20

Click here to load reader

panuggan

  • Upload
    jo-msu

  • View
    225

  • Download
    1

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: panuggan

1

ความผิดตอเจาพนักงานและความผิดตอตําแหนงหนาท่ีราชการ ความผิดฐานดูหมิ่นเจาพนักงานตามมาตรา 136 ดูหม่ิน หมายถึง การดูถูกเหยียดหยาม ทําใหอับอาย สบประมาทหรอดา (ฎีกาท่ี 403/2481, 758/2498, 3427/2540) ซ่ึงอาจกระทําดวยวาจาหรือกิริยาทาทางก็ไดเชนการเปลือยกาย ถมน้ําลายใส การดูหม่ินนี้เปนการกระทําโดยตรงตอผูถูกดูหม่ินโดยไมมีบุคคลท่ีสาม เพราะถามีบุคคลท่ีสามก็จะเปนความผิดฐานหม่ินประมาท เพราะความเสียหายท่ีเกิดขึ้นนั้นผูอ่ืนรูสึกดูหม่ิน เกลียดชัง แตดูหม่ินนี้ผูถูกดูหม่ินเองเกิดความรูสึกวาตัวเองถูกลดคุณคาลง การดูหม่ินจึงเปนการกระทําความผิดไมถึงขั้นหม่ินประมาท ตัวอยางคําพิพากษาฎีกาที่ถือวาเปนการดูหม่ิน ใหของลับตํารวจผูจับการพนัน (ฎีกาท่ี 352/2465) ดาตํารวจวา “มึงหมาหรือคนตํารวจอะไร” “ตํารวจชาติหมา” (ฎีกาท่ี 363-4/2473) ทนายความวาผูพิพากษาวา “อายผูพิพากษานี่ปรับกูหม่ืนหาพันได กูจะเตะมึง” เปนการดูถูกสบประมาท เหยียดหยาม ทําใหอับอายเสียหาย ไมใชเพียงแตวาจากักขฬะสามหาว (ฎีกาท่ี 758/2498) ตํารวจจราจรจับจําเลยในขอหาขับรถรับจางคนโดยสารเกินจํานวน เผอิญมีรถสวนบุคคลคันหนึ่งบรรทุกคนวิ่งผานไป จําเลยกลาววา “รถคันนี้ทําไมไมจับคนก็แนนเหมือนกัน หรือจะแกลงจับเฉพาะผมคนเดียวเทานั้น จราจรลําพูนไมใหความยุติธรรม” (ฎีกาท่ี 1081/2505) กลาวกับตํารวจจราจรซ่ึงจับรถของจําเลยฐานกีดขวางวา “ล้ือชุยมาก” (ฎีกาท่ี 1735/2506) พูดวา “ตํารวจเฮงซวย ถือวามีอํานาจก็ทําไปตามอํานาจ จะตองใหเจอดีเสียบาง” คุณแกลงจับผม” (ฎีกาท่ี 1711/2509) กลาวตอจาสิบตํารวจในขณะท่ีเขาจับกุมวา “อายจา ถามึงจับกู กูจะเอามึงออก” (ฎีกาท่ี 316/2517) ดารอยตํารวจโทกับพวกในขณะคนวา “ไอพวกอันธพาล ไอพวกฉิบหาย ไอมือปน” และยังรองอีกวา “ตํารวจหัวควย” เปนดูหม่ินเหยียดหยามเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 547/2536) ตัวอยางคําพิพากษาฎีกาที่ไมเปนการดูหมิ่น ในกรณีท่ีเปนคําหยาบ ไมถูกหูผูฟง ไมสุภาพหรือเพียงแตปรารถปรับทุกข หรือเพียงแตเปนคําโตเถียง คํากลาวติชม คําประทวง เพียงเทานี้ยังไมเปนการดูหม่ินเจาพนักงาน เชน กลาววาพวกมึงตํารวจไมมีความหมายสําหรับกู อยากจะจับก็มาจับเลย ในเม่ือกูไมไดกระทําผิด ” (ฎีกาท่ี 713/2519) “คุณเปนนายอําเภอไดอยางไรไมรับผิดชอบ” (ฎีกาท่ี 860/2521) กลาวตอตํารวจผูจับวา “ถาแนจริงใหถอดปนท่ีเอวมาตอยกันตัวตอตัว” และ “ถาแนจริงมายิงกันคนละนัดก็ได ไมตองใชกําปน ใชปนดีกวา” เปนคํากลาวท่ีไมสุภาพและไมสมควร แมขณะท่ีกลาวจําเลยไดถอดกางเกงขายาว

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 2: panuggan

2

ท่ีสวมอยูออกเหลือแตกางเกงช้ันใน (ฎีกาท่ี 415/2528) กลาววา “แครอยโทนั้นกระจอกไมอยากคุยดวยหรอก” เปนเพียงแตวามียศนอยเทานั้น เปนเพียงคําพูดไมสุภาพยังไมเปนคําดา (ฎีกาท่ี 420/2509) กลาวตอเจาพนักงานสรรพสามิตซ่ึงมาจับสุราวา “คุณเปนหัวหนาสวนกระจอก ๆ ผมไมกลัวคุณหรอกใหญกวานี้ผมก็ไมกลัว” (ฎีกาท่ี 786/2532) พูดกับเจาพนักงานสรรพสามิตวา “มึงเกงแตจับเหลา ไปตอยกับกขูางนอกไหม” เปนเพียงเจตนาทาทายไมเปนการดูหม่ิน (ฎีกาท่ี 4529/2536) กลาวตอตํารวจท่ีทําหนาท่ีวา “แนจริงมึงสอดเส้ือผามาตอยกับกูเลย” เปนการทาทายใหมาตอสู ไมสุภาพไมสมควรเทานั้น ยังไมถึงขั้นดา ดูถูกเหยียดหยาม ไมผิดดูหม่ินเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 4327/2540) เจาพนักงาน ตามมาตรานี้มี 2 ประเภท คือ เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ีและเจาพนักงานเพราะไดกระทําการตามหนาท่ี “เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี” หมายถึง เจาพนักงานขณะกระทําการตามหนาท่ีอยู เชน ดาตํารวจขณะยืนใหสัญญาณจราจร สวนมูลเหตุจูงใจท่ีทําใหดูหม่ินเปนความผิดอยูท่ีดูหม่ินขณะกระทําการตามหนาท่ีหรือไม ฉะนั้น แมดูหม่ินเพราะเกลียดเจาพนักงานไมเกี่ยวกับหนาท่ีใด ๆ เลย หรือดูหม่ินในเรื่องสวนตัวก็ผิดแลว หากไปดูหม่ินในขณะเจาพนักงานขณะกระทําการตามหนาท่ีก็ผิดได แตอยางไรก็ตามผูดูหม่ินตองทราบวาผูถูกดูหม่ินเปนเจาพนักงาน หากเจาพนักงานไมมีหนาท่ี หรือเปนการกลาวนอกหนาท่ี แมจะไปดูหม่ินก็ไมเปนความผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงาน เชน ดานายกเทศมนตรีท่ีบานเพราะไดใชคนงานเทศบาลไปรังวัดท่ีดินนอกหนาท่ี ก็ไมผิดมาตรา 136 (ฎีกาท่ี 421/2499) กํานันปรองดองหนี้สินระหวางลูกบาน ถือวาไมเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบรอยในหนาท่ีของกํานัน เพียงแตทําโดยอัธยาศัยในฐานะเปนผูใหญในตําบล ลูกบานดาแมกํานัน จึงไมผิดมาตรา 136 (ฎีกาท่ี 2113/2516) พนักงานสอบสวนกําลังกินขาวอยูท่ีบานก็ไปพูดขอประกันตัวผูตองหาถือวาเปนการสวนตัว ไมถือเปนการปฏิบัติหนาท่ี เม่ือไมพอใจจึงดาก็ไมผิดมาตรา 136 (ฎีกาท่ี 920/2508) การไกลเกล่ียขอพิพาทในทางแพง ไมใชหนาท่ีของตํารวจจึงไมเปนดูหม่ินเจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี ถอยคําท่ีจําเลยกลาววา “มันก็เขาขางกัน” ไมเปนความผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี ตามมาตรา 136 (ฎีกาท่ี 2256/2539) “เจาพนักงานเพราะไดกระทําการตามหนาท่ี” หมายถึง สาเหตุท่ีทําการดูหม่ินมาจากเรื่องท่ีเจาพนักงานไดปฏิบัติหนาท่ี กลาวคือ เหตุท่ีดูหม่ินเพราะเจาพนักงานไดกระทําการตามหนาท่ีมาแลว เชน โกรธตํารวจท่ีจับตนเม่ือวันกอน แลววันนี้มาดาตํารวจขณะท่ีพักผอนอยูท่ีบาน แตอยางไรก็ตาม หากขณะดูหม่ินผูถูกดูหม่ินไมไดเปนเจาพนักงาน เชน พนจากราชการไปแลว หรือปลดเกษียณจากราชการไปแลว ก็ถือวาไมผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงาน

