17
เรื่อง Management guru By C. K. Prahalad จัดทำโดย นำงสำวนฤมล ปิ มปำอุด Email : [email protected] โทรศัพท์ (089) 835 4596 นำงสำวกำระเกด โชคมณีนุช Email : [email protected] โทรศัพท์ ( 081) 447 3404 เสนอ ผศ.ดร.พิพัฒน์ นนทนำธรณ์ วิชำ องค์กรและกำรจัดกำร คณะบริหำรธุรกิจ มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์

จัดท ำโดย - Siam2Web.comfile.siam2web.com/cmmba/ck_prahalad.pdfเรื่อง Management guru By C. K. Prahalad จัดท ำโดย นำงสำวนฤมล

  • Upload
    others

  • View
    4

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

  • เร่ือง

    Management guru By C. K. Prahalad

    จดัท ำโดย

    นำงสำวนฤมล ปิมปำอุด Email : [email protected]

    โทรศัพท์ (089) 835 4596

    นำงสำวกำระเกด โชคมณีนุช Email : [email protected]

    โทรศัพท์ (081) 447 3404

    เสนอ

    ผศ.ดร.พพิฒัน์ นนทนำธรณ์

    วชิำ องค์กรและกำรจัดกำร

    คณะบริหำรธุรกจิ มหำวทิยำลยัเกษตรศำสตร์

  • สำรบัญ

    ประวติั , การศึกษา , การท างาน

    ผลงานการเขียนหนงัสือ

    แนวคิด หรือ ทฤษฎี

    ความสามารถหลกัขององคก์ร (The Core Competence of the Corporation)

    ตลาดรากหญา้ (The Fortune at the Bottom of the Pyramid)

    ผูน้ า (Leadership)

    ยคุใหม่ของนวตักรรม (The New Age of Innovation)

    การน าแนวคิด (The Fortune at the Bottom of the Pyramid) มาใชใ้นสังคมไทย

    ปัญหาและอุปสรรค

    วธีิการแกไ้ข

    แหล่งอา้งอิง

  • CK Prahalad (1941 – 2010)

    ประวตั ิ

    เกิดเม่ือ วนัท่ี 8 สิงหาคม 1941 C.K. Prahalad มีช่ือจริงวา่ Coimbatore Krishnarao Prahalad เป็นพรามณ์

    สญัชาติ อเมริกนัอินเดียน, เป็นคนประเทศ อินเดีย, อาชีพ ศาสตราจารย ์,ศาสนา ชาวฮินดู, คู่ครอง Gayatri

    (เสียชีวิตเม่ือ 16 เมษายน 2010 อาย ุ68)

    กำรศึกษำ

    - วท.บ. Loyola College มหาวิทยาลยัมทัราส, อินเดีย, 1960

    - ประกาศนียบตัรบณัฑิตบริหารธุรกิจ, อินเดียสถาบนั ผูบ้ริหาร, Ahmedabad, อินเดีย, 1966

    - บริหารธุรกิจ (DBA), Harvard Business School, 1975

    - ระดบัปริญญาโท Alma, อินเดียสถาบนัการจดัการอาเมดาบดั

  • ประวตัิกำรท ำงำน

    1976-77 : ศาสตราจารยอิ์นเดียสถาบนัการจดัการ, Ahmedabad, อินเดีย

    1977-1978 : รองศาสตราจารยส์าขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลยั โรงเรียนมิชิแกนธุรกิจ

    1987 - ศาสตราจารยบ์ริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลยัมิชิแกน โรงเรียนธุรกิจ

    1993 - 2005: ฮาร์วียซี์ Fruehauf ศาสตราจารยก์ลยทุธ์และพฒันาองคก์ร ธุรกิจระหวา่งประเทศมหาวิทยาลยัมิชิแกน

    Business School

    2005 - พอลและรู ธ McCracken เด่นอาจารยม์หาวิทยาลยั กลยทุธ์องคก์รและธุรกิจระหว่างประเทศ, Ross โรงเรียน

    ธุรกิจ, มหาวิทยาลยัมิชิแกน เกียรตินิยม:

    เกยีรติรำงวลั

    - รับรางวลัอิตาลีเทเลคอมรางวลัส าหรับความเป็นผูน้ าในธุรกิจและเศรษฐกิจ คิด หา้รางวลัโนเบลผูช้นะ-Amartya Sen

    (1998), โจสติกลิตซ์ (2001), Gary Becker (1992), บ๊อบ Mundel (1999) และเอด็เพรสคอตต ์(2004)-ยงั น าเสนอในพิธี

    มอบรางวลั "lectio magistralis"

    - รางวลัความส าเร็จในชีวิต, Ross โรงเรียนธุรกิจ, มิชิแกน มหาวิทยาลยั คณะไพโอเนียร์ท่ีไดรั้บรางวลั * ความส าเร็จใน

    ชีวิตส าหรับผลงานเพ่ือสงัคมและ การดูแลส่ิงแวดลอ้มโดยสถาบนัแอสเพนและ World Resources Institute

    - รางวลัจากงานวิศวกรรม (ปริญญากิตติมศกัด์ิ), สตีเวน่สถาบนั เทคโนโลยี, นิวยอร์ก, พฤษภาคม, 2005

    - รับรางวลั D.Sc. , เศรษฐศาสตร์ (ปริญญากิตติมศกัด์ิ) จาก University of London, มิถุนายน, 2005

    - รางวลัจากการท าธุรกิจ (ปริญญากิตติมศกัด์ิ) จาก University of Abertay, Dundee, กอ็ตแลนด,์ กรกฎาคม 2005

    การเลือกตั้งสากลอินเดีย, 2004 โดยคณะลกูขนุแผงสีฟ้าของผูน้ าธุรกิจในอินเดีย สมาชิกของคณะกรรมการ

    สหประชาชาติเก่ียวกบัความยากจนและภาคเอกชนตั้งข้ึนโดย Secy ทัว่ไปของสหประชาชาติ 2003-2004

    - รางวลั Lal Bahadur Shastri เพ่ือความเป็นเลิศในการบริหารจดัการ, 2000, น าเสนอโดย ประธานาธิบดีของประเทศ

    อินเดีย, Fellow สมาคมการจดัการเชิงกลยทุธ์ Fellow , Academy of ธุรกิจระหวา่งประเทศ (AIB) Fellow , โรงเรียน

    นานาชาติของผูบ้ริหาร 1

  • - ปี 1994 เขาไดน้ าเสนอ รางวลั Maurice ฮอลแลนด ์ จาก สถาบนัวิจยัอุตสาหกรรม ส าหรับบทความท่ีตีพิมพใ์น การ

    จดัการการวิจยัเทคโนโลยีท่ี มีช่ือวา่ "บทบาทของสมรรถนะหลกัในคอร์ปอเรชัน่."

    - ปี 2009 เขาไดรั้บรางวลั Pravasi บา Sammaan

    - ปี 2009 เขาก าลงัหารือ ปัทมาภูชนั 'ท่ีสามในล าดบัชั้นของรางวลัพลเรือนโดย รัฐบาลอินเดีย .

