15
6 Privacy ค�าน�าผู้แปล . ความเป็นส่วนตัวไม่ได้ต่างจากมโนทัศน์จำานวนมาก ในสังคมสมัยใหม่ที่ผู้คนจะเริ่มตระหนักถึงความสำาคัญของมัน ก็ต่อเมื่อขาดมันไป และมักจะพูดถึงมันราวกับว่ารู้จักมันดี แต่ เอาเข้าจริงกลับไม่ได้มีความเข้าใจมากเท่าไร อะไรคือความเป็นส่วนตัว? ทำาไมเราต้องการมัน? หากความเป็นส่วนตัวเป็นประเด็นที่สามารถบอกเล่าได้ครบใน ประโยคเดียวหรือย่อหน้าเดียว ผู้อ่านก็คงไม่ต้องอ่านหนังสือ เนื้อหาหนักๆ เล่มนี้ให้จบทั้งเล่ม ความเป็นส่วนตัวนั้นมีความ สัมพันธ์โดยตรงกับสำานึกเกี่ยวกับตัวตนของเราที่สามารถแยก ออกจากส่วนอื่นๆ ของสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู ่ได้ และแน่นอนว่า สำานึกแบบนี้มีความเข้มข้นขึ้นในสภาวะสมัยใหม่ มีการกล่าว กันในทางสังคมศาสตร์ว่า ลักษณะสำาคัญอย่างหนึ่งของสภาวะ สมัยใหม่คือการแยกระหว่างมิติส่วนตัว (private) และมิติ

Vsi privacy (preview)

Embed Size (px)

DESCRIPTION

ความเป็นส่วนตัว: ความรู้ฉบับพกพา

Citation preview

Page 1: Vsi privacy (preview)

6 P r i v a c y

ค�าน�าผู้แปล

.

ความเป็นส่วนตัวไม่ได้ต่างจากมโนทัศน์จำานวนมาก

ในสังคมสมัยใหม่ที่ผู้คนจะเร่ิมตระหนักถึงความสำาคัญของมัน

ก็ต่อเมื่อขาดมันไป และมักจะพูดถึงมันราวกับว่ารู้จักมันดี แต ่

เอาเข้าจริงกลับไม่ได้มีความเข้าใจมากเท่าไร

อะไรคือความเป็นส่วนตัว? ทำาไมเราต้องการมัน?

หากความเป็นส่วนตัวเป็นประเด็นที่สามารถบอกเล่าได้ครบใน

ประโยคเดียวหรือย่อหน้าเดียว ผู้อ่านก็คงไม่ต้องอ่านหนังสือ

เนื้อหาหนักๆ เล่มนี้ให้จบทั้งเล่ม ความเป็นส่วนตัวนั้นมีความ

สัมพันธ์โดยตรงกับสำานึกเกี่ยวกับตัวตนของเราที่สามารถแยก

ออกจากส่วนอื่นๆ ของสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ได้ และแน่นอนว่า

สำานึกแบบนี้มีความเข้มข้นขึ้นในสภาวะสมัยใหม่ มีการกล่าว

กันในทางสังคมศาสตร์ว่า ลักษณะสำาคัญอย่างหน่ึงของสภาวะ

สมัยใหม่คือการแยกระหว่างมิติส่วนตัว (private) และมิติ

Page 2: Vsi privacy (preview)

7A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

สาธารณะ (public) ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าความเป็นส่วนตัว

เป็นผลผลิตของสังคมสมัยใหม่ด้วยซำ้า

อย่างไรกด็ ีข้อถกเถยีงว่าความเป็นส่วนตวัเป็นผลผลติ

ของสังคมสมัยใหม่หรือไม่นั้นเป็นเนื้อหาที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือ

เล่มนี ้และเป็นประเดน็ซึง่ผูเ้ขยีนทีเ่ป็นนกันติศิาสตร์อาจไม่สนใจ

เท่าใดนัก แม้จะมีการอ้างในหนังสือเล่มนี้อยู่บ้างว่า สิ่งท่ีน่าจะ

เทียบเคียงได้กับความเป็นส่วนตัวนั้นมีมาอย่างยาวนานตั้งแต่

สงัคมโบราณ ทว่าแม้ว่าสงัคมก่อนสมยัใหม่จะมคีวามเป็นส่วนตวั

อยู่จริง แต่ส่ิงนั้นก็ยากที่จะเป็นสิ่งเดียวกันกับความเป็นส่วนตัว

ที่ปรากฏในสังคมสมัยใหม่

หนงัสอืเล่มนีช้ีว่้าสทิธคิวามเป็นส่วนตวัในทางกฎหมาย

นั้นแยกออกจากการเติบโตของสื่อมวลชนอย่างหนังสือพิมพ์

และคนกลุ่มแรกๆ ที่ตระหนักถึงความสำาคัญของความเป็น

ส่วนตัวก็คือเหล่า “ไฮโซ” อเมริกันในศตวรรษที่ 19 ผู้มองว่า

การที่เรื่องราวของตนถูกนำาไปเขียนลงหนังสือพิมพ์นั้นเป็นการ

ละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือในกรณีของอังกฤษยุควิกตอเรียน

