Upload
pornteera-plaiduang
View
229
Download
3
Embed Size (px)
DESCRIPTION
Thai painting on fabric ,Buddha's biography ,Analysis
Citation preview
พระบฏ : พุทธประวัติ
พรธีรา พลายด้วง
พระบฏ : พุทธประวัติ
พรธีรา พลายด้วง
วัดกาญจนาราม (ทุ่งอ่วน) จังหวัดแพร่
คติและการสร้างผ้าพระบฏ ในพจนานกุรมฉบบัราชบณัฑติสถานได้ให้ค�าจ�ากดัความของค�าว่า“บฏ”
หมายถึงผ้าทอผืนผ้าพระบฏคือผืนผ้าที่ทีรูปพระพุทธเจ้าเป็นต้นแขวนไว้เพื่อ
บูชามีรากศัพท์ในภาษาบาลีว่าปฏ(อ่านว่าปะ-ตะ)
การสร้างพระบฏในคตดิัง้เดมิเป็นการประดบัหรือแขวนห้อยภายในศาสน-
สถาน เพื่อประโยชน์ของการตกแต่งและสั่งสอนแก่พุทธศาสนิกชน และเป็นการ
ถ่ายทอดเรื่องราวในพระพุทธศาสนา จึงเป็นคตินิยมของพุทธศาสนิกชนในระยะ
เวลาต่อมาที่ต้องการสืบทอดพระศาสนาและอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับและที่
ส�าคัญเพือ่เป็นอานสิงส์แก่ตนเองและบคุคลในครอบครัวเมือ่ตายไปแล้วจะได้ขึน้
สวรรค์และอยู่ในพระศาสนาพระศรีอริยเมตไตรยที่ด้านล่างของผืนผ้าพระบฏจึง
มกัปรากฏข้อความกล่าวถงึผูส้ร้างและปีทีส่ร้างแต่การสร้างพระบฏในระยะหลงัๆ
นั้นเปลี่ยนไป นอกจากจะท�าถวายวัดเพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลแล้ว ยังมีไว้เพื่อบูชา
สกัการะภายในบ้านเมือ่ความต้องการมมีากพระบฏจงึเริม่กลายเป็นงานพทุธศลิป์
เชงิพาณชิย์เนือ่งจากมกีารซือ้ขายซึง่เป็นสาเหตท่ีุท�าให้พระบฏเปล่ียนแปลงไปท้ัง
รปูแบบวสัดุและเร่ืองราวทีเ่ขยีนทีข่ึน้อยูก่บัความนยิมและความต้องการของตลาด
ตั้งแต่พุทธศักราช๒๕๔๑เป็นต้นมาการท�าพระบฏเปลี่ยนแปลงไปมากจากเดิม
ที่เขียนลงบนผืนผ้า เปลี่ยนเป็นการเขียนแล้วพิมพ์ลงบนกระดาษขนาดเล็กแต่ยัง
เรียกว่าพระบฏอยู่เช่นเดิม
๒ พระบฏ : พุทธประวัติ
พระบฏในล้านนา ในคติทางภาคเหนือนิยมสร้างตุง หรือ ธง ประดับในงานเทศกาลและ
งานพิธีต่างๆทั้งงานมงคลและอวมงคลโดยมีวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายหลาย
ประการ คือ เพื่อเป็นพุทธบูชา สร้างกุศลให้ตนเองและอุทิศส่วนกุศลให้แก่
ผู้ล่วงลับไปแล้วและจะได้ขึ้นสวรรค์
-เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองศาสนสถานศาสนวัตถุต่างๆหรือสิ่งของที่เป็น
สาธารณะประโยชน์
- เพื่อการสะเดาะห์เคราะห์ขจัดภัยพิบัติต่างๆให้หมดไป โดยเฉพาะภัย
ที่เชื่อว่า เกิดจากภูตผีปีศาจ หรือบาปกรรมทั้งหลาย ด้วยการต่ออายุหรือสืบ
ชะตา
- เพื่อใช้ในทางไสยศาสตร์ ท�าเสน่ห์ บูชาผีสางเทวดา และเพื่อใช้ใน
พิธีกรรมและเทศกาลต่างๆ เช่นพิธีสวดพระพุทธมนต์พิธีสืบชะตาการตั้งธรรม
หลวงงานปอยหลวงทอดกฐินประเพณีสงกรานต์และประเพณีเกี่ยวกับคนตาย
เป็นต้น
ภาพจิตรกรรมผ้าพระบฏวัดกาญจนาราม จ.แพร ่ ผ้าพระบฏวัดกาญจนาราม จ�านวน ๓๖ผืน เขียนเรื่องพุทธประวัติ
จ�านวน ๒๔ ผืน และเขียนเรื่องพระเวสสันดรชาดก จ�านวน ๑๒ ผืน
จากการส�ารวจและเกบ็ข้อมลูเป็นภาพทีเ่ขยีนพทุธประวัติตัง้แต่ประสูติ
จนถงึแจกธาตพุระพทุธองค์ซึง่ได้เทยีบเคยีงข้อมลูภาพพระบฏกบัหนงัสือสมดุภาพ
พระพุทธประวัติ ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนาโดยครูเหมเวชกร
มีรายละเอียดดังนี้
พระบฏ : พุทธประวัติ ๓
ผืนที่ ๑ " ประสูติ " ขนาด ๖๘ x ๘๑ เซนติเมตร พระนางสริมิหามายาพร้อมเหล่าข้าราชบรพิารเสด็จไปท่ีเมอืงเทวทหนคร
บ้านเกดิของพระนางแต่ระหว่างทางเมือ่เสดจ็ถงึพระราชอทุยานลมุพนิวีนัพระนาง
ทรงประชวรพระครรภ์และได้ประสตูพิระราชโอรสภายใต้ร่มไม้สาละในตอนสาย
ของวันนั้นพอประสูติแล้วพระราชโอรสได้ทรงด�าเนินด้วยพระบาท๗ก้าวมีดอก
บัวรองรับพระบาทในแต่ละก้าว
๔ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๒ " แรกนาขวัญ " ขนาด ๗o x ๘๒ เซนติเมตร ตามขนบธรรมเนียมของเหล่าศากยวงศ์สมัยนั้นทุกๆปีจะมีพิธีแรกนาขวัญ
เพื่อความอุดมสมบูรณ์พืชพันธุ์ธัญญาหารพระเจ้าสุทโธทนะได้พาเจ้าชายสิทธัตถะไป
ทอดพระเนตรพระราชพิธีแรกนาขวัญด้วย
ขณะเจ้าชายสิทธัตถะประทับใต้ต้นไม้เพียงล�าพัง ทรงก�าหนดลมหายใจเข้า
ออกจนจิตเป็นสมาธิและบังเกิดสิ่งอัศจรรย์คือเงาไม้ไม่ได้เคลื่อนไปตามกาลพระเจ้า
สุทโธทนะเห็นดังนั้นก็ทรงเลื่อมใสถวายบังคมพระโอรส
พระบฏ : พุทธประวัติ ๕
ผืนที่ ๓ " สมโภชพระกุมาร " ขนาด ๗o x ๘๒ เซนติเมตร อสติดาบสซึง่เป็นทีน่บัถอืของราชสกลุทราบข่าวประสตูพิระราชโอรสจงึ
เข้ามาเยีย่มพระเจ้าสทุโธทนะทรงต้อนรับและได้อุม้พระราชโอรสออกมาเพือ่จะ
ให้นมัสการพระดาบสพระดาบสเหน็พระราชโอรสมลีกัษณะต้องด้วยต�าหรบัมหา
บุรุษลักษณะเป็นมหัศจรรย์ได้กราบลงที่พระบาทของพระราชโอรสและท�านาย
ว่าถ้าอยูค่รองฆราวาสจะได้เป็นจกัรพรรดริาชถ้าทรงผนวชจะได้เป็นพระอรหนัต์
สัมมาสัมพุทธเจ้า
๖ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๔ " ยกธนู " ขนาด ๗๒ x ๘๒ เซนติเมตร
เมื่อพระสิทธัตถะมีพระชนม์เจริญขึ้น ได้ทรงเข้าศึกษาในส�านักครูวิศวา-
มิตร ทรงเรียนรู้ได้รวดเร็ว จนจบสิ้นความรู้ของอาจารย์ได้ทรงยกศรแสดงศิลปะ
ธนู ซึ่งถือว่าเป็นศิลปศาสตร์ส�าคัญส�าหรับกษัตริย์ ในท่ามกลางพระบรมวงศานุ-
วงศ์และเสวกามาตย์ราชบริพาร
พระบฏ : พุทธประวัติ ๗
ผืนที่ ๕ " อภิเษกสมรส " ขนาด ๗o x ๘o เซนติเมตร เมื่อพระสิทธัตถะมีพระชนมายุได้๑๖พรรษาพระราชบิดาเห็นว่าควรที่
จะมีพระชายาได้แล้วจงึตรสัไห้สร้างปราสาทข้ึน๓หลงัเพือ่เป็นทีป่ระทบัของพระ
ราชโอรสแต่ละฤดูใน๓ฤดกูาลแล้วได้ตรสัขอพระนางยโสธราหรือพมิพาราชธดิา
ของพระเจัาสุปปพุทธะกับพระนางอมิตามาอภิเษกเป็นพระชายาพระสิทธัตถะ
ประทับอยู่ในปราสาททั้ง๓นั้นบ�าเรอด้วยดนตรีซึ่งล้วนแต่สตรีประโคมเสวยสุข
ในโลกียสมบัติทั้งกลางวันกลางคืน
๘ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๖ " เทวทูตทั้ง ๔ " ขนาด ๗๒ x ๘๑ เซนติเมตร
วันหน่ึงขณะพระสิทธัตถะเสด็จประพาสพระราชอุทยานโดยรถม้า
พระที่นั่งระหว่างทางได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต๔คือคนแก่คนเจ็บคนตาย
และสมณะซึ่งเทวดาได้นิมิตไว้ทรงสลดสังเวชพระหฤทัยยิ่งนักด้วยทรงพิจารณา
เห็นว่าทุกคนล้วนต้องแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น
พระบฏ : พุทธประวัติ ๙
ผืนที่ ๗ " หนีออกบรรพชา " ขนาด ๗๒ x ๘๒ เซนติเมตร
ดกึสงดัคนืหนึง่พระองค์ทรงตืน่บรรทมทอดพระเนตรเห็นพวกนางสนม
นอนหลบัเกล่ือนกลาดบ้างอ้าปากกดัฟันน�า้ลายไหลบ้างผ้านุง่หลดุบ้างกอดพณิ
