Upload
khanison-jammat
View
229
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
หนังสือสุขภาพเรื่องโรคต้อหิน เนื้อหาเกี่ยวกับโรคโรคหนึงที่เกิดขึ้นกับดวงตา อ่านเข้าใจง่าย พร้อมภาพประกอบน่ารักๆ อ่านได้ทุกเพศทุกวัย :)
Citation preview
จ๊ะจ๋าเรื่องและภาพ
โ ร ค ต้ อ หิ นภั ย เ งี ย บ คุ ก ค า ม ส า ย ต า คุ ณ
ผู้แต่ง นางสาวคณิศรจ่ามมาตย์5321003
สาขาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล
ที่ปรึกษา อาจารย์โสภิตาสุวุฒโฑ
พิมพ์ครั้งที่ 1
ต้อหิน..คืออะไร? ต้อหิน(Glaucoma)เป็นสาเหตุตาบอดอันดับที่สองในโลกและประเทศไทยยังเป็นสาเหตุอันดับ
หนึ่งของโรคตาบอดที่รักษาไม่ได้จำานวนประชากรที่ตาบอดทั่วโลก4.5ล้านคนและจะเพิ่มขึ้นถึง11.2
ล้านคนในปีค.ศ.2020ในประเทศที่เจริญแล้วเกือบครึ่งที่ยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคนี้และในประเทศไทย
อาจมีคนที่เป็นต้อหินแต่ไม่ทราบว่าตนเองเป็นอยู่สูงถึง90%คุณทราบได้อย่างไรว่าคุณไม่เป็นหนึ่งในนั้น
ต้อหินคือโรคที่มีความผิดปกติของขั้วประสาทตาทำาให้ขั้วประสาท
ตาถูกทำาลายเป็นรอยหวำาลึกโดยทั่วไปขั้วประสาทตาของคนปกติจะมีรอยหวำา
ขนาดประมาณไม่เกิน50%ของขนาดขั้วประสาทตาทั้งหมดแต่ในคนที่เป็น
ต้อหินเนื้อขั้วประสาทตาจะถูกทำาลายเป็นรอยหวำาใหญ่กว่านั้น
2.โรคต้อหินชนิดมุม
ปิด(Angle-closureglaucoma)พบได้บ่อยในคนเอเชียรวมถึงคนไทยเราต้อหินชนิด
นี้จะแสดงอาการอย่างรวดเร็วเนื่องจากโครงสร้างระบบ
การระบายน้ำาออกจากลูกตามีการอุดตันอย่างทันทีทันใด
ดังนั้นความดันภายในลูกตาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่าง
รวดเร็วทำาให้มีอาการอย่างฉับพลัน
1.โรคต้อหินชนิด
มุมเปิด(Open-angleglaucoma)ต้อหินชนิดนี้พบได้บ่อยที่สุดอาการมักเกิดขึ้นอย่าง
ช้าๆพบมากในคนสูงอายุเนื่องจากโครงสร้างระบบการ
ระบายน้ำาออกจากลูกตามีการอุดตันและเสื่อมสภาพทำาให้น้ำา
ระบายออกจากลูกตาได้ไม่เพียงพอความดันภายในลูกตาจะ
เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆชั้นประสาทตาค่อยๆถูกทำาลายผู้ป่วยจึง
อาจจะไม่มีอาการใดๆเลยจนกว่าขั้นประสาทตาจะ
ถูกทำาลายไปมากแล้ว
1
ทางระบายนำา้ตา
ความดัน
ภายในลูกตา
ขั้วประสาทตา
ถูกทำาลาย
สาเหตุ..เกิดจากอะไร?
เกิดจากการมีความดันลูกตาสูง(มากกว่า21มิลลิเมตรปรอท)
ส่งผลให้เกิดแรงกดที่ขั้วประสาทตาทำาให้ขั้วประสาทตาถูกทำาลายเมื่อถูก
ทำาลายมากขึ้นลานสายตาแคบลงเรื่อยๆโดยเริ่มต้นจากบริเวณรอบนอก
ก่อนทำาให้ผู้ที่เป็นโรคยังสามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
แต่จะมองไม่เห็นวัตถุที่อยู่ทางด้านข้างและเมื่อเป็นมากขึ้นลานสายตาก็จะ
ค่อยๆแคบลงและตาบอดไปในที่สุด
2
ขั้วประสาทตาคนปกติ ขั้วประสาทตาคนไข้ต้อหิน
รอยหวำาลึก
ต้อหินอาจเกิดได้จากหลายๆสาเหตุเช่น
• เกิดจากการใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสม
ของสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
• ได้รับอุบัติเหตุหรือเคยผ่าตัดทางสายตา
• เป็นโรคเรื้อรังบางอย่างทางตาเช่น
ม่านตาอักเสบ
• จากสาเหตุอื่นๆเช่นเป็นเบาหวานและ
ไม่เคยได้รับการตรวจจอประสาทตาจาก
จักษุแพทย์
3
อาการ..เป็นยังไง?
