Upload
uriah
View
82
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
3. 2. 1. โครงสร้างอะตอม (วิชา สารและการเปลี่ยนแปลง). ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. อาจารย์ ศรีสวัสดิ์ พานิชเจริญกิจ. ประโยชน์จากการเรียน เรื่องโครงสร้างอะตอม. ทราบสมบัติทางเคมีและสมบัติการเปล่งแสงของธาตุ - PowerPoint PPT Presentation
Citation preview
3
2
1
โครงสรา้งอะตอม (วชิา สารและการเปลี่ยนแปลง) ชัน้มธัยมศึกษาปีที่ 4
อาจารย ์ศรสีวสัดิ์ พานิชเจรญิกิจ
ประโยชน์จากการเรยีนเรื่องโครงสรา้งอะตอม
1 .ทราบสมบติัทางเคมแีละสมบติัการเปล่งแสงของธาตุ
2. เราสามารถศึกษากาแล็กซี ่(galaxy) ดวงดาวและดาวเคราะห์ต่างๆ โดยพจิารณาจากการศึกษาสเปกตรมัท่ีได้จากดวงดาว
โครงสรา้งของอะตอมยุคแรก ดีโมครตัีส ( นักปราชญ์ชาวกรกี) ได้กล่าววา่ ทกุสิง่ทกุอยา่งประกอบขึน้จาก อนุภาคท่ีเล็กมาก เล็กมากจนไมส่ามารถมองเห็นได้ อนุภาคเล็กๆ เหล่านี้จะรวมพวกเขา้ด้วยกันโดยวธิกิารต่างๆ สำาหรบัอนุภาคเองนัน้ไมม่กีารเปลี่ยนแปลงและไมส่ามารถจะแตกแยกออกเป็นชิน้สว่นท่ีเล็กลงไปอีกได้ ดีโมครตัีส ตั้งชื่ออนุภาคน้ีวา่ อะตอม (Atom) จากภาษากรกีท่ีวา่ atoms ซึง่มคีวามหมายวา่ ไมส่ามารถแบง่แยกได้อีก ตามความคิดเห็นของเขา อะตอมเป็นชิน้สว่นท่ีเล็กท่ีสดุของสสารท่ีสามารถจะคงอยูไ่ด้
แบบจำาลองอะตอมของจอห์นดอลตัน
1. ธาตปุระกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ หลายอนุภาค อนุภาคเหล่านี้เรยีกวา่ อะตอม ซึง่แบง่แยกไมไ่ด้ และทำาให้“ ”สญูหายไมไ่ด้
2.อะตอมของธาตชุนิดเดียวกันมีสมบติัเหมอืนกัน เชน่มมีวลเท่ากัน แต่จะมสีมบติัต่างจากอะตอมของธาตอ่ืุน
3. สารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตมุากกวา่หนึ่งชนิดทำาปฏิกิรยิาเคมกัีนในอัตราสว่นท่ีเป็นเลขลงตัวน้อย ๆ
ในปี พ.ศ. 2346 (ค.ศ. 1803) จอห์น ดอลตัน (John Dalton) นักวทิยาศาสตรช์าวอังกฤษได้เสนอทฤษฎีอะตอมซึง่สรุปได้ดังนี้
แบบจำ�ลองอะตอมของดอลตัน
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนั การค้นพบอิเล็กตรอน เซอรโ์จเซฟ จอห์น ทอมสนั (J.J. Thomson: 1856-1940) พสิจูน์พบอนุภาคประจุลบ ทอมสนั ศึกษาแนวคิดท่ีวา่ ก๊าซสามารถนำา
