View
62
Download
5
Category
Preview:
DESCRIPTION
บทที่ 5 ญาณวิทยา ( Epistemology ). 5.1 เหตุผลนิยม 5.2 ประสบการณ์นิยม 5.3 สัญชาตญาณนิยม 5.4 พระพุทธศาสนา. ประมวลญาณวิทยา วิธีการสอบสวนความรู้ในการแสวงหาความจริง มีทั้งหมด 5 วิธี ดังต่อไปนี้. 1. ผัสสะ ( sensation ) รู้โดยประสาทสัมผัส ( senses ) - PowerPoint PPT Presentation
Citation preview
51. เหตผุลนิยม 52 ประสบการณ์นิยม
53สญัชาตญาณนิยม
54 พระพุทธศาสนา
บทท่ี 5ญาณวทิยา (Epistemology)
1. ผัสสะ (sensation ) รูโ้ดยประสาทสมัผัส (senses) 2 . ความเขา้ใจ (understanding )
รูโ้ดยการอนุมาน (inference) 3 . อัชฌตัติกญาณ (intuition ) รู้
โดยสามญัสำานึก (common sense ) เป็นญาณวเิศษท่ียงัมกิีเลสอยู่ 4 . ตรสัรู ้(enlightenment ) รูโ้ดยญาณวเิศษแบบหมดกิเลส
(transcendental intuition) 5 . ววิรณ์ (revelation) รูโ้ดยการ
เปิดเผยจากสิง่ท่ีอยูห่นือ ธรรมชาติ (supernatural manifestation)
ประมวลญาณวทิยา วธิกีารสอบสวนความรูใ้นการแสวงหาความจรงิ
มท้ัีงหมด 5 วธิ ีดังต่อไปนี้
1 .เรอเน เดการต์ส ์(Rene Decartes : 1596 – 1650)
2. บารุค สปิโนซา (Baruch Spinoza : 1632 – 1677)
3. คอทฟรดิ วนิเฮล์ม ฟอน ไลบน์ิช (Cottfried Wilhelm Von Leibniz : 1646 – 1716)
นักปรชัญาในกลุ่มเหตผุลนิยม
1 2
1 .ฟรานซสิ เบคอน (Francis Bacon : 1561 – 1626)
2 .โทมสั ฮอบส ์(Thomas Hobbes : 1588 – 1679)
3 .จอห์น ล็อค (John Locke : 1632 – 1704)
4. เดวดิ ฮิวม ์(David Hume : 1711 – 1776)
นักปรชัญาในกลุ่มประสบการณ์นิยม
1 2 3 4
ฟรานซสิ เบคอน พูดถึงเทวรูปคืออคติในใจมนุษย์
วา่มอียู ่ 4 ประการ
1 .เทวรูปแห่งเผ่าพนัธุ ์(Idol of the Tribe ) หมายถึง กรรมพนัธุท่ี์ได้รบัจากการอบรมสัง่สอน
2 .เทวรูปแห่งถำ้า (Idol of the Cave ) หมายถึง ประสบการณ์สว่นตัวของมนุษยใ์นแต่ละคน
3 .เทวรูปแห่งตลาดนัด (Idol of the Market place ) หมายถึง ความสบัสนในการใชภ้าษาเป็นสิง่ท่ีน่ากลัวและอันตรายท่ีสดุ
4 .เทวรูปแห่งโรงละคร (Idol of the Theater ) หมายถึง ระเบยีบประเพณี ปรชัญา ศาสนา
ฟรานซสิ เบคอน พูดถึงเทวรูปคืออคติในใจมนุษย์
วา่มอียู ่ 4 ประการเบคอนเห็นวา่ เทวรูปท้ัง 4 ท่ีมอียูใ่นใจมนุษยน์ัน้จะต้องใชปั้ญญาในการทำาหน้าท่ีกวาดล้างเทวรูปเหล่านี้ออกจากใจ เมื่อทำาได้ มนุษยจ์ะเขา้ถึง
สจัธรรมอันถกูต้อง
เรอเน เดการต์ส ์(Rene Decartes : 1596 – 1650)บดิาของปรชัญา
สมยัใหม ่ผู้ถือวา่ มนุษยม์ี“ความรูติ้ดตัวมาตั้งแต่
เกิด ” (Innate Idea )ความรูใ้นใจของ
มนุษยน์ัน้ก็เหมอืนกับนำ้าท่ีมอียูใ่นแผ่นดิน ถ้ารูจ้กัวธิี
การขุดก็จะทำาให้สามารถค้นพบนำ้าคือความรูใ้นจติของ
