115
แแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแ (แแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแ) Posted by Administrator On แแแแแแแแแแ 25, 2015 0 Comment แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแ 1. แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแ . แแแแแแแแแแแแ . แแแแแแแแแ . แแแแแแแแแแแแ . แแแแแแแ 2. Child Center แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ . Carl R. Rogers . John Due . Benjamin S. Bloom . Thorn Dike 3. แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ . แแแแแแแ . แแแแแแแแแแ . แแแแแแแแแแแแแแแแแ . แแแแแแแแ

แนวข้อสอบบรรจุ ครูผู้ช่วย

Embed Size (px)

Citation preview

แนวข้�อสอบบรรจุ� คร�ผู้��ช่�วย (การจุ�ดการเร�ยนการสอนที่��เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าค�ญ)

Posted by Administrator On ก�มภาพั�นธ์# 25, 2015 0 Commentข้�อสอบการจุ�ดการเร�ยนการสอนที่��เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าค�ญ1. แผู้นการหร%อโครงสร�างที่��จุ�ดที่�าเป็�นลายล�กษณ์#อ�กษรเพั%�อใช่�ในการป็ฏิ-บ�ติ-การสอนในรายว-ช่าใดว-ช่าหน/�งเป็�นการเติร�ยมการสอนอย�างเป็�นระบบและเป็�นเคร%�องม%อที่��ช่�วยให�คร�พั�ฒนาการเร�ยนการสอนไป็ส��จุ�ดป็ระสงค#การเร�ยนร� � และจุ�ดม��งหมายข้องหล�กส�ติรได�อย�างม�ป็ระส-ที่ธ์-ภาพั เก��ยวข้�องก�บข้�อใดก. ก�าหนดการสอนข้. แผู้นการสอนค. บ�นที่/กการสอนง. ว-ธ์�สอน

2. Child Center ใครเป็�นผู้��ค-ดค�นและใช่�ค�าน�3เป็�นคนแรกก. Carl R. Rogers

ข้. John Due

ค. Benjamin S. Bloom

ง. Thorn Dike

3. การป็ระเม-นผู้ลการเร�ยนที่��เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าค�ญเน�นอะไรก. เน%3อหาข้. ผู้ลส�มฤที่ธ์-5ค. ผู้ลงานและกระบวนการง. สติ-ป็6ญญา

4. บที่บาที่ข้องคร�ในการจุ�ดการเร�ยนการสอนที่��เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าค�ญติรงก�บข้�อใดก. Supporter ข้. Helper and Advisor

ค. Supporter and Encourager ง. ถู�กที่�กข้�อ

5. เป็�นว-ธ์�สอนที่��ใช่�กรณ์�หร%อเร%�องติ�างๆ ที่��เก-ดข้/3นจุร-งมาด�ดแป็ลง และใช่�เป็�นติ�วอย�างในการเร�ยนให�การศึ/กษาว-เคราะห#อภ-ป็รายเพั%�อสร�างความเข้�าใจุ และฝึ;กฝึนหาที่างแก�ป็6ญหาน�3น ม�ความหมายติรงก�บข้�อใดก. Case Study

ข้. Simulation

ค. Action or Dramatization

ง. Role – Play

6. การสร�างสถูานการณ์#ให�ใกล�เค�ยงก�บความเป็�นจุร-ง แล�วให�ผู้��เร�ยนเข้�าไป็อย��ในสถูานการณ์#น�3น และม�ป็ฏิ-ก-ร-ยาโติ�ติอบก�น ม�ความหมายติรงก�บข้�อใดก. Case Study

ข้. Simulation

ค. Action or Dramatization

ง. Role – Play

7. การเร�ยนร� �ที่��ม�ความหมายแก�ผู้��เร�ยน หมายความว�าอย�างไรก. การเร�ยนร� �ที่��สามารถูน�าไป็ใช่�ในช่�ว-ติป็ระจุ�าว�นข้. ใช่�เป็�นเคร%�องม%อในการแสวงหาความร� � และค�าติอบติ�างๆที่��ตินติ�องการค. การเร�ยนร� �ที่��ผู้��เร�ยนค�นพับด�วยตินเอง ม�ส�วนที่�าให�เก-ดความเข้�าใจุอย�างล/กซึ้/3ง และจุดจุ�าได�ด�ง. การม�ส�วนร�วมในก-จุกรรมการเร�ยนการสอน

8. ร�ป็แบบใดเป็�นร�ป็แบบการจุ�ดการเร�ยนการสอนที่��เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าค�ญก. CIPPA MODEL

ข้. CIPP MODEL

ค. Integration

ง. ถู�กที่�3ง ก. และ ค.

9. พัห�ป็6ญญา หมายถู/งก. แนวค-ดในการพั�ฒนาผู้��เร�ยนอย�างรอบด�าน เป็�นการพั�ฒนาแบบองค#รวมที่�3งในด�านสติ-ป็6ญญา และพั�ฒนาด�านอารมณ์#ข้. แนวค-ดพั�ฒนาผู้��เร�ยนด�านว-ช่าการล�กษณ์ะผู้��เช่��ยวช่าญค. แนวค-ดในการพั�ฒนาผู้��เร�ยนส��ความเป็�นเล-ศึ

ง. ถู�กที่�กข้�อ

10. การจุ�ดการเร�ยนการสอนป็6จุจุ�บ�นม��งเน�นให�เก-ดส-�งใดติ�อผู้��เร�ยนก. เก�ง ม�ส�ข้ ด�ข้. ด� ม�ส�ข้ เก�งค. ด� เก�ง ม�ส�ข้ง. ม�ส�ข้ ด� เก�ง

ค�าช่�3แจุง น�าข้�อความติ�อไป็น�3ไป็ติอบค�าถูามข้�อ 11-14

ก. CONSDTRUCT

ข้. INTERACTION

ค. PHYSICALPARTCIPATION

ง. APLICATION

11. การให�ผู้��เร�ยนน�าความร� �ที่��ได�ไป็ใช่�ให�เก-ดป็ระโยช่น#ในช่�ว-ติป็ระจุ�าว�น

12. การให�ผู้��เร�ยนสร�างความร� �ได�ด�วยตินเองโดยกระบวนการแสวงหาความร� � แสวงหาข้�อม�ล ที่�าความเข้�าใจุ ค-ดว-เคราะห#ติ�ความ แป็ลความ สร�างความหมาย ส�งเคราะห#ข้�อม�ล และสร�ป็ข้�อความร� �

13. การให�ผู้��เร�ยนม�บที่บาที่ม�ส�วนร�วมในการเร�ยนร� �ให�มากที่��ส�ดได�ม�การเคล%�อนไหวร�างกาย โดยที่�าก-จุกรรมล�กษณ์ะติ�างๆ

14. การให�ผู้��เร�ยนม�ป็ฏิ-ส�มพั�นธ์#ติ�อก�น เร�ยนร� �จุากก�น แลกเป็ล��ยนข้�อม�ล ความค-ดและป็ระสบการณ์#

15. ติ�อไป็น�3ข้�อใดเป็�นบที่บาที่หน�าที่��ข้องคร�ก. เติร�ยมการสอนข้. จุ�ดที่�าแผู้นการสอนค. จุ�ดที่�าก-จุกรรมการเร�ยนการสอนง. ที่�กข้�อที่��กล�าวมา

16. ข้�อใดถู�กติ�องที่��ส�ด เม%�อกล�าวถู/งการจุ�ดการเร�ยนร� �แบบบ�รณ์าการในร�ป็แบบข้นานก. คร�คนเด�ยวสอนหลายว-ช่าข้. คร�หลายว-ช่าสอนในห�วเร%�องเด�ยวก�น

ค. คร�หลายคนติ�างคนติ�างสอนในว-ช่าข้องตินเองง. คร�หลายคนช่�วยก�นสอนในว-ช่าเด�ยวก�น

17. เคร%�องม%อที่��เหมาะสมก�บการว�ดพัฤติ-กรรมด�านที่�กษะกระบวนการค%อข้�อใดก .แบบส�งเกติข้. แบบส�มภาษณ์#ค. แบบส�ารวจุรายการง. แบบที่ดสอบว�ดผู้ลส�มฤที่ธ์-5ที่างการเร�ยน

18. จุ�ดม��งหมายที่��ส�าค�ญข้องการว�ดผู้ลและป็ระเม-นผู้ลการเร�ยนค%อข้�อใดก. ติ�ดส-นผู้ลการเร�ยนข้. ป็ร�บป็ร�งการเร�ยนการสอนค. ค�นหาข้�อบกพัร�องข้องน�กเร�ยนง. แจุ�งผู้ลการเร�ยนให�ผู้��ป็กครองที่ราบ

19. การป็ระเม-นในข้�อใดส�าค�ญที่��ส�ดก. การแก�ไข้พั�ฒนาผู้��เร�ยนข้. การพั�ฒนาระบบการให�ระด�บคะแนนค. การพั�ฒนาและป็ร�บป็ร�งหล�กส�ติรง. การติ�ดส-นให�ผู้�านและไม�ผู้�านในการสอบป็ลายป็=

20. การศึ/กษาเป็�นเคร%�องม%อส�าค�ญในการพั�ฒนาความร� � ความค-ด ความป็ระพัฤติ- ที่�ศึนคติ- ค�าน-ยม และค�ณ์ธ์รรมข้องบ�คคล เพั%�อให�เป็�นพัลเม%องที่��ด� ม�ค�ณ์ภาพั และป็ระส-ที่ธ์-ภาพั การพั�ฒนาป็ระเที่ศึช่าติ- ก>ย�อมได�โดยสะดวกและราบร%�น ได�ผู้ลที่��แน�นอน รวดเร>วก. ความส�าค�ญข้องการศึ/กษาข้. ความหมายข้องการศึ/กษาค. เป็?าหมายข้องการศึ/กษาง. ความส�มพั�นธ์#ข้องการศึ/กษาก�บการพั�ฒนาป็ระเที่ศึ

21. ข้�อใดเป็�นบที่บาที่ที่��ส�าค�ญที่��ส�ดข้องการป็ระเม-นผู้ลติ�อระบบการเร�ยนการสอนก .เพั%�อบ�งบอกป็ระส-ที่ธ์-ภาพัข้องหล�กส�ติรข้. เพั%�อบ�งบอกป็ระส-ที่ธ์-ภาพัข้องคร�ค. เพั%�อร�บรองผู้ลส�มฤที่ธ์-5ที่างการเร�ยน

ง. เพั%�อศึ/กษาพัฤติ-กรรมการเร�ยนร� �ข้องน�กเร�ยน

22. พัฤติ-กรรมด�านจุ-ติพั-ส�ยข้�3นร�บร� � ส�มพั�นธ์#สอดคล�องก�บพัฤติ-กรรมด�านพั�ที่ธ์พั-ส�ยระด�บใดก. ว-เคราะห#ข้. น�าไป็ใช่�ค. ป็ระเม-นค�าง. ความร� � ความจุ�า

23. ข้�อใดเป็�นป็6ญหาข้องคร� ที่��ส�งผู้ลติ�อการเร�ยนการสอนน�อยที่��ส�ดก. ม�ช่��วโมงสอนมาก และป็ฏิ-บ�ติ-ภารก-จุซึ้/�งนอกเหน%อการเร�ยนการสอนข้. ข้าดการพั�ฒนาเที่คน-คการสอนค. ข้าดการพั�ฒนาส%�อที่��สนองความแติกติ�างง. คร�ม�ข้ว�ญก�าล�งใจุติ��าเน%�องจุากป็6ญหาค�าครองช่�พั

24. ว-ธ์�การสอนแบบใดที่��เก��ยวข้�องก�บเวลามากที่��ส�ดก. ที่ดลองข้. บรรยายค. สาธ์-ติง. บที่บาที่สมม�ติ-

25. ข้�อใดเป็�นป็6ญหาการว�ดผู้ลป็ระเม-นผู้ลมากที่��ส�ดก. คร�ม�กแยกการสอนก�บการว�ดผู้ลออกจุากก�นข้. คร�เน�นการว�ดผู้ลและป็ระเม-นด�านเด�ยว ค%อความร� � ความจุ�าค. คร�ไม�ได�พั�ฒนาความร� � ความสามารถูด�านการว�ดและป็ระเม-นผู้ลงานง. คร�ย�งไม�เข้�าใจุแนวป็ฏิ-บ�ติ-เก��ยวก�บการว�ดป็ระเม-นผู้ล

Berner8 ลดจุร-ง ด�กจุ�บ ข้�บไข้ม�นผู้ล-ติภ�ณ์ฑ์#ควบค�มน�3าหน�ก ด�กจุ�บไข้ม�น ในอาหารด�วย ไคโติซึ้าน (Chitosan) สารสก�ดธ์รรมช่าติ-สารสก�ดที่��ด�ที่��ส�ดข้องโลก

แป็?งพัร-ติติ�3 celina ร�ฟิBลแป็?งพัร-ติติ�3 celina ร�ฟิBล แป็?งพัร-ติติ�3 celina ที่าแล�วเด�งเน�ยนเว�อ ร�บป็ระก�นโดยพัร-ติติ�3เง-นล�าน เม��ยงอาภาภรณ์#

BBAds

26. การจุ�ดป็ระสบการณ์#การเร�ยนร� �ให�แก�ผู้��เร�ยนช่�ดเจุน และเหมาะสมที่��ส�ดก. คร�มาล�สาธ์-ติเร%�องการแป็รงฟิ6นโดยใช่�ห��นจุ�าลองข้. คร�ว-ภาอภ-ป็รายเร%�องการแป็รงฟิ6นให�ก�บน�กเร�ยนค. คร�ศึร�สมรให�เด>กช่ายแดงเล�าเร%�องการแป็รงฟิ6นให�เพั%�อนฟิ6งง. คร�อรอ�มาให�น�กเร�ยนด�ภาพัข้�3นติอนการแป็รงฟิ6น

27. เพัราะเหติ�ใดการใช่�ส%�อการสอนจุ/งติ�องม�ความส�มพั�นธ์#ก�บเน%3อหาข้องบที่เร�ยนก. จุะที่�าให�เด>กเก-ดการเร�ยนร� �ติามเน%3อหาข้องบที่เร�ยนข้. ส%�อสารสอนถู�กก�าหนดการใช่�ส%�อการสอนไว�แล�วค. เน%3อหาข้องบที่เร�ยนก�าหนดการใช่�ส%�อการสอนไว�แล�วง. ส%�อการสอนจุะติ�องใช่�ให�เด>กเก-ดการเร�ยนร� �

28. การเข้�ยนแผู้นการสอนที่��เหมาะสมที่��ส�ดจุ�ดล�าด�บห�วข้�ออย�างไรก. จุ�ดป็ระสงค# ความค-ดรวบยอด เน%3อหา ก-จุกรรมข้. ความค-ดรวบยอด จุ�ดป็ระสงค# เน%3อหา ก-จุกรรมค. จุ�ดป็ระสงค# ความค-ดรวบยอด ก-จุกรรมง. ความค-ดรวบยอด จุ�ดป็ระสงค# ก-จุกรรม เน%3อหา

29. จุ�ดม��งหมายเช่-งพัฤติ-กรรม ค%อจุ�ดม��งหมายที่��เป็�นอย�างไรก. ระบ�ว�าน�กเร�ยนร� �อะไรบ�างข้. ระบ�ว�าพัฤติ-กรรมจุะเป็ล��ยนแป็ลงไป็อย�างไรค. ระบ�ว�าน�กเร�ยนจุะม�เจุติคติ-ที่��ม�ติ�อว-ช่าที่��สอนง. ระบ�พัฤติ-กรรมที่��ส�งเกติและว�ดได�ข้องน�กเร�ยน

30. ข้�อใดที่��ไม�ใช่�ล�กษณ์ะข้องจุ�ดม��งหมายเช่-งพัฤติ-กรรมก. บวกลบเลข้ค��และเลข้ค��ได�ข้. อธ์-บายได�ว�าเลข้ค��และเลข้ค��ติ�างก�นอย�างไรค. ที่�าแบบฝึ;กห�ดว�าด�วยเร%�องเลข้ค��และเลข้ค��ได�ง. เข้�าใจุในความแติกติ�างข้องเลข้ค��และเลข้ค��

31. ผู้��เร�ยนจุะสนใจุและอยากเร�ยนมากข้/3นในเม%�อส-�งที่��เร�ยนน�3นเป็�นอย�างไรก. ม�ความสวยงามข้. เคล%�อนไหวได�ค. ผู้��เร�ยนเคยพับเห>นมาแล�ว

ง. ม�ความหมายติ�อผู้��เร�ยน

32. ข้�อใดเป็�นการสอนที่��ไม�ค�อยเหมาะสมก. สอนโดยว-ธ์�แนะให�เด>กร� �จุ�กตินเองข้. ให�เด>กม�ส�วนร�วมในการจุ�ดก-จุกรรมค. จุ�ดก-จุกรรมให�ที่�กคนที่�าเหม%อนก�นง. จุ�ดให�ม�ก-จุกรรมพั�ฒนาการข้องเด>ก

33. การสอนที่��ด�ค�าน/งถู/งอะไรเป็�นส�าค�ญก. ว�ยข้. เพัศึค. ส-�งแวดล�อมง. ความแติกติ�างระหว�างบ�คคล

34. การม�หล�กและว-ธ์�สอนที่��ด�ให�ป็ระโยช่น#ในเร%�องใดก. น�กเร�ยนสนใจุเร�ยนข้. ป็ระหย�ดเวลาในการสอนค. น�กเร�ยนเก-ดความค-ดร-เร-�มง. การเร�ยนการสอนที่��ม�ป็ระส-ที่ธ์-ภาพั

35. ข้�อใดไม�ใช่�จุ�ดป็ระสงค#ข้องการจุ�ดบรรยากาศึในห�องเร�ยนก. ความสวยงามข้. ส�งเร-มการเร�ยนร� �ค. ม�ล�กษณ์ะคล�ายบ�านข้องตินง. ส�งเสร-มการใช่�เวลาว�างให�เป็�นป็ระโยช่น#

36. หล�กการส�าค�ญที่��ส�ดในการจุ�ดห�องเร�ยนค%ออะไรก. ความสะอาดข้. ป็ระโยช่น#ใช่�สอยค. ความเป็�นระเบ�ยบง. การพั�กผู้�อนหย�อนใจุ

37. บรรยากาศึในห�องเร�ยนหมายถู/งอะไรก. การจุ�ดติกแติ�งห�องข้. ก-จุกรรมการเร�ยนการสอน

ค. ส-�งแวดล�อมที่�3งส-3นรอบติ�วเด>กง. ส-�งข้องติ�างๆ ที่��ม�อย��ในห�องเร�ยน

38. จุ�ดม��งหมายที่��ส�าค�ญข้องการว�ดผู้ลและป็ระเม-นผู้ลการเร�ยนค%อข้�อใดก. ติ�ดส-นผู้ลการเร�ยนข้. ป็ร�บป็ร�งการเร�ยนการสอนค. ค�นหาข้�อบกพัร�องข้องน�กเร�ยนง. แจุ�งผู้ลการเร�ยนให�ผู้��ป็กครองที่ราบ

40. ว-ธ์�การที่��จุะว�ดพัฤติ-กรรมแติ�ละด�านให�ครอบคล�มและเหมาะสมน�3น จุะติ�องป็ฏิ-บ�ติ-อย�างไรก. ใช่�ว-ธ์�การว�ดหลายๆว-ธ์�ข้. ใช่�เคร%�องม%อว�ดหลายร�ป็แบบค. ก�าหนดจุ�ดป็ระสงค#/เน%3อหาให�ช่�ดเจุนง. ว-เคราะห#จุ�ดป็ระสงค#/เน%3อหาที่��จุะว�ด

41. หล�กการส�าค�ญการสร�างบที่เร�ยนค%อข้�อใดก. การที่ดสอบก�อนสอนข้. การแบ�งเน%3อหาเป็�นติอนๆค. การเสร-มแรงง. การเฉลยค�าติอบ

42. ส%�อป็ระเภที่ใดที่��เหมาะสมก�บการพั�ฒนาจุร-ยธ์รรมหร%อค�ณ์ธ์รรมส�าหร�บเด>กระด�บป็ระถูมศึ/กษาก. เกมและเพัลงข้. เกมการศึ/กษาค. น-ที่านง. ร�ป็ภาพั

43. เราน�าควรร� �ความสนใจุ ไป็ใช่�ในเร%�องใดก. การจุ�ดคร�เข้�าสอนข้. การที่�าโครงการสอนค. การจุ�ดติารางสอนง. การก�าหนดคาบเวลาสอน

44. ป็ระสบการณ์#ที่��ได�จุากส%�อใด ม�ความเป็�นร�ป็ธ์รรมมากที่��ส�ดก. น-ที่รรศึการข้. การด�สไลด#ค. การสาธ์-ติง. ภาพัป็ระกอบ

45. การสอนแบบบรรยายก�บการสอนแบบสาธ์-ติม�ความแติกติ�างก�นในข้�3นติอนใดมากที่��ส�ดก. ข้�3นน�าข้. ข้�3นสอนค. ข้�3นสร�ป็ง. ข้�3นป็ระเม-นผู้ล

46. ข้�อใดค%อจุ�ดม��งหมายข้องการสอนก. เพั%�อให�เด>กม�ความร� �ความสามารถูข้. เพั%�อให�เด>กน�าไป็ใช่�ได�ค. เพั%�อให�เด>กเก-ดการเป็ล��ยนแป็ลงพัฤติ-กรรมง. เพั%�อให�เด>กสามารถูแก�ป็6ญหาช่�ว-ติป็ระจุ�าว�นได�

47. บ�คล-กภาพัเก-ดจุากส�วนป็ระกอบใดก. พั�นธ์�กรรม-ป็ระสบการณ์#ข้. ส-�งแวดล�อม-พั�นธ์�กรรมค. การเร�ยนร� �-พั�นธ์�กรรมง. ป็ระสบการณ์#-ส-�งแวดล�อม

48. ข้�อใดเป็�นแรงจุ�งใจุภายในก. ความอยากร� �อยากเห>นข้. ความน-ยมช่มช่%�นจุากคร�ค. ความพั/งพัอใจุจุากเพั%�อนๆง. ความอยากที่�างานให�ส�าเร>จุ

49. ถู�าติ�องย�บย�3งพัฤติ-กรรมข้องเด>กควรใช่�ว-ธ์�การใดก. ช่มเช่ยข้. แนะน�า

ค. ให�รางว�ลง. ว�ากล�าวติ�กเติ%อน

50. ข้�อใดเป็�นล�กษณ์ะข้องคร�หล�กส�ติรใหม�ก. สอนให�ม�ความร� � ความจุ�า น�าไป็ใช่�ข้. สอนให�ม�ความร� � ความเข้�าใจุ แก�ป็6ญหาค. สอนให�ร� �จุ�กค-ด ป็ฏิ-บ�ติ- แก�ป็6ญหาได�ง. สอนให�ม�ความร� � ความเข้�าใจุ ป็ฏิ-บ�ติ-

เฉลยข้�อสอบการจุ�ดการเร�ยนการสอน๑) ข้ ๒) ข้ ๓) ค ๔) ง ๕) ก๖) ง ๗) ค ๘) ง ๙) ง ๑๐) ค๑๑) ง ๑๒) ก ๑๓) ค ๑๔) ข้ ๑๕) ง๑๖) ก ๑๗)ค ๑๘) ข้ ๑๙) ก ๒๐) ก๒๑) ง ๒๒) ง ๒๓) ง ๒๔) ง ๒๕) ก๒๖) ก ๒๗) ก ๒๘) ก ๒๙) ง ๓๐) ง๓๑) ง ๓๒ ค ๓๓) ง ๓๔) ง ๓๕) ค๓๖) ข้ ๓๗) ค ๓๘)ข้ ๓๙) ๔๐) ข้๔๑) ข้ ๔๒) ก ๔๓) ข้ ๔๔) ก ๔๕) ข้๔๖) ค ๔๗) ก ๔๘) ก ๔๙) ข้ ๕๐) ค

แนวข้�อสอบบรรจุ� คร�ผู้��ช่�วย (กฎหมายการศึ/กษาและความรอบร� �)Posted by Administrator On ก�มภาพั�นธ์# 24, 2015 0 Commentกฎหมายการศึ/กษา+รอบร� �251. ข้�าราช่การได�ร�บหมายเร�ยกเข้�าร�บการเติร�ยมพัลติ�องป็ฏิ-บ�ติ-อย�างไร…( รายงานผู้��บ�งค�บบ�ญช่าภายใน 48 ช่.ม น�บแติ�เวลาร�บหมายเร�ยก )252. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาม�อ�านาจุอน�ญาติการลาป็Oวยและลาก-จุข้องข้�าราช่การในสถูานศึ/กษาที่�กติ�าแหน�งในส�งก�ดได�คร�3งหน/�งไม�เก-นก��ว�น( 60 ว�น และ 30 ว�น ติามล�าด�บ253. การลาคร/�งว�นในติอนเช่�าหร%อบ�าย จุะน�บว�นลาอย�างไร….…( ให�น�บคร/�งว�น )254. ข้�าราช่การคร�ในโรงเร�ยนไม�ม�ส-ที่ธ์-ลาป็ระเภที่ใด……………(การลาพั�กผู้�อน)

254. ข้�าราช่การสติร�ม�ส-ที่ธ์-ลาคลอดบ�ติรโดยได�ร�บเง-นเด%อนคร�3งหน/�งได�ก��ว�น…(90 ว�น)

255. ลาก-จุติ�อเน%�องข้ากลาคลอด 90 ว�นได�อ�ก.(150 ว�นที่�าการ)

256 .เม%�อข้�าราช่การคร�ลาส-กข้าบที่แล�ว จุะติ�องกล�บมารายงานติ�วเข้�าป็ฏิ-บ�ติ-ราช่การภายใน….(5 ว�น)

257. จุ�ดม��งหมายส�าค�ญข้องว-น�ยข้�าราช่การคร�…(เพั%�อให�ข้�าราช่การคร�ป็ฏิ-บ�ติ-ตินเป็�นติ�วอย�างที่��ด�ข้องป็ระช่าช่น)

258. ผู้��อ�านวยการแจุ�งให�ข้�าราช่การคร�มาป็ระช่�มก�อนว�นป็Bดภาคเร�ยนในว�นเสาร# นายแดง ข้�าราช่การคร�ร�บที่ราบแติ�ไม�ยอมไป็ป็ระช่�มโดยอ�างว�าเป็�นว�นหย�ดราช่การและม�ธ์�ระส�วนติ�ว การกระที่�าข้องคร�แดง ผู้-ดว-น�ยหร%อไม�….(เป็�นความผู้-ดว-น�ยฐานไม�ป็ฏิ-บ�ติ-ติามค�าส��งข้อง ผู้��บ�งค�บบ�ญช่า)

259. การอ�ที่ธ์รณ์#ค�าส��งลงโที่ษภาคที่�ณ์ฑ์# ติ�ดเง-นเด%อน…..(ภายใน 30 ว�นน�บติ�3งแติ�ว�นร�บที่ราบค�าส��ง)

260. กรณ์�ม�เหติ�ที่��ที่�าให�ร�องที่�กข้#จุะติ�องร�องที่�กข้#ภายในก��ว�น….(ภายใน 30 ว�น)

261. ย%�นใบลาป็Oวยติ�3งแติ�ว�นที่�� 13 พั.ย 52 – 19 พั.ย 52 จุ�บน�บว�นลาได�….( 5 ว�น )262. เด>กที่��เป็�นโรคช่น-ดใดได�ร�บการยกเว�น ไม�ติ�องเข้�าเร�ยนในโรงเร�ยนป็ระถูมศึ/กษา..

