรมาณ

ผลไดรอยละ

ปรมาตรของแกส

(2) เอกสารประกอบการเรยน ว 30221 เคม 1 Aschara Youngkong ผสอนและรวบรวม

มวลของสารในปฏกรยาเคม

ปรมาณสารสมพนธ เปนการศกษาความสมพนธมวลของธาตในสารตงตนกบสารผลตภณฑ ทเกยวของกบการเกดปฏกรยาเคม ดงนน การเปลยนแปลงของสารในปฏกรยาเคมใดๆตองมการก าหนดขอบเขตของการศกษาใหแนนอน ซงมองคประกอบท ส าคญอย 2 สวนคอ 1. สวนทอยภายในขอบเขตของการศกษาการเปลยนแปลง 2. สวนทอยนอกขอบเขตของการศกษา ระบบและสงแวดลอม ระบบ (System )หมายถงสงตางๆทอยในขอบเขตทเราก าหนดหรอตองการศกษาในการเปลยนแปลงของสาร ดงน

1. สงตางๆกอนการเปลยนแปลงของสารในระบบ 2. สงหลงการเปลยนแปลงของสารในระบบ

สงแวดลอมของระบบ ( Surrounding ) หมายถง สงตางๆทอยนอกขอบเขตทเราตองการศกษา เชน ภาชนะ อปกรณ หรอเครองมอวดตางๆ เปนตน

ภาวะของระบบ หมายถงสมบตของสารและปจจยทมผลตอสมบตของระบบไดแก มวล อณหภม ปรมาตร ความดน การทจะก าหนดวาระบบจะประกอบไปดวยสงใด ขนอยกบจดมงหมายของการศกษาการเปลยนแปลงนนๆ เชน การแยกน าดวยไฟฟา กอนการทดลองแยกน าหยดสารละลายกรดลงในน าเพอชวยใหน าเปน สารละลายอเลกโตรไลตไดดขน

ภาพ การแยกน าดวยไฟฟา

สนกจงเลย วนนขอสนกใหเตมทเพราะเดยวกลบบานตองอานเรองมวลในปฏกรยา เพราะครบอกวาจะเรยนเรองตอไป คนเราตองพกสมองบางฮๆ..

( 3 ) เอกสารประกอบการเรยน ว 30221 เคม 1 Aschara Youngkong ผสอนและรวบรวม

1. สารกอนการเปลยนแปลงในระบบไดแก ........................................................................... .............. 2. สารหลงการเปลยนแปลงในระบบไดแก ........................................................................... ............... 3. สงแวดลอม ไดแก ...................................................................................................... ..................... 4. ภาวะของระบบเกดการเปลยนแปลงหรอไม ..................................................... ............................ 5. การแยกน าดวยไฟฟาจดเปนการเปลยนแปลงทางเคมหรอไม เพราะเหตใด ........................................................................................................................... ........................ ............................................................................................................................. ...................... ......................................................................................................................................... ..........

เกณฑการพจารณาการเปลยนแปลงทางเคมเกด

โดยการพจารณาสารผลตภณฑทเกดขนวามสมบตของสารเปลยนแปลงทางเคมไปจากสารตงตนหรอไม โดยการพจารณาจากสมบตของสารผลตภณฑทเปลยนแปลงไป ไดแก - ตะกอน - ฟองแกส - กลน - สเปลยนไป

ฮาๆๆ เราจ าไดวาตอนอย ชนม. 2 เคยเรยนมาแลวการแยกน าดวยไฟฟาจะได .............................................. กบ ................................

การแยกน าดวยไฟฟาจดเปนระบบหรอสงแวดลอ................................. แลวระบบมกประเภท..........ประเภท แลวการแยกน าดวยไฟฟาเปนระบบใด...............................................................................

เรามาชวยกนวางแผน วเคราะห วาเกดการเปลยนแปลงอะไรขนในระบบการแยกน าดวยไฟฟา

ฮๆๆๆ สเดกเลยงชางไดหรอเปลา กไมร

นายวามา เราจะปฏบตตามแผนทนายวางไว

ตอบไดหรอเปลาฮๆ...