    - ปี 2009 เขาถกูเสนอช่ือนกัคิดทางธุรกิจของโลกท่ีมีอิทธิพลมากท่ีสุดในรายการ Thinkers50.com เผยแพร่โดยไทม ์

    - ปี 2009 เขาไดรั้บรางวลัรางวลั Herbert Simon โดย Rajk Lászlóวิทยาลยัการศึกษาขั้นสูง ( Corvinus มหาวิทยาลยั

    บูดาเปสต ์)

    - ปี 2010 เขาไดรั้บรางวลัตอ้ Viipuri นานาชาติรางวลัในเชิงกลยทุธ์ (Technology) การจดัการและเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ

    โดย Lappeenranta มหาวิทยาลยัเทคโนโลยี

    ผลงำนกำรเขยีนหนังสือ

    1. Prahalad, CK 2004 Fortune ท่ีดา้นล่างของพีระมิด. เลขาธิการ ความยากจนผา่นก าไรแม่น ้า Saddle, อปัเปอร์,

    นิวเจอร์ซีย:์ Wharton โรงเรียน Publishing (หนงัสือธุรกิจท่ีดีท่ีสุดของปีน้ี บริษทั Fast, Amazon.com, หนงัสือธุรกิจยอด

    นิยม ของปีท่ีนกัเศรษฐศาสตร์ จะถกูแปลเป็น 12 ภาษา)

    2. Prahalad, CK และ Ramaswamy, Venkat . 2004 อนาคตของการแข่งขนั: Co- คุม้ค่ากบัลูกคา้สร้างบอสตนั:. Harvard

    Business School Press (ท่ีดีท่ีสุดส าหรับธุรกิจของหนงัสือปี-Business สปัดาห์กลยทุธ์ธุรกิจ + แปล ลงใน 11 ภาษา)

    3. Hamel, แกร่ีและ Prahalad, CK 1994. ส าหรับการแข่งขนัในอนาคต บอสตนั: ฮาร์วาร์กด Business School (หนงัสือ

    ธุรกิจท่ีดีท่ีสุดของสปัดาห์ในปีธุรกิจและเป็นหน่ึงในสินคา้ขายดีตลอดเวลา ท่ีแปลในกวา่ 15 ภาษา)

    4 .Prahalad, CK และโหล, Yves L. 1987. ภารกิจขา้มชาติ, Balancing บูรณาการระดบัโลกท่ีมีการตอบสนองทอ้งถ่ิน

    นิวยอร์ก: ข่าวอิสระ; ลอนดอน: Macmillan ถ่านหิน

    5 .ซิลเวอร์, JB และ Prahalad, CK 1974. การบริหารการเงินของสุขภาพ สถาบนั ฟลชัชิง, นิวยอร์ก: Spectrum ส่ิงพิมพ ์

    6. อเบอร์นาธี, WJ; เชลดอนเอและ Prahalad, CK 1974 การบริหารจดัการของ. การดูแลสุขภาพ เคมบริดจ:์ Ballinger

    Publishing จ ากดั บทความท่ีเลือก: ท่ีชนะการประกวดบทความ: 1 Prahalad, CK และ Ramaswamy, Venkat 2003

    พรมแดนใหม่ของประสบการณ์การท างาน . นวตักรรม MIT Sloan บริหาร Review, (กระดาษท่ีดีท่ีสุดของปีในการ

    บริหารสโลนรีวิวรางวลั PWC-Sloan) 2 Prahalad, CK และ Lieberthal, เคนเน็ ธ 2003 จุดส้ินสุดของลทัธิจกัรวรรดินิยม

    ขององคก์ร Harvard Business Review, (McKinsey รางวลั) 3 Prahalad, CK 1995 สญัญาณอ่อนแอเม่ือเทียบกบักระบวน

    ทศันท่ี์แขง็แกร่ง. วารสาร การวิจยัการตลาด (แอนบาริกอิเลก็ทรอนิอา้งอิงความเป็นเลิศ) 4 Prahalad, CK 1993 บทบาท

  • ของสมรรถนะหลกัใน บริษทั . การวิจยั บริหารจดัการเทคโนโลยี, (มอริซฮอลแลนดร์างวลั 1994) 5 Prahalad, CK และ

    Hamel, แกร่ี 1990 ความสามารถหลกัของ บริษทั Harvard Business Review, 68 (3): 79-87 (McKinsey รางวลัมียอดขาย

    จ านวนสูงสุดของการอดัในทั้ง 80 + ปีของประวติัศาสตร์ HBR) 6 Hamel, แกร่ีและ Prahalad, CK 1989 เจตนาเชิงกล

    ยทุธ์. Harvard Business Review, (McKinsey รางวลั)

    7. Prahalad, CK และ Bettis, Richard A. 1986 ลอจิกเด่น: นิว ท่ีเช่ือมโยงระหวา่งความหลากหลายและประสิทธิภาพ.

    การบริหารเชิงกลยทุธวารสาร, (บทความท่ีดีท่ีสุดส าหรับการตีพิมพใ์นวารสารการจดัการเชิงกลยทุธ์ 1980-1988) เลือก

    ส่ิงของอ่ืน ๆ

    8. Prahalad, CK และ Ramaswamy, Venkat 2004 ประสบการณ์ Co-creation: การปฏิบติัต่อไปในการสร้างมลูค่า

    วารสารการตลาด Interactive,

    9. Prahalad, CK, Ramaswamy, Venkat 2004 Co-การสร้างมลูค่าท่ีไม่ซ ้ ากนัดว้ย ลกูคา้กลยทุธ์. ภาวะผูน้ า

    10. แฮมมอนด,์ อลัเลนและ Prahalad, CK 2004 ขายไปแย.่ นโยบายต่างประเทศ, พฤษภาคม / มิถุนายน:

    11. CKPrahalad: 2004 blinders จากลอจิกท่ีโดดเด่น, การวางแผนระยะยาว, (ฉบบัพิเศษ)

    12. Prahalad, CK และกฤษณะ, MS 2002 การประสานขอ้มลูแบบไดนามิกของ . เทคโนโลยีสารสนเทศกลยทุธ์และ

    MIT Sloan บริหาร Review

    13. Prahalad, CK และฮาร์ท, Stu ฟอร์จูนท่ีดา้นล่างของพีระมิดกลยทุธ์. และ 26 54-67 ธุรกิจ

    14. Prahalad, CK และ Ramaswamy, Venkat 2000 Co-สมรรถภาพการเลือกลูกคา้ Harvard Business Review, 78

    15. Prahalad, CK และโหล, Yves L. 2000 ซีอีโอ: มือท่ีมองเห็นไดใ้นความมัง่คัง่ สร้าง. วารสาร Applied บริหาร

    การเงิน พฤศจิกายน

    16. CKPrahalad และ ม.ค. Oosterveld: การปฏิรูปการก ากบัดูแลกิจการภายใน: ความทา้ทายส าหรับ บริษทั ขา้มชาติ

    Sloan บริหารรีวิว

    17. Prahalad, CK ประสิทธิภาพต่อหน่วย 1999.Business และใชป้ระโยชนจ์ากองคก์ร สมรรถนะ. วารสาร Applied

    บริหารการเงิน (ฉบบัพิเศษ)

    18. Katheleen Conner และ CKPrahalad: 1996 ทรัพยากรการตามทฤษฎีของ บริษทั : ความรู้กบัการฉวยโอกาส,

    วิทยาศาสตร์องคก์ร

    19 .Prahalad, CK และกฤษณะ, MS1999 ความหมายใหม่ท่ีมีคุณภาพใน ยคุขอ้มลูข่าวสาร Harvard Business Review,

    20. Hamel, แกร่ีและ Prahalad, CK 1996 การแข่งขนัในเศรษฐกิจยคุใหม่: ผูจ้ดัการนอกขอบเขตการบริหารเชิงกลยทุธ

    วารสาร ฯลฯ

  • ควำมเช่ียวชำญของ CK.Prahalad

    กรููดา้นกลยทุธ์ บทความ ท่ีสร้างช่ือโดดเด่นใหก้บัเขากคื็อบทความท่ีตีพิมพล์งในวารสาร Harvard Business Review