(โรคเร%3อน )263. การพัาน�กเร�ยนไป็ที่�ศึนะศึ/กษาติ�างจุ�งหว�ดและค�างค%น ติ�องข้ออน�ญาติจุากใคร(ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��ฯ)

264. ข้�าราช่การป็ระเภที่ใด ไม�ม�ส-ที่ธ์-ลาพั�กผู้�อนติามระเบ�ยบน�3 (ข้�าราช่การที่��ป็ฏิ-บ�ติ-งานในสถูานผู้�อนติามระเบ�ยบแล�ว)

265. ผู้��อ�านวยการโรงเร�ยนม�อ�านาจุอน�ญาติการลาป็Oวยและลาก-จุข้องข้�าราช่การในสถูานศึ/กษาที่�กติ�าแหน�งในส�งก�ดได�คร�3งหน/�งไม�เก-นก��ว�น….( 60 ว�น และ 30 ว�นติามล�าด�บ )

266. ลาบ�อยคร�3ง ..ส�าหร�บข้�าราช่การส��งป็ฏิ-บ�ติ-ราช่การอย��ติามสถูานศึ/กษา (ลาเก-น 6

คร�3ง )267. มาที่�างานสายเน%อง ๆ ส�าหร�บข้�าราช่การป็ฏิ-บ�ติ-ราช่การอย��ที่��โรงเร�ยน ….(สายเก-น 8 คร�3ง )268. มาที่�างานสายเน%อง ๆ ส�าหร�บข้�าราช่การป็ฏิ-บ�ติ-ราช่การอย��ที่��ส�าน�กงาน (สายเก-น 9

คร�3ง )269. ลาบ�อยคร�3ง ส�าหร�บข้�าราช่การส��งป็ฏิ-บ�ติ-ราช่การอย��ติามส�าน�กงาน.. ( ลาเก-น 8 คร�3ง )

270. ข้�าราช่การที่��ป็ฏิ-บ�ติ-งานในสถูานศึ/กษาจุะติ�องมาถู/งสถูานศึ/กษาก�อนเวลาที่�างานป็กติ- อย�างน�อย….(15 นาที่� ค%อระหว�างเวลา 80.15–16.30 น.) เวลาเร-�มที่�างาน 08.30

271. ในการเด-นที่างติามระเบ�ยบ จุะติ�องม�คร�ควบค�มโดยถู%อเกณ์ฑ์#ติามข้�อใด…..( คร� 1

คน ติ�อน�ก เร�ยน 30 คน )272. การเป็ล��ยนแป็ลงแก�ไข้ส-�งใดในห�องสอบจุะติ�องรายงานข้ออน�ญาติ-ติ�อผู้��ใด (ห�วหน�าหร%อป็ระธ์านควบค�มการสอบ)

273. การอธ์-บายค�าถูามใดแก�ผู้��เข้�าสอบอ�นเป็�นแนวที่างความร� �หร%อความค-ดแก�แก�ผู้��สอบ กระที่�าได�หร%อไม�…( กระที่�าไม�ได� )274. ม�ข้�อห�ามไว�ว�า “ ผู้��ก�าก�บการสอบจุะติ�องไม�ที่�าก-จุกรรมใด ๆ อ�นเป็�นการที่��จุะที่�างานในหน�าที่�� ไม�ได�โดยสมบ�รณ์# ” ข้�อห�ามน�3หมายถู/ง……( การอ�านหน�งส%อหร%อการถู�ก )275. เด>กพั�นเกณ์ฑ์#การศึ/กษาภาคบ�งค�บติาม พั.ร.บ.การศึ/กษาภาคบ�งค�บ 2545 เม%�ออาย�( ย�างเข้�าป็=ที่�� 16 )

276. เด>กจุะออกจุากโรงเร�ยนก�อนอาย�พั�นเกณ์ฑ์#การศึ/กษาภาคบ�งค�บได�ในกรณ์� (สอบได�ช่�3นม�ธ์ยมศึ/กษาป็=ที่�� 3 )

277. เด>กน�กเร�ยนที่��อย��ในเกณ์ฑ์#การศึ/กษาภาคบ�งค�บจุะข้าดเร�ยนในหน/�งเด%อนได�ไม�เก-น( 7 ว�น )278. การป็ระกาศึส�งเด>กเข้�าในโรงเร�ยนป็ระถูมศึ/กษาให�ผู้��ป็กครองที่ราบ (เด%อนธ์�นวาคม ข้องที่�กป็= )279. ใครม�อ�านาจุยกเว�นหร%อส��งถูอนหร%อส��งถูอนการยกเว�นเด>กไม�ติ�องเข้�าเร�ยนในโรงเร�ยนป็ระถูมศึ/กษา……(ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา)

280. ใครเป็�นป็ระธ์านคณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา ( รมว.

ศึ/กษาธ์-การ )281. โที่ษที่างว-น�ยม�ก��สถูาน……………………..(5 สถูาน)

288. กระที่�าผู้-ดว-น�ยไม�ร�ายแรงม�โที่ษสถูานใด …(- ภาคที่�ณ์ฑ์# – ติ�ดเง-นเด%อน – ลดข้�3นเง-นเด%อน)

289. โที่ษที่างว-น�ยสถูานใด ม�ส-ที่ธ์-ได�ร�บบ�าเหน>จุบ�านาญเหม%อนผู้��น� 3นออกจุากราช่การ…(ป็ลดออก)

290. การอ�ที่ธ์รณ์#ค�าส��งลงโที่ษ ภาคที่�ณ์ฑ์# – ติ�ดเง-นเด%อน – ลดข้�3นเง-นเด%อน ให�อ�ที่ธ์รณ์#ภายใน..(30 ว�น น�บแติ�ว�นที่ราบค�าส��ง)

291. การอ�ที่ธ์รณ์#ค�าส��งลงโที่ษ ป็ลดออก ไล�ออกให�อ�ที่ธ์รณ์#ภายใน..(30 ว�น น�บแติ�ว�นที่ราบค�าส��ง)

292. ข้�าราช่การร�องที่�กข้#ได�กรณ์�ถู�ก (ร�องที่�กข้#ด�วยตินเอง ให�คนอ%�นร�องที่�กข้#แที่นไม�ได�)292. การลาบ�อยคร�3ง……(ลาเก-น 6 คร�3ง)

293. มาที่�างานสายเน%อง ๆ ข้องข้�าราช่การส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��.…..(สายเก-น 8 คร�3ง โรงเร�ยนเก-น 9 คร�3ง)

294. ข้�าราช่การคร�ถู�กลงโที่ษติ�ดเง-นเด%อน ม�ส-ที่ธ์-อ�ที่ธ์รณ์#ได�ภายในก��ว�น…(30 ว�น)

294. ข้�าราช่การคร�ลาป็Oวย ว�นพั�ธ์ที่�� 11 ถู/งอาที่-ติย#ที่�� 22 เมษายน 2533 น�บว�นลาได�ก��ว�น..(8

ว�น)

295. การน�บว�นลาให�น�บอย�างไร…(ระหว�างว�นที่�� 1 ติ�ลาคม – 30 ก�นยายน)…น�บติามป็=งบป็ระมาณ์297. ระเบ�ยบว�าด�วยการป็ฏิ-บ�ติ-ข้องผู้��เข้�าสอบ ไม�อน�ญาติให�ผู้��เข้�าสอบว-ช่าน�3น หล�งจุากสอบว-ช่าแรกในติอนเช่�าข้องแติ�ละว�น เป็�นเวลา….(15 นาที่�)..ออกสอบ ป็= 2552

298. การสอนแบบ แบ�งกล��มการที่�างาน ก�บ การสอนแบบรายบ�คคล ผู้ลการเร�ยนแติกติ�างก�นอย�างไร..(การป็ล�กฝึ6งล�กษณ์ะผู้��น�า)

299. การสอนเป็�นงานที่��ติ�องเติร�ยมอย��เสมอ ถู/งแม�คร�จุะข้บป็ร-ญญาก>ติาม ค�ากล�าวน�3สน�บสน�นหล�กการใด…..(หล�กการวางแผู้นและเติร�ยมการสอน)

300. ส�วนป็ระกอบข้องแผู้นการสอนที่��สมบ�รณ์#ที่��ส�ด ค%อ……..…(จุ�ดป็ระสงค# – เน%3อหาสาระ – ก-จุกรรมการเร�ยนการสอน – ส%�อการเร�ยนการสอน – การ ป็ระเม-นผู้ล)

301. หล�กส�ติรป็ระถูมศึ/กษาก�าหนดเวลาเร�ยนในป็=หน/�งไม�น�อยกว�า…(40 ส�ป็ดาห#)303. การสอนที่��ด�ติ�องค�าน/งถู/งส-�งใด………..(ความแติกติ�างระหว�างบ�คคล)

304. ธ์รรมน�ญโรงเร�ยนม�ป็ระโยช่น#มากในเร%�องใด…..…(ช่�วยให�ที่�กฝึOายร� �ที่-ศึที่างในการที่�างาน เป็�นหล�กป็ระก�นในการจุ�ดการศึ/กษาให�ม�ค�ณ์ภาพั)

305. โครงการศึ/กษาที่��จุ�ดข้/3นเพั%�อเช่-ญช่วนโรงเร�ยนเข้�าร�วมโครงการอน�ร�กษ#พัล�งงานและส-�งแวดล�อมหมายถู/งโครงการ.(โรงเร�ยนส�เข้�ยว)

306. เหติ�ผู้ลที่��กระที่รวงศึ/กษาธ์-การก�าหนดนโยบายโรงเร�ยนส�ข้าวค%อ…(-ป็6ญหาความอ�อนแอข้อง สถูาบ�นครอบคร�ว– การแพัร�กระจุายข้องสารเสพัติ-ดในสถูานศึ/กษาเพั-�มมากข้/3น – การเป็ล��ยน แป็ลงที่างเศึรษฐก-จุและส�งคมอย�างรวดเร>ว)

307. โครงการโรงเร�ยนส�ข้าว ม��งป็กป็?องค��มครอง ด�แลเยาวช่นในด�าน….(ยาเสพัติ-ด ส%�อลามก – การพัน�น – การที่ะเลาะว-วาที่)

308. ความส�าค�ญในการพั�ฒนาโรงเร�ยนส��ความส�าเร>จุติามเร>จุโครงการโรงเร�ยนส�ข้าว ค%อ…การ สร�างความติระหน�กก�บบ�คลากรในโรงเร�ยนและช่�มช่น)

309. คร�เติร�ยมก-จุกรรม 5 อย�าง ให�น�กเร�ยน 5 กล��ม ผู้ล�ดก�นที่�าก-จุกรรมที่�ละอย�าง…

(ศึ�นย#การเร�ยน)

310. เม%�อคร�สอนเร%�อง การที่�าน�3าให�สะอาด ได�แบ�งกล��มน�กเร�ยนศึ/กษาติามห�วข้�อที่��ก�าหนด..(การสอนแบบส%บสวนสอบสวน)

311.คร�ติ�องการสอน เร%�องส�ข้ศึ/กษาในบ�าน การร�กษาความสะอาดในบ�าน เกษติรในคร�วเร%อน ควรสอนว-ธ์�ใด………(สถูานการณ์#จุ�าลอง)

312. เที่คน-คที่��ควรฝึ;กให�เด>กในการสอนแบบส%บสวนสอนสวน…(เที่คน-คการว-เคราะห#)313. การสอนแบบอภ-ป็รายให�ป็ระโยช่น#แก�น�กเร�ยนมากที่��ส�ดค%อ…(การแสดงความค-ดเห>นอย�างเติ>มที่��)314. ว-ธ์�สอนแบบใดที่��คล�อยคล/งก�น….(แก�ป็6ญหา – ว-ธ์�ว-ที่ยาศึาสติร# – ว-ธ์�ที่ดลอง)

315. ติ�วแป็รข้องน�กเร�ยนใดม�อ-ที่ธ์-พัลติ�อการสอนมากที่��ส�ด…..(ความสามารถู)

316. การสร�างที่�ศึนคติ-ที่��ด�ติ�อน�กเร�ยนในการสอนค%อ…………(ใจุด� ร%�นเร-ง อดที่น)

317. แผู้นการสอนค%อ……..(เอกสารที่��ให�ที่ราบรายละเอ�ยดในการสอนติามหล�กส�ติร)

318. หล�กการสอนที่��ด�….…(สอนจุากส-�งที่��ร� �ไป็หาส-�งที่��ย�งไม�ร� �)319. การเติร�ยมบ�นที่/กการสอนที่��ถู�กหล�กค%อ…(ติ�3งจุ�ดม��งหมายก�อนค-ดว-ธ์�สอนและก-จุกรรม)

320. เด>กไม�ที่�าการบ�าน ควรแก�อย�างไร……(ที่�าป็?ายสถู-ติ-ผู้��ข้ย�นที่�าการบ�านติ-ดไว�ในช่�3นเร�ยน)

321. ติ�องการสอนเร%�องดอกไม� ควรเล%อกส%�อใด….…(ดอกก�หลาบที่�3งดอก)

323. ส%�อที่��เหมาะก�บการสอนรายบ�คคลค%อ …(บที่เร�ยนแบบโป็รแกรม)

324. การจุ�ดห�องเร�ยนค�าน/งถู/ง…..….(พัร�อมให�ห�องเร�ยนเป็ล��ยนแป็ลงคามความเหมาะสม)

325. การเร�ยนการสอนป็6จุจุ�บ�นเน�น…(น�กเร�ยนเป็�นผู้��ด�าเน-นการ โดยม�คร�คอยช่�วยแนะน�า)

326. เด>กฉลาดส�งส�ด I.Q………..….(140 ข้/3นไป็)

327. เด>กฉลาดป็กติ- I.Q……….….(91 – 110)

328. EQ. หมายถู/ง…………(ว�ฒ-ภาวะที่างอารมณ์#)329. การแนะแนวเพั%�อ………………(ให�น�กเร�ยนร� �จุ�กและเข้�าใจุตินเอง)

330. ป็6ญหาเด>กพั�ดติ-ดอ�าง…….….(ป็ระสาที่ติ/งเคร�ยด – ป็Oวยนาน ๆ – ถูน�ดซึ้�าย ป็มด�อย เล�นมาก)

331. ว-ธ์�แก�ป็6ญหาเด>กพั�ดติ-ดอ�าง….(ข้จุ�ดความติ/งเคร�ยด –ป็ล�อยให�พั�ดโดยไม�ข้�ดจุ�งหวะ – ให�เป็Oาล�กโป็Oง ผู้-วป็าก ร�องเพัลง ฝึ;กพั�ดช่�า ๆ)

ECU=SHOP เพั-�มสมรรถูภาพัเคร%�องยนติ#ด�เซึ้ลอย�างไร�ข้�ดจุ�าก�ดเช่%�อม��นในค�ณ์ภาพั เช่%�อในป็ระสบการณ์#และความน�าเช่%�อถู%อ เล%อก ECU=SHOP

Madame Gold Booster white set ช่�ดคร�มหน�าสด ข้าวเน�ยนใสเหม%อนว�ยเยาว#100 ช่�ดแรก แถูมฟิร� Madame Gold Body Mask Cream ข้นาด 100 กร�ม 1 หลอดBBAds

332. ป็6ญหาเด>กเข้�ยนหน�งส%อห�วกล�บ…….(เพัราะถูน�ดม%อซึ้�าย)

333. ว-ธ์�แก�ป็6ญหาเด>กเข้�ยนหน�งส%อห�วกล�บ…(ใช่�แบบฉล� แบบเส�นป็ระ อ�กษรแบบล�กศึรช่�3น�า)

334. เด>กช่อบข้โมยข้อง….(สาเหติ� พั�อแม�ยากจุน ติระหน�� ข้าดความร�กความอบอ��น อ-จุฉาร-ษยา สภาพัจุ-ติไม�ป็กติ-)335. ว-ธ์�แก�เด>กช่อบข้โมยข้อง……(ที่�กฝึOายให�ความร�วมม%ออบรมส��งสอน ให�ความสนใจุ ให�ความอบรม)

336. เด>กด%3อ ….(ถู�กข้�ดใจุ พั�อแม�บ�งค�บเก-นไป็ พั�อแม�ป็ฏิ-บ�ติ-ไม�เสมอติ�นเสมอป็ลาย พั�อแม�ม�ความเห>นที่��ข้�ดแย�งก�น พั�อแม�เอาใจุมากเก-นไป็)

337. ว-ธ์�แก�ป็6ญหาเด>กด%3อ….(ให�ความสนใจุ ไม�ที่�าอะไรที่��ข้�ดใจุ เข้�าใจุพั�ฒนาการ เสร-มแรง เพั-กเฉยไม�สนใจุ338. ป็6ญหาเด>กก�าวร�าว…..(ความค�บข้�องใจุ การเล�ยนแบบ การลงโที่ษ)

339. การแก�ป็6ญหาเด>กก�าวร�าว….(พัยายามไม�สร�างความค�บข้�องใจุ แติ�ไม�ถู/งก�บติามใจุ ไม�เสร-มแรงพัฤติ-กรรมก�าวร�าว ลงโที่ษเม%�อจุ�าเป็�น340. การวางแผู้นการสอน….(เป็�นการเติร�ยมการล�วงหน�าก�อนสอน โดยน�าข้�อม�ลเน%3อหาว-ช่ามาก�าหนดก-จุกรรม)

341. ความส�าค�ญข้องการวางแผู้นการสอน….(ที่�าให�คร�ม�ความรอบคอบเก��ยวก�บการเล%อกความม��งหมาย ก-จุกรรมการสอน การป็ระเม-นผู้ลและส%�อการสอน ที่�าให�การสอนได�ผู้ลด� และคนอ%�นสามารถูสอนแที่นได�ถู�าไม�อย�� เป็�นหล�กฐานป็ระเม-นเล%�อนติ�าแหน�งข้องคร�)342. ป็ระโยช่น#ข้องการวางแผู้นการสอน….(คร�ม�ความม��นใจุ ป็ลอดภ�ยในการสอน คร�เก-ดความรอบคอบ คร�น�าข้�อบกพัร�องหร%อป็6ญหามาป็ร�บป็ร�ง ป็ระหย�ดเวลา แรงงานในการเร�ยน)

343. แผู้นการสอนที่��ด�….(ม�ก-จุกรรมที่��ผู้��เร�ยนได�ลงม%อป็ฏิ-บ�ติ-มากที่��ส�ด เป็�นแผู้นที่��เป็Bดโอกาสผู้��เร�ยนสามารถูค�นพับค�าติอบหร%อที่�าส�าเร>จุด�วยตินเอง เป็�นที่�กษะกระบวนการที่��ใช่�ได�จุร-ง ส�งเสร-มการใช่�ว�สด�ในที่�องถู-�น)

344. ข้�3นติอนการจุ�ดที่�าแผู้นการสอนที่��ด�(1) ศึ/กษาเอกสาร หล�กส�ติร ค��ม%อคร� และเอกสารค�นคว�าติ�าง ๆ(2) ว-เคราะห#เน%3อหา / จุ�ดป็ระสงค#(3) ก�าหนดก-จุกรรม345. ว-ธ์�การกระบวนการกล��ม……(ระดมสมอง วางแผู้น ป็ฏิ-บ�ติ-ติามแผู้น ป็ระเม-นผู้ล ป็ร�บป็ร�งพั�ฒนา)

346. กระบวนการสร�างเจุติคติ-……(ส�งเกติ ว-เคราะห# สร�ป็)

347. กระบวนการโจุที่ย#ป็6ญหา…..(ว-เคราะห#โจุที่ย#ป็6ญหา ก�าหนดข้�3นติอนแก�ป็6ญหา ป็ฏิ-บ�ติ-ติามข้�3นติอน ติรวจุสอบความถู�กติ�อง)

348. กระบวนการสร�างค�าน-ยม….(ส�งเกติติระหน�ก ป็ระเม-นเช่-งเหติ�ผู้ล ก�าหนดค�าน-ยม วางแนวป็ฏิ-บ�ติ- ป็ฏิ-บ�ติ-ด�วยความช่%�นช่ม349. ว-ธ์�สอนแบบข้�3นที่�3ง 4 ข้องอร-ยส�จุส�� ..(ศึ.ดร.สาโรช่ บ�วศึร�)(1) ข้�3นก�าหนดป็6ญหา (ข้�3นที่�กข้#)– ศึ/กษาป็6ญหา– ก�าหนดข้อบเข้ติข้องป็6ญหาที่��จุะแก�

(2) ข้�3นติ�3งสมม�ติ-ฐาน (สม�หที่�ย)

– พั-จุารณ์าสาเหติ�ข้องป็6ญหา – จุะติ�องแก�ป็6ญหาที่��สาเหติ�– พัยายามที่�าอะไรหลาย ๆ อย�างเพั%�อแก�ป็6ญหาให�ติรงสาเหติ�350. ข้�อสอบที่��ม�ความเที่��ยง….(ค%อข้�อที่��สามารถูว�ดส-�งใดส-�งหน/�งที่��ติ�องการว�ดได�ถู�กติ�องครบถู�วนติามว�ติถู�ป็ระสงค#)351. ความเที่��ยงติรง ได�แก�….(ติางติามเน%3อหาครอบคล�มเน%3อหา ติรงติามโครงสร�างที่ฤษฎ� ติรงติามสภาพัเป็�นจุร-ง ติรงติามสถูานการณ์#)352. ค�าเฉล��ย ………… (ผู้ลรวมข้องคะแนนที่�กคน หารด�วยจุ�านวนคนที่�3งหมด)…..ออกสอบ สพัฐ. ป็= 2551

353. ม�ธ์ยฐาน Mediab ….(คะแนนที่��อย��ก/�งกลาง เช่�น 3 8 15 20 30 ฐานน-ยมค%อ 15 )….ออกสอบ สพัฐ.ป็= 2552

322. ความเบ��ยงเบนมาติรฐาน S.D …(เป็�นค�าสถู-ติ-ที่��ว�ดการกระจุายข้องคะแนนในกล��ม ถู�าความเบ��ยงเบนม�ค�าส�ง แสดงว�าคะแนนข้องกล��มน�3นกระจุายกว�างแติกติ�างห�างก�นมาก ซึ้/�งหมายความว�าเด>กในกล��มน�3นม�ความร� �ความสามารถูแติกติ�างก�นมาก)

354. การจุ�ดการเช่-งระบบ…..(ติ�วป็?อน – กระบวนการ ผู้ลผู้ล-ติ)

355. ติ�วป็?อน (INPUT) ได�แก�…..(หล�กส�ติร คร� น�กเร�ยน อาคาร เง-น ว�สด�)356. กระบวนการ PROCESS……(การด�าเน-นงาน การเร�ยนการสอน การว�ดผู้ลป็ระเม-นผู้ล)

357. ผู้ลผู้ล-ติ OUTPUT………….(น�กเร�ยนม�ความร� � จุบการศึ/กษา ม�งานที่�า)

358. การว�ด…..(ค%อการให�ค�าติ�วเลข้ เพั%�อแที่นค�ณ์ล�กษณ์ะส-�งใด ไป็ติามเกณ์ฑ์# หร%อกติ-กาที่��ม�การก�าหนดไว�ล�วงหน�าอย�างแจุ�งช่�ด เช่�น การว�ดความส�ง น�3าหน�ก)

359. การที่ดสอบ….(เป็�นกระบวนการค�นหาค�ณ์สมบ�ติ- ศึ�กยภาพั ความสามารถูข้องส-�งใด ๆ หร%อที่�าให�ป็รากฏิอย�างช่�ดแจุ�ง เช่�น การที่ดสอบความแข้>งข้องก�อนห-น ความสามารถูข้องน�กก�ฬา)

360. การป็ระเม-น…(เป็�นการติ�ดส-นใจุให�ค�ณ์ค�า หร%อบ�งระด�บค�ณ์ภาพัข้องส-�งใด ๆ อย�างช่�ดเจุน หร%อม�ข้�อม�ลป็ระกอบการติ�ดส-น การให�ระด�บคะแนนที่��คร�ที่�าถู%อได�ว�าเป็�นการป็ระเม-น)

361. ระบบข้องการจุ�ดการศึ/กษา……(ส-�งที่��ติ�องการ ป็ระเม-นผู้��เร�ยน ม�ข้�อม�ลหร%อคะแนน ว�ดความร� � สร�างแบบที่ดสอบ)

362. หล�กข้องการว�ดผู้ลที่��ส�าค�ญ…

(1) จุะติ�องม�การว�ดหลาย ๆ คร�3ง(2) แติ�ละคร�3งใช่�ค�าถูามหลาย ๆ ข้�อ(3) เคร%�องม%อที่��ใช่�ม�ค�ณ์ภาพัด�

(4) ว�ดในเวลาอ�นเหมาะสม263. ข้�อสอบแบบติ�วเล%อกหลาย ๆ ข้�อข้�อด�…..(ติรวจุง�าย เป็�นป็รน�ย เป็�นแบบที่ดสอบที่��พั�ฒนาเป็�นมาติรฐาน ติ�3งติ�าถูามให�ด� ว�ดพัฤติ-กรรมได�หลายป็ระเภที่ เดาได�ยาก คล�มเน%3อหา)

ข้�อจุ�าก�ด………..(ใช่�เวลาในการสร�างนาน ใช่�ว�สด�มาก ถู�าสร�างไม�ด� ก>ม�กว�ดได�แติ�ความจุ�า)

364. ข้�อสอบแบบจุ�บค��ข้�อด� ….………….(สร�างง�าย ติรวจุง�าย ป็ระหย�ดว�สด� ครอบคล�มเน%3อหา)

ข้�อจุ�าก�ด……….(เดาค�าติอบถู�กได�ส�ง ม�กถูามว�ดได�แติ�ความจุ�า)

365. ข้�อสอบแบบถู�ก – ผู้-ดข้�อด� ….(สร�างง�าย ใช่�เวลาน�อย ติรวจุง�าย เป็�นป็รน�ย ครอบคล�มเน%3อหา)

ข้�อจุ�าก�ด…………………(เดาถู�กได�ง�าย ม�กถูามว�ดได�แติ�ความจุ�า)

366. แบบสอบป็รน�ย……….…(ถู%อหล�กว�าติ�างคนติรวจุได�คะแนนเที่�าก�น)

367. แบบสอบอ�ติน�ย…………..(ถู%อหล�กว�าติ�างคนติรวจุได�คะแนนติ�างก�นออกไป็ได�)368. แบบสอบป็รน�ย เช่�น ……(แบบถู�ก – ผู้-ด แบบหลายติ�วเล%อก)

369. การบร-หารส�วนภ�ม-ภาคได�แก�………..(จุ�งหว�ด อ�าเภอ)

370. หน�งส%อที่��ม�ส�าเนาสามารถูติรวจุค�นได�ให�เก>บไว�ก��ป็=………(5 ป็=)372. ผู้��ที่��ม�อาช่�พัคร�ควรม�ค�ณ์ธ์รรมอะไร…….(พัรหมว-หาร 4)

373. ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาที่��วป็ระเที่ศึที่�3งหมดม�ก��เข้ติ…….(285 เข้ติ)…….ออกสอบ ป็= 2552

374. สก-นเนอร#…………..(ที่ฤษฎ�การเสร-มแรง)

375. พั�ฒนาการ…….(การเป็ล��ยนแป็ลงที่��เป็�นความก�าวหน�าข้องบ�คคล เป็�นผู้ลมาจุากว�ฒ-ภาวะและป็ระสบการณ์#)376. ว�ฒ-ภาวะ…(ความเจุร-ญเติ-บโติที่�3งด�านร�างกายและจุ-ติใจุ พัร�อมที่��จุะที่�างานติามหน�าที่��ได� )377. การเร�ยนร� �…….(การเป็ล��ยนแป็ลงพัฤติ-กรรมอ�นเป็�นผู้ลมาจุากป็ระสบการณ์#หร%อการฝึ;กห�ด)

378. เป็?าหมายส�าค�ญในการเร�ยนการสอนภาษาไที่ย ติามหล�กส�ติรป็ระถูมศึ/กษา 2521

(ฉบ�บป็ร�บป็ร�ง 2533) ติ�องการให�เก-ดก�บน�กเร�ยน 4 ด�านค%อ……..(1.ความร� � 2. ที่�กษะ 3.ค�าน-ยม 4.การจุ�ดการ)

379. ข้�3นติอนการสอนภาษาไที่ยแบบม��งป็ระสบการณ์#(1) คร�อ�านเช่-งเล�าให�น�กเร�ยนฟิ6ง

(2) น�กเร�ยนเล�าเร%�องที่��ฟิ6ง(3) คร�และน�กเร�ยนเข้�ยนเร%�องร�วมก�น(4) น�กเร�ยนที่�าหน�งส%อใหญ� (BIG BOOK)

(5) น�กเร�ยนที่�าก-จุกรรมฝึ;กที่�กษะที่างภาษา380. การจุ�ดก-จุกรรมติามกระบวนการสร�างน-ส�ย ม� 6 ข้�3นติอน(1) ร�บร� � (ส�งเกติ) (2) ค-ดว-เคราะห#อย�างม�ระบบ(3) สร�างแนวป็ฏิ-บ�ติ-ที่��เหมาะสม (4) ลงม%อป็ฏิ-บ�ติ-(5) ป็ระเม-นผู้ลป็ร�บป็ร�ง (6) ช่%�นช่มติ�อการป็ฏิ-บ�ติ-381. องค#ป็ระกอบข้องการจุ�งใจุ…(1. ผู้��เข้�าร�บการจุ�งใจุ 2. ว-ธ์�การจุ�งใจุ 3. เป็?าหมายการจุ�งใจุ)

3. การก�าหนดค�าติอบแที่นให�เหมาะสม)

385. ศึ�นย#อ-เล>กที่รอน-กส#และคอมพั-วเติอร#แห�งช่าติ- ค%อ….(NECTEC)………ออกสอบ ป็= 2543

386. ถู�าติ�องการอ�ดส�าเนาจุ�านวนมาก ๆ ควรใช่�เคร%�องม%อช่น-ดใด…(COPY PRINTER)

387. ติ�องการฉายภาพัน�าเสนอข้�อม�ลในการป็ระช่�ม ควรใช่�เคร%�องม%อช่น-ดใด….

