25
สสสสสสสสสสส 1 1.ด.ด.ดดดดด ดดดดดด ดดดดดด 20 ดดดด ด.3/3 2.ด.ด.ดดดดดด ดดดดดดดดด ดดด ดดด 24 ดดดด ด.3/3 3.ด.ด.ดดดดดดดดด ดดดดด ดดดดด ด 28 ดดดด ด.3/3 4.ด.ด.ดดดดดด ดดดดดด ดดดดดด 30 ดดดด ด.3/3 5.ด.ด.ดดดดดด ดดดดดดด ดดดดดด 37 ดดดด ด.3/3

ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

สมาชิ�กกลุ่�ม 11.ด.ญ.จริ�ยา ฟองงาม เลขที่�� 20 ชั้��น ม.3/3

2.ด.ญ.ธน�ชั้พริ พริหมวิ�ชั้�ย เลขที่�� 24 ชั้��น ม.3/3

3.ด.ญ.ริ�ตนาภริณ์� ค้ าสม เลขที่�� 28 ชั้��น ม.3/34.ด.ญ.ริ"ซี�ตา มะอาย% เลขที่�� 30 ชั้��น ม.3/3

5.ด.ญ.ส%น�สา ภ�กด�ผล เลขที่�� 37 ชั้��น ม.3/3

Page 2: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าเครื่��องใชิ�ไฟฟ+า เครื่��องใชิ�ไฟฟ+า ค้(อ อ%ปกริณ์�ที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-น

พล�งงานริ"ปอ(�น เพ(�อน.าไปใชั้ ในชั้�วิ�ตปริะจ.าวิ�น ได แก01. เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให แสงสวิ0าง2. เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให ค้วิามริ อน3. เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานกล4. เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานเส�ยงนอกจากน��ย�งม�เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��สามาริถเปล��ยนเป-นพล�งงานริ"ป

อ(�นหลายริ"ปในเวิลาเด�ยวิก�น

Page 3: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

เครื่��องใชิ�ไฟฟ�าที่��ให้�แสงสว่างห้ลุ่อดไฟ เป-นอ%ปกริณ์�ที่��ใชั้ เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-นแสงสวิ0างให เริา

สามาริถมองเห2นส��งต0างๆ ได ซี4�ง โธม�ส เอด�ส�น เป-นผ" ปริะด�ษฐ์�หลอดไฟเป-นค้ริ��งแริก โดยใชั้ ค้าริ�บอนเส นเล2กๆ เป-นไส หลอดและได ม�การิพ�ฒนาเริ(�อยมาเป-นล.าด�บ

ปรื่ะเภที่ของห้ลุ่อดไฟ1. หลอดไฟฟ+าธริริมดา ม�ไส หลอดที่��ที่.าด วิยลวิดโลหะที่��ม�จ%ดหลอมเหลวิ

ส"ง เชั้0น ที่�งสเตนเส นเล2กๆ ขดเอาไวิ เหม(อนขดลวิดสปริ�งภายในหลอดแก วิส"บอากาศออกหมดแล วิบริริจ%ก;าซีเฉื่(�อย เชั้0น อาริ�กอน (Ar) ไวิ ก;าซีน��ชั้0วิยป+องก�นไม0ให หลอดไฟฟ+าด.า

ห้ลุ่!กการื่ที่"างานของห้ลุ่อดไฟฟ�าธรื่รื่มดากริะแสไฟฟ+าไหลผ0านไส หลอดซี4�งม�ค้วิามต านที่านส"ง พล�งงานไฟฟ+าจะ

เปล��ยนเป-นพล�งงานค้วิามริ อน ที่.าให ไส หลอดริ อนจ�ดจนเปล0งแสงออกมาได การิเปล��ยนพล�งงานเป-นด�งน��

พล�งงานไฟฟ+า >>>พล�งงานค้วิามริ อน >>>พล�งงานแสง

Page 4: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

2. หลอดเริ(�องแสง หริ(อ หลอดฟล"ออเริสเซีนต� (fluorescent) เป-นอ%ปกริณ์�ที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานแสงสวิ0าง ซี4�งม�การิปริะด�ษฐ์�ในป= ค้.ศ. 1938 โดยม�ริ"ปริ0างหลายแบบ อาจที่.าเป-นหลอดตริง ส��น ยาวิ ขดเป-นวิงกลมหริ(อค้ริ4�งวิงกลม เป-นต น

Page 5: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

สว่นปรื่ะกอบของห้ลุ่อดเรื่�องแสงต�วิหลอดม�ไส โลหะที่�งสเตนต�ดอย"0ที่��ปลายที่��ง 2 ข าง ของหลอด