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 3: panuggan

3

ฎีกาท่ี 1541/2521 ตํารวจจับคนซ่ึงวางของเกะกะทางเขาและใหไปคอยท่ีโรงพัก เม่ือถึงโรงพักก็พูดวา “จับแบบนี้แกลงจับอ๊ัว” แมจะไมไดกลาวในขณะแรกจับกุมก็อยูในระหวางจับกุมถือวาขณะกระทําการตามหนาท่ี ผิดตามมาตรา 136 คําดูหม่ิน ตองกลาวถึงเจาพนักงานคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงใหทราบไดวาใครเปนผูเสียหาย เชน ดาตํารวจนครบาล ศาลวินิจฉัยวาไมอาจทราบไดวาเปนผูใดเพราะตํารวจนครบาลมีจํานวนมาก (ฎีกาท่ี 549/2470) เจตนาในท่ีนี้เปนเจตนาธรรมดาซ่ึงผูกระทําความผิดรูวาผูนั้นเปนเจาพนักงาน แตไมจําตองรูวากระทําการตามหนาท่ีหรือไดกระทําตามหนาท่ีมาแลว การท่ีจําเลยวาตํารวจจะเอาของผิดกฎหมายใสรถจําเลย ตํารวจจะรุมทํารายจําเลย เปนคํากลาวท่ีไมแนใจวาเปนตํารวจ ตํารวจแตงเครื่องแบบปลน ก็มี เปนการกลาวเพราะเช่ือโดยสุจริตวาตนถูกตํารวจกล่ันแกลง เนื่องจากตํารวจหาเหตุมาหยุดรถ และคนรถของจําเลยโดยเฉพาะ จึงเปนการกลาวปกปองตนเอง ไมผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 3231/2531) หรือการท่ีไมเช่ือวาเปนตํารวจและไมไดกระทําความผิดใด ไมยอมใหตํารวจคน โดยพูดขึ้นวา “ไอสัตวพวกนี้แมมันไมใชตํารวจอยาใหมันคน” “แลวตอยตํารวจ ไมเปนการดูหม่ินเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 128/2532) ความผิดฐานแจงความเท็จ ตามมาตรา 137 มาตรานี้เปนบทท่ัวไป ถากรณีใดมีกฎหมายบัญญัติไวโดยเฉพาะก็จะไมเปนความผิดตามมาตรานี้อีก เชน ถาความเท็จนั้นเกี่ยวกับคดีอาญา คือ มาตรา 172, 173 การแจงขอความ หมายถึง การทําใหเจาพนักงานไดทราบขอความ อาจกระทําโดยถอยคําท่ีพูด ขีดเขียน หรือกิริยาอ่ืน ท้ังนี้ ผูแจงอาจเปนผูไปแจงเอง เชน การไปแจงความรองทุกขหรือถูกเจาพนักงานเรียกไปถาม เชน เปนพยานในช้ันสอบสวนก็ได ถาใหการเท็จก็เปนความผิดตามมาตรา 137 นี้ (ฎีกาท่ี 3887/2533) แตการนิ่งเฉย แมเจาพนักงานถามแลวไมตอบ กรณีนี้ยังไมถือวามีการแจงเพราะยังไมการกระทําแสดงออกมา สวนการใหถอยคําในฐานะผูตองหาไมถือเปนการแกตัวเพ่ือตอสูคดี ไมถือวาเปนการแจงความเท็จ (ฎีกาท่ี 71/2460, 225/2508) ท้ังนี้เนื่องจาก ป.วิ. อาญามาตรา 134 ผูตองหามีสิทธิท่ีจะใหการหรือไมใหการอยางไรก็ได แตถามิไดใหการในฐานะผูตองหา แมถูกจับแลวก็ตามก็เปนความผิดฐานแจงความเท็จได นอกจานี้การแจงตองใหเจาพนักงานไดทราบขอความท่ีแจงนั้น ความผิดจึงจะสําเร็จ ถาพูดบอกแลวแตเจาพนักงานยังไมรูเรื่องเชนมีเสียงอีกทึกฟงไมไดศัพท หรือไมเขาใจภาษาท่ีพูด ถือวาเจาพนักงานยังไมทราบเปนเพียงพยายามเทานั้น แตถาเจาพนักงานไดทราบแลวแมเจาพนักงานยังไม

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 4: panuggan

4

ทราบแลวแมเจาพนักงานจะไมเช่ือขอความท่ีแจง เพราะเจาพนักงานทราบความจริงอยูกอนแลวก็ถือวาเปนความผิดตามมาตรานี้แลว (ฎีกาท่ี 459/2472) ขอความอันเปนเท็จ หมายถึง ขอเท็จจริงในอดีตหรือปจจุบันท่ีไมตรงตอความเปนจริงและไมใชคําม่ันสัญญา หรือคํารับรอง หรือการคาดคะเน เจาพนักงาน ในท่ีนี้หมายถึง เจาพนักงานซ่ึงมีหนาท่ีในการรับแจงขอความนั้น ๆ และไมจํากัดเฉพาะพนักงานสอบสวน แมจะเปนเจาพนักงานฝายบริหาร เชน เจาหนาท่ีอําเภอ กํานัน ฯลฯ แตผูนั้นตองมีหนาท่ีในการรับแจงขอความนั้น ๆ ดวย ซ่ึงอาจทําใหผูอ่ืนหรือประชาชนเสียหาย ในกรณีเชนนี้ไมจําตองมีความเสียหายเกิดขึ้นจริง เพียงแตอาจเกิดผลขึ้นก็เปนความผิดแลว และความเสียหายนี้เปนความเสียหายทุกกรณีไมวาจะเปนความเสียหายในรางกาย ช่ือเสียง ทรัพยสิน หรือในทางคดี เชน ชายมีภรรยาจดทะเบียนอยูแลว จดทะเบียนสมรสกับหญิงอีก โดยแจงตอนายทะเบียนวาไมเคยสมรสมากอน หญิงเปนผูเสียหาย (ฎีกาท่ี 2614/2518, 2583/2522) แจงความตอตํารวจท่ีขอตรวจใบอนุญาตขับรถวาใบอนุญาตหาย พรอม ท้ังแสดงสําเนาใบแจงความวาหายดวย ความจริงใบอนุญาตถูกตํารวจยึดไวกอนแลว เปนการแจงความเท็จทําใหตํารวจเสียหาย (ฎีกาท่ี 1544/2524) เจตนาในท่ีนี้ ผูแจงจะตองรูวาขอความท่ีตนนําไปแจงนั้นเปนความเท็จ ถาผูแจงเช่ือโดยสุจริตวาขอความนั้นเปนความจริง และตามขอเท็จจริงขอความนั้นเปนเท็จ ผูแจงก็ไมมีความผิดฐานนี้ (ฎีกาท่ี 587/2456) จําเลยนําความไปแจงตอเจาพนักงานสอบสวนวา โจทกขับรถยนตเฉี่ยวชนจําเลยความผิดตอกฎหมายตามท่ีจําเลยแจงหรือไมใชสาระสําคัญ เพราะการแจงความความหมายถึงแจงขอเท็จจริง ไมเกี่ยวกับกฎหมาย แมตอมาพนักงานอัยการมีคําส่ังไมฟองโจทกก็ยังถือไมไดวาขอความดังกลาวเปนความเท็จจําเลยไมมีความผิดฐานแจงความเท็จ (ฎีกาท่ี 5600/2541) นอกจากนี้ ผูท่ีแจงตองรูดวยวาผูท่ีตนแจงเปนพนักงาน แตไมจําตองรูวาขอความนั้นจะทําใหผูอ่ืนหรือประชาชนเสียหาย สําหรับเจาพนักงานจะเช่ือหรือไมเช่ือขอความนั้นก็ไมถือเปนขอสําคัญ อยางไรก็ตาม ถาผูแจงรูวาขอความนั้นเปนเท็จ แตบังเอิญขอความนั้นเปนจริง ผูแจงก็ยังมีความผิดฐานนี้อยู เชน จําเลยไปเบิกความเปนพยานในการพิจารณาคดีวาเห็นนาย ก. ลักทรัพย ซ่ึงความจริงนาย ก. ไดลักทรัพยจริง ๆ แตจําเลยไมไดเห็น แตไปเบิกความวาเห็น จําเลยมีความผิดฐานแจงความเท็จ เพราะรูอยูแลววาขอความท่ีตนแจงเปนความเท็จ ความผิดฐานตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงานตามมาตรา 138 คําวา “ตอสู” หมายถึงการใชกําลังขัดขืนไมใหการกระทําของเจาพนักงานสําเร็จผล แตไมถึงขั้นใชกําลังประทุษราย สําหรับคําวา “ขัดขวาง” หมายถึงการกระทําใด ๆ ท่ีไมใหการกระทําของ