ละเมอบ้างกลิ้งพลิกตัวไปมาบังเกิดความเบื่อหน่ายระอาโลกีย์วิสัยยิ่งนักจึงตัด
พระทัยระงับความเสน่หาในพระนางพิมพาและพระโอรสซึ่งบรรทมหลับสนิทอยู่
เสด็จออกจากห้องบรรทมรับสั่งให้นายฉันนะเตรียมม้าส�าหรับเสด็จ
๑o พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๘ " ทรงม้ากัณฑกะ " ขนาด ๗๑ x ๘๑ เซนติเมตร พระสิทธัตถะทรงม้าชื่อกัณฐกะ เสด็จออกจากพระราชวังในคืนนั้นมี
นายฉันนะมหาดเล็กตามเสด็จด้วยจนกระท่ังถึงแม่น�้าอโนมาเขตกั้นพรมแดน
ระหว่างแคว้นสักกะและแคว้นมคธ
พระบฏ : พุทธประวัติ ๑๑
ผืนที่ ๙ " ตัดพระเมาฬี " ขนาด ๖๗ x ๘o เซนติเมตร
ทีร่มิผัง่แม่น�า้อโนมาพระสทิธตัถะทรงใช้พระขรรค์ตดัพระเมาลีถอืเพศเป็น
บรรพชติทรงมอบเครือ่งภษูาทรงและม้ากณัฐกะให้นายฉนันะน�ากลบัไปยงัพระนคร
กบิลพัสดุ์ และกราบทูลให้พระบิดาและพระมารดาทรงทราบ เมื่อนายฉันนะ
ได้ทราบดังนั้นก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก
๑๒ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๑o " บ�าเพ็ญทุกรกิริยา " ขนาด ๖๙ x ๘o เซนติเมตร พระองค์ได้เสดจ็ถงึต�าบลอรุเุวลาเสนานคิมมนีกับวช๕คน(ปัญจวคัคย์ี)
ได้มาเฝ้าปรนนิบัติ ด้วยหวังว่าเมื่อพระองค์ ตรัสรู้แล้ว จักแสดงธรรมโปรดพวก
ตนบ้างพระองค์ทรงบ�าเพ็ญทุกรกิริยาทรมานพระกายด้วยประการต่างๆแต่ก็
มิได้ตรัสรู้อย่างใดจีงแน่พระทัยว่าทุกรกิริยาที่พระองค์ได้บ�าเพ็ญอย่างมิใช่ทาง
แห่งการตรัสรู้แน่นอนท้าวสักกะได้ดีดพิณสามสายถวายเสียงพิณจะไพเราะต่อ
เมื่อขึ้นสายพอดีไม่ตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป
พระบฏ : พุทธประวัติ ๑๓
ผืนที่ ๑๑ " อธิษฐานบาตร " ขนาด ๗o x ๘o เซนติเมตร หลงัจากตรสัรู้พระพทุธเจ้าได้เสดจ็ไปประทับนัง่เสวยวมิตุติสขุอยูท่ีใ่ต้ต้น
เกตุมพ่ีอค้า๒คนชือ่ตปสุสะและภลัลกิะได้น�าข้าวสัตตุผงข้าวสัตตุก้อนเข้าไป
ถวายตอนนัน้พระองค์ยงัไม่มบีาตรท้าวจาตมุหาราช๔องค์ต่างน�าบาตรศลิาองค์
ละใบเข้าไปถวายพระองค์ทรงรบับาตรทัง้๔และอธษิฐานรวมเป็นใบเดยีวกันแล้ว
ทรงใช้บาตรนัน้รบัข้าวสตัตทุีพ่่อค้าทัง้สองถวายเมือ่พระองค์เสวยเสร็จแล้วพ่อค้า
ทั้งสองได้กราบทูลแสดงตนเป็นอุบาสก
๑๔ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๑๒ " นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส " ขนาด ๗o x ๘o เซนติเมตร
ขณะทีพ่ระองค์ประทับน่ังอยูใ่ต้ต้นโพธ์ินางสชุาดาบตุรสาวคฤหบดีได้น�า
ข้าวมธปุายาสใส่ถาดทองมาถวายโดยเข้าใจว่าพระองค์เป็นรกุขเทวาทีบ่นัดาลให้
นางได้บุตรชายสมปรารถนาตามที่ได้บนบานไว้หลังจากเสวยข้าวมธุปายาสแล้ว
ได้เสดจ็ไปลอยถาดทองท่ีรมิฝ่ังแม่น�า้เนรญัชราแล้วประทบัพกัผ่อนทีใ่ต้ร่มไม้สาละ
จนเย็นจึงเสด็จกลับไปที่ต้นโพธิ์
พระบฏ : พุทธประวัติ ๑๕
ผืนที่ ๑๓ " พราหมณ์โสตถิยะได้ถวายหญ้าคา " ขนาด ๗o x ๘o เซนติเมตร ระหว่างทางพราหมณ์โสตถิยะได้ถวายหญ้าคาพระองค์ได้น�ามาปูลาดที่
โคนต้นโพธิ์เป็นอาสนะประทับนั่งขัดสมาธิ
๑๖ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๑๔ " ชนะมาร " ขนาด ๗๑ x ๘๑ เซนติเมตร
พระยามารได้ยกพลเสนามารมาผจญ (เปรียบได้กับโลกียกิเลสทั้งหลาย
