Upload
others
View
7
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
Dispersion System in Food
Food Chemistry I
KAFT 321
อาจารย์เปรมศิริ โรจน์สัจจะกุล
Contents
1. Emulsion
2. Foam
3. Hydrocolloid
Emulsion
Dispersed phase = liquid
Continuous phase = liquid
Microemulsion: Droplets size range 0.01 to 0.1 m
Macroemulsion: Droplets size range ~ 5 m
Emulsion
อิมัลชัน
ระบบคอลลอยด์ที่เป็นของเหลว
ตัวกลาง = ของเหลว
อนุภาคคอลลอยด์ = ของเหลว
ของเหลวชนิดหน่ึงกระจายตัวเป็นหยดเล็กๆ อยู่ในของเหลวอีกชนิด
ของเหลวท้ัง 2 ชนิด ไม่รวมตัวเป็นเน้ือเดียวกัน
เพิ่มความคงตัวของระบบอิมัลชัน
Emulsifying agent or emulsifier
Surface-active agents
ป้องกันไม่ให้อนุภาคคอลลอยด์รวมตัวกัน
อนุภาคคอลลอยด์กระจายตัว และคงตัวอยู่ในตัวกลาง
Emulsion
ตารางที่ 1 ส่วนประกอบที่พบในระบบคอลลอยด์
อาหาร
Macrocomponents Microcomponents
Water Emulsifiers
Lipids Minerals
Proteins Gums
Carbohydrates Flavors
Colors
Preservatives
Vitamins
Emulsion
ระบบอิมัลชันในอาหาร อิมัลชันชนิดน้้ามันในน้า้ (oil in water) = O/W
ตัวกลาง = น้้า
อนุภาคคอลลอยด์= น้้ามัน
น้้านม น้้าสลัด มายองเนส ครีม ไอศกรีม อิมัลชันของเนื้อสัตว์ แป้งโด (dough)
อิมัลชันชนิดน้้าในน้้ามัน (water in oil) = W/O
ตัวกลาง = น้้ามัน
อนุภาคคอลลอยด์ = น้้า
เนย มาการีน
O/W และ W/O emulsion = two phase emulsions
W/O/W หรือ O/W/O emulsion = multiple emulsion
อนุภาคตัวกลาง กระจายอยู่ในอนุภาคคอลลอยด์อีกชั้น
Emulsion
Types of Emulsion
Oil-in-water (O/W) emulsion Water-in-oil (W/O) emulsion
Water
Oil
m
Emulsion
Two-phase-emulsion : O/W or W/O emulsion
Multiple emulsion : W/O/W or O/W/O emulsion
Emulsion Preparation
ใช้พลังงานกลเพื่อให้เกิดอิมัลชัน
เพื่อชนะแรงตึงผิวระหว่างของเหลวทั้งสอง
ใช้แรงเพื่อเคลื่อนที่เม็ดไขมันให้ห่างออกมา
แรงท าให้เกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรงและเหมาะสม
ไขมันได้รับแรงเฉือน = แตกเป็นเม็ดเล็กๆ
O/W emulsion
ละลาย hydrophilic emulsifier ในน้ า
ค่อยๆ เติมน้ ามัน และ กวน
Emulsion
W/O emulsion
ละลาย lipophilic emulsifier ในน้ ามัน
ค่อยๆ เติมน้ า และ กวน
Homogenization
การกวนเพื่อท าให้ของเหลวสองส่วนที่ไม่ละลายเข้าด้วยกัน เกิดเป็นอิมัลชัน
Primary homogenization
การเตรียมอิมัลชันจากของเหลวที่ไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน
Coarse emulsion
Secondary homogenization
การท าให้อนุภาคคอลลอยด์ของอิมัลชันมีขนาดเล็กลง
Fine emulsion
Emulsion
Homogenization
เวลาในการผสม