แก วิ ซี4�งผ�วิภายในของหลอดฉื่าบด วิยสาริเริ(�องแสง อากาศในหลอดแก วิถ"กส"บออกจนหมดแล วิใส0ไอปริอที่ไวิ เล2กน อย

Page 6: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

อ�ปกรื่ณ์'ที่��ใชิ�เพื่��อให้�ห้ลุ่อดเรื่�องแสงที่"างาน1. สตาริ�ตเตอริ� (starter) ที่.าหน าที่��เป-นสวิ�ตซี�อ�ตโนม�ต�ใน

ขณ์ะหลอดเริ(องแสง ย�งไม0ต�ดและหย%ดที่.างานเม(�อหลอดต�ดแล วิ

2. แบลล�สต� (Ballast) ที่.าหน าที่��เพ��มค้วิามต0างศ�กย� เพ(�อให หลอดไฟเริ(องแสงต�ดในตอนแริกและที่.าหน าที่�� ค้วิบค้%มกริะแสไฟฟ+าที่��ผ0านหลอด ให ลดลงเม(�อหลอดต�ดแล วิ

การิใชั้ หลอดเริ(องแสงต องต0อวิงจริเข าก�บสตาริ�ตเตอริ�และแบลล�สต� แล วิจ4งต0อเข าก�บสายไฟฟ+าในบ าน

Page 7: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

ห้ลุ่!กการื่ที่"างานของห้ลุ่อดเรื่�องแสงเม(�อกริะแสไฟฟ+าผ0านไส หลอดจะที่.าให ไส หลอดริ อนข4�น ค้วิามริ อนที่��

เก�ดที่.าให ปริอที่ที่��บริริจ%ไวิ ในหลอดกลายเป-นไอมากข4�น เม(�อกริะแสไฟฟ+าผ0านไอปริอที่ได จะค้ายพล�งงานไฟฟ+าให ไอปริอที่ ที่.าให อะตอมของไอปริอที่อย"0ในภาวิะถ"กกริะต% น และอะตอมปริอที่จะค้ายพล�งงานออกมาเพ(�อลดริะด�บพล�งงานของตนในริ"ปของริ�งส�อ�ลตริาไวิโอเลต เม(�อริ�งส�ด�งกล0าวิกริะที่บสาริเริ(องแสงที่��ฉื่าบไวิ ที่��ผ�วิในของหลอดเริ(องแสงน��นก2จะเปล0งแสงได โดยให แสงส�ต0างๆ ตามชั้น�ดของสาริเริ(องแสงที่��ฉื่าบไวิ ภายในหลอดน��น เชั้0น แค้ดเม�ยมบอเริที่จะให แสงส�ชั้มพ" ซี�งค้�ซี�ล�เค้ที่ให แสงส�เข�ยวิ แมกน�เซี�ยมที่�งสเตนให แสงส�ขาวิอมฟ+า และย�งอาจผสมสาริเหล0าน��เพ(�อให ได ส�ผสมที่��แตกต0างออกไปอ�กด วิย

Page 8: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

ข�อด�ของห้ลุ่อดเรื่�องแสง1. ม�ปริะส�ที่ธ�ภาพส"งกวิ0าหลอดไฟฟ+าธริริมดา เส�ยค้0าไฟฟ+าเที่0าก�น แต0ได ไฟ

ที่��สวิ0างกวิ0า2. ให แสงที่��เย2นตา กริะจายไปที่��วิหลอด ไม0ริวิมเป-นจ%ดเหม(อนหลอดไฟฟ+า

ธริริมดา3. อาจจ�ดส�ของแสงแปริเปล��ยนได โดยการิเปล��ยนชั้น�ดสาริเริ(องแสง4. อ%ณ์หภ"ม�ของหลอดเริ(องแสงไม0ส"งเที่0าก�บหลอดไฟธริริมดาขณ์ะที่.างาน3. หลอดน�ออน หริ(อหลอดไฟโฆษณ์า เป-นอ%ปกริณ์�ไฟฟ+าที่��เปล��ยนพล�งงาน

