Upload
grid-g
View
220
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
Chapter 08Elastic-Plastic Indentation Stress fields
254413 Introduction to Contact Mechanics
Assistant Professor Thongchai FongsamootrMechanical Engineering Department, Chiangmai University
8.1 Introduction
• ในบทท�� 5 และ 6 เราได้�พิ�จารณาสนามความเค�นยื�ด้หยื��นท��เกี่��ยืวกี่�บกี่ารส�มผั�สกี่�นระหว�างว�ตถุ� 2 ชิ้�%นในร&ปแบบของห�ว
กี่ด้แบบต�างๆ• ซึ่,�งได้�แสด้งให�เห-นว�า ความเค�นท��เกี่�ด้ข,%นน�%นสามารถุหาได้�
จากี่ว�ธี�ท�บซึ่�อนของสนามความเค�นท��เกี่�ด้ข,%นเน��องจากี่ภาระแต�ละอ�น
• ส0าหร�บในบทน�%จะได้�ท0ากี่ารว�เคราะห1ป2ญหาท��เกี่�ด้กี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่ท��เกี่�ด้จากี่กี่ารกี่ด้
• ในว�สด้�เปราะน�%นกี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่น�%นอาจจะเกี่�ด้ข,%นเน��องจากี่กี่ารกี่ด้ด้�วยืห�วกี่ด้แบบจ�ด้ เชิ้�น Vickers
diamond Pyramid• ในขณะท��ว�สด้�เหน�ยืวน�%น กี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่น�%นอาจจะ
เกี่�ด้ข,%นเน��องจากี่ห�วกี่ด้แบบท&� เชิ้�น Sphere
8.1 Introduction
• โด้ยืท��วไปกี่ารกี่ด้จะถุ&กี่น0ามาใชิ้�ในกี่ารหาค�าความแข-งท��ผั�ว แต�ห�วกี่ด้แบบ Vickers, Berkovich และ Knoop น�%นอาจจะถุ&กี่น0าไปใชิ้�ในกี่ารหาค�าค�ณสมบ�ต�ของว�สด้�ได้� เชิ้�น ความแข-งแรงของว�สด้� ค�าความทนทานต�อกี่ารแตกี่ห�กี่
หร�อความเค�นคงค�างภายืใน• ส�ด้ท�ายืกี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่น�%นสามารถุท0าให�เกี่�ด้กี่าร
แตกี่ห�กี่ท�%งในขณะท��ให�ภาระ (Loading) และชิ้�วงลด้ภาระ (Unloading)
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• ในทางปฏิ�บ�ต� กี่ารกี่ด้ด้�วยืห�วกี่ด้แบบ Vickers Pyramid
จะท0าให�เกี่�ด้กี่ารเส�ยืร&ปแบบอ�ลาสต�กี่ เน��องด้�วยืร�ศม�ท��จ0ากี่�ด้ของปลายืห�วกี่ด้ แต�จะเปล��ยืนเป7นกี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่
อยื�างรวด้เร-วเม��อม�กี่ารเพิ��มแรงกี่ระท0า• และเม��อลด้ภาระกี่ระท0า จะท0าให�เกี่�ด้ความเค�นกี่ด้ท��ผั�วของ
ว�สด้�• สนามความเค�นแบบยื�ด้หยื��นน�%นจะคล�ายืกี่�บกี่รณ�ของห�ว
กี่ด้แบบ cone ในบทท�� 5• จากี่ร&ปท�� 5.3.2 แสด้งให�เห-นว�า ค�า
1 น�%นเป7นค�า
ความเค�นด้,งด้�วยืค�าส&งส�ด้เกี่�ด้ข,%นท�� r=0 และ 3