2-3 วินาทีแรก : เม็ดไขมันมีขนาดลดลงอย่างรวดเร็ว
เม็ดไขมันแตกตัวมากกว่ารวมตัวกัน
เม็ดไขมันมีขนาดเล็กท่ีสุด : เวลาในการผสม < 5 นาท ี
เวลาในการผสมมากเกินไป : เม็ดไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น
เมื่อเม็ดไขมันแตกตัวถึงจุดสูงสุด
เกิดการรวมตัวกันของเม็ดไขมัน มากกว่าการแตกตัว
คุณภาพของอิมัลชันลดลง
เพิ่มอุณหภูมิขณะผสม
แรงตึงผิวและความหนืดของเม็ดไขมันลดลง
Emulsion
Homogenization
เพิ่มอุณหภูมิขณะผสม
ประสิทธิภาพของอิมัลซิไฟเออร์ลดลง
การดูดซับอิมัลซิไฟเออร์ทีบ่ริเวณผิวของอนุภาคไขมันลดลง
ผสมอิมัลชันได้ง่ายขึ้น แต่อาจไม่อยู่ตัว
Homogenization methods เครื่องกวน (High Speed Blender)
เครื่องคอลลอยด์มิลล์ (Colloid Mills)
เครื่องโฮโมจีไนเซอร์
(High-pressure valve Homogenizer)
เครื่องอัลตราโซนิก (Ultrasonic Homogenizer)
Emulsion
High Speed Blender
ใบพายติดอยู่กับแกนที่หมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ความเร็วรอบในการกวน 20-2,000 รอบต่อนาที
เตรียมของเหลวเริ่มต้น มีความหนืดต่้าถึงปานกลาง
ขนาดอนุภาค 2-20 m
Coarse emulsion
Emulsion
Colloid Mill
ของเหลวเริ่มต้นเป็น coarse emulsion มีความหนืดปานกลางถึงสูง
Meat paste, peanut butter
ความเร็วของ rotor 1,000-20,000 รอบต่อนาท ี
ขนาดอนุภาคขึ้นกับ
ช่องว่างระหวา่ง rotor กับ stator
ความเร็วในการหมนุ
ชนิดของ rotor และ stator
ขนาดอนุภาค 1-5 m
Emulsion
High-pressure valve
Homogenizer
ของเหลวเริ่มต้นเป็น coarse emulsion
มีความหนืดต่้าถึงปานกลาง
ใช้แรงดันสูง 3-20 mPa
ขนาดอนุภาค 1 m
Emulsion
Ultrasonic Homogenizer
คลื่นอัลตราโซนิก ( > 20,000 Hz)
ของเหลวเริ่มต้นไม่เป็นเนือ้เดียวกัน
ผ่านคลื่นเสยีงเขา้ไปในของเหลวชนิดใดก่อนแลว้เติมของเหลวอีกชนิดลงไป ของเหลวที่ได้รับคลื่นก่อนเป็นอนุภาคคอลลอยด์
ขนาดอนุภาค < 1 m
Emulsion
ตารางที่ 2 การเปรียบเทียบเครื่องโฮโมจิไนซ์ชนิด
ต่างๆ ที่ใช้ในการเตรียมอิมัลชัน
Homogenizer Throughout Minimum Sample viscosity
droplet
size (m)
High-speed
Blender Batch 2 Low to medium
Colloid mill Continuous 1 Medium to high
High-pressure
Homogenizer Continuous 0.1 Low to medium
Ultrasonic
Probe Batch 0.1 Low to medium
Ultrasonic jet
Homogenizer Continuous 1 Low to medium
Emulsion
กลไกการเกิดอิมัลชัน
ผสมของเหลว 2 ชนิด และเขย่าให้เข้ากัน
แรงตึงผิวท าให้อนุภาคของเหลวรวมตัวเข้าหากัน เกิดการแยกตัวออกจากของเหลวอีกชนิดหน่ึง เพื่อลดแรงตึงผิวให้น้อยที่สุด
ของเหลวแยกตัวลอยอยู่ชั้นบน (creaming)
ของเหลวแยกตัวอยู่ชั้นล่าง (sedimentation)
Breaking
การรวมตัวของอนุภาคคอลลอยด์ (น้ ามัน) จนน้ ามันแยกออกจากน้ า