(PROJECTOR)

388. ติ�องการอ�านรห�สแที่�งใช่�เคร%�องม%อ….(BARCODE READER)

389. เคร%�องแป็ลงส�ญญาณ์จุากคอมพั-วเติอร#ส�� ที่�ว� ค%อ……(TV CODER)….ออกสอบ ป็= 2551

394. การสอนโดยระบบคอมพั-วเติอร# ON – LINE โป็รแกรมการสอนจุะถู�กเก>บไว�ที่��….

(SERVER)

395. การสอนแบบม��งป็ระสบการณ์#ภาษา น�ามาใช่�ในป็ระเที่ศึไที่ยเม%�อใด…(2531)

396. สโมสรเอกช่นใดให�การสน�บสน�นการที่ดลองสอนแบบม��งป็ระสบการณ์#……

(โรติาร��)397. ร�ป็แบบศึ�นย#การเร�ยนที่��น-ยมจุ�ดในโรงเร�ยนค%อ.(1. เอกเที่ศึ 2.ในห�องเร�ยน 3. สอนแบบศึ�นย#การเร�ยน)

398. ศึ�นย#การเร�ยน เป็�นการจุ�ดป็ระสบการณ์#…(ให�ผู้��เร�ยนได�ป็ระกอบก-จุกรรมการเร�ยนร� �ด�วยติน เองมากที่��ส�ด โดยอาศึ�ยส%�อการสอนแบบป็ระสม และกล��ม ส�มพั�นธ์# เป็�นการเร�ยนติามเอก�ติภาพั)

399. ห�องป็ฏิ-บ�ติ-การที่างภาษาใช่�ป็ระกอบการสอนว-ช่า (SOUND LAB)……(ที่�กว-ช่า)

400. เที่คโนโลย�ที่างการศึ/กษาที่��เป็�นว-ธ์�การ ได�แก�…(การที่ดลอง การสาธ์-ติ บที่เร�ยนโป็รแกรม)

401. การพั�ฒนาเข้�มข้องคร�บรรจุ�ใหม�ใช่�เวลาก��ป็= ติอบ 2 ป็=402. น�กเร�ยนยากจุน หมายถู/ง ติอบ ผู้��ป็กครองม�รายได�ป็=ละ ไม�เก-น 40,000 บาที่403. ใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัม�อาย� ติอบ 5 ป็=

404. การป็ระเม-นภายนอกจุาก สมศึ. ภายในเวลา ติอบ 5 ป็=405. อ.ก.ค.ศึ. ม�วาระ ติอบ 4 ป็=406. การที่�าส�ญญาจุ�างพัน�กงานราช่การคร�3งละ ติอบ 4 ป็=407. การเล%อกติ�3ง ก.ค.ศึ. ที่��หมดวาระติ�องเล%อกติ�3ง ภายในเวลา ติอบ 60 ว�น408. การลาอ�ป็สมบที่หร%อป็ระกอบพั-ธ์�ฮั�จุ จุะได�ร�บเง-นว-ที่ยฐานะ ติอบ 60 ว�น409. Web. สพัฐ. ติอบ www.obec.go.th

410. GMFIF ติอบ Government Fical Management Information Sytem

411. คณ์ะกรรมการช่�ดใดส�าค�ญที่��ส�ดในนโยบายเร�ยนฟิร� 15 ป็= ติอบ ภาค� 4 ฝึOาย412. โครงการค%นคร�ให�น�กเร�ยน สนองนโยบายใดข้องร�ฐบาล ติอบ ติ�นกล�าอาช่�พั414. MULTIMEDIA….(ส%�อป็ระสม ได�แก� SOUND ภาพั ข้�อความ)

415. เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าค�ญ ติอบ หล�กการ416. การศึ/กษาระด�บใดไม�ม�ก-จุกรรมพั�ฒนาผู้��เร�ยน ติอบ อน�บาล417. การศึ/กษาภาคบ�งค�บ ค%อ ติอบ ระด�บป็ระถูม / ม.ติ�น418. การว�ดผู้ลในหล�กส�ติร 2551 ระด�บใดที่��ว�ดผู้ลรายป็= ติอบ ป็ระถูม419. นโยบายเร�ยนฟิร� 15 ป็= ไม�ม�ก-จุกรรมพั�ฒนาผู้��เร�ยนใด ติอบ แนะแนว421. ค�า Internet ติอบ งบด�าเน-นการ422. ความหมายข้องว-ส�ยที่�ศึน# ติอบ มองอนาคติ423. ว-น�ยเช่-งบวก ติอบ ให�ความร�กความอบอ��น424. ถู�าม�น�กเร�ยนเป็�นหว�ด 2009 ติอบ ป็Bดโรงเร�ยนเพั%�อที่�าความสะอาด ย�บย�3งเช่%3อโรค425. โรงเร�ยนส��งป็Bดโรงเร�ยนเน%�องจุากโรคหว�ด 2009 เป็�นหน�งส%อป็ระเภที่ใด ติอบ หน�งส%อส��งการ426. การสอน / ให�ความร� �เร%�องหว�ด 2009 แก�น�กเร�ยนให�ป็ระโยช่น#ใดติ�อน�กเร�ยน ติอบ การด�แลส�ข้ภาพั428. ผู้��ม�อ�านาจุส��งบรรจุ�คร� ติอบ ผู้อ.โรงเร�ยน429. ใครค%อผู้��น-เที่ศึในโรงเร�ยน ติอบ ห�วหน�ากล��มสาระ431. ห�องสม�ด 3 ด� ที่��ไม�ใช่� ติอบ บร-การด�432. การเล%อกห�วหน�างานบ�คลากร ติอบ ม�มน�ษย#ส�มพั�นธ์#433. การเล%อกฝึOายป็ระช่าส�มพั�นธ์# ติอบ ร� �ภาระงาน / ม�มน�ษย#ส�มพั�นธ์#434. การบร-การถู�าผู้��ร �บบร-การไม�ด�ติ�อง ติอบ ป็ร�บป็ร�ง435. ข้�าเจุ�าติายไป็ ความร� �ไป็ด�บข้งเบ�ง ติอบ KM

436. การพั�ฒนาแบบก�ากระโดด ติอบ Bench Marking

437. โรงเร�ยนเล>กก�บโรงเร�ยนใหญ� ติอบ โรงเร�ยนค��พั�ฒนา

438. การว�ดผู้ล 2551 ติ�างก�บ 2544 ในเร%�อง ติอบ การว�ดผู้ลระด�บเข้ติพั%3นที่��439. คร�บรรจุ�ใหม�ในการที่�างาน ผู้อ. ควรที่�าอย�างไร …………น-เที่ศึ / ติ-ดติามผู้ล440. ข้�อที่��ไม�ใช่�สมรรถูนะผู้��เร�ยนหล�กส�ติร 51 ติอบ การพั�ฒนาตินเอง441. เอกสารใดข้องหล�กส�ติร 51 ที่��กระที่รวงบ�งค�บ .. ป็พั. 1- 3

442. โครงการ…….เห>นช่อบจุากใคร …. คณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน443. กรณ์�คร�ลาคลอดบ�ติร 90 ว�น ลาป็Oวย ……… ว�น ลาก-จุ…………ว�น ติอบ พั-จุาณ์า 0 .5 ข้�3น444. การป็ร�บกรณ์�ส�งหน�งส%อไม�ที่�นติามเวลา (ป็ร�บพั�สด�) ติอบ ป็ร�บรวม 8 ว�น445. การป็ร�บกรณ์�ก�อสร�าง ติอบ 3 ว�น447. ก-จุกรรมใดกระที่�าหล�งส�ด ในหล�กส�ติร ติอบ หน�วยการเร�ยนร� �448. นโยบายเร�ยนฟิร� 15 ป็= ครอบคล�ม ติอบ อน�บาล / ป็ระถูม / ม.ติ�น /ม.ป็ลาย/ป็วช่.

450. เม%�อได�ร�บงบป็ระมาณ์ ในก-จุกรรมพั�ฒนาผู้��เร�ยนควรที่�าอย�างไร ติอบ วางแผู้นการใช่�จุ�ายเง-น452. คร�ได�ร�บความไม�เป็�นธ์รรม (ว-น�ยไม�ร�ายแรง) ติอบ ร�องที่�กข้#ติ�อ อ.ก.ก.ศึ.

453. กรณ์�ช่��สาว ติอบ ก. ส%บสวนข้�อเที่>จุจุร-ง454. คร�ลาศึ/กษาติ�อในป็ระเที่ศึใครอน�ญาติ ติอบ ผู้อ. โรงเร�ยน455. ผู้อ.รองฯไป็ราช่การ .. สพัที่.แติ�งติ�3งคร�ร�กษาราช่การแที่น456. การแติ�งติ�3งผู้��ร �กษาราช่การแที่นใครได�ร�บการพั-จุารณ์าก�อน ติอบ ว-ที่ยฐานะ457. โรงเร�ยนข้นาดเล>กใช่�ว-ธ์�การสอน ติอบ คละช่�3น458. ก�อนการจุ�ดก-จุกรรมการเร�ยนการสอนติ�องที่�าส-�งใดก�อน ติอบ ร� �จุ�กเด>กเป็�นรายกรณ์�459. Education hub ติอบ ไที่ยเป็�นศึ�นย#กลางการศึ/กษาในเอเช่�ย460. ผู้ลงานข้องร�ฐบาลในรอบ 6 เด%อน ที่��เห>นเด�นช่�ด ติอบ นโยบายเร�ยนฟิร� 15 ป็=461. การจุ�ดหล�กส�ติรการเร�ยนให�เด>กพั-การติ�องด� ติอบ 1. ความพั-การ462. หล�กส�ติร 2551 ใช่�ครบที่�กช่�3นในป็= ติอบ 2555

463. ผู้��น�าในย�คการป็ฏิ-ร�ป็ ติอบ ผู้��น�าการเป็ล��ยนแป็ลง466. การที่�างานโดย Team work ติอบ ย/ดองค#กรเป็�นหล�ก467. การที่�าอย�างไรที่��ที่�าให�ที่��ที่�าให�ช่�มช่นม�ความเข้�มแข้>งที่างว-ช่าการ ..ช่�มช่นเข้�ามาม�ส�วนร�วมในก-จุกรรมว-ช่าการข้องโรงเร�ยน468. ID. plane ติอบ แผู้นพั�ฒนาคร�รายบ�คคล469. โรงเร�ยนแห�งหน/�งคร�มาสาย เด>กมาสาย ผู้��บร-หารควรที่�าอย�างไร ติอบ หามาติรการร�วมก�น

470. ค�าพัาหนะ ติอบ ผู้อ. 4 บาที่ คร� 4 บาที่471. หล�กธ์รรมข้องการให�บร-การ ติอบ ส�งคหว�ติถู� 4472. ธ์รรมในการที่�างานเป็�นที่�ม ติอบ อ-ที่ธ์-บาที่ 4473. SBM ติอบ การบร-หารแบบม��งผู้ลส�มฤที่ธ์-5ข้องย�ที่ธ์ศึาสติร#474. เม%�อส-3นป็=การศึ/กษาโรงเร�ยนควรที่�าอะไร ..รายงานป็ระจุ�าป็=475. การพั-จุารณ์าความด�ความช่อบด�จุาก ติอบ ผู้ลส�มฤที่ธ์-5ที่างการเร�ยน476. การด�แลน�กเร�ยน ติอบ 4. คร�ที่��ป็ร/กษา ………………. ส�งติ�อ477 งบลงที่�นค%อ.. ติอบ ค�าที่��ด-นและส-�งก�อสร�าง478. การส%�อสารก�บผู้��บร-หารโดยติรง ติอบ ป็6ญญาหาคล��คลายจุากใหญ�ไป็เล>ก จุากเล>ก….

480. เด>กพั-เศึษติ�องค�าน/งถู/งอะไร ติอบ หล�กส�ติร481. หล�กส�ติร 2551 ใช่�ครบในป็=ใด ติอบ 2555

482. รายงานป็ระจุ�าป็=รายงานใคร ..โรงเร�ยน เข้ติ สาธ์ารณ์ช่น483. E-filing ติอบ ระบบจุ�ดเก>บ และค�นหาเอกสารผู้�านเคร%อข้�าย Intranet ภายในส�าน�กงาน484. E – Training ติอบ พั�ฒนาคร�เย�ยวยาว-ช่าการ485. จุ�ดซึ้%3อจุ�ดจุ�าง ที่างอ-เล>กที่รอน-กส# ติอบ 2 ล�านข้/3นไป็486. หน�งส%อถู/งพัระภ-กษ� ติอบ นม�สการ487. ออกจุากราช่การ โดยไม�ได�ย�บย�3ง ไม�ได�อน�ญาติ ม�หน�งส%อแจุ�ง ติอบ 7 ว�น488. การว-จุ�ยเป็�นส�วนหน/งข้อง … ติอบ กระบวนการเร�ยนร� �489. ไม�ใช่�ค�ณ์ล�กษณ์ะป็ระสงค#ข้องหล�กส�ติร 51 … ความเป็�นสากล490. ระด�บการศึ/กษาหล�กส�ติร 51 ติอบ ป็ระถูม,ม.ติ�น,ม.ป็ลาย491 เหร�ยญจุ�กรพัรรด-มาลา ติอบ 25 ป็=492. เก��ยวข้�องก�บโรงเร�ยนน�อยที่��ส�ด ติอบ นโยบายจุ�งหว�ด493. ป็ระเที่ศึไที่ยใช่�ร�ป็แบบงบป็ระมาณ์ … ติอบ แบบม��งเน�นผู้ลงานติามกลย�ที่ธ์#495. การสร�างว-น�ยเช่-งบวก ติอบ ให�ความร�กความอบอ��น….

496. จุดที่ะเบ�ยนส-�งก�อสร�าง ติอบ 2 ก.ย. 52

498. ผู้อ.ด�าคร� ติอบ ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พั499. โครงการป็ฏิ-ร�ป็พั�ฒนาใคร ติอบ พั�ฒนาคร�ที่�กคน500. รายงานผู้ลการพั�ฒนาน�กเร�ยนที่��…. ติอบ เป็�นงานว-จุ�ย

แนวข้�อสอบบรรจุ� คร�ผู้��ช่�วย (จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร�)Posted by Administrator On ก�มภาพั�นธ์# 23, 2015 0 Commentข้�อสอบว-ช่าช่�พัคร� (จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร�)

ค�าส��ง จุงเล%อกค�าติอบข้�อที่��ถู�กติ�องที่��ส�ดพั�ยงข้�อเด�ยว

 

:: ว-ธ์�การด�ค�าติอบ เพั�ยงแค�เล%อกหร%อที่�าไฮัไลที่#หล�งค�าว�า ติอบ ก>จุะเห>นค�าติอบแล�วคร�บ“ ”

1. “จุรรยา ” ม�ความหมายเช่�นเด�ยวก�บค�าใด?

ก. กร-ยาข้.จุร-ยาค. มรรยาที่ง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ข้.จุร-ยา

2. “ความป็ระพัฤติ-ที่��ผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พัติ�างๆ ว-ช่าช่�พัถู/งป็ฏิ-บ�ติ- โดยบ�ญญ�ติ-ไว�เป็�นลายล�กษณ์#อ�กษร”หมายถู/ง?

ก. จุรรยาบรรณ์ข้. ส�ติยาบรรณ์ค. มาติรฐานว-ช่าช่�พัง. จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร�ติอบ ก. จุรรยาบรรณ์

3. ข้�อใดค%อความหมายข้องค�าว�า จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร�?ก. แบบแผู้นที่��ข้�าราช่การควรป็ระพัฤติ-ป็ฏิ-บ�ติ-ข้. แบบแผู้นที่��ข้�าราช่การติ�องป็ระพัฤติ-ป็ฏิ-บ�ติ-ค. แบบแผู้นที่��ข้�าราช่การย/ดป็ระพัฤติ-ป็ฏิ-บ�ติ-ง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ข้. แบบแผู้นที่��ข้�าราช่การติ�องป็ฏิ-บ�ติ-

4. จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร� ก�าหนดข้�3นเพั%�อว�ติถู�ป็ระสงค#ในข้�อใด?

ก. ร�กษาและส�งเร-มเก�ยรติ-ค�ณ์ ข้องผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�ข้. ร�กษาและส�งเสร-มช่%�อเส�ยง ข้องผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�ค. ร�กษาและส�งเสร-มฐานะข้องผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�ง.ถู�กที่�กข้�อติอบ ง. ถู�กที่�กข้�อ

5. จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร� ก�าหนดไว�ในกฎหมายใด?

ก. พัระราช่บ�ญญ�ติ-ระเบ�ยบข้�าราช่การพัลเร%อน พั.ศึ. 2535

ข้. พัระราช่บ�ญญ�ติ-สภาคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาพั.ศึ 2546

ค. พัระราช่บ�ญญ�ติ-ระเบ�ยบข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา พั.ศึ. 2547

ง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ง.ถู�กที่�กข้�อ

6. ผู้��ที่��จุะเข้�าร�บราช่การคร� ติ�องม�อาย�ติามข้�อใด?

ก. 18 ป็=บร-บ�รณ์# ข้. ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#ค. 20 ป็=บร-บ�รณ์# ง. ไม�ติ��ากว�า 20 ป็=บร-บ�รณ์#ติอบ ข้.ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#

7. ผู้��ที่��จุะเข้�าร�บใบป็ระป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร� ติ�องม�อาย�ติามข้�อใด?

ก. 18 ป็=บร-บ�รณ์#ข้. ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#ค. 20 ป็=บร-บ�รณ์#ง. ไม�ติ��ากว�า 20 ป็=บร-บ�รณ์#ติอบ ง. ไม�ติ��ากว�า 20 ป็=บร-บ�รณ์#

8. มาติรฐานว-ช่าช่�พัคร� ม�จุ�านวนก��มาติรฐาน?

ก. 3 มาติรฐานข้. 4 มาติรฐานค. 5 มาติรฐานง. 6 มาติรฐานติอบ ก. 3 มาติรฐาน

9. มาติรฐานว-ช่าช่�พัคร�ในข้�อใดที่��ก�าหนดให�เป็�นจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พั?

ก. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-ตินข้. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-งานค. มาติรฐานความร� � และป็ระสบการณ์#ว-ช่าช่�พัง. มาติรฐานการสอนติอบ ก. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-ติน

10. จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พัคร� มรจุ�านวนเที่�าใด?

ก. 4 จุรรยาบรรณ์ ข้. 5 จุรรยาบรรณ์ค. 6 จุรรยาบรรณ์ ง. 7 จุรรยาบรรณ์ติอบ ข้. 5 จุรรยาบรรณ์

11.จุรรยาบรรณ์ว-ช่าช่�พั ได�แก�?ก. จุรรยาบรรณ์ติ�อตินเอง จุรรยาบรรณ์ติ�อว-ช่าช่�พัข้. จุรรยาบรรณ์ติ�อผู้��ร �บบร-การค. จุรรยาบรรณ์ติ�อผู้��ร �วมป็ระกอบว-ช่าช่�พัง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ง. ถู�กที่�กข้�อ

12. หน�วยงานใดเป็�นผู้��ก�าหนดข้�อบ�งค�บว�าด�วยมาติรฐานว-ช่าช่�พัคร�?

ก. ค�ร�สภาข้. คณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาค. คณ์ะกรรมการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ก. ค�ร�สภา

13. จุรรยาบรรณ์คร� พั.ศึ. 2539 ม�จุ�านวนก��ข้�อ?

ก. 6 ข้�อ ข้. 7 ข้�อ ค. 8 ข้�อ ง. 9 ข้�อติอบ ง. 9 ข้�อ

14. ข้�อใดไม�ได�ก�าหนดไว�ในจุรรยาบรรณ์คร� พั.ศึ.2539

ก.คร�ติ�องร�กและเมติติาศึ-ษย#ข้. คร�ย�อมร�กและศึร�ที่ธ์าในว-ช่าช่�พัคร�ค. คร�ย�อมเป็�นบ�คคลที่��ป็ระหย�ดและม�ธ์ย�สถู#ง. ไม�ม�ค�าติอบติอบ ค. คร�ย�อมเป็�นบ�คคลที่��ป็ระหย�ดและม�ธ์ย�สถู#

15. บ�คคลซึ้/�งได�ร�บความเส�ยหายจุากการป็ระพัฤติ-ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พั ข้องผู้��ได�ร�บใบอน�ญาติม�ส-ที่ธ์-กล�าวกาผู้��ได�ร�บอน�ญาติ โดยย%�นเร%�องติ�อผู้��ใด?

ก. ค�ร�สภาข้. คณ์ะกรรมการค�ร�สภาค. กรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พัง. คณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาติอบ ก. ค�ร�สภา

16. จุากข้�อ 15 ส-ที่ธ์-กล�าวโที่ษส-3นส�ดเม%�อระยะเวลาติามข้�อใดน�บแติ�กล�าวโที่ษร� �เร%�องการป็ระพัฤติ-ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พัคร� และร� �ติ�วผู้��ป็ระพัฤติ-ผู้-ด?

ก. พั�น 1 ป็= ข้. พั�น 2 ป็= ค. พั�น 3 ป็= ง. พั�น 4 ป็=ติอบ ก. พั�น 1 ป็=

17. จุากข้�อ 15 ส-ที่ธ์-กล�าวโที่ษส-3นส�ดเม%�อระยะเวลาติามข้�อใดน�บแติ�ผู้��กล�าวโที่ษร� �เร%�องการป็ระพัฤติ-ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พั และร� �ติ�วผู้��ป็ระพัฤติ-ผู้-ด?

ก. คณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ข้. คณ์ะกรรมการค�ร�สภาค. คณ์ะกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พัง. คณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาติอบ ค. คณ์ะกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พั

18. โที่ษข้องผู้��ป็ระพัฤติ-ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พัคร� ม�ก��สถูาน?

ก. 4 สถูาน ข้. 5 สถูาน ค.6 สถูาน ง. 7 สถูานติอบ ข้. 5 สถูาน

19. ข้�อใดไม�เป็�นโที่ษข้องผู้��ป็ระพัฤติ-ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พัคร�?ก. ยกข้�อกล�าวหาข้.ติ�กเติ%อนค. ภาคที่�ณ์ฑ์#ง. ติ�ดเง-นเด%อนติอบ ง. ติ�ดเง-นเด%อน

20. โที่ษ พั�กใบอน�ญาติ ผู้��ป็ระพัฤติ-จุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พัคร� ม�จุ�านวนก��ป็=?ก. ไม�เก-น 3 ป็=ข้. ไม�เก-น 4 ป็=ค. ไม�เก-น 5 ป็=ง. ไม�เก-น 6 ป็=ติอบ ค. ไม�เก-น 5 ป็=

21. ผู้��ถู�กเพั-กถูอนใบอน�ญาติป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร� จุะข้ออ�กได�เม%�อใด?

ก. พั�น 2 ป็= น�บแติ�ถู�กส��งเพั-กถูอน ข้. พั�น 3 ป็= น�บแติ�ถู�กส��งเพั-กถูอนค. พั�น 4 ป็= น�บแติ�ถู�กส��งเพั-กถูอน ง. พั�น 5 ป็= น�บแติ�ถู�กส��งเพั-กถูอนติอบ ง. พั�น 5 ป็= น�บแติ�ถู�กส��งเพั-กถูอน

22. คร� ถู�กลงโที่ษ ส�าหร�บผู้��ป็ระพัฤติ-ผู้-ดจุรรยาบรรณ์ข้องว-ช่าช่�พัคร� ม�ส-ที่ธ์-ด�าเน-นการเพั%�อร�กษาส-ที่ธ์-ข้องตินเองได�ติามข้�อใด?

ก. ร�องที่�กข้# ข้. ร�องเร�ยน ค. อ�ที่ธ์รณ์# ง. ฎ�กาติอบ ค. อ�ที่ธ์รณ์#

23. จุากข้�อ 222 ติ�องด�าเน-นการติ�อองค#คณ์ะบ�คคลในข้�อใด?

ก. คณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานข้.คณ์ะกรรมการค�ร�สภาค. คณ์ะกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พัง. คณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาติอบ ข้.คณ์ะกรรมการค�ร�สภา

24. จุากข้�อ 23 ติ�องด�าเน-นการภายในระยะเวลาเที่�าใด?

ก. 7 ว�นน�บแติ�ว�นได�ร�บแจุ�งค�าว-น-จุฉ�ยข้.10 ว�น น�บแติ�ว�นได�ร�บแจุ�งค�าว-น-จุฉ�ยค.15 ว�น น�บแติ�ว�นได�ร�บแจุ�งค�าว-น-จุฉ�ยง. 30 ว�น น�บแติ�ว�นได�ร�บแจุ�งค�าว-น-จุฉ�ยติอบ ง. 30 ว�น น�บแติ�ว�นได�ร�บแจุ�งค�าว-น-จุฉ�ย

25. ผู้��ใดป็ระกอบอาช่�พัคร�โดยไม�ได�ร�บอน�ญาติติ�องได�ร�บระวางโที่ษติามข้�อใด?