    ฉบบัเดือนพฤษภาคม 1990 ช่ือ The Core Competence of the Corporation ความสามารถหลกัขององคก์รข้ึนมา ซ่ึงใน

    ปัจจุบนัหลกัการดงักล่าวไดก้ลาย เป็นเน้ือหาหรือองคป์ระกอบพ้ืนฐานในต าราทางดา้นกลยุทธ์เกือบทุกเล่ม

    แนวคดิ หรือ ทฤษฎขีอง CK.Prahalad

    ความสามารถหลกัขององคก์ร (The Core Competence of the Corporation) งานเขียนคู่กบั Gary Hamel

    คือ องคก์รจะตอ้งพฒันาความสามารถท่ีโดดเด่นของตนเองข้ึนมา โดยเป็นส่ิงท่ีองคก์รอ่ืนยากท่ีจะลอกเลียนแบบไดเ้ป็น

    ส่ิงท่ีก่อใหเ้กิดคุณค่าหรือประโยชนต่์อลกูคา้ และเป็นส่ิงท่ีก่อใหเ้กิดโอกาสหรือการขยายตวัเขา้สู่ธุรกิจใหม่ๆได ้

    ซ่ึงองคก์ร ท่ีมีความสามารถหลกัและมีความสามารถในการใชค้วามสามารถหลกัดงักล่าวยอ่มจะน าไปสู่การไดเ้ปรียบ

    ทางการแข่งขนั ( Competitive Advantage) ไดก้ล่าวไวว้า่

    โดยเปรียบองคก์รเป็นตน้ไม ้ โดยรากแกว้กคื็อ Core Competence หรือรากฐานส าคญัท่ีท าใหต้น้ไมด้ ารงอยูไ่ดต้ลอดไป

    ในขณะท่ีก่ิงกา้นสาขาหรือดอกไมแ้ละผลไม ้ เป็นเพียง Core Products และ End Products ท่ีปรากฏแก่ตลาดและ

    ผูบ้ริโภค ซ่ึงสามารถเปล่ียน Brand ไปไดต้ามกาลเวลา ทวา่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นจะถกูสร้างข้ึนจาก "ปมเด่นเชิงการ

    แข่งขนั" หรือรากฐานเดิมขององคก์ร ทั้งน้ีไม่วา่จะเป็นความรู้ความช านาญในเชิงการผลิต ความรู้หรือเทคโนโลยีท่ี

    สะสมมาอยา่งยาวนานในองคก์รนั้น หรือความเช่ียวชาญเชิงลึกดา้นใดดา้นหน่ึงอยา่ง เป็นตน้

    โดยแนวคิดเร่ืองของความสามารถหลกันั้น เนน้ใหอ้งคก์รแสวงหาหรือพฒันาความสามารถท่ีโดดเด่นข้ึนมา โดยอาจจะ

    อยูใ่นอุตสาหกรรม ท่ีไม่น่าสนใจ โดยตรงกนัขา้มกนัส่ิงท่ี Michael Porter น าเสนอวา่องคก์รจะประสบความส าเร็จได้

    เน่ืองจากอยูใ่น อุตสาหกรรมท่ีดีและมีต าแหน่งทางการแข่งขนัท่ีดี

    ตลาดรากหญา้ (The Fortune at the Bottom of the Pyramid) ซ่ึงน าเสนอแนวคิดใหม่ทางธุรกิจ โดยกระตุน้ให ้

    ภาคธุรกิจเสนอสินคา้หรือบริการใหก้บักลุ่มคนท่ีถือวา่เป็น รากหญา้หรือระดบัล่างสุดของสงัคมและการมุ่งตอบสนอง

    ต่อกลุ่มรากหญา้นั้นจะกลายมาเป็นโอกาสส าหรับองคก์รธุรกิจในการพฒันาสินคา้ บริการ และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ท่ีมี

    ลกูคา้นบัลา้นๆ คนโดยกระบวนการท่ีจะเปล่ียนวิกฤติความยากจนใหเ้ป็นโอกาส จะตอ้งเร่ิมท่ีผูบ้ริโภคท่ีอยูใ่นตลาดล่าง

    และตระหนกัวา่ ผูบ้ริโภคท่ีเป็นคนจนก็มีความส าคญัเท่าเทียมกบัฝ่ายอ่ืนๆ ท่ีเก่ียวขอ้ง ในการแกปั้ญหาความยากจนของ

    พวกเขาเอง ความยากจนคือโอกาส มีบริษทัยกัษใ์หญ่หลายๆราย ยอมรับมุมมองใหม่ในการแกปั้ญหาความยากจน

  • ดงักล่าว และไดป้ระสบความส าเร็จมาแลว้ในการมีส่วนช่วยแกปั้ญหาความยากจนในชาติก าลงัพฒันา ในขณะท่ียงั

    สามารถท าก าไรจากตลาดคนจนเหล่านั้นไปพร้อมๆ กนัดว้ยโดยบริษทัยกัษใ์หญ่เหล่านั้นไม่ไดม้องวา่เป็นภาระ

    รับผิดชอบต่อสงัคม แต่กลบัมองเห็นเป็นโอกาสในการท าธุรกิจ กบัผูบ้ริโภคในตลาดระดบั

    ปัจจุบนั "ตลาดคนจน" ระดบัโลกมีช่ือเรียกอยา่งเป็นทางการแลว้ในวรรณกรรมบริหารธุรกิจวา่ "ตลาด BOP" หรือ "ตลาดฐานปิระมิด" โดย BOP ยอ่มาจาก Bottom-of-the-Pyramid หมายถึงคนท่ีมีรายไดไ้ม่ถึง $2 ต่อวนั มีจ านวนกวา่ 4 พนัลา้นคนทัว่โลก คิดเป็นกวา่ร้อยละ 60 ของประชากรโลก และเป็นตลาดท่ี "โตเร็วท่ีสุดในโลก" ในความเห็นของ CK PRAHALAD เสนอวา่ การผลิตสินคา้และบริการส าหรับลูกคา้ในตลาดคนจนนั้น ไม่เพียงแต่จะมีเหตุมีผลทางธุรกิจพร้อมมลู (คือท าก าไรไดดี้) หากยงัจะช่วยสร้างทุนนิยมแบบใหม่ท่ีเขาเรียกวา่ "ทุนนิยมครอบคลุม" (inclusive capitalism) ซ่ึงเขาเช่ือวา่จะช่วยก าจดัความยากจนในโลก ดว้ยการเพ่ิมขีดความสามารถใหค้นจนดึงตวัเองใหพ้น้จากบ่วงความจนได ้

    แผนภาพน้ีเป็นผลงานของ C.K. Prahalad และ Kenneth Lieberthal เม่ือปี 1998 ก่อนน้ี ธุรกิจส่วนใหญ่มกัไม่สนใจคนท่ีมีอ านาจซ้ือต ่า แต่ทุกวนัน้ี เรารู้แลว้วา่โอกาสทางธุรกิจอยูท่ี่คนกลุ่มน้ี โดยเฉพาะอยา่งยิ่งในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และบราซิล ต่างมุ่งพฒันาสินคา้เพ่ือสนองความตอ้งการของกลุ่มท่ีเป็นฐานของปิรามิด เพราะจ านวนประชากรท่ีมากกวา่เป็นตวัสร้างอ านาจซ้ือไดอ้ยา่งมาก