ขนาดอนุภาคคอลลอยด์เล็กมาก = พื้นที่ผิวมาก
ขนาดอนุภาคคอลลอยด์ใหญ่ = พื้นที่ผิวน้อย
Emulsion
OilOil
WaterWater
Oil
Water
Agitation
Separate rapidly into two
clear defined layers
OilOil
WaterWater
Oil
Water
Agitation
Separate rapidly into two
clear defined layers
Emulsion
Emulsion
Temporary emulsion
การเกิดอิมัลชันชั่วระยะเวลาสั้นๆ
Emulsion
Permanent emulsion
เติม emulsifying agents or emulsifiers
Emulsifier= protective coating ให้กับอนุภาคน้ ามัน
Emulsifier แทรกตัวอยู่ระหว่างผิวของอนุภาคและตัวกลาง
อนุภาคคอลลอยด์จะไม่สามารถรวมตัวกันได้
อิมัลชันมีความคงตัว
Emulsion
การท้าอิมัลชันชนิด o/w ให้มีความคงตัว
ท้าให้อนุภาคคอลลอยด์มีประจุไฟฟ้าอยู่ที่ผิว
An anionic surfactant gives the emulsion droplets a negative charge: fatty acids
Emulsion
การท้าให้อิมัลชันมีความคงตัว
ท้าให้เกิดฟิล์มของโปรตีน หรือ สารลดแรงตึงผิว รอบๆ อนุภาคคอลลอยด์
โปรตีน ที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ดี ต้องคลายเกลียวได้ง่ายที่ผิวร่วมระหว่างน้้ามันกับน้้า
น้้านม : ฟิล์มที่ล้อมรอบอนุภาคไขมันเป็น
complex film ของ ฟอสโฟลิพิด
คอลเลสเตอรอล สเทอรอยด์ และโปรตีน
Emulsion
การท้าให้อิมัลชันมีความคงตัว
น้ านม
การโฮโมจิไนเซชัน และการให้ความร้อน
เม็ดไขมันแตกออก ขนาดเล็กลง
ระบบอิมัลชันคงตัวอยู่ได้หลังจากการฆ่าเช้ือ โดย
โปรตีนเคซีน และ โปรตีนเวย์ เกิดการคลายเกลียว
โปรตีนถูกดูดซับที่ผิวระหว่างไขมันและน้ า
เม็ดไขมันถูกล้อมรอบด้วยโมเลกุลของโปรตีน กระจายตัวอยู่ในเฟสของน้ า
โมเลกุลของโปรตีนท าหน้าที่กีดขวางไม่ให้เม็ดไขมันรวมตัวกัน
Emulsion
Emulsifier
W/O emulsion : แคลเซียมโอลีเอต คอเลสเทอรอล
O/W emulsion : โปรตีน เดกซ์ทริน เลซิทิน โมโนและ
ไดกลีเซอร์ไรด์
มายองเนส : ไข่แดง (เลซิทิน)
phosphatidyl chlorine
Emulsion
Lecithin
สารประกอบของไขมันและฟอสฟอรสั
โมเลกุลประกอบด้วย phosphoric acid, chlorine, fatty acid, glycerol, glycolipids, triglycerides, and phospholipids
e.g. phosphatidyl chloline, phosphatidyl ethanolamine, phosphatidyl inositol, and phosphatidic acid
พบมากใน ไข่แดง นม สมอง ตับ ไต ถั่วเปลือกแข็ง ปลา ธัญพืช น้ ามันพืช และสัตว์
กระจายตัวในน้ าได้ดี ละลายได้ดีในน้ ามันขณะอุ่น
เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ด:ี มีทั้งส่วนท่ีเป็น lipohpilic และ lipophobic
ไวต่อความร้อนมาก temp. > 70C จะเสื่อมเสียเร็ว
Emulsion
Lecithin การเติมเลซิทินในผลิตภัณฑ์อาหาร
มาการีน ท าให้น้ ารวมตัวกับน้ ามัน และป้องกันการกระเด็นของน้ ามัน