ก. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บข้. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็=หร%อป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บค. จุ�าค�กไม�เก-น 3 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บง. จุ�าค�กไม�เก-น 3 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 60,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บติอบ ข้. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

26. ผู้��ใดป็ระกอบอาช่�พัคร�ในระหว�างพั�กใบอน�ญาติติ�องได�ร�บการระวางโที่ษติามข้�อใด?

ก. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บข้. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บค. จุ�าค�กไม�เก-น 3 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บง. จุ�าค�กไม�เก-น 3 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 60,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บติอบ ค. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

27. ผู้��ใดแสดงให�ผู้��อ%�นเข้�าใจุว�าตินม�ส-ที่ธ์-5พัร�อมจุะป็ระกอบว-ช่าช่�พัควบค�มโดยไม�ได�ร�บอน�ญาติติ�องระวางโที่ษติามข้�อใด?

ก. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บข้. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บค. จุ�าค�กไม�เก-น 3 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บง. จุ�าค�กไม�เก-น 3 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 60,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ติอบ ค. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่ หร%อ ที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

28. คร�ควรร�บผู้-ดช่อบติ�อส-�งใดมากที่��ส�ด?

ก. โรงเร�ยนข้. น�กเร�ยนค. ผู้��ร�วมงานง. ช่�มช่นติอบ ข้. น�กเร�ยน

29. อาช่�พัใดที่��ใช่�ก�าล�งความค-ดและสมองเป็�นหล�ก?

ก. Technican

ข้. Labour

ค.Profession

ง.Semilabour

ติอบ ค.Profession

30. พัฤติ-กรรมในข้�อใดที่��แสดงว�าไม�ม�ความสามารถูที่างว-ช่าช่�พัคร�?ก. ใช่�อ�ป็กรณ์#การสอนช่น-ดเด�ยวก�นที่�กเน%3อหาว-ช่าข้. เข้�ยนจุ�ดม��งหมายเช่-งพัฤติ-กรรมได�ถู�กติ�องค. จุ�ดบรรยากาศึในช่�3นเร�ยนได�เหมาะสมที่�กเน%3อหาที่�กว-ช่าง. จุ�ดก-จุกรรมการเร�ยนการสอนได�เหมาะสมก�บเน%3อหาว-ช่าติอบ ก.ใช่�อ�ป็กรณ์#การสอนช่น-ดเด�ยวก�นที่�กเน%3อหาที่�กว-ช่า

31. เร%�องใดติ�อไป็น�3ม-ใช่�ล�กษณ์ะส�าค�ญข้องว-ช่าช่�พัช่�3นส�ง?

ก. ว-ธ์�การแห�งป็6ญญาข้. ที่�กษะและเที่คน-คพั-เศึษค. จุรรยาบรรณ์ง. เสร�ภาพัในการใช่�ว-ช่าช่�พัติอบ ข้. ที่�กษะและเที่คน-คพั-เศึษ

32. ค�าเป็ร�ยบเที่�ยบข้�อใดช่�3ให�เห>นว�าคร�เป็�นบ�คคลที่��ควรเคารพัน�บถู%อ?

ก. คร� ค%อ แม�พั-มพั#ข้องช่าติ-ข้. คร� ค%อเร%อจุ�างค. คร� ค%อ ป็�ช่น�ยบ�คคล

ง. คร� ค%อ ผู้��ยกระด�บสติ-ป็6ญญาข้องมน�ษย#ติอบ ค. คร� ค%อ ป็�ช่น�ยบ�คคล

33. บ�คคลใดที่��ได�ช่%�อว�าเป็�นคร�คนแรกบ�ติร?

ก. อ�ป็6ช่ฌาจุารย#ข้. บ�พัพัาจุารย# บ�รพัาจุารย#ค. ป็รมาจุารย#ง. อาจุารย#ติอบ ข้. บ�พัพัาจุารย# บ�รพัาจุารย#

34. ถู�าข้าดข้�อใดจุะเป็�นอ�ป็สรรคติ�อว-ช่าช่�พัคร�อย�างย-�ง?

ก. การถู�ายที่อดความร� �ข้. ความศึร�ที่ธ์าค. เง-นเด%อนง. สว�สด-การติอบ ข้. ความศึร�ที่ธ์า

35. ค�ณ์สมบ�ติ-ที่��ส�าค�ญป็ระจุ�าติ�วคร� ค%อข้�อใด?

ก. บ�คล-กภาพัด�ข้. ความร� �ด�ค. มน�ษยส�มพั�นธ์#ด�ง. สอนด�ม�ค�ณ์ธ์รรมติอบ ง. สอนด�ม�ค�ณ์ธ์รรม

คร/�งที่างแล�ว พั�กช่มส-�งที่��น�าสนใจุแล�วไป็ติ�อ

MACHA detox รสที่�บที่-มMACHA Detox ติ�วช่�วยด�ที่��ส�ดในการข้�บถู�าย เพั%�อล�างสารพั-ษออกจุากร�างกาย อย�างป็ลอดภ�ย #มาช่�าด�ที่>อกข้องแที่� ผู้ลล�พัธ์#ที่��ได�จุากกา

Hyli แก�ป็6ญหา ติกข้าว ม�กล-�น ป็วดป็ระจุ�าเด%อนHyli แก�ป็6ญหาภายในที่�กอย�างข้องค�ณ์ผู้��หญ-ง เห>นผู้ลภายใน 14 ว�นBBAds

36. ธ์รรมะ ที่��คร�ย/ดม��นเป็�นที่��ติ� 3งค%อข้�อใด?

ก. อ-ที่ธ์-บาที่ 4ข้. ส�งคหว�ติถู� 4ค. พัรหมว-หาร 4ง. มรรคและผู้ลติอบ ค. พัรหมว-หาร 4

37. จุรยาบรรณ์ข้อบงคร�ไที่ย บ�ญญ�ติ-เป็�นลายล�กษณ์#อ�กษรและม�กฎหมายรองร�บคร�3งแรกเม%�อใด?

ก. พั.ศึ. 2504 ข้.พั.ศึ. 2505 ค. พั.ศึ. 2506 ง. 2507

ติอบ ค. พั.ศึ. 2506

38. ข้�อใดไม�ติ�องม�ใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�ก>ได� ติามพั.ร.บ. การศึ/กษา 2542?

ก. คณ์าจุารย#ข้. ว-ที่ยากรพั-เศึษค. ผู้��อ�านวยการว-ที่ยาล�ยง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ข้. ว-ที่ยากรพั-เศึษ

39. คร�ติ�องม�ความร� �เก��ยวก�บอะไร?

ก. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-ข้. ความก�าวหน�าในอาช่�พัค. การหารายได�จุาการสอนพั-เศึษง. การที่�าผู้ลงานที่างว-ช่าการติอบ ก. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-

40. คร�ที่��ได�ร�บยกย�องว�า”สอนด�”ค%อข้�อใดก. เล%อกว-ธ์�สอนใหม�ๆ มาใช่�ข้. สอนติามแผู้นการสอนค. สอนให�เหมาะก�บเน%3อหาและจุ�ดม��งหมายง.สอนติามข้�อติกลงระหว�างคร�ก�บน�กเร�ยนติอบ ค. สอนให�เหมาะก�บเน%3อหาและจุ�ดม��งหมาย

41. จุาการว-จุ�ยข้องเฉล�ยว บ�ร�ภ�กด� พับข้�อบกพัร�องข้องคร�ในด�านใดมากที่��ส�ด?

ก. ไม�ร�บผู้-ดช่อบการงาน ม�วเมาในอบายม�ข้ข้.ป็ระพัฤติ-ไม�เหมาะสมแติ�งกายไม�ส�ภาพัค. ช่อบน-นที่า,พั�ดจุาไม�ส�ภาพัง. เจุ�าอารมณ์# จุ��จุ�3ข้�3บ�นติอบ ข้.ป็ระพัฤติ-ไม�เหมาะสมแติ�งกายไม�ส�ภาพั

42. ล�กษณ์ะข้องคร�ที่��ด�ติามเกณ์ฑ์#มาติรฐานข้องค�ร�สภา เป็�นอย�างไร?

ก. ม�บ�คล-กภาพัด�ติรงเวลาข้. รอบร� �สอนด�ม�ค�ณ์ธ์รรม ม��งม��นพั�ฒนาค. เส�ยสละม�ความย�ติ-ธ์รรมง. ม�ความป็ระพัฤติ-ด� ซึ้%�อส�ติย#ติอบ ข้. รอบร� �สอนด�ม�ค�ณ์ธ์รรม ม��งม��นพั�ฒนา

43. เป็?าหมายส�าค�ญข้องคร�ที่��ติ�องการให�เก-ดแก�ติ�วน�กเร�ยนค%อข้�อใด?

ก. ความร� �ข้. ความด�ค. ความค-ดง. ความสามารถูติอบ ข้. ความด�

44. ส�งคมม�ความคาดหว�งว�าส-�งใดสามารถูแก�ป็6ญหาส�งคมได�?ก. เศึรษฐก-จุ ข้. กฎหมาย ค. การศึ/กษา ง. ว�ฒนธ์รรมติอบ ค. การศึ/กษา

45. ค�าว�า “อาจุารย# ” แติ�เด-มใช่�เร�ยกบ�คคลกล��มใด?

ก. คร�ในโรงเร�ยนข้. อาจุารย#ในมหาว-ที่ยาล�ยค. พัระภ-กษ�สงฆ์#ในพั�ที่ธ์ศึาสนาง.บ�ณ์ฑ์-ติ น�กป็ราช่ญ#ติอบ ค. พัระภ-กษ�สงฆ์#ในพั�ที่ธ์ศึาสนา

46. ว-ช่าช่�พัช่�3นส�ง หมายถู/งข้�อใด?

ก. Profession ข้.Labour ค. Semilabour ง.Techician

ติอบ ก.Profession

47. อาช่�พัใดเป็�นอาช่�พัที่��ส�งคมยกย�องมากที่��ส�ด?

ก. ติ�ารวจุ ข้. ที่หาร ค. พัยาบาล ง.คร�ติอบ ง. คร�

48. ข้�อใดกล�าวถู�กติ�องที่��ส�ด?

ก. ว-ช่าช่�พัช่�3นส�งจุะติ�องม�จุรรยาบรรณ์ข้. ว-ช่าช่�พัช่�3นส�งเน�นการบร-การติ�อส�งคมมากกว�าการหาผู้ลป็ระโยช่น#ค. ว-ช่าช่�พัช่�3นส�งจุะติ�องอาศึ�ยความร� � ความค-ด สติ-ป็6ญญาเป็�นหล�กง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ง. ถู�กที่�กข้�อ

49. ค�าว�า”คร�มาจุากรากศึ�พัที่# ” ภาษาใด?

ก. ภาษาบาล�ข้. ภาษาส�นสกฤติค. ภาษาละติ-นง. ภาษากร�กติอบ ข้. ภาษาส�นสกฤติ

50. ข้�อใดให�ความหมายข้องค�าว�า”คร� ” ถู�กติ�องที่��ส�ด?

ก. คร� ค%อ แสงเที่�ยนและดวงป็ระที่�ป็ข้. คร� ค%อ แม�พั-มพั#ข้องช่าติ-ค. คร� ค%อ ผู้��ให� ผู้��ควรแก�ศึ-ษย#เคารพัง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ง. ถู�กที่�กข้�อ

51. ความหมายใดติรงก�บว�า”คร�”?

ก. เบา ข้. หน�ก ค. ส�ง ง. ติ��าติอบ ข้. หน�ก

52. คร� ค%อ ป็�ช่น�ยบ�คคล ค�าว�า ” ป็�ช่น�ยบ�คคล ” ติรงก�บความหมายใด?

ก. ผู้��ที่��ควรแก�การยกย�องข้.ผู้��ที่��ควรแก�การเคารพัค. ผู้��ที่��ควรแก�การน�บถู%อง.ผู้��ที่��ควรแก�การบ�ช่า

ติอบ ข้. ผู้��ที่��ควรแก�การเคารพั

53. ในบที่บ�ญญ�ติ-มาติรฐาน 38 (ก) ติ�าแหน�งซึ้/�งม�หน�าที่��เป็�นผู้��สอนในหน�วยงานการศึ/กษาบ�ญญ�ติ-ไว�ก��ติ�าแหน�ง?

ก. 3 ติ�าแหน�ง ข้. 4 ติ�าแหน�ง ค. 5 ติ�าแหน�ง ง. 6 ติ�าแหน�งติอบ ง. 6 ติ�าแหน�ง

54. ค�าว�า”อาจุารย# ” ติามพัจุนาน�กรมราช่บ�ณ์ฑ์-ติยสถูาน พั.ศึ. 2542 ให�ความหมายติรงก�บข้�อใด?

ก. ผู้��ส� �งสอน ค�าที่��ใช่�เร�ยกน�าหน�าบ�คคลเพั%�อแสดงความยกย�องว�าม�ความร� �ในที่างใดที่างหน/�งข้. ผู้��ส� �งสอนและอบรมความป็ระพัฤติ-ป็ฏิ-บ�ติ-ค. ผู้��ส� �งสอนในมหาว-ที่ยาล�ยง. ผู้��ส� �งสอนที่�าหน�าที่��ที่างด�านว-ช่าการเร�ยนการสอนติอบ ก. ผู้��ส� �งสอน ค�าที่��ใช่�เร�ยกน�าหน�าบ�คคลเพั%�อแสดงความยกย�องว�าม�ความร� �ในที่างใดที่างหน/�ง

55. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-พั.ศึ. 2542 ให�ค�าก�าจุ�ดความไว�ว�า”คณ์าจุารย# ”

หมายถู/งข้�อใด?

ก. บ�คลากรกระที่�าหน�าที่��หล�กในการสอนในสถูานศึ/กษาข้. บ�คลากรหน�าที่��หล�กในการว-จุ�ยในสถูานศึ/กษาค. บ�คลากรหน�าที่��หล�กในการสอนและว-จุ�ยในสถูานศึ/กษาง. บ�คลากรหน�าที่��หล�กในการสอนและว-จุ�ยในสถูานศึ/กษาระด�บอ�ดมศึ/กษาข้องร�ฐและเอกช่นติอบ ง. บ�คลากรหน�าที่��หล�กในการสอนและว-จุ�ยในสถูานศึ/กษาระด�บอ�ดมศึ/กษาข้องร�ฐและเอกช่น

56. ค�าสอนเร%�อง”ก�ลยาณ์ม-ติร”ธ์รรม 7” ค�าว�า””ภาวน�โย ” ติรงก�บข้�อใด?

ก. น�าร�ก ข้. ร� �จุ�กพั�ด ค. น�ายกย�อง ง. อดที่นติ�อถู�อยค�าติอบ ค. น�ายกย�อง

57. หน�าที่��ข้องคร�ที่��จุ�าเป็�นมากที่��ส�ด ค%อข้�อใด?

ก. การสอนและอบรมข้. การแนะแนวและช่�3น�า

ค. การศึ/กษาค�นคว�าและว-จุ�ยง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ก. การสอนและอบรม

58.ผู้��บร-หารการศึ/กษา หมายถู/ง ข้�อใด?

ก. บ�คคลซึ้/�งหน�าที่��สน�บสน�นการศึ/กษาข้. บ�คลซึ้/�งหน�าที่��ผู้��บร-หารการศึ/กษาในเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาค. บ�คคลซึ้/�งป็ฏิ-บ�ติ-งานในติ�าแหน�งผู้��บร-หารนอกสถูานศึ/กษาในระด�บเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาง. บ�คคลซึ้/�งที่�าหน�าที่��บร-หารการศึ/กษาที่างด�านการเร�ยนการสอนที่�3งสอนที่�3งภาคร�ฐและเอกช่นติอบ ค. บ�คคลซึ้/�งป็ฏิ-บ�ติ-งานในติ�าแหน�งผู้��บร-หารนอกสถูานศึ/กษาในระด�บเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา

59. คณ์ะกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พัม�ที่�3งหมดก��คน?

ก. 18 คน ข้. 19 คน ค. 20 คน ง. 21 คนติอบ ข้. 19 คน

60. ผู้��ข้อร�บใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร� ติ�องม�อาย�ไม�ติ��ากว�าเที่�าใด?

ก. 18 ป็=บร-บ�รณ์# ข้. 20 ป็=บร-บ�รณ์# ค. 21 ป็=บร-บ�รณ์# ง. 25 ป็= บร-บ�รณ์#ติอบ ข้. 20 ป็=บร-บ�รณ์#

61. องค#กรว-ช่าช่�พัคร�ในป็6จุจุ�บ�นค%อข้�อใด?

ก. สภาว-ช่าช่�พัคร�ข้. สภาคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาค. ค�ร�สภาง. ถู�กที่�3ง ข้�อ ข้. และ ค.

ติอบ ง. ถู�กที่�3ง ข้. และ ค.

62. ผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พั ติ�องผู้�านการป็ฏิ-บ�ติ-การสอนในสถูานศึ/กษาติามหล�กส�ติรป็ร-ญญาที่างการศึ/กษาไม�น�อยกว�าก��ป็=?ก. 1 ป็= ข้. 2 ป็= ค. 3 ป็= ง. 4 ป็=ติอบ ก. 1 ป็=

63. ป็ระธ์านกรรมการค�ร�สภา ค%อใคร?

ก. ร�ฐมนติร�ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การค. เลข้าธ์-การค�ร�สภาง. ผู้��ที่รงว�ฒ-ที่��คณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3งติอบ ง. ผู้��ที่รงว�ฒ-ที่��คณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง

64. ค�ร�สภา เป็�นองค#การติามข้�อใด?

ก. องค#การมหาช่นข้. องค#การเอกช่นค. น-ติ-บ�คคลในก�าก�บข้องกระที่รวงศึ/กษาธ์-การง. ไม�ม�ข้�อใดถู�กติอบ ค. น-ติ-บ�คคลในก�าก�บข้องกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

65. หน�าที่��ข้องค�ร�สภา ติรงก�บข้�อใด?

ก. ควบค�มและร�กษามาติรฐานว-ช่าช่�พัคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาข้. ควบค�มส�งเสร-มสว�สด-การและสน�บสน�นการศึ/กษาค. ควบค�มการสอนการเร�ยนข้องบ�คลากรที่างการศึ/กษาง. ควบค�มด�แลผู้��บร-หารสถูานศึ/กษาที่�3งภาคร�ฐและเอกช่นติอบ ก. ควบค�มและร�กษามาติรฐานว-ช่าช่�พัคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

66. ค�ร�สภา เร�ยกอ�กอย�างหน/�งว�าอย�างไร?

ก. สภาคร�ข้. สมาคมว-ช่าช่�พัคร�ค. องค#กรว-ช่าช่�พัคร�ง. สภาคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาติอบ ง. สภาคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

67. ค�ร�สภา ม�ว�ติถู�ป็ระสงค#อย�างไร?

ก. ก�าหนดมาติรฐานว-ช่าช่�พัคร�ข้. ส�งเสร-มการว-จุ�ยเก��ยวก�บว-ช่าช่�พัคร�ค. ก�าหนดนโยบายและแผู้นพั�ฒนาว-ช่าช่�พัง. ถู�กที่�กข้�อติอบ ง. ถู�กที่�กข้�อ

68. ข้�อใดไม�ใช่�หน�าที่��ข้องค�ร�สภา?

ก. ก�าหนดมาติรฐานว-ช่าช่�พัข้. พั�กใช่�ใบอน�ญาติหร%อเพั-กถูอนใบอน�ญาติค. ออกใบอน�ญาติแก�ผู้��ข้อป็ระกอบว-ช่าช่�พัง. ด�าเน-นงานด�านสว�สด-การแก�ผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พัติอบ ง. ด�าเน-นงานด�านสว�สด-การแก�ผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พั

69. บ�คคลใดไม�ติ�องม�ใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัที่างการศึ/กษา?

ก. คร�ข้. คณ์าจุารย#ค. ผู้��บร-หารการศึ/กษาระด�บเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาง. ผู้��บร-หารสถูานศึ/กษาในสถูานศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานติอบ ข้. คณ์าจุารย#

70. ใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัที่างการศึ/กษาม�ก��ป็ระเภที่?

ก. 2 ป็ระเภที่ ข้. 3 ป็ระเภที่ ค. 4 ป็ระเภที่ ง. 5 ป็ระเภที่ติอบ ค. 4 ป็ระเภที่

แนวข้�อสอบคร�ผู้��ช่�วย (แนวข้�อสอบว-ช่าช่�พัคร�) ม�เฉลย (99

ข้�อ)

1. เจุติคติ-(Atttitude)หมายถู/งข้�อใด?

ก. การร�บร� �พัฤติ-กรรมในการส%�อสาร

ข้.การสร�างมน�ษย#ส�มพั�นธ์#ในการแสดงออก

ค. ความร� �ส/กข้องบ�คคลที่�3งที่างบวกและที่างลบ ที่��ม�ติ�อส-�งใดส-�งหน/�ง

ง. การสร�างสถูานการณ์# แสดงออกให�บ�คคลยอมร�บ

ติอบ     ค. ความร� �ส/กข้องบ�คคลที่�3งที่างบวกและที่างลบ ที่��ม�ติ�อส-�งใดส-�งหน/�ง

2. ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง?

ก. เจุติคติ-เป็ล��ยนแป็ลงไม�ได�

ข้.เจุติคติ-เก-ดจุากความร� �ส/กข้องบ�คคลเฉพัาะที่างบวกเที่�าน�3น

ค. เจุติคติ-เร-�มเก-ดข้/3นคร�3งแรกก�บว�ยร� �น

ง. ไม�ม�ข้�อถู�ก

ติอบ     ง. ไม�ม�ถู�กข้�อถู�ก

3. เจุติคติ-เก-ดได� ติ�องม�องค#ป็ระกอบ 3 ป็ระการค%อ?

ก.ด�านความค-ด ด�านความร� �ส/ก ด�านพัฤติ-กรรม

ข้. ด�านความค-ด ด�านความร� �ส/ก ด�านพั�นธ์�กรรม

ค. ด�านพั�นธ์�กรรม ด�านพัฤติ-กรรม ด�านความร� �ส/ก

ง. ไม�ม�ข้�อใดถู�ก

ติอบ     ก. ด�านความค-ด ด�านความร� �ส/ก ด�านพัฤติ-กรรม

4. ข้�อใดเป็�นเจุติคติ-จุากการเล�ยนแบบ?

ก. ป็ระสบการณ์#ความร� �ส/ก                                  ข้. อารมณ์#และส-�งแวดล�อม

ค. เอาแบบอย�างจุากพั�อแม�                                  ง. การร�บร� �และส-�งเร�า

ติอบ     ค. เอาแบบอย�างจุากพั�อแม�

5. ข้�อใดกล�าวไม�ถู�กติ�อง?

ก. เจุติคติ-เก-ดจุากการเร�ยนร� �                                   ข้. เจุติคติ-เป็�นส-�งที่��ซึ้�บซึ้�อน

ค. เจุติคติ-เก-ดจุากการเล�ยนแบบ                             ง. ไม�ม�ค�าติอบ

ติอบ     ง. ไม�ม�ค�าติอบ

6. จุากค�ากล�าวที่��ส�า”เจุติคติ-เป็�นส-�งที่��เป็ล��ยนแป็ลงได�”อะไรค%อสาเหติ�ที่��ที่�าให�เจุติคติ-ข้องบ�คคลเป็ล��ยนแป็ลงรวดเร>วที่��ส�ด

ก.พัฤติ-กรรม                                                        ข้. ความร� �ส/ก

ค.ความค-ด                                                           ง.ไม�ม�ข้�อถู�ก

ติอบ     ค. ความค-ด

7. ว-ธ์�การที่��ใช่�ว�ดเจุติคติ-ข้องผู้��เร�ยนที่��เหมาะที่��ส�ดค%อข้�อใด?

ก. การสอบถูาม                                                   ข้. การส�งเกติ

ค. การติรวจุผู้ลงาน                                              ง. ไม�ม�ข้�อใดถู�ก

ติอบ     ก. การสอบถูาม

8. เจุติคติ- ค%อ ความพัร�อม โน�มเอ�ยง ที่��แสดงออกว�าช่อบไม�ช่อบเป็�นค�ากล�าวข้องใคร?

ก. Hilgacd ข้. .Anastasi

ค. Frederic ง. Good

ติอบ    ข้. Anastasi

9. ป็ระสบการณ์#ที่��ที่�าไห�พัฤติ-กรรมเป็ล��ยนเร�ยกว�าอะไร?

ก. การระล/กได�                                                    ข้. การที่ดสอบ

ค. การสอน                                                         ง. การเร�ยนร� �

ติอบ     ง. การเร�ยนร� �

10. ข้�อใดหมายถู/ง เจุติคติ-จุากป็ระสบการณ์#ร�นแรง?

ก. กฎระเบ�ยบข้องโรงเร�ยน

ข้.แม�ด�ล�กที่��ไม�ติ� 3งใจุเร�ยน

ค. เข้�ยวเล�นคอมพั-วเติอร#

ง. แดงก-นอาหารช่น-ดหน/�ง และเก-ดอาการแพั�อาหารอย�างร�นแรง

ติอบ     ง. แดงก-นอาหารช่น-ดหน/�ง และเก-ดอาการแพั�อาหารอย�างร�นแรง

11. ข้�อใดม�อ-ที่ธ์-พัล ติ�อการเก-ดเจุติคติ- ติ�อเด>กมากที่��ส�ด?

ก.อ-ที่ธ์-พัลจุากส%�อมวลช่น                                       ข้. อ-ที่ธ์-พัลจุากการเล�3ยงด�

ค.อ-ที่ธ์-พัลจุากกล��มติ�างๆกล��มในโรงเร�ยน                   ง. อ-ที่ธ์-พัลจุากป็ระสบการณ์#ติรง

ติอบ     ค. อ-ที่ธ์-พัลจุากกล��มติ�างๆกล��มในโรงเร�ยน

12. ข้�อใดกล�าวถู�กติ�องมากที่��ส�ด?

ก. เจุติคติ-ข้องบ�คคลเป็ล��ยนแป็ลงได�เพั�ยงคร�3งเด�ยว

ข้. เจุติคติ-อาจุเป็ล��ยนแป็ลงได� แติ�ไม�ได�หมายความว�าจุะเป็ล��ยนได�ในเวลาอ�นรวดเร>ว

ค. เจุติคติ- เก-ดข้/3นจุากความติ�องการข้�3นพั%3นฐาน

ง. เจุติคติ- เก-ดข้/3นจุากป็ระสบการณ์#เป็�นอ�นด�บแรก

ติอบ     ข้. เจุติคติ-อาจุเป็ล��ยนแป็ลงได� แติ�ไม�ได�หมายความว�าจุะเป็ล��ยนได�ในเวลาอ�นรวดเร>ว

13. เราสามารถูร� �พัฤติ-กรรมที่��บ�คคลน�3นแสดงออกมาได�อย�างไร?

ก. การส�มผู้�ส                                                       ข้. การซึ้�กถูาม

ค. การส�งเกติ                                                      ง. การที่ดสอบ

ติอบ     ค. การส�งเกติ

14. เด>กเก-ดเจุติคติ-จุากส%�อมวลช่นข้�อใดมากที่��ส�ด?

ก. ว-ที่ย�                                                              ข้. หน�งส%อพั-มพั#

ค. โที่รที่�ศึน#                                                       ง. น-ติยสาร

ติอบ     ค. โที่รที่�ศึน#

15. การว�ดเจุติคติ-ที่��น-ยมก�น ได�แก� การว�ดข้องใคร?