ไฟฟา้ได้ ถ้ามสีภาพเหมาะสม ซึง่ได้แก่ การจดัสภาพให้มคีวามต่างศักยส์งูมากๆ และความดันตำ่า โดยใช้หลอดแก้วสญุญากาศ ซึง่ประกอบด้วยวงจรไฟฟา้กระแสตรงท่ีมคีวามต่างศักย ์ 10,000 โวลต์ ขัว้ไฟฟา้ท่ีต่อกับขัว้บวก เรยีกวา่ แอโนด และขัว้ลบ เรยีกวา่ แคโทด เมื่อผ่านไฟฟา้เขา้ไปในหลอดพบวา่ เกิดลำาแสงพุง่จากแคโทด ไปยงัแอโนด เรยีกลำาแสงน้ีวา่ รงัสแีคโทด
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนั
รงัสแีคโทดจะเบนเขา้หาขัว้แอโนดเสมอ ทำาให้ทอมสนัได้ขอ้สรุปเกี่ยวกับสมบติัของรงัสแีคโทด ดังนี้
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนั1. รงัสแีคโทดเดินทางเป็น เสน้ตรง
2. ม ีประจุลบ เบีย่งเบนในสนามไฟฟา้และสนามแมเ่หล็ก 3. มค่ีาประจุต่อมวลคงท่ี จากการศึกษาเก่ียวกับ Oil - drop Experiment ของ แอนดรูว ์มลิลิแกน พบวา่ อนุภาคในรงัสแีคโทดมค่ีาประจุต่อมวลคงท่ี 1.76 x 108 คลูอมบต่์อกรมั ไมว่า่จะใชโ้ลหะชนิดใดเป็นขัว้ไฟฟา้หรอืก๊าซท่ีใช้บรรจุในหลอดรงัสแีคโทดก็ตาม ดังนัน้จงึสรุปวา่ อนุภาคในรงัสแีคโทดเป็นอนุภาคมูลฐานของอะตอมและมปีระจุลบ ต่อมาเรยีกวา่ อนุภาคอิเล็กตรอน
ทอมสนัสรุปวา่ “อิเล็กตรอนเป็นอนุภาคมูลฐานที่อยูใ่นอะตอมของธาตทุกุชนิด”
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนั โรเบริต์ มลิลิแกน (R. Millikan : 1868-1953) หาประจุของอิเล็กตรอน โดยวดัค่าสนามไฟฟา้ท่ีทำาให้แรงดึงดดูระหวา่งประจุ (แรงคลูอมป)์ บนละอองนำ้ามนัเท่ากับค่าแรงโน้มถ่วงของโลก
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนั ค่าประจุบนละอองนำ้ามนัมค่ีา = 1.602 x 10-19 C มลิลิแกนหามวลของอิเล็กตรอนโดยe/m = 1.75882 x 108
C/g m = e / (1.75882 x 108 C/g) = (1.602 x 10-19 C) / (1.75882 x 108 C/g)
= 9.109 x 10-31 kg
“อิเล็กตรอน เป็นอนุภาค”ท่ีมปีระจุลบ มปีระจุ = 1.602 x 10-19 C มมีวล = 9.109 x 10-31 kg
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนัการค้นพบโปรตรอน เนื่องจากอะตอมเป็นกลางทางไฟฟา้ แสดงวา่ต้องมอีนุภาคท่ีมปีระจุบวกรวมอยูใ่นอะตอมด้วย โกลด์สไตน์ สงัเกตพบรงัสแีอโนด (รงัสท่ีีมาจากอนุภาคประจุบวก) จากการดัดแปลงการทดลองของทอมสนั เมื่ออิเล็กตรอนจากกระแสไฟฟา้วิง่ชนกลุ่มอะตอม ทำาให้อะตอมไอออไนซ ์ได้อิเล็กตรอนกับอะตอมไอออนบวก