สายตาปกติ
จะมองเห็นเป็นแบบนี้
ถ้าเป็นโรคต้อหิน
จะมองเห็นเป็นแบบนี้
• ตาพร่าตามัวเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนเห็นภาพเบลอซ้อนหรือตามืดบอดชั่วขณะหนึ่ง
• ปวดในเบ้าตาลึกๆและปวดศีรษะข้างเดียวคล้ายไมเกรนหรือปวดจี๊ด
ขึ้นสมอง• ตรวจพบว่ามีสายตาสั้นขึ้นมาทันทีและค่าสายตาขึ้นๆลงๆไม่แน่นอน• อ่านหนังสือไม่ทนทำางานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือดูโทรทัศน์ได้ไม่นาน• เห็นดวงไฟมีแสงเจิดจ้าเป็นรัศมีกระจายหรือวงสีรุ้งรอบดวงไฟสู้แสง
ไม่ค่อยได้• เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือเห็นลำาแสงวิ่งผ่านตาหรือเห็นเป็นเส้นหยักๆ
ที่หางตา• มีความลำาบากในการสังเกตุพื้นต่างระดับเวลาก้าวเดินหรือเวลาขึ้นลงบันได• การมองในที่มืดแย่ลงเห็นหน้าคนไม่ชัดและไม่กล้าขับรถในเวลากลางคืน• เห็นแสงมืดลงไปเรื่อยๆหรือเห็นเป็นหมอกควันอยู่ทั่วๆไป• ลานสายตาแคบเข้ามาเรื่อยๆจนระยะท้ายเหมือนมองผ่านท่อกลม
4
ใครบ้าง..ที่เสี่ยง?
บุคคลที่เสียงต่อการเป็นโรคต้อหินได้แก่
• ผู้ที่มีประวัติญาติพี่น้องเป็นโรคนี้เนื่องจากโรคต้อหินเป็นโรคที่สามารถ
ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
• ผู้สูงอายุเนื่องจากการเสื่อมสภาพของระบบระบายน้ำาในลูกตา
• ผู้ที่มีประวัติการใช้ยาหยอดตาหรือทานยาพวกสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
• ผู้ที่มีโรคเรื้อรังทางร่างกายเช่นโรคหัวใจโรคหลอดเลือดโรค-
ความดันโลหิตสูงโรคไขมันในเลือดสูง
• ผู้ที่มีโรคเรื้อรังทางตาเช่นม่านตาอักเสบ
• ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
• ผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดทางตา
• ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุบริเวณดวงตาทั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือผ่านมา
นานแล้วที่พบบ่อยคือผู้ที่มีเคยมีเลือดออกในดวงตาหลังจากประสบ
อุบัติเหตุที่เป็นแรงกระแทก
• ผู้ที่มีสายตาสั้นหรือยาวมากๆโดยเฉพาะถ้าสั้นมากคือมากกว่า6D
(Diopterหรือไดออปเตอร์)ขึ้นไปมีโอการสเป็นได้มากกว่าคนปกติ
5
ป้องกัน..ได้อย่างไร?
1
2
3
ผู้ที่มีอาการปวดตาและศีรษะพร้อมกันอย่างรุนแรงควรไปพบจักษุแพทย์โดย
เร็วที่สุด
ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาหยอดเองเป็นเวลานานๆ
ผู้ที่มีอายุ35-40ปีขึ้นไปควรตรวจวัดความดันลูกตาปีละครั้งโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยง สูงต่อการเป็นต้อหิน ได้แก่ ผู้ที่มีต้อหินเป็น
กรรมพันธุ์ในครอบครัวโรคเบาหวานโรคความดันเลือดสูงผู้ที่มีปาน
แดงหรือปานดำาบนใบหน้า และผู้ที่เคยถูกกระทบกระเทือนบริเวณตา
อย่างแรง เพราะต้อหินที่ค่อยๆ ทำาลายประสาทตาไปแล้ว การรักษาจะ
ทำาให้ไม่เป็นมากขึ้นเท่านั้นแต่ไม่กลับดีเท่าเดิม
4 ป้องกันแรงกระทบกระเทือนและอันตรายต่างๆที่เกิดกับดวงตา
5 รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
6
รักษา..ได้อย่างไร?