ก. Maslow ข้. Likert ค. Pavlova ง. Skinner

ติอบ     ข้. Likert

16. การว�ดเจุติคติ-โดยใช่�ข้�อความที่��เก��ยวก�บเร%�องใดเร%�องหน/�ง สอบถูามความค-ดเห>นข้องบ�คคลที่��ม�ติ�อเร%�องน�3น

เป็�นแนวค-ดข้องใคร?

ก. Freud ข้. Maslow ค. Likert ง. Skinner

ติอบ     ค. Likert

17. ว-ธ์�ว�ดเจุติคติ-สามารถูว�ดได�จุากพัฤติ-กรรมใด?

ก. ที่างติรงอย�างเด�ยว                                            ข้. ที่างอ�อมอย�างเด�ยว

ค. ที่างติรงและที่างอ�อม                                        ง. ที่างบวกและที่างลบ

ติอบ     ค. ที่างติรงและที่างอ�อม

18. ว-ธ์�การว�ดเจุติคติ-ที่��น-ยมก�นมาก ค%อข้�อใด?

ก. การส�ารวจุ                                                      ข้. การใช่�มาติราส�วนป็ระเม-นค�า

ค. การว�ดแบบไม�ว� �นวาย                                        ง. การใช่� Projective Technique

ติอบ     ก. การส�ารวจุ

19. ข้�อใดเป็�นว-ธ์�การว�ดแบบส�ารวจุ?

ก. การหย��งเส�ยงก�อนการเล%อกติ�3ง

ข้. การใช่�แบบที่ดสอบถูามที่��ม�ห�วข้�อให�เล%อก

ค. ว-ธ์�การที่�าจุดหมาย โดยการจุ�าหน�าซึ้องถู/งคนที่��ติ�องการจุะว�ด

ง. การว�ดโดยการสร�างภาพัเพั�อฝึ6น

ติอบ     ก. การหย��งเส�ยงก�อนการเล%อกติ�3ง

20. การใช่�Projictive tenicques เป็�นการว�ดแบบเจุติคติ-ข้องใคร?

ก. ที่างติรง                      ข้. ที่างอ�อม                    ค. การสร�างภาพัเพั�อฝึ6น                ง. การส�ารวจุ

ติอบ     ข้. ที่างอ�อม

21. Congruent Change หมายถู/งข้�อใด?

ก. การเป็ล��ยนแป็ลงไป็คนละที่าง                             ข้. การเป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างเด�ยวก�น

ค. การเป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างบวก                           ง. การเป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างลบ

ติอบ     ข้. การเป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างเด�ยวก�น

22. การเป็ล��ยนแป็ลงเจุติคติ-ไป็คนละที่าง หมายถู/งข้�อใด?

ก. Congruent Change ข้. InCongruent Change

ค. Thematic Appcarance Test ง. Direct Experience

ติอบ     ข้. InCongruent Change

23. สมศึ�กด-5ม�เคารพัติ�อคร�ป็ระจุ�าช่�3น แติ�เม%�อเวลาผู้�านไป็ ความร� �ส/กที่��เคยม�กล�บลดลง ข้�อความน�3สมศึ�กด-5ม�เจุติคติ-

เป็ล��ยนแป็ลงอย�างไร

ก. เป็ล��ยนแป็ลงไป็ติามเวลา                                   ข้. เป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างเด�ยวก�น

ค. เป็ล��ยนแป็ลงไป็คนละที่าง                                 ง. เป็ล��ยนแป็ลงไป็ติามความร� �ส/ก

ติอบ     ค. เป็ล��ยนแป็ลงไป็คนละที่าง

24. “ผู้มม�ความร� �ส/กช่อบงานป็ระเภที่น�3อย��แล�ว และเม%�อได�ที่�าก>จุะย-�งช่อบมากข้/3น”ข้�อความน�3เก-ดเจุติคติ-ในด�านใด?

ก. เป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างเด�ยวก�น                           ข้. เป็ล��ยนแป็ลงไป็คนละที่าง

ค.เป็ล��ยนแป็ลงไป็ติามกาลเวลา                                ง. ไม�ม�ข้�อใดถู�ก

ติอบ     ก. เป็ล��ยนแป็ลงไป็ในที่างเด�ยวก�น

25. ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง?

ก. เจุติคติ-ที่างบวกจุะได�คะแนนมาก                         ข้. เติคติ-ที่างลบจุะได�คะแนนมาก

ค. เจุติคติ-ที่างลบจุะได�คะแนนน�อย                          ง. ข้�อ ก. ข้�อ ค. ถู�ก

ติอบ     ง. ข้�อ ก. ข้�อ ค.ถู�ก

26. ติามป็กติ-ข้องคนเรา เม%�อถู�กว�ดเจุติคติ-ติรงๆค�าติอบที่��ได�ค%อข้�อใด?

ก. อาจุเส��ยงที่��จุะติอบติามติรง ติอบติามที่��ส�งคมช่อบมากกว�า

ข้. อาจุได�ข้�อม�ลติามติรง

ค. อาจุได�ข้�อม�ลจุากใจุจุร-ง

ง. อาจุได�ข้�อม�ลใกล�เค�ยงความจุร-ง

ติอบ     ก. อาจุเส��ยงที่��ติอบติามติรง ติอบติามที่��ส�งคมช่อบมากกกว�า

27. การเล�าเร%�องอธ์-บายภาพับางอย�างที่��ก�ากวมสามารถูบอกได�หลายแง�ม�ม เร�ยกว�าอะไร?

ก. การติ�อเน%�องโดยความส�มพั�นธ์#                         ข้. การสร�างเพั�อฝึ6น

ค. การส�ารวจุป็ระช่ามติ-                                        ง. การหย��งเส�ยงก�อนการเล%อกติ�3ง

ติอบ     ข้. การสร�างภาพัเพั�อฝึ6น

28. บ�คคลที่��ม�อ-ที่ธ์-พัลติ�อการสร�างเจุติคติ-ข้องเด>กมากที่��ส�ดค%อข้�อใด?

ก. พั�อ แม�                                                           ข้. ญาติ-สน-ที่

ค. เพั%�อน                                                             ง. คร�และเพั%�อน

ติอบ     ง. คร�และเพั%�อน

29. อารมณ์#ข้องบ�คคล เก-ดจุากเจุติคติ-ในด�านใด?

ก. Behavioral Component ข้. Affective

ค. Congnitive Component ง. Imitaiton

ติอบ     ข้. Affective

30. เด>กได�ร�บเจุติคติ-จุากการเร�ยนร� �ที่��ใดเป็�นล�าด�บแรก?

ก. บ�าน                                                              ข้. โรงเร�ยน

ค. คร�                                                                 ง. เพั%�อน

ติอบ     ก. บ�าน

31. การว�ดเจุติคติ-จุะติ�องสอดคล�องก�บข้�อใดมากที่��ส�ด?

ก. เน%3อหา                                                           ข้. ก-จุกรรม

ค. จุ�ดป็ระสงค#                                                   ง. การติอบสนอง

ติอบ     ค. จุ�ดป็ระสงค#

32. เจุติคติ-หมายถู/งอะไร?

ก. ที่�าที่� หร%อความร� �ส/กข้องบ�คคลติ�อส-�งใดส-�งหน/�ง

ข้. ความพัร�อมที่��จุะแสดงออกในล�กษณ์ะใดล�กษณ์ะหน/�ง

ค. ความพัร�อม โน�มเอ�ยงที่��แสดงว�าช่อบ หร%อไม�ช่อบติ�อส-�งใดส-�งหน/�ง

ง. ถู�กที่�กข้�อ

ติอบ     ง. ถู�กที่�กข้�อ

33. ข้�อใดกล�าวความหมายข้องว-ช่าช่�พัได�ถู�กติ�องที่��ส�ด?

ก. ส-�ง หร%อ เร%�องที่��จุ�าเป็�นภารก-จุติ�อส-�งหน/�งส-�งใดเป็�นคราวๆ

ข้. ภารก-จุที่��ติ�องที่�าเสมอ

ค. งานที่��ที่�าเป็�นป็ระจุ�าเพั%�อเล�3ยงช่�พั

ง. อาช่�พัที่��ติ�องใช่�ความร� �ความช่�านาญที่��ได�ร�บฝึ;กฝึน

ติอบ     ง. อาช่�พัที่��ติ�องใช่�ความร� �ความช่�านาญที่��ได�ร�บฝึ;กฝึนมา

34. ค�ณ์ล�กษณ์ะข้องว-ช่าช่�พัส�ง ติ�องได�ร�บการฝึ;กอบรมม�ระยะเวลาติาม�อใด?

ก. ไม�น�อยกว�า 1 ป็=           ข้. ไม�น�อยกว�า 2 ป็=           ค. ไม�น�อยกว�า 3 ป็=           ง. ไม�น�อยกว�า 4 ป็=

ติอบ  ง. น�อยกว�า 4 ป็=

35. ข้�อใดเป็�นค�ณ์ล�กษณ์ะข้องว-ช่าช่�พัช่�3นส�ง?

ก. ม�จุรรยาบรรณ์                                                                  ข้. ม�สถูาบ�นว-ช่าช่�พั

ค. ม�การให�บร-การแก�ส�งคมเป็�นเฉพัาะเจุาะจุง                       ง. ถู�กที่�กข้�อ

ติอบ     ง. ถู�กที่�กข้�อ

36. สถูาบ�นว-ช่าช่�พัค� ค%อ ข้�อใด?

ก. ค�ร�สภา

ข้. สถูาบ�นพั�ฒนาผู้��บร-หารการศึ/กษา

ค. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ง. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

ติอบ     ก. ค�ร�สภา

37. คร� ติามพัจุนาน�กรม ฉบ�บราช่บ�ณ์ฑ์-ติสถูาน หมายความว�าอะไร?

ก. เคารพั                                                            ข้. ผู้��ควรแก�การเคารพั

ค. หน�ก                                                              ง. ผู้��ส� �งสอนศึ-ษย#

ติอบ     ง. ผู้��ส� �งสอนศึ-ษย#

38. ว-น�ย เป็�นผู้��ให�ความสน-ที่สนมแก�ศึ-ษย# เพั%�อให�ศึ-ษย#สบายใจุและกล�าเข้�าไป็ป็ร/กษาแสดงว�าคร�ว-น�ย ป็ระพัฤติ-ตินเป็�นคร�ที่��ด�ติาม ธ์รรมะก�ลยาณ์ม-ติร ข้�อใด?

ก. ป็Bโย                                                              ข้. คร�

ค. ภาวน�โย                                                        ง. ว�ติติา

ติอบ     ค. ป็Bโย

39. ข้�อใดแสดงว�าคร�ม�เจุติคติ-ที่��ด�ติ�อว-ช่าช่�พั?

ก. คร�สมช่ายใช่�เวลาว�างเติร�ยมแผู้นการจุ�ดการเร�ยนร� �

ข้. คร�สะอาด ใช่�เวลาติอนเย>นสอนคอมพั-วเติอร#แก�ศึ-ษย# โดยร�บค�าติอบแที่นเพั�ยงเด%อนละ 100 บาที่เที่�าน�3น

ค. คร�สมยศึศึ/กษาติ�อระด�บป็ร-ญญาเอก เพั%�อที่��จุะได�เป็ล��ยนสถูานที่��ไป็สอนในมหาว-ที่ยาล�ย

ง. ถู�กที่�กข้�อ

ติอบ     ก. คร�สมช่ายใช่�เวลาว�างเติร�ยมแผู้นการจุ�ดการเร�ยนร� �

40. ว-ช่าช่�พัคร� ก�าหนดไว�ในกฎหมายใด?

ก. พัระราช่บ�ญญ�ติ-ระเบ�ยบข้�าราช่การพัลเร%อน พั.ศึ. 2535

ข้. พัระราช่บ�ญญ�ติ-สภาคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา พั.ศึ. 2546

ค. พัระราช่บ�ญญ�ติ-ระเบ�ยบข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา พั.ศึ. 2547

ง. ถู�กที่�กข้�อ

ติอบ       ข้. พัระราช่บ�ญญ�ติ-สภาคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา พั.ศึ. 2546

41. อ�ติราค�าธ์รรมเน�ยมข้อข้�3นที่ะเบ�ยนร�บใบอน�ญาติป็ระกอบว-ช่าช่�พัที่างการศึ/กษาจุ�านวนเที่�าใด?

ก. 400 บาที่                                                        ข้. 500 บาที่

ค. 600 บาที่                                                        ง. 700 บาที่

ติอบ     ข้. 500 บาที่

42. คณ์ะกรรมการค�ร�สภาม�จุ�านวนเที่�าใด?

ก. 15 คน                       ข้. 19 คน                       ค. 29 คน                       ง. 39 คน

ติอบ     ง. 39 คน

43. คณ์ะกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พัม�จุ�านวนเที่�าใด?

ก. 15 คน                       ข้. 17 คน                       ค. 23 คน                       ง. 39 คน

ติอบ     ข้. 17 คน

44. ป็ระธ์านกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พัค%อใคร?

ก. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. ร�ฐมนติร�แติ�งติ�3งจุากผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ในคณ์ะกรรมการค�ร�สภา

ง. คณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3งจุากผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ในคณ์ะกรรมการค�ร�สภา

ติอบ     ค. ร�ฐมนติร�แติ�งติ�3งจุากผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ในคณ์ะกรรมการค�ร�สภา

45. ผู้��ม�หน�าที่��ด�แลและร�กษาที่ะเบ�ยนผู้��ได�ร�บอน�ญาติป็ระกอบว-ช่าช่�พัที่างการศึ/กษาค%อใคร?

ก. คณ์ะกรรมการค�ร�สภา

ข้. ส�าน�กงานเลข้าธ์-การค�ร�สภา

ค. คณ์ะกรรมการมาติรฐานว-ช่าช่�พั

ง. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการส�งเสร-มสว�สด-การและสว�สด-ภาพัคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

ติอบ     ง. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการส�งเสร-มสว�สด-การและสว�สด-ภาพัคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

46. บ�คคลที่��จุะได�ร�บบรรจุ�และแติ�งติ�3งเป็�นข้�าราช่การคร�ติ�องม�อาย�ก��ป็=?

ก. ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#                                     ข้.ไม�ติ��ากว�า 20 ป็=บร-บ�รณ์#

ค. ไม�ติ��ากว�า 21 ป็=บร-บ�รณ์#                                     ง. ไม�ติ��ากว�า 25 ป็=บร-บ�รณ์#

ติอบ     ก. ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#

47. บ�คคลที่��ได�ร�บยกเว�นไม�ติ�องม�ใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�ในข้�อใด?

ก. น�กศึ/กษาฝึ;กสอน                                             ข้. ว-ที่ยากรพั-เศึษ

ค. ผู้��จุ�ดการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย                               ง. ถู�กที่�กข้�อ

ติอบ     ง. ถู�กที่�กข้�อ

48. ติ�าแหน�งข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษาส�งก�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การติ�าแหน�งใดได�ร�บ การยกเว�นม�ใบ

ป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�?

ก. อาจุารย#                                                                ข้. อธ์-การบด�

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน           ง. ได�ร�บการยกเว�นที่�กข้�อ

ติอบ     ง. ได�ร�บการยกเว�นที่�กข้�อ

49.ข้�อใดไม�ใช่�ค�ณ์สมบ�ติ-ข้องผู้��ป็ระกอบว-ช่าช่�พัที่างการศึ/กษา?

ก. อาย�ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#                                     ข้. ม�ว�ฒ-ป็ร-ญญาที่างการศึ/กษา

ค. ได�ร�บการฝึ;กฝึนป็ระสบการณ์#มาไม�น�อยกว�า 1 ป็=    ง. ไม�ม�ค�าติอบ

ติอบ     ก. อาย� ไม�ติ��ากว�า 18 ป็=บร-บ�รณ์#

50. ผู้��ป็ระสงค#ข้อข้/3นที่ะเบ�ยนร�บใบอน�ญาติป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�ให�ย%�นติ�อผู้��ใด?

ก.เลข้าธ์-การค�ร�สภา                                              ข้. ผู้��บร-หารสถูานศึ/กษา

ค. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา        ง. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ติอบ     ก. เลข้าธ์-การค�ร�สภา

51. ใบอน�ญาติป็ระกอบว-ช่าช่�พัม�อาย�ใช่�ได�ก��ป็=

ก. 3 ป็=                           ข้. 5 ป็=               ค. 10 ป็=             ง. 15 ป็=

ติอบ     ข้. 5 ป็=

52. กรณ์�ที่��ผู้��ถู�กเพั-กถูอนใบอน�ญาติป็ระกอบว-ช่าช่�พัสามารถูย%�นค�าข้อได�อ�กเม%�อพั�นไป็แล�วก��ป็=?

ก. 1 ป็=                           ข้. 2 ป็=               ค. 5 ป็=               ง. 7 ป็=

ติอบ     ค. 5 ป็=

53. ข้�อใดไม�เป็�นมาติรฐานว-ช่าช่�พั?

ก. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-ติน                                     ข้. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-งาน

ค. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-การสอน                             ง.มาติรฐานความร� �และป็ระสบการณ์#ว-ช่าช่�พั

ติอบ     ค. มาติรฐานการป็ฏิ-บ�ติ-การสอน

54. หน�าที่��ข้องคร� ค%อ ?

ก. จุ�ดป็ระสบการณ์#ให�น�กเร�ยน                               ข้. ป็ฏิ-บ�ติ-งานติามที่��ได�ร�บมอบหมาย

ค. เป็�นผู้��น�าช่�มน�ม เพั%�อพั�ฒนาช่�มช่น                        ง. พั�ฒนาโรงเร�ยน

ติอบ     ก. จุ�ดป็ระสบการณ์#ให�น�กเร�ยน

55. ใครม�หน�าที่��ด�แลสว�สด-ภาพัน�กเร�ยนเวลาก�อนเข้�าเร�ยนพั�กกลางว�นและเวลากล�บบ�าน?

ก. คร�เวร                                                           ข้. คร�ใหญ�

ค. คร�ฝึOายป็กครอง                                             ง. คร�ที่กคน

ติอบ     ง. คร�ที่�กคน

56. ผู้��ม�หน�าที่��เก��ยวก�บสม�ดป็ระจุ�าช่�3น สม�ดป็ระจุ�าติ�วน�กเร�ยนมากที่��ส�ดรองจุกคร�ป็ระจุ�าช่�3นค%อ?

ก. คร�ว-ช่าการ                                                      ข้. คร�ใหญ�

ค. คร�ฝึOายป็กครอง                                               ง. คร�ผู้��สอนในช่�3นน�3นๆ

ติอบ     ง. คร�ผู้��สอนในช่�3นน�3นๆ

57. ใครม�บที่บาที่ติ�อการเร�ยนการสอนมากที่��ส�ดในโรงเร�ยน?

ก. น�กเร�ยน                                                         ข้. คร�ว-ช่าการ

ค. ผู้��อ�านวยการสถูานศึ/กษา                                ง. คร�ผู้��สอน

ติอบ     ง. คร�ผู้��สอน

58. ที่�านควรย/ดหล�กใดในการช่�วยแหล%อช่�มช่น?

ก. ช่�วยให�เข้าช่�วยติ�วเองได�                                     ข้. ช่�วยให�ความร� �แก�ช่�มช่น

ค. ช่�วยพั�ฒนาคนในช่�มช่น                                     ง. ช่�วยให�เศึรษฐก-จุข้องช่�มช่นด�ข้/3น

ติอบ     ก. ช่�วยให�เข้าช่�วยติ�วเองได�

59. คร�ควรม�ความร�บผู้-ดช่อบติ�อส-�งใดมากที่��ส�ด?

ก. โรงเร�ยน                                                        ข้. น�กเร�ยน

ค. ผู้��ร�วมงาน                                                       ง. ช่�มช่น

ติอบ     ข้. น�กเร�ยน

60. แนวที่างที่��ที่างโรงเร�ยนจุะให�บร-การช่�มช่น ที่�าได�อย�างไร?

ก. จุ�ดติ�3งศึ�นย#พั�ฒนาเด>กเล>กที่��โรงเร�ยน                   ข้. จุ�ดโรงเร�ยนให�เป็�นโรงเร�ยนช่�มช่น

ค. เป็Bดโรงเร�ยนศึ/กษาผู้��ใหญ�                                   ง. จุ�ดติ�3งศึ�นย#ฝึ;กอบรมอาช่�พัเคล%�อนที่��

ติอบ     ข้. จุ�ดโรงเร�ยนให�เป็�นโรงเร�ยนช่�มช่น

61. ที่�านควรข้อให�ช่�มช่นช่�วยเหล%ออะไรในโรงเร�ยน?

ก. บร-จุาคว�สด� คร�ภ�ณ์ฑ์#ให�โรงเร�ยน                        ข้. บร-จุาคเส%3อผู้�า สม�ด ด-นสอ อาหารกลางว�น

ค.บร-จุาคเง-นสร�างโรงอาหาร                                   ง. บร-จุาคเง-นสร�างร�3วโรงเร�ยน

ติอบ     ข้. บร-จุาคเส%3อผู้�า สม�ด ด-นสอ อาหารกลางว�น

62. โรงเร�ยนดอนไผู้� ม�ป็?ายหลายแผู้�นติ-ดอย��ในโรงเร�ยน ที่�านค-ดว�าป็?ายใดไม�สมควรติ-ด?

ก. สถูานที่��ราช่การไม�ม�ก-จุห�ามเข้�า

ข้. ห�องน�3เฉพัาะคร�เที่�าน�3น

ค. ส�วมคร�ห�ามน�กเร�ยนใช่�

ง. เช่-ญบร-จุาคที่ร�พัย#ซึ้%3อช่�ดร�บแข้กติามก�าล�งศึร�ที่ธ์า

ติอบ     ก. สถูานที่��ราช่การไม�ม�ก-จุห�ามเข้�า

63. ที่�านช่อบคร�ป็ระเภที่ใดมากที่��ส�ด?

ก. สอนเก�ง                                                         ข้. ม�ความร�บผู้-ดช่อบส�ง

ค. ร�กน�กเร�ยน                                                    ง.ช่อบช่�วยเหล%อ

ติอบ     ข้. ม�ความร�บผู้-ดช่อบส�ง

64. ผู้ลการว-จุ�ย คร�ที่��ล�กศึ-ษย#ไม�ช่อบมากที่��ส�ดค%อ ข้�อใด?

ก. ข้าดความย�ติ-ธ์รรม                                            ข้.ข้าดความร�บผู้-ดช่อบ

ค. เป็�นคนเจุ�าอารมณ์#                                           ง. ป็ระจุบสอพัลอ

ติอบ     ข้. ข้าดความร�บผู้-ดช่อบ

65. ที่�านเห>นด�วยก�บข้�อความใดมากที่��ส�ด?

ก. ไม�ม�ใครสอนใครได� ถู�าเข้าไม�สอนติ�วเองก�อน

ข้. คนที่�กคนสามารถูสอนได� ถู�าเล%อกว-ธ์�การที่��เหมาะสม

ค. คนบางคนสอนไม�ได� คร�ควรที่�าใจุวางเฉย

ง. คนที่�กคนสามารถูสอนได� เม%�อถู/งเวลาที่��เหมาะสม

ติอบ     ข้. คนที่�กคนสามารถูสอนได� ถู�าเล%อกว-ธ์�การที่��เหมาะสม

66. การที่��ร �ฐป็ระกาศึให�เด>กพั-การามารถูเข้�าเร�ยนในโรงเร�ยนที่��วไป็ได� ที่�านค-ดว�าเหมาะสมหร%อไม� เพัราะเหติ�ใด?

ก. เหมาะสม เพัราะเด>กป็กติ-จุะได�ช่�วยเหล%อเด>กพั-การ

ข้. เหมาะสม เพัราะเด>กพั-การจุะได�ใช่�ช่�ว-ติร�วมก�บเด>กป็กติ-

ค. ไม�เหมาะสม เพัราะอ�ป็กรณ์#การเร�ยนไม�เหมาะสมก�บเด>กพั-การ

ง. ไม�เหมาะสม เพัราะจุะที่�าให�เด>กป็กติ-เร�ยนไม�ที่�นหล�กส�ติร

ติอบ     ข้. เหมาะสม เพัราะเด>กพั-การจุะได�ใช่�ช่�ว-ติร�วมก�บเด>กป็กติ-

67. ด.ช่. กองที่�พั ม�ผู้ลการเร�ยนด� ก�าล�งเร�ยนอย��ในช่�3นม�ธ์ยมศึ/กษาป็=ที่�� 3 อยากได�ค�าแนะน�าในการวางแผู้น

เร�ยนติ�อ  ถู�าที่�านม�โอกาสให�ค�าแนะน�าด.ช่.มานะ ที่�านจุะให�ค�าแนะน�าอย�างไร?

ก.เล%อกเร�ยนในสาข้าที่��จุะให�โอกาสการม�งานที่�ามากที่��ส�ด

ข้. เล%อกเร�ยนในสาข้าที่��ติรงก�บธ์�รก-จุข้องครอบคร�ว

ค. ควรเร�ยนติ�อที่างสายว-ที่ยาศึาสติร#ในช่�3นม�ธ์ยมป็ลาย

ง. เล%อกเร�ยนในสาข้าที่��ตินช่อบและถูน�ด

ติอบ     ง. เล%อกเร�ยนในสาข้าที่��ตินช่อบและถูน�ด

68.ป็6จุจุ�บ�นน�กเร�ยนจุ�านวนไม�น�อยป็ระพัฤติ-ตินไป็ติามร�ป็แบบหร%อพัฤติ-กรรมข้องว�ฒนธ์รรมติ�างช่าติ-?

ก. อบรมให�ส�าน/กในว�ฒนธ์รรมไที่ย

ข้. ยกย�องการป็ฏิ-บ�ติ-ตินข้องเยาวช่นด�เด�นแห�งช่าติ-

ค. ร�วมก�นว-เคราะห#เหติ�ผู้ลข้องว�ฒนธ์รรมติ�างช่าติ-

ง. จุ�ดป็ระกวดมารยาที่แบบไที่ยในโรงเร�ยน

ติอบ     ค. ร�วมก�นว-เคราะห#เหติ�ผู้ลข้องว�ฒนธ์รรมติ�างช่าติ-

69. ว�นนร�ติน#     : ถู�าฉ�นเร�ยนเก�งอย�างเธ์อ ฉ�นคงไม�ติ�องมาเร�ยนเป็�นคร�แบบน�3หรอก

ส�วรรณ์ร�ติน# : แติ�ฉ�นอยากจุะเป็�นคร�สอนเด>กยากจุนในช่นบที่เหม%อนก�บค�ณ์แม�และพั��สาว

ที่�านม�ความร� �ส/กติ�อค�าสนที่นาน�3อย�างไร?

ก.คร�เป็�นอาช่�พัที่��ส%บที่อดที่างสายเล%อด

ข้.อาช่�พัคร�เหมาะส�าหร�บผู้��หญ-ง

ค.อาช่�พัคร�ที่�าป็ระโยช่น#ให�แก�ส�งคม

ง.ควรเร�ยนคร�ด�วยใจุร�ก

ติอบ     ง. ควรเร�ยนคร�ด�วยใจุร�ก

70. สมหญ-ง : อาช่�พัคร�ม�แติ�ความจุ�าเจุซึ้�3าซึ้าก ด�อย�างพั��สาวข้องฉ�นซึ้- ติ%�นเช่�าย%นหน�าเสาธ์ง…

ค��าลงติรวจุการบ�าน                น�กเร�ยน…แล�วเธ์อย�งค-ดจุะเป็�นคร�อ�กหร%อ?