(A → A+ + e)
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนั
ถ้าเจาะรูท่ีแผ่น Cathode จะมอีนุภาควิง่ไปด้านหลัง เรยีกวา่ “รงัสแีคแนล” รงัสจีะเบนเขา้หาสนามไฟฟา้ลบ มมีวลต่างๆ กัน ขึน้อยูกั่บชนิดของแก๊ส การทดลองของ รทัเทอรฟ์อรด์ ยนืยนัการค้นพบโปรตอน โดยระดมยงิโมเลกลุไนโตรเจนด้วยอนุภาคอัลฟา ( 4
2He ) ทำาให้ได้อนุภาคซึง่หนักเป็น 1830 เท่าของอิเล็กตรอน และมปีระจุเท่ากับอิเล็กตรอน
แบบจำาลองอะตอมของทอมสนัหลังจากการค้นพบอิเล็กตรอน และโปรตอน ทอมสนัจงึได้เสนอทฤษฎีอะตอมวา่
"อะตอมมลีักษณะทรงกลม ประกอบด้วยอนุภาคอิเล็กตรอนซึง่มปีระจุลบ และโปรตอนซึง่มีประจุบวก กระจายอยูใ่นอะตอมอยา่งสมำ่าเสมอ อะตอมท่ีเป็นกลางทางไฟฟา้จะมจีำานวนอิเล็กตรอนเท่ากับโปรตอน"
แบบจำ�ลองอะตอมของทอมสนั
แบบจำาลองอะตอมของรทัเทอรฟ์อรด์ ในปี 1871-1937 ลอรด์ เออรเ์นสท์ รทัเทอรฟ์อรด์ (Lord Ernest Rutherford) นักวทิยาศาสตรช์าวนิวซแีลนด์ ทดลองใชอ้นุภาคแอลฟายงิไปยงัแผ่นโลหะทองคำาบางๆ และใชฉ้ากเรอืงแสงซึง่ฉาบด้วยซงิค์ซลัไฟด์เป็นฉากรบัอนุภาคแอลฟาเพื่อตรวจสอบวา่
อนุภาคแอลฟาสว่นใหญ่เดินทางเป็นเสน้ตรงผ่านทะลแุผ่นทองคำาไปได้ มบีางอนุภาคท่ีเฉออกจากเสน้ทางเดิม และบางอนุภาคซึง่น้อยมากสะท้อนกลับจากเสน้ทางเดิมเมื่อกระทบแผ่นทองคำา ทราบได้เพราะอนุภาคแอลฟากระทบฉากเรอืงแสง
แบบจำาลองอะตอมของรทัเทอรฟ์อรด์
จากการทดลองของรทัเทอรฟ์อรด์พบวา่ 1. การท่ีอนุภาคแอลฟาสว่นใหญ่วิง่ผ่านแผ่นทองคำาไปเป็นแนวเสน้ตรงแสดงวา่ อะตอมไมใ่ช่ของแขง็ทึบตัน แต่ภายในอะตอมมท่ีีวา่งมาก 2. อนุภาคแอลฟาบางอนุภาคท่ีหักเหออกจากทางเดิมเพราะภายในอะตอมมอีนุภาคท่ีมมีวลมากและมปีระจุไฟฟา้บวกสงูและมขีนาดเล็ก ดังนัน้ เมื่ออนุภาคแอลฟาเขา้ใกล้อนุภาคนี้จะถกูผลักให้เบนออกจากทางเดิมหรอืเมื่ออนุภาคแอลฟาเขา้มากระทบอยา่งจงัก็จะสะท้อนกลับ
แบบจำาลองอะตอมของรทัเทอรฟ์อรด์ ดังนัน้ เพื่ออธบิายผลการทดลอง รทัเทอรฟ์อรด์จงึได้เสนอแบบจำาลองอะตอมขึน้มาใหมดั่งนี้ อะตอมประกอบด้วยโปรตอนรวม“กันกันเป็นนิวเคลียสอยูต่รงกลาง นิวเคลียสมีขนาดเล็กมากแต่มมีวลมากและมปีระจุบวก สว่นอิเลคตรอนซึง่มปีระจุลบและมมีวลน้อยมากวิง่อยูร่อบๆนิวเคลียสเป็นบรเิวณกวา้ง”