ปรากฏขึ้นในพระทัย) แสดงฤทธิ์ประการต่างๆ เพื่อขัดขวางมิให้พระองค์บรรลุ
พระสมัโพธญิาณตามทีไ่ด้ทรงตัง้พระทยัไว้นัน้ได้พระองค์มไิด้ทรงหวัน่ไหวคงด�ารง
พระทยัมัน่ร�าลกึถงึพระบารมี๑๐ทศัทีท่รงบ�าเพญ็มาโดยมพีระแม่ธรณเีป็นพยาน
ท�าให้กองทัพพระยามารแตกพ่ายไป
พระบฏ : พุทธประวัติ ๑๗
ผนืท่ี ๑๕ " ปฐมเทศนาโปรดปัญจวคัคย์ี " ขนาด ๗๑ x ๗๙ เซนติเมตร วันขึ้น๑๕ค�่าเดือน๘พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่ปัญจวัคคีย์อันเป็น
ปฐมเทศนาชือ่ว่าธมัจกักปัปวัตตสตูรสาระส�าคญัท่ีทรงเทศนากค็อืมชัฌมิาปฏปิทา
๑๘ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผนืที ่ ๑๖ " พระพทุธเจ้าประทบัท่ีสวนมะม่วง " ขนาด ๗o x ๘o เซนตเิมตร นายจุนทะเป็นลูกนายช่างทองได้ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าพร้อมด้วย
พระสงฆ์บรวิารเสดจ็มาพกัอยูท่ีส่วนมะม่วงของตนกอ็อกไปเฝ้าและฟังธรรมฟังจบ
นายจุนทะจึงกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปรับ
ภัตตาหารที่บ้านของตนในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น
พระบฏ : พุทธประวัติ ๑๙
ผืนที่ ๑๗ " ปัจฉิมบิณฑบาต " ขนาด ๖๙ x ๗๙ เซนติเมตร นายจนุทะได้ถวายอาหารพระพทุธเจ้าและพระสงฆ์ทีบ้่านของตนอาหาร
อย่างหนึง่ทีน่ายจุนทะปรงุถวายพระพทุธเจ้าในวนันีม้ชีือ่ว่าสูกรมทัทวะพระพุทธ-
เจ้าทรงแสดงธรรมให้นายจุนทะและเสด็จต่อไปยังเมืองกุสินาราต่อไป
๒o พระบฏ : พุทธประวัติ
ผนืท่ี ๑๘ " โปรดให้พระอานนท์ตกัน�า้ถวาย " ขนาด ๗o x ๘o เซนตเิมตร ระหว่างทางเสดจ็ไปเมอืงกสุนิารามแีม่น�า้เลก็ๆมนี�า้ไหลพระพทุธเจ้าแวะ
ลงข้างทางเข้าประทบัใต้ร่มไม้แล้วตรสัให้พระอานนท์น�าบาตรไปตกัน�า้ในแม่น�า้
แต่พระอานนท์กราบทูลว่าแม่น�า้ตืน้เขินน�า้ในแม่น�า้ขุน่แล้วกราบทลูเชญิไปประทบั
ทีแ่ม่น�า้กุกกุฏนทซีึง่มแีม่น�า้ใสกว่าแต่พระพทุธเจ้าตดัปฎเิสธพระอานนท์จงึอุม้บาตร
เดินลงไปตักน�้าในแม่น�้าครั้นเข้าไปใกล้เพื่อจะตักน�้ากลับใสไม่ขุ่นมัวสร้างความ
อัศจรรย์ใจให้แก่พระอานนท์เป็นอย่างมาก
พระบฏ : พุทธประวัติ ๒๑
ผืนที่ ๑๙ " เสด็จปรินิพพาน " ขนาด ๖๙ x ๘o เซนติเมตร วันขึ้น๑๕ต�่าเดือน๖เป็นวันครบก�าหนดที่พระองค์ทรงปลงอายุสังขาร
พระองค์เสดจ็สหีไสยาสน์บนพระแท่นซึง่พระอานนท์ปลูาดจัดถวายไว้ทีใ่ต้ต้นรังคู่
พระองค์ได้ตรสัปัจฉมิโอวาทว่า"ภกิษทุัง้หลายบดันีเ้ราจักเตือนพวกเธอทัง้หลาย
ว่าสงัขารทัง้หลายมคีวามเสือ่มไปเป็นธรรมดาพวกเธอทัง้หลายจงยงัประโยชน์ตน
และผูอ่ื้นให้ถงึพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถดิ"แล้วกไ็ม่ตรสัอะไรอกีเลยจนกระทัง่
ปรินิพพาน
๒๒ พระบฏ : พุทธประวตัิ
ผนืที ่ ๒o " อาชวีกบอกข่าวปรนิพิพาน " ขนาด ๖๙ x ๗๘ เซนตเิมตร พระมหากสัสปะเดนิทางมาพร้อมด้วยพระสงฆ์หลายร้อยรูปมาถงึเมอืง
ปาวาขณะนัน้ท่านเหน็อาชวีกคอืนกับวชนอกศาสนาพุทธคนหนึง่เดินสวนทางมา
จากเมอืงกสุนิารามอืถือดอกมณฑารพพระมหากสัสปะจงึถามข่าวถงึพระพทุธเจ้า
อาชีวกตอบว่าพระสมณโคดมนั้นนิพพานได้เจ็ดวันแล้วแล้วชูดอกมณฑารพให้ด ู
ว่าตนเกบ็ได้จากสถานทีท่ีพ่ระพุทธเจ้าปรนิพิพานดอกมณฑารพตามต�านานว่าเป็น