ระบบแบงออกเปน 3 ประเภท 1. ระบบเปด ( Open system ) หมายถง ระบบมการแลกเปลยนทงพลงงานและมวลกบสงแวดลอม พบวามวลของสารกอนเกดปฏกรยาไมเทากบมวลของสารหลงเกดปฏกรยา เชน

- การระเหดของพมเสนภายในภาชนะทเปดฝา - การเกดปฏกรยาระหวางลวดแมกนเซยมกบสารละลายกรดไฮโดรคลอรกเจอจาง ดงสมการตอไปน

Mg (s) + 2HCl (aq) MgCl2(s) + H2 (g)

จากการเกดปฏกรยาเคม พบวาเกดกาซไฮโดรเจนขนในระบบ ถาการศกษาครงนอยภายในภาชนะทเปดฝา กาซไฮโดรเจนกจะออกจากระบบสสงแวดลอม ท าใหมวลของระบบลดลง สรปวา ระบบเปดคอมวลและพลงงานมการถายเทระหวางระบบกบสงแวดลอม

2.ระบบปด ( Closed System ) หมายถงระบบมการถายเทพลงงานกบสงแวดลอม ไดอยางเดยวสวน

มวลคงท นนแสดงวามวลของสารกอนเกดปฏกรยาจะเทากบมวลของสารหลงการเกดปฏกรยาเทากน ระบบนเกดขนไดทงในภาชนะทเปด และปดแสดงวาการเปดหรอปดภาชนะไมมผลตอระบบ ถาในการเกดปฏกรยา เคมนนไมมกาซขน เชน

-การละลายน าของน าตาล -การท าปฏกรยาระหวางสารละลายเลด (II) ไนเตรตกบสารละลายโพแทสเซยมไอโอไดด

Pb(NO3)2 (aq) + KI (aq) PbI2 (s) + 2KNO3 (aq)

พบวาถากอนการท าปฏกรยาไดชงมวลของสารทงสองกอนการเกดปฏกรยา และหลงจาก สารท าปฏกรยากนสนสดพบวามวลมคาเทากน ทงทกระท าภายในภาชนะทเปดฝา แสดงวาในระบบไมม การถายเทมวลของสารออกสสงแวดลอม มวลคงท

- การเกดปฏกรยาระหวางลวดแมกนเซยมกบสารละลายกรดไฮโดรคลอรก ถาการกระท าภายในภาชนะทปดฝา กาซไมสามารถออกสแวดลอมไดกจะเปนระบบปด

สรปวา 1. มวลคงทสวนพลงงานมการถายเทระหวางระบบกบสงแวดลอม 2. ระบบสามารถกระท าภายในภาชนะทเปดหรอปดฝากได


3. ระบบแยกหรอระบบอสระ ( Isotated System ) หมายถง ระบบไมมการแลกเปลยนทงมวลและพลงงานกบสงแวดลอม เชน

- กะตกน ารอนทมฉนวนหมอยางดบรรจน ารอน

Practice Exercise 1 จงตอบค าถามตอไปน

1. ระบบและสงแวดลอมเหมอนหรอแตกตางกน …………………………………………………………………………………………………………… 2. ระบบแบงออกเปนกประเภท ไดแกอะไรบาง …………………………………………………………………………………………………………… 3. จงพจารณาการเปลยนแปลงในระบบตอไปน จดเปนระบบประเภทใด ………………3.1 แผนสงกะสในสารละลายกรดซลฟรก ………………3.2 น าปนใสในภาชนะวางทงไว 2 – 3 วน เกดฝาขาวลอยอยทผวหนา ………………3.3 การหลอมละลายแนฟทาลนในถวยกระเบอง ………………3.4 หยดน าสมสายชลงในปยปลอม ………………3.5 การผสมสารระหวางสารละลายกรด HCl กบสารละลาย NaOH ………………3.6 ระบบภายในรางกายคนปกต ………………3.7 น าเกลอแกงไปละลายน า ………………3.8 การเผาหนปนในหลอดทดลอง ………………3.9 สารละลายไฮโดรเจนเปอรออกไซดบรรจขวดเปดฝาตงทงไว 1 เดอน ………………3.10 การศกษาปฏกรยาเคมภายในแคลลอมเตอร 4.จงเตมขอมลตอไปนของระบบ และสงแวดลอมในตารางใหสมบรณ