เครื่องดื่มโกโก้ ช่วยท าให้ส่วนผสมที่ไม่ค่อยละลายน้ า สามารถลายน้ าได้เร็วขึ้น
การท้าให้อิมัลชันมีความคงตัว ท าให้อิมัลชันมีความหนืดสูงขึ้น
เติม แป้ง ไฮโดรคอลลอยด์ หรือ สารเพิ่มความหนืด (thickener)
อนุภาคคอลลอยด์เคลื่อนที่ช้าลง Brownian movement ลดลง อนุภาคไม่มีโอกาสที่จะรวมตัวกัน
Emulsion
การท้าให้อิมัลชันมีความคงตัว
ท าให้อิมัลชันมีความหนืดสูงขึ้น
ไม่เกิดการแยกตัว
การสูญเสียความคงตัวของระบบอิมัลชัน Flocculation : อนุภาคในเฟสที่กระจายตัวมาเกาะกลุ่มกัน
อนุภาคคอลลอยด์เคลื่อนที่แบบ Brownian movement
การเร่งการเกาะกลุ่มกันของอนุภาคคอลลอยด์
เพิ่มอุณหภูมิ : เพิ่มพลังงานให้ระบบ อนุภาคเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
เพสต่อเนื่องไม่มีคุณสมบัติเหมาะต่อการกระจายตัวของอนุภาคคอลลอยด ์
เติมไอออน (สารละลายอิเล็กโทรไลต)์
ปรับ pH
Emulsion
การสูญเสียความคงตัวของระบบอิมัลชัน
Flocculation : อนุภาคในเฟสที่กระจายตัวมาเกาะกลุ่มกัน
การแก้ไขหลังการเกิด flocculation
การตี หรือกวน
ปรับ pH
ปรับความเข้มข้นของไอออน
Coalescence
การหลอมรวมตัวของอนุภาคคอลลอยด์เป็นอนุภาคทีใ่หญ่ขึ้น
Emulsion
Emulsion
Emulsion
ความแตกต่างระหวา่ง Flocculation & Coalescence
Flocculation Coalescence อนุภาคมีขนาดและรปูร่างเดิม อนุภาคสูญเสียรูปร่าง มีขนาดใหญ่ขึ้น Reversible reaction Non-reversible reaction
Orthokinetic flocculation
การกวนเบาๆ ท้าให้อิมัลชันรวมตัวกนั อนุภาคขนาดเล็ก และขนาดใหญ่มีความเร็วในการเคลื่อนที่
แตกต่างกัน ฟิล์มของ protective colloid ถูกท้าลาย อนุภาคขนาดใหญ่เคล่ือนทีเ่ร็วเข้าไปกระทบกับอนุภาคขนาดเล็ก
ที่เคลื่อนที่ช้ากวา่ และจับตัวกัน
การกวนด้วยความเร็วสูง อนุภาคคอลลอยดแ์ตกออกเป็นเม็ดเล็กๆ อิมัลชันมีความคงตัว
Emulsion
Aggregation การรวมมวล
การหลอมรวมตัวเกิดต่อเนื่องเกิดอนุภาคคอลลอยด์ขนาดใหญ ่
ความแตกต่างระหว่าง ความหนาแน่นของอนุภาคคอลลอยด์และเฟสต่อเน่ือง มีมาก
น้ ามันกับน้ า แยกช้ันเป็นครีม : น้ ามันลอยอยู่บนของเหลว (creaming)
โปรตีนกับน้ า :
การรวมมวลเป็นไปอย่างรวดเร็ว
โปรตีนแยกชั้นตกตะกอน (sedimentation)
การรวมมวลเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
โปรตีนมีเวลาจัดเรียงอนุภาคอย่างมีระเบียบ
เกิดโครงสร้างของเจล สามารถอุ้มน้ าไว้ได้
Emulsion
Partial coalescence
เกิดการหลอมรวมตัวบางส่วนของเม็ดไขมันบางส่วน
อนุภาคคอลลอยด์มีการเกาะกลุ่มและการหลอมรวมตัว
การลดอุณหภูมิ : น้้ามัน ผลึกน้้ามัน
มองเป็นรูปร่างของผลึกน้้ามันเป็นอนุภาคชัดเจน
ผลึกน้้ามันเชื่อมต่อเม็ดไขมันเข้าด้วยกัน
เกิดเป็นรูปร่างของอนุภาคไขมันที่เกิดการหลอมรวมตัวกันบางส่วน
ผลิตภัณฑ์ที่มีการตีอัดอากาศ: ไอศกรีม วิปป์ครีม