(normal stress) จะเป7นความเค�นกี่ด้ และ Hoop stress
2 เป7นความเค�นกี่ด้ท��ผั�ว และความเค�นด้,งใต�ห�ว
กี่ด้
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• ด้�วยืสภาพิด้�งกี่ล�าว กี่ารเกี่�ด้กี่ารเส�ยืร&ปพิลาสต�กี่ใต�ห�วกี่ด้
น�%นเป7นส��งท��น�าสนใจในกี่ารกี่ารปร�บปร�งสนามความเค�นแบบยื�ด้หยื��นเพิ��อใชิ้�ในกี่ารหากี่ารแตกี่ห�กี่ของว�สด้�ในขระท��
ให�ภาระและลด้ภาระ (loading and Unloading)• กี่ารว�เคราะห1ตามทฤษฎี�ส0าหร�บสนามความเค�นแบบ elastic-plastic จากี่กี่ารกี่ด้ด้�วยืห�วกี่ด้แบบป;ราม�ด้น�%น
ยืากี่เน��องจากี่ความซึ่�บซึ่�อนในกี่ารกี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่• เน��องจากี่กี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่จะม�ค�ามากี่กี่ว�ากี่ารเส�ยื
ร&ปแบบยื�ด้หยื��น ด้�งน�%นว�สด้�อาจจะถุ&กี่ว�เคราะห1เหม�อนกี่�บว�าเป7นว�สด้�แบบ rigid-plastic
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• Marsh ได้�เปร�ยืบเท�ยืบกี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่ในว�สด้�ใต�
ห�วกี่ด้ว�าจะเกี่�ด้ข,%นเม��อม�กี่ารขยืายืต�วตามแนวร�ศม�ในล�กี่ษณะหล�มทรงกี่ลมท��ร �บความด้�นภายืใน
• ร&ปแบบจ0าลองในกี่ารว�เคราะห1น�%นจะท0ากี่�บกี่ารให�ภาระแบบแกี่นสมมาตร ของห�วกี่ด้แบบจ�ด้
• แบบจ0าลองของ Yoffe ให�กี่ารกี่ระจายืของความเค�นภายืนอกี่ Plastic zone ท��ม�ค�าร�ศม�เท�ากี่�บค�าร�ศม�ของ
contact circle
ร&ปท�� 8.2.1
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• ตามระบบแกี่นด้�งร&ปท�� 8.2.2 จะได้�ว�า
ร&ปท�� 8.2.1
2cos54cos22212
232 r
B
r
Pr
23
2
2cos212
cos1
cos21
2
r
B
r
P
2
32cos32212
cos1
1cos
2
21
r
B
r
P
cossin14
cos1
cossin
2
2132
r
B
r
Pr 0 r
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• โด้ยืท�� P เป7นแรงกี่ด้ และ B เป7นค�าคงท��ซึ่,�งอธี�บายืถุ,ง กี่าร
ขยืายื Plastic Zone• ส0าหร�บว�สด้�พิร�น ค�า B จะม�ค�าน�อยืมากี่
• Yoffe ได้�ค0านวณว�า B= 0.06Pma3 ส0าหร�บว�สด้� Soda-lime glass ท��ม�ค�า = 0.26 และม�ค�าม�มเท�ากี่�บ 70o
• แทนค�าลงในสมกี่ารท�� 8.2.1a และ 8.2.1d จะได้�ว�า
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields
2cos5406.0cos22212
1 232
r
a
r
a
Pm
r
2
322
cos21206.0cos1
cos21
2
1
r
a
r
a
Pm
232
cos3221206.0cos1
1cos
2
21
r
a
r
a
Pm
