18
1 บทที1 บทนำ ควำมเป็นมำและควำมสำคัญ โคมไฟเป็นของใช้และของตกแต่งทั้งภายในบ้านและภายนอกบ้าน ซึ่งโคมไฟเป็นสิ่งที่อานวย ความสะดวกและให้แสงสว่าง โคมไฟเป็นของประดับและตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งจะทาให้บริเวณนั้น เกิดความสวยงามอีกด้วย ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมนาวัสดุธรรมชาติมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นจานวนมาก เนื่องจากเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุผลนี้กลุ่มผู้จัดทาจึงประดิษฐ์โคมไฟจากเส้นใย บวบ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัสดุจากธรรมชาติมาทาเป็นโคมไฟ โดยการใช้เส้นใยจากบวบมาสร้าง คุณค่าของงาน เพื่อให้คนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น และนอกจากนี้โคมไฟยังมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถไล่ยุ่งได้ด้วยเนื่องจากมีสารสกัดจากสมุนไพรนามาประยุกต์ใช้ในผลงาน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อประดิษฐ์โคมไฟจากเส้นใยบวบที่มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถไล่ยุ่งได้ 2. เพื่อประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่งบ้านจากทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่น 3. เพื่อนาทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ขอบเขตของกำรวิจัย 1. สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติภายในท้องถิ่น 2. โคมไฟจากทรัพยากรธรรมชาติหรือโคมไฟจากเส้นใยบวบ สมมติฐำนกำรวิจัย ได้โคมไฟจากเส้นใยบวบที่สามารถไล่ยุงได้และส่งเสริมให้คนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น คำจำกัดควำมที่ใช้ในงำนวิจัย IDEA ความคิด ความนึกคิด ความคิดเห็น ความเชื่อ แง่คิด มุมมอง มโนคติ LAMP ตะเกียง ประทีป โคม หลอดไฟ ดวงดาว ตะวัน คบไฟ,เครื่องกาเนิดความร้อน หรือแสง ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 1. ได้โคมไฟจากกิ่งมะขาม โคมไฟจากกิ่งไผ่ โคมไฟจากหวาย 2. ได้ประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่งบ้านจากทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่น 3. ได้นาทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์

บทที่ 1 - nptc.ac.th¸‡านแข่งขันทักษะ/ประเภท...lamp ตะเกียง ประทีป โคม หลอดไฟ ดวงดาว

  • Upload
    others

  • View
    2

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

1

บทท่ี 1

บทน ำ

ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญ

โคมไฟเป็นของใช้และของตกแต่งทั้งภายในบ้านและภายนอกบ้าน ซึ่งโคมไฟเป็นสิ่งที่อ านวยความสะดวกและให้แสงสว่าง โคมไฟเป็นของประดับและตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งจะท าให้บริเวณนั้นเกิดความสวยงามอีกด้วย

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมน าวัสดุธรรมชาติมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นจ านวนมาก เนื่องจากเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุผลนี้กลุ่มผู้จัดท าจึงประดิษฐ์โคมไฟจากเส้นใยบวบ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาวัสดุจากธรรมชาติมาท าเป็นโคมไฟ โดยการใช้เส้นใยจากบวบมาสร้างคุณค่าของงาน เพ่ือให้คนท้องถิ่นมีรายได้เพ่ิมขึ้น และนอกจากนี้โคมไฟยังมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถไล่ยุ่งได้ด้วยเนื่องจากมีสารสกัดจากสมุนไพรน ามาประยุกต์ใช้ในผลงาน

วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือประดิษฐ์โคมไฟจากเส้นใยบวบที่มคีุณสมบัติพิเศษคือสามารถไล่ยุ่งได้ 2. เพ่ือประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่งบ้านจากทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่น

3. เพ่ือน าทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์

ขอบเขตของกำรวิจัย

1. สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติภายในท้องถิ่น 2. โคมไฟจากทรัพยากรธรรมชาติหรือโคมไฟจากเส้นใยบวบ

สมมติฐำนกำรวิจัย

ได้โคมไฟจากเส้นใยบวบที่สามารถไล่ยุงได้และส่งเสริมให้คนท้องถิ่นมีรายได้เพ่ิมข้ึน

ค ำจ ำกัดควำมท่ีใช้ในงำนวิจัย IDEA ความคิด ความนึกคิด ความคิดเห็น ความเชื่อ แง่คิด มุมมอง มโนคติ LAMP ตะเกียง ประทีป โคม หลอดไฟ ดวงดาว ตะวัน คบไฟ,เครื่องก าเนิดความร้อน หรือแสง

ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ

1. ได้โคมไฟจากก่ิงมะขาม โคมไฟจากก่ิงไผ่ โคมไฟจากหวาย

2. ได้ประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่งบ้านจากทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่น

3. ได้น าทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์

2

บทท่ี 2

แนวคิด ทฤษฎี เอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ และ

ผู้วิจัยได้น าเสนอข้อมูลเพ่ือเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยดังนี้

โคมไฟฟ้า

โคมไฟฟ้าท าหน้าท่ีบังคับทิศทางแสงของหลอดให้ไปในทิศทางท่ีต้องการ โคมไฟฟ้ามีใช้กันมากมายหลายชนิดขึ้นอยู่กับการใช้งาน ส าหรับโคมไฟฟ้ากับการประหยัดพลังงาน ในท่ีนี้จะกล่าวถึงโคมไฟฟ้าท่ีใช้ภายในอาคาร เพราะมีการน ามาใช้งานกันมาก จ าเป็นต้องเลือกโคมไฟฟ้าท่ีสามารถประหยัดพลังงานและมีคุณภาพท่ีดี 1.ปัจจัยท่ีควรพิจารณาในการเลือกโคมไฟฟ้า

1.1 ความปลอดภัยของโคม โคมไฟฟ้าท่ีประหยัดพลังงานต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ด้วย เช่น ต้องไม่มีคมจนอาจเกิดอันตราย ต้องมีระบบการต่อลงดินในกรณีท่ีใช้กับฝ้าสูงเพื่อไม่เป็นอันตรายกับคนท่ีมาเปลี่ยนหลอด

1.2 ประสิทธิภาพของโคมไฟฟ้า (Luminaire efficiency) โคมไฟฟ้าท่ีประหยัดพลังงานหมายถึงโคมท่ีมีประสิทธิภาพของโคมสูงท่ีสุด คือ ให้ปริมาณแสงออกมาจากตัวโคมเมื่อเทียบกับปริมาณแสงที่ออกจากหลอดให้มีค่าสูงท่ีสุด

1.3 ค่าสัมประสิทธิ์การใช้งานของโคมไฟฟ้า (Coefficients of Utilization)

ค่าท่ีได้จากการวัดประสิทธิภาพของโคม โดยท่ีรวมผลของความสูงและสัมประสิทธิของการสะท้อนของผนังและเพดานโดยผู้ผลิต