แบบจำ�ลองอะตอมของรทัเทอรฟ์อรด์
แบบจำาลองอะตอมของรทัเทอรฟ์อรด์การค้นพบนิวตรอน เซอร ์เจมส ์แชดวกิ (Sir James Chadwick) นักวทิยาศาสตรช์าวอังกฤษได้เสนออนุภาคท่ีเป็นกลางทางไฟฟา้นัน้เรยีกวา่ นิวตรอน มมีวลใกล้เคียงกับมวลของโปรตอน จากการค้นพบนิวตรอน ทำาให้เราทราบวา่อะตอมประกอบด้วยอนุภาคมูลฐาน 3 ชนิด คือ โปรตอน อิเลคตรอน และนิวตรอน ทำาให้แบบจำาลองอะตอมเปลี่ยนไปดังนี้
“อะตอมมลีักษณะทรงกลมประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอนรวมตัวกันเป็นนิวเคลียสอยูต่รงกลาง และม ีอิเลค ตรอนซึง่มจีำานวนเท่ากับโปรตอนวิง่อยูร่อบๆนิวเคลียส”
แบบจำาลองอะตอมของบอห์รบอห์ร (Niels Bohr:
1885-1962) เสนอแนวคิดเก่ียวกับโครงสรา้งอะตอมของไฮโดรเจน โดยใชแ้นวคิดของรทัเทอรฟ์อรด์รว่มกับทฤษฎีควอนตัม ดังนี้ 1. อะตอม
ไฮโดรเจนประกอบด้วย นิวเคลียสท่ีมอิีเล็กตรอนโคจรรอบๆ นิวเคลียสเป็นวงกลมโดยม ีรศัม ีr
นิวเคลียส (p+n)
n = 4 321r
e
n คือ เลขควอมตัมมค่ีาเป็น 1, 2, 3, ...
แบบจำาลองอะตอมของบอห์ร 2. อิเล็กตรอนโคจรรอบๆ โดยไมส่ญู
เสยีพลังงาน ซึง่เรยีกวา่สถานะคงตัว โดยท่ีโมเมนตัมเชงิมุมของวงโคจรจะมค่ีาเป็ฯจำานวนเต็มเท่าของ nh/2 ซึง่เขยีนได้วา่
L = mevr = nh2
L = โมเมนตัมเชงิมุมme = มวลของอิเล็กตรอนv = ความเรว็h = ค่าคงท่ีของพลังค์
แบบจำาลองอะตอมของบอห์ร 3. อิเล็กตรอนสามารถจะรบัและปลด
ปล่อยพลังงานได้ เมื่อมกีารเปลี่ยนวงโคจร โดยค่าของพลังงานจะเท่ากับ ค่าของพลังงานท่ีแตกต่างกันของวงโคจรทั้งสอง คือ
E = h = E2 – E1e จากวงใน วงนอก (รบั
พลังงาน) E เป็น +e จากวงนอก วงใน (คายพลังงาน) E เป็น -
แบบจำาลองอะตอมของบอห์ร 4. อิเล็กตรอนท่ีอยูใ่นวงโคจรดังกล่าวจะมี
พลังงานค่าหนึ่งคงท่ี และ ตลอดเวลาท่ีอยูใ่นวงโคจรเดียวจะไมด่ดูพลังงาน หรอืสญูเสยีพลังงานแต่อยา่งใด ค่าพลังงานนี้คำานวณได้จากสมการ
เมื่อ me = มวลของอิเล็กตรอน z = เลขเชงิอะตอม n = 1, 2, 3
แบบจำาลองอะตอมตามทฤษฎีของบอห์ร แมจ้ะใชไ้ด้ดีกับอะตอมท่ีมอิีเล็กตรอนเพยีงตัวเดียว แต่ไมส่ามารถอธบิายสเปกตรมัของอะตอมท่ีมมีากกวา่หน่ึงอิเล็กตรอนได้เลย นอกจากนี้วงโคจรวงกลมของอิเล็กตรอนยงัไมต่รงกับรูปรา่งของโมเลกลุท่ีได้จากการศึกษาทางรงัสเีอกซอี์กด้วย
นิวเคลียส (p+n)
n = 4 3 2 1e