สมศึร�  : …………………………………….”?”………………………………………………….

ถู�าที่�านเป็�นสมศึร�จุะติอบสมหญ-งว�าอย�างไร

ก.อาช่�พัคร�จุ�าเจุก>จุร-ง แติ�ไม�เคร�ยดมากหรอกนะเธ์อ

ข้. พั��สาวข้องเธ์อคงม�หน�าที่��ร �บผู้-ดช่อบมากกว�าคร�คนอ%�นๆ

ค.งานข้องคร�น�าเบ%�อก>จุร-ง แติ�ไม�ติ�องแข้�งข้�นก�บคนอ%�นมากน�ก

ง. ถู�าเราม�ใจุร�กในงานคร� ความจุ�าเจุน�าเบ%�อเหล�าน�3นเป็�นเร%�องเล>ก

ติอบ     ง. ถู�าเราม�ใจุร�กในงานคร� ความจุ�าเจุน�าเบ%�อเหล�าน�3นเป็�นเร%�องเล>ก

71. สมช่าย : นายค-ดด�แล�วหร%อ ที่��ค-ดอยากจุะเป็�นคร� ใครๆ ก>ร� �ว�าคร�เป็�นอาช่�พัที่��ไม�ร��ารวย

. สมหว�ง : ………………………………….”?”…………………………………………………….

ถู�าที่�านเป็�นสมหว�งจุะติอบสมช่ายว�าอย�างไร?

ก. ก>เป็�นจุร-งอย�างที่��นายพั�ด แติ�ว-ช่าช่�พัคร�เร�ยนจุบง�าย

ข้. ถู�าที่�กคนค-ดอย�างเด�ยวก�บนายแล�วจุะม�ใครสอนน�กเร�ยน

ค. เห>นด�วยก�บที่��นายพั�ด แติ�พั�อแม�ติ�องการให�ผู้มเป็�นคร�

ง. แม�ว�าจุะม�เง-นเด%อนน�อยแติ�ถู�าข้ย�นสอนพั-เศึษก>จุะร��ารวยเอง

ติอบ     ข้. ถู�าที่�กคนค-ดอย�างเด�ยวก�บนายแล�วจุะม�ใครสอนน�กเร�ยน

72. อ�นว�าห�วงใดใดในสงสาร จุะเป็ร�ยบป็านห�วงล�กหาม�ไม�

แติ�ถู/งห�วงถู/งร�กส�กเพั�ยงใด ก>วางใจุให�อย��ก�บคร�เอย

ที่�านเห>นด�วยหร%อไม�ก�บบที่ร�อยกรองน�3?

ก. เห>นด�วย เพัราะคร�เป็�นบ�คคลที่��น�าเช่%�อถู%อ

ข้. เห>นด�วย เพัราะคร�ม�หน�าที่��สอนเด>ก

ค. ไม�แน�ใจุ เพัราะคร�บางคนย�งม�พัฤติ-กรรมไม�น�าไว�วางใจุ

ง. ไม�แน�ใจุ เพัราะคร�บางคนย�งม�ป็6ญหาส�วนติ�ว

ติอบ     ข้. เห>นด�วย เพัราะคร�เป็�นบ�คคลที่��น�าเช่%�อถู%อ

73.ผู้��ป็กครองน�กเร�ยนคาดหว�งในติ�วคร�ส�งมาก นอกจุากความร� �ความสามารถูในการสอนแล�ว

คร�จุะติ�องเป็�น        แบบอย�างที่��ด�ให�ก�บเด>ก ด�งน�3นคร�จุะติ�องไม�ป็ระพัฤติ-ไป็ในที่างเส%�อมเส�ยในๆ

ที่�านม�ความค-ดเห>นติ�อข้�อความน�3อย�างไร?

ก. การเป็�นคร�ยากล�าบากกว�าที่��ค-ด

ข้. อาช่�พัคร�อย��ภายใติ�ความกดด�นข้องส�งคม

ค. ส�งคมย�งเห>นค�ณ์ค�าข้องคร�

ง. คร�เป็�นมน�ษย#ป็�ถู�ช่นอาจุกระที่�าผู้-ดได�

ติอบ     ค. ส�งคมย�งเห>นค�ณ์ค�าข้องคร�

74. ในป็6จุจุ�บ�นม�ข้�าวในที่างเส%�อมเส�ยเก��ยวก�บคร�บ�อยๆ เช่�น ลงโที่ษเด>กด�วยว-ธ์�การที่าร�ณ์ ข้�มข้%น/ อนาจุารเด>ก

เป็�น ที่�านม�ความค-ดเห>นติ�อข้�าวเหล�าน�3อย�างไร?

ก. อาช่�พัคร�เส��ยงติ�อการกระที่�าความผู้-ดได�ง�าย

ข้. เป็�นข้�าวที่��ที่�าลายความร� �ส/กในที่างที่��ด�ติ�อคร�อย�างมาก

ค. เป็�นธ์รรมดาที่��ที่�กว-ช่าช่�พัติ�องม�บ�คคลไม�ด�รวมอย��ด�วย

ง. ในป็6จุจุ�บ�นคร�ม�กผู้-ดว-น�ยและไร�จุร-ยธ์รรมก�นมาก

ติอบ     ค. เป็�นธ์รรมดาที่��ที่�กว-ช่าช่�พัติ�องม�บ�คคลไม�ด�รวมอย��ด�วย

75. คร�ในย�คป็ฏิ-ร�ป็การศึ/กษาจุะติ�องไม�เป็�นแค�เพั�ยงเร%อจุ�าง แติ�จุะติ�องที่�าหน�าที่��เป็�นย-�งกว�าจุ-ติแพัที่ย#เพั%�อข้�ดเกลา

น�กเร�ยนที่��เป็�นบ�วอย��ใติ�โคลนติม ให�ผู้�ดข้/3นมาเหน%อน�3าให�ได�

ที่�านม�ความค-ดเห>นติ�อข้�อความน�3อย�าไร?

ก.แม�ภาระหน�าที่��ข้องคร�ม�มากข้/3น แติ�ก>เป็�นส-�งที่�าที่ายความสามารถู

ข้. ภาระหน�าที่��ข้องคร�ในย�คป็ฏิ-ร�ป็ม�มากมาย แติ�เง-นเด%อนเล�3ยงกายม�น�อยน-ด

ค. งานข้องคร�ในย�คป็ฏิ-ร�ป็ม�แนวโน�มบ�3นที่อนส�ข้ภาพัและจุ-ติ

ง. เฉพัาะคนที่��ก-นอ�ดมคติ-แที่นข้�าวเที่�าน�3นที่��อยากเป็�นคร�ในย�คป็ฏิ-ร�ป็

ติอบ     ก. แม�ภาระหน�าที่��ข้องคร�ม�มากข้/3น แติ�ก>เป็�นส-�งที่�าที่ายความสามารถู

76. ป็ระกาศึ  ล�าไย  ข้ย�นสอน  โรงเร�ยนบ�านหนองเส%อ ได�ร�บรางว�ลคร�ด�เด�นภาษาไที่ย

เน%�องจุากเป็�นคร�ที่��อ�ที่-ศึตินเพั%�องานการสอนภาษาไที่ยโดยแที่�จุร-ง

ข้อแสดงความย-นด�

สป็อ. ช่ายแดน

ที่�านม�ความร� �ส/กติ�อข้�อความที่��ป็รากฏิในป็ระกาศึข้�างติ�นอย�างไร?

ก. เหมาะสมแล�วที่��คร�ล�าไยจุะได�ร�บรางว�ลก�อนเกษ�ยณ์

ข้. คร�ที่��ที่�าความด�ควรได�ร�บรางว�ล

ค. คร�ก�บคนอ%�นๆ ควรย-นด�ก�บคร�ล�าไย

ง. คร�ที่�กคนคนน�าจุะเป็�นอย�างคร�ล�าไย

ติอบ     ง. คร�ที่�กคนคนน�าจุะเป็�นอย�างร�ล�าไย

77.ที่�กว�นน�3การป็ฏิ-บ�ติ-งานข้องคร�บางหม�� ที่�าให�ร� �ส/กก�นโดยที่��วไป็ว�าคร�ไม�ค�อยห�วงป็ระโยช่น#ที่��ควรห�วงห�นไป็

ห�วงยศึ    ห�วงติ�าแหน�ง ห�วงส-ที่ธ์-และค�อนข้�างร�ายค%อห�วงรายได� ที่�านม�ความค-ดเห>นอย�างไรก�บข้�อความน�3?

ก. เป็�นธ์รรมดาที่��คนเราม�กน/กถู/งติ�วเองเป็�นส�าค�ญ

ข้. เศึรษฐก-จุในป็6จุจุ�บ�นผู้ล�กด�นให�คร�บางคนติ�องกระที่�าเช่�นน�3น

ค. คร�ที่��อ�ที่-ศึตินเพั%�องานคร�โดยแที่�ย�งม�อย��น�อย

ง. การที่�างานข้องผู้��ป็ระกอบอาช่�พัอ%�นบางกล��มก>เป็�นแบบเด�ยวก�น

ติอบ     ค. คร�ที่��อ�ที่-ศึตินเพั%�องานคร�โดยแที่� ย�งม�อย��ไม�น�อย

78. ที่�านเห>นด�วยก�บข้�อความใดมากที่��ส�ด?

ก.คนเป็�นคร�น�3นติ�องร� �จุ�กเล%อก ติ�ดส-นใจุ อ�อนน�อมถู�อมติน แติ�เป็�นติ�วข้องติ�วเอง

ข้. คร�เป็�นคนที่��ไม�ม�ราคาแติ�เป็�นคนที่��ม�ค�า ข้ายติ�วไม�ได� ไม�เป็�นที่าสใคร

ค. อาช่�พัคร�น�3นติ�างไป็จุากอาช่�พัอ%�น ค%อ ไม�ม�ว�นจุะได�ก�าไรเป็�นเง-น

ง. อาช่�พัคร�เป็�นอาช่�พัที่��ได�ร�บการยอมร�บน�บถู%อจุากส�งคม

ติอบ     ค. อาช่�พัคร�น�3นติ�างไป็จุากอาช่�พัอ%�น ค%อ ไม�ม�ว�นจุะได�ก�าไรเป็�นเง-น

79.หม��บ�านใดสมควรได�ร�บการยกย�องมากที่��ส�ด?

ก. หม��บ�านที่�บสม-งม�น�กเร�ยนช่นะเล-ศึว-ช่าการข้องจุ�งหว�ด 5 คน

ข้. หม��บ�านแสมด�าได�ร�บรางว�ลสหกรณ์#หม��บ�านด�เด�นข้องจุ�งหว�ด

ค. หม��บ�านสมอลายม�ยอดจุ�าหน�ายผู้ล-ติภ�ณ์ฑ์#ที่างเกษติรส�งส�ดระด�บภาค

ง. หม��บ�านสอยดาวม�คร�ด�เด�นแห�งช่าติ- 2 คน

ติอบ     ง. หม��บ�านสอยดาวม�คร�ด�เด�นแห�งช่าติ- 2 คน

80. คร�ศึร�นวล : คร�นวลป็รางฉ�นได�ย-นข้�าวจุากคร�ใหญ�ว�าโรงเร�ยนข้องเราเป็�นโรงเร�ยนน�าร�องป็ฏิ-ร�ป็การศึ/กษา

ฉ�นย�งไม�ร� �เลยว�าเข้าป็ฏิ-ร�ป็อะไรก�น เธ์อม�ความเห>นอย�างไร

ถู�าที่�านเป็�นคร�นวลป็ราง ที่�านจุะติอบคร�สมศึร�ว�าอย�างไร?

ก.โรงเร�ยนเราจุะได�ม�ช่%�อเส�ยงเหม%อนก�บโรงเร�ยนอ%�นๆเข้าบ�าง

ข้. คร�ใหญ�ที่�านค-ดก�าวหน�าด�ที่��จุะให�โรงเร�ยนอ%�นๆ เข้าบ�าง

ค. เราคงติ�องช่�วยก�นเติร�ยมการก�นอย�างด�น�กเร�ยนข้องเราจุะได�เก�ง

ง. เราควรให�ความร�วมม%อก�นที่างโรงเร�ยน

ติอบ     ง. เราควรให�ความร�วมม%อก�นในที่างโรงเร�ยน

81. จุากค�ากล�าวที่��ว�า”สายอาช่�พัคร� เด�Wยวน�3ผู้��เร�ยนจุบก�นมาก ที่�าให�หางานยาก ” ที่�านม�ความค-ดอย�างไรก�บค�ากล�าวเล�าน�3?

ก.คนเราจุะเร�ยนอะไรก>ได�เพัราะการเร�ยนจุะที่�าให�คนม�ความค-ดกว�างข้/3น

ข้. ถู�าติ�3งใจุเร�ยนคร� ก>ควรเร�ยน เพัราะถู�าม�ความสามารถูจุร-งคงหางานที่�าได�

ค. ข้อให�ได�เร�ยนไป็ก�อน การแก�ป็6ญหาเป็�นเร%�องข้�างหน�า คนม�ป็6ญหาติ�องแก�ป็6ญหาได�

ง. เป็�นเร%�องที่��น�าเป็�นห�วงเพัราะเห>นคนจุบแล�วหางานที่�าไม�ได�

ติอบ     ข้. ถู�าติ�3งใจุเร�ยนคร� ก>ควรเร�ยน เพัราะถู�าม�ความสามารถูจุร-งคงหางานที่�าได�

82. คร�ป็ราณ์� : เป็�นคร�ที่��ช่อบเข้�าร�วมป็ระช่�มส�มมนาเพั%�อแสวงหาความร� �และเที่คน-คใหม�ๆ แล�วน�ามาใช่�สอนน�กเร�ยน

คร�น-ดา  : เป็�นคร�ที่��ม�ช่%�อเส�ยง ม�ความสามารถูในการพั�ฒนาตินเองจุนได�ร�บติ�าแหน�งอาจุารย# 3

คร�สมช่าย : เป็�นคร�ที่��ใจุด� ให�ความช่�วยเหล%อน�กเร�ยนที่��ข้าดแคลนที่�นที่ร�พัย#เป็�นป็ระจุ�า

คร�มานะ : เป็�นคร�ที่��น�กเร�ยนและช่�มช่นให�ความน�บถู%อยกย�องว�าเป็�นผู้��ที่��ม�ความซึ้%�อส�ติย#ส�จุร-ติ

จุ�ดเด�นข้องคร�คนใดที่��จุะที่�าให�น�กเร�ยนได�ร�บการพั�ฒนาศึ�กยภาพัได�มากที่��ส�ด?

ก. คร�ป็ราณ์�                     ข้. คร�น-ดา                       ค.คร�สมช่าย                    ง.

คร�มานะ

ติอบ ก. คร�ป็ราณ์�

83. “ผู้ลงานข้องคร�ให�ด�ที่��ล�กศึ-ษย# ” สะที่�อนได�จุากข้�อใดมากที่��ส�ด?

ก. ศึ-ษย#ป็ระกอบอาช่�พัม�รายได�ส�ง                            ข้. ศึ-ษย#เป็�นพัลเม%องด�

ค.ศึ-ษย#ได�ป็ระกอบอาช่�พัคร�                                    ง. ศึ-ษย#เป็�นพัลเม%องด�

ติอบ ง. ศึ-ษย#เป็�นพัลเม%องด�

84. ศึ-ษย#เก�า : ด�ใจุที่��ได�พับอาจุารย# น/กถู/งติอนที่��หน�ก�บพั�รศึ�กด-5ถู�กลงโที่ษให�ย%นคาบไม�บรรที่�ดหล�งห�อง

อาจุารย#บอกว�าเราสองคนไม�ติ� 3งใจุเร�ยนเอาแติ�ค�ย แติ�ถู/งจุะถู�กลงโที่ษ เราก>ย�งแอบค�ยจุนได�

พัออาจุารย#เผู้ลอ เราก>เอาไม�บรรที่�ดออกแล�วร�บค�ย

อาจุารย# : คร�ก>ด�ใจุที่��พับเธ์อ ที่�าให�คร�ค-ดถู/งพัวกเธ์อหลายคน โดยเฉพัาะพั�รศึ�กด-5ได�ข้�าวว�าเข้าก�าล�งล�าบาก

ที่�านม�ความร� �ส/กติ�อการสนที่นาอย�างไร?

ก. น�กเร�ยนม�กจุดจุ�าเหติ�การณ์#

ข้. การลงโที่ษไม�ใช่�ส-�งเลวร�ายเสมอไป็

ค. ความป็รารถูนาด�ที่��คร�ม�ติ�อล�กศึ-ษย#

ง. ความผู้�กพั�นระหว�างคร�ก�บศึ-ษย#

ติอบ ค. ความป็รารถูนาด�ที่��คร�ม�ติ�อล�กศึ-ษย#

85. เด>กที่��ร �องเพัลงไม�เป็�น ซึ้/�งเม%�อร�องออกมาย�งถู�กเพั%�อนๆล�อเล�ยน ที่�านม�ว-ธ์�การจุ�ดการป็6ญหาน�3อย�างไร?

ก.บอกให�เด>กเล-กร�อง พัร�อมที่�3งอธ์-บายว�าที่�กษะความสามารถูข้องแติ�ละคนแติกติ�างก�น

ข้.บอกให�เด>กเล-กร�อง พัร�อมที่�3งช่�กช่วนให�ที่�าส-�งอ%�นๆ ที่��ไม�ใช่�การร�องเพัลง

ค. ให�ก�าล�งใจุเด>ก พัร�อมที่�3งหาว-ธ์�การให�เด>กได�ฝึ;กร�องเพัลงอย�างถู�กว-ธ์�

ง. ห�ามป็รามด�เพั%�อนๆที่��มาล�อเล�ยนการร�องเพัลงข้องเด>ก

ติอบ ค. ให�ก�าล�งใจุเด>ก พัร�อมที่�3งหาว-ธ์�การให�เด>กได�ฝึ;กร�องเพัลงอย�างถู�กว-ธ์�

86. คร�วาร�สอนซึ้�อมเสร-มการอ�านให�เด>กหญ-งพั-ก�ล ช่�3น ป็.3 เป็�นเวลา 1 ป็= พับว�าเด>กหญ-งพั-ก�ลพัออ�าน

ได�บ�างเล>กน�อย ไม�เป็�นไป็ติามที่��คร�วาร�ติ� 3งความหว�งไว�คร�วาร�จุ/งข้ยายเพั-�มอ�ก 1 ป็= ที่�านค-ดว�า เด>กหญ-ง

พั-ก�ลจุะม�ความสามารถูติามที่��คร�วาร�คาดหว�งเม%�อส-�งใดเป็�นจุร-ง?

ก.คร�วาร�สอนเด>กหญ-งพั-ก�ลติ�อไป็ครบ 1 ป็=

ข้. คร�วาร�ป็ฏิ-บ�ติ-ติามแผู้นที่��วางไว�เด-ม

ค.เด>กหญ-งพั-ก�ลได�ที่�าแบบฝึ;กห�ดครบถู�วน

ง.คร�วาร�ป็ร�บว-ธ์�สอนบ�อยๆ ติามความก�าวข้องเด>กหญ-งพั-ก�ล

ติอบ ง. คร�วาร�ป็ร�บว-ธ์�สอนบ�อยๆ ติามความก�าวหน�าข้องเด>กหญ-งพั-ก�ล

87. ผู้มไม�แน�ใจุว�าผู้มม�แววเป็�นคร�หร%อไม� ที่�3งๆที่��ผู้มเป็�นคร�มา 20 ป็=แล�ว

………..ติอนน�3นผู้มติ-ดที่�น พัอจุบเป็�นคร�ความจุร-งก>ติรงก�บใจุแม�

………..ไม�ร� �ส/กผู้-ดหว�งก�บการเป็�นคร�

………..ร� �ส/กว�าเส�ยโอกาสในช่�ว-ติเหม%อนก�นถู�าเที่�ยบก�บเพั%�อนๆ

………. ความร� �ส/กแย�ๆ ไม�เป็�นเส�ยที่�กเร%�อง กล�บร� �ส/กว�าโช่คด�เม%�อเที่�ยบก�บช่�ว-ติครอบคร�วและส�ข้ภาพั

…………จุร-งๆแล�วความส�ข้ล/กๆ ค�อยๆ ลอยข้/3นมาเม%�อน/กถู/งเหติ�การณ์# 2-3 ป็=ที่��ผู้�านมา

………..ก>จุากล�กศึ-ษย#มาติามหาเล�าถู/งความส�าเร>จุข้องเข้าและเหติ�การณ์#ในอด�ติที่��ร� �ส/กด�ๆ

………..ติกลงผู้ม ผู้มอยากจุะสร�ป็การส�มภาษณ์#คร�3งน�3ว�า ผู้มโช่คด�ที่��ได�เป็�นคร�

ที่�านค-ดว�า “ความเป็�นคร� ” ข้องคนน�3เก-ดได�อย�างไร?

ก. จุากการได�ร�บการสน�บสน�นด�านที่�นเล�าเร�ยน                ข้.จุากการเร�ยนร� �และป็ระสบการณ์#ติรง

ค. จุากอ-ที่ธ์-พัลข้องส�งคม                                                   ง. จุากความคาดหว�งข้องพั�อแม�

ติอบ ข้. จุากการเร�ยนร� �และป็ระสบการณ์#ติรง

88. อาจุารย#นภดลเล�าว�า”ผู้มลดและติ�ดงานในแผู้นงานป็=น�3ลงเก%อบหมดเหล%อแค�งานสอนติามหน�าที่��และด�ภรรยา ที่��ป็Oวยด�วยโรคมะเร>ง””งานอบรมคร�ติามที่��คาดหว�งให�คร�ติ�นแบบที่�าหร%อคร�บ ผู้มข้องดและติ�ดออกโดยส-3นเช่-ง

เพัราะติ�องใช่�เวลาและติ�องที่-3งบ�าน””งานพัาล�กศึ-ษย#ไป็แสดงติามค�าเช่-ญก>เช่�นก�น ผู้มข้อให�ล�กศึ-ษย#ติ�ดส-น

ใจุติอบร�บติามความพัร�อม โดยไม�ติ�องม�ผู้ม””ส�วนงานสอนเด>กที่��เร�ยนเช่�าย�งคงช่�วยเหล%ออย�� แติ�ข้อให�

เด>กติ�3งใจุเร�ยนในเวลา และให�เพั%�อนช่�วยเหล%ออธ์-บาย แนะน�า แติ�ไม�ใช่�ที่�าการบ�านแที่นก�น”

ที่�านค-ดว�าอาจุารย#นพัดลเป็�นคนเช่�นไร?

ก. เห>นแก�ติ�ว ร�กครอบคร�ว                                            ข้. พั�ดเก�ง สร�างภาพั

ค. ม�กน�อย สมถูะ                                                           ง. ม�เหติ�ผู้ล ร�บผู้-ดช่อบ

ติอบ ก. เห>นแก�ติ�ว

89. ข้�อใดกล�าวถู�กติ�องติามพัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-ฉบ�บป็6จุจุ�บ�น?

ก. การจุ�ดสรรโอกาสเข้�าศึ/กษาติ�อจุะใช่�ว-ธ์�การเด�ยวก�นที่��วป็ระเที่ศึ

ข้. สถูานศึ/กษาจุะติ�องได�ร�บการป็ระก�นค�ณ์ภาพัภายนอกอย�างน�อย 1 คร�3ง ที่�ก 2 ป็=

ค. สถูานศึ/กษาแติ�ละแห�งจุะม�การจุ�าที่�าหล�กส�ติรเป็�นข้องตินเอง

ง. จุะเน�นความร� �ที่�กษะด�านภาษาติ�างป็ระเที่ศึในการเร�ยนการสอนมากกว�าว-ช่าอ%�นๆ

ติอบ ค. สถูานศึ/กษาแติ�ละแห�งจุะม�การจุ�าที่�าหล�กส�ติรเป็�นข้องตินเอง

90. ข้�อใดเน�นการเร�ยนร� � โดยการสร�างองค#ความร� �ด�วยตินเองน�อยที่��ส�ด?

ก. น�กเร�ยนอ�านที่�านองเสนาะติามติ�วอย�างที่��คร�เป็Bดเที่ป็ให�ฟิ6ง

ข้. น�กเร�ยนจุดงานติามที่��คร�เข้�ยนบนกระดาษอย�างครบถู�วน

ค. น�กเร�ยนเข้�ยนรายงานการไป็ศึ/กษานอกสถูานที่��ติามที่��คร�มอบหมาย

ง. น�กเร�ยนแสดงความค-ดเห>นในการที่�างานกล��มก�บเพั%�อน

ติอบ ข้. น�กเร�ยนจุดงานติามที่��คร�เข้�ยนบนกระดาษอย�างครบถู�วน

91. ข้�อความในข้�อใดกล�าวถู/ง “โอล-มป็Bกว-ช่าการ ” ไม�ถู�กติ�อง?

ก. เป็�นการจุ�ดการแข้�งข้�นระด�บโลกที่��ใช่�กติ-กาเด�ยวก�นก�บการแข้�งข้�นก�ฬาโอล-มป็Bก&

ข้. จุ�ดการแข้�งข้�นหลากหลายว-ช่าที่างว-ที่ยาศึาสติร# คณ์-ติศึาสติร#ในป็ระเที่ศึติ�างๆ

ค. ป็ระเที่ศึไที่ยเข้�าร�วมแข้�งข้�นโดยมรสถูาบ�นส�งเสร-มการสอนว-ที่ยาศึาสติร#และเที่คโนโลย�

ง. ป็= พั.ศึ.2546 เด>กไที่ยสามารถูพั-ช่-ติเหร�ยญที่องคณ์-ติศึาสติร# เป็�นคร�3งแรกในรอบ 15 ป็=

ติอบ  ก. เป็�นการจุ�ดการแข้�งข้�นระด�บโลกที่��ใช่�กติ-กาเด�ยวก�นก�บการแข้�งข้�นก�ฬาโอล-มป็Bก

92. ข้ณ์ะที่��คร�สมศึร�ด�าเน-นการสอนน�กเร�ยนช่�3นมะยมศึ/กษา 3 ห�องหน/�ง ระหว�างน�3นพับว�า ด.ช่. แมนแอบด�ค�าติอบข้องเพั%�อน ถู�าที่�านเป็�นคร�สมศึร�ที่�านจุะป็ฏิ-บ�ติ-อย�างไร?)

ก. ยกเล-กการสอบข้อง ด.ช่.แมนเพัราะถู%อว�าที่�จุร-ติติ�อการสอบ

ข้. แจุ�งผู้��บร-หารเพั%�อด�าเน-นการติามระเบ�ยบ

ค. ว�ากล�าวติ�กเติ%อน แล�วเก>บข้�อสอบค%นที่�นที่�

ง. ว�ากล�าวติ�กเติ%อน บ�นที่/กช่%�อไว�และให�ที่�าข้�อสอบจุนเสร>จุ

ติอบ ง. ว�ากล�าวติ�กเติ%อน บ�นที่/กช่%�อไว�และให�ที่�าข้�อสอบจุนเสร>จุ

93. คร�นพัมาศึ : “ด.ช่.”แดง น�กเร�ยนห�องที่��เธ์อเป็�นคร�ป็ระจุ�าช่�3น ระยะน�3ไม�ติ� 3งใจุเร�ยน น��งเหม�อลอย  ไม�ค�อยส�งการบ�าน

คร�สมศึร� : “อXอ!ฉ�นได�สอบถูามแล�ว แกม�ป็6ญหาที่างบ�าน พั�อติกงาน พั�อก�บแม�ม�เร%�องได�เถู�ยงก�นเร%�อย เด>กจุ/งไม�สบายใจุ คงติ�องให�ก�าล�งใจุแกหน�อย

ค�าสนที่นาน�3สะที่�อนถู/งล�กษณ์ะข้องคร�ในด�านใด

ก. ความร�บผู้-ดช่อบ                                ข้. ความเอ%3ออาที่ร

ค. ความเป็�นผู้��น�าที่างป็6ญญา                        ง. ความเป็�นผู้��ม�ศึาสติร#และศึ-ลป็Y

ติอบ ข้. ความเอ%3ออาที่ร

94. ที่�านม�ความเห>นติ�อใบป็ระกอบว-ช่าช่�พัคร�อย�าไร?

