25
ฉบับปิดภาคการศึกษา ๒๕๕๒

Sansanook March

Embed Size (px)

DESCRIPTION

Monthly Magazine of Sansanook School (Bangkok Waldorf School)

Citation preview

Page 1: Sansanook March

ฉบับปิดภาคการศึกษา ๒๕๕๒

Page 2: Sansanook March

สารแสนสนุก เป็นวารสารเล่มเล็กๆ ประจำารายเดือน จัดทำาโดย ชมรมผู้ปกครอง โรงเรียนแสนสนุกไตรทักษะ

ผู้ปกครองท่านใด มีเรื่องราวอยากร่วมสนุก แบ่งปันประสบการณ์ สามารถติดต่อได้ที่ พี่เอี้ยม ห้องธุรการหรือ e-mail : [email protected]

ถึงผู้อ่านสารแสนสนุก

ตั้งแต่เปิดภาคการศึกษา 2/2553 มา ผู้อ่านสารแสนสนุกหลายคนคงเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวสารแสนสนุก คือการเปลี่ยนเป็นสี โดยฉบับ

พฤศจิกายน 2552 เราเริ่มเปลี่ยนเป็นฉบับ หนึ่งสี อย่างที่เราเห็น(แต่ในภาษาโรงพิมพ์เรียกว่า 2 สี) แล้วสารแสนสนุกก็หายไป

ตามปรกติของการจัดทำาสารแสนสนุกนั้น เราจะจัดหน้ากระดาษกันเป็นภาพสี่สี แล้วนำามาพิมพ์เป็นขาวดำา แล้วนำาไปถ่ายเอกสาร ซึ่งทุกครั้งผู้จัดทำา

ก็จะรู้สึกว่าภาพต้นฉบับนั้นสวยมากเลยอยากตีพิมพ์เป็นฉบับสี่สีออกมา แต่การพิมพ์สี่สีต้นทุนในการผลิตสูงมาก เราเลยชิมลางกันที่ สองสีก่อน

ซึ่งราคาไม่ต่างกับการถ่ายเอกสาร สิ่งที่แตกต่างคือ สีที่เรามองเห็นในงานวาดภาพของเด็กที่เรานำามาประกอบในเล่มนั้นแตกต่าง เราเห็นน้ำาหนักของสีที่ต่างกัน

ได้อารมณ์ที่ต่างกันออกไป เราจึงเกิดความฮึกเฮิม อยากทำาฉบับสี่สีโดยอย่างน้อยได้สักปีละหนึ่งเล่ม และเนื่องจากต้นทุนที่สูง ในฉบับนี้

เราจึงขออนุญาตรวมเอาสามฉบับเป็นฉบับเดียว โดยนำาต้นทุนการผลิตที่มีมาใส่ไว้ในเล่มเดียวกัน จึงออกมาเป็น

สารแสนสนุกฉบับสี่สีฉบับแรกของโลก ^_^ 

การเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผู้อ่านก็มีทั้งชอบและไม่ชอบทางผู้จัดทำาก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมากกับทุกคำาแนะนำาที่ได้มอบให้

เมื่อได้อ่านสารแสนสนุกฉบับสี่สีจบแล้ว โปรดอย่าลืมแนะนำาคณะผู้จัดทำาด้วย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น เป็นธรรมดาที่เราจะยังไม่คุ้นชินกับสิ่งนั้น

อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน หรือใช้เวลาทำาความคุ้นเคยกัน แล้วเราก็จะมองเห็นข้อดีของสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ขอเพียงเปิดใจให้กัน

เราก็จะมีพื้นที่สำาหรับทุกสิ่งเสมอ

คณะผู้จัดทำา 

ฉบับปิดภาคการศึกษา ๒๕๕๒

เรื่องเล่าเบาสมอง ๔สัพเพเหระ ๙

เรื่องกระจิ๊ดสะกิดใจ ๑๐เรื่องเล่าเบาสมอง ๑๒เรื่องเล่าจากครูมัย ๑๔เรื่องเล่าจากครูต่อ ๑๖เรื่องเล่าจากครูอร ๑๗เรื่องเล่าจากอิ่มอุ่น ๑๘