cossin1406.0
cos1
cossin
2
2132
r
a
r
a
Pm
r
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• Cook and Pharr ได้�อธี�บายืค�า B ในเทอมของ
ค�ณสมบ�ต�ของว�สด้� เท�ากี่�บ
• โด้ยืท�� f ค�อค�า densification factor ซึ่,�งม�ค�าเท�ากี่�บ 0 ถุ,ง 1 และ H เป7นค�า Hardness และม�ค�าเท�ากี่�บ
• และ
2
3
0816.0
H
Pf
EB
22a
PH
fEa
B
3
2308.0
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• ร&ปท�� 8.2.3 แสด้งถุ,งค�าความเค�นท��ได้�ค0านวณจากี่สมกี่าร
ท�� 8.2.1e ถุ,ง 8.2.1h • ความแตกี่ต�างของกี่ารแตกี่ห�กี่ท��เกี่�ด้ข,%นว�สด้�เปราะน�%นเป7น
ผัลของกี่ารกี่ระท0าของสนามความเค�นท��แตกี่ต�างกี่�น• ต�วอยื�างเชิ้�น รอยืแตกี่ท��ผั�วในล�กี่ษณะวงแหวนเป7นกี่ารเกี่�ด้
ข,%นจากี่ r radial tensile stresses (=/2) • ส�วนรอยืแตกี่ท��เกี่�ด้จากี่ม�มของป;ราม�ด้น�%นเป7นผัลจากี่
Hoop stress (=/2) • Median crack ใต�ห�วกี่ด้จะเกี่�ด้จากี่แกี่นสมมาตรไปข�าง
นอกี่ (=0) • ส�ด้ท�ายื lateral crack เกี่�ด้จากี่ radian stress r
(=0)
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields• Yoffe ได้�เสนอค�าของความเค�นท��คงค�างอยื&�หล�งจากี่ลด้
ภาระลงแล�ว ได้�ว�า• ท��ผั�ว
r = -0.42 pm และ = 0.12pm
• บนแกี่นใต�ห�วกี่ด้r = 0.72 pm และ = -0.06pm
• แต�ในขณะท�� Cook and Pharr ได้�แยื�งว�าในชิ้�วงของกี่ารลด้ภาระน�%น B จะข,%นอยื&�กี่�บ Blister field ท��ม�ค�ามากี่ท��ส�ด้
เท�ากี่�บ Pmax
8.2 Pointed Indenters
8.2.1 Indentation Stress Fields
• ท�� r = amax ความเค�นเป7นค�าท��ข,%นอยื&�กี่�บอ�ตราส�วน P/Pmax ท��ค�ณสมบ�ต�ว�สด้�เท�ากี่�บ f, E และ H
• พิบว�าด้�วยืค�า fE/H ท��เล-กี่น�อยื Radial cracking กี่-สามารถุเกี่�ด้ข,%นได้�ในขณะท��ลด้ภาระ แต�ถุ�าม�ค�ามากี่
Radial cracking กี่-อาจจะเกี่�ด้ในชิ้�วงท��ม�กี่ารให�ภาระ• Cook and Pharr ได้�เสนอว�าความเค�นส&งส�ด้ท�� r=amax
ส0าหร�บขณะท�� Loading และ Unloading ส0าหร�บค�าท��แตกี่ต�างกี่�นของ fE/H
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Indentation Fracture• กี่ารแตกี่ห�กี่ในว�สด้�เปราะในขณะท��ร �บกี่ารกี่ด้ของห�วกี่ด้
แบบป;ราม�ด้สามารถุเกี่�ด้ข,%นได้�ในขณะ Loading และ Unloading
• ในชิ้�วงท�� loading ความเค�นด้,งจะเกี่�ด้ข,%นในชิ้�%นงานในขณะท��ร �ศม�ของ Plastic Zone เพิ��มข,%น