  • Maslow's Hierarchy of Needs

    เปรียบเทียบกบัของ มาสโลว ์ไดแ้บ่งความตอ้งการของมนุษยอ์อกเป็น 5 ขั้นเรียงตามล าดบั ดงัน้ี

    ขั้นท่ี 1 ความตอ้งการทางกาย (Physiological Needs) คือความตอ้งการปัจจยัพ้ืนฐานในการด ำรงชีวติ เทียบกบั Tier 4

    และ Tier 5 ของ C.K Prahalad

    ขั้นท่ี 2 ความตอ้งการความ มัน่คงปลอดภยั (Safety and Security Needs) คือความตอ้งการท่ีจะมีชีวิตท่ีมัน่คง ปลอดภยั

    ขั้นท่ี 3 ความตอ้งการความรักและการเป็นท่ียอมรับของกลุ่ม (Love and Belonging Needs) มนุษยเ์ม่ือเขา้ไปอยูใ่นกลุ่มใด กต็อ้งการใหต้นเป็นท่ีรักและยอมรับในกลุ่มท่ีตนอยู่

    ขั้นท่ี 4 ความตอ้งการได ้ รับการยกยอ่งจากผูอ่ื้น (Self -Esteem Needs) เป็นความตอ้งการในล าดบัต่อมา ซ่ึงความตอ้งการในชั้นน้ี ถา้ไดรั้บจะก่อใหเ้กิดความภาคภูมิใจในตนเอง

    ข้ึนท่ี 5 ความตอ้งการในการเขา้ใจและรู้จกัตนเอง (Self-Actualization Needs) เป็นความตอ้งการชั้นสูงของมนุษย ์ ซ่ึงนอ้ยคนท่ีจะประสบไดถึ้งขั้นน้ี

    มาสโลวไ์ดก้ล่าวเนน้วา่ ความตอ้งการต่าง ๆ เหล่าน้ีตอ้งเกิดเป็นล าดบัขั้น และจะไม่มีการขา้มขั้น ถา้ขั้นท่ี 1 ไม่ไดรั้บการตอบสนอง ความตอ้งการในล าดบัขั้นท่ี 2-5 กไ็ม่อาจเกิดข้ึนได ้ การตอบสนองท่ีไดรั้บในแต่ละขั้นไม่จ าเป็นตอ้ง

  • ไดรั้บทั้ง 100% แต่ตอ้งไดรั้บบา้งเพ่ือจะไดเ้ป็นบนัไดน าไปสู่การพฒันาความตอ้งการในระดบัท่ี สูงข้ึนในล าดบัขั้นต่อไป

    Leadership ผู้น ำในยุค 21ตำมควำมเห็นของ CK Prahalad มีดงัน้ี

    1. ผูน้ าตอ้งมีหนา้ท่ีน า และตอ้งจินตนาการ เห็นอนาคตขา้งหนา้ ใน 10 ปี ขา้งหนา้โลกจะเป็นอยา่งไร แลว้ปรับองคก์ร ทั้งระบบ กา้วไปขา้งหนา้ เพ่ือรองรับการเปล่ียนแปลงตรงนั้น ผูน้ าไม่มีหนา้ท่ีมาท าเร่ืองปัจจุบนั เช่น โลกการภิวฒันใ์นรูปแบบ เครือข่ายเขตการคา้เสรี AEC การตลาดท่ีมาสู่ยคุดิจิตอล เทคโนโลยีมาสู่โลกไร้พรมแดนแทจ้ริง กระแส Social Network การขาดแคลนอาหารของโลก ภาวะโลกร้อนน าไปสู่ การอนุรักษโ์ลกและส่ิงแวดลอ้ม กระแสความเท่าเทียมกนัของสังคม ทุกคนมีสิทธิออกเสียงวิพากษว์ิจารณ์ผูเ้สียผลประโยชนห์รือถกูเบียดเบียนกจ็ะเรียกร้องผา่นสงัคม เช่นการขดุน ้าบาดาลแต่ท าใหดิ้นทรุด ค่าใชจ่้ายท่ีตอ้งใชใ้นการรักษาสภาพดินเป็นเท่าไรใครรับผิดชอบ การใชย้าฆ่าแมลงท าใหเ้กษตรกรป่วย เสียค่ารักษา ใครรับผิดชอบ รถบรรทุกท่ีบรรทุกมากเกินอตัราจนท าใหถ้นนพงั จะมีกลุ่มคนทีเสียผลประโยชน ์และคนกลางออกมาเรียกร้อง รถปล่อยควนัเสียท าลายส่ิงแวดลอ้ม วสัดุท่ีใช้ท าใหเ้กิดคาร์บอนท าลายส่ิงแวดลอ้ม ปัจจุบนัยโุรปมีกฎหมายเร่ือง เครดิตคาร์บอน ท่ีควบคุมปริมาณคาร์บอนปล่อยไปในบรรยากาศ

    2. ผูน้ าตอ้งสามารถรวมเสือสิงห์กระทิงแรด ท่ีมีความเก่ง แต่ไม่มีความปรองดอง เขา้ดว้ยกนั ท าพวกเขา ใหเ้ป็นเหมือนหมาเล้ียงแกะ ซ่ึงมีกฎคือ หมาตอ้งตามฝงูแกะหา้มน าเดด็ขาด หมาเฝ้าฝงูแกะ ตอ้งเห่าไล่ แต่หา้มกดัแกะ และตอ้งไม่ท าใหแ้กะหายแมแ้ต่ตวัเดียว และหมารู้วา่มนัก าลงัจะน าพาฝงูแกะไปท่ีไหน ผูน้ าตอ้งสามารถชกัจูงกระตุน้ อยา่งต่อเน่ืองใหพ้นกังาน รู้หนา้ท่ีตนเอง น าความเก่งมารวมกนัท างานปราศจากการต่อตา้นหรือกดักนัเอง และน าความเก่งออกมาใชไ้ดอ้ยา่งเต็มสูบ

    3. ผูน้ าตอ้งสร้างแรงบนัดาลใจ ใหท้ าในส่ิงท่ีดีส าหรับ เรา และ ครอบครัว ส าหรับเราและชุมชน ส าหรับ เราและสงัคม ส าหรับเราและโลกส่ิงแวดลอ้ม หรือส่วนรวม ไม่ใช่แค่ตวัเอง มิฉะนั้นความไม่เทียมจะเกิดข้ึน และ ท าให้อีกฝ่ายสูญเสียหรือเสียเปรียบ

    ยุคใหม่ของนวตักรรม (The New Age of INNOVATION) ไดมี้การสร้างความเช่ือมโยงในมุมมองเชิง

    นวตักรรม (Innovation) และการสร้างคุณค่า (Value creation) จนเกิดมุมมอง 3 ดา้น คือ 1. กลุ่มผูบ้ริโภคนวตักรรม จะมีส่วนร่วมในการสร้างมลูค่าใหม้ากข้ึน ซ่ึงผูบ้ริโภคสามารถเป็นไดทุ้กระดบัและชนชั้นของสงัคม 2. ไม่มีองคก์รใดท่ีมีความรู้ ทกัษะ และทรัพยากรทุกอยา่งพร้อมสรรพ ท่ีจะสามารถน ามาใชส้ร้าง มลูค่า ร่วมกนักบัผูบ้ริโภคได ้ซ่ึงทุกๆองคก์รตอ้งพยายามเขา้ถึงแหล่งทรัพยากรต่างๆใหไ้ด ้ 3. ตลาดเกิดใหม่ (The emerging market) สามารถเป็นแหล่งก าเนิดของนวตักรรมได ้

    http://cisasia.blogspot.com/2009/09/new-age-of-innovation.html

  • Concept CK. Prahalad

    Concept ของ Bottom of the Pyramid (BOP) เป็นอยา่งไร C.K. Prahalad ใช ้5-6 ประเทศ เช่น อินเดีย เปรู เมก็ซิโก เป็นกรณีศึกษาในการท าวิจยัเพ่ือเขียน

