Albert Banduraทฤษฎี�การเร�ยนร� ทาง

สั�งคม ( Social learning

theory)

ประวั�ติ�ของ Bandura

• เกิ�ดเมื่��อวันที่ � 4 ธันวัาคมื่ 2468 • ณ . หมื่��บ้�าน Mundare ซึ่��งอยู่��ตอนเหน�อของ

เมื่�อง Alberta ในแคนาดา • หลังจากิเรี ยู่นจบ้ปรี�ญญาโที่ แลัะเอกิ ในป' 1951

แลัะ 1952 ตามื่ลั(าดบ้ แบ้นด�รีากิ)ได�เข�าเป+นอาจารียู่,ที่ �มื่หาวั�ที่ยู่าลัยู่ Stanford

• ดรี.บ้นด�รีา เป+นศาสตรีาจารียู่,เมื่��อป' 1964 ช่�วังป' 1969-70 เป+นนกิวั�จยู่ปรีะจ(าศ�นยู่,ศ�กิษาพฤต�กิรีรีมื่ศาสตรี,ข 3นส�ง ป' 1976-77

ข��นของการเร�ยนร� โดยการเลี�ยนแบบ

ข��นท�! 1ข��นการร�บมาซึ่#!งการ เร�ยนร� ( Acquisition)

ข��นท�! 2 ข��นการกระท$า ( Performance )

ข��นของการเร�ยนร� โดยการเลี�ยนแบบ(ติ%อ)

ข��นท�! 1 ข��นการร�บมาซึ่#!งการเร�ยนร� ประกอบด วัยสั%วันประกอบท�!สั$าค�ญเป'นลี$าด�บ 3 ลี$าด�บ แสัดงในข��นน��

ข��นท�! 2ข��นการกระท$า ข#�นอย�%ก�บผู้� เร�ยน

บ้นด�รีา ได�แบ้�งตวัแบ้บ้ออกิเป+น 4 ปรีะเภที่หลักิ ค�อ

1 .ติ�วัแบบทางพฤติ�กรรม (Behavioral Modeling)

2.ติ�วัแบบทางวัาจา (Verbal Modeling) 3.ติ�วัแบบสั�ญลี�กษณ์- (Symbolic Modeling) 4.ติ�วัแบบสั�มผู้�สั (Kinesthetic Modeling)

กระบวันการท�!สั$าค�ญในการเร�ยนร� โดยการสั�งเกติ

แรงจ�งใจ Motivation

กระบวันการควัามใสั%ใจ Attention

กระบวันการการจดจ$า Retention

กระบวันการแสัดงพฤติ�กรรมเหม/อนติ�วัแบบ Reproduction

ป0จจ�ยท�!สั$าค�ญในการเร�ยนร� โดยการสั�งเกติ

1.ผู้��เรี ยู่นจะต�องมื่ ควัามื่ใส�ใจ2.ผู้��เรี ยู่นจะต�องเข�ารีหส

3.ผู้��เรี ยู่นจะต�องมื่ โอกิาสแสดงพฤต�กิรีรีมื่เหมื่�อนตวัแบ้บ้

4.ผู้��เรี ยู่นจะต�องรี� �จกิปรีะเมื่�นตวัเอง

การทดลีองของบ�นด�รา เป'นการแสัดงพฤติ�กรรมก าวัร าวัโดยการสั�งเกติ บ�นด�ราแลีะผู้� ร%วัมงานได แบ%งเด2กออกเป'น 3 กลี3%ม • กลี3%มหน#!งให เห2นติ�วัอย%างจากติ�วัแบบท�!ม�ชี�วั�ติ

แสัดงพฤติ�กรรมก าวัร าวั• เด2กกลี3%มท�!สัองม�ติ�วัแบบท�!ไม%แสัดงพฤติ�กรรม

ก าวัร าวั• เด2กกลี3%มท�!สัามไม%ม�ติ�วัแบบแสัดงพฤติ�กรรมให ด�

เป'นติ�วัอย%าง

- ควัามสั$าค�ญของการควับค3มก�จกรรมการเร�ยนร� ของตินเอง(Self-Regulation )

- การร�บร� ควัามสัามารถของตินเอง ( Self – Efficacy )

การพ�ฒนาการร�บร� ควัามสัามารถของตินเอง ม� 4 วั�ธี�

1.ปรีะสบ้กิารีณ,ที่ �ปรีะสบ้กิารีณ,ควัามื่ส(าเรี)จ

2.โดยู่กิารีใช่�ตวัแบ้บ้3.กิารีใช่�ค(าพ�ด

ช่กิจ�ง 4.กิารีกิรีะ

ต6�นอารีมื่ณ,

กิารีน(าที่ฤษฎี มื่าปรีะยู่6กิต,ในกิารีเรี ยู่นกิารีสอน

1 .บ้�งช่ 3วัตถุ6ปรีะสงค,ที่ �จะให�นกิเรี ยู่นแสดงพฤต�กิรีรีมื่

2. แสดงตวัอยู่�างของกิารีกิรีะที่(าหลัายู่ๆตวัอยู่�าง3. ให�ค(าอธั�บ้ายู่ควับ้ค��ไปกิบ้กิารีให�ตวัอยู่�างแต�ลัะ

อยู่�าง4. ช่ 3แจงข3นตอนของกิารีเรี ยู่นรี� �โดยู่กิารีสงเกิตแกิ�

นกิเรี ยู่น5. จดเวัลัาให�นกิเรี ยู่นมื่ โอกิาสที่ �แสดงพฤต�กิรีรีมื่

เหมื่�อนตวัแบ้บ้6. ให�แรีงเสรี�มื่แกิ�นกิเรี ยู่นที่ �สามื่ารีถุเลั ยู่นแบ้บ้ได�

อยู่�างถุ�กิต�อง

อ�างอ�ง

• เอกิสารีปรีะกิอบ้กิารีสอน จ�ตวั�ที่ยู่ากิารีเรี ยู่นกิารีสอนแลัะกิารีแนะแนวัส(าหรีบ้ครี�

• http://webhost.wu.ac.th/stipawan/index/chapter/chapter3/index.html

สัมาชี�กในกลี3%ม

นางสาวัส6เรี ยู่น บ้�นมื่ะ รีหส405404011นางสาวัอามื่ นา บ้�นมื่ดอ6สเสน รีหส405404021นางสาวัมื่ารี น�า เจ:ะยู่ รีหส405404052

สาขาวั�ช่าคณ�ตศาสตรี, ( กิลั6�มื่พ�3นฐานที่ � 1 )