ไฟฟ+าเป-นแสงสวิ0าง ม�ล�กษณ์ะเป-นหลอดแก วิที่��ถ"กลนไฟ ด�ดเป-นริ"ปหริ(ออ�กษริต0างๆ ส"บอากาศออกเป-นส"ญญากาศ แล วิใส0ก;าซีบางชั้น�ดที่��ให แสงส�ต0างๆ ออกมาได เม(�อม�กริะแสไฟฟ+าผ0านหลอดชั้น�ดน��ไม0ม�ไส หลอดไฟ แต0ใชั้ ข� �วิไฟฟ+าที่.าด วิยโลหะต�ดอย"0ที่��ปลายที่��ง 2 ข าง แล วิต0อก�บแหล0งก.าเน�ดไฟฟ+าที่��ม�ค้วิามต0างศ�กย�ส"งปริะมาณ์ 10,000 โวิลต� ซี4�งม�ค้วิามต0างศ�กย�ที่��ส"งมาก จะที่.าให ก;าซีที่��บริริจ%ไวิ ในหลอดเก�ดการิแตกต�วิเป-นน�ออนและน.าไฟฟ+าได เม(�อกริะแสไฟฟ+าผ0านก;าซีเหล0าน��จะที่.าให ก;าซีริ อนต�ดไฟให แสงส�ต0างๆ ได

Page 9: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

ข อแนะน.าการิใชั้ หลอดไฟอย0างปริะหย�ด1. ใชั้ หลอดเริ(องแสงจะให แสงสวิ0างมากกวิ0าหลอดธริริมดา

ปริะมาณ์ 4 เที่0า เม(�อใชั้ พล�งงานไฟฟ+าเที่0าก�น และอาย%การิใชั้ งานจะที่นกวิ0าปริะมาณ์ 8 เที่0า

2. ใชั้ แสงสวิ0างให เหมาะก�บการิใชั้ งาน ที่��ใดต องการิแสงสวิ0างไม0มากน�กค้วิริต�ดไฟน อยดวิง

3. ที่.าค้วิามสะอาดโป?ะไฟ จะให แสงสวิ0างเต2มที่��4. ป@ดไฟที่%กค้ริ��งที่��ไม0จ.าเป-นต องใชั้

Page 10: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

การิเปล��ยนริ"ปพล�งงานน�วิเค้ล�ยสเป-นพล�งงานค้วิามริ อน พล�งงานแสง ...พื่ลุ่!งงานน�ว่เคลุ่�ยรื่' พื่ลุ่!งงานแสง พื่ลุ่!งงานคว่ามรื่�อน      เตาอบไมโค้ริเวิฟเป-นเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��สามาริถเปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าให

เป-นพล�งงาน        ซี4�งไปม�ผลที่.าให โมเลก%ลของน.�าและไขม�นในอาหาริส��นสะเที่(อนจน เก�ด

ค้วิามริ อนการิเปล��ยนริ"ปของพล�งงานม�ด�งน��พื่ลุ่!งงานไฟฟ�า พื่ลุ่!งงานคลุ่��นแมเห้ลุ่+กไฟฟ�า พื่ลุ่!งานกลุ่

พื่ลุ่!งงานคว่ามรื่�อน    พล�งงานน�วิเค้ล�ยริ�ส0วินใหญ0ถ"กน.ามาใชั้ ในการิผล�ตกริะแสไฟฟ+า

       น�วิเค้ล�ยริ�ฟ@ชั้ชั้�นที่��สามาริถค้วิบค้%มได ภายในเตาปฏิ�กริณ์�ปริมาณ์"พล�งงานค้วิามริ อนจ.านวินมหาศาลที่��ได จากปฏิ�ก�ริ�ยาน�วิเค้ล�ยริ�        จะน.าไปใชั้ ในการิที่.าน.�าเด(อดกลายเป-นไอ เพ(�อข�บด�นก�งห�นและผล�ตกริะแสไฟฟ+าแต0การิสริ างโริงผล�ตกริะแสไฟฟ+าพล�งงานน�วิเค้ล�ยริ�น��น ต องที่%นส"ง และหาสถานที่��ก0อสริ างอยาก เน(�องจากกากที่��ได จากปฏิ�ก�ริ�ยาเป-นสาริก�มม�นตริ�งส�ซี4�งเป-นอ�นตริาย และใชั้ เวิลานานในการิสลายต�วิ

Page 11: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

       ข�อด�ของพื่ลุ่!งงานส�รื่�ยะ ค้(อ        1.ไม0ต องเส�ยค้0าเชั้(�อเพล�ง        2.สะอาดและไม0ที่.าให เก�ดมลพ�ษต0อส��งแวิดล อม        3.ม�ให ใชั้ ได อ�กนาน เพริาะไม0เป-นเชั้(�อเพล�งที่��ใชั้ แล วิหมดไป        4.สามาริถใชั้ ได ที่%กที่��ไม0วิ0าจะอย"0ที่��ใดบนโลก

        ข�อเส�ยของพื่ลุ่!งงานส�รื่�ยะ ค้(อ        1.อ%ปกริณ์�ที่��ใชั้ ก�บพล�งงานส%ริ�ยะม�ริาค้าแพง        2 .สามาริถใชั้ ได เฉื่าะเวิลากลางวิ�นเที่0าน��น        3.ต องข4�นอย"0ก�บสภาพด�นฟ+าอากาศ ค้(อ ใชั้ ได เฉื่พาะวิ�นอากาศ