1.4 แสงบาดตาของโคม (Glare) เป็นค่าท่ีแสดงคุณภาพแสงของโคม ต้องเลือกโคมท่ีมีแสงบาดตาอยู่ในเกณฑ์ท่ียอมรับได้ 1.5 กราฟการกระจายแสงของโคม (Distribution Curve) โคมมีหลายชนิดด้วยกันแต่ละโคมก็มีกราฟกระจายแสงของโคมต่างกัน การน าโคมไปใช้ต้องเลือกกราฟกระจายแสงของโคมท่ีเหมาะสมกับงาน

1.6 การระบายความร้อนของโคมไฟฟ้าทีประหยัดพลังงานควรจะมีการระบายความร้อนได้ดี ถ้ามีอุณหภูมิสะสมในโคมมากเกินไปอาจท าให้ปริมาณแสงท่ีออกจากหลอด

3

ลดลง เช่น โคมไฟส่องลงหลอดคอมเพลกซ์ถ้าไม่มีการระบายความร้อนท่ีดีปริมาณลดลงถึง 40% เป็นต้น

1.7 อายุการใช้งาน โคมไฟฟ้าทีประหยัดพลังงานต้องพิจารณาอายุการใช้งานด้วย เช่น โคมต้องท าด้วยวัสดุที่สามารถใช้งานได้นานตามท่ีต้องการโดยไม่ผุกร่อน และไม่มีการเปลี่ยนรูปเมื่อมีการบ ารุงรักษาเนื่องจากการเปลี่ยนหลอดหรือท าความสะอาด

1.8 สถานท่ีติดตั้ง การเลือกใช้โคมแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับว่าต้องการน าไปใช้งานอะไรบ้างต้องการคุณภาพแสงมากน้อยเพียงใด หรือเน้นในเรื่องของปริมาณแสงแต่เพียงอย่างเดียว ต้องมีการป้องกันทางกล ป้องกันน้ า ฝุ่นผงมากน้อยเพียงใด

2. โคมไฟส่องลง (Down light)

โคมไฟส่องลง หมายถึง โคมไฟท่ีให้แสงลงด้านล่าง เหมาะส าหรับใช้งานส่องสว่างท่ัวไปอาจจะเป็น ชนิดฝัง ติดลอย แขวน หรือ กึ่งฝังกึ่งลอย

3. โคมไฟส่องลงชนิดต่างๆกัน

3.1 โคมไฟส่องลงหลอดอินแคนเดสเซนต์ - ใช้กับงานเฉพาะท่ีต้องการความสวยงาม หรือเปิดใช้เป็นคร้ังคราว

- ใช้กับงานท่ีต้องการปรับหรี่แสง

3.2 โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ - ใช้กับงานท่ีต้องการเปิดใช้งานนานๆ

- โคมไฟท่ีใช้เป็นชนิดท่ีถูกออกแบบมาส าหรับหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์โดยเฉพาะ

- โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ มี 2 แบบ คือหลอดติดตั้งในแนวนอน และหลอดติดตั้งในแนวตั้ง

หลอดติดตั้งในแนวนอน มีข้อดี คือ การกระจายแสงออกจากโคมมากกว่าหลอดติดตั้งในแนวนอนแต่ต้องระวังเรื่องการระบายความร้อนและการเปลี่ยนหลอด

หลอดติดตั้งในแนวตั้ง มีข้อดี คือ ไม่มีปัญหาเรื่องการระบายความร้อน แต่ต้องระวังเรื่องแสงบาดตา

ลักษณะของโคมหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์หลอดติดตั้งแนวนอน

4

4. โคมไฟส่องข้ึน

โคมไฟส่องขึ้น หมายถึง โคมไฟท่ีให้แสงขึ้นไปด้านบนเพื่อให้แสงสะท้อนท่ีเพดาน และแสงดังกล่าวก็จะตกกระทบมาท่ีพื้นท่ีท างาน

โคมดังกล่าวเหมาะส าหรับงานท่ีเพดานสูง และเพดานมีสีอ่อน ใช้กับบริเวณท่ีต้องการความสม่ าเสมอของแสง ส าหรับบริเวณท่ีความส่องส่องน้อยประมาณ 200-300 ลักซ์ และส าหรับห้องคอมพิวเตอร์ท่ีไม่ต้องการแสงสะท้อนเนื่องจากโคมไฟส่องลง

โคมไฟส่องขึ้นมีคุณสมบัติและการใช้งานท่ีควรพิจารณาดังนี้ - มีความสม่ าเสมอของแสงและท าให้ห้องท่ีแคบมีความรู้สึกกว้างและมีบรรยากาศดี - โคมไฟส่องขึ้นโดยท่ัวไปให้ประสิทธิภาพต่ า แต่มีคุณภาพแสงสูงคือไม่มีแสงบาดท าให้เหมาะกับงานท่ีต้องการคุณภาพแสงสูง เช่น ห้องคอมพิวเตอร์ ศูนย์ควบคุม

- การใช้โคมไฟดังกล่าวเพดานต้องสูงมากกว่า 2.7 เมตรขึ้นไป เพื่อให้ไม่เกิดความร้อนท่ีเพดาน และไม่สว่างจ้าเกินไป

5. โคมฟลูออเรสเซนต์

หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟท่ีใช้กันมากเพราะมีค่าประสิทธิผลการส่องสว่างสูง (Luminous Efficacy) โคมไฟส าหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์จึงมีหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละชนิดแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถสรุปเป็นชนิดหลักๆได้ดังนี้

โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือย (Bare Type Luminaires)

โคมฟลูออเรสเซนต์โรงงาน (Industrial Luminaire)

โคมฟลูออเรสเซนต์กรองแสง (Diffuser Luminaire)

โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรง (Louver Luminaire)

โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือย (Bare Type Luminaires) โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือยใช้กับงานท่ีต้องการแสงออกด้านข้างท่ีติดตั้งส าหรับเพดานท่ีไม่สูงมากนักโดยท่ัวไปไม่เกิน 4

เมตร และไม่พิถีพิถันมากนักกับแสงบาดตาจากหลอด เช่น ห้องเก็บของ ท่ีจอดรถ พื้นท่ีท่ีมีชั้นวางของ ท่ีจอดรถ และในพื้นท่ีใช้งานไม่บ่อยและไม่ต้องการความสวยงามมาก

บวบ 1. บวบเหลี่ยม ชื่อสำมัญ Angled loofah บวบเหลี่ยม ชื่อวิทยาศาสตร์ Luffa acutangula (L.) Roxb. จัดอยู่ในวงศ์แตง(CUCURBITACEAE) สมุนไพรบวบเหลี่ยม มีชื่อท้องถิ่นอ่ืน ๆ ว่า มะนอย หมักนอย (เชียงใหม่) , บวบหวาน (แม่ฮ่องสอน) , มะนอยงู มะนอยข้อง มะนอยเหลี่ยม (ภาคเหนือ , ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ) ,