ประเภทของระบบ มวลของสาร พลงงาน ………………… คงท ไมคงท ระบบเปด ………………… ไมคงท

………………… คงท คงท

พอเขาใจมย ….... เกยวกบประเภทของระบบ ถายงไมเขาใจ หรอเขาใจแลว ลองมาชวยกนท าแบบฝกดซ แลวเดยวไปเลน ขาย.................. กบเราเปนการผอนคลายสมอง

เอ.... เราไปถามเขา เขาจะตอบไดไมเนอ เพราะเดกสมยนคงไมเคยเลนแบบเรา


การเกดปฏกรยาระหวาง CaCO3 กบ HCl ในภาชนะเปดและภาชนะปด

ใกลจะถงวนปใหมแลวเราจะไดฉลองเทศกาลอกแลว

ปนนายเตรยมassociation อะไร เราหมายถงอาหารนะ

วางแผนสงสรรคเสรจหรอยง

หวานายนมนบาจรงๆก าลงคยอย มอะไรอกละ

กเรองโครงงาน

กนอะไรดละ

เราหวงเรองเรยนและงานนะ

งานอะไรจะ เราสอบตกมาใครตกกบเราบางละ สมองเรารบอะไรชา ไมเหมอนนายน

เดกๆจะ....เปนไงสนกและอมหรอเปลา? เอานไกอบเสรจแลวจะ แตแมไดยนวาอะไรนะโครงงานๆ มอะไรใหแมชวยบอกแมมานะ สมยแมเรยนแมชอบมาก ไดคด ไดท าเอง ทานกนเสรจแลวอยาลมอานหนงสอเตรยมตวเรยนพรงนนะ เหนนองรตนบอกวาเรองระบบตอ

เรามารวมกนพจารณาภาพตอไปนเกยวกบการเปลยนแปลงของสาร

ภาพแรกเปนการทดลองในภาชนะเปด โปรดสงเกต !

นายสงเกตเหนขอแตกตางบางละ ชวยบอกเราดวยคราบ

........................................................................................................................

........................................................................................................................

ภาพตอไป เปนการทดลองในภาชนะทปด

สรปวา

............................................................................................................

............................................................................................................

............................................................................................................


1. จงเขยนสมการการเปลยนแปลงทางเคม พรอมทงดลสมการ

2. สารใหมทเกดขนในระบบมสถานะอยางไร ............................................................................................................................. ....................................

3. ในภาชนะทเปดมสงใดพออกไปจากระบบ เพราะเหตใด ............................................................................................................................. .................................. 4. การเปลยนแปลงทเกดขนในระบบมวลของสารคงทหรอไม อยางไร ............................................................................................................................. ............... .................. 5. ในภาชนะทปด มวลของสารในระบบเกดการเปลยนแปลงหรอไม เพราะเหตใด

......................................................................................................................................... .. .................. 6. นกเรยนคดวาการทดลองนจดเปนระบบปดหรอระบบเปด

......................................................... ................................................................................. .................. 7. ภาชนะมผลตอการเปลยนแปลงหรอไม อยางไร

................................................................................................................ .......................... .................. 8. สงใดเปนสงแวดลอมในระบบ

............................................................................................................................. ............. ..................

ควหมบางนะ สวยไมๆ... พอแลวมาตอบค าถามกนเถอะวาสงเกตเหนอะไรบางจากการทดลอง

..........................................................................................................

..........................................................................................................

..........................................................................................................

เอาละคะ จากการสงเกตการเปลยนแปลงมา 2 ภาพแลว ชวยตอบค าถามตอไปนดวยจะ

หมดควนองหมแสดงแลวนะกอนจากกนไป ชวยนองหม สรปหนอยนะจะวาการทดลองน ท าใหเพอนๆเขาใจอยางไร

ภาพการเกดปฏกรยาระหวาง Pb(NO3)2 กบ KI ในภาชนะทปด

ภาพการเกดปฏกรยาระหวาง Pb(NO3)2 กบ KI ในภาชนะทเปด


รวมคดรวมท า

1. จงเขยนสมการแสดงการเกดปฏกรยาเคม

2. สารใหมเกดขนในระบบมสถานะ อยางไร ............................................................................................................................................................

สวสดครบ..... ตอไปนเปนการแสดงของพวกเรามาสงเกต การเปลยนแปลงตอไปน กบพวกเรากนเถอะ

ยงไมแสดงหมดแรงแลวเรา หวา......... ทรกครบ.... ลองพจารณาอกการทดลองวาเหมอนหรอแตกตางจากการทดลองครงแรกหรอไม ..........