แจ0มใส

Page 12: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

 เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานกล                เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานกล  ม�การิเปล��ยนริ"ป

พล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานกล โดยอาศ�ยหล�กการิเหน��ยวิน.าแม0เหล2กไฟฟ+า ด วิยอ%ปกริณ์� ที่��เริ�ยกวิ0า มอเตอริ ์� และ เค้ริ(�องค้วิบค้%มค้วิามเริ2วิ ซี4�งเป-นอ%ปกริณ์�หล�กในเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานกล ต�วิอย0าง เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานกล เชั้0น เค้ริ(�องปริ�บอากาศ ต" เย2น เค้ริ(�องด"ดฝุ่%Eน พ�ดลม เค้ริ(�องซี�กผ า เค้ริ(�องปF� นน.�าผลไม ฯลฯ

Page 13: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

 มอเตอรื่'  เป-นเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานก

ล  ปริะกอบด วิยขดลวิดที่��พ�นริอบแกนโลหะที่��วิางอย"0ริะหวิ0างข��วิแม0เหล2ก โดยเม(�อผ0านกริะแสไฟฟ+าเข าไปย�งขดลวิดที่��อย"0ริะหวิ0างข��วิแม0เหล2ก จะที่.าให ขดลวิดหม%นไปริอบแกน และเม(�อสล�บข��วิไฟฟ+า การิหม%นของขดลวิดจะหม%นกล�บที่�ศที่างเด�ม    มอเตอริ�  ม� 2 ปริะเภที่ ค้(อ มอเตอริ�กริะแสตริง และมอริ�กริะแสสล�บ    มอเตอรื่'กรื่ะแสตรื่ง เป-นมอเตอริ�ที่��ต องใชั้ ไฟฟ+กริะแสตริงผ0านเข าไปในขดลวิดอาริ�เมเจอริ�เพ(�อที่.าให เก�ดการิด"ดและผล�กก�นของแม0เหล2กถาวิริก�บแม0เหล2กไฟฟ+าที่��เก�ดจากขดลวิด มอเตอริ�จ4งหม%นได    มอเตอรื่'กรื่ะแสสลุ่!บ เป-นมอเตอริ�ที่��ต องใชั้ ก�บไฟฟ+ากริะแสสล�บ โดยใชั้ หล�กการิด"ดและผล�กก�นของแม0เหล2กถาวิริก�บแม0เหล2กไฟฟ+าจากขดลวิดมาที่.าให เก�ดการิหม%นของมอเตอริ�

Page 14: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

    ขณ์ะที่��มอเตอริ�ก.าล�งหม%นจะเก�ดการิเหน��ยวิน.าไฟฟ+าข4�นที่.าให เก�ดกริะแสไฟฟ+าซี อนข4�นภายในขดลวิด แต0ม�ที่�ศที่างการิไหลสวินที่างก�บกริะแสไฟฟ+าที่��มาจากแหล0งก.าเน�ดพล�งงานไฟฟ+าเด�ม ที่.าให ขดลวิดของมอเตอริ�ไม0ริ อนจนเก�ดไฟไหม ได

  เครื่��องคว่บค�มคว่ามเรื่+ว่ของมอเตอรื่'   ที่.าได โดย การิเพ��มหริ(อลดค้วิามต านที่านให กริะแสไฟฟ+าผ0านได มากหริ(อน อยภานในเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าน��น ซี4�งเป-นผลให ค้วิามเริ2วิของการิหม%นมอเตอริ�เปล��ยนไปจากเด�ม  เชั้0น เม(�อต องการิให พ�ดลมหม%นชั้ าลง ก2ให เพ��มค้วิามต านที่านเพ(�อให กริะแสไฟฟ+าเข าได น อยลงเป-นผลให พ�ดลมหม%นชั้ าลง  ฉื่ะน��นในเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานกลจะต องม�เค้ริ(�องค้วิบค้%มค้วิามเริ2วิของมอตอริ�เสมอ   

Page 15: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานเส�ยง                เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานเส�ยง

ได แก0  เค้ริ(�องริ�บวิ�ที่ย เค้ริ(�องขยายเส�ยง % เค้ริ(�องบ�นที่4กเส�ยง ฯลฯ                  เค้ริ(�อง ริ�บวิ�ที่ย%   เป-นอ%ปกริณ์�ที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+า