ก. ที่�าให�คนอยากเร�ยนคร�เพั-�มข้/3น                        ข้. เง-นเด%อนคร�ส�งข้/3นกว�าเด-ม

ค. ม�มาติรฐานข้องว-ช่าช่�พั                                ง. ม�ศึ�กด-5ศึร�เที่�าอาช่�พัแพัที่ย#

ติอบ ค. ม�มาติรฐานข้องว-ช่าช่�พั

95. คร�น-ภา: ข้ย�นข้�นแข้>ง ใช่�เวลาว�างที่�าอาช่�พัเสร-ม      คร�ว�ระ : พับป็ะผู้��ป็กครองน�กเร�ยนอย�างสม��าเสมอเพั%�อร�วมก�นพั�ฒนาน�กเร�ยน      คร�นาร� : แติ�งติ�วสวยใจุด�สร�างบรรยากาศึที่��ด�ในการเร�ยนการสอน      คร�ว-ช่-ติ : เข้�าร�วมอบรมเที่คน-คว-ธ์�สอนใหม�และผู้ลงานอย�างเป็�นระบบ      ที่�านช่%�นช่มพัฤติ-กรรมข้องคร� 2 คนใดมากที่��ส�ด?

ก. คร�นาร� ก�บ คร�ว�ระ                                ข้. คร�ว�ระ ก�บ คร�นาร�

ค. คร�นาร� ก�บคร�ว-ช่-ติ                                ง. คร�ว-ช่-ติ ก�บ คร�น-ภา

ติอบ ง. คร�ว-ช่-ติ ก�บ คร�น-ภา

96. น�กเร�ยน : อาจุารย#คร�บผู้มที่�างานส�งอาจุารย#ไม�ที่�น ยากมากเลยคร�บ คงติ�องใช่� เวลามากว�าที่��อาจุารย#ก�าหนด?

อาจุารย# : …………………………………………………..

ที่�านค-ดว�าค�าติอบข้�อใดติรงก�บใจุข้องที่�านมากที่��ส�ด?0

ก. เธ์อที่�าเสร>จุแค�ไหนก>ส�งแค�น�3นก>แล�วก�น เพัราะติ�องส�งงานติามเวลา

ข้. คร�ไม�เห>นกล��มอ%�นๆ เข้าบ�นเลย ที่�าไมเข้าจุ/งที่�าเสร>จุล�ะ

ค. เธ์อม�ป็6ญหาอะไรหร%อ ลองเล�าให�คร�ฟิ6งหน�อยส-

ง. เถูอะน�า พัยายามเข้�า เด�Wยวก>ที่�าเสร>จุเอง พัยายามหน�อย

ติอบ ค. เธ์อม�ป็6ญหาอะไรหร%อ ลองเล�าให�คร�ฟิ6งหน�อยส-

97. จุากข้�าวที่างหน�าหน�งส%อพั-มพั# ม�คร�บางคนล�วงเก-นที่างเพัศึก�บเด>ก โดยเอาคะแนนมาข้�� เอาส-�งข้องมาล�อ ที่�านม�ความค-ดเห>นอย�าไร?

ก. เป็�นความพั/งพัอใจุระหว�างบ�คลที่��ป็?องก�นได�ยาก

ข้.เป็�นเร%�องครอบคร�วติ�องด�แลส��งสอนล�กหลานข้องตินเอง

ค. ในส�งคมข้องคนหม��มาก ก>ย�อมติ�องม�คนช่��วป็ะป็นอย��เป็�นธ์รรมดา

ง. คร�ที่�กคนติ�องช่�วยก�นด�แลเด>กๆ ถู�าเห>นผู้-ดป็กติ-ติ�องร�บหาที่างแก�ไข้

ติอบ  ค. ในส�งคมข้องคนหม��มาก ก>ย�อมติ�องม�คนช่��วป็ะป็นอย��เป็�นธ์รรมดา

98. คร�ร�ช่น�พับว�าน�กเร�ยนในช่�3นคนหน/�งเร-�มม�ก-ร-ยาที่�าที่างกระเด�ยดไป็ที่างเพัศึติรงข้�าม      ที่�านค-ดว�าคร�ร�ช่น�ควรจุะที่�าอย�างไร?

ก. ที่�าใจุให�ได�ว�าที่�กคนเล%อกเก-ดไม�ได�แติ�ม�ส-ที่ธ์-เป็�นได�ติามใจุหว�ง

ข้. ข้อให�ผู้��ป็กครองด�แลและให�ความส�าค�ญก�บล�กให�มากข้/3น

ค. แยกน�กเร�ยนคนน�3ออกจุากกล��มแล�วส�งให�อย��ในความด�แลข้องคร�แนะแนว

ง. ป็ร/กษาผู้��ร� �เพั%�อหาว-ธ์�ที่��จุะช่�วยแก�ไข้�พัฤติ-กรรมน�3น

ติอบ  ง. ป็ร/กษาผู้��ร� �เพั%�อหาว-ธ์�ที่��จุะช่�วยแก�ไข้พัฤติ-กรรมน�3น

99. ที่��ป็ระช่�มผู้��บร-หารสถูาบ�นฝึ;กห�ดคร�ได�ลงมติ-ว�า ในอนาคติคนที่��จุะติ�องใช่�ระยะเวลาเร�ยนถู/ง 5 ป็=และได�ร�บเง-นเด%อนส�ข้/3น ที่�านม�ความค-ดเห>นอย�างไร?

ก. เม%�อใช่�เวลาเร�ยนมากข้/3นย�อมม�ค�าความสามารถูส�งข้/3น

ข้. การเพั-�มเวลาเป็�นการเพั-�มโอกาสในการสร�างคร�ด�)

ค. การเพั-�มเวลาเป็�นการลดโอกาสข้องผู้��ที่��ม�ฐานะที่างเศึรษฐก-จุติกติ��า

ง. การเร�ยน 4 หร%อ 5 ป็=ก>ไม�ติ�างก�นถู�าผู้��เร�ยนไม�ม�จุ-ติส�าน/กข้องความเป็�นคร�

ติอบ  ง. การเร�ยน 4 หร%อ 5 ป็=ก>ไม�แติกติ�างก�น

"แนวข้�อสอบพัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-

ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ.2553"

1. เหติ�ผู้ลในการป็ระกาศึใช่�พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 เพั%�อส-�ง

ใดติ�อไป็น�3

ก. การบร-หารและการจุ�ดการศึ/กษาม�ป็ระส-ที่ธ์-ภาพั

ข้. การพั�ฒนาการศึ/กษาแก�น�กเร�ยนที่�3งสองระด�บ

ค. น�กเร�ยนช่�3นป็ระถูมศึ/กษาและม�ธ์ยมศึ/กษา พั�ฒนาการศึ/กษาให�ม�ส�มฤที่ธ์-ผู้ลและม�ค�ณ์ภาพัย-�งข้/3น

ง. ถู�กที่�กข้�อ

2. การป็ระกาศึใช่� พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 อย��ในหน�งส%อ

เล�มใด

ก. อย��ในเล�ม 125 ติอนที่�� 35 ก

ข้. อย��ในเล�ม 127 ติอนที่�� 45 ก

ค. อย��ในเล�ม 129 ติอนที่�� 55 ก

ง. อย��ในเล�ม 131 ติอนที่�� 65 ก

3. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- พั.ศึ. 2553 ฉบ�บป็6จุจุ�บ�น เป็�นฉบ�บที่��เที่�าไร

ก. ฉบ�บที่�� 2

ข้. ฉบ�บที่�� 3

ค. ฉบ�บที่�� 4

ง. ฉบ�บที่�� 5

4. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- พั.ศึ. 2553 ใช่�เป็�นป็=ที่��เที่�าไรในร�ช่การป็6จุจุ�บ�นข้�อใดถู�กติ�อง

ก. เป็�นป็=ที่�� 35 ในร�ช่การป็6จุจุ�บ�น

ข้. เป็�นป็=ที่�� 45 ในร�ช่การป็6จุจุ�บ�น

ค. เป็�นป็=ที่�� 55 ในร�ช่การป็6จุจุ�บ�น

ง. เป็�นป็=ที่�� 65 ในร�ช่การป็6จุจุ�บ�น

5. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 ที่��ป็ร�บป็ร�งใหม� ม�ก��มาติรา

ก. 4 มาติรา

ข้. 5 มาติรา

ค. 6 มาติรา

ง. 7 มาติรา

6. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 ให�ไว� ณ์ ว�นที่��ใด

ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง

ก. ว�นที่�� 12 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ข้. ว�นที่�� 22 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ค. ว�นที่�� 23 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ง. ว�นที่�� 24 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

7. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 ป็ระกาศึใช่� ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง

ก. ว�นที่�� 12 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ข้. ว�นที่�� 22 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ค. ว�นที่�� 23 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ง. ว�นที่�� 24 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

8.พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 ม�ผู้ลบ�งค�บใช่� ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง

ก. ว�นที่�� 12 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ข้. ว�นที่�� 22 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ค. ว�นที่�� 23 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

ง. ว�นที่�� 24 กรกฎาคม พั.ศึ. 2553

9. ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง เก��ยวก�บการติราพัระราช่บ�ญญ�ติ- พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-

ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553

ก. การติรา พัรบ.ข้/3นไว�โดย ค�าแนะน�าและย-นยอมข้องสภาการศึ/กษาแห�งช่าติ-

ข้. การติรา พัรบ.ข้/3นไว�โดย ค�าแนะน�าข้องสภาการศึ/กษาแห�งช่าติ-

ค. การติรา พัรบ.ข้/3นไว�โดยค�าแนะน�าและย-นยอมข้องร�ฐสภา

ง. การติรา พัรบ.ข้/3นไว�โดยค�าแนะน�าข้องร�ฐสภา

10. การยกเล-กความใน มาติรา 37 พัรบ.กศึช่. 42 / 45 ใน พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ-

ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 เป็�น มาติราใด

ก. มาติรา 3

ข้. มาติรา 4

ค. มาติรา 5

ง. มาติรา 6

11. .จุากมาติรา 4 ข้อง พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 ให�เพั-�มความ

ติ�อไป็น�3เป็�นวรรคห�าข้องมาติราใดแห�ง พัรบ.กศึช่. /2542 และ แก�ไข้ 2545

ก. มาติรา 37

ข้. มาติรา 38

ค. มาติรา 39

ง. มาติรา 40

12. ในมาติรา 3 ข้อง พัระราช่บ�ญญ�ติ-การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 และให�ใช่�

ข้�อความน�3แที่น “มาติรา 37 การบร-หารและการจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานให�สถูานศึ/กษา

ได�ย/ดอะไรเป็�นส�าค�ญข้องมาติราน�3

ก. เข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา

ข้. ระด�บข้องการศึ/กษา

ค. จุ�านวนสถูานศึ/กษา

ง. จุ�านวนป็ระช่ากร

13. การก�าหนดเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาเพั%�อการบร-หารและจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน แบ�งเป็�นเข้ติพั%3นที่��

ป็ระถูมศึ/กษาและม�ธ์ยมศึ/กษา ในข้�อใดเป็�นผู้��ม�อ�านาจุป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษา

ก. ร�ฐมนติร�โดยค�าแนะน�าและย-นยอมข้องสภาการศึ/กษา

ข้. ร�ฐมนติร�โดยค�าแนะน�าข้องสภาการศึ/กษา

ค. ร�ฐมนติร�โดยค�าแนะน�าข้องร�ฐสภา

ง. คณ์ะร�ฐมนติร�

14. กรณ์�เข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาไม�อาจุบร-หารและจุ�ดการได�ติามวรรคหน/�ง ในการจุ�ดการศึ/กษา

ในกรณ์�น�3 ข้�อใดเป็�นผู้��ร �บผู้-ดช่อบในการจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ก. กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ส�าน�กงานป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. คณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ง. คณ์ะกรรมการเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา

15.การจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานป็ระกอบด�วยการศึ/กษาระด�บป็ระถูมศึ/กษาและระด�บม�ธ์ยมศึ/กษา

ซึ้/�งม�ระบบการบร-หารและการจุ�ดการศึ/กษาข้องที่�3งสองระด�บรวมอย��ในความร�บผู้-ดช่อบข้อง

แติ�ละเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา ข้�อใดเป็�นสาเหติ�หล�กที่��ติ�องติรา พัระราช่บ�ญญ�ติ- การศึ/กษาแห�งช่าติ-

ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 ข้/3นมา

ก. เก-ดความไม�คล�องติ�ว

ข้. เก-ดป็6ญหาการพั�ฒนาการศึ/กษา

ค. เก-ดป็6ญหาน�กเร�ยนม�ผู้ลส�มฤที่ธ์-5การเร�ยนติ��า

ง. ข้�อ ก และ ข้ ถู�กติ�อง

16. กระที่รวงศึ/กษาธ์-การอาจุจุ�ดให�ม�การศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานเพั%�อเสร-มการบร-หารและการจุ�ดการข้อง

เข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาข้�อใดกล�าวไม�ถู�กติ�อง

ก. การจุ�ดการศึ/กษาที่างไกลและการให�บร-การในเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา

ข้. การจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานที่��จุ�ดในร�ป็แบบการศึ/กษานอกระบบหร%อการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ค. การจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานส�าหร�บบ�คคลที่��ม�ความบกพัร�องที่างร�างกาย จุ-ติใจุ สติ-ป็6ญญา ฯ

ง. การจุ�ดการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐานส�าหร�บบ�คคลที่��ม�ความสามารถูพั-เศึษ

17. การแยกเข้ติพั%3นที่��ม�ธ์ยมศึ/กษา กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ ม�กฎหมาย ติราเป็�นพัระราช่บ�ญญ�ติ-

เก��ยวก�บการแยกเข้ติพั%3นที่��ม�ธ์ยมศึ/กษา ม�ที่�3งหมดก��ฉบ�บ

ก. จุ�านวน 1 ฉบ�บ

ข้. จุ�านวน 2 ฉบ�บ

ค. จุ�านวน 3 ฉบ�บ

ง. จุ�านวน 4 ฉบ�บ

18. ใครที่�าหน�าที่��เป็�นป็ระธ์านคณ์ะที่�างานเติร�ยมข้�อม�ล ป็ร�บลด- เพั-�ม จุ�านวนเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา

และร�างป็ระกาศึจุ�ดติ�3งเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาป็ระถูมศึ/กษาและม�ธ์ยมศึ/กษา

ก. นายช่-นภ�ที่ร ภ�ม-ร�ติน#

ข้. นายช่-นวรณ์# บ�ณ์ยเก�ยรติ-

ค. นายธ์งที่อง จุ�นที่รางศึ�

ง. นายเฉล�ยว อย��ส�มาร�กษ#

19. มาติราใดในพัระราช่บ�ญญ�ติ- การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ. 2553 กล�าวถู/งสถูานศึ/กษา

เอกช่นและองค#การบร-หารส�วนที่�องถู-�น (อป็ที่.)

ก. มาติรา 4

ข้. มาติรา 3

ค. มาติรา 2

ง. มาติรา 1

20. ข้�อใดกล�าวถู/ง มาติรา 2 ข้อง พัระราช่บ�ญญ�ติ- การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ.

2553

ได�ถู�กติ�อง

ก. พัรบ.น�3 ใช่�บ�งค�บน�บแติ�ว�นป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษา

ข้. พัรบ.น�3 ใช่�บ�งค�บติ�3งแติ�ว�นถู�ดจุากว�นป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษา

ค. พัรบ.น�3 ใช่�บ�งค�บน�บจุากว�นป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษา

ง. พัรบ.น�3 ให�ใช่�บ�งค�บน�บแติ�ว�นถู�ดจุากที่��ป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษา

21. ผู้��ร�บสนองพัระบรมราช่โองการ พัระราช่บ�ญญ�ติ- การศึ/กษาแห�งช่าติ- ฉบ�บที่�� 3 พั.ศึ.

2553

ข้�อใดกล�าวถู�กติ�อง

ก. นายกร�ฐมนติร�

ข้. ร�ฐมนติร�กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ง. ป็ระธ์านสภาผู้��แที่นราษฎร

เฉลย

1. ง 2.ข้ 3.ข้ 4.ข้ 5.ก 6.ก 7.ข้ 8.ค 9.ค 10.ก

11.ข้ 12.ก 13.ข้ 14.ก 15.ง 16.ก 17.ค 18.ค 19.ก 20.ข้ 21.ก

ข้�อสอบ พัระราช่บ�ญญ�ติ-การจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ พั.ศึ.2551

ข้�อสอบ พัระราช่บ�ญญ�ติ-การจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ พั.ศึ.2551

1.พัระราช่บ�ญญ�ติ-การจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ พั.ศึ. 2551 ม�ผู้ลใช่�บ�งค�บเม%�อใด 

ก. 5 ก�มภาพั�นธ์# 2551

ข้. 6 ก�มภาพั�นธ์# 2551

ค. 7 ก�มภาพั�นธ์# 2551

ง. 8 ก�มภาพั�นธ์# 2551

2. ข้�อใดค%อ แผู้นการจุ�ดการศึ/กษาเฉพัาะบ�คคล (IEP)

ก. Individualized Education Plan

ข้. Individualized Education Program

ค. Individualized Education Project

ง. Individualized Education Prompt

3.เกณ์ฑ์#ที่��ใช่�ในการจุ�ดที่�า IEP ค%อ 

ก. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 3 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างการเร�ยนร� �ว-ช่าการ 

ข้. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 3 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างร�างกายและร�บร� � 

ค. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 5 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างการเร�ยนร� �ว-ช่าการ 

ง. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 5 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างร�างกายและร�บร� � 

4.คร�การศึ/กษาพั-เศึษ ติ�องค�ณ์สมบ�ติ-ติามข้�อใด 

ก. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น 

ข้. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาส�งกว�าระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็ และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น 

ค. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาพั-เศึษระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็ และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น 

ง. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาพั-เศึษส�งกว�าระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น 

5. คณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ ม�ก��คน 

ก. 17 คน 

ข้. 19 คน 

ค. 21 คน 

ง. 26 คน 

6. ใครเป็�นรองป็ระธ์านคนที่�� 1 ในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ 

ก. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ข้. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงมหาดไที่ย 

ค. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงพั�ฒนาส�งคมฯ 

ง. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงว�ฒนธ์รรม 

7. ใครเป็�นรองป็ระธ์านคนที่�� 2 ในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ 

ก. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��คณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง 

ข้. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��ซึ้/�งร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง 

ค. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��เป็�นคนพั-การซึ้/�งคณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง 

ง. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��เป็�นคนพั-การซึ้/�งร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง 

8. ข้�อใดไม�ใช่�กรรมการโดยติ�าแหน�งในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ 

ก. เลข้าธ์-การสภา 

ข้. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการอ�ดมศึ/กษา 

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา 

ง. อธ์-บด�กรมการแพัที่ย# 

9.ข้�อใด ม�หน�าที่��ด�าเน-นการจุ�ดการเร�ยนร�วม การน-เที่ศึ ก�าก�บ ติ-ดติาม เพั%�อให�คนพั-การได�ร�บการศึ/กษาอย�างที่��วถู/งและม�ค�ณ์ภาพั 

ก. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ข้. ส�าน�กงานการศึ/กษาพั-เศึษ 

ค. ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา 

ง. สถูานศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

10. ใครเป็�นป็ระธ์านคณ์ะกรรมการบร-หารกองที่�นส�งเสร-มและพั�ฒนาการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ 

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ง. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานการศึ/กษาพั-เศึษ 

11. การจุ�ดที่�าแผู้นการศึ/กษาเฉพัาะบ�คคล ติ�องสอดคล�องก�บส-�งใด 

ก. ความถูน�ด ความสนใจุ ความร� �ความสามารถู 

ข้. ส-ที่ธ์-ส�วนบ�คคล 

ค. ศึ�กยภาพัข้องคนพั-การแติ�ละคน 

ง. ความติ�องการจุ�าเป็�นพั-เศึษข้องคนพั-การ 

12. สถูานศึ/กษาใดป็ฏิ-เสธ์ไม�ร�บคนพั-การเข้�าศึ/กษา ให�ถู%อว�าเป็�นเช่�นไร 

ก. ไม�เคารพัส-ที่ธ์-มน�ษยช่น 

ข้. เป็�นการเล%อกป็ฏิ-บ�ติ-โดยไม�เป็�นธ์รรมติามกฎหมาย 

ค. เป็�นการด�หม-�นเหย�ยดหยามผู้��ข้อร�บบร-การที่างการศึ/กษา 

ง. ถู�กที่�กข้�อ 

13. กรรมการผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ- ในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ ม�วาระอย��ในติ�าแหน�งคราวละก��ป็= 

ก. 2 ป็= 

ข้. 3 ป็= 

ค. 4 ป็= 

ง. 5 ป็= 

14. หน�วยงานใดที่�าหน�าที่��เก��ยวก�บงานเลข้าน�การข้องคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บ 

คนพั-การ 

ก. ส�าน�กบร-หารงานการศึ/กษาพั-เศึษ 

ข้. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ค. กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ง. ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา 

15. ม�หน�าที่��จุ�ดการศึ/กษาติามภารก-จุแก�คนพั-การ โดยม�ฐานะเป็�นน-ติ-บ�คคล 

ก. สถูานศึ/กษาเฉพัาะความพั-การ 

ข้. โรงเร�ยนศึ/กษาสงเคราะห# 

ค. ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา 

ง. ส�าน�กงานส�งเสร-มและพั�ฒนาการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ 

16. ผู้��ด�แลคนพั-การ ติรงก�บข้�อใด 

ก. บ-ดา มารดา ผู้��ป็กครอง บ�ติร สาม� ภรรยา 

ข้. ญาติ- พั��น�อง 

ค. บ�คคลอ%�นใดที่��ร �บด�แลหร%อร�บอ�ป็การะคนพั-การ 

ง. ถู�กที่�กข้�อ 

17. หน�วยงานใดที่�าหน�าที่��ก�าก�บ ด�แล ให�ส�าน�กบร-หารงานการศึ/กษาพั-เศึษป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ให�เป็�นไป็อย�างม�ป็ระส-ที่ธ์-ภาพัและป็ระส-ที่ธ์-ผู้ล 

ก. กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ข้. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ค. เข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา 

ง. ส�าน�กงานป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

18. ม�หน�าที่��ด�าเน-นการจุ�ดการเร�ยนร�วม การน-เที่ศึ ก�าก�บ ติ-ดติาม เพั%�อให�คนพั-การได�ร�บการศึ/กษาอย�างที่��วถู/งและม�ค�ณ์ภาพัติามที่��กฎหมายก�าหนด 

ก. กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ข้. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ค. เข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา 

ง. ส�าน�กงานป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

19. กองที่�นส�งเสร-มและพั�ฒนาการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ อย��ในหน�วยงานใด 

ก. กระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ข้. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ค. เข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา 

ง. ส�าน�กงานป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

20. บ�คคลในข้�อใดเป็�นเลข้าน�การข้องคระกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ 

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ 

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน 

ง. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานการศึ/กษาพั-เศึษ 

19. พัรบ.กศึน.2551 ไม�ใช่�บ�งค�บ ก�บการจุ�ดการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ยซึ้/�งด�าเน-นการโดยหน�วยงานใด

ก. สถูาบ�นอ�ดมศึ/กษาข้องร�ฐ

ข้. สถูาบ�นอ�ดมศึ/กษาข้องเอกช่น

ค. สถูาบ�นอาช่�วศึ/กษาข้องร�ฐและเอกช่น

ง. ข้�อ ก และ ข้

20. ข้�อใดค%อ การศึ/กษานอกระบบ

ก. ก-จุกรรมการศึ/กษาที่��ม�กล��มเป็?าหมายผู้��ร�บบร-การและว�ติถู�ป็ระสงค#ข้องการเร�ยนร� �ที่��ช่�ดเจุน ม�ร�ป็แบบ หล�กส�ติร ว-ธ์�การจุ�ดและระยะเวลาเร�ยนหร%อฝึ;กอบรมที่��ติรงติามสภาพัความติ�องการและศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องกล��มเป็?าหมายน�3น

ข้. ก-จุกรรมการศึ/กษาที่��ม�กล��มเป็?าหมายผู้��ร�บบร-การและว�ติถู�ป็ระสงค#ข้องการเร�ยนร� �ที่��ช่�ดเจุน ม�ร�ป็แบบ หล�กส�ติร ว-ธ์�การจุ�ดและระยะเวลาเร�ยนหร%อฝึ;กอบรมที่��ติรงติามสภาพัความติ�องการและศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องกล��มเป็?าหมายน�3นและม�ว-ธ์�การว�ดผู้ลและป็ระเม-นผู้ลการเร�ยนร� �ที่��ม�มาติรฐานเพั%�อร�บค�ณ์ว�ฒ-ที่างการศึ/กษา หร%อเพั%�อจุ�ดระด�บผู้ลการเร�ยนร� �

ค. ก-จุกรรมการศึ/กษาที่��ม�กล��มเป็?าหมายผู้��ร�บบร-การและว�ติถู�ป็ระสงค#ข้องการเร�ยนร� �ที่��ช่�ดเจุน ม�ร�ป็แบบ หล�กส�ติร ว-ธ์�การจุ�ดและระยะเวลาเร�ยนหร%อฝึ;กอบรมที่��เหมาะสมก�บสภาพัความติ�องการและศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องกล��มเป็?าหมายน�3นและม�ว-ธ์�การว�ดผู้ลและป็ระเม-นผู้ลการเร�ยนร� �ที่��ม�มาติรฐานเพั%�อร�บค�ณ์ว�ฒ-ที่างการศึ/กษา หร%อเพั%�อจุ�ดระด�บผู้ลการเร�ยนร� �

ง. ก-จุกรรมการศึ/กษาที่��ม�กล��มเป็?าหมายผู้��ร�บบร-การและว�ติถู�ป็ระสงค#ข้องการเร�ยนร� �ที่��ช่�ดเจุน ม�ร�ป็แบบ หล�กส�ติร ว-ธ์�การจุ�ดและระยะเวลาเร�ยนหร%อฝึ;กอบรมที่��ย%ดหย��นและหลากหลายติามสภาพัความติ�องการและศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องกล��มเป็?าหมายน�3น

และม�ว-ธ์�การว�ดผู้ลและป็ระเม-นผู้ลการเร�ยนร� �ที่��ม�มาติรฐานเพั%�อร�บค�ณ์ว�ฒ-ที่างการศึ/กษา หร%อเพั%�อจุ�ดระด�บผู้ลการเร�ยนร� �

21. ข้�อใดค%อ การศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ก. ก-จุกรรมการเร�ยนร� �ในว-ถู�ช่�ว-ติป็ระจุ�าว�นข้องบ�คคลซึ้/�งบ�คคลสามารถูเล%อกที่��จุะเร�ยนร� �ได�อย�างติ�อเน%�องติลอดช่�ว-ติ ติามความสนใจุ ความติ�องการ โอกาสความพัร�อม และศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องแติ�ละบ�คคล