• ในชิ้�วงท�� Unloading จะม�ความเค�นเพิ��มข,%นจากี่กี่ารท��ความเคร�ยืด้แบบยื�ด้หยื��นภายืนอกี่ Plastic Zone
พิยืายืามท��จะค�นส&�สภาพิเด้�มแต�ไม�สามารถุท0าได้�เน��องจากี่ม�กี่ารเส�ยืร&ปอยื�างถุาวรใน Plastic zone
• อยื�างไรกี่-ตาม กี่ารแตกี่น�%นจะข,%นอยื&�กี่�บสภาพิในกี่ารทด้สอบและความหลากี่หลายืในกี่ารเกี่�ด้รอยืแตกี่น�%นม�มากี่ในขณะ
ท��ม�กี่ารเปล��ยืนแปลงห�วกี่ด้เพิ�ยืงเล-กี่น�อยื
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Indentation Fracture• ร&ปท�� 8.2.4 แสด้งร&ปแบบของรอยืแตกี่
• (1) Radial Crack เป7น vertical half-penny cracks เกี่�ด้ข,%นท��ผั�วของว�สด้�ภายืนอกี่ Plastic zone
และท��ม�มของกี่ารกี่ด้• รอยืแตกี่น�%จะเกี่�ด้จากี่ Hoop stress (q=p/2) และ
ขยืายืลงด้�านล�างของชิ้�%นงาน • (2) Lateral Cracks เป7นรอยืแตกี่แนวนอนเกี่�ด้ด้�าน
ล�างของผั�วและสมมาตรกี่�บแกี่นภาระ • รอยืแตกี่น�%เกี่�ด้จากี่ tensile stress r (=0) และ
ขยืายืไปยื�งผั�วซึ่,�งจะเกี่�ด้เป7นล�กี่ษณะของรอยืแตกี่แบบวงแหวนท��ผั�ว และอาจจะท0าให�เน�%อหล�ด้ออกี่จากี่ผั�ว
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Indentation Fracture• ร&ปท�� 8.2.4 แสด้งร&ปแบบของรอยืแตกี่
• (3) Median Cracks เป7น vertical circular penny cracks เกี่�ด้ข,%นใต�ผั�วตามแนวแกี่นสมมาตร
• ข,%นอยื&�กี่�บล�กี่ษณะของกี่ารให�ภาระ median crack อาจจะขยืายืข,%นและไปชิ้นกี่�บ radial cracks ท0าให�เกี่�ด้เป7น
Half-penny cracks
• โด้ยืท�� Median crack จะเกี่�ด้จากี่ (=0)
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Indentation Fracture• ด้�งท��ได้�กี่ล�าวไว�ข�างต�น ในกี่ารเกี่�ด้รอยืแตกี่น�%นข,%นอยื&�กี่�บ
สภาพิของกี่ารทด้สอบ• อยื�างไรกี่-ตามเม��อท0ากี่ารทด้สอบกี่�บ Soda-lime Glass
กี่ด้ด้�วยืห�วกี่ด้แบบ Vickers, Median crack จะเกี่�ด้ข,%นกี่�อน
• เม��อหยื�ด้กี่ารให�ภาระ ความเคร�ยืด้ยื�ด้หยื��นรอบข�างรอยืแตกี่ไม�สามารถุกี่ล�บส&�สภาพิเด้�มได้�
• ความเค�นด้,งคงค�างจะท0าให�เกี่�ด้ Lateral crack ซึ่,�งอาจจะขยืายืไปถุ,งผั�วหร�อไม�กี่-ได้�
• ในชิ้�วงท��ม�กี่ารให�ภาระอ�กี่คร�%ง (reloading) lateral cracks จะป;ด้และ median crack จะเป;ด้อ�กี่คร�%ง
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Indentation Fracture• ส0าหร�บภาระน�อยืๆ radial cracks อาจจะเกี่�ด้ข,%นในชิ้�วง