มีโครงสร้างของเม็ดไขมันที่อุ้มฟองอากาศ
Emulsion
Partial coalescence วิปป์ครีม
ปั่นแยกไขมันออกจากของแข็งในนมที่ละลายน้ า
การตีอัดอากาศ ที่อุณหภูมิต่ า
ฟองอากาศคงตัวอยู่ได้โดยอนุภาคเม็ดไขมันท่ีเกิดการหลอมรวมตัวบางส่วนท าหน้าที่เป็นอนุภาคห่อหุ้มฟองอากาศ
ไอศกรีม
รักษาความคงตัว ไม่เกิดการแยกช้ันของไขมัน และการแตกของฟองอากาศโดย
อนุภาคเม็ดไขมันเกิดการหลอมรวมบางส่วนท าหน้าที่เป็นอนุภาคห่อหุ้มฟองอากาศ
อาศัยการเปลี่ยนสถานะของเฟสของน้ าเป็นผลึกน้ าแข็งจากการลดอุณหภูมิ
Emulsion
วิปป์ครีม (whipped cream)
Emulsion
การเกิดการหลอมรวมตัวบางส่วนของผลึกไขมัน (fat crystal) และ น้ ามัน (liquid fat)
ไอศกรีม
Butter Structure
Emulsion
การท้าลายอิมัลชัน แยกอิมัลซิไฟเออร์ออก
ท าลายฟิล์มที่อนุภาคคอลลอยด์ดูดซับ
ท าให้ประจุที่ผิวของอนุภาคคอลลอยด์หมดไป
Physical methods
การหมุนเหว่ียง (centrifugation)
การลดความหนืดด้วยความร้อน
การก าจัดน้ าออก
การคนหรือกวน (stir)
วิธีทางเคมี :
เติมสารอิเล็กโทรไลต์ที่มีประจุตรงข้ามกับอนุภาคคอลลอยด ์
เติมคอลลอยด์ที่มีประจุตรงข้ามกับอนุภาคคอลลอยด์
เติมสารเคมีเพื่อท าปฏิกิริยากับอิมัลซิไฟเออร ์ให้เป็นสารประกอบใหม ่
Emulsion
การท้าลายอิมัลชัน การแช่แข็ง O/W emulsion
อิมัลชันแตกตัว
น้ าเกิดผลึกดันเม็ดไขมันไปอยู่รวมกัน
สารอิเล็กโทรไลต์มีความเข้มข้นเพิ่ม ประจุบนเม็ดน้ ามันลดลง
น้ าเกิดการเย็นตัวยิ่งยวด
เกิดผลึกน้ าแข็งขนาดใหญ่ดันเม็ดไขมันให้มีรูปร่างเปล่ียนไป มีรูปร่างยาวตามลักษณะผลึกน้ าแข็ง
น้ ามันถูกดันมาสัมผัสกัน
เมื่อ temp. ของผิวเม็ดน้ ามันใกล้จุดเยือกแข็ง
โมเลกุลของอิมัลซิไฟเออร์หยุดเคลื่อนไหว
เม็ดน้ ามันเกิดการรวมตัว
เมื่อน าอิมัลชันมาละลายน้ าแข็ง
เม็ดน้ ามันมีขนาดใหญ่ขึ้น
Emulsion
การเปลี่ยนระบบอิมัลชัน (Phase Inversion)
O/W emulsion W/O emulsion
W/O emulsion O/W emulsion
เกิดเนื่องจากสภาวะเหมาะส้าหรับอิมลัชันระบบใหม่มากกว่า
เกิดเนื่องจาก
อนุภาคคอลลอยดม์ีความเข้มข้นสูงเกินไป
เฟสกระจายมีความเข้มข้น
มากเกินไป
การใส่เกลือบางชนิด
การใช้ความรอ้นสูง
การแช่แข็ง
เค้กเนยที่อยู่ในรูป batter
(O/W emulsion)
อบ (W/O emulsion)
ตารางที่ 4 คุณสมบัติของโปรตีนที่ใชเ้ป็นอิมัลซิไฟเออร์ในการท าให้ เกิดอิมัลชันและการรักษาความคงตัวของอิมัลชัน
ผลิตภัณฑ์ ความสามารถในการ ความคงตัวของอิมัลชัน
โปรตีน ท าให้เกิดอิมัลชัน (EC) (ES, %) ภายหลัง (g น้ ามัน/ g โปรตีน) 24 ชั่วโมง 14 วัน
Soy flour 184 100 100
Liquid egg
white 215 0.0 2.5
Casein 336 5.2 41.0
Whey
Powder 190 100 100
Soluble
Collagen 16 92.2 83.1
Meat
Protein 216 4.2 6.0
Bovine
Albumin 296 0.7 11.1
Emulsion