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 5: panuggan

5

เจาพนักงานสําเร็จผล เปนความหมายท่ีกวางกวาคําวา “ตอสู” เพราะรวมถึงการกระทําซ่ึงเปนเหตุใหเจาพนักงานไดรับความลําบากยากยิ่งในการปฏิบัติหนาท่ีใหเปนผลสําเร็จ แตท้ังนี้ไมจําตองถึงขนาดไมใหบรรลุผลสําเร็จเสียทีเดียว อยางไรก็ตาม การตอสูขัดขวางนั้นตองเปนการกระทําท่ีแสดงออก ไมใชความผิดท่ีเกิดขึ้นเพราะคําส่ังเจาพนักงานซ่ึงเปนความผิดอีกความผิดหนึ่งในความผิดลหุโทษ (มาตรา 368) ตํารวจใหสัญญาณหยุดรถ เพ่ือทําการตรวจคน แตผูขับไมยอมหยุดรถ ไมเปนการตอสูขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 223/2531) การกระโดดหนีเจาพนักงานตํารวจ แมจะถึงขนาดตํารวจเขามากอดปลํ้าแลวก็ตกลงไปตามทางลาดของถนน เม่ือลุกขึ้นไดก็กระโดดหนีไป ไมถือวาเปนการตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 568/2536) การดิ้นรนเพ่ือใหพนการถูกควบคุมตัว ไมเปนการตอสูขัดขวางเจาพนักงาน แมวาการดิ้นรนจะเปนเหตุใหเทาไปโดนตํารวจท่ีจับกุมก็ตาม การกระทํายังไมถึงขั้นเปนการตอสูขดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 568/2536) การดิ้นรนเพ่ือใหพนการถูกควบคุมตัว ไมเปนการตอสูขัดขวางเจาพนักงาน แมวาการดิ้นรนจะเปนเหตุใหเทาไปโดนตํารวจท่ีจับกุมก็ตาม การกระทํายังไมถึงขั้นเปนการตอสูขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 900/2536) แตถาเปนประตูแลวรีบปดเอาไมขัด ยืนขวางประตูเปนการตอสูขัดขวาง (ฎีกาท่ี 436/2468) การดับไฟฟาขณะเจาพนักงานเขาจับกุม เพราะกลัวถูกจับนั้น แมจะทําใหเจาพนักงานเกิดความไมสะดวก ยังไมถือวามีเจตนาขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 1318/2506) จําเลยขับรถกระบะมาถึงดานตรวจ เจาพนักงานตํารวจไดใหสัญญาณใหหยุดรถเพ่ือตรวจ จําเลยขับรถกระบะมาถึงดานตรวจ เจาพนักงานตํารวจไดใหสัญญาณใหหยุดรถเพ่ือตรวจ จําเลยไมยอมหยุดและไดขับรถเลยไปจนตองมีการไลติดตามเพ่ือสกัดจับการท่ีจําเลยขับรถเลยไปไมยอมหยุดใหตรวจคนก็ดี การท่ีจําเลยดิ้นรน เพ่ือใหหลุดพนการจบกุมก็ดี เปนเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี จึงยังถือไมไดวาเปนความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 2410/2545) แมการขัดขวางจะไมเกิดผลสําเร็จ กลาวคือ เจาพนักงานสามารถกระทําการตอไปได ก็ถือวาเปนการตอสูขัดขวางแลว เชนยิงปนขึ้นฟาเพ่ือขูไมใหตามจับ เปนการขัดขวางเจาพนักงาน แมตํารวจยังตามจับจนไดก็เปนความผิด(ฎีกาท่ี 243/2509) จําเลยผลักและดันตํารวจแลวก็แยงถุงใสยาเสพติดจากมือตํารวจไป แลวก็เคี้ยวใสปากเพ่ือทําลายหลักฐาน จําเลยผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 3850/2543) อยางไรก็ดี การตอสูขัดขวางอาจไมเปนความผิดเสมอไป ถาผูท่ีตอสูขัดขวางมีอํานาจหรือมีความชอบธรรมท่ีจะตอสูขัดขวาง เพ่ือปองกันสิทธิของตนโดยสุจริตบางประการ เชน กํานันคนบานจําเลยโดยไมมีหมายคน จําเลยปดประตูไมยอมคัน การตอสูขัดขวางของจําเลยไมเปนความผิด (ฎีกาท่ี 481/2491) การท่ีตํารวจเขาคนเพ่ือจับกุมจําเลยในทีรโหฐานโดยไมมีหมายคน และไมเขาขอยกเวน เปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ถือไมไดวาเปนการปฏิบัติการตามหนาท่ี แมจําเลย

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 6: panuggan

6

จะตอสูขัดขวางการจับกุมและทํารายตํารวจ การกระทําของจําเลยก็เปนการปองกันโดยชอบดวยกฎหมาย จําเลยไมมีความผิด (ฎีกาท่ี 2914/2537) ในการจับ หากเจาพนักงานใชกําลังเกินสมควร ใชวิธีจับท่ีรุนแรงเกินความเหมาะสม จึงไมชอบดวยกฎหมาย จําเลยชอบท่ีจะปองกันสิทธิของจําเลย ใหพนจากภยันตรายจากการจับได ไมเปนความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 689/2516 (ประชุมใหญ) การตอสูขัดขวาง ตองกระทําตอเจาพนักงานในการปฏิบัติหนาท่ีหรือผู ท่ีตองชวย เจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหนาท่ี สําหรับเจาพนักงานตองอยูในความหมายของคําวาเจาพนักงานและตองปฏิบัติตามหนาท่ี ซ่ึงกฎหมายใหอํานาจไวดวย เชน เจาพนักงานเขาไปโดยแสดงหมายคน จําเลยผลักและรองดาตํารวจดวย นอกจากผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงานเขาไปโดยแสดงหมายคน จําเลยผลักและรองดาตํารวจดวย นอกจากผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงานตามมาตรา 136 แลวยังเปนการขัดขวางเจาพนักงานดวย (ฎีกาท่ี 479/2536) ถาหากเปนการกระทํานอกหนาท่ีหรือยังไมมีหนาท่ีแลว ผูกระทําก็จะไมผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน เชน ขณะเกิดเหตุยังไมมีการทะเลาะวิวาท ตํารวจจึงยังไมมีหนาท่ีระงับเหตุ การท่ีจําเลยไปมีเรื่องกับตํารวจเปนการสวนตัวและมีการตอสูกันจึงยังไมผิดมาตรา 138 (ฎีกาท่ี 3178/2540) การท่ีตํารวจเขาไปชิงของกลางในบอนการพนันโดยไมไดจับตัวผูเลนการพนัน ไมใชเปนการปฏิบัติหนาท่ี ตํารวจจึงจะอางวาจําเลยตอสูขัดขวางไมได (ฎีกาท่ี 71/2538) อาสาสมัครรักษาดินแดนโดยลําพังตัวเองไมมีอํานาจในการจับกุม แตจะตองรวมกับพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ (พ.ร.บ.กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 มาตรา 29) เม่ือไมปรากฏวามีเจาพนักงานตํารวจรวมดวยในการจับกุม จึงไมถือวาเปนเจาพนักงาน ซ่ึงปฏิบัติการตามหนาท่ีตามประมวลกฎหมายอาญา (ฎีกาท่ี 7985/2540) สวนผูซ่ึงตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมาย หมายถึง บุคคลท่ัวไปท่ีเจาพนักงานเรียกใหชวยตามกฎหมาย คือ บุคคลท่ีมีกฎหมายบัญญัติวาบุคคลนั้น ๆ มีหนาท่ีตองชวย มิใชเขาชวยโดยอาสาสมัครเอง เชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 82 เจาพนักงานผูจัดการตามหมายจับจะขอความชวยเหลือบุคคลอ่ืน จัดการตามหมายจับนั้นได หรือตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 383 ผูถูกเรียกใหชวยเม่ือเกิดเพลิงไหมหรือสาธารณภัยอ่ืน สารวัตรกํานัน มีกฎหมายลักษณะปกครองทองท่ีบัญญัติใหมีหนาท่ีชวยกํานันในการรักษาความสงบเรียบรอยภายในเขตทองท่ีของตน หากมีการตอสูขัดขวางสารวัตรกํานันก็ถือวาเปนผูซ่ึงตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมาย (ฎีกาท่ี 1037/2503) การตอสูขัดขวางการปฏิบัติหนาท่ีตองกระทํากอนการปฏิบัติหนาท่ีของเจาพนักงานส้ินสุดลง ถาการปฏิบัติหนาท่ีเสร็จส้ินแลวจะมีการตอสูขัดขวางไมได