แนวคดิทางกฎหมายเรือ่งการละเมดิความเป็นส่วนตวักเ็กดิจาก

การฟ้องร้องของพระราชินีวิกตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ตจาก

กรณีที่มีผู้นำาภาพพิมพ์จากงานแกะสลักส่วนตัวของท้ังสองไป

แสดงโดยไม่ได้รบัอนญุาต ดงันัน้ในแง่นีจ้งึอาจพดูได้ว่าความเป็น

ส่วนตัวเป็นผลผลิตของ “ยุควิกตอเรียน” ซึ่งเป็นยุคที่สร้างความ

เปลี่ยนแปลงทางด้านมิติความคิดต่างๆ ในสังคมมากไปกว่ามิติ

ด้านศีลธรรมทางเพศแบบที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ

Page 3: Vsi privacy (preview)

8 P r i v a c y

แน่นอนว่าขอบเขตความเป็นส่วนตัวในศตวรรษท่ี 19

ต่างจากขอบเขตของความเป็นส่วนตัวในศตวรรษที่ 21 อย่าง

มาก เพราะทุกวันนี้ความเป็นส่วนตัวได้กลายเป็นเรื่องซับซ้อน

ที่สามารถถูกแตกแยกย่อยไปเป็นสิทธิย่อยๆ อีกสารพัด อัน

เกี่ยวพันกับการเติบโตของสื่อและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งผูกพัน

อยูก่บัชวีติมนษุย์ต้ังแต่ด้านการสือ่สารไปจนถงึการแพทย์ หนงัสอื

เล่มนี้พูดถึงสิทธิเหล่านี้ในเชิงกฎหมายในรายละเอียดได้เป็น

อย่างดี

ต้นฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี

2010 แต่เนือ้หาแทบทัง้หมดยงัดูร่วมสมยัอยู ่หลายเรือ่งท่ีหนังสอื

เล่มน้ีชี้ว่าจะเป็นปัญหาในอนาคตได้กลายมาเป็นปัญหาแล้วใน

ปัจจุบัน ดังนั้นเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จึงไม่ล้าสมัยเลยแม้แต่

น้อย อย่างไรกด็ ีความเปล่ียนแปลงด้านความเป็นส่วนตวัท่ีสำาคญั

มากๆ หลังจากหนังสือฉบับภาษาอังกฤษตีพิมพ์ไปแล้วก็คือ

การเปิดโปงเอกสารลับที่ชี้ให้เห็นการสอดส่องอินเทอร์เน็ตแบบ

แทบจะเบ็ดเสร็จของรัฐบาลอเมริกันในปี 2013 โดยอดีตซีไอเอ

หนุ่มอย่าง เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) และนี่ก็ดูจะ

พลิกโฉมสำานึกความเป็นส่วนตัวในโลกยุคดิจิทัลไปเลย

ข้อมูลที่สโนว์เดนนำามาเปิดเผยชี้ว่าความเป็นส่วนตัว

บนอินเทอร์เน็ตแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว เนื่องจากหน่วยงาน

ข่าวกรองของสหรัฐสามารถดึงข้อมูลจากบรรดาเว็บไซต์ใหญ่ๆ

และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้จากทาง “ประตูหลัง” เพื่อนำามา

“ทำาเหมืองข้อมูล” (data mining) ได้โดยง่าย อีกทั้งยังไม่ต้อง

ใช้หมายศาลในการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นข้อมูลที่เราคิดว่าเห็นอยู่

Page 4: Vsi privacy (preview)

9A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

คนเดียว แต่ถ้าไปอยู่บนอินเทอร์เน็ตแล้ว มันก็ไม่รอดพ้นการ

สอดส่องของรัฐไปได้ (อย่างน้อยก็โดยรัฐบาลสหรัฐ) ดังนั้นชีวิต

บนอินเทอร์เน็ตจึงเหมือนการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นท่ีท่ีมีกล้องซีซีทีวี