โอมเพยง.............. ภาพจงปรากฏใหเหนดงน

พจารณาแลวมารวมกนตอบค าถามกนนะ รบมากขนาดนน

สรปวา ...............................................................................................................................................................................................


3. ในภาชนะทเปดฝามสงใดออกไปจากระบบหรอไม เพราะเหตใด ............................................................................................................................. ..................................... 4. การเปลยนแปลงทเกดขนในระบบมวลของสารคงทหรอไม อยางไร ............................................................................................................................. ....................................... 5. ในภาชนะทปดฝา มวลของสารในระบบเกดการเปลยนแปลงหรอไม

................................................................................................................................ ................................... 6. นกเรยนคดวาการทดลองนจดเปนระบบปดหรอระบบเปด

.................................................................................................................................. ................................ 7. ในการทดลองภาชนะมผลตอการเปลยนแปลงหรอไม อยางไร

................................................................................... ............................................................................... 8. สงใดเปนสงแวดลอมในระบบ

............................................................................................................................. ....................................

ผงความคดเรอง ...........................................................

กอนหมดการแสดงของพวกเราของเลนอะไรทสนกหนอยนะครบ

โจกเกอร ... นายเลนอะไรเราเปยกหมดแลว งนนายสรป การเปลยนแปลงครงทสองนนะ เพราะเราเปยกหมดแลว

วาๆ... เราคนเดยวหรอ

ชวยเราเขยนผงแนวความคดดวยนะคะ


Law Of consrration of mass

ป ค.ศ 1774 อองตอน โลรอง ลาววซเอ ( Antoine - Laurent Lawoisier ) ไดท าการทดลองเผาสารในหลอดทดลองปด กอนและหลงเผาสารไดชงมวลของสารทงหมด และไดท าการทดลองหลายครงผลปรากฏวามวลของสารเทาเดม ลาววซเอ ตงกฎทรงมวล กลาววา “ ในปฏกรยาเคมใดๆ มวลของสารทงหมดกอนท าปฏกรยาเทากบ มวลของสารทงหมดหลงท าปฏกรยาเสมอ “ หรอ “ ในปฏกรยาเคม มวลไมถกสรางขนหรอถกท าลายไปได ”

พจารณาสมการเคม 2H2 (g) + O2 (g) 2H2O (l) 4 กรม 32 กรม 36 กรม

1. ผลรวมมวลของสารตงตนทงหมด = ผลรวมมวลของสารผลตภณฑทงหมด 2. ปฏกรยาเคมทเปนไปตามกฎทรงมวลตองอยในระบบปด 3. ระบบของปฏกรยาเคมจะตองเปนระบบทไมมพลงงานความรอนเกดขนมาก เกนไป จงจะเปนกฎทรงมวล

ขอถามอกหนอยนะวา…..... เวลาทเพอนท าการทดลองน าสารมาท าปฏกรยากน นายคดวามวล

ของสารกอนท าและหลงท าปฏกรยาเทากนหรอไม .....................ใหเวลาคด 1 นาท

เปนไงพอรเรองหรองงกนแน ไมเปนไรมาศกษาตวอยางกนนะ โดยพจารณาตวอยางตอไปน ถาไมเขาใจนายไปใหเจาเปดนอยอธบาย อกครงกได แตใจจรงเราไมชอบใหนายไปถามใครนะ แตเราอยากใหซกอานเองหรอศกษาคนควา มากกวาจะไดถามเฉพาะทไมเขาใจเทานนไมเสยเวลา

ไง… ศกษาแลวพอสรปไดตามทเราสรปหรอไม ด....เราสรปซแลวนายละเหมอนเรามย...........


Sample Exercise 2 สาร X หนก 2 กรม ท าปฏกรยากบสาร Y หนก 6 กรม เกดสาร Z หนกกกรม

1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ...................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ......................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. .....................................

Sample Exercise 9 สารละลายซลเวอรไนเตรต (AgNO3) หนก 12 กรม ท าปฏกรยากบ สารละลาย โซเดยมคลอไรด ( NaCl ) หนก 5 กรม เมอปฏกรยาสนสด ไดตะกอน ซลเวอรคลอไรด ( AgCl ) หนก 7 กรม และสารละลายโซเดยมไนเตรต (NaNO3 ) เกดขนเทาใด ถาการทดลองน เปนไปตามกฎทรงมวล เขยนสมการเคม

1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................ ....................................................................... ................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ...................................................................................... ............................................................................................................................. .....................................