    หนงัสือ The Fortune at the bottom of the pyramid ซ่ึงน าเสนอแนวความคิดใหม่ของธุรกิจ โดยกระตุน้ใหบ้รรษทัขา้มชาติขนาดใหญ่ (MNCS: Multinational Corporations) น าเสนอสินคา้ใหก้บักลุ่มคนท่ีถือเป็นรากหญา้ หรือระดบัล่างสุดของสงัคม และการมุ่งตอบสนองต่อกลุ่มรากหญา้ นั้นจะกลายเป็นโอกาสขององคก์รธุรกิจในการพฒันาสินคา้ บริการและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ท่ีมีลูกคา้นบัลา้นๆคน

    Concept ของ Bottom of Pyramid เมือ่น ำมำปรับใช้กบัสังคมไทย

    1.สงัคม Society of Choice คือเป็นสงัคมทางเลือก แต่เดิมทางตนั Survive ยงัไม่ได ้เพราะ Suffer อยู ่ 2.ท ายงัไงใหเ้ป็นสงัคมแห่งโอกาส ขอใหคุ้ณมีความมุ่งมัน่ คุณมีโอกาส 3.สงัคมแห่งพลงั จริงๆ BOP อยูไ่ม่ไดห้รอก ถา้ไม่มีขอ้ต่อยึดโยง ตอ้งเป็นสังคมแห่งพลงั เหมือน

    OTOP ท่ีเราเอาเอกชนมาช่วยเหลือชุมชน หรือตอนน้ีเราเอาปัญญาชนมาช่วย Fusion ใน OTOP ในชุมชน ต่อไปเราจะเอาส่ิงเหล่าน้ีมาช่วยกนัและ

    4.สงัคมแห่งความเป็นธรรม ท่ียงัเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลชุดน้ี ไม่ใช่ใหร้ายใหญ่ไดเ้ปรียบ แต่รายยอ่ย ไดด้ว้ย

    เช่ือวา่ถา้ท าทั้ง 4 อยา่งใหเ้กิดข้ึนบน Pyramid น้ี Pyramid อาจจะยงัไม่ตอ้งเป็น Diamond กไ็ด ้คือพอใจ ท่ีจะอยูอ่ยา่งน้ี ไม่ Move กไ็ด ้หรือจะลงมากไ็ด ้อยา่งปีน้ีมีเอสเอม็อีขอสมคัรเป็น OTOP แทนท่ีจะเป็น Upward มนักลบั Move Downward เพราะอยู ่ OTOP แลว้ขายของได ้ อยูเ่อสเอม็อีขายของไม่ได ้ อยา่งน้ีเป็นตน้

    ปัญหำของกำรสร้ำงโอกำสให้ Bottom of the Pyramid คืออะไร Bottom of the Pyramid เกิดวงจรอุบาทว ์เรามีวงจรอุบาทวง่์ายๆ คือ พวกน้ี Low Educate ท าใหไ้ม่มี

    โอกาส ส่งผล Low Income High in Deptไม่มี Productivity ณ จุดน้ีส่ิงท่ีเราท ากบั Bottom of the Pyramid ในช่วง 4 ปีท่ีผา่นมากคื็อ ส่ิงแรกเขาเร่ิมดว้ย Suffer เราจะลดความ Suffer ไดอ้ยา่งไร เราถึงมีการพกัหน้ีเกษตรกร มีการตั้งกองทุนหมู่บา้น มีเร่ืองธนาคารประชาชน

    Concept น้ี บางคนวา่เป็น Populist แต่จริงๆ แลว้เป็นการเพ่ิมโอกาส ลดหน้ีก่อนใหทุ้เลา และให้เขา้ถึงแหล่งเงินทุนคือเพ่ิมเงินทุนใหเ้ขา ส่ิงท่ีเราท าใน Step ต่อมาคือใหเ้ขา Survive ได ้ไม่ใช่เพ่ิมโอกาสอยา่งเดียว แต่เพ่ิม Productivity ดว้ย มาถึงจุดน้ี ส่ิงท่ีเราผา่นมาคือ Outcome วา่ช่วง 4 ปีท่ีผ่านมา ราคาสินคา้ Commodity เพ่ิมข้ึน รายไดข้อง BOP เพ่ิมข้ึน แต่ประเดน็คือขณะเดียวกนั เสน้ความยากจนลดลง น่ีคือผลท่ีเกิดข้ึน

  • Concept ท่ีมองท่ีจุดน้ีวา่ พ้ืนฐานคือเกษตร จะท ายงัไงใหเ้ขาไต่ระดบัถึงจุดหน่ึงใหเ้หมือนอิสราเอล มีเร่ืองแปลงทรัพยสิ์นเป็นทุน แทนท่ีจะปลกูปาลม์คิดถึงการท าไบโอดีเซลเลย แทนท่ีจะปลูกถัว่เหลืองมาคิดถึงอะไรท่ี Value Added กวา่ถัว่เหลือง ยกตวัอยา่งยางพารา ต่อใหน้ ้ายางดีแค่ไหน แต่น ้ายางจริงๆ เสียดายมาก ถา้ ป่ันมนัไปเร่ือยๆ จะมีเอนไซมอ์ยู ่2 ตวั เอนไซมน้ี์กิโลละหม่ืน เป็นเอนไซมท่ี์เอาไปใชรั้กษาโรคได ้เราตอ้งเอา Knowledge ลงไปจบั น่ีคือโอกาสของเกษตร แต่พ้ืนฐานไม่ไดม้าจากเกษตรอยา่งเดียว ยงัมี Wisdom ส่วนหน่ึงเอามาใชใ้น OTOP ถึงจุดหน่ึง OTOP จะไต่ระดบักลายเป็น Entrepreneur เพราะฉะนั้นจะมีบางหมู่บา้นจะเป็น Entrepreneur หรือเป็นวิสาหกิจชุมชน OTOP คือรอยต่อระหวา่ง BOP กบั MOP ถา้เรามองกลุ่ม Middle จะท ายงัไงใหเ้อสเอม็อีเป็น Smart Enterprise

    ยุทธศำสตร์ในกำรสร้ำงตลำด BOP มแีง่กำรปฏิบัตยิังน ำไปใช้ได้ในปัจจุบัน ตอ้งเขา้ใจภาพรวมก่อน จะตอ้งมองวา่บริเวณน้ีคือ Local Competitiveness เราชอบไปวดัท่ี Global

    Competitiveness ยทุธศาสตร์ท่ีเราใชต้ลอด 4 ปี และก าลงัจะใชต่้อไปคือ Local Link เราใชผู้ว้า่ฯซีอีโอ และเราใชทู้ตซีอีโอ และใชส้องคนน้ี Link กนัคนหน่ึงรับบทบาทลงมา คนหน่ึงรับไปสู่โลก โครงสร้างการ Re-manage Public Sector ใหอ้อกมารับลกูกนัอยา่งน้ี ท าใหเ้กิด Dynamic เกิดการ Migrate ได ้สงัคมท่ี Dynamic ได ้ตอ้งเกิดการรับลูก

