โปรแกรมย่�อย่และฟั งก�ชั�นมาตรฐาน
การสร�างและใชั�งานโปรแกรมย่�อย่การแยกโปรแกรมยอยออกเป�นส่วนยอยๆม�ประโยชน�ดั�งน�� 1. ลดัความซ้ำ��าซ้ำ�อนในการเขี�ยนโปรแกรมใน
ส่วนที่�!ที่�างานอยางเดั�ยวก�น 2. ชวยให้�ที่�าความเขี�าใจโปรแกรมไดั�งาย เพราะม�การแบ่งเป�นส่วนยอยๆ 3. ที่�าให้�ส่ามารถแก�ไขีและเพ(!มเติ(มการที่�างานขีองโปรแกรมไดั�งายขี*�น 4. ชวยให้�น�าโปรแกรมที่�!ส่ร�างไปใช�งานในโปรแกรมอ+!นไดั�ถ�าในโปรแกรมน��นติ�องการฟั-งก�ช�นในการที่�างานที่�!เห้ม+อนก�น
โปรแกรมย่�อย่ที่��ใชั�งานอย่��ในVB.NET ม�อย่�� 2 ประเภที่คื อ- โปรแกรมยอย SUB - โปรแกรมยอย FUNCTION
โปรแกรมย่�อย่ชัน!ด SUB เป�นโปรแกรมยอยที่�!ถ.กส่ร�างขี*�นมาที่างานโดัยที่�!อาจจะร�บ่ห้ร+อไมม�การร�บ่คา
พาราม(เติอร�มาที่�างานก/ไดั� แติจะไมม�การส่งผลการที่�างานกล�บ่ไปย�งโปรแกรมที่�!เร�ยกใช�
งานซ้ำ�บ่ร.ที่�นน��ม�ร.ปแบ่บ่ในการเขี�ยน SUB ดั�งน��
โปรแกรมย่�อย่ Function เ เป�นโปรแกรมยอยที่�!ถ.กส่ร�างขี*�นมาที่�างานโดัยที่�!อาจจะร�บ่ห้ร+อไมม�การร�บ่คาพาราม(เติอร�
มาที่�างานก/ไดั� และเม+!อที่�างานเส่ร/จแล�วจะม�การส่งผลการที่�างานกล�บ่ไปย�งโปรแกรมที่�!เร�ยกใช�
งานฟั-งก�ช�!นน��ม�ร.ปแบ่บ่ในการเขี�ยน Sub ดั�งน��
การสร�างโปรแกรมย่�อย่ 1.พ(มพ�ส่วนห้�วขีองโปรแกรมยอยลงใน
ห้น�าติาง CODE EDITOR จากน��นกดัENTER
2. จะปรากฏขี�อความ END SUB ขีอง โปรแกรมยอยน��น จากน��นพ(มพ�ค�าส่�!งส่ร�าง
โปรแกรมยอย
การแสดงหร อแก�ไขคื&าส��งที่��อย่��ในโปรแกรมย่�อย่ 1. เล+อกคลาส่ที่�!จะประกาศโปรแกรมยอย
จากรายการ OBJECT LISTBOX ( เล+อกMODULE1) 2. เล+อกช+!อโปรแกรมยอยที่�!ติ�องการ จาก
รายการ PROCEDURE LISTBOX ( เล+อก MYFUNCTION) 3.VB.NET จะแส่ดังโปรแกรมยอยที่�!เล+อก
ฟั งก�ชั�นมาตรฐาน (STANDARD FUNCTIONS) 1. ฟั งก�ชั�นที่างคืณิ!ตศาสตร�(MATHEMATIC FUNCTIONS) 2. ฟั งก�ชั�นเก��ย่วก�บต�วอ�กษร(CHARACTER FUNCTIONS) 3. ฟั งก�ชั�นเก��ย่วก�บสตร!ง (STRING FUNCTIONS) 4 . ฟั งก�ชั�นที่��วไปที่��ใชั�งานบ�อย่ ๆ