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 7: panuggan

7

การกระทําโดยเจตนานั้น คือ ผูกระทําจะมีความผิดไดเม่ือผูกระทํารูวาบุคคลท่ีตนตอสูหรือขัดขวางเปนเจาพนักงาน แตไมจําตองรูวาเจาพนักงานนั้นปฏิบัติการตามหนาท่ีชอบดวยกฎหมายหรือไม เชน ตํารวจเขาคนตัวจําเลยในท่ีเปล่ียวโดยไมแตงเครื่องแบบหรือแสดงหลักฐานวาเปนตํารวจกระทําการตามหนาท่ี และตางฝายตางไมรูจักกัน แมจําเลยชกตอยขัดขวางไมใหตํารวจคนเอาเงินหรือทรัพยสินของจําเลยไป ก็ไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน (ฎีกาท่ี 148/2513, 2608/2535) วรรค 2 เปนเหตุท่ีทําใหผูกระทําตองไดรับโทษหนักขึ้น ถากระทําโดยใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย การใชกําลังประทุษรายมีความหมายกวางกวาการทําราย การกอดจับ ผลักดึง อาจไมถึงขั้นทํารายเพราะไมมีบาดแผล แตก็อาจเปนการใชกําลังประทุษรายได : ดึงแขนของตํารวจ จับมือไวไมใหตํารวจขึ้นไปบนบันไดบานก็เปนการใชกําลังประทุษราย (ฎีกาท่ี 2186/2518) ตํารวจกระโดดขึ้นไปบนรถจําเลยเพ่ือจับกุมจําเลย จําเลยไมหยุด และไดขับรถสายไปมาขณะท่ีตํารวจอยูบนหลังคารถ เปนความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงานโดยใชกําลังประทุษราย (ฎีกาท่ี 2218/2536) ตํารวจคนอาวุธปนท่ีตัวจําเลย จําเลยใชมือกดอาวุธปนไมใหตํารวจดึงออกมาจากเอวเพ่ือยึดเปนของกลาง เปนการขัดขวางเจาพนักงานโดยใชกําลังประทุษราย (ฎีกาท่ี 9212/2539) จําเลยผลักและดันตํารวจแลวก็แยงถุงใสยาเสพติดจากมือตํารวจไป แลวก็เคี้ยวใสปากเพ่ือทําลายหลักฐาน จําเลยผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน โดยใชกําลังประทุษราย (ฎีกาท่ี 3850/2543) ความผิดฐานขมขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา 139 ขมขืนใจ หมายถึง การบังคับใจ อันเปนเหตุใหเจาพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาท่ี หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาท่ีโดยไมสมัครใจ ซ่ึงมาตรา 139 นี้เปนความผิดท่ีตองการผล กลาวคือ จะตองสามารถบังคับใหเจาพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาท่ี หรือทําใหเจาพนักงานละเวนการปฏิบัติการตามหนาท่ีจึงจะเปนผลสําเร็จ ถาไมบรรลุผลดังท่ีตั้งใจไวจะเปนแคพยายามกระทําความผิดฐานขมขืนใจเจาพนักงาน ซ่ึงการขมขืนใจนั้นผูกระทําความผิดไดกระทําไปโดยใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย คือแสดงออกใหเขาใจวาจะใชกําลังประทุษราย จะขูเข็ญดวยกิริยาวาจาทาทางก็ได และผูกระทําตองรูวาผูท่ีตนขมขืนเปนเจาพนักงาน การพูดขูเข็ญเจาพนักงานวา ถาไมใหประกันจําเลยจะจัดการใหถูกยายไปท่ีอ่ืน เชนท่ีเคยกระทํามาแลวกับผูบังคับกองคนหนึ่ง แตเรื่องยายยังไมแนใจ ฉะนั้นจึงจะเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝงศพเสีย เชนนี้เปนการขมขืนใจ ขูเข็ญเจาพนักงานใหถึงแกชีวิต เพ่ือใหเจาพนักงานกระทําการอันมิชอบดวยหนาท่ี (ฎีกาท่ี 920/2508) จําเลยพูดขูเข็ญพนักงานปาไมวา ถาไมปลอยไมท่ียึดอาจถูกฆาตาย เปนการขมขืนใจเจาพนักงานใหปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาท่ีหรือใหละเวนการปฏิบัติการ

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 8: panuggan

8

ตามหนาท่ี ตามมาตรา 139 แตผูเสียหายไมกลัว จึงเปนเพียงพยายาม (ฎีกาท่ี 2989/2537) ตํารวจจะจับผูขายของกีดขวางการจราจร ล. พูดวา ถาจับมีเรื่องแน แลวช้ีมือลักษณะขมขู พวกของ ล. 30-40 คน เดินเขาหาตํารวจ ตํารวจจึงไมกลาจับ ล. ผิดมาตรา 139 และ 140 (ฎีกาท่ี 1299/2530) การขมขืนใจเจาพนักงาน ใหคืนอาวุธปนของกลาง แตเจาพนักงานไมยอมคืนให การกระทําของจําเลยเปนพยายามขมขืนใจเจาพนักงานเทานั้น (ฎีกาท่ี 3536/2535) เหตุฉกรรจของมาตรา 138 วรรค 2 และมาตรา 139 ตามมาตรา 140 มาตรา 140 เปนเหตุฉกรรจท่ีผูกระทําผิดจะตองรับโทษหนักขึ้นถาการกระทําความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง หรือมาตรา 139 กระทําโดย

(1) โดยมีหรือใชอาวุธ หรือ (2) โดยรวมกระทําความผิดดวยกันตั้งแตสามคนขึ้นไป (มาตรา140 วรรคแรก) (3) โดยอางอํานาจอ้ังยี่หรือซองโจร ไมวาอ้ังยี่หรือซองโจรนั้นจะมีอยูหรือไม (มาตรา 140

วรรคสอง) (4) โดยมีหรือใชอาวุธปนหรือวัตถุระเบิด (มาตรา 140 วรรคทาย)

การยิงปนขึ้นฟาเพ่ือขูตํารวจมิใหจับกุม เปนการขัดขวางเจาพนักงานโดยมีหรือใชอาวุธ ตามมาตรา 138 วรรคสองและผิดเหตุฉกรรจตามมาตรา 140 วรรคทายดวย (ฎีกาท่ี 243/2509), ชักมีดตอสูหรือเง้ือจะฟน (ฎีกาท่ี 1166/2499), ตํารวจจับผูกระทําความผิดจะนําไปขึ้นรถ ล. กับพวกอีก 2 คน เขาโอบกอดตํารวจไว แลวแยงผูถูกจับหนีไป เปนการตอสูขัดขวางเจาพนักงานโดยรวมกันทําตั้งแต 2 คนขึ้นไป (ฎีกาท่ี 3243/2528) จําเลยกับพวกรวมกันชิงทรัพยรถจักรยานยนต ระหวางจําเลยหลบหนีถูกผูเสียหายกับพวกซ่ึงเปนตํารวจติดตามจับกุม จําเลยขับรถจักรยานยนตเขาขางทางและลมลง จําเลยลงจากรถจักรยานยนตแลวชักอาวุธปนส้ันเล็งมาทางผูเสียหายกับพวกเพ่ือขมขูใหผูเสียหายกับพวกทําการจับกุมจําเลย จําเลยจึงมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงานในการปฏิบัติการตามหนาท่ีโดยมีหรือใชอาวุธปนขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย ตามมาตรา 138 วรรค 2 มาตรา 140 วรรคแรก และวรรคสาม (ฎีกาท่ี 5249/2537) ขอสังเกต การกระทําความผิดตามมาตรา 138 และมาตรา 139 มีลักษณะใกลเคียงกัน จึงมีขอสังเกตดังนี้

1. การท่ีเจาพนักงานตํารวจจะจับกุมผูกระทําความผิดตามอํานาจหนาท่ี นายเอกทํารายตํารวจ เปนเหตุผูกระทําความผิดนั้นหลบหนีไปได ดังนี้ นายเอกมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงานโดยใชกําลังประทุษรายตามมาตรา 138 วรรคสอง

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 9: panuggan

9

2. ตํารวจจะจับผูท่ีกระทําความผิดตามหนาท่ี นายดําขูจะทํารายเจาพนักงานตํารวจและขูบังคับไมใหตํารวจจับผูกระทําความผิดจนตํารวจไมกลาจับ นายดํามีความผิดฐานขมขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา 139 แตถาตํารวจไมกลัวนายดําและจับผูกระทําความผิด นายดํามีความผิดฐานพยายามขมขืนใจเจาพนักงาน และเปนความผิดสําเร็จฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงานตามมาตรา 138 วรรคสอง