เรื่องเล่าจากแสงตะวัน ๑๙เรื่องเล่าจากจันทร์ฉาย ๒๐

เรื่องเล่าจากจิตประภัสสร ๒๑เรื่องเล่าจากต้นกล้า ๒๒

เรื่องเล่าจากห้องความรัก ๒๓เรื่องเล่าชาวประถม ๒๔

เรื่องเล่าชาวมัธยมหนึ่ง ๓๔เก็บมาฝาก ๓๕

กิจกรรมแสนสนุก ๓๙บอกต่อ ๔๒

เรื่องเล่าก่อนปิดเทอม ๔๖

2 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 3

Page 3: Sansanook March

นมัสเต ตอนที่ ๒

ตอน รปภ. จากสนามบิน เราใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในรถตู้ที่ดูแปลกตา สำาหรับฉันรูปร่างของมันเกือบจะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมจัตุรัส ภายในบุด้วยผ้ากำามะหยี่สีน้ำาตาล ทางฝั่งซ้ายเป็นเก้าอี้เดี่ยว ส่วนทางฝั่งขวาเป็นเก้าอี้คู่ มีพัดลมตัวเล็กๆติดอยู่บริเวณที่ว่างข้างๆหน้าต่างของที่นั่งในทุกๆ แถว ฉันนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่สองทางฝั่งซ้ายทันที

ฟ้ามืดลงแล้วแต่อากาศยังคงอบอ้าว คนขับเริ่มเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราพ้นจากเขตการจราจรคับคั่ง ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นตึกบ้าง บ้านบ้าง สลับกับที่รกร้างว่างเปล่า โดยมีกองขยะกับคนพื้นเมืองที่นอนอยู่ตามทางเท้าเป็นฉากประกอบ เกาะกลางถนนเป็นก้อนปูนทรงสี่เหลี่ยมๆสูงประมาณเมตรเศษ วางกระจัดกระจายไปทั่ว ทันใดนั้น! สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคนขับกระชากพวงมาลัยไปทางขวา พารถพุ่งทะยานผ่านเกาะกลางถนนนั่นไปด้วย

ความเร็วสูง พระเจ้า! สามสาวที่อยู่แถวแรกข้างหน้าฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่คุณคนขับหน้าแขกตัวเล็กผิวดำานั่นยังคงเหยียบคันเร่งต่อไปบนถนนอีกฝั่ง แล้วลูกกระตาของฉันก็เกือบจะกระเด็นออกมานอกเบ้าตาเมื่อเหลือบไปเห็นแสงไฟหน้ารถบรรทุกฝั่งตรงข้ามส่องมาพร้อมกับเสียงบีบแตรดังยาวเหยียด

โดยไม่ต้องซักซ้อมพวกเราส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมเพรียงกัน คุณคนขับหน้าแขกหักซ้ายอย่างแรงพุ่งผ่านเกาะกลางอีกครั้งกลับไปยังถนนฝั่งเดิม รถบรรทุกเมื่อครู่แทบจะวิ่งสวนเราไปใน ๕ หรือ ๖ วินาทีถัดมา

ฉันค่อยๆ คลายคิ้วที่ขมวดออก พร้อมกับเตือนตัวเองให้หายใจอย่างถูกวิธี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรายังคงมุ่งไปในความมืด หลายคนหลับไปแล้วแต่ฉันยังไม่อยากหลับและหวังว่าคนขับจะรู้สึกเช่นเดียวกัน นาฬิกาบอกเวลาตี

สองตามเวลาท้องถิ่น ที่จริงเราน่าจะถึงตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วตามกำาหนด แต่จะทำาอะไรได้ล่ะ........ รถหยุดอยู่กับที่สักพักใหญ่ๆแล้ว ฉันดึงหลังตัวเองออกจากเบาะแล้วก็ชะเง้อดูรอบนอก เห็นคนขับรถคุยอยู่กับชายสามคนทางด้านนอกไม่ไกลจากตัวรถ แล้วฉันก็เหลือบเห็นป้ายอัชรัมศรีดรายานันดา ในที่สุดก็ถึงที่หมาย ฉันกวาดตามองเพื่อนร่วมทาง หลายคนยังคงหลับอยู่จนกระทั่งคนขับรถเดินมากระชากประตูรถบานใหญ่ให้เลื่อนออก จากนั้นก็รัวภาษาพื้นเมืองที่ฉันไม่อาจเข้าใจ แต่ด้วยภาษากายของเขาบอกฉันว่าลงจากรถได้แล้ว

