สาระที่ 3 เรขาคณิต เรื่องที่ 1 พื้นฐานทางเรขาคณิต · รวมโจทย์ O-NET คณิตศาสตร์

รวมโจทย ์O-NET คณติศาสตร ์ม.3 ปีการศกึษา 2551 – 2559 หน้า 53

สามารถดาวน์โหลดเอกสารและเฉลยไดท้ี ่https://goo.gl/xLwpme

สาระท่ี 3 เรขาคณิต

เร่ืองท่ี 1 พืน้ฐานทางเรขาคณิต

1. ABCD เป็นรูปสีเ่หลีย่มดา้นขนานทีม่ดีา้น AB ขนานกบัดา้น CD และห่างกนั 8 หน่วย จุด P และจุด Q

เป็นจุดกึง่กลางดา้น AD และ BC ตามลําดบั ถา้รูปสีเ่หลีย่ม ABCD มพีืน้ที ่40 ตารางหน่วย แลว้จุด P และ

จุด Q จะหา่งกนักีห่น่วย (O-NET 2552)

1. หน่วย 2. หน่วย 3. หน่วย 4. หน่วย

วิธีทาํ

2. ใหส้ามเหลีย่ม มดีา้นยาวเป็น จํานวนเตม็หน่วย หน่วย หน่วย แลว้ สัน้

ทีสุ่ดจะยาวกีห่น่วย (O-NET 2552)


3 4 5 6

ABC 30AB = 18BC = AC



3. ถา้กําหนดให ้ ABC∆ ม ี 13AB = หน่วย และ 5BC = หน่วย จงหาวา่ CA มคีวามยาวทีเ่ป็นไปไดก้ีห่น่วย

(O-NET 2551)

1. 8CA > 2. 8 18CA− < <

3. 8 18CA< < 4. 18CA > −


4. กําหนดรูปสามเหลีย่มทีม่ขีนาดของดา้นยาว เซนตเิมตร ถา้ เป็นจํานวนเตม็แลว้จะมรูีป

สามเหลีย่มทีเ่ป็นไปไดก้ีรู่ป (O-NET 2553)


3, 5, a a



5.

รูปหกเหลีย่มขา้งบน ขนาดของมมุภายในทัง้หมดรวมกนัเท่ากบัขนาดของมมุภายในรูปสามเหลีย่ม

รวมกนักีรู่ป (O-NET 2553)


6. ผลบวกของมมุภายในของรูป X เหลีย่ม เป็นสองเทา่ของผลบวกของมุมภายในรูปแปดเหลีย่ม จงหาคา่ X

(O-NET 2552)

1. 12 2. 13 3. 14 4. 15




7. จากรูป ถา้มมุ 85BAC = องศา มุม 20ABD = องศา มุม BDC มขีนาดเป็น 4 เท่าของมุม ACD แลว้

มุม ACD จะมขีนาดกีอ่งศา (O-NET 2554)

1. 20 องศา 2. 25 องศา 3. 30 องศา 4. 35 องศา


BD C

A



8. จากรูป ABCD เป็นรูปสีเ่หลีย่มจตัุรสั BEC∆ เป็นรูปสามเหลีย่มดา้นเทา่ จงหาวา่มมุ EAD มขีนาด

กีอ่งศา (O-NET 2554)



9. ถา้ตอ้งการสรา้งมุมตอ่ไปนี้ (ใชว้งเวยีนและสนัตรง) มุมใดทีม่ขี ัน้ตอนการสรา้ง น้อยทีส่ดุ (O-NET 2557)



E

D

CB

A



10. พจิารณาขอ้ความต่อไปนี้ ขอ้ใดสรุปไดถู้กตอ้ง (O-NET 2558)

1. เมื่อแบ่งครึง่มุมป้าน อาจจะไดมุ้มป้าน 2 มุมทีม่ขีนาดเทา่กนั

2. การแบ่งมุมออกเป็น 3 มุม ขนาดเท่ากนั ทําไดโ้ดยใชก้ารแบ่งครึง่มมุ

3. ตอ้งแบ่งครึง่ส่วนของเสน้ตรง 3 ครัง้ จะสามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กนัได ้

4. ไม่มรูีปสามเหลีย่มหน้าจัว่ทีเ่ป็นสามเหลีย่มมมุฉาก




เร่ืองท่ี 2 ความสมัพนัธ์ระหว่างรปูเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ

1.