3. นายแดงขูบังคับใหตํารวจจับผูท่ีไมไดกระทําความผิด นายแดงมีความผิดฐานขมขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา 139 ความผิดฐานเปนคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา 143 มาตรานี้ประสงคลงโทษคนกลางซ่ึงเปนผูรับติดตอวิ่งเตนระหวางเจาพนักงานกับผูท่ีใหประโยชนถาลักษณะของการติดตอถึงขนาดใหสินบทแกเจาพนักงานก็มีความผิดฐานใหสินบนตามมาตรา 144 อีกสวนหนึ่ง มาตรานี้ประสงคลงโทษคนกลางซ่ึงเปนผูรับติดตอวิ่งเตนระหวางเจาพนักงานกับผูท่ีใหประโยชน ถาลักษณะของการติดตอถึงขนาดใหสินบนแกเจาพนักงานก็มีความผิดฐานใหสินบนตามมาตรา 144 อีกสวนหนึ่ง มาตรานี้ผิดเม่ือ (1) เรียก (2) รับหรือ (3) ยอมจะรับ ทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืน เปนการตอบแทนกับการท่ีตนจะจูงใจในเวลาภายหนาหรือไดจูงใจเจาพนักงานไปแลว และการจูงใจไดกระทํา (ก) โดยวิธีอันทุจริต (ข) โดยวิธีอันผิดกฎหมาย หรือ (ค) โดยอิทธิพลของตน การเกรงใจกันเปนพิเศษระหวางผูจูงใจกับเพนักงานก็เปนอิทธิพลอยางหนึ่ง (ฎีกาท่ี 1123/2509) แตถาเปนการเรียกเงินเพ่ือไปพูดกับภรรยาผูพิพากษา ใหอิทธิพลใหผูพิพากษานั้นตัดสินคดีเปนประโยชนแกตน ผูท่ีเรียกเงินยังไมมีความผิดฐานนี้ (ฎีกาท่ี 313/2490) คําวา “เพ่ือ” แสดงวาตองมีเจตนาพิเศษ คําวา “ทรัพยสิน” มีความหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 138 สวนคําวา “ประโยชน” หมายถึง ส่ิงอ่ืนท่ีไดผลแกผูรับไมจํากัดเฉพาะทรัพยสิน เชนการใหยศ เล่ือนขั้น การใหยืมเงินโดยไมคิดดอกเบ้ีย การใหรวมประเวณี การใหอยูบานโดยไมตองเสียคาเชา สําหรับการเรียกนั้น เม่ือเรียกก็เปนความผิดแลว ไมวาผูกระทําจะไดรับผลประโยชน ตอบแทนแลวหรือไม ไมเปนขอสําคัญ และเขาจะยอมใหหรือไมก็มิใชขอสําคัญ สวนการรับนั้นไมวาจะเกิดจากตนเองเรียกเอาหรือเขาเสนอใหก็ได นอกจากนี้เพียงแตเขาเสนอจะใหประโยชนแลวยอมจะรับ แมยังไมไดรับประโยชนก็มีความผิดตามมาตรานี้แลว

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 10: panuggan

10

1. การจูงใจหรือจะจูงใจพนักงานนี้ผูกระทํามีความประสงคใหเจาพนักงานกระทําการในหนาท่ีอันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หรือ

2. ใหเจาพนักงานไมกระทําการในหนาท่ีอันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด ท้ังนี้ ไมวาเจาพนักงานจะไดปฏิบัติหรืองดเวนไมปฏิบัติการตามหนาท่ี ตามท่ีจะจูงใจหรือไดจูงใจหรือไม คือ เม่ือเรียก รับยอมรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใดเปนการตอบแทนกับการท่ีจะจูงใจหรือไดจูงใจดังกลาวก็เปนความผิด สําเร็จบริบูรณ : การเรียกและเก็บเงินจากผูตองหา อางวาจะเอาไปใหพนักงานสอบสวนเพ่ือชวยใหพนคดีท่ีตองหา แมวาเจาพนักงานผูนัน้ไมมีตัวตน หรือผูเรียกไมตั้งใจจะเอาทรัพยเรียกไปใหเจาพนักงานนั้นเลยก็ไมใชสาระสําคัญ เปนการกระทําท่ีครบองคประกอบความผิดแลว เชน เรียกเงินไปโดยอางวาจะนําไปจูงใจผูพิพากษา ใหรอการลงโทษจําคุกให แมผูเรียกจะไมไดไปจูงใจผูพิพากษา และไมไดระบุช่ือผูพิพากษา ซ่ึงมีหนาท่ีพิจารณาคดีอาญา ก็ไมทําใหจําเลยพนผิด (ฎีกาท่ี 531/2523, 334/2526, 7695/2543) และแมแตเจาพนักงานท่ีจะไปจูงใจนั้นจะไดทํางานนั้นเสร็จไปแลว เทากับวาไมสามารถจูงใจไดก็ยังถือวาเปนความผิดตามมาตรา 143 เชน จําเลยท่ี 1 เรียกและรับเงิน 1 ลานบาทไปจากผูเสียหายเปนการตอบแทนในการท่ีจะจูงใจผูพิพากษาศาลฎีกาโดยวิธีอันทุจริต ใหกระทําการในหนาท่ีโดยพิพากษาคดีใหเปนคุณแกผูเสียหายใหชนะคดีในช้ันฎีกานั้น เปนการกระทําท่ีครบองคประกอบความผิดตามมาตรา 143 แลว จําเลยท่ี 1 จะไดไปจูงใจผูพิพากษาศาลฎีกาใหกระทําการในหนาท่ีเปนคุณแกผูเสียหายหรือไม หาใชองคประกอบของความผิดไม ดังนั้นแมศาลช้ันตนจะไดอานคําพิพากษาศาลฎีกาไปกอนท่ีจําเลยท่ี 1 จะไดเรียกและรับเงินจากผูเสียหาย จําเลยท่ี 1 ยอมไมสามารถจะจูงใจเจาพนักงานในตําแหนงผูพิพากษาฎีกาใหปฏิบัติหนาท่ีใหเปนคุณแกผูเสียหายไดทันก็ตาม ก็ไมทําใหการกระทําของจําเลยท่ี 1 ไมเปนความผิด (ฎีกาท่ี 4846/2536) (มีคําพิพากษาท่ีตัดสินทํานองเดียวกันคือ (ฎีกาท่ี 1332/2537) หรือแมผูถูกเรียกจะไมเช่ือ ไมมีเจตนาจะมอบเงินให เพียงแตหลอกใหรับเงินไวเปนหลักฐานการจับกุมก็ตาม ก็เปนความผิดสําเร็จ (ฎีกาท่ี 2571/2531) แตถาผูถูกอางไมใชเจาพนักงานท่ีมีหนาท่ีในการนั้นเลยผูเรียกก็ไมผิด เชน บอกวา จ.สามี ล. ท่ีจําเลยท่ี 2 พา น. ไปติดตอเพ่ือจะขอใหชวยวิ่งเตนให น. ชนะคดีในช้ันอุทธรณไมไดเปนผูพิพากษาศาลอุทธรณ จ. จึงไมใชเจาพนักงานท่ี ล. หรือจําเลยคนใดคนหนึ่งจะพึงจูงใจใหกระทําการหรือไมกระทําการในหนาท่ีโดยพิพากษาคดีในช้ันอุทธรณใหเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใดอันเปนองคประกอบความผิดตามมาตรา 143 ได อนึ่ง การหลอกลวงเรียกเงินไปแลวผูเรียกไมไดไปจูงใจเจาพนักงานตามท่ีเรียก นอกจากจะมีความผิดตามมาตรา 143 แลว ยังมีความผิดฐานฉอโกงตาม มาตรา 341 อยูดวย แตเนื่องจากผูท่ีถูกหลอกเปนผูใหเงินไปใหเจาพนักงาน จึงเปนผูท่ีมีสวนรวมในการกระทําความผิดอยูดวย จึงไมอาจเปนผูเสียหายในความผิดฐานฉอโกงซ่ึงเปนความผิดตอสวนตัวได คงมีอํานาจเพียงกลาวโทษใน