e
ee e
แบบจำาลองอะตอมของบอห์ร
แบบจำาลองอะตอมของบอห์ร การเกิดสเปกตรมั 1. การตรวจหาสเปกตรมั ถ้าเป็นสารประกอบทำาโดย การเผาสารประกอบถ้าเป็นก๊าซทำาโดย นำาก๊าซมาบรรจุในหลอดแก้ว แล้วปรบัความดันให้ตำ่าแล้วใชพ้ลังงานไฟฟา้แทนการเผา
2. สเีปลวไฟ หรอืสเปกตรมั เกิดจากสาเหตุเดียวกัน ขอ้แตกต่าง คือสเีปลวไฟ เป็นสท่ีีมองจากตาเปล่า จะเห็นเป็นสเีดียว ซึง่เป็นสท่ีีเด่นชดัท่ีสดุสสีเปกตรมัเป็นสท่ีีใชเ้ครื่องมอื สเปกโตรสโคป สอ่งดูเปลวไฟ จะเห็นเป็นเสน้สเปกตรมัหลายเสน้ และความเขม้มากท่ีสดุจะเป็นสเีดียวกันกับสขีองเปลวไฟ 3. สขีองเปลวไฟ หรอืสขีองสเปกตรมัเป็นสท่ีีเกิดท่ีเกิดจากสว่นท่ีเป็นไอออนของโลหะ หรอืไอออนบวกนัน่เอง ดังเชน่
Li+ สแีดง Na+ สีเหลือง
Ca2+ สแีดงอิฐ Ba2+ สเีขยีวอมเหลือง
Cu2+ สเีขยีว K+ สมีว่ง
แบบจำาลองอะตอมของบอห์ร 4. ธาตแุต่ละธาตมุเีสน้สเปกตรมัเป็นลักษณะเฉพาะตัวไมซ่ำ้ากัน ดังรูป การจดัอิเล็กตรอนในอะตอม จากการศึกษาแบบจำาลองอะตอมของบอห์ร ทำาให้ทราบวา่ การจดัอิเล็กตรอนในระดับพลังงานต่างๆระดับพลังงาน(n) จำานวนอิเล็คตรอนท่ีมี
ได้สงูสดุn = 1 2n = 2 8n = 3 18n = 4 32n = 5 50n = 6 72n = 7 98
แบบจำาลองอะตอมของบอห์รเวเลนซอิ์เล็กตรอน คือ จำานวนอิเล็กตรอน
ในระดับพลังงานนอกสดุหรอืสงูสดุ ของแต่ละธาตุจะมอิีเล็กตรอนไมเ่กิน 8
การจดัอิเล็กตรอน มคีวามสมัพนัธกั์บการจดัหมูแ่ละคาบอยา่งไร
1. เวเลนซอิ์เล็กตรอน จะตรงกับเลขที่ของหมู ่ดังนัน้ ธาตท่ีุอยูห่มูเ่ดียวกันจะมเีวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน
2. จำานวนระดับพลังงาน จะตรงกับเลขที่ของคาบ ดังนัน้ ธาตใุนคาบเดียวกันจะมจีำานวนระดับพลังงานเท่ากัน เชน่ 35Br มกีารจดัเรยีงอิเล็กตรอนดังนี้ 2 , 8 , 18 , 7 ดังนัน้ Br จะอยูใ่นหมูท่ี่ 7 เพราะมเีวเลนซ์อิเล็กตรอน 7 และอยูใ่นคาบท่ี 4 เพราะมีจำานวนระดับพลังงาน 4
แบบจำาลองอะตอมของกลุ่มหมอก แบบจำาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก แบบจำาลองอะตอมของโบร ์ใชอ้ธบิายเก่ียวกับเสน้สเปกตรมัของธาตไุฮโดรเจนได้ดี แต่ไมส่ามารถอธบิายเสน้สเปกตรมัของอะตอมที่มหีลายอิเล็กตรอนได้ จงึได้มกีารศึกษาเพิม่เติม โดยใช้ความรูท้างกลศาสตรค์วนัตัม สรา้งสมการเพื่อคำานวณหาโอกาสท่ีจะพบอิเล็กตรอนในระดับพลังงานต่างๆ จงึสามารถอธบิายเสน้สเปกตรมัของธาตไุด้ถกูต้องกวา่อะตอมของโบร ์ลักษณะสำาคัญของแบบจำาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกอธบิายได้ดังนี้