ดอกไม้สวรรค์ออกดอกและบานในเวลาคนส�าคัญของโลกมีอันเป็นไป
พระบฏ : พุทธประวัติ ๒๓
ผนืท่ี ๒๑ " พระมหากสัสปะไหว้พระศพ " ขนาด ๗o x ๘o เซนตเิมตร พอได้เวลาจดุไฟต�านานว่าจดุเท่าไรไฟกไ็ม่ตดิเจ้าหน้าทีท่างบ้านเมอืงจึง
เรยีนถามพระอนรุทุธ์(พระอนรุทุธ์มศีกัด์ิเป็นพระอนชุาของพระพทุธเจ้าเป็นพระ
สาวกได้ส�าเรจ็อรหนัต์)พระอนรุทุธ์จงึแจ้งให้ทราบว่าเป็นเพราะเทพเจ้าต้องการให้
รอพระมหากัสสปซึง่ก�าลงัเดนิทางมายงัไม่ถงึได้ถวายบงัคมพระศพเสียก่อนต่อมา
เมื่อพระมหากัสสปพร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารเดินมาถึง ได้ถวายบังคมพระศพ
พระพุทธเจ้าแล้วจึงเกิดเพลิงทิพย์ด้วยเทวาฤทธานุภาพ
๒๔ พระบฏ : พุทธประวัติ
ผืนที่ ๒๒ " ถวายพระเพลิง " ขนาด ๖๙ x ๘o เซนติเมตร ภายหลงัจากนัน้เพลงิได้ไหม้พระสรรีะของพระพทุธเจ้าจนหมดสิน้เหลอื
อยู่แต่พระอัฐิพระเกศาพระทนต์และผ้าอีกคู่หนึ่งพระพวกมัลลกษัตริย์ได้น�า
น�้าหอมหล่ังลงดับถ่านไฟที่จิตกาธานแล้วเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐาน
ไว้ที่สัณฐานคารศาลา คือหอประชุมกลางเมือง รอบหอประชุมนั้นจัดทหารถือ
อาวธุพร้อมสรรพคอยพิทกัษ์รกัษาและท�าสกัการบชูาด้วยฟ้อนร�าดนตรีประโคมขับ
ดอกไม้นานาประการและมนีกัขตัฤกษ์เอกิเกรกิกกึก้องฉลองถงึ๗วนัเป็นก�าหนด
พระบฏ : พุทธประวัติ ๒๕
ผืนที่ ๒๓ " แย่งชิงพระธาตุ " ขนาด ๖๗ x ๘๒ เซนติเมตร ข่าวพระพทุธเจ้านิพพานท่ีเมอืงกสุนิาราแล้วได้แพร่ไปถงึบรรดาเจ้านคร
แห่งแคว้นต่างๆ บรรดาเจ้านครเหล่านั้นจึงได้รีบส่งคณะทูตมายังเมืองกุสินารา
พร้อมพระราชสาส์นขอส่วนแบ่งพระบรมสารรีกิธาตุแต่พวกเจ้ามลัลกษตัริย์ตอบ
ปฏเิสธไม่ยอมให้โดยอ้างเหตผุลว่าพระพทุธเจ้านิพพานทีเ่มอืงของตนพระบรมสาร-ี
ริกธาตุจึงเป็นสมบัติของเมืองนี้เท่านั้น สงครามแย่งพระธาตุท�าท่าจะเกิดขึ้น แต่
โทณพราหมณ์ก็สามารถระงับสงครามได้
๒๖ พระบฏ : พุทธประวตัิ
ผืนที่ ๒๔ " โทณพราหมณ์แจกธาตุพุทธองค์ " ขนาด ๖๘ x ๗๙ เซนติเมตร
โทณพราหมณ์ท�าหน้าที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วนโดย
ใช้ตุมพะ คือ ทะนานทองเป็นเครื่องตวง ให้เจ้านครทั้ง ๗ คนละส่วน เป็น
๗ส่วนแล้วเจ้านครต่างอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนั้นใส่ผอบน�าไปบรรจุสถูป
ยงัเมอืงของตนฝ่ายโทณพราหมณ์ผูท้�าหน้าทีแ่บ่งได้ขอเอาทะนานตวงพระบรม
สารีริกธาตุนั้นไปเป็นที่ระลึก
พระบฏ : พุทธประวัติ ๒๗
วิเคราะห์จิตรกรรมผ้าพระบฏ ความพเิศษนัน้อยูท่ีเ่ป็นภาพจติรกรรมผ้าพระบฏทีม่ขีนาดใกล้เคยีงกันมี
ขนาด๗ox๘oเซนตเิมตรโดยประมาณมเีชอืกส�าหรบัแขวนและในแต่ละภาพนัน้
มกีารเขยีนเลขและค�าอธบิายก�ากบัไว้ใต้ภาพท�าให้ง่ายต่อการศกึษาเป็นอย่างยิง่มี
การเล่าเรือ่งราวทีม่คีวามส�าคญัในพทุธประวตัเิป็นตอนๆซ่ึงภาพทีช่่างได้ถ่ายทอด
ออกมานัน้สามารถสือ่ให้ผูท้ีพ่บเหน็เข้าใจได้ง่ายรปูแบบจะเป็นแบบพ้ืนบ้านแต่ได้
รับอิทธิพลจากภาคกลางและสะท้อนถึงวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมผ่านเรื่อง
ราวการแต่งกายสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตแบบพื้นเมืองล้านนาซึ่งช่างได้เขียน