รูปทรงตนัขา้งบน สรา้งจาก ลูกบาศกข์นาด ลูกบาศกเ์ซนตเิมตร จํานวน ลูก มาวางต่อกนั จงหา

พืน้ทีผ่วิของรูปทรงตนันัน้ (O-NET 2556)

1. ตารางเซนตเิมตร 2. ตารางเซนตเิมตร



2. แท่งไมท้รงตนัสรา้งจากลูกบาศกข์นาด ลูกบาศกเ์ซนตเิมตร จํานวน ลูก มาวางตอ่กนัดงัรูป แลว้ใช ้

สแีดงทาแท่งไมโ้ดยรอบทุกหน้า ลูกบาศกท์ีถู่กทาสแีดง หน้า มจีาํนวนกีลู่ก (O-NET 2558)

1. ลูก 2. ลูก 3. ลูก 4. ลูก


1 10

38 36

34 32

1 24

1

4 5 6 7



3. กําหนดรูปทรงสามมติ ิ รูป ให ้

รูปที ่ รูปที ่

รูปในขอ้ใดทีไ่มไ่ดใ้ชรู้ปทรงสามมติ ิ รูปนัน้มาประกอบกนั (O-NET 2555)

1. 2.

3. 4.


2

1 2

2



4. รูปทรงมุมฉาก ประกอบดว้ยลูกบาศกข์นาด ลูกบาศกเ์ซนตเิมตร จํานวน ลูก ถูกแบ่งเป็น ส่วน คอื

ส่วน และส่วน ส่วน ประกอบดว้ยลูกบาศก ์ ลูก ดงัรูป ส่วน ไม่ไดใ้หรู้ปไว ้

รูปส่วน

จงหาวา่ ส่วน มพีืน้ทีผ่วิกีต่ารางเซนตเิมตร (O-NET 2554)


5. พจิารณาภาพตอ่ไปนี ้

ภาพดา้นหน้า ภาพดา้นขา้ง ภาพดา้นบน

เกดิจากการนําลูกบาศกข์นาด 1 หน่วย มาประกอบกนัเป็นรูปเรขาคณติ 3 มติ ิตามขอ้ใด

(O-NET 2553)

1. 2.

3. 4.


1 8 2

A B A 5 B

A

B



6. กําหนดรูปเรขาคณติสามมติ ิให ้

จะไดภ้าพสองมติทิีไ่ดจ้ากการมองดา้นบน ดา้นขา้ง และดา้นหน้า ของรูปทรงเรขาคณติสามมติทิี่

กําหนดให ้ดงันี้

ก. ภาพดา้นบน ข. ภาพดา้นขา้ง ค. ภาพดา้นหน้า

พจิารณาภาพสองมติใินขอ้ใดเป็นจรงิ (O-NET 2559)

1. ขอ้ ก ถูก ขอ้ ข ถูก ขอ้ ค ถูก 2. ขอ้ ก ถูก ขอ้ ข ถูก ขอ้ ค ผดิ

3. ขอ้ ก ถูก ขอ้ ข ผดิ ขอ้ ค ถูก 4. ขอ้ ก ผดิ ขอ้ ข ถูก ขอ้ ค ถูก




7. กําหนดรูปเรขาคณติสามมติใิห ้

ภาพสองมติขิองจํานวนลูกบาศกท์ีไ่ดจ้ากการมอง ดา้นขา้ง หรอื ดา้นบน ของรูปเขาคณติสามมติ ิคอืขอ้

ใด (O-NET 2559)

1. ภาพดา้นขา้ง 2. ภาพดา้นขา้ง

3. ภาพดา้นบน 4. ภาพดา้นบน


1 22

122

22

1 221



8. รูปต่อไปนี้แสดงการมองลูกบาศกท์ีว่างซอ้นกนั โดยมองจากดา้นบน ดา้นหน้า และดา้นขา้งทางขวา จงหาวา่มี

ลูกบาศกอ์ย่างน้อยทีสุ่ดกีลู่ก (O-NET 2555)

ดา้นบน ดา้นหน้า ดา้นขา้งทางขวา

1. 9 ลูก 2. 10 ลูก 3. 11 ลูก 4. 12 ลูก




9. รูปต่อไปนี้แสดงการมองลูกบาศกท์ีว่างซอ้นกนั โดยมองจากดา้นบน ดา้นหน้า และดา้นขา้งดา้นขวา จงหาวา่

มลูีกบาศกอ์ย่างน้อยทีสุ่ดกีลู่ก (O-NET 2557)

ดา้นบน ดา้นหน้า ดา้นขา้งทางขวา

1. 9 ลูก 2. 10 ลูก 3. 11 ลูก 4. 12 ลูก




เร่ืองท่ี 3 การแปลงทางเรขาคณิต

1.

