Upload
louk-nam
View
219
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
This is my final Project in the university, I made it with my partner on 05/10/2012.
Citation preview
วิถีประมงพื้นบ้านกว๊านพะเยาแหล่งชีวิต
กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต
กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ประโยคขึ้นต้นจากคำขวัญประจำ
จังหวัดที่แสดงให้ถึงความสำคัญของบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่มีต่อ
วิถีชีวิตของผู้คนโดยรอบ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ของจังหวัดแล้วยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดของ
ภาคเหนือตอนบน มีการเพาะพันธุ์ปลานานาชนิดทั้งปลากราย
ปลาสวายและปลานิลอันลือชื่อของเมืองพะเยา อีกทั้งสร้าง
รายได้ให้แก่ชาวประมงมากถึง 18 ชุมชนที่อาศัยทำมาหากิน
จากทรัพยากรในแหล่งน้ำแห่งนี้
บ้านสันหนองเหนียว ตำบลบ้านต๋อมคือหนึ่งในชุมชนประมงที ่
อาศัยพึ่งพิงกว๊านพะเยาในการทำมาหากินมาตั้งแต่อดีต วิถีประมง
และความผูกพันที่ผ่านการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน การ
ทำประมงในกว๊านพะเยานั้นยังคงดำรงรูปแบบดั้งเดิมไว้ เช่น การ
ออกหาปลาโดยเรือพายด้วยข้อจำกัดของลักษณะทางกายภาพ
ของกว๊านที่เป็นลักษณะแอ่งกระทะส่งผลให้น้ำไม่สามารถหมุน
เวียนออกไปที่อื่นได้การใช้เรือยนต์จะส่งผลกระทบต่อตะกอนดิน
ทำให้น้ำขุ่นมัว ดังนั้นการใช้เรือพายสำหรับการทำประมงจึงเป็นทาง
เลือกที่ดีที่สุดที่จะไม่เป็นการสร้างปัญหาคุณภาพน้ำให้เพิ่มมากขึ้น
“เรือประมง”ชาวประมงใช้เรือพายในการประกอบอาชีพ โดยชาวบ้านแต่ละชุมชน
จะมีการจอดเรือรวมกันไว้เป็นกลุ่ม เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
การออกหาปลาในปัจจุบันมีรูปแบบที่ไม่แตกต่างจากในอดีตมากนัก
ในเรื่องของเครื่องมือการทำมาหากินเรายังคงพบเห็นชาวประมงออกหาปลาโดย
การใช้แห อวน ไซ หรือตาข่าย ซึ่งชาวประมงแต่ละคนก็มีการเลือกใช้เครื่องมือที่
แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมและประสบการณ์เฉพาะของแต่ละคน
ในส่วนอุปกรณ์ประกอบอาชีพนั้นในแต่ละครัวเรือนก็ได้มีการสร้างอุปกรณ์ขึ้นเอง
ทั้งการถักแห ถักตาข่ายหรือสานไซสำหรับใช้งาน หรือในบางครอบครัวสร้างไว้เพื่อ
จำหน่ายตามรูปแบบของชุมชนประมง
“สานไซ”ขั้นตอนของการทำอุปกรณ์ประมงประเภทนี้เริ่มจากการ
นำไม้ไผ่มาเหลาเป็นเส้นบางๆนำไปแช่น้ำจากนั้นนำไม้ไผ่
มาสานขึ้นรูปฐาน ต่อด้วยการสานต่อไปรอบฐานเดิมจน
ขึ้นเป็นรูปร่างของไซ
จากการลงพื้นที่พบว่าการใช้ตาข่ายนั้นเป็นวิธีที่ชาวบ้านนิยมใช้ใน
การจับปลาเพราะสามารถหาปลาได้จำนวนมากกว่าวิธีอื่นการใช้
ตาข่ายจับปลานั้นต้องอาศัยวิธีที่ชาวบ้านเรียกกันว่า“การไล่ปลา”