ด้วยความเต็มใจฉันก้าวลงจากรถไปเป็นคนแรกพบเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่ คนหนึ่งสวมชุดซาฟารีสีกากีอีกคนสวมชุดซาฟารีสีเขียวหม่น พวกเขาดูคล้ายกัน หน้าตาตามแบบฉบับคนพื้นเมือง ตัวโตและลงพุงนิดๆ ไว้หนวดไว้เคราด้วยกันทั้งคู่ จะผิดกันชัดเจนก็ตรงที่คนหนึ่งผมดำาคนหนึ่งผมขาวส่วนเจ้าหน้าที่คนที่สามยืนห่างออกไปไม่ไกลนักเขาสวมเสื้อยืดสีขาวกระชับตัวกับกางเกงขาสั้น ผิวสีน้ำาผึ้ง หน้าตาดี สูงประมาณ ๑๖๕ ซม.หรือมากกว่านั้น

นิดหน่อย ฉันเดินผ่านพวกเขาไปยังหลังรถเพื่อรอรับกระเป๋าโดยไม่ได้พูดอะไรเลย ฉันคิดในใจว่า รปภ. เยอะดี

กระเป๋าสัมภาระมากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นโดยมีเจ้าของของมันยืนกำากับอยู่ รปภ. หน้าตาดีพูดอะไรซักอย่างเป็นภาษาอังกฤษ สมองของฉันยังคงใช้การอะไรไม่ได้ภายในว่างเปล่า ฉันเพียงแต่ยืนและหายใจอยู่ก็เท่านั้น จนกระทั่ง รปภ.คนเดิมนั่นถามพวกเราว่า “จะเข้าห้องฝึกโยคะตามกำาหนดการเดิมคือ ๐๖.๓๐ น. ใช่หรือไม่” สมองของฉันกระตุกให้ปากทำางานทันที “NO!” แปลว่าไม่และมันคือคำาตอบสุดท้าย ท่ามกลางความเงียบ ฉันคิดในใจว่า นั่นมันฆ่ากันชัดๆ..... ครู่ต่อมาหลายคนเริ่มพยักหน้างึกงัก รปภ.คนเดิมถามต่อว่า “กี่โมงดี”พี่หญิงหัวหน้าคณะเราตอบไปว่า“ขอเป็นแปดโมงเช้าแล้วกันค่ะ”เขาพยักหน้ารับแล้วเดินนำาเราเข้าที่พักทันที

อันที่จริงฉันก็ไม่รู้ว่าจะรอแปดโมงเช้าไปทำาไม ฉันยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี เพื่อนร่วมห้องของฉันหลับสนิทอยู่อีกเตียงข้างๆ เธอชื่อเบน หน้าตาหน้ารัก

4 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 5

Page 4: Sansanook March

เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่ตัวเล็กกระทัดรัดในแบบพกพาสะดวก เธอเคยเล่าว่าแม่ของเธอเลี้ยงเธอด้วยนมข้นหวานตามะลิเธอเลยไม่ค่อยโต ฉันทนนอนต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุดฝึกแล้วออกจากห้องไป เป็นปกติที่ว่ากองทัพเดินด้วยท้อง แต่ไม่ใช่สำาหรับที่นี่ คุณต้องฝึกโยคะในตอนเช้าเป็นเวลา ๒ ชั่วโมง ก่อนทานอาหารเช้า ดังนั้นฉันจึงเดินผ่านโรงอาหารไปหยุดอยู่ที่โบสถ์ริมแม่น้ำาคงคา ภายในโบสถ์มีพระและพราหมณ์กำาลังนำาสวดมนต์ เสียงสวดดังผสานกับเสียงน้ำาเชี่ยวกราดเบื้องล่าง เบื้องหน้าเป็นภูเขาสูงตระหง่านระฟ้าชื่อ “หิมาลัย” ภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ แซมด้วยเมฆหมอกขาวปุกปุย ฉันหยุดอยู่กับที่..............มันสวยเหลือเชื่อ