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 11: panuggan

11

ความผิดฐานเปนคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา 143 นี้ เพ่ือใหพนักงานสอบสวนดําเนินคดีเทานั้น แตถาในการหลอกลวงเอาเงินไมปรากฏวาการอางวาจะไปติดตอเจาพนักงานแตอยางใดก็เปนความผิดฐานฉอโกง เชน เรียกเงินอางวาเปนคาใชจายในการชวยใหไดเขาเรียน เขาทํางาน ไมไดอางวาจะไปจูงใจเจาพนักงาน เชน จําเลยเพียงแตหลอกลวงผูเสียหายวาจําเลยจะชวยติดตอใหผูเสียหายเขาทํางานเปนสารวัตรทหารไดโดยไมตองสอบเทานั้น ผูเสียหายเช่ือจึงใหเงินแกจําเลยไป ไมปรากฏวาผูเสียหายใหเงินจําเลยเพ่ือใหจําเลยนําไปใหขาราชการทหารคนใดกระทําการอยางใดอยางหนึ่งอันมิชอบดวยหนาท่ี จึงถือไมไดวาผูเสียหายใชใหผูใดกระทําผิดกฎหมาย ผูเสียหายจึงเปนผูเสียหายตามกฎหมาย (ฎีกาท่ี 1500/2536) จําเลยกับพวกเรียกเงินจากผูเสียหาย โดยบอกวาจะนําไปมอบให พลตํารวจโท ส. เปนคําตอบแทนในการท่ีจะใหบุตรชายของผูเสียหายบรรจุเขาเปนนายตํารวจไดโดยไมตองสอบ จะบรรจุเปนการภายใน เงินคาตอบแทนดังกลาวเปนคาตอบแทนอะไรผูเสียหายไมทราบ เปนเรื่องท่ีจําเลยจะนําไปจัดการ ตอมาบุตรผูเสียหายไมไดเขารับราชการกรมตํารวจ ดังนี้ การท่ีผูเสียหายมอบเงินใหจําเลยไปตามท่ีจําเลยกับพวกเรียกจากผูเสียหายในลักษณะดังกลาว เปนเรื่องยังไมแนชัดวาผูเสียหายใหเงินไปเพ่ือใหจําเลยกับพกนําไปใหเจาพนักงานเพ่ือจูงใจใหกระทําการใด ๆ โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดยอิทธิพลของจําเลยกับพวกใหกระทําการหรือไมกระทําการในหนาท่ีอันเปนคุณแกบุตรชายผูเสียหายจึงถือไมไดวาผูเสียหายไดรวมกับจําเลยและพวกนําสินบนไปใหแกเจาพนักงานเพ่ือจูงใจใหกระทําการอันมิชอบดวยหนาท่ี ผูเสียหายอมเปนผูเสียหายกฎหมาย มีสิทธิรองทุกขในดําเนินคดีแกจําเลยได (ฎีกาท่ี 2714/2535) ยอมเปนเปนผูเสียหายในความผิดฐานฉอโกงได (ฎีกาท่ี 2174/2530) ขอสังเกต การตั้งใจเพ่ือใหเจาพนักงานกระทําการตามหนาท่ี หรือไมกระทําการตามหนาท่ี ลักษณะของการกระทําตองเปนคุณหรือโทษแกบุคคลในบุคคลหนึ่ง ถาเปนคุณหรือโทษตอตัว เจาพนักงานเอง ผูกระทํายอมไมมีความผิดตามมาตรานี้ : การเบิกความของเจาพนักงานในฐานะพยาน เปนหนาท่ีอยางเดียวกับประชาชนท่ัวไป หาใชเปนหนาท่ีโดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการท่ีเปนเจาพนักงานผูจับกุมผูกระทําความผิดไม หนาท่ีท่ีตองเบิกความตามความสัตยจริง จึงไมเปนการกระทําในหนาท่ีของเจาพนักงานโดยเฉพาะดังนั้น แมจําเลยจะเรียกและรับเงินจากผูอ่ืนเพ่ือจูงใจ เจาพนักงานดังกลาวใหเบิกความผิดไปจากความจริง ก็ไมเปนความผิดตามมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 511/2516) ความผิดฐานใหสินบนเจาพนักงานตามมาตรา 144 การกระทําตามมาตรานี้เปนความผิดสําเร็จเม่ือไดให ขอให หรือรับรองวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด สวนเจาพนักงานจะไดไมกระทําการหรือประวิงการประทําอันมิชอบดวยหนาท่ี

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 12: panuggan

12

ตามประสงคหรือไม หรือเจาพนักงานจะรับทรัพยสินหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนนั้น ๆ หรือไมยอมไมสําคัญ ความสําคัญอยูท่ีมูลเหตชัุกจูงใจ หรือการให ขอใหหรือรับวาจะใหนั้นตองทําโดยมูลเหตุชักจูงใจหรือความมุงหมายท่ีจะจูงใจใหเจาพนักงาน 1. กระทํา 2. ไมกระทํา หรือ 3. ประวิงการกระทําอันมิชอบดวยหนาท่ี ในกรณีท่ีมีเหตุชักจูงใจท่ีจะจูงใจท่ีจะจูงใจใหเจาพนักงานกระทําการหรือไมกระทําการหรือประวิงการกระทําซ่ึงเปนการอันชอบดวยหนาท่ี บุคคลธรรมดาไมมีความผิด แตเจาพนักงานผูเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนนั้น ๆ ยอมมีความผิดตามมาตรา 149 ในกรณีท่ีใหสินบนแกเจาพนักงานท่ีพนอํานาจหนาท่ีไปแลวก็ไมเปนความผิด ; กํานันรายงานดังกลาวโทษจําเลยไปอําเภอ และอําเภอเรียกพยานไปทําการสอบสวนไปแลวพนอํานาจหนาท่ีของกํานันแลว จําเลยจึงใหเงินแกกํานันเพ่ือใหชวยติดตอกับพนักงานอําเภอ หรือพนักงานสอบสวนในคดีใหเสร็จไปในช้ันอําเภออยาใหถึงฟองศาล การกระทําของจําเลยเชนนี้ ไมเปนความผิดตามมาตรา 144 (ฎีกาท่ี 342/2506) บุตรถูกจับการพนันบิดขอใหผูสอบสวน “กรุณาใชดุลพินิจแบบปรัชญาทางเศรษฐกิจ ไมใหเสียเวลา 6 คน ๆ ละ 300 บาท เทากับ 2,000 บาท เปนคาบํารุงโรงพัก” เปนแคขอรองใหเปรียบเทียบปรับใหเสร็จไปไมผิดตามมาตรา 144, 167 (ฎีกาท่ี 3700/2529) จําเลยใหและรับวาจะใหเงินแกตํารวจผูจับกุมเพ่ือจูงใจใหเบิกความผิดไปจากความจริง ไมผิดตามมาตรา 144 เพราะไมใชการกระทําในหนาท่ี (ฎีกาท่ี 1262/2547) ความผิดฐานเจาพนักงานยักยอกทรัพยตามมาตรา 147 การกระทําตามมาตรานี้ไดแก กรณีท่ีเจาพนักงานผูมีหนาท่ี ซ้ือ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพยใด เบียดบังทรัพยนั้นเปนของตน หรือเปนของผูอ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมใหผูอ่ืนเอาทรัพยนั้นเสีย การเบียดบังเอาทรัพยนั้นเปนของตนเองหรือผูอ่ืน หมายความวา ผูกระทําผิดครอบครองทรัพยนั้นอยูตามหนาท่ี แลวเอาทรัพยนั้นเปนของตนหรือของผูอ่ืน การยอมใหผูอ่ืนเอาทรัพยนั้นเสีย หมายความวา ผูกระทําผิดยินยอมใหผูอ่ืนเอาทรัพยซ่ึงอยูในความครอบครองตามหนาท่ีดังกลาวไปจากตน ความผิดตามมาตรานี้เปนเรื่อง “เจาพนักงานยักยอกทรัพย” คือ เบียดบังทรัพยท่ีอยูในหนาท่ี หรือเอาตัวทรัพยนั้นเปนประโยชนสวนตัว แตถาไมมีหนาท่ีจัดการหรือรักษาทรัพยนั้นโดยชอบ ยอมไมเปนความผิดฐานนี้ เชน เปนพนักงานรถไฟมีหนาท่ีของตั๋วรับเงินคาตั๋วไวแลวยักยอกเสีย ผิดตามมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 148/2530) : พลทหารมีหนาท่ีขับรถ ยอมมีหนาท่ีรักษาน้ํามันรถดวย ถาใหคน

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 13: panuggan

13

อ่ืนดูดน้ํามันในรถไป โดยรับเงินไวเปนความผิดตามมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 341/2512) : ถาเปนลูกจางธรรมดาไมใชเจาพนักงาน ผิดยักยอกทรัพยธรรมดา (ฎีกาท่ี 146/2522) หรือถาไมไดทําในตําแหนงหนาท่ี เชน เสมียนอําเภอรับฝากเงินไวเปนการสวนตัว ไมผิดมาตรานี้แตเปนยักยอกทรัพยธรรมดา (ฎีกาท่ี 3031/2517) ; มีหนาท่ีรับเงินคาจดทะเบียนยานพาหนะรับเงินท่ีใหเกินคาธรรมเนียมมาดวยความสมัครใจ ไมใชเงินท่ีมีหนาท่ีรักษา ไมผิดมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 3401/2525) ; ตํารวจไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหใชและเก็บรักษาปนเพ่ือใชในการปราบปรามผูกระทําผิดเอาปนนั้นไปขายใหผูอ่ืน ผิดมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 744-745/2515) หรือถาเอาไปจํานําก็เปนการเบียดบังตามมาตรา 147 (ฎีกาท่ี 1264/2518) แตถาเอาไปจํานําช่ัวคราว พอเงินเดือนออกก็ไถคืนมาไมเปนการเบียดบัง (ฎีกาท่ี 1376/2482) ; ไมเก็บเงินใหตูนิรภัยตามระเบียบ หรือเอาเงินไปฝากพ่ีสาวไวเม่ือถูกตรวจพบก็เอามาคืนใน 2-3 วัน (ฎีกาท่ี 473/2527) ; เอาเงินในความรักษาของตนไปใหผูอ่ืนยืมไปใชกอน (ฎีกาท่ี 215/2518) ; รับเงินรายไดของราชการมาแลว ไมสงคลังตามระเบียบ ( ฎีกาท่ี 1507/2530) พระราชบัญญัติการส่ือสารแหงประเทศไทย พ.ศ. 2519 มาตรา 15 บัญญัติใหพนักงานของการส่ือสารแหงประเทศไทยเปนเจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา จําเลยดํารงตําแหนงเปนพนักงานการส่ือสารแหงประเทศไทยทําหนาท่ีเปนบุรุษไปรษณีย มีหนาท่ีเปดปดถุงไปรษณียภัณฑ และคัดเลือกไปรษณียภัณฑ ไดเบียดบังเอาจดหมายตางประเทศตนทางมาจากเยอรมันกับบราซิลเปนของจําเลยโดยทุจริต และตั้งใจหนวงเหนี่ยวไปรษณียภัณฑไว (ฎีกาท่ี 3485/2539) เหลานี้เปนการยักยอกตามมาตรานี้ คําพิพากษาฎีกาท่ี 2823 – 2824/2541) จําเลยเปนเจาพนักงานมีหนาทีทําเอกสารกรอกขอความลงในเอกสาร ดูแลรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงินและบัญชีเอกสารท่ีเกี่ยวของกับการเงินทุกประเภทของโรงเรียน พ. จําเลยไดกรอกขอความควบคุมดูแลเงินและลงลายมือช่ือของขาราชการหลายคนในสัญญารับรองการยืมเงินวาบุคคลเหลานั้นยืมเงินคาวัสดุอุปกรณและคาใชจายในกิจการของโรงเรียนอันเปนความเท็จและปลอมลายมือช่ือของผูอํานวยการโรงเรียนกับพวกเปนผูอนุมัติใหยืมเงิน อีกท้ังปลอมสัญญารับรองการยืมเงินของบุคคลดังกลาวโดยเพ่ิมขอความหรือแกไขตัวเลขใหสูงขึ้น แลวเบียดบังเงินสวนนั้นเปนของตนโดยทุจริต จําเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 161 และ 147 แตการท่ีจําเลยปลอมและใชเอกสารปลอมก็โดยมีเจตนาท่ีจะใชหลักฐานในการเบียดบังเงินเปนของตน การท่ีจําเลยเบียดบังเงินแตละครั้งจําเปนกรรมเดียวเปนความผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตามมาตรา 147 อันเปนบทหนักท่ีสุดตามมาตรา 90 แตถาผูกระทําไมมีเจตนาทุจริตยอมไมมีความผิด : จําเยเปนหัวหนางานไดขายซากเรือชํารุดใชการไมไดโดยเปดเผยและสุจริตใจ เพียงแตไมไดขออนุมัติขายตามระเบียบของทางราชการและจําเลยนําเงินท่ีขายไดไปซ้ือรถตัดหญาในราคาท่ีสูงกวาราคาท่ีขายเรือได 400 บาท ใหแกทาง