1.1 ฟั งก�ชั�นที่างคืณิ!ตศาสตร�(MATHEMATIC FUNCTIONS) เป�นฟั-งก�ช�นที่�!ใช�ส่�าห้ร�บ่การค�านวณที่าง
คณ(ติศาส่ติร� และกอนที่�!จะใช�ฟั-งก�ช�น ประเภที่น�� จะติ�องใช�ค�าส่�!ง #INCLUDE
แที่รกอย.ติอนติ�นขีองโปรแกรม และติ�วแปร ที่�!จะใช�ฟั-งก�ช�นประเภที่น��จะติ�องม�ชน(ดั
(TYPE) เป�น DOUBLE เน+!องจากผลล�พธ์�ที่�!ไดั�จากฟั-งก�ช�นประเภที่น��จะไดั�คาส่ง
กล�บ่ขีองขี�อม.ลเป�น DOUBLE เชนก�น
ฟั งก�ชั�นที่างคืณิ!ตศาสตร�ที่��คืวรที่ราบ
ม�ด�งน�- ACOS(X) ASIN(X) ATAN(X) SIN(X) COS(X) TAN(X) SQRT(X) EXP(X) POW(X,Y) LOG(X) LOG10(X) CEIL(X) FLOOR(X) FABS(X)
1.2 ฟั งก�ชั�นเก��ย่วก�บต�วอ�กษร(CHARACTER FUNCTIONS) เป�นฟั-งก�ช�นที่�!ใช�ก�บ่ขี�อม.ลที่�!ม�ชน(ดัเป�นSINGLE CHAR ( ใช�เน+�อที่�! 1 BYTE)
เที่าน��น และกอนที่�!จะใช�ฟั-งก�ช�นประเภที่น��จะ ติ�องใช�ค�าส่�!ง #INCLUDE แที่รกอย.ติอน
ติ�นขีองโปรแกรม จ*งจะส่ามารถเร�ยกใช�ฟั-งก�ช�นประเภที่น��ไดั�
ฟั งก�ชั�นที่��เก��ย่วก�บต�วอ�กษรที่��คืวร ที่ราบ ม�ด�งน�-
ISALNUM(CH) ISALPHA(CH)
ISLOWER(CH) ISUPPER(CH) TOLOWER(CH) TOUPPER(CH) ISSPACE(CH) ISXDIGIT(CH)
ISDIGIT(CH)
1.3 ฟั งก�ชั�นเก��ย่วก�บสตร!ง(string functions) เป�นฟั-งก�ช�นที่�!ใช�ก�บ่ขี�อม.ลชน(ดัส่ติร(ง(string) โดัยกอนที่�!จะใช�ฟั-งก�ช�นประเภที่น��จะ
ติ�องใช�ค�าส่�!ง #include แที่รกอย.ติอนติ�นขีอง โปรแกรมเส่�ยกอน จ*งจะเร�ยกใช�ฟั-งก�ช�นประเภที่น��ไดั�
ฟั-งก�ช�นที่�!เก�!ยวขี�องก�บ่ส่ติร(งที่�!ควรที่ราบ่ ม�ดั�งน�� strlen(s) strcmp(s1,s2) strcpy(s) trcat(s1,s2)
1.4 ฟั งก�ชั�นที่��วไปที่��ใชั�งานบ�อย่ ๆ 1) ฟั-งก�ช�น CLRSCR( ) 2) ฟั-งก�ช�น GOTOXY(X,Y) 3) ฟั-งก�ช�น CLREOL( ) 4) ฟั-งก�ช�น ATOL(S)
จั�ดที่&าโดย่ นายส่6ภ�ชชา เก�าล(�ม เลขีที่�! 13
นางส่าว ที่รรศพร จ(ติน(ยม เลขีที่�! 19 นางส่าว ศร(นยา เส่มแก�ว เลขีที่�! 20 นางส่าว ศกลวรรณ ไพศาขีมาศ เลขีที่�!
21 นางส่าว ส่6ดัาร�ติน� อาจค(ดัการ เลขีที่�!
22 นางส่าว ป6ณยน6ช แซ้ำแติ� เลขีที่�! 24 นางส่าว วาส่(น� ล�ดัดัาก6ล เลขีที่�! 27