Emulsion
Emulsifying capacity, EC
ปริมาณน้้ามันเป็นกรัมที่สารอิมัลซิไฟเออร์สามารถท้าให้เกิดเป็นอิมัลชัน
Emulsion stability, ES
ปริมาณน้้ามันที่แยกชั้นภายหลังเก็บรักษา 24 ชม. และ 14 วัน
Emulsion
Mayonnaise ไขมันเป็นองค์ประกอบหลัก
อิมัลชันของน้ ามันในน้ า
ไข่แดงเป็นอิมัลซิไฟเออร์
ประกอบด้วย น้ าส้มสายชู น้ ามันสลัด ไข่แดง เกลือ น้ าตาล และเครื่องเทศอื่นๆ
ประกอบด้วยน้ ามันไม่น้อยกว่ารอ้ยละ 65
Salad dressing ประกอบด้วย น้ าส้มสายชู น้ ามันสลัด ไข่แดง แป้งสุก (starch
paste) เกลือ น้ าตาล และเครื่องเทศ
แป้งสุกท าหน้าที่เป็น thickener ให้ความข้นและความคงตัวและเป็น protective colloid ขัดขวางไม่ให้หยดน้ ามันรวมตัวกัน
แป้งสาลี แป้งข้าวโพด แป้งที่ผ่านการดัดแปร
ประกอบด้วยไขมันไม่น้อยกวา่ร้อยละ 30 และไม่เกินร้อยละ 65 และไข่แดงไม่น้อยกว่าร้อยละ 4
Foam
Dispersed phase (เฟสกระจาย) = แก็ส
Continuous phase (เฟสต่อเนื่อง) = ของเหลว
ฟองอากาศถูกล้อมรอบด้วยฟิล์มบางๆ ของของเหลว
การท้าให้อากาศกระจายตัวเป็นฟองเล็กๆ แทรกอยู่ในของเหลว
เครื่องตี เครื่องปั่น
Foaming agents = สารช่วยท าให้เกิดโฟม
ช่วยให้โฟมมีความคงตัวอยู่ได้นานขึ้น
Foam
ชนิดของโฟม
โฟมชนิดไม่คงตัว (unstable foam)
โฟมที่เกิดจากการละลายของกรดไขมัน ที่มีน้ าหนักโมเลกุลต่ า
Surfactants = ช่วยให้โฟมมีความคงตัวได้นาน
โฟมชนิดคงตัว (metastable foam)
โฟมที่เกิดจากโปรตีน
ไม่ต้องอาศัยสารช่วยท าให้เกิดโฟม
การตีท าให้เกิดการรวมตัวกันของโปรตีน
เกิดการแข็งตัวของโปรตีนที่ผิวของอนุภาคฟองอากาศ
โฟมเกิดความคงตัว
โฟมของไข่ขาว (meringues)
โฟมของเจลาติน (marshmallow)
โพมจากนม (whipped cream)
Foam
โพมจากนม (milk foam)
Source: http://www.jimseven.com/2006/06/13/foams/
Surfactant = whey protein (beta-lactoglobulin)
Foam
ปัจจัยที่มีผลต่อความคงตัวของโฟม
ความหนืดของอิมัลชัน
ของเหลวมีความหนืดสงู โฟมมีความคงตัว
ของเหลวที่มีแรงตึงผิวต่้า
ของเหลวมีพื้นที่เพิ่มขึ้นรอบๆ ฟองอากาศ
ฟองอากาศไม่บีบตัว แตกเร็วเกินไป
ของเหลวความดันไอต่้า
ของเหลวระเหยได้ช้า กลายเป็นไอได้ยาก
สารช่วยท้าให้โฟมแข็งตัว
โปรตีนเสียสภาพจากการตี ท้าให้โฟมมีความแข็งตัว
การมีประจุไฟฟ้าอยู่บนผิวของฟิล์ม
Foam
สารท้าลายโฟมและสารยับยั้งการเกิดโฟม
Antifoaming agents
สเปรย์ อีเทอร์ (ether) และออกทานอล (octanal) ลงบนโฟม = การท าลายโฟม
ท าให้มี surface activity สูง
ความดันที่ผิวโฟมเพิ่มขึ้น
แทรกตัวไปแทนท่ีสารช่วยท าให้เกิดโฟม ตามฟิล์มของของเหลว
โฟมไม่สามารถคงตัวอยู่ได้
การยับยั้งการเกิดโฟม
การใส่พอลิเอไมด์ และซิลิโคนลงใน boiler
ป้องกันไม่ให้เกิดโฟม หรือฟองอากาศขณะน้ าเดือด
Foam