Unloading • ส0าหร�บภาระมากี่ๆ ในชิ้�วง Unloading, median cracks ขยืายืไปภายืนอกี่และข,%นไปท��ผั�วซึ่,�งอาจจะ ร�วมกี่�บ
radian cracks จะท0าให�กี่ลายืเป7น Half-penny cracks
• ในว�สด้�แกี่�ว โด้ยืท��วไปรอยืแตกี่จะเกี่�ด้ท��ม�ม ซึ่,�งจะเป7นล�กี่ษณะของ median/radial cracks
• อยื�างไรกี่-ตาม ในว�สด้�เปราะ ค�า E/Y ท��มากี่ๆ radial cracks จะเกี่�ด้จากี่ median crack และเกี่�ด้ในชิ้�วงให�
ภาระ
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Indentation Fracture• จากี่ผัลกี่ารตรวจสอบจากี่กี่ารทด้สอบสามารถุบอกี่ได้�ว�า
ไม�ม�ร&ปแบบท��แน�นอนส0าหร�บกี่ารเกี่�ด้รอยืแตกี่• Chiang, Marshall, and Evans และ Yoffe ได้�พิยืายืามเสนอแบบจ0าลองท��จะสามารถุอธี�บายืล�กี่ษณะของ
กี่ารเกี่�ด้รอยืแตกี่• แบบจ0าลองของ Yoffe ได้�อธี�บายืกี่ารเปล��ยืนแปลงของ
ความเค�นในชิ้�วงของให�ภาระ และ ลด้ภาระ ในเทอมของค�ณสมบ�ต�ของว�สด้�และค�า E/Y ซึ่,�งเป7นผัลให�เกี่�ด้รอยืแตกี่
แบบ radial and lateral cracks ในชิ้�วงของกี่าร Loading และ Unloading
• อยื�างไรกี่-ตาม แบบจ0าลองของ Chiang, Marshall, Evans, ท0ากี่�บห�วกี่ด้แบบจ�ด้และแกี่นสมมาตร
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Fracture Toughness• ในกี่ารทด้สอบหาค�า Fracture toughness ของว�สด้�
เหน�ยืวน�%นสามารถุได้�โด้ยืใชิ้�กี่ารทด้สอบแบบกี่ารด้�ด้• แต�ส0าหร�บว�สด้�เปราะน�%นเป7นกี่ารยืากี่ในกี่ารทด้สอบ
เน��องจากี่จะเกี่�ด้กี่ารเส�ยืหายืกี่�อนท��จะท0ากี่ารว�ด้ได้�• ด้�งน�%นในกี่ารว�ด้ค�าน�%สามารถุท0าได้�โด้ยืกี่ารใชิ้�ว�ธี�กี่ารกี่ด้ ซึ่,�ง
สามารถุท��จะทด้สอบได้�หลายืค�า• ในกี่ารทด้สอบน�%นจะได้�ค�าความยืาวของรอยืแตกี่ด้�งร&ป
8.2.5
ร&ปท�� 8.2.5
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Fracture Toughness• Palmqivst ได้�เสนอว�าขนาด้รอยืแตกี่ l จะข,%นอยื&�กี่�บภาระ
ของห�วกี่ด้• Lawn, Evans, and Marshall ได้�แสด้งสมกี่ารท��เห-น
ว�าถุ,งความส�มพิ�นธี1ระหว�างกี่ารเกี่�ด้รอยืแตกี่แบบต�างๆ• และได้�แสด้งว�าอ�ตราส�วน P/c3/2 เป7นค�าคงท�� ซึ่,�งข,%นอยื&�กี่�บ
ค�ณสมบ�ต�ของว�สด้�• Fracture Toughness ม�ค�าเท�ากี่�บ
• โด้ยืท�� k เป7นค�าคงท�� 0.016 และ n = ½
2
3
c
P
H
EkK
n
c
8.2 Pointed Indenters
8.2.2 Fracture Toughness• ในขณะท�� Laugier ได้�เสนอสมกี่ารใหม�ได้�ว�า
• โด้ยืท�� xv = 0.015