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 14: panuggan

14

ราชการในทันที การกระทําของจําเลยไมมีเจตนาเบียดบังเอาทรัพยของทางราชการเปนของตนหรือของผูอ่ืน ไมมีความผิดตามมาตรา 147 จึงไมตองคืนเงิน หรือใชราคาเรือแกทางราชการ (ฎีกาท่ี 1522/2536) ความผิดฐานเจาพนักงานใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบตามมาตรา 148 การกระทําไดแก การท่ีเจาพนักงานใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบขมขืนใจ หรือจูงใจเพ่ือใหบุคคลใดมอบใหหรือหามาใหซ่ึงทรัพยสินหรือประโยชนอันใดแกตนเองหรือผูอ่ืน การกระทําโดยมิชอบ เชน แกลงจับหรือแกลงคนผูท่ีมิไดกระทําความผิด แลวจะบังคับเอาเงิน มีความผิดตามมาตรานี้ ; ตํารวจจับคนท่ีขนแรมาโดยถูกตอง ขมขืนใจเรียกเอาเงิน (ฎีกาท่ี 2507/2515) ; ตํารวจแจงขอหาวาลักรถซ่ึงไมเปนความจริง เรียกเงิน 5,000 บาท ถาไมใหจะจับ เขายอมใหเงิน ผิดมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 3861/2528) ; จําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจมีอํานาจหนาท่ีจับกุมผูกระทําความผิดกฎหมายไดท่ัวราชอาณาจักร ใชอํานาจในตําแหนงแกลงกลาวหาผูเสียหายวากระทําความผิดกฎหมายไดท่ัวราชอาณาจักร ใชอํานาจในตําแหนงแกลงกลาวหาผูเสียหายวากระทําความผิดตอ พ.ร.บ. ปาไมฯ โดยผูเสียหายไมไดกระทําความผิด จําเลยกลาวหาเชนนั้นเพ่ือมิใหผูเสียหายขัดขวางในการทีจําเลยกับพวกยึดเอาเล่ือยยนตของผูเสียหายไป การกระทําของจําเลยถือวาเปนการขมขืนใจผูเสียหายใหยอมมอบใหทรัพยสินของผูเสียหายใหแกจําเลยกับพวกนั่นเอง จึงเปนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 148 (ฎีกาท่ี 1085/2536) ; จําเลยเปนราชการพลเรือนสังกัดมหาวิทยาลัย ร. มีหนาท่ีปฏิบัติงานชางเขียนแบบและปฏิบัติหนาท่ีอ่ืนตามท่ีไดรับมอบหมาย จําเลยไดรับแตงตั้งจากมหาวิทยาลัยใหมีหนาท่ีควบคุมและตรวจงานกอสรางท่ีพักสําหรับนักศึกษา แลวรายงานผลใหประธานกรรมการตรวจการจางทราบ ซ่ึงจําเลยอาจรายงานในทางใหคุณหรือใหโทษเกี่ยงงอนวางานงวดสุดทายท่ีจําเลยเรียกรองเงินจาก พ. ตัวแทนของผูรับจางในการท่ีจําเลยจะลงนามตรวจผานใหนั้นยังไมแลวเสร็จบริบูรณตามสัญญาจางก็ได ถือไดวา จําเลยใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบจูงใจเพ่ือให พ. ใหเงินดังกลาวแกจําเลย ถือไดวา จําเลยใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบจูงใจเพ่ือให พ. ใหเงิน ดังกลาวแกจําเลย อันเปนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 148 แลว แมจําเลยจะอางวาเรียกรองใหผูอ่ืนและไดมีการสงมอเงินใหจําเลยหลังจากท่ีคณะกรรมการตรวจการจางตรวจรับงานไวแลวก็ตาม (ฎีกาท่ี 3953/2530) ; จําเลยเปนตํารวจประจําอยูในกรุงเทพฯ พากันไปแกลงจับผูเสียหายท่ีจังหวัดนครนายก หาวาเลนการพนันสลากกินรวบขอคนบาน แลวงัดล้ินชักโตะหยิบเอาเงินและปนไปเพ่ือประโยชนแกตน ดังนี้ เปนความผิดตามมาตรา 148 แลว แมจําเลยจะหยิบเอาเงินและปนนั้นไปเองก็ดี แตเม่ือเปนเพราะเหตุท่ีจําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจ ผูเสียหายจึงไมกลาแยงคืน หรือเพราะผูเสียหายอาจจะเขาใจวาจําเลยเอาไปเปนวัตถุพยาน ดังนั้น จึงถือไดวาผูเสียหายไดมอบใหแกจําเลยตาม

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 15: panuggan

15

ความหมายของมาตรานี้ จําเลยมีความผิดตามมาตรา 148 แลว (ฎีกาท่ี 1389/2506 ประชุมใหญ) ; แมเขายังมิไดยอมตามนั้นก็เปนความผิดสําเร็จแลว (ฎีกาท่ี 798/2502) ; เพียงแตจูงใจใหเงินก็เปนความผิดได เชน จําเลยเปนพนักงานตรวจสอบภาษีรานคา แจงผูเสียหายวา ถูกตรวจสอบภาษีแลวยุงยากและเสียเงินมาก ถาเอาเงินมาใหจําเลย 4,000 บาท ก็ไมเรื่องอะไร เปนการจูงใจใหเขามอบใหหรือหามาใหซ่ึงทรัพยสินแลว (ฎีกาท่ี 1663/2513) เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ถาผูถูกจับกระทําความผิดจริง ผูจับจับตามอํานาจหนาท่ีแลว เรียกเงินเพ่ือใหปลอยตัว ไมผิดมาตรานี้ (แตผิดมาตรา 149) ความผิดฐานเจาพนักงานเรียกหรือรับสินบน ตามมาตรา 149 ตามมาตรานี้ คือ การท่ีเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสิน หรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืนโดยมิชอบ เพ่ือกระทําการหรือไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการนั้นจะชอบหรือมิชอบดวยหนาท่ี การกระทําตามมาตรานี้ อาจเริ่มตนโดยการใชอํานาจในตําแหนงโดยชอบแลวกลับทุจริต ถาเริ่มตนโดยใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบเปนเรื่องมาตรา 148 ถาจับมาโดยชอบ ตอมารูวามิใชผูกระทําความผิด จึงมีการเรียกหรือรับทรัพยสินเพ่ือปลอยตัวผูท่ีไมไดกระทําความผิดนั้นไป แมการปลอยตัวจะเปนการกระทําท่ีชอบดวยหนาท่ีก็มีความผิดตามมาตรานี้ หรือจับตัวผูกระทําความผิดจริงตามอํานาจหนาท่ีและรับเงินเพ่ือปลอยตัวไปอันเปนการกระทําโดยมิชอบหรือมิชอบดวยหนาท่ีก็ผิดท้ังนั้น นอกจากนี้มาตรา 148 ตองมีการเรียกเอาประโยชน สวนมาตรา 149 นี้ไมวาจะเรียก หรือไมไดเรียก เพียงแตรับหรือยอมจะรับประโยชน สวนมาตรา 149 นี้ ไมวาจะเรียก หรือไมไดเรียก เพียงแตรับหรือยอมจะรับประโยชน สวนมาตรา 149 นี้ ไมวาจะเรียก หรือไมไดเรียก เพียงแตรับหรือยอมจะรับประโยชนก็ผิดแลว การเรียกเงินเกินกวาคาธรรมเนียมท่ีตองเสียเปนการเรียกท่ีมิชอบ (ฎีกาท่ี 751 – 765/2500) ; เพียงแตเรียกก็เปนความผิดสําเร็จแลว แมจะยังไมไดทรัพยตามท่ีเรียก หรือแมจะมีการกลับกระทําการโดยชอบดวยหนาท่ีในภายหลังก็ตามถือวามีความผิดตั้งแตขณะเรียกแลวไมใชเพียงพยายาม (ฎีกาท่ี 1246/2510) สวนประโยชนท่ีเรียกเอาอาจเปนทรัพยสินอยางอ่ืนท่ีไมใชเงินก็ได เชน ขายของใหราคาถูกกวาจริงมาก หรือยึดอาวุธปนมีทะเบียนท่ีพกโดยไมมีใบอนุญาต แลวคืนปนให โดยใหผูถูกยึดชําระคาอาหารท่ีจําเลยกินเปนการตอบแทน ผิดมาตรา 149 (ฎีกาท่ี 410/2524) ; แมจะเรียกประโยชนใหแกผูอ่ืน เชน ออก น.ส.3 ใหราษฎร แลวใหภริยารับโอนท่ีดินมาขายแกราชการก็ผิดมาตรานี้ (ฎีกาท่ี 4903/2528) ; ปลัดอําเภอเรียกเงินคาธรรมเนียมการขอใบอนุญาตยื่นเกิน โดยวิธีขายบัตร เพ่ือเอา