ติดตั้งไปทั่ว ดูเหมือนว่าการเปิดเผยช็อคโลกครั้งน้ีจะเปล่ียน

ภาพของโลกอินเทอร์เน็ตเสรีที่ผู ้คนสามารถหนีเงื้อมมือของ

อำานาจรัฐได้ด้วยเทคโนโลยี ไปเป็นภาพของโลกอนาคตหดหู่ท่ี

เทคโนโลยีการสอดส่องของรัฐนั้นทั้งสมบูรณ์และเบ็ดเสร็จ และ

ทำาให้นวนิยายเรื่อง 1984 ใกล้เคียงกับการเป็นวรรณกรรมแนว

สัจจนิยมขึ้นทุกวัน

การสอดส่องนีส้มเหตุสมผลถ้าเราเชือ่ว่า “เหตผุลของรฐั”

นั้นเหนือกว่าทุกสิ่ง อย่างไรก็ดี ในกรณีสหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็น

ประเทศที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลข่าวสารแย่มากในหมู่ประเทศ

ตะวันตก การเข้าถึงข้อมูลด้วยการสอดส่องดูจะเป็นสิ่งที่ละเมิด

รัฐธรรมนูญด้วยซำ้า แต่สิ่งที่น่าตระหนกก็คือ คนอเมริกันจำานวน

มากยอมรับได้กับสภาวะของชีวิตที่ถูกสอดส่องเช่นน้ี มิเช่นน้ัน

ชีวิตทางการเมืองของ บารัค โอบามา คงดำาเนินไปทางเดียวกับ

ริชาร์ด นิกสัน ในกรณีวอเตอร์เกตไปแล้ว และภาวะการยินยอม

ให้สอดส่องน้ีก็คงจะแยกได้ยากจากการ “เขียนผู้ก่อการร้ายให้

ประชาชนกลัว” ของรัฐหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001

อย่างไรก็ดี การเปิดเผยครั้งนี้ก็ทำาให้หลายๆ คนตื่นขึ้น

ความเป็นส่วนตัวกลายเป็นเรื่องใหญ่สำาหรับคนในวงกว้างขึ้น

องค์กรอย่าง Electronic Frontier Foundation ที่ใส่ใจประเด็นนี้

อยู่ก่อนแล้ว (และกล่าวถึงความเป็นไปได้ของการสอดส่องก่อน

การแฉของสโนว์เดนด้วยซำ้า) ก็รุกประเด็นนี้หนักขึ้นตามความ

Page 5: Vsi privacy (preview)

1 0 P r i v a c y

ความสนใจของสาธารณชน สำานักข่าวออนไลน์กระแสรองอย่าง

Techdirt ก็รายงานข่าวสารเกี่ยวกับการสอดส่องหนักและถี่ขึ้น

แบบไม่เว้นแต่ละวัน และก็มีการทำานายกันด้วยซำ้าว่าขบวนการ

ต่อสู้เพื่อความเป็นส่วนตัวจะกลายมาเป็นขบวนการที่ใหญ่โตใน

อนาคตอันใกล้

คำาทำานายนี้อาจเป็นจริง เพราะขนาดผู้ก่อต้ัง Pirate

Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เล่นประเด็นร้อนอย่างลิขสิทธิ์เป็น

พื้นฐาน ก็ยังช้ีหลายต่อหลายครั้งว่าสุดท้ายการปราบปรามการ

ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างสมบูรณ์นั้นเป็นไปไม่ได้โดยปราศจากการ

ละเมิดความเป็นส่วนตัว กล่าวคือถ้าจะปราบปรามการละเมิด

ลิขสิทธิ์ให้ชงัด รัฐก็ต้องเข้าถึงทุกๆ การสื่อสารของประชาชน

บนอนิเทอร์เน็ต เพราะทกุๆ การสือ่สารนัน้ การ “แบ่งบนั” ข้อมลู

อันละเมิดลิขสิทธิ์อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ในแง่นี้จึงไม่น่าจะแปลกใจ

ที่เหล่าอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์จะจับมือกับรัฐในการสนับสนุนการ

สอดส่องพลเมือง เพราะสุดท้ายแล้วจากมุมมองของรัฐ การทำา

แบบนีไ้ด้ประโยชน์ทัง้จาก “การพฒันาเศรษฐกจิสร้างสรรค์” และ

“การขยายอำานาจรัฐ” ไปพร้อมๆ กัน แม้ว่าหน้าฉากจะเป็นเรื่อง

เศรษฐกิจล้วนๆ ก็ตาม

ท่ามกลางการโรมรันพันตูที่มีความขัดแย้งจากหลาย

ฝ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อจากนี้ไปจะมีการต่อสู้เพื่อความเป็น