5

บวบเหลี่ยม (ไทย), เดเรเนอมู เดเรส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), กะตอรอ (มลายู-ปัตตานี), อ๊อซีกวย (จีน) เป็นต้น 2. ลักษณะของบวบเหลี่ยม บวบเหลี่ยม เชื่อว่ามีถิ่นก าเนิดในประเทศอินเดีย เนื่องจากพบต้นที่มีลักษณะเป็นพืชป่าในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย[6],[7] และมีเขตการกระจายพันธุ์และนิยมบริโภคกันมากในประเทศเขตร้อน เช่น ไทย จีน ฮ่องกง และอินเดีย[4] ,[5] โดยจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกมีอายุเพียงปีเดียว ชอบเลื้อยพาดพันไปตามต้นไม้อ่ืนหรือทอดเลื้อยไปตามพ้ืนดิน ยอดอ่อนนุ่ม เถาหรือล าต้นเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีมือส าหรับใช้ยึดเกาะเป็นเส้นยาว บางทีแยกเป็นหลายแขนง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ทนแล้ง ทนฝนได้ดี โรคและเมล็ดไม่มารบกวน พรรณไม้ชนิดนี้มักข้ึนตามที่รกร้าง ตามริมห้วย หนอง คลอง และตามบึงทั่วไป ใบบวบเหลี่ยม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบทั่วไปคล้ายกับใบบวบกลมหรือบวบหอม แต่ใบนั้นจะมีรอยเว้าเข้าตื้นกว่ามาก ลักษณะของใบเป็นรูป 5-7 เหลี่ยม ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้าเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบหยักเว้าตื้น ๆ หลังใบและท้องใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างหนา ก้านใบเป็นเหลี่ยม ยาวประมาณ 4-9 เซนติเมตร ดอกบวบเหลี่ยม ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกจะบานในช่วงเย็น โดยดอกจะเพศผู้จะออกเป็นช่อ ๆ โดยจะออกตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่กลีบ กลีบดอกบางและย่น โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน มีกลีบเลี้ยงหรือกลีบรองดอกเป็นสีเขียวมี 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกัน ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ ด้านนอกมีขนสั้นและอ่อนนุ่มปกคลุมอยู่ มีขน ดอกเพศผู้จะมีเกสรเพศผู้ประมาณ 2-3 อัน มีอับเรณูแบบ 1 ช่อง 1 อัน และแบบ 2 ช่อง 2 อัน ส่วนดอกเพศเมียมักจะออกดอกเดี่ยว ดอกเป็นสีเหลือง มีลักษณะคล้ายกับดอกเพศผู้ รังไข่เป็นรูปขอบขนาน ท่อรังไข่เป็นรูปทรงกระบอก ปลายแยกเป็นแฉก 3 แฉก ภายในรังไข่มีช่อง 3 ช่อง และมีไข่อ่อนเป็นจ านวนมาก ผลบวบเหลี่ยม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกระบอก มีขนาดสั้นกว่าบวบกลม แต่ผลจะมีเหลี่ยมเป็นสันขอบคมประมาณ 10 สัน ตามความยาวของผล โดยผลจะมีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ปลายผลโต โคนผลเรียวเล็ก เปลือกของผลหนา พอแก่จะเป็นเส้นใบเหนียว เนื้อในผลมีรสขม ภายในผลมีเมล็ดสีด าจ านวนมาก เมล็ดมีลักษณะแบน 3. สรรพคุณของบวบเหลี่ยม

ผลเป็นยาเย็น มีสรรพคุณช่วยบ ารุงร่างกาย (ผล) ดอกมีรสชุ่ม ขมเล็กน้อย และเย็นจัด มีสรรพคุณช่วยดับร้อน คลายร้อนในร่างกายได้ดี (ดอก) ช่วยท าให้เลือดไหลเวียนดี (เถา) ผล เถา และทั้งต้นของบวบเหลี่ยม สามารถใช้เข้าในต ารับยาแก้ลม บ ารุงหัวใจได้อีกด้วย

หากเหงื่อออกมาก ให้ใช้ใบสดผสมกับเมนทอล น ามาต าแล้วทาหรือใช้พอก (ใบ) ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้น้ าจากเถาผสมกับน้ าตาลทรายใช้กินพอประมาณ

(น้ าจากเถา) หรือหากมีอาการปวดศีรษะข้างเดียว ให้ใช้รากต้มใส่ไข่เป็ด 2 ฟอง แล้วน ามากิน (ราก)

น้ าคั้นที่ได้จากใบสด ใช้เป็นยาหยอดตาเด็ก เพ่ือรักษาเยื่อตาอักเสบ (ใบ)

6

ใช้รักษาเยื่อจมูกอักเสบและเสื่อมสมรรถภาพ รักษาจมูกอักเสบจนกลายเป็นโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง ด้วยการใช้รากน ามาต้มกับน้ ากิน หรือจะใช้ดอกสดร่วมกับฮ่ัวเถ่าเช่าสด น าไปต าใช้เป็นยาพอกรักษาโพรงจมูกอักเสบก็ได้ ส่วนเถาก็มีสรรพคุณช่วยรักษาโพรงจมูกอักเสบได้เช่นกัน (เถา,ราก,ดอก)

ใช้รักษาจมูกมีหนองและมีกลิ่นเหม็น หรืออาจมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย ให้ใช้เถาบริเวณใกล้กับรากน าไปเผาให้เป็นถ่าน แล้วบดให้เป็นผงผสมกับเหล้ากิน (เถา)

หากเป็นคางทูม ให้ใช้ใยผล (รังบวบ) ที่เผาเป็นถ่านแล้ว ผสมกับน้ าใช้ทาบริเวณที่ปวด หรือจะใช้ผลน าไปเผาให้เป็นถ่าน แล้วบดให้เป็นผงผสมกับน้ าใช้ทาบริเวณท่ีปวด (ผล,ใยผล)

เมล็ดมีรสหวานมัน ใช้รักษาอาการปวดเสียวฟัน โดยให้ใช้ผลที่แก่แล้วน าไปเผาให้เป็นเถ้าแล้วบดเป็นผง ใช้ทาบริเวณท่ีปวด ส่วนเถาก็มีสรรพคุณแก้อาการปวดเสียวฟันเช่นกัน (เถา,เมล็ด)

ผลเป็นยาเย็น สรรพคุณเป็นยาลดไข้ (ผล) ผลและเมล็ดมีสรรพคุณช่วยแก้ร้อนใน ส่วนน้ าจากเถาใช้ผสมกับน้ าตาลทรายกินพอประมาณ

ก็เป็นยาบรรเทาอาการร้อนในได้เช่นกัน (น้ าจากเถา,ผล,เมล็ด) น้ าจากเถาผสมกับน้ าตาลทรายใช้กินพอประมาณเป็นยาแก้หวัดได้ (น้ าจากเถา) ดอกมีรสชุ่ม เย็ดจัด และขมเล็กน้อย ใช้รักษาอาการไอ อาการเจ็บคอ และหอบ ด้วยการใช้