เป-นพล�งงานเส�ยง โดยริ�บค้ล(�นวิ�ที่ย% จากสถาน�ส0งแล วิใชั้ อ%ปกริณ์�อ�เล2กที่ริอน�กส�ขยายส�ญญาณ์เส�ยงที่��ม�อย"0ในริ"ปของ ส�ญญาณ์ไฟฟ+าให แริงข4�นเม(�อผ0านส�ญญาณ์ไฟฟ+าน��ไปย�งล.าโพงจะที่.าให ล.าโพงส��น สะเที่(อนเปล��ยนเป-นเส�ยงที่��สามาริถริ�บฟFงได

  เสาอากาศ         ขยายส�ญญาณ์          ล.าโพง                  เส�ยง                                 (ริ�บค้ล(�นวิ�ที่ย%)                                              แผนผ�งการิเปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานเส�ยงของเค้ริ(�องริ�บวิ�ที่ย%

Page 16: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

เค้ริ(�องบ�นที่4กเส�ยง (Tape recorder)                เค้ริ(�องบ�นที่4กเส�ยง ขณ์ะบ�นที่4กด วิยการิพ"ดผ0าน

ไมโค้ริโฟน ซี4�งจะเปล��ยนพล�งงานเส�ยงเป-นส�ญญาณ์ไฟฟ+า แล วิบ�นที่4กลงในแถบบ�นที่4กเส�ยงซี4�งฉื่าบด วิยสาริแม0เหล2กในริ"ปของส�ญญาณ์แม0เหล2ก ด�งแผนผ�ง

                  เส�ยง     ไมโค้ริโฟน     ส�ญญาณ์ไฟฟ+า   บ�นที่4กเป-นส�ญญาณ์แม0เหล2ก                                                                                                         ลง บนแถบบ�นที่4กเส�ยง

Page 17: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

   เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให แสงสวิ0าง     ห้ลุ่อดไฟฟ�า  เป-นเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ม�ใชั้ ในที่%กบ านที่��ม�การิใชั้ พล�งงานไฟฟ+า เป-น

เค้ริ(�องใชั้ ที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+า ไปเป-นพล�งงานแสง หลอดไฟฟ+าที่��ใชั้ ที่��วิไป ม� 3 ชั้น�ด ค้(อ

 ห้ลุ่อดไฟฟ�าแบบธรื่รื่มดา  1. ไส หลอด ที่.าด วิยโลหะที่��ม�จ%ดหลอดเหลวิส"ง ที่นค้วิามริ อนได มาก ม�ค้วิามที่าน

ส"ง  เชั้0น ที่�งสเตน  2. หลอดแก วิที่.าจากแก วิที่��ที่นค้วิามริ อนได ด� ไม0แตกง0าย ส"บอากาศออกจน

หมดภายในบริริจ%ก;าซีไนโตริเจนและอาริ�กอนเล2กน อย ก;าซีชั้น�ดน��ที่.าปฏิ�ก�ริ�ยายาก ชั้0วิยป+องก�นไม0ให ไส หลอดริะเห�ดไปจ�บที่��หลอดแก วิ และชั้0วิยไม0ให ไส หลอดไม0ขาดง0าย ถ าบริริจ%ก;าซีออกซี�เจนจะที่.าปฏิ�ก�ริ�ยาก�บไส หลอด ซี4�งที่.าให ไส หลอดขาดง0าย

 3.   ข��วิหลอดไฟ เป-นจ%ดต0อวิงจริไฟฟ+า ม� 2 แบบ ค้(อ แบบเข��ยวิและแบบเกล�ยวิ   น(�องจากหลอดไฟฟ+าปริะเภที่น��ให แสงสวิ0างได ด วิยการิเปล0ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-น

พล�งงานค้วิามริ อนก0อนที่��จะให แสงสวิ0างออกมา จ4งที่.าให ส��นเปล(�อง พล�งงานไฟฟ+า มากกวิ0าหลอดชั้น�ดอ(�น ในขนาด ก.าล�งไฟฟ+า ของหลอดไฟซี4�งจะก.าหนดไวิ ที่��หลอดไฟที่%กดวิง เชั้0น หลอดไฟ+าขนาด 100 วิ�ตต�  เป-นต น

Page 18: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

หลอดเริ(องแสงหริ(อหลอดฟล"ออเริสเซีนต�(Fluorescent Lamp)หลอดเริ(องแสงหริ(อหลอดฟล"ออเริสเซีนต� (Fluorescent Lamp) ที่.า

