Upload
others
View
0
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
(Industrial Revolution)
คือ การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากเดิมที่ใช้แรงคน แรงงานสัตว์ หรือแรงธรรมชาติ และใช้เครื่องมือแบบง่ายๆ มาเป็นกระบวนการผลิตที่ใช้เครื่องจักรที่มีความสลับซับซ้อนและอาศัยพลังงาน ท าให้ผลิตได้ปริมาณมาก
การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกเกิดในประเทศอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และต่อมาไดแ้พร่หลายไปในประเทศตะวันตกต่างๆ และส่วนอื่นๆของโลก การปฏิวัติอุตสาหกรรมนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่มีผลกระทบต่อการเมืองการปกครอง สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของมนุษยชาติทั่วโลก
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นที่อังกฤษเพราะอังกฤษมีปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวทาง อุตสาหกรรมครบถ้วน คือ มีทุน วัตถุดิบ แรงงาน และตลาดการค้า
อังกฤษเป็นผู้น าในการปฏิวัติเกษตรกรรม (Agricul-tural Revolution) โดยน าความรู้ทาง วิทยาศาสตร์มาปรับปรุงการเกษตรให้พัฒนาขึ้น
1760-1840 มีการประดิษฐ์เครื่องจักรช่วยในการผลิตและปรับปรุงโรงงานอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพ เรียกว่า“สมัยแห่งพลังไอน้ า” ได้ค้นพบพลังไอน้ าและน าเครื่องจักรไอน้ ามาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆโดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้าอังกฤษมีแหล่งถ่านหินและเหล็ก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องจักรกลใหม่ๆน ามาใช้ในโรงงานอย่างต่อเนื่อง
การประดิษฐ์เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการ ทอผ้า
ค.ศ. 1733 จอห์น เคย์ แห่งเมืองแลงคาเชยีร์ ประดิษฐ์กี่กระตุก ช่วยให้ช่างทอผ้าผลิตผ้าได้มากขึ้น 2 เท่า
ค.ศ. 1764 เจมส์ ฮาร์กรีฟส์ ผลิตเครื่องปั่นด้ายได้ส าเร็จ
ค.ศ.1769 ริชาร์ด อาร์กไรต์ ได้ปรับปรุงเครื่องปั่นด้ายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และพัฒนาเป็นเครื่องจักรกลที่ใช้พลงัน้ าหมุนแทนพลังคนเรียกว่า Water Frame
วิตนีย์ ประดิษฐ์เคร่ืองแยกเมล็ดฝ้ายออกจากใย
การประดิษฐท์ี่พัฒนาควบคู่กับการทอผ้า คือ เครื่องจักรไอน้ า โดยเจมส์ วัตต์ ชาวสกอต ใน ค.ศ. 1769 โดยใช้การขับเคลือ่นเครื่องจักรกลแทนพลังงานน้ า ซึ่งส่งผลให้น าไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เหมืองแร่และการทอผ้า อุตสาหกรรมเหล็ก
ค.ศ. 1861- 1865 เป็นการปรับปรุงการคมนาคมสื่อสาร มีการน าความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป็นยุคที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ น้ ามันปิโตรเลียม และไฟฟ้า (ถ่านหินและเครื่องจักรไอน้ าลดความส าคัญลง) อุตสาหกรรมที่ส าคัญ คืออุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลที่ท าด้วยเหล็กกล้า (Steel) และอุตสาหกรรมเคมี จึงมีผู้เรียกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเหล็กกล้า" (Age of Steel )
การตอบสนองด้านการเดินทาง ขนส่ง ค.ศ. 1804 ริชาร์ด เทรวีทิก น าพลังงานไอน้ ามาขับเคล่ือนรถบรรทุก รถจักรไอน้ าจึงมีบทบาทส าคัญในการขนส่ง ที่มชีื่อเสียงมาก คือ หวัรถจักรไอน้ า ชื่อ ร็อกเกต ของจอร์จ สตี- เฟนสันจึงมีการเปิดบริการรถจักรไอน้ าบรรทุกสินค้าครัง้แรก เป็นจดุเริ่มต้นการเข้าสู่ยุคการใช้รถไฟ ท าให้ความเจริญขยายไปสู่ชนบท