ความคงตัว : คุณภาพไข่ขาว ความเข้มข้นของโปตีนในไข่ขาว pH อุณหภูมิ การตี การมีน้้าตาลปน
ไข่ขาวที่มีความข้น (thick white) เกิดโฟมได้ดีกว่าไข่ขาวที่มีเนื้อบาง (thin white)
ไข่ขาวเนื้อบางเกิดฟิล์มได้ปริมาณ > ไข่ขาวข้น
การเติมน้้าหรือไข่แดง : โฟมมีความคงตัวลดลง
ชนิดของโฟมในอาหาร โฟมของไข่ขาว (Egg white foams)
Meringue
Foam
ชนิดของโฟมในอาหาร
โฟมของเจลาติน (Gelatin foams)
สารละลายเจลาติน ที่ room temp. ท าให้เกิดโฟมได้ทันที
มีแรงตึงผิวต่ า
การแช่แข็งโฟม : เจลาตินที่เกาะอยู่ที่ผิวของอนุภาคโฟมจะแข็งตัว
โฟมมีความคงตัว โฟมค่อนข้างแข็ง เมื่อเจลาตินยังเย็นจัดอยู่
การท าเจลาตินโฟม
ละลายเจลาติน ปล่อยให้มีความหนืดเท่ากับครีม
ตีสารละลายเจลาตินให้เกิดโฟม โดย เครื่อง rotary beater
แช่เย็นให้โฟมแข็งตัว
Foam
ชนิดของโฟมในอาหาร
การท าเจลาตินโฟม
ถ้าปล่อยให้สารละลายเจลาตินเริ่มแข็งตัว
การตีให้เป็นโฟม มีอนุภาคเล็กๆ ท่ีสัมผัสได้ด้วยลิ้น
คุณภาพของโฟมเสีย
Gelatinous particles = อนุภาคเล็กๆ ที่เกิดจากการตีโฟมเมื่อเจลาตินเริ่มแข็งตัว
เจลาตินโฟมที่มีคุณภาพ: เน้ือเนียน เนื้อสัมผัสสม่ าเสมอ
ปริมาตรของเจลาตินโฟม เพิ่มขึ้น 3 เท่าของปริมาตรเริ่มต้น
Foam
ชนิดของโฟมในอาหาร
การท าเจลาตินโฟม
การตีไม่เพียงพอ
ปริมาตรโฟมลดลง
มีของเหลวเหลืออยู่มาก
การใส่กลิ่นในเจลาตินโฟม
ใส่สารให้กลิ่นในปริมาณมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่น
การเกิดโฟมท าให้ความเข้มข้นของสารให้กลิ่นลดลง
โฟมของผลิตภัณฑ์นม (Dairy foams)
โปรตีนในน้ านมมีแรงตึงผิวต่ าท าให้เกิดโฟมได้ง่าย
Foam
ชนิดของโฟมในอาหาร
โฟมของผลิตภัณฑ์นม (Dairy foams)
เตรียมจากนมผงปราศจากไขมัน (skimmed milk)
โฟมที่มีปริมาตรมากแต่ไม่ค่อยคงตัว
เติมเจลาตินเพื่อเพิ่มความคงตัว
ครีม
เม็ดไขมันที่แยกตัวออกจากนม
Whipping cream มีไขมัน ~ 35%
เกิดโฟมที่มีความคงตัวเมื่อเย็นจัด
ถ้าความเย็นไม่เพียงพอ
» ลักษณะเน้ือเป็นของเหลว
» โฟมมีความคงตัวยาก
Foam
heavy whipping cream whipped cream
Marshmallow
การตีอากาศเข้าไปในน้้าเชื่อมผสมโปรตีน
ไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
อากาศท้าหน้าที่เพิ่มปริมาตรและท้าให้เนื้อสัมผัสนุ่มเบา
กระบวนการผลิต ต้มส่วนผสมที่เป็นน้้าเชื่อมจนได้ความเข้มข้นที่ก้าหนด
ท้าให้เย็น
เติมสารท้าให้เกิดเจลแล้วตีจนได้โฟม
สารท้าให้เกิดเจล
ไข่ขาวจะให้เจลที่เบาและค่อนข้างนิ่ม
เจลาตินจะได้เจลที่มีความเหนียวหนืดเล็กน้อย เนื้อเจลจะเบามาก
Hydrocolloid
โพลิเมอร์ที่มีน้ าหนักโมเลกุลสูง
ละลายในน้ าปริมาณมากได้ด ี
ท าให้สารละลายข้นหนืด
โมเลกุลของไฮโดรคอลลอยด์ดูดซับน้ าและคลายตัวออก ไม่เกาะเกี่ยวกันแน่นหนา กลายเป็นโมเลกุลสายตรงยาว