ดอกแห้งประมาณ 6-10 กรัม ผสมกับน้ าผึ้ง แล้วต้มจิบกินเป็นยา หรือจะใช้น้ าจากเถาผสมกับน้ าตาลทรายกินพอประมาณก็เป็นยาแก้ไอ แก้อาการเจ็บคอได้เช่นกัน (น้ าจากเถา ,ดอก)หรือหากมีอาการเจ็บคอ จะใช้รากน ามาต้มกับน้ าดื่ม หรือจะน ารากมาแช่กับน้ าในภาชนะกระเบื้องแล้วเทเอาแต่น้ ากินก็ได้ (ราก) หรือหากมีการไอ จะใช้เถาเอาไปต้มกับน้ าหรือจะใช้น้ าคั้นจากเถาสดน ามากินเป็นยาแก้ไอก็ได้ (แต่เป็นการทดลองกับหนู) (เถา)

ขั้วผลน าไปเผาไฟให้เป็นเถ้า บดให้เป็นผงละเอียดใช้เป่าคอเป็นยารักษาอาการเจ็บคอ และช่วยรักษาเด็กที่ออกหัด ช่วยท าให้ออกหัดได้เร็วขึ้น (ข้ัวผล)

ผลมีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ ท าให้ชุ่มคอ หรือจะใช้น้ าคั้นจากเถาสดหรือเอาเถาไปต้มกับน้ ากินเป็นยาขับเสมหะก็ได้ (เถา,น้ าคั้นจากเถา) ส่วนใบและเมล็ดบวบเหลี่ยมที่มีรสขมก็มีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะเช่นกัน หากใช้ใบสดให้น ามาต้มกับน้ าดื่ม ถ้าเป็นใบแห้งให้ใช้ 5 กรัม น ามาชงกับน้ าร้อน 1 แก้ว ดื่มก่อนอาการเช้าและเย็น (ใบ,เมล็ด)

เมล็ดบวบเหลี่ยมที่มีรสขม มีฤทธิ์ท าให้คลื่นไส้อาเจียน (เมล็ด) ใช้เป็นยารักษาหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยท าเป็นยาต้ม ให้ใช้เถาแห้งประมาณ 100-250

กรัม น ามาหั่นเป็นฝอยแล้วแช่กับน้ าจนพองตัว แล้วน าไปต้มและแยกเอากากออก ใส่น้ าตาลพอประมาณ แล้วกินวันละ 2-3 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 10 วัน จะเห็นผล (เถา)

เมล็ดและใบมีสรรพคุณแก้บิด ถ้าให้ใช้ใบให้ใช้ประมาณ 300-600 มิลลิกรัม น ามาต้มกับน้ ากิน (ใบ,เมล็ด)

น้ าจากเถาใช้ผสมกับน้ าตาลทราย ใช้กินพอประมาณเป็นยาแก้อาการปวดท้อง (น้ าจากเถา

7

เมล็ดบวบเหลี่ยมชนิดขมที่แกะเปลือกออกแล้ว ใช้รับประทานเป็นยาช่วยหล่อลื่นล าไส้ ช่วยรักษาโรคบิดแทน ipecacuanha ได้ดี แต่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วอาจท าให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน (เมล็ด)

ผลมีรสชุ่มและเย็น ใช้รักษาโรคบิดถ่ายเป็นเลือด แก้อาการปวดท้องเนื่องจากกินเหล้ามาก โดยให้ใช้ผลแห้งประมาณ 1 ผล น าไปเผาให้เป็นถ่าน บดให้เป็นผงผสมกับเหล้ ากินครั้งละประมาณ 6 กรัม (ผล)

รากใช้ต้มกับน้ าดื่มเป็นยาระบาย ส่วนผลก็มีสรรพคุณเป็นยาระบายเช่นกัน (ราก ,ผล)[2],[9] รากและเมล็ดบวบเหลี่ยมที่มีรสขม มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย (ราก,เมล็ด)

เถาใช้เป็นยาขับพยาธิ (เถา) ส่วนเมล็ดใช้เป็นยาขับพยาธิตัวกลม โดยน าเมล็ดแก่มาเคี้ยวกินตอนท้องว่าง โดยเมล็ดจะมีรสหวานมัน ถ้าเป็นเด็กให้กินครั้งละประมาณ 30 เม็ด หากเป็นผู้ใหญ่ให้ใช้ 40-50 เม็ด ติดต่อกัน 2 วัน หรือจะน ามาเมล็ดบดให้ละเอียดใส่แคปซูลกิน วันละครั้ง (เมล็ด)

ผลและเมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ (ผลอ่อนน าไปต้มกับน้ า โดยใส่น้ าพอท่วม แล้วต้มจนเดือด ใช้น้ าที่ได้น ามาดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น) หรือจะใช้ดอกสดเป็นยาขับปัสสาวะก็ได้ เข้าใจว่าใช้ดอกแห้งประมาณ 6-10 กรัม น าไปต้มกับน้ ากิน ส่วนใบให้ใช้ใบสด 1 ก ามือ น ามาต้มกับน้ า ใส่น้ าพอท่วมแล้วต้มจนเดือด ใช้น้ าที่ได้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ถ้าเป็นใบแห้งให้ใช้ 5 กรัม น ามาชงกับน้ าร้อน 1 แก้ว ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น (ใบ,ดอก,ผล,เมล็ด)[1],[2],[9]

เมล็ดมสีรรพคุณเป็นยาขับนิ่ว (เมล็ด) ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ใบน ามาต าพอกหรือจะบดให้เป็นผงใช้ผสมเป็นยาทาก็ได้

หรือจะใช้ดอกสดผสมกับฮ่ัวเถ่าเช่าสดน าไปต าพอก หรือจะใช้ใยผลหรือรังบวบน าไปเผาไฟให้เป็นเถ้า แล้วน าไปผสมกับปูนขาวที่เก็บไว้นาน ๆ และผสมกับหย่งอ้ึงบดเป็นผง แล้วน าไปต้มกับดีหมู ใส่ไข่ขาวผสมน้ ามันหอม น ามาใช้ทาบริเวณที่เป็น แต่หากเป็นโรคริดสีดวงทวารที่เกิดจากการดื่มเหล้ามาก ๆ ก็ให้ใช้ใยผล (รังบวบ) ที่เผาเป็นถ่านแล้ว น าไปบดให้เป็นผงผสมกับเหล้ากินครั้งละ 6 กรัม (ใบ,ดอก,ใยผล)

หากเลือดน้อย ประจ าเดือนของสตรีมาผิดปกติ ให้ใช้ผลน าไปเผาให้เป็นถ่าน ผสมกับเหล้ากินหลังอาหารตอนที่สบายใจ ส่วนใบและเถาก็มีสรรพคุณช่วยแก้ประจ าเดือนที่ผิดปกติของสตรีเช่นกัน (เถา,ใบ,ผล)