การคมนาคมทางน้ า ใน ค.ศ. 1807 โรเบิร์ต ฟุลตัน (Robert Fulton) ชาวอเมริกัน ประสบความส าเร็จในการน าพลังไอน้ ามาใช้กับเรือเพื่อรับส่งผู้โดยสาร ต่อมา ค.ศ. 1840 แซม มวล คูนาร์ด (Semuel Cunard) เปิดเดินเรือกลไฟแล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ภายใน 14 วัน และมีการปรับปรุงเรือกลไฟให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้านรถยนต์มีการน าพลังไอน้ ามาใช้กับรถสามล้อ ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มี การประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่ใช้น้ ามันเบนซิน จนถึง ค.ศ. 1857 คาร์ล เบนซ์ (Karl Benz) และ กอตต์ลีบ เดมเลอร์ (Gottlieb Daimler) สามารถน าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ ามันเบนซินมาใช้กับรถยนต์ ท าให้อุตสาหกรรมรถยนต์เจริญก้าวหน้าขึ้น
- ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์แบบลูกกลิง้ขึ้นใน ค.ศ. 1812 ท าให้การพิมพ์ พัฒนาได้ปริมาณมากขึ้นและเร็วทันเหตุการณ์ - เริ่มระบบไปรษณียใ์นอังกฤษ ใน ค.ศ. 1840 ท าให้การสื่อสาร สะดวกรวดเร็วขึ้น - ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 แซมมวล มอร์ส ประดิษฐ์โทรเลข - ค.ศ. 1837 อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ประดิษฐ์โทรศัพท์- ค.ศ. 1876 และ ค.ศ. 1901 มีการประดิษฐ์วิทยุโทรเลขและ ส่งโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ส าเร็จ - ธอมัส แอลวา เอดิสัน ชาวอเมริกันประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เครื่องเล่น จานเสียง และ กล้องถ่ายภาพยนตร์ได้
1. ประชากรทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะวิทยาศาสตร์และการแพทย์เจริญก้าวหน้า จากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรมเกิดการอพยพจากชนบทมาหางานท าในเมืองจนเกิดปัญหาความแออัดของประชากรในเขตเมือง โดยเฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรม พัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมและ เทคโนโลยีการก่อสร้าง ท าให้อาคารแข็งแรงขึ้น
3. เกิดลัทธิสังคมนิยม (Socialism) ของคาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) ที่ เรียกร้องให้กรรมกรรวมพลังกนัเพื่อก่อการปฏิวัติโค่นล้มระบบ ทุนนิยม
4. เกิดลัทธิเสรีนิยม (liberalism) ซึ่งเป็นพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยและ แนวคิดนี้แพร่หลายกว้างขวางขึ้น ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
กล่าวได้ว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมก่อให้เกิด การแบ่งค่ายระหว่างลัทธิทุนนิยมกับลัทธิ สังคมนิยม อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ยังท าให้เกิดวรรณกรรมแนวสัจนิยม(Realism) ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่พยายาม เสนอเรื่องความเป็นจริงเบื้องหลัง ความส าเร็จ ของ ระบบสังคมอุตสาหกรรม ที่ชนชั้นกรรมกรมีชีวิต ที่ยากไร้และถูกเอารัดเอาเปรียบ
5. การปฏิวัติทางอุตสาหกรรมได้ขยายไปทั่วภูมิภาคต่างๆ
ของโลก ท าให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การเมือง และท าให้ประเทศต่างๆ เหล่านี้มี “วัฒนธรรมร่วม” ตามตะวันตกไปด้วย
6.การแสวงหาอาณานิคมและลัทธิจักรวรรดินิยม ประเทศยุโรปที่มีการปฏิวัติการผลิตด้านอุตสาหกรรมมคีวามจ าเป็นต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และขยายตลาดระบายสินค้าที่ผลิตจึงเกิดการแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
http://www.thaigoodview.com/node/74280
http://th.wikipedia.org/wiki/การปฏิวัติอุตสาหกรรม
http://pojjamansk.exteen.com/20090624/entry
เอกสารประกอบการเรียนวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เหตุการณ์ส าคัญในสมัยกลางถึงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 20
นายก่อกุศล มาแสน เลขที่ 1นางสาวจุฬารัตน์ ดวงแก้ว เลขที่ 15นางสาวป่านจิรา ผาทอง เลขที่ 19
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1