ถาเขาไมเกงจรง เขาคงท าไมไดหรอก อยาหวงเขาเลย

โมโหนะ


3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................. ..................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... .................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. .....................................

Sample Exercise 3 เมอน าแมกนเซยม 2.58 กรม มาเผากบแกสออกซเจน พบวาใชออกซเจนไป 1.6 กรม ผลตผลทได มมวล 4.0 กรม และมแมกนเซยมเหลอ 0.18 กรม จงแสดงใหเหนวา ปฏกรยาเคมเปนจรงตามกฎทรงมวล เขยนสมการเคม

1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ...................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ......................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. .....................................

ฮาๆ ตวอยางแคนเปดไมกลว งานหนกๆ เปดยงท าได แคแบบฝกเสรมทกษะท าไม เปดจะท าไมไดจะ

มอะไรหรอเปลา


Practice Exercise 2 จงตอบค าถามและแสดงวธท า ขอตอไปน 1. กฏทรงมวลกลาววา

................................................................................................... ................................................................

............................................................................................................................. ...................................... 2. ค ากลาวของกฎทรงมวล แสดงวามวลคงท จดเปนระบบปด เหนดวยกบค ากลาวนหรอไม อยางไร พรอมทงยกตวอยางประกอบ

............................................................................................................................. ......................................

............................................................................................................................. ......................................

........................................................................................ .......................................................................... 3. ปฏกรยานวเคลยร กบปฏกรยาเคม เหมอนหรอแตกตางกนในเรองกฎทรงมวล

............................................................................................................................. ......................................

............................................................................................................................... ....................................

.............................................................................................................. .................................................... 4. เมอเผาแคลเซยมคารบอเนต จะสลายตวไดแคลเซยมออกไซดและกาซคารบอนไดออกไซดถาการเผา

ครงนใชแคลเซยมคารบอเนต 10 กรม จะไดแคลเซยมออกไซด 5.6 กรม จงหาวาเกด กาซคารบอนไดออกไซดกกรม

เขยนสมการเคม

1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. ..................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ...................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ......................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. .....................................

............................................................................................................................. .....................................

............................................................................................................................... ...................................


5. สารละลายเลด (II)ไนเตรต หนก 3.50 กรม แลวเตมสารละลาย โพแทสเซยมไอโอไดด กกรม เมอปฏกรยาสนสดลงพบวาเกด โพแทสเซยมไนเตรต หนก 2.02 กรม และเลด (II)ไอโอไดด หนก 3.04 กรม มเลด (II)ไนเตรต เหลออย 0.16 กรม


1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................... ............................................................................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ...................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ......................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. .....................................

6. น ากาซซลเฟอรไดออกไซด (SO2 ) มา 5 กรม ท าปฏกรยากบกาซไฮโดรเจนซลไฟต ( H2S ) 4.70 กรม และเกดน า หนก 3.24 กรม กบ ก ามะถน ( S8 ) 6.10 กรม และหลอ ซลเฟอรไดออกไซด 0.36 กรม ปฏกรยานเปนไปตามกฎทรงมวลหรอไม


1. วเคราะหปญหา .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. .....................................

( 14 ) เอกสารประกอบการเรยน ว 30221 เคม 1 Aschara Youngkong ผสอนและรวบรวม 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ................................................................................................. ................................................................. 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................. ..................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ................................................................................................... ................................................................ ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ........................................................................................................................ ........................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. .....................................

7. น าโซเดยมซลเฟต ( Na2SO4 ) 142 กรม ท าปฏกรยากบ แบเรยมคลอไรด ( BaCl2 ) 208 กรม เกดโซเดยมคลอไรด ( NaCl ) 117 กรม ถาการทดลองนเปนไปตามกฎทรงมวล จะเกด แบเรยมซลเฟต ( BaSO4 ) กกรม


1. วเคราะหปญหา .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ..................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ...................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ......................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. .....................................