จากรูป รูปตน้แบบ และภาพทีไ่ดจ้ากการแปลงเป็น

ไดจ้ากขัน้ตอนการแปลงทางเรขาคณติในขอ้ใด (O-NET 2558)

1. สะทอ้นรูปตน้แบบโดยมแีกน เป็นเสน้สะทอ้น แลว้เลือ่นภาพทีไ่ดข้นานแกน

ไปทางขวา หน่วย

2. สะทอ้นรูปตน้แบบโดยมแีกน เป็นเสน้สะทอ้น แลว้สะทอ้นภาพทีไ่ดโ้ดยมแีกน เป็นเสน้สะทอ้น

3. เลื่อนรูปตน้แบบขนานแกน ขึน้ไป หน่วย แลว้สะทอ้นภาพทีไ่ด ้โดยมแีกน เป็นเสน้สะทอ้น

4. หมุนรูปตน้แบบรอบจุด ทวนเขม็นาฬกิา เป็นมุม องศา


x

y

O

a

b

a b

x x

2

y x

y 4 y

O 180



2.

ใหรู้ป เป็นรูปตน้แบบ การแปลงในขอ้ใดตอ่ไปนี้ไม่ทาํใหเ้กดิภาพ (O-NET 2559)

1. หมุนรูปตน้แบบ รอบจดุ ในทศิทางทวนเขม็นาฬกิาเป็นมมุ องศา

2. สะทอ้นรูปตน้แบบโดยมแีกน เป็นเสน้สะทอ้น แลว้สะทอ้นภาพทีไ่ดโ้ดยมแีกน เป็นเสน้

สะทอ้น


สะทอ้น

4. เลื่อนรูปตน้แบบขนานกบัแกน ไปทางซ้าย หน่วย แลว้สะทอ้นภาพทีไ่ดโ้ดยมแีกน เป็น

เสน้สะทอ้น


OB

X

Y

A

A B

O 180

Y X

X Y

X 6 X



3. ข ัน้ตอนการแปลงทางเรขาคณติในขอ้ใดทีท่าํใหภ้าพทีไ่ดจ้ากการแปลงทางเรขาคณติ ไม่ใช ่ภาพขา้งตน้

(O-NET 2557)

1. หมุนรูปตน้แบบ รอบจดุ เป็นมุม องศา

2. เลื่อนรูปตน้แบบขนานแกน ลงไป หน่วย แลว้สะทอ้นภาพทีไ่ดโ้ดยมแีกน เป็นเสน้สะทอ้น

3. หมุนรูปตน้แบบ รอบจดุ เป็นมุม องศา แบบตามเขม็นาฬกิา แลว้สะทอ้นภาพโดยมแีกน

เป็นเสน้สะทอ้น


สะทอ้น


Y

X

รูปต้นแบบ

ภาพที่ได้จากการแปลง

O

O 180

Y 8 Y

O 90 X

Y X



4.

จากรูปทีก่ําหนด ซม. ซม. และ ขนานกบั และต่อ ไปพบ ที ่

ทําให ้ แบ่งครึง่มุม ซม. จงหาพืน้ทีข่องรูปหา้เหลีย่ม

(O-NET 2555)




5. ตอ้งการวาดรูปทีม่สีมมาตรรูปหนึ่ง โดยวาดเพิม่ต่อเตมิจากรูปสีเ่หลีย่ม และมดีา้นหนึ่งของ

รูปสีเ่หลีย่ม เป็นแกนสมมาตร จงหาวา่รูปทีว่าดเสรจ็สมบูรณ์แลว้มคีวามยาวรอบรูปยาวทีสุ่ด ใชด้า้นใด

ของรูปสีเ่หลีย่ม เป็นแกนสมมาตร (O-NET 2556)

1. 2. 3. 4.