ด วิยหลอดแก วิที่��ส"บอากาศออกจนหมดแล วิบริริจ%ไอปริอที่ไวิ เล2กน อย ม�ไส ที่��ปลายหลอดที่��งสองข าง หลอดเริ(องแสงอาจที่.าเป-นหลอดตริง หริ(อค้ริ4�งวิงกลมก2ได  ส0วินปริะกอบและการิที่.างานของหลอดเริ(องแสง ม�ด�งน�� 1. ต�วิหลอด  ภายในส"บอากาศออกจนหมดแล วิบริริจ%ไอปริอที่และก;าซีอาริ�กอน เล2กน อย  ผ�วิด านในของหลอดเริ(องแสงฉื่าบด วิยสาริเริ(องแสงชั้น�ดต0างๆ แล วิแต0ค้วิามต องการิให เริ(องแสงเป-นส�ใด เชั้0น ถ าต องการิให เริ(องแสงส�เข�ยวิ ต องฉื่าบด วิยสาริซี�งค้�ซี�ล�เค้ต แสงส�ขาวิแกมฟ+าฉื่าบด วิยม�กเนเซี�ยมที่�งสเตน แสงส�ชั้มพ"ฉื่าบด วิยแค้ดเน�ยมบอเริต เป-นต น 2. ไส หลอด ที่.าด วิยที่�งสเตนหริ(อวิ%ลแฟริมอย"0ที่��ปลายที่��งสองข าง เม(�อกริะแสไฟฟ+าผ0านไส หลอดจะที่.าให ไส หลอดริ อนข4�น ค้วิามริ อนที่��เก�ดข4�นจะที่.าให ไอปริอที่ที่��บริริจ%ไวิ ในหลอดกลายเป-นไอมากข4�น แต0ขณ์ะน��นกริะแสไฟฟ+าย�งผ0านไอปริอที่ไม0สะดวิก เพริาะปริอที่ย�งเป-นไอน อยที่.าให ค้วิามต านที่านของหลอดส"ง

Page 19: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

 3. สตาริ�ตเตอริ� ที่.าหน าที่��เป-นสวิ�ตซี�ไฟฟ+าอ�ตโนม�ต�ของวิงจริโดยต0อขนานก�บหลอด ที่.าด วิยหลอดแก วิภายในบริริจ%ก;าซีน�ออนและแผ0นโลหะค้"0ที่��งอต�วิได เม(�อได ริ�บค้วิามริ อน  เม(�อกริะแสไฟฟ+าผ0านก;าซีน�ออน ก;าซีน�ออนจะต�ดไฟเก�ดค้วิามริ อนข4�น ที่.าให แผ0นโลหะค้"0งอจนแตะต�ดก�นที่.าให กลายเป-นวิงจริป@ดที่.าให กริะแสไฟฟ+าผ0านแผ0น โลหะได ค้ริบวิงจริ   ก;าซีน�ออนที่��ต�ดไฟอย"0จะด�บและเย2นลง แผ0นโลหะค้"0จะแยกออกจากก�นที่.าให เก�ดค้วิามต านที่านส"งข4�นอย0างที่�นที่�ซี4�งขณ์ะ เด�ยวิก�นกริะแสไฟฟ+าจะผ0านไส หลอดได มากข4�นที่.าให ไส หลอดริ อนข4�นมาก  ปริอที่ก2จะเป-นไอมากข4�นจนพอที่��น.ากริะแสไฟฟ+าได   4. แบลล�สต�  เป-นขดลวิดที่��พ�นอย"0บนแกนเหล2ก  ขณ์ะกริะแสไฟฟ+าไหลผ0านจะเก�ดการิเหน��ยวิน.าแม0เหล2กไฟฟ+าที่.าให เก�ดแริงเค้ล(�อน ไฟฟ+าเหน��ยวิน.าข4�น เม(�อแผ0นโลหะค้"0ในสตาริ�ตเตอริ�แยกต�วิออกจากก�นน��นจะเก�ดวิงจริเป@ดชั้��วิขณ์ะ    แริงเค้ล(�อนไฟฟ+าเหน��ยวิน.าที่��เก�ดข4�นในแบลล�สต�จ4งที่.าให เก�ดค้วิามต0าง ศ�กย�ริะหวิ0างไส หลอดที่��งสองข างส"งข4�นเพ�ยงพอที่��จะที่.าให กริะแสไฟฟ+าไหลผ0าน ไอปริอที่จากไส หลอดข างหน4�งไปย�งไส หลอดอ�กข างหน4�งได   แริงเค้ล(�อนไฟฟ+าเหน��ยวิน.าที่��เก�ดจากแบลล�สต�น��นจะที่.าให เก�ดกริะแสไฟฟ+า เหน��ยวิน.าไหลสวินที่างก�บกริะแสไฟฟ+าจากวิงจริไฟฟ+าในบ าน ที่.าให กริะแส ไฟฟ+าที่��จะเข าส"0วิงจริของหลอดเริ(องแสงลดลง