ใบใช้เป็นยารักษาสตรีที่ตกเลือด ด้วยการน าใบไปคั่วให้เป็นถ่าน แล้วบดให้เป็นผงผสมกับเหล้ากินครั้งละประมาณ 6-15 กรัม (ใบ)

ช่วยบ ารุงม้าม (เถา) ใบน ามาต าใช้เป็นยาพอกทาถอนพิษในคนไข้ม้ามโต (ใบ) ช่วยแก้อาการบวมน้ า ด้วยการใช้รากน ามาต้มกับน้ าดื่ม หรือจะใช้น้ าจากเถาผสมกับน้ าตาล

ทรายกินพอประมาณก็ได้ (ราก,น้ าจากเถา) ใบสดน ามาต าพอกแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษคัน (ใบ)

8

ช่วยรักษาบาดแผลเรื้อรัง แผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการใช้ใบน ามาต้มเอาแต่น้ าใช้ชะล้าง หรือจะต าพอก หรือบดให้เป็นผงละเอียดผสมเป็นยาทาก็ได้ (ใบ)

หากเป็นแผลมีหนองและมีเนื้อนูน ก็ให้ใช้ผลสด น ามาคั้นเอาแต่น้ าผสมกับผงเบญกานี Gall จากต้น Rhus chinensis Mill. แล้วน ามาใช้ทา (ผล)

น้ ามันที่บีบได้จากเมล็ดบวบเหลี่ยมสามารถน ามาใช้ทารักษาโรคผิวหนังได้ บ้างว่าใช้แก้โรคผิวหนังได้บางชนิด และถ้าบริสุทธิ์พอก็ใช้กินได้ (น้ ามันจากเมล็ด)

หากผิวหนังเป็นผดผื่นคันให้ใช้ใบสดผสมกับเมนทอล น ามาต าแล้วพอกหรือใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ใช้รักษากลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบน ามาต้มเอาน้ าใช้ชะล้าง หรือจะต าพอก หรือจะบดให้เป็นผงละเอียดผสมเป็นยาทาก็ได้ (ใบ)

หากเป็นฝีบวมแดงและมีหนอง รักษาฝีไม่มีหัว ให้ใช้ดอกสดผสมกับฮ่ัวเถ่าเช่าสด น าไปต าใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็น (ดอก)

ช่วยรักษาแขนขาเป็นเหน็บชา (เถา) หากมีอาการปวดเอวเรื้อรัง ให้น าเมล็ดมาคั่วจนเหลือง แล้วบดให้เป็นผงผสมกับเหล้ากิน

และให้น ากากมาพอกบริเวณที่มีอาการปวด (เมล็ด) ผลมีสรรพคุณช่วยขับน้ านมของสตรีที่มีน้ านมน้อยหลังการคลอดบุตร หรือจะใช้ใยผล

(รังบวบ) ที่เผาเป็นถ่านแล้ว น ามาบดให้เป็นผงผสมกับเหล้ากินก็ได้ แล้วห่มผ้าห่มให้เหงื่อออกด้วย (ผล,ใยผล)

3. สมุนไพรป้องกันยุง

ยุงเป็นพาหะของการเกิดโรคที่ส าคัญ ได้แก่ ยุงลายเป็นพาหะน าโรคไข้เลือดออก ยุงก้นปล่องเป็นพาหะน าไข้มาลาเรีย ยุงร าคาญน าโรคไข้สมองอักเสบ ยุงลายเสือและยุงอีกหลายชนิดเป็นพาหะโรคเท้าช้าง ที่ยังคงเป็นปัญหาของประเทศในเขตร้อน รวมทั้งประเทศไทยที่มีสภาพอากาศเหมาะแก่การแพร่กระจายพันธุ์ จึงต้องมีการควบคุมทั้งแหล่งก าเนิด และท าลายยุง เพ่ือป้องกันการแพร่กระจายของโรค การป้องกันไม่ให้ยุงกัดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กัน จึงมีการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์ไล่ยุง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารสังเคราะห์และเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอ่ืนๆ รวมทั้งท าลายสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกันประเทศเหล่านี้เป็นแหล่งของพืชสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการป้องกันและก าจัดแมลงได้ ปัจจุบันจึงมีการศึกษาและใช้สารจากธรรมชาติในการป้องกันยุงกัดมากข้ึน ได้แก่ สารสกัดจากสมุนไพรที่มีกลิ่นจากน้ ามันหอมระเหย (essential หรือ volatile oils) สารป้องกันยุงที่ได้จากธรรมชาติมีข้อดีกว่าสารเคมีสังเคราะห์ที่ไม่สะสมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นเวลานาน และไม่ท าลายสิ่งแวดล้อมและกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาของพืชและสัตว์ สารจากธรรมชาติจึงปลอดภัยต่อผู้ใช้ นอกจากนี้มักมีความจ าเพาะกับชนิดของยุงด้วย

9

น้ ามันหอมระเหยจากพืชในสกุล Cymbopogon ได้แก่ ตะไคร้ชนิดต่างๆ มีฤทธิ์ป้องกันยุงได้หลายชนิด เช่น ยุงก้นปล่อง ยุงลาย และยุงร าคาญ

ตะไคร้หอม (Cymbopogon nardus (L.) Rendle) มีการศึกษาฤทธิ์ไล่ยุงของต ารับน้ ามันตะไคร้หอม (citronella oil) ที่มีส่ วนประกอบที่ ส าคัญคือ citronella, geraniol และ citronellol ในรูปแบบของครีม พบว่าต ารับที่มีน้ ามันตะไคร้หอม 17% ป้องกันยุงลายได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง ครีมที่มีน้ ามันตะไคร้หอม 14% ลดจ านวนยุงร าคาญที่มาเกาะภายใน 1 ชั่วโมงหลังทาครีม นอกจากนี้สารสกัดเอทานอลของตะไคร้หอมผสมกับน้ ามันมะกอกสามารถไล่ยุงลายและยุงร าคาญได้นาน 2 ชั่วโมง ครีมท่ีมีน้ ามันหอมระเหยจากใบตะไคร้หอมที่ความเข้มข้น 1.25, 2.5 และ 5.0% ป้องกันยุงก้นปล่องได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ขณะที่ความเข้มข้น 10% ให้ผลได้นานกว่า 4 ชั่วโมง