GF

A B

CD

E

5AB = 3DC = AB DC ED BC

F BF FC= EG AEF 4EG = ABCDE

14 16

18 20

ABCD

ABCD

ABCD

D

C

B

A

AB BC CD DA



6. จากรูปทีก่ําหนด เป็นรูปหกเหลีย่มดา้นเทา่ปกตมิพีืน้ที ่ ตารางเซนตเิมตรจุด เป็นภาพของ

จุด โดยมเีสน้ เป็นเสน้สะทอ้นถามวา่รูปหกเหลีย่ม มพีืน้ทีเ่ท่าไร (O-NET 2556)




PQRSTU 6 V

Q PR PVRSTU

VU

T S

R

QP

3 3.5

4 4.5



7.

ลากส่วนของเสน้ตรงเสน้หนึ่งตดัรูปตน้แบบ ขา้งบนนี้ออกเป็น 2 ส่วน แลว้เลื่อนขนานส่วนหนึ่งไป

ประกอบอกีส่วนหนึ่งเป็นรูปในขอ้ใดต่อไปนี้ได ้(O-NET 2554)

1. 2.

3. 4.




เร่ืองท่ี 4 เร่ือง ความเท่ากนัทุกประการ

1. การกําหนดรูปสามเหลีย่มใดต่อไปนี้ทีอ่าจทาํใหเ้กดิรูปสามเหลีย่มสองรูปทีไ่ม่เท่ากนัทกุประการ

(O-NET 2556)

1. รูปสามเหลีย่มทีบ่อกความยาวทัง้สามดา้น

2. รูปสามเหลีย่มทีบ่อกความยาวทัง้สองดา้นและขนาดของมมุทีอ่ยู่ระหวา่งสองดา้นนัน้

3. รูปสามเหลีย่มดา้นเท่าทีบ่อกความยาวหนึ่งดา้น

4. รูปสามเหลีย่มทีบ่อกขนาดของมมุทัง้สามมมุ


2.

เป็นรูปสามเหลีย่มหน้าจัว่ ม ี เป็นฐาน แบ่งครึง่ ถา้ แลว้ ขอ้ใด

ต่อไปนี้ไม่ถูกตอ้ง (O-NET 2559)

1. 2.

3. 4.


120D

CB

A

ABC BC AD BAC 120BDC = °

AB AC= BD CD=

30DBC DCB= = ° 110ADB ADC= = °



3.

จากรูปขา้งบน มรูีปสีเ่หลีย่มจตัุรสั บรรจุอยูใ่น รูปสามเหลีย่มุมฉาก โดยจุดมุมทกุจุดอยู่บนดา้นของรูป

สามเหลีย่ม ถา้รูปสามเหลีย่มมพีืน้ที ่126 ตารางเซนตเิมตร แลว้ รูปสีเ่หลีย่มจตัุรสัมพีืน้ทีก่ ีต่ารางเซนตเิมตร

(O-NET 2556)

1. 52 ตารางเซนตเิมตร 2. 56 ตารางเซนตเิมตร

3. 60 ตารางเซนตเิมตร 4. 64 ตารางเซนตเิมตร


4. จากรูป รูปสามเหลีย่ม และ เท่ากนัทกุประการ ม ี ตัง้ฉากกบั ที ่ ดา้น และ

ยาว และ หน่วย ตามลําดบั ถามวา่ ยาวกีห่น่วย (O-NET 2554)



ABC BDE BE AD B AB

BD 12 5 CE

E

D

C

BA

5 6 7 8



5. จากรูปขา้งล่าง กําหนดให ้ ABC∆ และ DEC∆ เท่ากนัทุกประการ มดีา้น 10.2AC = นิ้ว 4.2DB = นิ้ว

และมุม 36BAC = องศา มุม DCE x= องศา มุม ABC และมุม DEC เป็นมุมฉาก

จงหาขนาดของ x และความยาวของดา้น BC (O-NET 2558)

1. 36x = องศา 4.2BC = นิ้ว 2. 54x = องศา 6BC = นิ้ว

3. 36x = องศา 5.2BC = นิ้ว 4. 54x = องศา 6.2BC = นิ้ว


x

36

10.2

4.2

E

D CB

A



เร่ืองท่ี 5 เร่ือง ทฤษฎีบทพีทาโกรสั

1. คุณครูเดนิทางออกจากบา้นไปทางทศิตะวนัออกเป็นระยะทาง 2.4 กโิลเมตร แลว้เลีย้วขึน้ไปทางทศิเหนอือกี

3.2 กโิลเมตร ถงึโรงเรยีนพอด ีจงหาระยะทางระหวา่งบา้นกบัโรงเรยีน (O-NET 2552)

1. 4.0 กโิลเมตร 2. 4.5 กโิลเมตร 3. 5.6 กโิลเมตร 4. 6.7 กโิลเมตร


2. สามเหลีย่มมมุฉากรูปหนึ่ง มดีา้นประกอบมมุฉากยาว หน่วย และ หน่วย ความยาวของดา้นตรงขา้มมมุ

ฉากมคี่าตรงกบัขอ้ใด (O-NET 2553)

1. ระหวา่ง และ 2. ระหวา่ง และ

3. ระหวา่ง และ 4. ระหวา่ง และ


3 5

35 6 33 35

32 33 5 32



3.