ส่วนตัวอย่างกว้างขวาง เราทุกคนคงต้องถามตัวเองว่าต้องการ

ความเป็นส่วนตัวหรือไม่ในชีวิตทางสังคม? หรือให้ตรงกว่าน้ัน

กค็อื เราต้องการความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน? เรารบัได้หรอืไม่

ที่สังคมเต็มไปด้วยพื้นที่ส่วนตัวซึ่งในแง่หนึ่งก็เป็นพื้นที่ซึ่งเอื้อ

Page 6: Vsi privacy (preview)

1 1A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

ให้เกิดการก่ออาชญากรรม? เราคิดว่าการทำาลายพื้นที่ส่วนตัว

จะทำาให้สังคมหลบเล่ียงอาชญากรรมได้จริงหรือ? อะไรคือผล

กระทบทางการเมืองเมื่อสังคมปราศจากความเป็นส่วนตัว?

สำาหรับผู้ที่มีคำาถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว แม้หนังสือเล่มนี้จะ

ไม่ได้ให้คำาตอบสำาเร็จรูปต่อคำาถามข้างต้น แต่หนังสือเล่มนี้จะ

ให้ความรู้พื้นฐานที่จำาเป็นก่อนที่เราจะคิดตอบคำาถามเหล่าน้ีได้

อย่างเหมาะสม

อธิป จิตตฤกษ์

กันยายน 2556

Page 7: Vsi privacy (preview)

1 2 P r i v a c y

ทุกวันนี้แทบไม่มีวันใดที่ไม่มีข่าวการคุกคามความเป็น

ส่วนตวั (privacy) ของเราปรากฏให้เหน็ เมือ่เกอืบสามสบิปีทีแ่ล้ว

ผูเ้ขยีนเคยตพีมิพ์หนงัสอืเล่มเล็กๆ อกีเล่มหนึง่เก่ียวกบัประเดน็

ร้อนนี้ หากกลับมาอ่านหนังสือ The Protection of Privacy

(การปกป้องความเป็นส่วนตัว) ตอนนี้ ผู้อ่านก็คงอดไม่ได้ท่ีจะ

รูส้กึถงึการเปลีย่นแปลงระดับพ้ืนฐาน อนัเกดิจากความก้าวหน้า

ทางเทคโนโลยี แน่นอนว่าสิ่งที่เห็นชัดที่สุดคือความเปราะบาง

ของข้อมูลส่วนบุคคลในโลกออนไลน์ แต่การคุกคามอื่นๆ ที่เกิด

จากโลกดิจิทัลก็มีไม่น้อย เช่น นวัตกรรมด้านไบโอเมตริกส์

(biometrics คือการใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย โดยเฉพาะ

ส่วนที่โดดเด่น เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ต่ิงหู ดีเอ็นเอ เป็นต้น

ในการระบุตัวตนของบุคคลหนึ่งๆ - ผู้แปล) การจับตาด้วยกล้อง

ซีซีทีวี ระบบระบุเอกลักษณ์ด้วยคล่ืนวิทยุ (Radio Frequency

ค�าน�าผู้เขียน

.

Page 8: Vsi privacy (preview)

1 3A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

Identification หรือ RFID คือแถบป้ายที่ติดไว้ตามวัตถุต่างๆ

เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ติดตาม และบันทึกข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุ

จากระยะห่าง – ผู้แปล) บัตรประจำาตัวแบบสมาร์ทการ์ด และ

มาตรการต่อต้านการก่อการร้ายหลากหลายรูปแบบ ท้ังหมดน้ี

ได้แสดงให้เหน็ถงึภยัคกุคามทีม่ต่ีอคณุค่าพืน้ฐานอย่างความเป็น

ส่วนตัว ภัยคุกคามเหล่านี้เกิดขึ้นแม้แต่ในสังคมประชาธิปไตย

อย่างไรก็ดี ในเวลาเดียวกันนั้น การล้นทะลักของข้อมูลส่วนตัว

ผ่านการเตบิโตจากการใช้บลอ็ก เวบ็ไซต์เครอืข่ายสงัคมออนไลน์

เช่น มาย-สเปซ เฟซบุ๊ค ยูทูบ ทวิตเตอร์ และประดิษฐกรรม

อื่นๆ แห่งยุคข้อมูลข่าวสาร ล้วนทำาให้หลักการทั่วไปเกี่ยวกับ

นัยสำาคัญของความเป็นส่วนตัวมีปัญหา การเกิดขึ้นของเว็บ 2.0

ได้ขยายบทบาทของอินเทอร์เน็ต จากการเป็นผู้ให้ข้อมูล ไปสู่

การเป็นผู้สร้างชุมชน และการที่ผู ้คนกระหายในเรื่องซุบซิบ

นินทา ก็เป็นการเติมเช้ือไฟให้กับสื่อที่นิยมเสนอข่าวสารด้วย

การเร้าอารมณ์ (sensationalist media) ซึ่งมักไปลดทอนคุณค่า

ของความคิดเรื่องพื้นที่ส่วนตัวที่เราอ้างสิทธิได้อย่างชอบธรรม

ความมีชื่อเสียงจึงเป็นเหมือนใบอนุญาตให้ถูกรุกลำ้าได้โดยยาก

จะปกป้อง

รูปแบบของการรวบรวม เก็บรักษา โอนถ่าย และ

ใช้ข้อมูลน้ันเปล่ียนไปตลอดกาล และเช่นนี้เองที่ทำาให้ภัย

คุกคามความเป็นส่วนตัวของปัจเจกเปล่ียนไป แม้ว่าการปฏิวัติ

อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาสัมผัสกับแทบทุกอณูในชีวิตของเรา แต่

แน่นอนว่าเทคโนโลยีไม่ใช่ผู้ร้าย ผู้ร้ายตัวจริงคือวิธีที่เทคโนโลยี

ถกูใช้งานต่างหาก สปัดาห์นีเ้อง ผูเ้ขยีนเพิง่ทราบว่าในฟิลิปปินส์

Page 9: Vsi privacy (preview)

1 4 P r i v a c y

มีการเสนอให้ใช้ชิปอาร์เอฟไอดีเพ่ือปกป้องเด็กนักเรียนไม่ให้

ถูกลักพาตัว การฝังชิปใต้ผิวหนัง (แบบที่ฝังในสุนัขของผู้เขียน)

จะช่วยในเรื่องการตามหาคนหายได้มาก เช่นในกรณีผู้ป่วยโรค

สมองเสือ่ม แต่ราคาของมันสงูเกนิไปหรือไม่? เราจะยงัเป็นสงัคม

เสรีอยู่อีกหรือหากเรายอมสูญเสียสิทธิในการไม่ถูกจับตามอง

แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีก็ตาม?

แม้มีการพัฒนาทางเทคนิคที่น่าทึ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ทว่า

ปัญหาหลายประการที่ผู้เขียนเคยพิจารณาเมื่อปี 1980 ก็มิได้

เปลี่ยนแปลงไปในระดับรากฐาน อันที่จริง ผู้เขียนก็มีความมั่นใจ

เพิ่มขึน้มาบ้างที่พบว่ามเีพียงบางจุดเท่านั้นที่ผู้เขียนไม่เห็นด้วย

กับการวิเคราะห์ปัญหาใจกลางของความเป็นส่วนตัวท่ีผู้เขียน

ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าว และในงานเขียนชิ้นอื่นในช่วง

สามทศวรรษที่ผ่านมา! แน่นอน ผู้เขียนอาจคิดผิด แต่แม้เวลา

จะผ่านไปมากกว่าสามสิบปี ผู้เขียนก็ยังคงคิดว่าการขยายขอบ

เขตความเป็นส่วนตัวไปสู่ประเด็นที่ “ต้องตัดสินใจ” (decisional

matter เช่น การทำาแท้ง การคุมกำาเนิด รสนิยมทางเพศ) และ

การรวมความเป็นส่วนตัวเข้ากับเสรีภาพและการกำาหนดตัวเอง

(autonomy) เป็นเร่ืองทีผ่ดิพลาด (แม้การรวมประเดน็ดงักล่าวจะ

เป็นเรือ่งทีเ่ข้าใจได้กต็าม) และผูเ้ขยีนกส็บายใจขึน้บ้างเมือ่พบว่า

แม้จะมกีารคาดการณ์มากขึน้เรือ่ยๆ ถงึการลดน้อยลงของความ

เป็นส่วนตัว แต่ประเด็นที่ “ต้องตัดสินใจ” ทั้งที่ได้กล่าวมาแล้ว

และที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งบ่อยคร้ังมักแทรกซึมเข้าสู่ปริมณฑล

ของความเป็นส่วนตวั ยงัไม่มกีารคาดการณ์กนัมากนักว่าจะเป็น

ประเด็นที่ถูกคุกคาม

Page 10: Vsi privacy (preview)

1 5A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

เวลาที่ผู ้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวกระตุ้นเตือนถึง

อันตรายนับไม่ถ้วนที่เกิดจากสังคมสารสนเทศในยุคของเรา

พวกเขามักไม่ค่อยกังวลกับปัญหาเหล่านี้ (แม้ว่าจะเป็นปัญหา

สำาคญักต็าม) นีค่อืการยอมรับโดยปริยายใช่หรอืไม่ว่าความหมาย

ที่แท้จริงของความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงการนำาแนวคิดน้ีไปใช้