2
3
3
2
2
1
c
P
H
E
l
axK vc
8.2 Pointed Indenters
8.2.4 Berkovich Indenter• ในกี่ารทด้สอบเพิ��อหาค�า Fracture toughness น�%น
สามารถุหาได้�โด้ยืกี่ารใชิ้�ห�วกี่ด้แบบ Vickers diamond pyramid
• โด้ยืท��ห�วกี่ด้แบบ Vickers ม�มระหว�างแต�ละหน�าอยื&�ท�� 136o และม�มของขอบ 148o
• อยื�างไรกี่-ตาม ข�อได้�เปร�ยืบส0าหร�บห�วกี่ด้แบบ Berkovich ม�ควมส0าค�ญมากี่ข,%น โด้ยืเฉพิาะกี่ารกี่ด้แบบ Ultra-
micro-indentation• ซึ่,�งกี่ารกี่ด้แบบ ป;ราม�ด้น�%นจะเป7นล�กี่ษณะของกี่ารกี่ด้เป7น
จ�ด้มากี่กี่ว�าแบบเส�น
8.2 Pointed Indenters
8.2.4 Berkovich Indenter• Ouchterlony ได้�เสนอถุ,งธีรรมชิ้าต�ของกี่ารเกี่�ด้รอยื
แตกี่ท��เร��มเกี่�ด้จากี่บร�เวณห�วกี่ด้และขยืายืต�วรอยืแตกี่• สามารถุหาได้�จากี่
• จากี่กี่ารเสนอโด้ยื Dukino and Swain ได้�ปร�บปร�งส0าหร�บกี่ารหาร&ปแบบของรอยืแตกี่ท��เกี่�ด้จากี่กี่ารกี่ด้ด้�วยื
ห�วกี่ด้แบบ Berkovich• อ�ตราส�วนระหว�างค�า KI ของ Vicker (n=4) และ
Berkovich (n=3) ม�ค�าเท�ากี่�บ 1.073
n
n
nK I
2
sin2
1
2
8.2 Pointed Indenters
8.2.4 Berkovich Indenter• ด้�งน�%นความยืาวของรอยืแตกี่ท��ว�ด้จากี่จ�ด้กี่,�งกี่ลางของห�ว
กี่ด้ของ Berkovich จะม�ค�าอยื&�ท��ประมาณ 1.0732/3 = 1.05 ของห�วกี่ด้แบบ Vickers
• จะได้�ว�า
2
3
3
2
2
1
073.1
c
P
H
E
l
axK vc
8.3 Spherical Indenter
• ในห�วข�อน�%จะพิ�จารณาสนามความเค�นแบบยื�ด้หยื��น-พิลาสต�กี่ท��เกี่�ด้จากี่ห�วกี่ด้แบบทรงกี่ลม
• ร&ปท�� 8.3.1 ได้�เปร�ยืบเท�ยืบผัลระหว�างกี่ารกี่ระจายืความเค�นในล�กี่ษณะ Elastic และ Elastic-Plastic
• ร&ปได้�แสด้งให�เห-นถุ,ง กี่ารเส�ยืร&ปแบบพิลาสต�กี่และกี่ารเกี่�ด้ damage zone จากี่กี่ารเปล��ยืนแปลงความเค�นบร�เวณ
ห�วกี่ด้• โด้ยืท��วไปขนาด้ของความหล�กี่มากี่ท��ส�ด้ม�ท�ศทางไปด้�านนอกี่มากี่กี่ว�าเม��อเปร�ยืบเท�ยืบกี่�บกี่รณ�ของ elastic case
• แต�ท��ไกี่ลๆ ออกี่ไปจะม�ผัลท��ไม�แตกี่ต�างกี่�น• ร&ปท�� 8.3.2 แสด้งถุ,งกี่ารกี่ระจายืความเค�น ในเทอมของ
Contact pressure ส0าหร�บกี่รณ�ของ Elastic-plastic น�%นสม0�าเสมอมากี่กี่ว�า
8.3 Spherical Indenter
• ในร&ปท�� 8.3.2 เป7นผัลท��ได้�จากี่ค�า pm = 3.0 GPa, ao = 0.326 Y=770 MPa,
P =1000 N, R = 3.18 mm• ร&ปท�� 8.3.3 แสด้งกี่ารเปล��ยืนแปลงของความเค�นตามแนว
ของผั�วและลงไปแนวแกี่นสมมาตร (Pm = 3.0 GPa, ao=0.326 mm)