การใช้ยาอาจเป็นยาหยอดตาหรือยาทานในบางคนอาจต้อง
หยอดยาหลายๆตัวบางคนอาจต้อง
ใช้ทั้งยาหยอดและยาทานทั้งนี้ขึ้น
กับดุลพินิจของจักษุแพทย์ผู้ป่วย
ควรจะใช้ยาตามคำาแนะนำาของจักษุ
แพทย์โดยเคร่งครัด
1
การใช้แสงเลเซอร์สามารถช่วยให้ความดันตาลดลงได้ชั่วคราวจึง
มักนิยมใช้ในผู้ป่วยก่อนที่จะตัดสิน
ใจรับการผ่าตัดหรืออีกนัยหนึ่ง
การใช้เลเซอร์จะช่วยประวิงเวลาการ
ผ่าตัดออกไป
2
การผ่าตัดส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้เมื่อ
ยาไม่ได้ผลหรือผู้ป่วยไม่ให้ความร่วม
มือขาดยาเป็นประจำาจนทำาให้ตาค่อยๆ
มัวลงหรือผู้ป่วยบางรายอาจทนต่อ
ผลข้างเคียงของยาหยอดตาไม่ได้โดย
ทั่วไปยาหยอดตารักษาต้อหินเมื่อ
หยอดแล้วมักมีอาการปวดตาแสบตา
ไม่สบายตาซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่
ทำาให้ผู้ป่วยขาดยาและทำาให้ตาเลวลง
ในที่สุด
3
7
คนไทยกว่า2ล้านคนเป็นโรคต้อหิน
คนไทยจำานวนมากกว่าครึ่งไม่รูว้่าตนเองเป็นโรคต้อหิน
90%10%
รู้
ไม่รู้
=5,000คน
ต้อหินคืออะไร?
ใครมีโอกาสเป็นต้อหินบ้าง?
การรักษาโรคต้อหิน
โรคต้อหินเป็นโรคของดวงตาที่มีความดันตาสูงจนขั้วประสาทตาถูกทำาลายทำาให้มีลานสายตาผิด
ปกติเราจึงสูญเสียการมองเห็นไปอย่างช้าๆและอาจตาบอดไปในที่สุด
เป็นสาเหตอุันดับ2ที่ทำาให้คนทั่วโลกตาบอด
ปัจจุบันนี้
ยังไม่มีวิธีรักษา
บุคคลเหล่านี้
มีโอกาสเป็นโรคต้อหิน
ได้มากกว่าคนทั่วไป
ทุกๆคนมีโอกาสเป็นโรคต้อหินได้ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำาให้มีโอกาสเป็นโรคต้อหินมากขึ้นเช่นอายุ
และกรรมพันธุ์เป็นต้นแม้กระทั่งเด็กวัยรุ่นก็สามารถเป็นโรคนี้ได้
ผู้ที่อายุ40ขึ้น
ยา/ยาหยอดตา
โรคต้อหินนั้นยังไม่มีวิธีการรักษามีเพียงแต่ควบคุมไม่ให้ลุกลามมากขึ้นจากวันที่ตรวจพบ
ยิงแสงเลเซอร์ ผ่าตัด
คนกว่า150,000ในไทย
ตาบอดจากโรคต้อหิน
ผู้ที่เคยประสบอุติเหตุ
ทางตา
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
ผู้ที่มีประวัติ
ญาติเป็นโรคต้อหิน
ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์
เป็นประจำา
=5,000
ดังนั้นจึงควรพบจักษุแพทย์ตรวจตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งโดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงเพื่อที่จะ
ได้ทำาการรักษาตั้งแต่ระยะแรกๆเป็นการป้องกันตาบอดจากโรคต้อหินได้ดีที่สุด
ขอให้ทุกคน
มีสุขภาพสายตาที่ดี