Page 20: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

หล�กการิที่.างานของหลอดเริ(องแสง                     เม(�อกริะแสไฟฟ+าผ0านไอปริอที่จะค้ายพล�งงานไฟฟ+าให อะตอมไอปริอที่ ที่.าให อะตอมของไอปริอที่อย"0ในสภาวิะถ"กกริะต% น (excited state) และอะตอมของปริอที่จะค้ายพล�งงานออกมาเพ(�อลดริะด�บพล�งงาน  ในริ"ปของริ�งส�อ�ลตริาไวิโอเลต ซี4�งอย"0ในชั้0วิงของแสงที่��มองไม0เห2น เม(�อริ�งส�น��กริะที่บสาริเริ(องแสงที่��ฉื่าบไวิ ที่��ผ�วิหลอด สาริเริ(องแสงจะเปล0งแสงส�ต0างๆตามชั้น�ดของสาริเริ(องแสงที่��ฉื่าบไวิ ในหลอดน��น

     ข�อด�ของห้ลุ่อดเรื่�องแสง          1. เม(�อให พล�งงานไฟฟ+าเที่0าก�นจะให แสงสวิ0างมากกวิ0าหลอดไฟฟ+าแบบธริริมดาปริะมาณ์ 4  เที่0า และม�อาย%การิใชั้ งานนานกวิ0าหลอดไฟฟ+าธริริมดาปริะมาณ์ 8 เที่0า         2. อ%ณ์หภ"ม�ของหลอดไม0ส"งเที่0าก�บหลอดไฟฟ+าแบบธริริมดา         3. ถ าต องการิแสงสวิ0างเที่0าก�บหลอดไฟฟ+าธริริมดา จะใชั้ วิ�ตต�ที่��ต.�ากวิ0า จ4งเส�ยค้0าไฟฟ+าน อยกวิ0า

Page 21: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

                      ข�อเส�ยของห้ลุ่อดเรื่�องแสง         1. เม(�อต�ดต��งจะเส�ยค้0าใชั้ จ0ายส"งกวิ0าหลอดไฟฟ+าแบบธริริมดา เพริาะต องใชั้ แบลล�สต�และสตาริ�ตเตอริ� เสมอ         2. หลอดเริ(องแสงม�กริะพริ�บเล2กน อยไม0เหมาะในการิใชั้ อ0านหน�งส(อ

Page 22: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานค้วิามริ อน              เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานค้วิามริ อน  เป-นเค้ริ(�องใชั้

ที่��เปล��ยนพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานค้วิามริ อน โดยใชั้ หล�กการิค้(อ เม(�อปล0อยกริะแสไฟฟ+าผ0านขดลวิดต�วิน.าที่��ม�ค้วิามต านที่านส"งๆ ลวิดต�วิน.าน��นจะริ อนจนสามาริถน.าค้วิามริ อนออกไปใชั้ ปริะโยชั้น�ได เน(�องจากเป-นเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานค้วิามริ อนมาก จ4งส��นเปล��ยนพล�งงานไฟฟ+ามากเม(�อเปริ�ยบก�บการิใชั้ เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าปริะเภที่อ(�นๆ ม(�อใชั้ ในเวิลาที่��เที่0าก�น   ฉื่ะน��นขณ์ะใชั้ เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าให พล�งงานค้วิามริ อนจ4งค้วิริใชั้ ด วิยค้วิามริะม�ดริะวิ�ง ต�วิอย0างเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานค้วิามริ อน เชั้0น เตาริ�ด หม อห%งข าวิ กริะที่ะไฟฟ+า กาต มน.�า เค้ริ(�องต มกาแฟ เตาไฟฟ+า ฯลฯ

Page 23: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

 สว่นปรื่ะกอบในเครื่��องใชิ�ไฟฟ�าที่��ให้�พื่ลุ่!งงานคว่ามรื่�อน ม�ด�งน��

    1. ขดลวิดค้วิามริ อน หริ(อแผ0นค้วิามริ อน ม�กที่.าจากโลหะผสมริะหวิ0างน�เก�ลก�บโค้ริเม�ยม เริ�ยกวิ0า น�โค้ริม ซี4�งม�สมบ�ต�ค้(อม�จ%ดหลอมเหลวิส"งมากจ4งที่นค้วิามริ อนได ส"งเม(�อม�ค้วิามริ อนเก�ดข4�นมากๆจ4งไม0ขาด และม�ค้วิามต านที่านส"งมาก