แบบจำาลองอะตอมของกลุ่มหมอก
1. อิเล็กตรอนเคลื่อนท่ีรอบนิวเคลียสอยา่งรวดเรว็ตลอดเวลาด้วยความเรว็สงู ด้วยรศัมไีม่แน่นอนจงึไมส่ามารถบอกตำาแหน่งท่ีแน่นอนของอิเล็กตรอนได้บอกได้แต่เพยีงโอกาสท่ีจะพบอิเล็กตรอนในบรเิวณต่างๆ ปรากฏการณ์แบบนี้น้ีเรยีกวา่กลุ่มหมอกของอิเล็กตรอน บรเิวณที่มกีลุ่มหมอกอิเล็กตรอนหนาแน่น จะมโีอกาสพบอิเล็กตรอนมากกวา่บรเิวณท่ีเป็นหมอกจาง 2. การเคลื่อนท่ีของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสอาจเป็นรูปทรงกลมหรอื รูปอ่ืน ๆ ขึน้อยูกั่บระดับพลังงานของอิเล็กตรอน แต่ผลรวมของกลุ่มหมอกของอิเล็กตรอนทกุระดับพลังงานจะเป็นรูปทรงกลม
แบบจำาลองอะตอมของกลุ่มหมอก รูปทรงต่างๆของกลุ่มหมอกอิเล็กตรอน จะขึน้อยูกั่บระดับพลังงานของอิเล็กตรอน การใชท้ฤษฎีควนัตัม จะสามารถอธบิายการจดัเรยีงตัวของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส ได้วา่อิเล็กตรอนจดัเรยีงตัวเป็นออรบ์ทัิล(orbital) ในระดับพลังงานยอ่ย s , p , d , f แต่ละออร์บทัิล จะบรรจุอิเล็กตรอนเป็นคู่ ดังนี้
s – orbital ม ี 1 ออรบ์ทัิล หรอื 2 อิเล็กตรอน p – orbital ม ี 3 ออร์บทัิล หรอื 6 อิเล็กตรอน d – orbital ม ี 5 ออร์บทัิล หรอื 10 อิเล็กตรอน f – orbital ม ี 7 ออร์บทัิล หรอื 14 อิเล็กตรอน
แบบจำาลองอะตอมของกลุ่มหมอก แต่ละออรบ์ทัิลจะมรูีปรา่งลักษณะแตกต่างกัน ขึน้อยูกั่บการเคลื่อนท่ีของอิเล็กตรอนในออร์บทัิล และระดับพลังงานของอิเล็กตรอนในออรบ์ทัิลนัน้ๆ เชน่ s – orbital มลีักษณะเป็นทรงกลม p – orbital มลีักษณะเป็นกรวยคล้ายหยดนำ้า ลักษณะแตกต่าง กัน 3 แบบ ตามจำานวนอิเล็กตรอนใน 3 ออร์บทัิล คือ Px , Py , Pz d – orbital มลีักษณะและรูปทรงของกลุ่มหมอก แตกต่างกัน 5 แบบ ตามจำานวนอิเล็กตรอนใน 5 ออรบ์ทัิล
คือ dx2-y2 , dz2 , dxy , dyz , dxz
แบบจำาลองอะตอมของกลุ่มหมอก
1s orbital
2s orbital
px orbital
py orbital
pz orbital
แบบจำาลองอะตอมของกลุ่มหมอก
dyz orbital
dxz orbital
Dx2-y2 orbital
dz2 orbital
dxy orbital
The End