ท าให้เกิดเจล
ท าให้เกิดความคงตัว โดยการอุ้มสารทั้งท่ีละลายน้ าและไม่ละลายน้ า ไว้ในรูปของการแขวนลอย ไม่มีการแยกชั้น
วุ้น (Agar) Colloidal polygalactoside
Agarose & agaropectin
สกัดได้จากสาหร่าย
ละลายได้ดีในน้ าที่ร้อน > 90C
ต้องละลายให้หมดก่อนน าไปผสมกับส่วนประกอบอื่น
Hydrocolloid
วุ้น (Agar)
มีประสิทธิภาพในการเกิดเจลสูงมาก
เพียงร้อยละ 1-2 ก็ท าให้เกิดเจลได ้
คาราจีแนน (Carrageenan) โพลีแซคคาไรด์ที่สกัดจากสาหร่ายสีแดง
ที่ผลิตได้มี 3 ชนิด
คาราจีแนน แคปปา (kappa ()-carrageenan)
คาราจีแนนไอโอตา (iota ()-carrageenan)
คาราจีแนแลมบ์ดา (lambda ()-carrageenan)
ประกอบด้วยน้ าตาล D-galactose ต่อสลับกันด้วย
-(1-3) และ -(1-4) บางจุดมีซัลเฟตเกาะอยู่
จ านวนและต าแหน่งของหมู่ซัลเฟต ท าให้คาราจีแนนแตกต่างกัน
คาราจีแนน แคปปา และ คาราจีแนน ไอโอตาเท่าน้ันท่ีเกิดเจลได้
Hydrocolloid
คาราจีแนน (Carrageenan)
คาราจีแนนแคปปาละลายในน้ าอุ่น 60-70C
คาราจีแนนไอโอตาละลายในน้ าอุ่น 55C
คาราจีแนนแลมป์ดาละลายได้ในน้ าเย็น
เจลาติน (Gelatin)
โปรตีนท่ีได้จากการไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (fibrous protein collagen) ได้แก่
เน้ือเยื้อเกี่ยวพัน (connective tissue), กระดูก และ เอ็นของสัตว ์
หนังหมู หนังวัว และกระดูก
ท าให้เกิดเจล เป็นสารให้ความหนืด ช่วยให้เกิดความคงตัว เป็นอิมัลซิไฟเออร์ รักษาสภาพคอลลอยด์ ช่วยจับฟองอากาศ และท าให้สารละลายใส
Hydrocolloid
กัมอาคะเซีย หรือ กัมอาระบิก
(Gum acacia or gum arabic)
โพลีแซคคาไรด์จากเรซินที่ซึมออกมาจากกิ่งก้านและล าต้น
Acacia Senegal (L.) Wild เจริญได้ดีตามริมขอบทะเลทราย
เพกติน (Pectin)
โพลีแซคคาไรด์จากผนังเซลล์ของพืช
ทางการค้า
สกัดจากเปลือกผลไม้ตระกูลส้ม : ส้ม มะนาว
สกัดกากแอปเปิ้ล
Egg White Foam
Foamy Fluffy: Large bubbles, very loose with a cloudy, yellowish liquid developing into bubbles.
Egg White Foam
#Soft Peak: Bubbles have tightened into a white foam with a soft ribbon that folds back into itself. You can pull the whites into a "2-3 centimeters peak" but they won't hold the shape.
Egg White Foam
#Firm Peaks: Glossy, firm and smooth like fresh heavy cream. You can pull whites into a peak that will curl but not stand.
Egg White Foam
#Stiff Peaks: Glossy and very stiff. Best for baking chiffon cakes.
Egg White Foam
#Over Beaten: If egg whites are beaten to dry and dull, they are over-beaten. Watch carefully, because egg whites can go from stiff to dry and over-beaten in as little as 30 seconds.