ตะไคร้ (Cymbopogon citratus (DC.) Stapf) น้ ามันตะไคร้ (lemongrass oil) ใน liquid paraffin ความเข้มข้น 20 และ 25% มีผลป้องกันยุงลายได้ 100% ใน 1 ชั่วโมงแรก และลดลงเหลือประมาณ 95% ภายใน 3 ชั่วโมง การเตรียมผลิตภัณฑ์น้ ามันตะไคร้ 15% ในรูปของครีมและขี้ผึ้งพบว่าให้ผลป้องกันยุงกัดได้ โดยคุณสมบัติของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์มีผลต่อการปลดปล่อยน้ ามันหอมระเหย และมีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันยุงด้วย น้ ามันหอมระเหยจากตะไคร้ที่มี geraniol ปริมาณ 0.2 มก./ซม2 สามารถลดอัตราการกัดจากยุงร าคาญ เป็น 10 , 15 และ 18% ที่เวลา 1, 2 และ 3 ชั่วโมงตามล าดับ เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้ทาน้ ามันหอมระเหยจากตะไคร้ สบู่อาบน้ าที่มีส่วนประกอบของน้ ามันตะไคร้หอม 0.1% น้ ามันตะไคร้ 0.5% และน้ ามันสะเดา 1% สามารถไล่ยุงได้ในช่วง 8 ชั่วโมง มะกรูด (Citrus hystrix DC.) น้ ามันหอมระเหยจากมะกรูดมีฤทธิ์ป้องกันยุงได้นาน 95 นาที และต ารับยาทากันยุงที่มีน้ ามันมะกรูดความเข้มข้น 25 และ 50% สามารถไล่ยุงได้นาน 30 และ 60 นาที ตามล าดับ น้ ามันหอมระเหยผสมจากมะกรูด 5% และจากดอกชิงเฮา (Artemisia annua L.) 1% ป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง และยุงร าคาญได้นาน 180 นาที ในห้องปฏิบัติการ ในความเข้มข้นเดียวกันสามารถป้องกันยุงลาย และยุงเสือ ได้ 180 นาที และยุงร าคาญได้นานถึง 240 นาทีในภาคสนาม วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในกำรประดิษฐ์ผลงำน

อุปกรณ์ที่ใช้ในกำรประดิษฐ์ผลงำน 1. ไม้บรรทัด ไม้บรรทัด คือ อุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการวัด ลักษณะมีหลากหลายรูปแบบ อาจจะใช้ในการวัดที่ไม่เหมือนกัน สามารถวัดตามแบบท่ีเราต้องการได้ถูกต้อง

2. แผ่นรองตัด

แผ่นยางรองตัด อินคา (inca Cutting Mat) ใช้ในการรองตัด รองเขียน วาดรูป หรือ เป็นแผ่นรองเมาส์คอมพิวเตอร์ เพ่ือปกป้องผิวหน้าโต๊ะจากรอยขีดข่วน

10

3. มีดคัตเตอร์

คือเครื่องมือชนิดแรกๆที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพ่ือใช้ในชีวิตประจ าวันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับแทบจะทุกกิจกรรม ในการด าเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ หรือกลุ่มสังคมใดๆ ก็ตาม มีดเป็นเครื่องมือตัดเฉือนชนิดมีคมส าหรับใช้ สับ หั่น เฉือน ปาด บางชนิดอาจมีปลายแหลมส าหรับกรีด หรือแทง มักมีขนาดเหมาะสมส าหรับจับถือด้วยมือเดียว

4. ดินสอ

เครื่องเขียนอย่างหนึ่ง ท าด้วยวัตถุต่าง ๆ ชนิดที่ไส้ท าด้วยแกรไฟต์ผสมดินเหนียว มีไม้หุ้ม เรียกว่า ดินสอ หรือ ดินสอด า ถ้าท าจากหินชนวน เรียกว่า ดินสอหิน ถ้าไส้มีสีต่าง ๆ เรียกว่า ดินสอสี5. กรรไกร

เป็นเครื่องมือที่ใช้ส าหรับตัดวัสดุบาง ๆ โดยใช้แรงกดเล็กน้อย โดยใช้ตัดวัสดุเช่น กระดาษ กระดาษแข็ง แผ่นโลหะบาง พลาสติกบาง อาหารบางอย่าง ผ้า เชือก และสายไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เพื่อตัดผมก็ได้ ส่วนกรรไกรขนาดใหญ่อาจใช้ตัดใบไม้และกิ่งไม้ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ

6. กาวยู้ฮู

11

กาวสารพัดประโยชน์พลังติดยึดสูง เนื้อกาวใสสะอาด เหมาะกับการติดข้อต่อที่มองเห็นได้และวัสดุโปร่งใส สามารถใช้งานใต้น้ าได้ด้วย (เช่น แผ่นฟอยล์พีวีซี) เหมาะกับงานเชื่อมติดที่มีลักษณะยืดหยุ่น รวมทั้งทนต่อแสงยูวี น้ า ความร้อน และอากาศเย็นจัด ปราศจากสารพิษโทลูอีน

7. ปืนกาว/ กาวแท่ง

ประกอบด้วยส่วนใช้งานสองส่วนด้วยกัน นั่นก็คือส่วนที่มีลักษณะคล้ายปืน ท าหน้าที่เป็นตัวที่ท าความร้อนและช่วยให้เราสามารถติดกาวร้อนนั้นในบริเวณท่ีต้องการได้สะดวก และอีกส่วนหนึ่งก็คือตัวกาวเอง ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง คล้ายเทียนไข และจะละลายเป็นเนื้อกาวที่มีความเหนียวเมื่อเราใส่ไส้กาวลงไปในปืนซึ่งท าความร้อนจากกระแสไฟฟ้า

วัสดุทีใ่ช้ในกำรประดิษฐ์ผลงำน

รังบวบ (Luffa) หรือใบบวบ เป็นเส้นใยที่ได้จากบวบที่แก่จนแห้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บวบหอม รังบวบลักษณะเป็นใยฝอยสีขาวนิยมใช้ขัดผิวกาย โดยจะช่วยให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออก และท าความสะอาดผิวได้อย่างดี แต่ควรแช่น้ าจนอ่อนนุ่มก่อนใช้ เพ่ือไม่ให้ผิวระคายเคือง นอกจากนี้ ใยบวบยังใช้เป็นฟองน้ าล้างภาชนะและใช้ในงานประดิษฐ์ต่าง ๆ ได้ด้วย

ฐานไม้โคมไฟ ใช้ตกแต่งฐานไม้ ถูกออกแบบมาให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงไปด้วยความหรูหรามีระดับ ฐานของตัวโคมท ามาจาก มีขนาดกระทัดรัด เหมาะส าหรับวางประดับไว้ที่ห้องรับแขก ห้องท างาน และห้องนอน สามารถใส่หลอดไฟ ได้ทั้งสีขาวและสีเหลืองนวล มีสวิสต์เปิด-ปิดแยกออกจากตัวโคมเสียบไฟบ้านขณะเปิดใช้งาน

12

บทท่ี 3 วิธีกำรด ำเนินกำรวิจัย

ในการศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยทดลอง วัตถุประสงค์ เพ่ือรู้จักน าวัสดุ ธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาประยุกต์ใหม่ ให้สวยงาม ดูมีคุณค่า ท าให้รู้จักขั้นตอนการวางแผนในการท างาน การสร้างแบบชิ้นงาน น าไปจ าหน่ายสู่ท้องตลาดได้และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