    จุดท่ีสองยทุธศาสตร์ ตอ้งเป็น Citizen Center Government ใหไ้ด ้ เพราะไม่อยา่งนั้นระบบบริหารราชการแผน่ดินท่ีขา้ราชการไม่เอาใจใส่ประชาชน คอร์รัปชัน่ จะท าลายระบบน้ีเอง Citizen Center จะตอ้งท าใหเ้กิดระบบเปิดปิดระหวา่งรัฐกบัเอกชน ยกตวัอยา่งผูว้า่ฯซีอีโอเก่งๆ อาจจะมาจากเอกชน หรือผูว้า่ฯซีอีโอเก่งๆ อาจจะไปท างานเอกชน ล่ืนไหลได ้

    แต่ตวัส าคญัอีกตวัหน่ึง คือการ Infra Structure แบบใหม่อยา่งท่ีหนงัสือ BOP บอก คือ Infra Structure แบบใหม่ ท่ีส าคญัท่ีสุดคือเร่ือง Logistics คือ Education คือ Energy แต่วา่ท่ีเก่ียวขอ้งกบั BOP จริงๆ คือเร่ือง Education, Logistics ถา้ Infra เราแบบเดิม เราไม่มีทางไปสู่ Knowledge Base Economy ได้เลย Factor ไม่ไดอ้ยูท่ี่สามเหล่ียมน้ีจะ Link กนัยงัไง แต่จะยกยงัไงใหข้ึ้นไปยงัไง ไปอีก Level หน่ึง ของ Competition ของโลก น่ีคือ Level ของ Global Competition วิธีการคือใส่ Local Link Global Reach ใส่ผูว้า่ฯซีอีโอ Drive กจ็ะข้ึนมาอีก ใส่ Infra Structure กข้ึ็นมาอีก น าพาใหส้ามเหล่ียมน้ีเป็นสามเหล่ียมท่ีมี

  • BOP จะได้อะไรจำกตรงนี ้ปัญหาคือบางจงัหวดัคนกระจุกตวั แต่บางจงัหวดัอยูใ่นพ้ืนท่ีท่ีไม่น่าสนใจ ถึงได ้ Budget นอ้ย มี

    Priority นอ้ย Budget นอ้ย Infra ลงไปนอ้ย Investment เลยลงไปนอ้ย Investment ยิ่งนอ้ยคนยิ่งไม่สนใจ Investment ท่ีนอ้ยการจา้งงานยิ่งนอ้ย ทุกอยา่งมีผลต่อรายไดข้องจงัหวดัทั้งนั้น น่ีคือส่ิงท่ีเราบอกวา่ เราก าลงัใหต้รงน้ีเกิดพลงัข้ึนมา โดยใชผู้ว้า่ฯซีอีโอโดยใหผู้ว้า่ฯมองยุทธศาสตร์ อยา่มานัง่แค่เป็นนกัปกครอง เราก าลงับอกวา่ผูว้า่ฯแต่ละรายแข่งกนั ท าอยา่งไรให ้ Cluster ของเขา หรือจงัหวดัของเขาเป็นท่ีท่ีคนอยากมาซ้ือของ อยากมาลงทุน ท่ีคนอยากมาชอ้ป อยากมาเรียน ท าอยา่งไรท่ีจะวางต าแหน่งของแต่ละกลุ่มแต่ละจงัหวดั อยา่งภูเกต็ ท าอยา่งไรท่ีจะฉีกตวัออกจากบาหลี มลัดีฟ ขณะเดียวกนัแข่งกบัฮ่องกงอยา่งไร ตรงน้ีคือตวัอยา่งท่ีเราจะบอกเขาวา่จะมองจงัหวดักลายเป็น The Best City ของเอเชียไดอ้ยา่งไร

    เพราะฉะนั้นถา้ประเทศขยบั จงัหวดัขยบั BOP จะขยบัข้ึนมาเป็นระลอกเอง ถึงบอกวา่ตวัจงัหวดัเป็นตวัเช่ือม น่ีคือตวัเช่ือมคือผูว้า่ฯซีอีโอ และทูตซีอีโอ ทูตซีอีโอจะเป็นตวั Link กบั Global Network ผูว้า่ฯซีอีโอจะ Link กบั Local คือเครือข่ายจากจงัหวดัไปท่ีชุมชน

    ส่วนในกำรพฒันำอย่ำงไร

    Strategy เร่ืองคนในระดบั BOP หรือระดบัใดกต็ามก าลงัเปล่ียน Concept ของการสร้างคน ไม่ใช่มองแค่เร่ือง Education มองเขาแบบ Totality มองแบบเบด็เสร็จ invest ในคน จึงบอกวา่เป็นมิติใหม่ในเชิงคุณภาพในอีก 4 ปีขา้งหนา้ท่ีเราบอกว่าสร้างคนผา่น 5 H คือ Head สมองเขา Hand คือทกัษะเขา Heart คือจิตใจ คือวฒันธรรมเขา Health คือสุขภาพเขา Total Well Being สุดทา้ยคืออบอุ่นหรือ Home เพราฉะนั้น 5 Hคือหวัใจ

    เพราะฉะนั้นการสร้าง Education ตอ้งสร้างใหค้นไทย รู้สึกว่า ไทยไม่ไดบ้า้เห่อเป็นแบบมนุษยฝ์ร่ังอเมริกนั ไทยยงัเป็นไทย พดูง่ายๆวา่เป็น 4 I 1.Identity 2.Interaction 3.Integrate 4.Integrity

    แต่วิธีการในแง่เชิงนโยบายคุณตอ้งใส่ 5 H ลงไป ในระดบั Individual ในระดบัชุมชนท าอยา่งไรให ้3 ทีมน้ีแขง็แรง โดยดึงเอาศกัยภาพ Wisdom ของชุมชน และใส่ความเป็น Modern ลงไป แต่ไม่ใช่ Modern อยา่งเดียวโดยยดัเยียดเขา้ไป ตาคุณตอ้งรักษา Balance ระหวา่ง Identity ของชุมชน จากการท่ีจะใหเ้ขาอยูใ่นระบบเปิด คือยงัตอ้งเป็นชุมชนท่ีมี Identity แต่อยูใ่นระบบเปิดได ้ ไม่ใช่เพราะมี Identity เพราะเราไปเกบ็มนัไว ้ ขงัมนัไว ้

  • น่ีคือสูตรส ำเร็จที่จะสร้ำง BOP ที่มศัีกยภำพหรือไม่ อนัน้ีเป็นแนวทางหรือ Conceptual Homework ท่ีอาจจะใชใ้ห ้BOP ของเราคือเปล่ียน BOP จากท่ีต ่า

    ตอ้ย BOP ท่ีมนั Suffer ใหเ้ป็น BOP ท่ี sustain เบ้ืองลึกท่ีสุดคือคน การ Invest ในคน Invest ยงัไง มนัคือเอา 5 H ลงไปจบัก่อนแลว้ค่อยมาดูวิธีการขา้งใน

    อะไรคืออปุสรรคส ำคัญ และวธีิจดักำรกบัอุปสรรค

    อุปสรรคตรงน้ีคือ ตอ้งเขา้ใจในเชิง 1. Policy Maker ตอ้งเขา้ใจและเคารพชาวบา้นเพราะวา่ชาวบา้นจริงๆเขามีปราชญช์าวบา้นเขาอยู ่