สอดแทรกไปในภาพได้อย่างกลมกลืนและแนบเนียน
โครงสีของภาพโดยรวมที่เด่นนั้นคือสีครามสีส้มและสีเขียวเข้มที่ใช้
หลักการของสีคู่ตรงข้าม สีในภาพจิตรกรรมผ้าพระบฏนั้นประกอบไปด้วยสีแดง
สีส้มสีน�้าเงินสีครามสีเขียวสีน�้าตาลสีด�าสีเทาสีขาวสีเหลืองและภาพ
จติรกรรมผ้าพระบฏใช้เทคนคิสฝีุน่บนผ้าซึง่ผ้าทีเ่ขยีนนัน้สนันษิฐานว่าน่าจะรอง
พื้นด้วยดินสอพองผสมกับกาวธรรมชาติชนิดหนึ่งอาจเป็นกาวเม็ดมะขามหรือ
กาวหนังควายจึงได้มีความทนทานมาจนถึงทุกวันนี้
๒๘ พระบฏ : พุทธประวัติ
การจ�าแนกวิเคราะห์ภาพจิตรกรรมผ้าพระบฏ๑. การจัดองค์ประกอบของภาพและการล�าดับภาพ
(ก) การล�าดับเรื่องในภาพแสดงเพียงฉากเดียว : มักจะล�าดับภาพจากซ้ายไป
ขวาขวาไปซ้ายหรือตัวละครหลักอยู่ตรงกลางภาพกลางภาพไปขวาขวาไปซ้าย
หรือตัวละครหลักอยู่ตรงกลางภาพ
(ข).การล�าดับเรื่องในภาพแสดงมากกว่า๑ฉาก:เป็นการล�าดับเรื่องแบบเส้น
ขนานมีการบอกระยะใกล้ไกลหรือการผลักระยะมีการเขียนล�าดับก่อนหลังซึ่ง
จะเล่าเรื่องจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน
(ก) (ข)
พระบฏ : พุทธประวัติ ๒๙
๒. เครื่องแต่งกายของบุคคล
๒.๑ เครื่องแต่งกายของกษัตริย์และกษัตรี
(ก) (ข)
๒.๒ เครื่องแต่งกายของเทวดา
(ก) (ข)
๓o พระบฏ : พุทธประวัติ
๒.๑ เครื่องแต่งกายของกษัตริย์และกษัตรี
(ก)กษตัรย์ิลกัษณะท่ีบ่งบอกความเป็นกษตัรย์ิคอืตัวภาพเป็นจุดเด่นมกั
มเีคร่ืองแต่งกายและเคร่ืองประดบัทีห่รูหราช่างเขียนนยิมลงสปิีดทองสวมมงกฎุ
ประทับนั่งบนบัลลังก์หรือประทับในพระราชวังมีข้าราชบริพารรายล้อมเส้นจะ
มีความอ่อนช้อยประณีตแบบอุดมคติ
(ข) กษัตรี หรือมเหสี ลักษณะที่บ่งบอก คือ ตัวภาพจะเป็นจุดเด่นมัก
เขียนให้อยู่เคียงคู่กับกษัตริย์ มีเครื่องแต่งกายที่สวยงาม สวมเครื่องประดับที่
เป็นทอง อาจสวมกระบังหน้าหรือเครื่องประดับตามร่างกาย มีการลงสีทองหรือ
ปิดทอง มักรายล้อมด้วยข้าราชบริพาร ช่างนิยมเขียนให้มีความอ่อนช้อยงดงาม
แบบอุดมคติ
๒.๒ เครื่องแต่งกายของเทวดา
(ก)เทวดาลักษณะที่บ่งบอกถึงความเป็นเทพช่างเขียนจะเขียนเทวดา
ให้มภีาพขนาดใหญ่หรอืใช้สใีนการระบุเช่นพระอนิทร์มกีายสเีขยีวเป็นต้นนยิม
เขียนรัศมีล้อมรอบเทวบุตรเพื่อเน้นความส�าคัญแต่บางครั้งก็ไม่เขียนเทวบุตรจะ
มีเครื่องทรงที่เหมือนกับการแต่งกายของกษัตริย์เครื่องทรงจะมีความหรูหราและ
เป็นทองนิยมเขียนให้มีความอัศจรรย์คือการเหาะอยู่ในท่าการลอยอยู่เหนือฟ้า
มักอยู่ส่วนบนของภาพเสมอ
(ข)นางอปัสรมลีกัษณะการทรงเครือ่งประดบัเหมอืนกบัการแต่งกายของ
กษัตรีแต่ท่อนล่างเป็นแบบการแต่งกายของตัวนางในจิตรกรรมไทยภาคกลาง
พระบฏ : พุทธประวัติ ๓๑
๒.๓ เครื่องแต่งกายนักบวช
(ก) (ข) (ค)
๒.๔ ข้าราชบริพาร
(ก) (ข)
๓๒ พระบฏ : พุทธประวัติ
๒.๓ เครื่องแต่งกายนักบวช
เครื่องแต ่งกายของนักบวชที่พบในผ ้าพระบฏวัดกาญจนาราม
(ทุง่อ่วน)จังหวดัแพร่พบเครือ่งแต่งกายของนกับวช๓แบบคอืพระสงฆ์พราหมณ์
และฤาษี
(ก)เครื่องแต่งกายของพระสงฆ์:สวมผ้าสองชิ้นคือสบงและจีวรครอง
จีวรห่มเฉยีงจวีรในภาพใช้สส้ีมซึง่มลีกัษณะใกล้เคยีงกบัการแต่งกายของพระสงฆ์
ในปัจจุบัน