ให ้รูปสามเหลีย่ม ม ี ยาว หน่วย ยาว หน่วย ทีจุ่ด และ

ยาว หน่วย แลว้ ยาวกีห่น่วย (O-NET 2559)



5

13 15

D CB

A

ABC AB 13 AC 15 AD BC⊥ D BD

5 DC

8 9 12 14



4.

รูปสีเ่หลีย่ม มมีมุ และมุม ต่างเป็นมมุฉาก นิ้ว นิ้ว

นิ้ว รูปสีเ่หลีย่ม ABCD มพีืน้ทีก่ ีต่ารางนิ้ว (O-NET 2556)

1. ตารางนิ้ว 2. ตารางนิ้ว 3. ตารางนิ้ว 4. ตารางนิ้ว


3

12

13

DC

B

A

ABCD ABC ACD 3AB = 12CD =

13DA =

28 30 34 36



5. จากรูป มวีงกลมลอ้มรอบสีเ่หลีย่มจตัุรสั ถา้รูปสีเ่หลีย่มจตัุรสัมพีืน้ที ่ ตารางหน่วย แลว้ รูปวงกลมมพีืน้ทีก่ ี่

ตารางหน่วย (O-NET 2557)

1. ตารางหน่วย 2. ตารางหน่วย 3. ตารางหน่วย 4. ตารางหน่วย


8

2π 3π 4π 5π



6.

จากรูป จงหาวา่ส่วนทีแ่รเงามพีืน้ทีก่ ีต่ารางเซนตเิมตร




2 cm

4 cm

4 cm

3 cm

11 10

9 8



7. เดก็คนหนึ่งเดนิออกจากโรงเรยีนไปทางทศิตะวนัตก เมตร เลีย้วไปทางทศิเหนือ เมตร แลว้ตอ้งเลีย้ว

ไปทางทศิตะวนัออกอกีกีเ่มตร จงึจะถงึบา้นพอด ีถา้บา้นและโรงเรยีนอยู่หา่งกนั เมตร (O-NET 2551)

1. เมตร 2. เมตร 3. เมตร 4. เมตร


7 20

25

15 22 27 29



8. นายเอ และนายบ ียนืห่างกนั เมตร นายเอสูง เซนตเิมตร นายบสีูง เซนตเิมตร นายบโียนลูก

บอลขึน้ไปตรง ๆ ตามแนวดิง่จนกระทัง่ลูกบอลสูงจากพืน้ดนิเป็นระยะ เมตร ลูกบอลอยูห่่างจากศรีษะนายเอ

เป็นระยะกีเ่มตร (O-NET 2551)

1. เมตร 2. เมตร 3. เมตร 4. เมตร


15 100 150

21

19 20 25 26



เร่ืองท่ี 6 เส้นขนาน

1. จากรูป ถา้ และ แลว้ จงหาค่า (O-NET 2551)

1. องศา 2. องศา 3. องศา 4. องศา


,AB CD EF GH FG HI2x

x 45°55°

HF

IGE

DC

BA

25 40 55 80



2. จากรูป ให ้ แทนขนาดของมมุ ถา้ให ้ และ องศา แลว้จงหาขนาดของ

(O-NET 2557)



, , ,a b c d a b= 118c = d

ab

cd

18 28 62 82



3. จากรูป ขนานกบั ส่วนของเสน้ตรง และ ยาวเท่ากบั นิ้ว มมุ มขีนาดเป็น

เท่าของมุม ถามวา่ ยาวกีน่ิ้ว (O-NET 2554)

1. นิ้ว 2. นิ้ว 3. นิ้ว 4. นิ้ว


AD BC AB AC 5 BAC 2

CAD BC

B C

DA

2 5 5 2 5 5 3



4.