    บางอยา่งคุณอยา่ไปกวนระบบเขา 2.สงัคมของความเป็นธรรม ตอ้งเขา้ใจวา่คุณก าลงัสร้างสงัคมโอกาส ทางเลือก และพลงั แต่ไม่มีทาง

    ถา้คุณไม่สร้างสงัคมของความเป็นธรรม น่ีส าคญัมากเป็นเร่ือง ธรรมาภิบาล และคอรัปชัน่ เพราะฉะนั้น 4 ปีขา้งหนา้หากจะสร้างได ้ และ

    Sustain ตอ้งมี Good Governance Cluster ท่ีดีไม่ใช่แค่มีพลงั แต่ตอ้งเป็น Cluster ท่ีเป็น Trust Base คือมีความซ่ือสตัยต่์อกนั ปัญญาชนมีความซ่ือสตัยก์บัชุมชน ชุมชนมีความซ่ือสตัยก์บัเอกชน เอกชนเองกมี็ความซ่ือสตัย์ระหวา่งกนั

    ถึงบอกวา่ถึงจุดหน่ึง Investment ท่ีส าคญัท่ีสุดจากน้ีไป คือ Human Capital Investment วงท่ีสองคือ Social Capital คือเร่ือง Trust เร่ืองของท าอยา่งไรใหเ้กิด Interact ไม่เช่นนั้นไม่เกิด Cluster

    จริงๆ Behavior คนจบัได ้ 3 เร่ือง คนเราเกิดมาไม่ไดต้อ้งการใชจ่้ายอยา่งเดียว คุณจะใช่จ่ายไดต้อ้งมีการหารายได ้ แต่การไดม้าซ่ึงรายไดคุ้ณมีไดเ้พราะคุณมีการลงทุนไม่วา่จะเอาความรู้ไปขาย เอาแรงงานตวัเองไปขาย บางคนคุณจะมีไดคุ้ณตอ้งรายไดส่้วนหน่ึงท่ีน าไปใชจ่้าย แต่ส่วนท่ีเหลือคุณตอ้งมาเกบ็ แต่เก็บคุณไม่เกบ็หมดตอ้งค่อยๆ ลดเพ่ือไปใชจ่้าย แต่อีกส่วนหน่ึงเพ่ือลงทุนคุณต่อ โดยเฉพาะคนในอนาคต คนจะลงทุนกบัตวัเองมากข้ึน ควำมสัมพันธ์/เช่ือมกบัคนอืน่อย่ำงไร

    ในปี 1990 Harvard Business Review ไดตี้พิมพบ์ทความท่ีน าเสนอแนวคิด Core Competencies โดย

    CK Prahalad และ Gary Hamel สร้างความเขม้แขง็ใหอ้งคก์รดว้ยหลกั 3 C (Competency, Capability,

    Capacity)ซ่ึงเป็นการน าเสนอว่าองคก์รธุรกิจจะมีความสามารถในการแข่งขนัได ้ ตอ้งมีความสามารถหลกัท่ี

    เป็นทกัษะ หรือ เทคนิคพิเศษท่ียากต่อการลอกเลียนแบบ สามารถใชเ้ป็นประโยชนใ์นการพฒันาสินคา้หรือ

  • บริการเพ่ือการแข่งขนัในตลาด และตอ้งสามารถใชเ้ป็นประโยชนใ์นการสร้างประสบการณ์และคุณค่าท่ีดี

    ใหก้บัลกูคา้ได ้

    นบัจากนั้น นกัศึกษา MBA และดา้นการจดัการทุกสถาบนัตอ้งไดเ้รียนรู้แนวคิดดงักล่าว บางคนโชค

    ดีอาจไดเ้รียนรู้ถึงแนวคิดการน าไปปฏิบติั แต่บางคนอาจไดเ้รียนรู้เพียงแค่การท่องจ าแลว้ก็ลืม และคืนความรู้

    ใหก้บัอาจารยผ์ูส้อนไปหมดแลว้

    มีบางท่านอาจสงสยัวา่แลว้ Competency กบั Competence ต่างกนัอยา่งไร ค าวา่ Competence จาก

    พจนานุกรมภาษาไทยจะพบวา่ค าๆน้ีเป็นค าคุณศพัท ์ หมายถึง มีความสามารถ ซ่ึงสะทอ้นความช านาญ

    ประสบการณ์ และคุณสมบติัท่ีเหมาะสมอ่ืนๆเพียงพอในการท างาน Longman Dictionary และ Oxford

    Dictionary ใหค้วามหมาย Competence เป็นทั้งค าคุณศพัท ์ และค านาม หมายถึง การมีความสามารถ หรือ

    ความรู้เพียงพอท่ีจะท างานไดต้ามมาตรฐาน (Satisfaction standard) แต่อาจไม่ท าใหถึ้งกบัดีกวา่มาตรฐาน (Not

    especially good, not excellent)

    David McClelland ไดใ้หนิ้ยาม Competency ไวใ้นปี 1973 ซ่ึงไดผ้ลมาจากการศึกษาวิจยับุคลากรท่ีมี

    ผลการปฏิบติังานเป็นเลิศ (Superior Employees) ซ่ึง Competency ตอ้งประกอบดว้ยความรู้ (Knowledge),

    ทกัษะ(Skill), อุปนิสยั (Trait), บทบาททางสงัคม (Social Role), การรับรู้ตนเอง (Self-Image) แรงจูงใจ

    (Motive) ประสบการณ์ (Experience) และความสามารถ (Abilities) ท่ีเพียงพอในการท่ีจะท างานใหบ้รรลุผล

    ตามเป้าหมายและวตัถุประสงคท่ี์ก าหนด

    ดงันั้นคงตอบไดว้า่ Competency และ Competence มีความหมายเช่นเดียวกนั แต่แตกต่างกนัในนิยาม

    ของ Competency ท่ีหมายถึง คุณลกัษณะท่ีเป็นเลิศ ไม่ใช่แค่คุณลกัษณะมาตรฐานธรรมดา

    ส่ิงท่ีผูบ้ริหารตอ้งระวงัในการน าแนวคิด Competency มาใชใ้นองคก์ร เรามกัท่ีก าหนด Competency

    มาจาก Job Description หรือ จากค าอธิบายลกัษณะหนา้ท่ีการท างาน ซ่ึงผมมีความเห็นวา่เป็นแนวทางท่ีไม่

    ถกูตอ้ง เพราะการก าหนด Competency ท่ีบุคลากรแต่ละคน แต่ละต าแหน่งงานควรจะมี ควรพิจารณาจาก

    องคป์ระกอบดา้นต่างๆ ตามค านิยามขา้งตน้ท่ีบุคลากรจ าเป็นตอ้งมีเพ่ือใหบ้รรลุเป้าหมายในการท างานท่ี

    ตนเองรับผิดชอบ และส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายรวมขององคก์ร ซ่ึงองคก์รมีการเปล่ียนแปลงเป้าหมาย

    ยทุธศาสตร์ตามสถานการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงไป เราจึงตอ้งมีการพฒันา Competency ใหร้องรับต่อเป้าหมายนั้น

    อยูต่ลอดเวลา ในขณะท่ี Job Description เป็นเร่ืองราวท่ีมีมีการเปล่ียนแปลงชา้มาก และพนกังานมกัไม่ยอมรับ

    ท่ีจะตอ้งมีขอบเขตหนา้ท่ีงานเพ่ิมมากข้ึนกวา่เดิม องคก์รจึงตอ้งตั้งโจทยใ์หช้ดัเจนวา่ อะไรคือ Competency ท่ี