ข้. ก-จุกรรมการเร�ยนร� �ในว-ถู�ช่�ว-ติป็ระจุ�าว�นข้องบ�คคลซึ้/�งบ�คคลสามารถูเล%อกที่��จุะเร�ยนร� �ได�อย�างติ�อเน%�องติลอดช่�ว-ติ ติามหล�กส�ติร และศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องแติ�ละบ�คคล

ค. ก-จุกรรมการเร�ยนร� �ในว-ถู�ช่�ว-ติป็ระจุ�าว�นข้องบ�คคลซึ้/�งบ�คคลสามารถูเล%อกที่��จุะเร�ยนร� �ได�อย�างติ�อเน%�องติลอดช่�ว-ติ ม�ความย%ดหย��น ติามความติ�องการ โอกาสความพัร�อม และศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องแติ�ละบ�คคล

ง. ก-จุกรรมการเร�ยนร� �ในว-ถู�ช่�ว-ติป็ระจุ�าว�นข้องบ�คคลซึ้/�งบ�คคลสามารถูเล%อกที่��จุะเร�ยนร� �ได�อย�างติ�อเน%�องติลอดช่�ว-ติ ติามหล�กส�ติรและความย%ดหย��นในโอกาสความพัร�อม และศึ�กยภาพัในการเร�ยนร� �ข้องแติ�ละบ�คคล

22. เลข้าธ์-การส�าน�กงานส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย ค%อ

ก. นายส�เมธ์ แย�มน��น

ข้. นายธ์�ระ จุ�นที่รร�ติน#

ค. นายธ์งที่อง จุ�นที่รางศึ�

ง. นายอภ-ช่าติ- จุ�ระว�ฒ

23. ข้�อใดค%อ หล�กการข้�อที่�� 1 ข้อง การศึ/กษานอกระบบ

ก. ความเสมอภาคในการเข้�าถู/งและได�ร�บการศึ/กษาอย�างกว�างข้วาง

ข้. การกระจุายอ�านาจุแก�สถูานศึ/กษาและการให�ภาค�เคร%อข้�าย

ค. การเข้�าถู/งแหล�งการเร�ยนร� �ที่��สอดคล�องก�บความสนใจุและว-ถู�ช่�ว-ติข้องผู้��เร�ยน

ง. การพั�ฒนาแหล�งการเร�ยนร� �ให�ม�ความหลากหลายที่�3งส�วนที่��เป็�นภ�ม-ป็6ญญาที่�องถู-�น

24. ข้�อใดค%อ หล�กการข้�อที่�� 1 ข้อง การศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ก. ความเสมอภาคในการเข้�าถู/งและได�ร�บการศึ/กษาอย�างกว�างข้วาง

ข้. การกระจุายอ�านาจุแก�สถูานศึ/กษาและการให�ภาค�เคร%อข้�าย

ค. การเข้�าถู/งแหล�งการเร�ยนร� �ที่��สอดคล�องก�บความสนใจุและว-ถู�ช่�ว-ติข้องผู้��เร�ยน

ง. การพั�ฒนาแหล�งการเร�ยนร� �ให�ม�ความหลากหลายที่�3งส�วนที่��เป็�นภ�ม-ป็6ญญาที่�องถู-�น

25. ข้�อใดค%อ เป็?าหมายข้องการส�งเสร-มและสน�บสน�นการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ก. ได�ร�บความร� �และที่�กษะพั%3นฐานในการแสวงหาความร� �ที่��จุะเอ%3อติ�อการเร�ยนร� �ติลอดช่�ว-ติ

ข้. ได�เร�ยนร� �สาระที่��สอดคล�องก�บความสนใจุและความจุ�าเป็�นในการยกระด�บค�ณ์ภาพัช่�ว-ติ

ค. น�าความร� �ที่��ได�ร�บไป็ใช่�ป็ระโยช่น#และเที่�ยบโอนผู้ลการเร�ยนก�บการศึ/กษาในระบบและการศึ/กษานอกระบบ

ง. ถู�กที่�กข้�อ

26. ใครเป็�นป็ระธ์านคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การที่��ได�ร�บมอบหมาย

ค. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ง. เลข้าธ์-การส�าน�กงานส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

27. คณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ยม�ก��คน

ก. 17 คน

ข้. 19 คน

ค. 21 คน

ง. 28 คน

28. ข้�อใดไม�ใช่�กรรมการโดยติ�าแหน�งในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ก. เลข้าธ์-การสภาการศึ/กษา

ข้. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษาเอกช่น

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

ง. เลข้าธ์-การค�ร�สภา

29.ข้�อใดค%อ สายด�วน กศึน.

ก. 1669

ข้. 1660

ค. 1559

ง. 1550

30. ใครเป็�นผู้��แติ�งติ�3งคณ์ะอน�กรรมการภาค�เคร%อข้�าย

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. เลข้าธ์-การส�าน�กงานส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ง. คณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

31.ใครเป็�นป็ระธ์านคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ยจุ�งหว�ด

ก. ผู้��ว�าราช่การจุ�งหว�ด

ข้. รองผู้��ว�าราช่การจุ�งหว�ดที่��ได�ร�บมอบหมาย

ค. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา เข้ติ 1

ง. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงาน กศึน.จุ�งหว�ด

32. ใครเป็�นผู้��จุ�ดที่�าบ�ญช่�รายช่%�อสถูานศึ/กษาส�งก�ดส�าน�กบร-หารงานการศึ/กษานอกโรงเร�ยน

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. เลข้าธ์-การส�าน�กงานส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ง. ผู้��อ�านวยการส�าน�กบร-หารงานการศึ/กษานอกโรงเร�ยน

33.การป็ระกาศึรายช่%�อสถูานศึ/กษาติามข้�อ 14 ให�ป็ระกาศึอย�างไร

ก. ป็ระกาศึเป็�นกฎกระที่รวง

ข้. ป็ระกาศึเป็�นป็ระกาศึกระที่รวง

ค. ป็ระกาศึเป็�นระเบ�ยบกระที่รวง

ง. ป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษา

34.การป็ระกาศึรายช่%�อสถูานศึ/กษาติามข้�อ 14 ให�ป็ระกาศึภายในก��ว�น

ก. 30 ว�นน�บแติ�ว�นที่��พัระราช่บ�ญญ�ติ-น�3ใช่�บ�งค�บ

ข้. 60 ว�นน�บแติ�ว�นที่��พัระราช่บ�ญญ�ติ-น�3ใช่�บ�งค�บ

ค. 90 ว�นน�บแติ�ว�นที่��พัระราช่บ�ญญ�ติ-น�3ใช่�บ�งค�บ

ง. 120 ว�นน�บแติ�ว�นที่��พัระราช่บ�ญญ�ติ-น�3ใช่�บ�งค�บ

35. เหติ�ผู้ลในการติราพั.ร.บ.ส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย 25

51 ค%อ

ก. เพั%�อส�งเสร-มการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ข้. เพั%�อให�ม�การป็ระสานก�บการศึ/กษาในระบบ

ค. เพั%�อการบร-หารงานที่��คล�องติ�วข้องการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

ง. เพั%�อให�ม�กฎหมายรองร�บการศึ/กษานอกระบบและการศึ/กษาติามอ�ธ์ยาศึ�ย

36.พัระราช่บ�ญญ�ติ-การจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ พั.ศึ. 2551 ม�ผู้ลใช่�บ�งค�บเม%�อใด

ก. 5 ก�มภาพั�นธ์# 2551

ข้. 6 ก�มภาพั�นธ์# 2551

ค. 7 ก�มภาพั�นธ์# 2551

ง. 8 ก�มภาพั�นธ์# 2551

37.ข้�อใดค%อ แผู้นการจุ�ดการศึ/กษาเฉพัาะบ�คคล (IEP)

ก. Individualized Education Plan

ข้. Individualized Education Program

ค. Individualized Education Project

ง. Individualized Education Prompt

38.เกณ์ฑ์#ที่��ใช่�ในการจุ�ดที่�า IEP ค%อ

ก. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 3 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างการเร�ยนร� �ว-ช่าการ

ข้. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 3 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างร�างกายและร�บร� �

ค. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 5 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างการเร�ยนร� �ว-ช่าการ

ง. เด>กที่��ม�อาย�ติ� 3งแติ� 5 ป็= ข้/3นไป็ และเด>กที่��ม�ความพัร�อมที่างร�างกายและร�บร� �

39.คร�การศึ/กษาพั-เศึษ ติ�องค�ณ์สมบ�ติ-ติามข้�อใด

ก. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น

ข้. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาส�งกว�าระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็ และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น

ค. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาพั-เศึษระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็ และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น

ง. ม�ว�ฒ-ที่างการศึ/กษาพั-เศึษส�งกว�าระด�บป็ร-ญญาติร�ข้/3นไป็และป็ฏิ-บ�ติ-หน�าที่��ในสถูานศึ/กษาที่�3งข้องร�ฐและเอกช่น

40. คณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ ม�ก��คน

ก. 17 คน

ข้. 19 คน

ค. 21 คน

ง. 28 คน

41. ใครเป็�นรองป็ระธ์านคนที่�� 1 ในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ

ก. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงมหาดไที่ย

ค. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงพั�ฒนาส�งคมฯ

ง. ร�ฐมนติร�ช่�วยว�าการกระที่รวงว�ฒนธ์รรม

42. ใครเป็�นรองป็ระธ์านคนที่�� 2 ในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ

ก. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��คณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง

ข้. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��ซึ้/�งร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง

ค. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��เป็�นคนพั-การซึ้/�งคณ์ะร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง

ง. ผู้��ที่รงค�ณ์ว�ฒ-ที่��เป็�นคนพั-การซึ้/�งร�ฐมนติร�แติ�งติ�3ง

43. ข้�อใดไม�ใช่�กรรมการโดยติ�าแหน�งในคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ

ก. เลข้าธ์-การสภา

ข้. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการอ�ดมศึ/กษา

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการข้�าราช่การคร�และบ�คลากรที่างการศึ/กษา

ง. อธ์-บด�กรมการแพัที่ย#

44.ข้�อใด ม�หน�าที่��ด�าเน-นการจุ�ดการเร�ยนร�วม การน-เที่ศึ ก�าก�บ ติ-ดติาม เพั%�อให�คนพั-การได�ร�บการศึ/กษาอย�างที่��วถู/งและม�ค�ณ์ภาพั

ก. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ข้. ส�าน�กงานการศึ/กษาพั-เศึษ

ค. ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษา

ง. สถูานศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

45. ใครเป็�นป็ระธ์านคณ์ะกรรมการบร-หารกองที่�นส�งเสร-มและพั�ฒนาการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ง. ผู้��อ�านวยการส�าน�กงานการศึ/กษาพั-เศึษ

46.พัระราช่บ�ญญ�ติ-โรงเร�ยนเอกช่น พั.ศึ. 2550 ม�ผู้ลใช่�บ�งค�บเม%�อใด

ก. 11 มกราคม 2550

ข้. 12 มกราคม 2550

ค. 11 มกราคม 2551

ง. 12 มกราคม 2551

47.พัระราช่บ�ญญ�ติ-โรงเร�ยนเอกช่น พั.ศึ. 2550 ไม�บ�งค�บใช่�ในข้�อใด

ก. สถูานศึ/กษาที่��ม�น�กเร�ยนรวมก�นไม�เก-น 7 คน

ข้. สถูานศึ/กษาที่��ม�น�กเร�ยนรวมก�นไม�เก-น 8 คน

ค. สถูานศึ/กษาที่��ม�น�กเร�ยนรวมก�นไม�เก-น 9 คน

ง. สถูานศึ/กษาที่��ม�น�กเร�ยนรวมก�นไม�เก-น 10 คน

48. ใครเป็�นป็ระธ์านคณ์ะกรรมการส�งเสร-มการศึ/กษาเอกช่น

ก. ร�ฐมนติร�ว�าการกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ค. เลข้าธ์-การคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ง. เลข้าธ์-การส�าน�กงานส�งเสร-มการศึ/กษาเอกช่น

49. ส�าน�กงานส�งเสร-มการศึ/กษาเอกช่นส�งก�ดหน�วยงานใด

ก. ส�าน�กงานป็ล�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การ

ข้. ส�าน�กงานสภาการศึ/กษา

ค. ส�าน�กงานคณ์ะกรรมการการศึ/กษาข้�3นพั%3นฐาน

ง. ส�งก�ดกระที่รวงศึ/กษาธ์-การโดยติรง

50. ส�าน�กงานเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาที่��ม�กล��มส�งเสร-มสถูานศึ/กษาเอกช่นให�ม�กรรมการเข้ติพั%3นที่��การศึ/กษาเพั-�มข้/3นอ�กก��คน

ก. 1 คน

ข้. 2 คน

ค. 3 คน

ง. 4 คน

51. รายการข้�อที่�� 1 ข้องติราสารจุ�ดติ�3งโรงเร�ยนเอกช่น ค%อ

ก. ช่%�อ ป็ระเภที่ ระด�บ ข้องโรงเร�ยนในระบบ

ข้. ว�ติถู�ป็ระสงค#

ค. รายละเอ�ยดเก��ยวก�บที่��ด-น ที่��ติ� 3ง

ง. เง-นที่�นและที่ร�พัย#ส-นที่��ใช่�ในการจุ�ดติ�3ง

52. ข้�อใดไม�ใช่�รายละเอ�ยดเก��ยวก�บก-จุการข้องโรงเร�ยนเอกช่นในระบบ

ก. โครงการและแผู้นการด�าเน-นงาน

ข้. หล�กส�ติร ว-ธ์�การเร�ยนการสอน และการว�ดและป็ระเม-นผู้ลการศึ/กษา

ค. อ�ติราค�าธ์รรมเน�ยมการศึ/กษาและค�าธ์รรมเน�ยมอ%�น

ง. เป็�นรายละเอ�ยดเก��ยวก�บก-จุการที่�กข้�อ

53.ข้�อใดไม�ใช่�ค�ณ์สมบ�ติ-ข้องผู้��ข้อร�บใบอน�ญาติให�จุ�ดติ�3งโรงเร�ยนในระบบที่��เป็�นบ�คคลธ์รรมดา

ก. เช่%3อช่าติ-ไที่ย

ข้. อาย�ไม�ติ��ากว�า 20 ป็=บร-บ�รณ์#

ค. ส�าเร>จุการศึ/กษาไม�ติ��ากว�าป็ร-ญญาติร�

ง. เป็�นค�ณ์สมบ�ติ-ที่�กข้�อ

54.ผู้ลก�าไรที่��ได�จุากการด�าเน-นก-จุการข้องโรงเร�ยนในระบบในแติ�ละป็=ให�จุ�ดสรรเข้�ากองที่�นส�ารองไม�น�อยกว�าร�อยละเที่�าใด

ก. ร�อยละ 10

ข้. ร�อยละ 20

ค. ร�อยละ 30

ง. ร�อยละ 40

55. โรงเร�ยนในระบบห�ามหย�ดสอนติ-ดติ�อก�นเก-นก��ว�น เว�นแติ�ม�เหติ�จุ�าเป็�นอ�นไม�อาจุหล�กเล��ยงได�

ก. 3 ว�น

ข้. 5 ว�น

ค. 7 ว�น

ง. 15 ว�น

56.กรณ์�ที่��ผู้��ร �บใบอน�ญาติติายหร%อเป็�นคนสาบส�ญ ที่ายาที่สามารถูย%�นค�าข้อร�บโอนใบอน�ญาติติ�อผู้��อน�ญาติภายในก��ว�น

ก. 30 ว�น

ข้. 60 ว�น

ค. 90 ว�น

ง. 120 ว�น

57.การจุ�ดติ�3งโรงเร�ยนเอกช่นในระบบโดยไม�ได�ร�บใบอน�ญาติ ม�โที่ษอย�างไร

ก. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 1 หม%�นบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ข้. จุ�าค�กไม�เก-น 1 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 2 หม%�นบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ค. จุ�าค�กไม�เก-น 2 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 1 หม%�นบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ง. จุ�าค�กไม�เก-น 2 ป็= หร%อป็ร�บไม�เก-น 2 หม%�นบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

58.การเป็ล��ยนแป็ลงรายการติราสารจุ�ดติ�3งโดยไม�ได�ร�บอน�ญาติจุากผู้��อน�ญาติ ม�โที่ษอย�างไร

ก. ป็ร�บไม�เก-น 1,000 บาที่

ข้. ป็ร�บไม�เก-น 5,000 บาที่

ค. ป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่

ง. ป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่

59.การกระที่�าให�ผู้��อ%�นเข้�าใจุว�า เป็�นติ�วแที่นข้องสถูาบ�นการศึ/กษาติ�างป็ระเที่ศึโดยไม�ได�ร�บอน�ญาติม�โที่ษอย�างไร

ก. ป็ร�บไม�เก-น 1,000 บาที่

ข้. ป็ร�บไม�เก-น 5,000 บาที่

ค. ป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่

ง. ป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่

60.การป็ลอมแป็ลงเอกสารใบร�บรองผู้ลการเร�ยนข้องน�กเร�ยนโรงเร�ยนเอกช่น ม�โที่ษอย�างไร

ก. จุ�าค�ก 6 เด%อนถู/ง 5 ป็= หร%อป็ร�บติ�3งแติ� 10,000 บาที่ถู/ง 1 แสนบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ข้. จุ�าค�ก 1- 5 ป็= หร%อป็ร�บติ�3งแติ� 10,000 บาที่ถู/ง 1 แสนบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ค. จุ�าค�ก 6 เด%อนถู/ง 5 ป็= หร%อป็ร�บติ�3งแติ� 10,000 บาที่ถู/ง 2 แสนบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

ง. จุ�าค�ก 1 - 5 ป็= หร%อป็ร�บติ�3งแติ� 10,000 บาที่ถู/ง 2 แสนบาที่ หร%อที่�3งจุ�าที่�3งป็ร�บ

61.หากผู้��กระที่�าผู้-ดติามข้�อ 42 เป็�นผู้��อ�านวยการโรงเร�ยน ให�เพั-�มโที่ษก��เที่�า

ก. 1 เที่�า

ข้. 2 เที่�า

ค. 3 เที่�า

ง. 4 เที่�า

62.โรงเร�ยนเอกช่นใดไม�จุ�ดที่�าเอกสารการเร�ยนการสอนเป็�นภาษาไที่ย ม�โที่ษอย�างไร

ก. ป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่

ข้. ป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่

ค. ป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่

ง. ป็ร�บไม�เก-น 50,000 บาที่

63. การยอมให�ผู้��อ%�นกระที่�าการที่��เป็�นภ�ยติ�อความม��นคงข้องช่าติ- ม�โที่ษอย�างไร

ก. ป็ร�บไม�เก-น 100,000 บาที่

ข้. ป็ร�บไม�เก-น 200,000 บาที่

ค. ป็ร�บไม�เก-น 300,000 บาที่

ง. ป็ร�บไม�เก-น 500,000 บาที่

64.การหย�ดเร�ยนเก-นกว�าที่��ก�าหนดติามข้�อ 37 โดยไม�แจุ�งผู้��อน�ญาติที่ราบ ม�โที่ษอย�างไร

ก. ป็ร�บไม�เก-น 10,000 บาที่

ข้. ป็ร�บไม�เก-น 20,000 บาที่

ค. ป็ร�บไม�เก-น 30,000 บาที่

ง. ป็ร�บไม�เก-น 50,000 บาที่

65.เม%�อม�ค�าส��งให�ควบค�มโรงเร�ยน ผู้��ร �บอน�ญาติไม�ส�งมอบที่ร�พัย#ส-นติ�อคณ์ะกรรมการภายใน 7 ว�น ม�โที่ษอย�างไร

ก. ป็ร�บไม�เก-นหน/�งหม%�นบาที่และป็ร�บอ�กว�นละหน/�งพั�นบาที่ติลอดระยะเวลาที่��ย�งฝึOาฝึZน

ข้. ป็ร�บไม�เก-นหน/�งหม%�นบาที่และป็ร�บอ�กว�นละห�าพั�นบาที่ติลอดระยะเวลาที่��ย�งฝึOาฝึZน

ค. ป็ร�บไม�เก-นหน/�งแสนบาที่และป็ร�บอ�กว�นละหน/�งพั�นบาที่ติลอดระยะเวลาที่��ย�งฝึOาฝึZน

ง. ป็ร�บไม�เก-นหน/�งแสนบาที่และป็ร�บอ�กว�นละห�าพั�นบาที่ติลอดระยะเวลาที่��ย�งฝึOาฝึZน

66.อ�ติราค�าธ์รรมเน�ยมใบอน�ญาติให�จุ�ดติ�3งโรงเร�ยนในระบบ ฉบ�บละก��บาที่

ก. 2,000 บาที่

ข้. 3,000 บาที่

ค. 4,000 บาที่

ง. 5,000 บาที่

67.อ�ติราค�าธ์รรมเน�ยมใบอน�ญาติให�จุ�ดติ�3งโรงเร�ยนนอกระบบ ฉบ�บละก��บาที่

ก. 2,000 บาที่

ข้. 3,000 บาที่

ค. 4,000 บาที่

ง. 5,000 บาที่

68.อ�ติราค�าธ์รรมเน�ยมใบแที่นใบอน�ญาติให�จุ�ดติ�3งโรงเร�ยนในระบบ ฉบ�บละก��บาที่

ก. 200 บาที่

ข้. 300 บาที่

ค. 400 บาที่

ง. 500 บาที่

1. คนพั-การม�ก��ป็ระเภที่

ก. 9 ป็ระเภที่                                                                    ข้. 8 ป็ระเภที่

ข้. 10 ป็ระเภที่                                                                  ง. 7 ป็ระเภที่

2. ข้�อใดเป็�นส-ที่ธ์-ที่างการศึ/กษาข้องคนพั-การ

ก. ได�ร�บการศึ/กษาโดยไม�เส�ยค�าใช่�จุ�ายติ�3งแติ�แรกเก-ดหร%อพับความพั-การจุนติลอดช่�ว-ติ

ข้. ได�ร�บการศึ/กษาที่��ม�มาติรฐานและป็ระก�นค�ณ์ภาพัการศึ/กษา ที่��เหมาะสมก�บความติ�องการข้องคนพั-การแติ�ละป็ระเภที่และบ�คคล

ค. เล%อกบร-การที่างการศึ/กษา สถูานศึ/กษา ระบบและร�ป็แบบการศึ/กษา โดยค�าน/งถู/งความสามารถู ความสนใจุ ความถูน�ด ข้องบ�คคลน�3น

ง. ถู�กที่�กข้�อ

3. การศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การติ�องด�าเน-นการจุ�ดการศึ/กษาอย�างไร

ก. จุ�ดติ�3งแติ�พับความพั-การ                                              ข้. จุ�ดติ�3งแติ�แรกเก-ด

ค.จุ�ดม�ส-ที่ธ์-เที่�าก�บคนป็กติ-                                  ง. ถู�กที่�3ง   ก  และ  ข้

4. ข้�อใดไม�เป็�นส-�งอ�านวยความสะดวกที่��คนพั-การม�ส-ที่ธ์-ข้อย%ม

ก. โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#ช่�วยสอน                               ข้. โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#อ�านจุอภาพั

ค.โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#ข้ยายภาพัที่�บอ�กษร ง. โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#ส�งเคราะห%เส�ยง

5. ข้�อใดเป็�นส%�อที่��คนพั-การม�ส-ที่ธ์-ข้อย%ม

ก. โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#ช่�วยสอน                               ข้. หน�งส%อเส�ยง

ค. ป็ที่าน�กรมภาษาม%อ                                                       ง. ถู�กที่�กข้�อ

6. ข้�อใดเป็�นบร-การที่��คนพั-การม�ส-ที่ธ์-ข้อร�บ

ก.การน�าที่าง                                                                         ข้. ก-จุกรรมบ�าบ�ด

ค. ล�ามภาษาม%อ                                                                     ง. ถู�กที่�กข้�อ

7. ข้�อใดเป็�นส%�อที่างการศึ/กษาที่��คนพั-การม�ส-ที่ธ์-ข้อย%ม

ก. คอมพั-วเติอร#ช่�วยสอน                                 ข้. เคร%�องพั-มพั#ด�ดอ�กษรเบรลล#

ค. หน�งส%อเส�ยง                                                                  ง. ถู�กที่�กข้�อ

8. คนพั-การม�ส-ที่ธ์-ได�ร�บการบร-การติามข้�อใด

ก. การน�าที่าง                                                                    ข้. การสอนเสร-ม

ค. ก-จุกรรมบ�าบ�ด                                                                ง. ถู�กที่�กข้�อ

9. บ�คคลที่��ม�ความบกพัร�องที่างการมองเห>น แบ�งเป็�นก��ป็ระเภที่

ก. 5 ป็ระเภที่                                                                     ข้. 3 ป็ระเภที่

ค.2 ป็ระเภที่                                                                         ง. 4 ป็ระเภที่

10. การศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การติ�องด�าเน-นการจุ�ดการศึ/กษาติามข้�อใด

ก. จุ�ดติ�3งแติ�พับความพั-การ                                               ข้. จุ�ดติ�3งแติ�แรกเก-ด

ค. จุ�ดม�ส-ที่ธ์-เที่�าก�บคนป็กติ-                                               ง. ถู�กที่�3ง  ก และ ข้

11. บ�คคลที่��ม�ความบกพัร�องที่างการได�ย-น แบ�งเป็�นก��ป็ระเภที่

ก. 3 ป็ระเภที่                                                                     ข้. 2 ป็ระเภที่

ค. 4 ป็ระเภที่                                                                      ง. 5 ป็ระเภที่

12. ข้�อใด ไม�เป็�น ส-�งอ�านวยความสะดวกที่างการศึ/กษาที่��คนพั-การม�ส-ที่ธ์-ข้อย%ม

ก. เคร%�องช่�วยฟิ6ง                                                                ข้. โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#อ�านจุอภาพั

ค. โป็รแกรมคอมพั-วเติอร#ช่�วยสอน                                ง. เป็�นส-�งอ�านวยความสะดวกที่�กข้�อ

13. การจุ�ดการศึ/กษาสาหร�บคนพั-การข้�อใดที่��ไม�ได�ก�าหนดไว�

ก. ให�จุ�ดติ�3งแติ�แรกเก-ดหร%อพับความพั-การ

ข้. ม�ส-ที่ธ์-ได�ร�บส-�งอานวยความสะดวก ส%�อ บร-การและความช่�วยเหล%ออ%�น

ค. จุ�ดให�โดยไม�เส�ยค�าใช่�จุ�าย

ง. ให�เด>กที่��ม�อาย�ย�างเข้�าป็=ที่��เจุ>ด จุนถู/งย�างเข้�าป็=ที่��ส-บหก

14. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ พั.ศึ.2551 ป็ระกาศึในราช่ก-จุจุาน�เบกษาเม%�อใด

ก. 4 ก.พั. 2551 ข้. 6 ก.พั. 2551

ค. 3 ก.พั. 2551 ง. 5 ก.พั. 2551

15. พัระราช่บ�ญญ�ติ-การจุ�ดการศึ/กษาส�าหร�บคนพั-การ พั.ศึ.2551 ม�ก��หมวด ก��มาติรา

ก. 3 หมวด  31 มาติรา                                    ค. 3 หมวด  30 มาติรา

ข้. 3 หมวด  29 มาติรา                                    ง. 3 หมวด  32 มาติรา