นัน้ สอดคล้องกบัความเข้าใจโดยสญัชาตญาณของเรา ความเป็น

ส่วนตวัคอืความสนใจในการปกป้องข้อมลูทีม่คีวามอ่อนไหวมใิช่

หรือ? เมื่อเราโอดครวญถึงความเสียหายต่อความเป็นส่วนตัว

เราไม่ได้กำาลงัอาลยัอาวรณ์ถงึการสญูเสยีการควบคมุข้อเท็จจรงิ

ส่วนตวัของเราหรอกหรอื? และสารตัถะของการควบคมุดงักล่าว

ก็อยู่ที่การใช้ความสามารถในการกำาหนดตัวเองของเราควบคุม

รายละเอยีดหรอืข้อมลูต่างๆ ทีเ่ป็นส่วนตวัทีส่ดุ ไม่ว่ารายละเอยีด

หรอืข้อมลูเหล่านัน้จะมผีูอ้ืน่ต้องการสอดรูส้อดเหน็ หรอืพยายาม

เผยแพร่มันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเราก็ตาม

แต่บางทีแนวทางแบบนี้ก็อาจนำาเราไปผิดทาง? ทำาไม

สิทธิความเป็นส่วนตัวต่างประเภทกันถึงจะดำารงอยู่ร่วมกันบน

ฐานคดิเดยีวกนัทีอ่าจมีมติิทีแ่ตกต่างกนัแต่กย็งัสมัพนัธ์กนัไม่ได้?

ทำาไมถึงยอมให้ “ความเป็นส่วนตัวด้านข้อมูล” (informational

privacy) อยู่ร่วมกับ “ความเป็นส่วนตัวด้านการตัดสินใจ” ไม่ได้?

(decisional privacy หมายถึงการปกป้องไม่ให้รัฐเข้าแทรกแซง

ชีวิตส่วนตัวของปัจเจกหรือครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องท่ีต้อง

ตัดสินใจซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นทางศีลธรรม เช่น การทำาแท้ง

การคมุกำาเนดิ รสนยิมทางเพศ เป็นต้น - ผูแ้ปล) ผูเ้ขยีนคดิว่าการ

ที่ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาละเลยมิติแรกอย่างมาก พร้อมกับ

Page 11: Vsi privacy (preview)

1 6 P r i v a c y

การใส่ใจมิติหลังในมุมปัญหาเชิงรัฐธรรมนูญเป็นพิเศษ อาจมา

ถงึจดุบรรจบอกีครัง้ เพราะมสีญัญาณเล็กๆ จากฝ่ังยโุรปว่าศาลเริม่

รับรู้ (แม้จะล่าช้า) ถึงความจำาเป็นเร่งด่วนในการปกป้องข้อมูล

ส่วนบุคคลในทางกฎหมาย ดังที่จะอธิบายในส่วนถัดไป ผู้เขียน

จำาเป็นต้องชี้แจงว่าการที่ผู ้เขียนต่อต้านการทำาให้ความเป็น

ส่วนตัวเท่ากันกับความสามารถในการกำาหนดตัวเอง ไม่ได้เป็น

เพราะผู้เขียนไม่เห็นความสำาคัญของสิทธิ หรือความสำาคัญใน

การกำาหนดกรอบกว้างๆ ทีเ่อือ้ให้การรบัรูใ้นทางกฎหมายเกดิได้

ง่ายขึ้น แต่เป็นเพราะผู้เขียนเชื่อว่าการมองปัญหานี้ว่าเป็นเรื่อง

ของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะทำาให้ความยากลำาบาก

ต่างๆ นานาที่ถูกยัดรวมเข้ากับความเป็นส่วนตัวถูกแก้ไขได้

ง่ายขึน้ แนวคดิเรือ่งความเป็นส่วนตวักลายเป็นแนวคดิท่ีกำากวม

มากเกนิไป และยากลำาบากเกนิกว่าจะใช้วเิคราะห์อะไรได้ ความ

ไม่ชัดเจนนี้เองที่บ่อนทำาลายความสำาคัญของคุณค่าชนิดนี้ และ

ขัดขวางการปกป้องมันอย่างมีประสิทธิภาพ

ผูเ้ขยีนมักเข้าไปเกีย่วข้องกบัประเด็นความเป็นส่วนตวั

และการปกป้องข้อมูลจากมุมมองด้านกฎหมาย แม้ว่ากฎหมาย

จะเป็นเครือ่งมอืปกป้องความเป็นส่วนตัวทีข่าดไม่ได้ แต่ประเดน็

นี้ก็มีมิติอื่นๆ เกี่ยวข้องเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม

วัฒนธรรม การเมือง จิตวิทยา รวมทั้งปรัชญา และในที่นี้ ผู้เขียน

ก็จะพยายามพิจารณาพลังของมิติเหล่านั้น และรวมถึงมิติอื่นๆ

อีกมากมายที่ช่วยก่อร่างสร้างความเข้าใจของเราต่อแนวคิด

อันท้าทายเช่นนี้

ผู้เขียนเร่ิมสนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อนานมาแล้ว

Page 12: Vsi privacy (preview)

1 7A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

ตั้งแต่สมัยท่ียังเป็นนักศึกษาวิจัยที่ออกซฟอร์ด ในตอนน้ันท้ัง

งานเขียน (ที่โดยมากมาจากฝั่งอเมริกา) และตัวบทกฎหมาย

(ที่ส่วนใหญ่มาจากแถบสแกนดิเนเวีย) ยังมีไม่มาก กฎหมาย

ปกป้องข้อมูลในช่วงแรกยังเป็นเพียงตัวอ่อน แน่นอนว่านับจาก

ช่วงเวลาอนัไร้เดียงสาในสมัยนัน้ มุมมองดงักล่าวกเ็ปลีย่นแปลง

เสียจนผิดหูผิดตาไปมากแล้ว หากจะอธิบายปรากฏการณ์น้ีว่า

เหมือนกับการระเบิดก็คงไม่เกินเลย

ผู ้เขียนเริ่มเดินเข้าสู ่แวดวงผู ้สนใจศึกษาความเป็น

ส่วนตัวในฐานะนักวิชาการที่พยายามทำาให้แนวคิดเรื่องความ

เป็นส่วนตัวอันคลุมเครือมีความกระจ่างชัดขึ้น ทว่าในแง่มุม

ของการนำาสิทธิความเป็นส่วนตัวที่ถูกคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ ไป

ปฏบัิตกิย็งัไม่ไปไหน และมนัคงจะเป็นไปไม่ได้ด้วยท่ีเราจะไปไหน

ได้ไกล หนทางสูย่คุแห่งข้อมลูข่าวสารแบบทีม่นัควรจะเป็นยงัคง

น่าหดหู่ ความเป็นสากลของรหัสฐานสองที่นำาไปสู่การเกิดใหม่

ในรปูดจิทิลัของสิง่ของอนัหลากหลาย พร้อมกบัอปุกรณ์สอดส่อง

อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ ที่ซับซ้อนทันสมัย และสื่อที่คุกคามอย่าง

บ้าคลั่ง ทำาให้เราไม่สามารถเชื่อเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล

ส่วนบุคคลได้อย่างสนิทใจอีกต่อไป นอกจากนี้ ผู้เขียนโชคดี

ที่มีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและคณะ

กรรมการอื่นๆ ที่อุทิศตนในการชี้ให้ผู ้คนเห็นถึงธรรมชาติท่ี

เปลี่ยนแปลงไปของความเป็นส่วนตัว และร่วมกันร่างมาตรการ

ต่างๆ เพื่อปกป้องมัน ประสบการณ์ที่ได้รับจากโอกาสเหล่านี้มี

อิทธิพลอย่างยิ่งต่อความเข้าใจและการตัดสินคุณค่าที่ผู้เขียนมี

ต่อความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูล ผู้เขียนต้องขอบคุณ

Page 13: Vsi privacy (preview)

1 8 P r i v a c y

สมาชิกของคณะอนุกรรมาธิการด้านความเป็นส่วนตัวของคณะ

กรรมการปฏริปูกฎหมายแห่งฮ่องกง (Law Reform Commission

of Hong Kong) เนื่องจากผู้เขียนได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง

จากพวกเขามากทีเดียว

กลุม่วจิยัเพ่ือผลประโยชน์สาธารณะและกลุม่ผูส้นับสนุน

หลายกลุ่มทั่วโลกได้รณรงค์เพื่อปกป้องและรักษาความเป็น

ส่วนตัวของเราอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ปัญหาสำาคัญเกี่ยวกับ