    คาดหวงัและจ าเป็นตอ้งมี ปัจจุบนับุคลากรของเราแต่ละคน มี Competency ในแต่ละดา้นเป็นอยา่งไร มี

  • ช่องวา่งเท่าไร และจะพฒันา Competency ใหสู้งข้ึนไดอ้ยา่งไร นอกจากเร่ือง Competency แลว้ ส่ิงท่ีผูบ้ริหาร

    ควรท าความเขา้ใจ และพฒันาใหเ้ป็นจุดแขง็ขององคก์ร อีก 2 ประการ คือCapability, และ Capacity

    Capability แปลวา่สมรรถนะ หรือ สมรรถภาพขององคก์ร ท่ีไดม้าจากกระบวนการท างานร่วมกนั

    ของบุคลากรในองคก์ร ผา่นการใชค้วามรู้ (Knowledge), ทกัษะ(Skill), อุปนิสยั (Trait), บทบาททางสงัคม

    (Social Role), การรับรู้ตนเอง (Self-Image) แรงจูงใจ (Motive) ประสบการณ์ (Experience) และความสามารถ

    (Abilities) ของแต่ละคน ซ่ึงกคื็อ Competency ของแต่ละคนนัน่เอง

    นัน่หมายความวา่ องคก์รจะเป็นองคก์รสมรรถนะสูงได ้ (High Capability Organization) ตอ้งมี

    บุคลากรท่ีมีความสามารถสูง (High Competency People) ใหไ้ดเ้สียก่อน และองคก์รตอ้งมีความสามารถใน

    การประสานและบูรณาการความสามารถของบุคลากรของทุกหน่วยงาน (Integrated Competencies) ใหร้วม

    เป็นหน่ึง ซ่ึงจะก่อใหเ้กิดการผนึกพลงัหรือการสนธิก าลงั (Synergy) เพ่ือร่วมมือกนัในการด าเนินกลยทุธ์ให้

    บรรลุผลตามวิสยัทศันข์ององคก์ร

    Capacity เป็นความสามารถหรือสมรรถนะขององคก์รท่ีวดัไดใ้นเชิงปริมาณ การท่ีองคก์รจะมี

    Capacity สูงไดต้อ้งอาศยัทรัพยากรอ่ืนๆ ประกอบ ซ่ึงนอกเหนือจาก Competency บุคลากร เช่น เคร่ืองจกัร

    เทคโนโลยี อุปกรณ์เคร่ืองมือท่ีจ าเป็นต่อการใชง้าน ยกตวัอยา่ง มีพนกังานพิมพดี์ด 1 คน มีความสามารถใน

    การพิมพดี์ดภาษาไทยไดอ้ยา่งถกูตอ้งและรวดเร็วมากถึง 40 ค าต่อนาที ซ่ึงค่ามาตรฐานอยูท่ี่ 35 ค าต่อนาที แต่

    เปรียบเทียบระหวา่งการใหใ้ชเ้คร่ืองพิมพดี์ดไฟฟ้า กบั การใหใ้ชเ้คร่ืองคอมพิวเตอร์ในการพิมพ ์ อะไรจะมี

    Capacity ท่ีท าใหไ้ดผ้ลงานการพิมพม์ากกวา่กนั

    Capacity ขององคก์รมีผลต่อการก าหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (Strategic Goal) ธุรกิจทุกแห่งตอ้งรู้

    Capacity ของตนเองวา่ มีความสามารถในการผลิต ใหบ้ริการ หรือรองรับค าสัง่ซ้ือของลกูคา้ไดใ้นปริมาณ

    เท่าไร ไม่วา่จะเป็น ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล

    ลว้นตอ้งทราบถึง Capacity ขององคก์ร และเม่ือพิจารณาในมุมยอ้นกลบัมาวา่ ตาม Capacity ท่ีเรามี

    อยู ่

  • แหล่งอา้งอิง

    - http://en.wikipedia.org/wiki/C._K._Prahalad

    - http://www.bus.umich.edu/newsroom/articledisplay.asp?news_id=19158

    - http://www.hindustantimes.com/India-news/Chennai/Management-guru-C-K-Prahalad-dead/Article1-

    532604.aspx

    - http://business.rediff.com/column/2010/apr/19/guest-what-made-ck-prahalad-a-management-guru.htm

    - https://www.google.co.th/search?q=bottom+of+the+pyramid&hl=th&prmd=imvnsb&tbm=isch&tbo=u&sou

    rce=univ&sa=X&ei=QC8dUJ_- IoLYrQf0wIC4Cw&ved=0CGAQsAQ&biw =1024 &bih=549

    - http://mba-magazine.blogspot.com/2010/06/rip-professor-prahalad.html

    - http://www.acc.chula.ac.th/index.php?option=com_k2&view=item&id=431:ckprahalad&Itemid=155

    - http://www.thaimarketingguru.com/2011/12/strategy-management-leadership-ck.html

    - http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2009q3/2009july24p8.htm

    - http://cisasia.blogspot.com/2009/09/new-age-of-innovation.html

    - http://translate.google.co.th/translate?hl=th&sl=en&u=http://psychology.about.com/od/theoriesofpersonality

    /a/hierarchyneeds.htm&prev=/search

    - http://www.mbamagazine.net/v2/index.php/blog/45-business-a-management/239--mms

    - http://huhrm.wordpress.com/2011/12/01/5

    - http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9530000064121

    - http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=smallkid&month=17-02-2005&group=2&gblog=5

    http://en.wikipedia.org/wiki/C._K._Prahaladhttp://www.bus.umich.edu/newsroom/articledisplay.asp?news_id=19158http://www.hindustantimes.com/India-news/Chennai/Management-guru-C-K-Prahalad-dead/Article1-532604.aspxhttp://www.hindustantimes.com/India-news/Chennai/Management-guru-C-K-Prahalad-dead/Article1-532604.aspxhttp://business.rediff.com/column/2010/apr/19/guest-what-made-ck-prahalad-a-management-guru.htmhttps://www.google.co.th/search?q=bottom+of+the+pyramid&hl=th&prmd=imvnsb&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=QC8dUJ_-%20%20IoLYrQf0wIC4Cw&ved=0CGAQsAQ&biw%20=1024%20&bih=549https://www.google.co.th/search?q=bottom+of+the+pyramid&hl=th&prmd=imvnsb&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=QC8dUJ_-%20%20IoLYrQf0wIC4Cw&ved=0CGAQsAQ&biw%20=1024%20&bih=549http://mba-magazine.blogspot.com/2010/06/rip-professor-prahalad.htmlhttp://www.acc.chula.ac.th/index.php?option=com_k2&view=item&id=431:ckprahalad&Itemid=155http://www.thaimarketingguru.com/2011/12/strategy-management-leadership-ck.htmlhttp://www.nidambe11.net/ekonomiz/2009q3/2009july24p8.htmhttp://cisasia.blogspot.com/2009/09/new-age-of-innovation.htmlhttp://translate.google.co.th/translate?hl=th&sl=en&u=http://psychology.about.com/od/theoriesofpersonality/a/hierarchyneeds.htm&prev=/searchhttp://translate.google.co.th/translate?hl=th&sl=en&u=http://psychology.about.com/od/theoriesofpersonality/a/hierarchyneeds.htm&prev=/searchhttp://www.mbamagazine.net/v2/index.php/blog/45-business-a-management/239--mmshttp://huhrm.wordpress.com/2011/12/01/5http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9530000064121http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=smallkid&month=17-02-2005&group=2&gblog=5