มนุษยไ์ด้อยา่งไมย่าก
จอห์น ล็อค (John Locke : 1632 – 1704)
จอห์น ล็อค เขาเห็นวา่ ความรูท้กุอยา่งล้วนแต่เริม่
ต้นจากประสบการณ์ท้ัง
นัน้ (All knowledge comes from experience )นัน่คือ คนเราเกิดมามจีติวา่งเปล่าเหมอืนกระดาษขาวท่ียงัไมม่ตัีวอักษรอะไรเขยีน
ลงไปเลย
จอห์น ล็อค (John Locke : 1632 – 1704)เขาใชค้ำาในภาษาละตินวา่ “
Tabula rasa ” ( Blank Tablet ) ซึง่เป็นกระดาษฉาบขีผ้ึ้ง
เตรยีมพรอ้มท่ีจะเขยีนหนังสอืลงไปได้ตามความนิยมของชาวโรมนัชัน้สงูสมยั
โรมนัเรอืงอำานาจ จากแนวคิดนี้เองจงึทำาให้ล็อค
ได้ชื่อวา่เป็นผู้ก่อตั้งลัทธิประสบการณ์นิยมของสมยัใหม่
เจา้ของแนวคิด กังขานิยมท่ีผลักดันแนวความคิดแบบประสบการณ์นิยมจนถึง
จุดสงูสดุ เขาไมเ่ชื่อทกุสิง่ทกุอยา่งจนกวา่จะได้พสิจูน์ด้วยตัวเองในแต่ละครัง้
เดวดิ ฮิวม ์(David Hume : 1711 – 1776)
เอ็มมานูเอล ค้านท์ (Immanuel Kant :
1724 – 1804)ค้านท์ สรุปแนว
ความคิดวา่เป็นความเขา้ใจผิดของฝ่าย
ประสบการณ์นิยมซึง่ถือวา่ จติไมใ่ชตั่วทำางานในกระบวนการความรู้ของมนุษย ์และก็เป็น
ความเขา้ใจผิดของฝ่ายเหตผุลนิยมท่ีไมใ่ห้ความ
สำาคัญกับความรูท้างผัสสะ
นักปรชัญาท่ีวพิากษ์และสรุปแนวคิดของ 2 กลุ่มท่ีผ่านมา
เขากล่าววา่ มโนภาพหาก“ปราศจากการรบัรูท้างผัสสะแล้วก็เป็นสิง่
วา่งเปล่า สว่นการรบัรูท้างผัสสะหากปราศจาก มโนภาพก็กลายเป็นความ
มดืบอด ”“ Conception without
perception is empty : Perception without
conception is blind ”สำาหรบัค้านท์ ความรู ้จะต้องมาจาก
สิง่ 2 ประเภทคือ 1. ความรูท่ี้มบีอ่เกิดมาจาก
ประสบการณ์ 2. ความรูท่ี้มาจากความคิดของ
มนุษย์
นักปรชัญาท่ีวพิากษ์และสรุปแนวคิดของ 2 กลุ่มท่ีผ่านมา
1 .สตุมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการฟงั การอ่าน
2. จนิตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการพจิารณา
3. ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดมาจากการฝึกฝนอบรมจติ
ภาวนามยปัญญา แบง่ออกเป็น 2 ประการ คือ
31. สมถภาวนา ปัญญาท่ีเกิดมาจากการฝึกจติให้เกิดความสงบจนทำาให้เกิด ญาณ ความรูต่้าง ๆ เชน่ ตาทิพย ์หทิูพย ์รูใ้จคนอ่ืน เป็นต้น
32. วปัิสสนาภาวนา ปัญญาท่ีเกิดมาจากการเจรญิปัญญาจนทำาลายกิเลสได้หมดสิน้
ญาณวทิยาในพระพุทธศาสนา
สตุมยปัญญา = ประสบการณ์นิยมจนิตามยปัญญา = เหตผุลนิยมภาวนามยปัญญา = อัชฌตัติกญาณ คือ สมถภาวนา ได้แก่ ความรู ้ แจง้อยา่งฉับพลัน แต่ยงัมกิีเลสอยูไ่มไ่ด้ถึงขัน้ตรสัรูคื้อการทำาลายกิเลสแบบพระพุทธเจา้และพระอรหันต์ท้ังหลาย
เปรยีบเทียบญาณวทิยาของพุทธศาสนากับญาณวทิยาในตะวนัตก
Recommended