3.1 ประชำกรและกำรสุ่มกลุ่มตัวอย่ำง 1. ประชำกร คณะครู - อาจารย์ นักเรียน - นักศึกษา สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม จังหวัดนครปฐม 2. กลุ่มตัวอย่ำง คณะครู-อาจารย์ นักเรียน-นักศึกษา สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม จังหวัดนครปฐม จ านวน 50 คน 3.2 เครื่องมือในกำรวิจัยและกำรตรวจสอบคุณภำพเครื่องมือ ท าการศึกษาข้อมูลและคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะท าโครงการ โดยการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการท าโคมไฟจากเส้นใยบวบจากงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นน าข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาท าการวิเคราะห์ เพ่ือหาวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นที่เหมาะสมในการประดิษฐ์โคมไฟไล่ยุง 3.3 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล หลังจากที่ได้ ผลสรุปในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่สนใจในการศึกษา คือ โคมไฟจากเส้นใยบวบผู้จัดท าได้รวบรวมวัสดุธรรมชาติในการท าโคมไฟจากเส้นใยบวบไล่ยุงทั้งหมด ซึ่งผู้จัดท าได้ศึกษาข้อมูลโดยการศึกษาจากหนังสือห้องสมุด วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐมและได้ศึกษาจากเว็บไซด์ในเรื่องคุณประโยชน์ต่างๆ ที่สามารถน ามาใช้ประโยชน์ให้กับบุคคลทั่วไป 3.4 กำรวิเครำะห์ข้อมูล ท าการศึกษาข้อมูลและคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะท าโครงการ โดยการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการท าโคมไฟจากเส้นใยบวบจากงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นน าข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาท าการวิเคราะห์ เพ่ือหาวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นที่เหมาะสมในการผลิต IDEA LAMP

13

3.5 กำรด ำเนินกำรทดลอง

ออกแบบลักษณะตัวโคมไฟ

ตัดบวบและตัดขนาดให้ลดลั่นกันไป

น าบวบท่ีตัดไว้หุ้มรอบโครง ติดด้วยปืนกาว ตามแบบร่างไว้

เมื่อเสร็จแล้วก็เชือกท่ีชุบสารไล่ยุงมาพันไว้ เพ่ือประดับตกแต่งรอบโคมไฟ

น าผลงานท่ีได้ไปวางไว้บนฐานโคมไฟ

ออกแบบบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้มผลิตภัณฑ์

14

บทท่ี 4

ผลกำรวิจัย

ผู้วิจัยไดศ้ึกษาข้อมูลโดยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ศึกษาข้อมูลวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นเพ่ือสร้างผลงาน 2. การออกแบบผลิตภัณฑ์โคมไฟจากเส้นใยบวบ 3. การปรับปรุงแก้ไขผลงานและหาวิธีท าให้โคมไฟคุณสมบัติไล่ยุงได้ 4. การวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือประเมินผลงานออกแบบ

การศึกษาข้อมูลเพื่อสร้างผลงานออกแบบ

โดยน าข้อมูลจากบทที่ 2 และวิเคราะห์และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อก าหนดแนวทางเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนการประดิษฐ์

วัสดุธรรมชาติที่เหมาะกับการผลิตและมีอยู่ในท้องถิ่น

สมุนไพรที่ใช้ในการไล่ยุง

ลุ่มผู้วิจัยได้ผู้จัดท าได้ จัดท าโคมไฟทั้งสามชนิดที่ท ามาจากวัสดุทางธรรมชาติภายในท้องถิ่น ทั้งจากบวบ การศึกษาพบว่าโคมไฟทั้งสามชนิดนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งโคมไฟที่ท าจากบวบเป็นโคมไฟที่ให้แสงสว่างชัดที่สุด รองลงมาจากโคมไฟบวบคือโคมไฟที่ท ามาจากกิ่งไผ่อาจให้แสงสว่างไม่เท่ากับโคมไฟจากบวบ แต่ก็สามารถให้แสงสว่างได้ในบริเวณที่มืดและที่มีพ้ืนที่ไม่กว้างนัก ส่วนโคมไฟที่ท ามาจากหวายอาจให้แสงสว่างไม่ชัดเจนเท่ากับโคมไฟที่ท ามาจากบวบ และโคมไฟที่ท ามาจากกิ่งไผ่ แต่โคมไฟที่ท ามาจากหวายเป็นโคมไฟที่มีความสวยงามมากที่สุด กล่าวได้ว่าโคมไฟทั้งสามชนิดนี้เหมาะแก่การน าไปตกแต่งบ้านในบริเวณต่างๆของบ้าน อาจเป็นบริเวณที่มีพ้ืนที่ไม่กว้างหรือมีขนาดที่ใหญ่จนเกินไป มากกว่าการน าไปใช้งานอื่นๆ

15

แบบประเมินควำมพึงพอใจ

โครงกำรสิ่งประดิษฐ์ เรื่อง โคมไฟ IDEA LAMP

วิทยำลัยอำชีวศึกษำนครปฐม

ค ำชี้แจง: ใส่เครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกันกับตัวท่านและความพึงพอใจที่ท่านมีต่อ ตะกร้าเอนกประสงค์ว่าท่านมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ในระดับใด ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป เพศ ชาย หญิง อายุ 15-20 ปี 21-29 ปี 30 ปีขึ้นไป ระดับการใช้งาน ปวช. ปวส. อ่ืนๆ……..…… ตอนที่ 2 ความพึงพอใจต่อ โคมไฟ IDEA LAMP ว่าท่านมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ในระดับใด 5 หมายถึง ระดับมากท่ีสุด 4 หมายถึง ระดับมาก 3 หมายถึง รับดับปานกลาง 2 หมายถึง ระดับน้อย 1 หมายถึง ระดับน้อยที่สุด

ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………...

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

ล าดับที่ รายการ มากที่สุด

มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด

5 4 3 2 1 1 ความประณีต สวยงามของ

ผลิตภัณฑ์

2 ขนาดของผลิตภัณฑ์เหมาะสมแก่การใช้งาน

3 การเลือกวัสดุตกแต่ง 4 ความแข็งแรง ทนทานของ

ผลิตภัณฑ์

5 ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

16

ตอนที่1 สถำนภำพและข้อมูลทั่วไป

ตำรำงท่ี 4.4 แสดงสัดส่วนทำงเพศของผู้ตอบแบบสอบถำม

เพศ จ านวน คิดเป็นร้อยละ ชาย 20 40 หญิง 30 60 รวม 50 100.00

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีเพศชานจ านวน 20 คน คิดเป็นร้อย

ละ 40 มผีู้ตอบแบบสอบถามเพศหญิงจ านวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 60 รวมทั้งหมดมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 50 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ดังตาราง