(ข)เครื่องแต่งกายของฤาษี:สวมผ้าสองชิ้นแยกเป็นท่อนบน
และท่อนล่างเกล้าผมเป็นชฎามุกุฏผ้าที่ใช้มีส้มลายเสือโคร่ง
(ค)เครื่องแต่งกายของพราหมณ์ : เครื่องแต่งกายที่ปรากฏ นิยมนุ่งโจง
กระเบนสีขาวมีย่ามสะพายบ่า
๒.๔ ข้าราชบริพาร
ข้าราชบริพารหมายถึงชนชั้นสูงทั้งชายและหญิงได้แก่เสนาอ�ามาตย์นางก�านัล
(ก) เสนาอ�ามาตย์ (ขุนนาง)ลักษณะการแต่งกายมักจะสวมเสื้อผ้าเพื่อ
แสดงถงึความแตกต่างทางชนชัน้ซึง่จากภาพมกัจะสวมเสือ้แขนกระบอก(ราชปะ-
แตน)นุง่โจงกระเบนการไว้หนวดทรงผมแบบมหาดไทยซ่ึงเป็นกระแสวฒันธรรม
จากกรุงเทพฯสมัยรัชกาลที่๕
(ข)นางก�านลัหรอืข้ารบัใช้ฝ่ายหญงิสวมเสือ้แขนกระบอกแขนยาวนุง่ซิน่
ยาวกรอมเท้าเกล้าผมกลางศีรษะ
พระบฏ : พุทธประวัติ ๓๓
๒.๕ เครื่องแต่งกายชาวบ้าน
(ก) (ข)
เครื่องแต่งกายของชาวบ้านท่ีพบในผ้าพระบฏนั้นมีลักษณะการแต่งกาย
แบบภาคกลางมีรายละเอียดดังนี้
(ก)การแต่งกายของชาวบ้านชาย:สวมเสือ้คอกลมแขนสัน้นุง่โจงกระเบน
รัดด้วยเข็มขัดเงินบางภาพมีการสวมหมวกแบบฝรั่ง
(ข)การแต่งกายของชาวบ้านหญิง:สวมเสื้อคอกลมแขนยาวบางภาพ
สวมเสือ้คอกระเช้านุง่ซิน่ลายขวางรดัเขม็ขดัเงนิมวยผมไว้กลางศรีษะทดัดอกไม้
สีขาวที่มวยผม
๓๔ พระบฏ : พุทธประวัติ
๓. งานสถาปัตยกรรม
(ก) (ข)
งานสถาปัตยกรรมทีพ่บในผ้าพระบฏนัน้พบเพยีงสองแบบคอืสถาปัตย-
กรรมประเภทปราสาทราชวงัและสถาปัตยกรรมประเภทอาศรมซึง่จากภาพเหน็
ได้อย่างชดัเจนว่ารปูแบบงานสถาปัตยกรรมทีพ่บในผ้าพระบฏนัน้ได้รับอทิธพิลจาก
ศิลปะภาคกลาง
(ก)สถาปัตยกรรมประเภทปราสาทราชวัง
เป็นทีอ่ยูอ่าศยัของเทวดาและเหล่ากษตัรย์ิมกัมคีวามสอดคล้องกบัสถา-
ปัตยกรรมไทยภาคกลางมคีวามหรหูรานิยมเขียนหลงัคาซ้อนชัน้เป็นยอดปราสาท
หลายๆชั้นมีความวิจิตรด้วยการใส่ตัวเหงาช่อฟ้าหางหงส์เพื่อแสดงสถานความ
ยิ่งใหญ่
(ข)สถาปัตยกรรมประเภทอาศรม
เป็นที่พ�านักของฤๅษีคล้ายวิหารปิดทึบ มีการประดับตัวเหงา ช่อฟ้า
ใบระกามีความเรียบง่ายกว่าพระราชวัง
พระบฏ : พุทธประวัติ ๓๕
๔. ภาพแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีในพื้นถิ่นที่ปรากฏในผ้าพระบฏ
(ข)
(ก)
๓๖ พระบฏ : พุทธประวตัิ
(ก) จากภาพ เป็นภาพพระมหากัสสปะถวายบังคมบาทพระพุทธศพ
มีความพิเศษท่ีโลงพระศพน้ันมีปราสาทซ้อนชั้นอยู่เหนือโลงพระศพพร้อมด้วย
การตกแต่งตุงและฉัตร ซึ่งเป็นความเชื่อของคนล้านนา ตามคติความเชื่อโบราณ
ของล้านนา เจ้านายและพระเถระได้รับการยกย่องในสังคมว่าเป็นชนชั้นสูงและ
เมื่อสิ้นชีพไปแล้วจะไปจุติในภพที่สูงกว่าหรือเป็นเทพสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นต่างๆ
ของเขาพระสเุมรุอันเป็นความเชือ่ทีเ่กดิขึน้จากความเชือ่ระหว่างศาสนาพทุธและ
พราหมณ์ผสมกัน ความเชื่อดังกล่าวน�าไปสู่การสร้างสรรค์และจัดรูปแบบพิธีศพ
ที่ตอกย�้าถึงแนวคิดที่จะมุ่งไปสู่สวรรค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเมรุ
ปราสาทอนัเป็นตวัแทนของวมิานสถติบนพระสเุมรุซึง่เป็นแกนกลางของจกัรวาล
มียอดปลายอยู่ในชั้นดาวดึงส์
(ข)จากภาพเป็นภาพตอนถวายพระเพลงิภาพนีมี้ความพิเศษทีป่ราสาท
นกหัสดีลิงค์ซึ่ง พิธีงานศพของคนล้านนาจะมีการจัดแต่งปราสาทใส่ศพประดับ