มาประกอบด้วย โดยวิธีการไล่ปลานั้นเริ่มจากนำตาข่ายสอดไม้ไปปัก
ขึงไว้ในน้ำที่มีระดับความลึกประมาณสองเมตรในช่วงเวลาประมาณ
บ่ายสามโมงเพื่อให้ปลาคุ้นกับตาข่ายและจะไปนำตาข่ายขึ้นจากน้ำ
เวลาประมาณแปดโมงเช้าของอีกวันหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะนำตาข่ายขึ้นนั้น
จะมีการพายเรือไปรอบบริเวณใกล้เคียงที่ขึงตาข่ายไว้ พร้อมทั้งใช้
ไม้พายตีน้ำแรงๆเพื่อให้ปลาตกใจจนว่ายไปติดตาข่าย การไล่ปลานั้น
จำเป็นที่จะต้องอาศัยคนและเรือพายมากกว่าหนึ่งลำขึ้นไปเพื่อให้ได้
ผลดีที่สุด
“ตาข่ายจับปลา”การใช้ตาข่ายเป็นวิธีที่ชาวบ้านนิยมใช้ในการจับปลามากกว่า
วิธีอื่นๆเพราะสามารถหาปลาได้จำนวนมากกว่าวิธีอื่น
(1) พายเรือไปรอบบริเวณที่ปักไม้หลักขึงตาข่าย (2) ออกแรงตีไม้พายลงน้ำแรงๆเพื่อให้ปลาตกใจโดยตีสลับกันเป็นจังหวะ
“การไล่ปลา” วิธีการไล่ปลานั้น เริ่มจากนำตาข่ายสอดไม้ไปปักขึงไว้ในน้ำ
ที่มีระดับความลึกประมาณสองเมตรในช่วงเวลาประมาณ
บ่ายสามโมงเพื่อให้ปลาคุ้นกับตาข่ายและเก็บกู้ตาข่ายขึ้น
จากน้ำเวลาประมาณแปดโมงเช้าของอีกวันหนึ่งซึ่งก่อนที ่
จะนำตาข่ายขึ้นนั้นจะมีการพายเรือไปรอบบริเวณใกล้เคียง
ที่ขึงตาข่ายไว้พร้อมทั้งใช้ไม้พายตีน้ำแรงๆเพื่อให้ปลาตกใจ
จนว่ายไปติดตาข่าย
(3) พายเรือมาดูยังตาข่ายที่ขึงไว้ โดยค่อยๆดึงตาข่ายขึ้นจากน้ำ
“รูปแบบวิถีประมงยังไม่ต่างไปจากเดิมมากนักยังมีคนสืบ
ต่อจากรุ่นสู่รุ่นตัวลุงเองก็เริ่มอาชีพประมงตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น
ประถมศึกษาปีที่สอง ตามพ่อออกไปจับปลาถ้าวันไหนไม่ได้
ไปก็จะร้องไห้วิ่งไล่ตามพ่อส่วนวิธีจับปลาที่นิยมใช้กันนั้นเช่น
การหว่านแห ดักปลา ไล่ปลา อาชีพชาวประมงในปัจจุบัน
ส่วนใหญ่พอเริ่มสร้างตัวได้ก็จะเริ่มมองหาลู่ทางใหม่ๆ เช่น
การทำบ่อเลี้ยงปลา เพื่อที่จะได้้ไม่ต้องอิงกับทรัพยากรใน
กว๊านมากนักซึ่งก็พอเพียงเลี้ยงตัวเองได้ ตามแบบชาวบ้าน”
ลุงสมบูรณ์ บัวเทศ
ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านชุมชนบ้านสันหนองเหนียว
ส่วนวธิอีืน่อยา่งเชน่การใชแ้ห อวน ไซ หรือเบด็นัน้กย็งัพบเหน็ไดท้ัว่ไปในบรเิวณทีม่รีะดบันำ้ไมส่งูมากนกัและมชีว่งเวลา
ในการทำประมงไม่แน่นอนตามแต่ความสะดวกหรือช่วงเวลาที่เหมาะสมของแต่คนนอกจากนี้ชาวประมงยังนิยมเลี้ยงปลา
ในกระชังเพราะสามารถเพาะเลี้ยงปลาได้ในจำนวนที่แน่นอน อีกทั้งยังอนุบาลปลาไว้โดยแบ่งปลาจำนวนหนึ่งที่ได้รับจาก
กรมประมงจังหวัด นำมาเพาะเลี้ยงในเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลาของชุมชน เมื่อปลามีอายุประมาณสามเดือนก็จะปล่อยลงสู่
แหล่งน้ำเพื่อเป็นทรัพยากรสำหรับการประมงพื้นบ้านต่อไป
“รูปแบบประมง”กิจกรรมประมงมีหลากหลายรูปแบบทั้งการใช้แห ยิงปลา