ตำรำงท่ี 4.5 จ ำนวนของผู้ตอบแบบสอบถำมจ ำแนกตำมอำยุ

อายุ จ านวน คิดเป็นร้อยละ 15-20 ปี 36 72 21-29 ปี 14 28

30 ปีขึ้นไป 0 0 รวม 50 100.00

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามอายุระหว่าง15-20 ปี จ านวน 36 คน คิด

เป็นร้อยละ 72 มผีู้ตอบแบบสอบถามอายุระหว่าง21-29 ปี จ านวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 28 รวมทั้งหมดมีจ านวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ดังตาราง

ตำรำงท่ี 4.6 สถำนภำพของผู้ตอบแบบสอบถำม

สถานภาพ จ านวน คิดเป็นร้อยละ ปวช. 26 52 ปวส. 24 48 อ่ืนๆ 0 0 รวม 50 100.00

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามในสถานภาพเป็น ปวช.จ านวน 26 คน คด

เป็นร้อยละ 52 มผีู้ตอบแบบสอบถามในสถานภาพเป็น ปวส.จ านวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 48 รวมทั้งหมดมีจ านวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ดังตารางที่ 4.6

17

ตอนที่2 ผลกำรวิเครำะห์ค่ำเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนและระดับควำมพึงพอใจที่มีต่อ ตะกร้ำเอนกประสงค์

การวิเคราะห์และแปรผล โดยรวมคะแนนค าตอบแต่ละข้อในแต่ละประเด็นความพึงพอใจแล้ว น ามาหาค่าเฉลี่ยใช้เกณฑ์การวัดตามระบบ Likert Scales แบ่งเป็น 5 ระดับ ก าหนดช่องคะแนน ดังนี้

เกณฑ์การวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจ

คะแนนค าตอบ ช่วงคะแนนเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจ

คะแนนเฉลี่ย 4.21 – 5.00 แปลว่า มีความพึงพอใจมากท่ีสุด

คะแนนเฉลี่ย 3.41 – 4.20 แปลว่า มีความพึงพอใจมาก

คะแนนเฉลี่ย 4.21 – 5.00 แปลว่า มีความพึงพอใจมากท่ีสุด

คะแนนเฉลี่ย 4.21 – 5.00 แปลว่า มีความพึงพอใจมากท่ีสุด

คะแนนเฉลี่ย 4.21 – 5.00 แปลว่า มีความพึงพอใจมากท่ีสุด

รายการ x̄ S.D ระดับ 1.ความประณีต สวยงามของผลิตภัณฑ์ 4.48 0.50 พึงพอใจมากที่สุด

2.ขนาดของผลิตภัณฑ์เหมาะสมแก่การใช้งาน

4.00 0.49 พึงพอใจมาก

3.การเลือกวัสดุตกแต่ง 4.16 0.55 พึงพอใจมาก 4.ความแข็งแรง ทนทานของผลิตภัณฑ์ 2.96 0.81 พึงพอใจปานกลาง 5.ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ 4.06 0.68 พึงพอใจมาก รวม 19.66 3.03 พึงพอใจมาก

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า โคมไฟ IDEA LAMP ได้คะแนนเฉลี่ย 19.66 โดยผู้ตอบแบบสอบถามให้ความพึงพอใจดังนี้ 1.) ความประณีต สวยงามของผลิตภัณฑ์ คะแนนเฉลี่ย 4.48 2.) การเลือกวัสดุตกแต่ง คะแนนเฉลี่ย 4.16 3.) ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ คะแนนเฉลี่ย 4.06 4.) ขนาดของผลิตภัณฑ์เหมาะสมแก่การใช้งาน คะแนนเฉลี่ย 4.00 5.) ความแข็งแรง ทนทานของผลิตภัณฑ์ 2.96

18

บทที่ 5

สรุปผลกำรวิจัยอภิปรำยผลและข้อเสนอแนะ

สรุปผลกำรวิจัย

จากการส ารวจผู้บริโภคในสาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกนักศึกษาทุกคนได้กรอกแบบประเมิน ที่ทางกลุ่มข้าพเจ้าได้มีการจัดท าโคมไฟ IDEA LAMP ซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุด โครงการนี้วัตถุประสงค์เพ่ือรู้จักน าวัสดุที่เหลือใช้มาประยุกต์ ดัดแปลงใหม่ให้สวยงาม ดูมีคุณค่า รู้จักขั้นตอนการวางแผนในการท างาน การสร้างแบบชิ้นงาน สามารน าไปจ าหน่ายสู่ท้องตลาดได้และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

จากการศึกษา โคมไฟ IDEA LAMP เกิดจากแนวคิดที่ต้องการดัดแปลงวัสดุธรรมโดยการน าบวบมาประดับหุ้มโคมไฟ พร้อมตกแต่งด้วยเชือกให้เกิดความสวยงาม แปลกใหม่ดูมีคุณค่า สามารถใส่สิ่งของตามที่ต้องการได้ ทั้งหมดที่นิยมของตลาดและผู้บริโภค

ผลการประเมินความคิดเห็นที่มีต่อการยอมรับผลิตภัณฑ์โคมไฟ IDEA พบว่า ผู้ทดลองใช้มีความพึงพอใจ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยรวม 19.66 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.03 ด้านความประณีต สวยงามของผลิตภัณฑ์มีความพึงพอใจในสูงสุดค่าเฉลี่ย 4.48 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 โดยในแต่ละรายการส่วนมากอยู่ในระดับมากทุกรายการ อภิปรำยผล

จากการศึกษา โคมไฟ IDEA LAMP เกิดจากแนวคิดที่ต้องการดัดแปลงวัสดุธรรมชาติใช้ เป็นโคมไฟ IDEA LAMP โดยการน าบวบหุ้มโคมไฟพร้อมตกแต่งด้วยหนังเทียมให้เกิดความสวยงาม แปลกใหม่ดูมีคุณค่า สามารถใส่สิ่งของตามท่ีต้องการได้ ยังเป็นที่นิยมของตลาดและผู้บริโภค

ผลการประเมินความคิดเห็นที่มีต่อการยอมรับผลิตภัณฑ์ โคมไฟ IDEA LAMP พบว่า ผู้ทดลองใช้มีความพึงพอใจ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยรวม 19.66 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.03 ด้านความประณีต สวยงามของผลิตภัณฑ์มีความพึงพอใจในสูงสุดค่าเฉลี่ย 4.48 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 โดยในแต่ละรายการส่วนมากอยู่ในระดับมากทุกรายการ ประโยชน์ที่คำดว่ำน่ำจะได้รับ 1. มีแนวทางในการท าผลิตภัณฑ์ โคมไฟ IDEA LAMP ได้หลายรูปแบบ 2. ได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ที่ลองใช้ผลิตภัณฑ์ 3. ทราบแนวทางในการผลิตผลิตภัณฑ์ออกจ าหน่ายในท้องตลาด 4. สามารถท าเป็นอาชีพและมีรายได้จากการผลิตผลิตภัณฑ์ โคมไฟ IDEA LAMP ได้