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 16: panuggan

16

เงินไปสรางบานพักราชการก็เปนความผิดฐานนี้ได เพราะการขายบัตรเปนการกระทําโดยมิชอบ (ฎีกาท่ี 406-81/2498) ; การกระทําท่ีจะเปนความผิดตามมาตรา 149 ไมไดหมายความวาจะตองเรียกเอาทรัพยจากคนกระทําผิดเทานั้น การเรียกเอาจากผูเสียหายก็เปนความผิดตามมาตรา 149 ได : การท่ีจําเลยซ่ึงเปนเจาพนักงานมีอํานาจในการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมคนรายเรียกรับเงินจากผูเสียหายในคดีท่ีสามีผูเสียหายถูกคนรายฆาและชิงทรัพยไมมีสิทธิท่ีจะเรียกรับเพ่ือประโยชนของตนเองโดยมิชอบเพ่ือกระทําการในตําแหนงหนาท่ีจําเลยมีความผิดตามมาตรา 149 (ฎีกาท่ี 1338/2538) ; พฤติการณท่ีจําเลยจับกุมผูเสียหายในขอหาลักทรัพยของ ส. แลวใหผูเสียหายลงลายมือช่ือในบันทึกการจับกุม จากนั้นนําผูเสียหายไปควบคุมไวท่ีสถานีตํารวจประมาณ 30 นาที จึงเรียกรองเอาเงินจากผูเสียหาย เพ่ือแลกเปล่ียนกับการปลอยตัวไมดําเนินคดี โดยนําผูเสียหายออกมาโทรศัพทหา ก. ภรรยาผูเสียหาย ตอมาเม่ือจําเลยไดรับเงิน 3,000 บาท จากผูเสียหายแลวจึงปลอยผูเสียหายไปนั้น เปนกรณีไมกระทําการในตําแหนงโดยมิชอบดวยหนาท่ี จําเลยมีความผิดตามมาตรา 149 เม่ือการกระทําของจําเลยเปนความผิดตามมาตรา 149 ซ่ึงเปนบทเฉพาะแลว ยอมไมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซ่ึงเปนบทท่ัวไปอีก แมวาการกระทําของจําเลยจะเขาหลักเกณฑอันเปนองคประกอบความผิดมาตรา 157 ดวยก็ตาม (ฎีกาท่ี 1749/2545) ถาผูท่ีรวมเรียกดวยไมใชเจาพนักงานผูมีอํานาจหนาท่ีก็เปนเพียงผูสนับสนุนการกระทําความผิดฐานเรียกสินบนนี้

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 17: panuggan

17

บรรณานุกรม

กฎหมายสําหรับตํารวจ กองกํากับการ โรงเรียนนายรอยตํารวจ จิตติ ติงศภัทิย. (2526). กฎหมายอาญา ภาค 2 ตอน 1. กรุงเทพฯ : กรุงสยาม พริ้นติ้ง กรุฟ จํากัด. ตํารวจภูธร ภาค ๙ สํานักงานตํารวจแหงชาติ. (2536). คูมือตํารวจ เลม 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพตํารวจ. บุญเพราะ แสงเทียน. (2546). กฎหมายอาญา 2 (ภาคความผิด) แนวประยุกต. กรุงเทพฯ : บริษัทจูน

พับลิชช่ิง จํากัด. วินัย เลิศประเสริฐ. (2536). วิธีไลสายกฎหมายอาญา เลม 4. กรุงเทพฯ : อินเตอรบุคส. วิสาร พันธุนะ. (2547). เอกสารการสอนชุดวิชา กฎหมายอาญา 2 ภาคความผิด. พิมพครั้งท่ี 14

กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 18: panuggan

18

คํานํา

บทความทางวิชาการ เรื่อง “ความผิดตอเจาพนักงาน และความผิดตอตําแหนงหนาท่ีราชการ” นี้มีเจตนารมณเพ่ือใหเปนเอกสารสนับสนุนความรูเพ่ิมเติมประกอบการเรียนของนักเรียนนายสิบตํารวจและใชประกอบการเรียนรวมกับหนังสือคูมือของนักเรียนนายสิบตํารวจ อีกเลมหนึ่งเพ่ือใหไดความเขาใจชัดเจนยิ่งขึ้น แนวเนื้อหาจึงจัดใหมีคําพิพากษาฎีกาไวเพ่ือใหนักเรียน นายสิบตํารวจไดเปรียบเทียบคําพิพากษาฎีกา เพ่ือใชกับขอเท็จจริงไดถูกตอง เปนประโยชนในการปฏิบัติหนาท่ีตอไป กระผมขอขอบคุณ กองบังคับการวิชาการโรงเรียนนายรอยตํารวจ พันตํารวจโทสรรชัย สันทัดพรอม และพันตํารวจโทหญิง ธนพร วุฒิกรวิภาค อาจารยกฎหมายของโรงเรียนนายรอยตํารวจ ท่ีไดใหขอมูลขอกฎหมาย และเนื้อหาในการดําเนินการจัดทําบทความทางวิชาการครั้งนี้ และกระผมหวังเปนอยางยิ่งวาบทความทางวิชาการนี้จะเปนประโยชนตอนักเรียนนายสิบตํารวจ ประชาชนและสวนหนึ่งจะเก็บไวในหองสมุดของศูนยฝกอบรมตํารวจภูธรภาค 2 สําหรับผูสนใจศึกษาคนควาตอไป พันตํารวจโท สินาท โสตถิปณฑะ พฤษภาคม 2551

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 19: panuggan

19

สารบัญ หนา

คํานํา ....................................................................................................................................... ก สารบัญ ................................................................................................................................... ข ความผิดตอเจาพนักงานและความผิดตอตําแหนงหนาท่ีราชการ ............................................ 1 ความผิดฐานดูหม่ินเจาพนักงานตามมาตรา 136 ..................................................................... 1 ความผิดฐานแจงความเท็จตามมาตรา 137 ............................................................................... 3 ความผิดฐานตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงานตามมาตรา 138 ..................................................... 4 ความผิดฐานขมขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา 139 ................................................................... 7 ความผิดฐานเปนคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา 143 ........................................................ 9 ความผิดฐานใหสินบนเจาพนักงานตามมาตรา 144 ................................................................ 11 ความผิดฐานเจาพนักงานยักยอกทรัพยตามมาตรา 147 ........................................................... 12 ความผิดฐานเจาพนักงานใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบตามมาตรา 148 ............................. 14 ความผิดฐานเจาพนักงานเรียกหรือรับสินบนตามมาตรา 149 .................................................. 15

บรรณานุกรม 17

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.

Page 20: panuggan

20

บทความทางวิชาการ

เรื่อง ความผิดตอเจาพนักงาน และความผิดตอตําแหนงหนาท่ีราชการ

โดย พันตํารวจโท สินาท โสตถิปณฑะ

เพื่อใชเปนเอกสารประกอบการเรียนการสอน วิชากฎหมายอาญา หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (เรงรัด)

ศูนยฝกอบรมตํารวจภูธรภาค 2

Created with novaPDF Printer (www.novaPDF.com). Please register to remove this message.