เบ็ดตกปลา โดยมีวัตถุประสงค์ต่างกันบางคนยึดถือเป็น
อาชีพ หรือบางคนนิยมตกปลาเพื่อความเพลิดเพลิน
“ปลาจากกว๊๊าน”ปลาหลากหลายชนิดที่ได้มาจากการทำประมงใน
กว๊านพะเยา ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีจำนวนลดน้อยลง
ไปมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน
ปลาส่วนใหญ่ที่ชาวประมงจับได้ในกว๊านนั้นจะประกอบ
ไปด้วย (1)ปลาแก้มช้ำ (2)ปลาไน (3)ปลากราย (4)ปลาสร้อยขาว
(5)ปลาสวาย (6)ปลานิล และ(7)กุ้งฝอย ปัจจุบันปลาบางชนิดก็เริ่ม
สูญหายไปบ้างแล้ว
(1)
(2)
(3)
(5)
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา
(http://www.fisheries.go.th/if-phayao)
“พันธุ์ปลาในกว๊านพะเยา”จากการสำรวจของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด
พะเยา พบว่าปัจจุบันพบปลาจำนวน 45 ชนิด
(ปี 2546-2548)
(4)
(5)
(6)
(7)
“ปลานิล”ปลาน้ำจืดขึ้นชื่อของกว๊านพะเยาเนื้อนุ่ม รสชาติดี
สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามตลาดสดในจังหวัด
บางที่รับปลามาโดยตรงจากชาวประมง
ปัจจุบันปัญหาในกว๊านพะเยาที่เกิดจากความเจริญ
และการพัฒนาเข้าสู่รูปแบบสังคมเมืองได้ส่งผลกระทบต่อ
แหล่งน้ำแห่งนี้โดยเฉพาะอย่่างยิ่งปัญหาคุณภาพน้ำ รวม
ถึงการลดจำนวนและสูญพันธุ์ของปลาบางชนิด ปัญหา
วัชพืชน้ำซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อชาวประมงโดยตรงทั้งสิ้น
จากเดิมหลายครัวเรือนยึดอาชีพประมงเป็นอาชีพ
หลักก็จำเป็นที่จะต้องหาอาชีพอื่นเป็นส่วนเสริมเพื่อ
ให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง
เหล่านี้การเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของ
ชาวบ้านนั้นจึงได้เกิดแนวทางใหม่ที่สามารถสร้างรายได ้
ให้แก่ชาวชุมชน ทั้งการรวมตัวของชาวประมงตั้งเป็นกลุ่ม
ประมงพื้นบ้านซึ่งกระจายตัวอยู่ในหลายชุมชนเพื่อแลก
เปลี่ยนประสบการณ์ภูมิปัญญาและจัดสรรทรัพยากร
ในกว๊านพะเยาร่วมกับทางภาครัฐเพื่อดำรงรักษาอาชีพ
ดั้งเดิมของพวกเขาเหล่านั้น
“นาบัวสวนผสม”แหล่งท่องเที่ยวที่เกิดจากความร่วมมือใน
การอนุรักษ์พันธ์ุบัวของบ้านสันหนองเหนียว
อีกทั้งยังมีการปรับตัวชุมชนเข้าสู่รูปแบบของการท่องเที่ยวเช่นการอนุรักษ์ดอกบัวไว้เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวนาบัวสวน
ผสมของบ้านสันหนองเหนียว ที่ชาวบ้านจะจัดเรือพายรองรับนักท่องเที่ยว
ที่สนใจพาเยี่ยมชมนาบัวมีทั้งบัวสายบัวหลวงตามแต่ละฤดูกาลการเยี่ยม
ชมวังมัจฉาแหล่งเพาะพันธุ์ปลาหรือการนำวัชพืชน้ำอย่างผักตบชวามา
สร้างรายได้ด้วยการแปรรูปออกมาเป็นเครื่องจักสาน ทั้งกระเป๋า ตะกร้า
หรือเครื่องใช้ในครัวเรือนทั้งนี้ก็เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนสามารถเลี้ยงชีพ
ของตนเองได้อย่างเพียงพอ
“ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา”จากวัชพืชน้ำสร้างปัญหาสู่สินค้าสร้างรายได้ในแก่ชุมชน
โดยเริ่มจากการนำผักตบชวาที่มีมากในกว๊านพะเยา
มาตากแห้ง เข้าสู่ขั้นตอนการรีด ย้อมสี และงานฝีมือ
โดยคนในชุมชนก่อนออกเป็นสินค้าสู่ผู้บริโภค
รปูแบบประมงดั้งเดิมที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เข้าสู่รูปแบบ
ประมงสมัยใหม่ที่บูรณาการขึ้นเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ในบริบท
สังคมปัจจุบัน อย่างไรก็ตามชาวบ้านบ้านสันหนองเหนียว ยังยึดหลัก
ภูมิปัญญาประมงพื้นบ้าน เพื่อสืบทอดให้แก่ลูกหลานพร้อมทั้งการ
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนให้มีความยั่งยืนและ
ดำเนินวิถีชีวิตตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยความหวัง
ที่จะยังดำรงวิถีประมงพื้นบ้านกว๊านพะเยาสืบต่อไปสมกับประโยค
แรกของคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า“กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต”อย่างแท้
จริง
“ท่าเรือท่องเที่ยว”ท่าเรือวัดติโลกอารามซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญที่จมอยู่ในกว๊านพะเยา
มีอายุเก่าแก่มากกว่า 500 ปี โดยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นอยู่ที ่
การนำนักท่องเที่ยวนั่งเรือพายไหว้พระกลางน้ำ
“รอบกว๊าน”ลานอเนกประสงค์รอบกว๊านถูกปรับให้สามารถใช้ประกอบกิจกรรมต่างๆของ
ชาวบ้านในละแวกนั้นอย่างเช่น การนั่งชมวิว การออกกำลังกาย รำวงของผู้สูงอายุ
รวมถึงมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กและเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งไว้บริการรอบๆ
กว๊านพะเยาด้วย
สงัคมปัจจุบันปรับตัวเข้าสู่ความเจริญแบบเมืองหลวง
การเติบโตทางเทคโนโลยีล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คน
บางชุมชนถูกปรับกลืนเข้าสู่รูปแบบชุมชนเมือง ในขณะที่บาง
ชุมชนเลือกที่จะเรียนรู้ปรับตัวพร้อมกับดำรงรักษาภูมิปัญญา
ดั้งเดิมของพวกเขาไว้ โดยประยุกต์เอาภูมิปัญญาที่โดดเด่น
พิสูจน์ตัวเองให้ยืนหยัดอยู่รอดได้ท่ามกลางกระแสการพัฒนา
ของสังคมโดยรอบ
คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถพัฒนาความเจริญของ
สังคมให้เติบโตควบคู่ไปกับการดำรงรักษาภูมิปัญญาของ
ชุมชนไปด้วย
“กว๊านพะเยา”พระอาทิตย์ตกสาดแสงประกายลงมายังบึงน้ำขนาดยักษ์
ที่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้รวมถึงเป็นแหล่งสร้างชีวิต
ขอขอบคุณ
อาจารย์ที่ปรึกษาทุกท่านที่ให้คำแนะนำ
ชาวประมงแห่งกว๊านพะเยา
ชุมชนบ้านสันหนองเหนียวและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
ภาพ/เรื่อง นางสาวนิตยาภรณ์ วรรณมณี, นายอนุพงศ์ วงศ์จำปา