ประดาด้วยดอกไม้สดหรือ แห้งให้แลดูสวยงาม นับว่าเพื่อเป็นการยกย่องผู้ตาย
ให้ได้ขึ้นไปสู่สรวงสรรค์ชั้นฟ้าตามต�านานเชื่อว่านกหัสดีลิงค์เป็นนกในวรรณคดี
ไทยที่มีพละก�าลังมากเป็น๕เท่าของช้างและเป็นพาหนะของผู้มีบุญ
ดังนั้นในพิธีงานศพของพระเถระเราจึงเห็นปราสาทบรรจุศพท�าเป็นรูป
นกหสัดลีงิค์การประดบัประดางานศพของพระดจูะหรูหรามากกว่าของคนทัว่ไป
โดยเฉพาะระดับเจ้าอาวาสหรือพระที่มีอายุพรรษามากๆขึ้นส�าหรับการจัดงาน
ศพของพระในภาคเหนือจะนิยมเก็บศพของพระไว้จนถึงหน้าแล้งหรือ ราวเดือน
มีนาคมจนถงึเดอืนเมษายนสิง่ทีน่่าสงัเกตอกีอย่างหนึง่ส�าหรับพิธเีผาศพพระนัน่ก็
คือพธิจีะมกีารจดุบอกไฟเพือ่ให้เทวดารบัรู้และจดัอยูใ่นบริเวณวดัและจะท�าการ
เผาศพ
พระบฏ : พุทธประวัติ ๓๗
๕. การรับอิทธิพลศิลปะภาคกลาง
จากการวิเคราะห์ผ้าพระบฏทั้งหมด๒๔ผืนสามารถเห็นการรับอิทธิพล
ศิลปะภาคกลางซึ่งสามารถเห็นได้จากเครื่องแต่งกายของตัวภาพและงานสถา-
ปัตยกรรม
ภาพแสดงการเปรียบเทยีบตัวภาพของผ้าพระบฏวดักาญจนารามจ.แพร่
(ภาพซ้าย)และพระที่นั่งพุทไธสวรรย์กรุงเทพมหานคร(ภาพขวา)
ภาพแสดงการเปรียบเทียบการแต่งกายของขุนนางของผ้าพระบฏวัด
กาญจนารามจังหวัดแพร่ (ภาพซ้าย)และลักษณะการแต่งกายของขุนนางสมัย
รัชกาลที่๕(ภาพขวา)
๓๘ พระบฏ : พุทธประวตัิ
ภาพแสดงการเปรียบเทียบสถาปัตยกรรมของผ้าพระบฏวัดกาญจนารามจ.แพร ่
(ภาพซ้าย)และพระที่นั่งพุทไธสวรรย์กรุงเทพมหานคร(ภาพขวา)
ภาพฉลองพระบาทของพระนางสิริมหามายา
๖. ภาพแสดงเครื่องใช้ในปัจจุบันที่พบในผ้าพระบฏ
จากการวเิคราะห์ผ้าพระบฏจ�านวน๒๔ผนืพบเครือ่งใช้ในปัจจบุนัทีส่อด
แทรกในภาพเขียนที่เล่าเรื่องราวสมัยพุทธกาลแสดงให้เห็นถึงความเก่งของช่างที่
สามารถน�าเครือ่งใช้ในปัจจบัุนสอดแทรกเข้าไปในผ้าพระบฏได้อย่างกลมกลนืและ
แนบเนียน
พระบฏ : พุทธประวัติ ๓๙
ภาพพระสงฆ์ถือร่มและสวมแว่นสีด�าและการสวมหมวกของเหล่าขุนนาง
และชาวบ้าน
ภาพนาฬิกาลูกตุ้มหน้าปัดเลขโรมัน
๔o พระบฏ : พุทธประวตัิ
พระบฏ:พุทธประวัต ิ
วัดกาญจนาราม(ทุ่งอ่วน)จังหวัดแพร่
ภาพและเนื้อเรื่อง©2015(พ.ศ.2558)โดยพรธีราพลายด้วง550310104
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
พิมพ์ครั้งแรกเมื่อตุลาคมพ.ศ.2558
จัดพิมพ์โดยภาควิชาศิลปะไทยคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เรียบเรียงและออกแบบโดยพรธีราพลายด้วง550310104
ออกแบบโดยใช้ฟอนท์THSarabanNew16pt,THCharmonman18pt,48pt
ภาพประกอบหน้า37http://phichetchai.blogspot.com/2012/05/blog-post_31.html
หน้า39http://www.designer.co.th/10442
หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน
เพื่อส่งเสริมและต่อยอดศักยภาพการศึกษา
ภายในภาควิชาศิลปะไทยคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผ้าพระบฏนี ้เป็นงานจติรกรรมท่ีถ่ายทอดจากคนอดตีฝากถึงคนรุน่หลงั ผูท้ีเ่ก่ียวข้องในชมุชนไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านท้ังภาครฐัและเอกชนควรให้การสนับสนุนเพื่อให้เกิดจิตส�านึกรักหวงแหนและภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมที่เหลืออยู่