ความเป็นส่วนตัวได้รับการตรวจตราโดยบุคคลผู ้น่าชื่นชม

มากมาย และเราก็เป็นหนี้บุญคุณพวกเขาไม่น้อย องค์กรเหล่านี้

[ที่โดดเด่นคือศูนย์ข้อมูลความเป็นส่วนตัวทางอิเล็กทรอนิกส์

(Electronic Privacy Information Center: EPIC) ในสหรฐัอเมรกิา

และกลุ่มความเป็นส่วนตัวสากล (Privacy International) ใน

สหราชอาณาจักร] ไม่เพียงต่อสู้เพ่ือปกป้องความเป็นส่วนตัว

แต่พวกเขายังทำางานวิจัยอย่างระมัดระวัง และให้ข่าวแทบจะ

ทุกแง่มุมที่เป็นไปได้ในเร่ืองความเป็นส่วนตัว ซึ่งนั่นก็รวมถึง

สภาวะความเป็นส่วนตัว (ที่มักเป็นอันตราย) ในขอบเขตอำานาจ

ตามกฎหมายของหลายประเทศ ผู้เขียนขอแสดงความเคารพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ เดวิด บานิซาร์, โรเจอร์ คลาร์ค, ไซมอน

เดวีส์, กัส โฮไซน์ และ มาร์ค โรเทนเบิร์ก รวมทั้งปัจเจกชนและ

กลุ่มคนจำานวนมาก ที่ได้ลงแรงทำางานจนมีผลงานมากมาย ซึ่ง

หน่ึงในน้ันคือคำาประกาศเกี่ยวกับอนาคตของความเป็นส่วนตัว

ซ่ึงองค์กรพัฒนาเอกชนและผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว

จากมากกว่า 40 ประเทศได้ลงนามเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009

เน่ืองจากคำาประกาศนัน้เสรจ็สมบรูณ์หลังจากหนงัสอืเล่มนีอ้ยูใ่น

Page 14: Vsi privacy (preview)

1 9A V e r y S h o r t I n t r o d u c t i o n

โรงพิมพ์ มันจึงอยู่ในภาคผนวกของหนังสือเล่มนี้

ตลอดหลายปีที่ผ ่านมา กลุ่มเพื่อนร่วมงาน คณะ

กรรมการความเป็นส่วนตัว และผู ้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ได้ให้

กำาลังใจ คำาแนะนำา และความช่วยเหลืออย่างมากมายนับไม่ถ้วน

ขอขอบคุณ จอห์น เบคอน-โชน, อรีคิ บาเรนด์ท, คอลิน เบนเนตต์,

มาร์ค เบอร์โธล์ด, จอน บิง, ปีเตอร์ เบิร์กส์ ผู้ล่วงลับ, ไมเคิล

ไบรอัน, แอนน์ คาวูเคียน, เดวิด ฟลาเฮอร์ตี, เกรแฮม กรีนลีฟ,

กอดฟรีย์ คาน, ไมเคิล เคอร์บี, สตีเฟน เลา, ชาร์ลส์ ราบ, เมแกน

ริชาร์ดสัน, สเตฟาโน โรโดตา, เจมี สมิธ และ ไนเจล วอเตอร์ส

แต่หากผู้เขียนทำาผิดพลาดประการใดและไม่ว่าท่ีใด ความผิดท่ี

เกิดขึ้นล้วนเป็นของผู้เขียนเพียงผู้เดียว

เช่นเคย สมาชิกของสำานักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซ-

ฟอร์ดเป็นผู้ร่วมงานที่เป็นมิตรอย่างยิ่งในการจัดพิมพ์หนังสือ

เล่มนี้ ผู้เขียนขอขอบคุณเป็นพิเศษต่อ แอนเดรีย คีแกน, เอมมา

มาร์แชนต์, เคยีรา ดคิกนิ-สนั, เคอร์สติน เดมาทา และ เดบอราห์

โพรเธโร และเป็นอีกคร้ังที่ คาร์ทิกา รามาลิงแกม และทีมงาน

ที่เอสไอพีได้บรรจงทำาให้ตัวอักษรของผู้เขียนและรูปภาพต่างๆ

กลายเป็นหนังสือที่สวยงามเล่มนี้

นับจากช่วงเวลาที่เขียนประโยคท้ายๆ ของต้นฉบับ

หรือแม้แต่ตอนตรวจทาน ข่าวคราวการรุกลำ้าความเป็นส่วนตัว

ก็ปรากฏขึ้นมากมายไม่หยุดหย่อน ผู้อ่านโปรดรับทราบด้วยว่า

ประเด็นของหนังสือในมือท่านเล่มนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ความ

ท้าทายใหม่ๆ ต่อความเป็นส่วนตัวรอคอยเราอยู่ และภารกิจ

ในการปกป้องและดแูลรกัษาอดุมคตแิห่งความเป็นประชาธปิไตย

Page 15: Vsi privacy (preview)

2 0 P r i v a c y

ที่จะสูญเสียไปไม่ได้ ก็จำาเป็นต้องมีความระแวดระวังและความ

มุ่งมั่นอย่างยิ่ง

เรย์มอนด์ แวคส์