    2. เที่อริ�โมสตาริ�ที่ หริ(อสวิ�ตซี�ค้วิามริ อนอ�ตโนม�ต� ที่.าหน าที่��ค้วิบค้%มอ%ณ์หภ"ม�ไม0ให ริ อนเก�นไป ม�ส0วินปริะกอบเป-นโลหะต0างชั้น�ดก�น 2 แผ0นมาปริะกบก�น เม(�อได ริ�บค้วิามริ อนจะขยายต�วิได ไม0เที่0าก�น เชั้0น เหล2กก�บที่องเหล(อง  โดยให แผ0นโลหะที่��ขยายต�วิได น อย(เหล2ก)อย"0ด านบน ส0วินโลหะที่��จะขยายต�วิได มาก(ที่องเหล(อง)อย"0ด านล0าง เม(�อกริะแสไฟฟ+าไหลผ0านแผ0นโลหะที่��งสองมากข4�น จะที่.าให ม�อ%ณ์หภ"ม�ส"งจนแผ0นโลหะที่��งสองซี4�งขยายต�วิได ต0างก�นโลหะที่��ขยายต�วิได มากจะขยายต�วิโค้ งงอ เป-นเหต%ให จ%ดส�มผ�สแยกออกจากก�น เก�ดเป-นวิงจริเป@ด กริะแสไฟฟ+าจ4งไหลผ0านไม0ได และเม(�อแผ0นโลหะที่��งสองเย2นลงก2จะส�มผ�สก�นเหม(อนเด�ม เก�ดเป-นวิงจริป@ด กริะแสไฟฟ+าจ4งไหลผ0านได อ�กค้ริ��งหน4�ง

Page 24: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

   3. แผ0นไมกา หริ(อ แผ0นใยห�น ซี4�งเป-นฉื่นวินไฟฟ+า ในเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงาน     ค้วิามริ อนบางชั้น�ด เชั้0นเตาริ�ด หม อห%งข าวิ เตาไฟฟ+า จะม�แผ0นไมกา หริ(อใยห�น เพ(�อป+องก�นไม0ให ขดลวิดหลอมละลาย และป+องก�นไฟฟ+าริ� �วิขณ์ะใชั้ งาน

   ข�อคว่รื่รื่ะว่!งในการื่ใชิ�เครื่��องใชิ�ไฟฟ�าที่��ให้�พื่ลุ่!งงานคว่ามรื่�อน         เน(�องจากเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่��ให พล�งงานค้วิามริ อนจะม�กริะแสไฟฟ+า

ปริ�มาณ์มากไหลผ0าน มากกวิ0าเค้ริ(�องใชั้ ปริะเภที่อ(�นๆ จ4งค้วิริใชั้ ด วิยค้วิามริะม�ดริะวิ�งด�งน��        1. หม��นตริวิจสอบด"แลสายไฟ เต าริ�บ เต าเส�ยบ ให อย"0ในสภาพเริ�ยบริ อยไม0ชั้.าริ%ด        2. เม(�อเล�กใชั้ งานต องถอดเต าเส�ยบออกจากเต าริ�บที่%กค้ริ��งไม0ค้วิริเส�ยบที่��งไวิ  

          ในการิเล(อกเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าที่%กชั้น�ดต องพ�จาริณ์าถ4งค้%ณ์ภาพของเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+า  ริ" จ�กวิ�ธ�ใชั้ ที่��ถ"กต อง ริ" จ�กวิ�ธ�ป+องก�นอ�นตริายจากไฟฟ+าริ� �วิและไฟฟ+าล�กวิงจริและตริวิจด"แลอ%ปกริณ์�อย"0เสมอ

Page 25: ไฟฟ้ากลุ่มที่1 303

เครื่��องใชิ�ไฟฟ�าที่��พื่ลุ่!งงานห้ลุ่ายรื่-ปพื่รื่�อมก!น

           เค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าบางชั้น�ดขณ์ะใชั้ งานจะม�การิเปล��ยนริ"ปพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานอ(�นได พริ อมก�นหลายริ"ปแบบ เชั้0น

         โที่ริที่�ศน�   จะเปล��ยนริ"ปพล�งงานไฟฟ+าเป-น พล�งงานแสง และ พล�งงานเส�ยง

         ไดริ�เปEาผม  จะเปล��ยนริ"ปพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งงานกล และพล�งงานค้วิามริ อน

          วิ�ที่ย%เที่ป    จะปล��ยนริ"ปพล�งงานไฟฟ+าเป-นพล�งานกลและพล�งงานเส�ยง  เป-นต น

          ค้%ณ์ริ" จ�กเค้ริ(�องใชั้ ไฟฟ+าปริะเภที่น��ชั้น�ดอ(�นๆอ�กหริ(อไม0