8. น าหนปนใสลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอรก หนก 18.25 กรม ผลปรากฏวาเกดน า 0.45 กรม กาซคารบอนไดออกไซด หนก 1.2 กรม และ แคลเซยมคลอไรด 2.775 กรม พรอมทงเหลอ

หนปนจ านวนหนงซงหนกเปน 2 เทาของแกสคารบอนไดออกไซด ถาการทดลองนเปนไปตาม กฎทรงมวล เขยนสมการเคม

1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ....................................................................................................................... ........................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................. .................................................................. .................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ....................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................. .....................................

9. เผาคารบอน 12 กรม ภายในภาชนะทปดสนท ภายในภาชนะมกาซออกซเจน 80 กรม ผล ปรากฎวาเกดกาซคารบอนไดออกไซด 44 กรม จงค านวณหาวาใชกาซออกซเจน ไปกกรมทไมได ใชท าปฏกรยา


1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................................................. ......................................


2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................ ....................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................. ..................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... .................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ......................................

10. น าสาร A 10 cm3 ท าปฏกรยากบสาร B 8 cm3 ไดสาร C 15 cm3 กบสาร D กกรม ( ก าหนดความหนาแนนของสาร A , B, C เทากบ 1 , 1.5 , 1.2 , และ 1.6 g / cm3 ) เขยนสมการเคม

1. วเคราะหปญหา ......................................................... ...................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... 2. แนวความคด ............................................................... .................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. วธค านวณ ...................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. ..................................... ................................................................................................................ ................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. .....................................


11. การเผาไหมของหนปน (CaCO3 ) ไดปนดบ (CaO) และแกสคารบอนไดออกไซดเปนผลผลต ถาน าหนปน 40.0 กรม มาเผาสลายตวหมด พบวามปนดบเกดขน 22.4 กรม ถามวาม คารบอนไดออกไซดเกดขนกกรม


1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 2. แนวความคด ............................................................................................................................... .................................... .................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ...................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................... .................................... ......................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ....................................................................... ............................................................................................ ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ....................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. .....................................

12. ถาใหธาต A และ B อยางละ 100 กรม ท าปฏกรยากนอยางสมบรณ เกดสาร AB2 จะได AB2 เกดขนกกรม มธาตใดเหลอและเหลอกกรม ก าหนดใหน าหนกอะตอมของ A = 60 และน าหนก อะตอมของ B = 90


1. วเคราะหปญหา ......................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. .....................................

( 18 ) เอกสารประกอบการเรยน ว 30221 เคม 1 Aschara Youngkong ผสอนและรวบรวม 2. แนวความคด ............................................................................................................................... .................................... ........................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................... .................................... .................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................ ................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... ..................................................................................... ..............................................................................

13. ของผสมชนดหนงประกอบดวยโซเดยมคลอไรดและสาร X ซงไมละลายน า เมอน าของผสมน 20 กรม ละลายน า แลวเตมสารละลายซลเวอรไนเตรต(AgNO3) ลงไปปรากฎวาตองใช

AgNO3 34 กรม จงจะท าปฏกรยากนพอด และไดตะกอนซลเวอรคลอไรด( AgCl ) 28.7 กรม หลงจากกรองของแขงทงหมดออกน าสารละลายทเหลอไปเคยวจนแหง ปรากฎวาไดของแขง 17 กรม ถาการทดลองน เปนไปตามกฎทรงมวล จงค านวณหามวลของสาร X ในของผสม


1. วเคราะหปญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... ................................... ....................................................................................................................... ............................................ 2. แนวความคด ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. วธค านวณ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. .....................................


ท าแบบฝกเสรมทกษะ เหนอยมากเลย เราจะรไดอยางไรวานายเขาใจ ชวยสรปผงแนวคดเรองทเรยนผานวาใหเราดหนอยซ

ฮๆ...... ยงมกฎอะไรอกบางไมทเกยวกบ การเกดสารประกอบของสารในปฏกรยาเคม

ฮ.....มซ อยากรใชไหมกอานเอาเองจากขอมลตอไปน แตกอนอานเจาแมวนอยบอกเราหนอยไดไมวา ธาตมารวมกนเกดเปนสารประกอบเธอคดวามวลเกยวของหรอไม ...........................................

องไปเลยนะแมวนอย

Documents

Stoichiometry 2 - km.streesp.ac.thkm.streesp.ac.th/files/140514099441998_14101020200947.pdf · เอกสารประกอบการเรียน ว 30221 เคมี