จากรูป ขนานกบั

ใหข้นาดของมมุ , มุม , มุม เท่ากบั องศา ตามลําดบั

ขอ้ใดต่อไปนี้ มคีา่เท่ากบั องศา (O-NET 2555)

1. 2. 3. 4.


c

b

a

E

DC

BA

AB CD

ABE ECD BEC , ,a b c

180

a b c+ + a b c+ − a b c− + b c a+ −



5.

รูปขา้งบนนี้ประกอบดว้ยเสน้ตรง เสน้ขนานกนั และส่วนของเสน้ตรงอกี เสน้ประกอบกนั ทาํให้

เกดิมมุขนาด องศาจงหาวา่ เท่ากบักีอ่งศา (O-NET 2556)



dcb

a

2 3

, , ,a b c d a b c d+ + +

360 450 540 630



6.

จากรูป ให ้ AD ขนานกบั BE และ AB ขนานกบั DC ขนาดของมุม BAD และ BEC เท่ากบั 3x

องศา ขนาดของมมุ DCE เท่ากบั 60 องศา จงหาขนาดของมุม BAD (O-NET 2558)



D C

E

BA

60°

3x

3x



เร่ืองท่ี 7 ความคล้าย

1. จงหาพืน้ทีส่่วนทีแ่รเงา (O-NET 2551)




2.25π 3π

6.25π 9π



2. กําหนดให ้ และ เป็นส่วนของเสน้ตรงตดักนัทีจุ่ด ส่วนของเสน้ตรง และ

ขนานกนั ถา้ ซม., ซม., ซม., ซม. และ ซม.

จงหาคา่ (O-NET 2552)

1. 2. 3. 4.


ACE BCD C AB DE

2AB = 1.5AC = 4DE = ,DC AB BC X= = EC Y=

X Y+

2 cm

X cm

4 cm

Y cm

ED

C

BA1.5 cm

3.0 3.5 4.0 4.5



3.

จากรูปขา้งบน มดีา้น เซนตเิมตร เซนตเิมตร เซนตเิมตร

จงหาวา่ ยาวกีเ่ซนตมิตร (O-NET 2552)

1. 2. 3. 4.


A D C

E

B

6AB = 10AC = 3DE =

90ABC CDE= = ° AD

8 7 6 5



4. กําหนดให ้ ABC∆ และ DEF∆ เป็นรูปสามเหลีย่มทีค่ลา้ยกนั และ 6AB = นิ้ว 10AC = นิ้ว 3DE =

นิ้ว 4EF = นิ้ว แลว้

จะได ้

ก. 8BC = นิ้ว ข. 6DF = นิ้ว

ขอ้ใดสรุปไดถู้กตอ้ง (O-NET 2558)

1. ขอ้ ก ถูก ขอ้ ข ถูก 2. ขอ้ ก ถูก ขอ้ ข ผดิ

3. ขอ้ ก ผดิ ขอ้ ข ถูก 4. ขอ้ ก ผดิ ขอ้ ข ผดิ


6

?

10

4

?3

FE

D

CB

A



5. รูปสามเหลีย่ม และ คลา้ยกนั มมุ และ เป็นมุมฉาก ดา้น ยาว

เซนตเิมตร ตามลําดบั จงหาความยาวของ (O-NET 2557)

1. เซนตเิมตร 2. เซนตเิมตร 3. เซนตเิมตร 4. เซนตเิมตร


ABC EDC ABC EDC , ,AB DE EC

24, 3, 5 AD

B E C

D

A

24 28 35 36



6.

กําหนดให ้รูปสามเหลีย่ม ABC คลา้ยกบัรูปสามเหลีย่ม DEF

รูปสามเหลีย่ม ABC มดีา้นยาว 2 นิ้ว 3 นิ้ว และ 4 นิ้ว และรูปสามเหลีย่ม DEF มคีวามยาวรอบรูป

36 นิ้ว ขอ้ใดต่อไปนี้กล่าวถงึ รูปสามเหลีย่ม DEF ไดถู้กตอ้ง (O-NET 2559)

1. มดีา้นยาวทีส่ดุยาว 16 นิ้ว

2. มดีา้นสัน้ทีส่ดุยาว 12 นิ้ว

3. มสีองดา้นทีม่คีวามยาวตา่งกนั 20 นิ้ว

4. มสีองดา้นทีม่คีวามยาวรวมกนั 21 นิ้ว


FE

D

CB

A

Documents

สาระที่ 3 เรขาคณิต เรื่องที่ 1 พื้นฐานทางเรขาคณิต · รวมโจทย์ O-NET คณิตศาสตร์