พวกเราพร้อมแล้วที่ห้องฝึกทุกคนอยู่บนอาสนะ (MAT) ของตัวเอง ที่ห้องไม่ได้มีแต่พวกเราคนไทยแต่มีคนอื่นๆอีกมากมายที่เดินทางมาจากต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูสอนโยคะ แล้วรปภ.คนเดิมที่พูดคุยกับพวกเราเมื่อคืนก็เดินเข้ามาในห้อง เขาสวมเสื้อยืดสี

ขาวคนละตัวกับเมื่อคืน กางเกงขาสั้นเหมือนเดิม เขาเดินผ่านพวกเราไปยังหลังห้องด้วยท่วงท่าสง่างาม แขนขาของเขาทำาให้ฉันนึกถึงพวกนักกีฬาทีมชาติ เขาน่าจะไปทำาอาชีพอื่น ทหารตำารวจหรือไม่ก็น่าจะลองไปเทสหน้ากล้องดู ไม่รู้ทำาไมทุกคนเงียบนัก แล้ว รปภ.นั่นก็เดินกลับมา เขาหยุดอยู่กลางห้อง หันหน้ามากวาดตามองเราทุกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยกับท่ายืนอวดแผงอกโดยเอามือไพล่หลังไว้ ฉันรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขานั่งลงตรงอาสนะกลางห้องและเริ่มต้นออกคำาสั่ง เราเริ่มต้นวันด้วยการสวดมนต์ ทำาสมาธิ และฝึกโยคะก่อนปิดท้ายการฝึกครึ่งแรกด้วยปราณยมะ (การฝึกหายใจในแบบต่างๆ เพื่อทำาให้ภายในร่างกายเกิดความสมดุล) จากนั้นก็แยกย้ายไปรับประทานอาหารเช้าและเข้าชั้นเรียนภาษาสันสกฤตกับผู้ทรงศีลหรือพระที่คนพื้นเมืองเรียกว่า “สวามิ”การนุ่งห่มของพระที่นั่นเหมือนกับพระของเรา ภารกิจก็ใกล้เคียงกัน แต่ที่ฉันเห็นแตกต่างก็ตรงสวามิสามารถเปลี่ยนจีวรมาสวมใส่ชุดฝึกโยคะได้ ผู้หญิงควรระวังไม่ถูกต้องตัวสวามิ ซึ่งนั่นหมายถึงผู้หญิงถูกตัวพระได้

แต่ไม่ควรเท่านั้นจากที่คนครัวที่นั่นพยายามอธิบายให้ฉันฟัง และที่แปลกก็คือผู้ที่จะเป็นสวามิได้ต้องมีฐานะดีเท่านั้น แต่อย่าถามว่าทำาไมนะ เพราะฉันก็รู้เท่านั้นแหละด้วยขีดจำากัดทางภาษา เมื่อจบช่วงเรียนภาษาสันสกฤตก็เป็นช่วงพักกลางวันอันยาวนานไปถึงบ่ายสามโมง มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และเมื่อบ่ายสามโมงตรงเป๊ะเราจะรวมกันอยู่ที่โรงอาหารเพื่อดื่มชาร้อนผสมนมควาย อร่อยดี แต่ฉันดื่มอยู่ ๒ วันก็เลิก ควักเอากาแฟซองที่ติดตัวไปมาชงดื่มแทน อ้อ! ที่เมืองนั้นไม่มีกาแฟขาย คนที่นั่นว่ากาแฟเป็นสิ่งเสพติด ฉันเห็นด้วยทันที และยังแนะนำาพวกเขาว่าถ้าไม่เชื่อลองเอาไปชงกินดู

พวกเขาหัวเราะร่วนก่อนจะหยิบกาแฟไปคนละซองสองซอง ฉันเห็นมาสเตอร์มองฉันด้วยหางตา พี่น้ำาเพื่อนสนิทของฉันก็เห็นเช่นกัน ฉันบอกเธอว่ามาสเตอร์คงอยากได้กาแฟบ้าง เธอหัวเราะร่วน พี่น้ำาเป็นสถาปนิก เธอเป็นคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ ตอนเล็กเธอเรียนที่สิงคโปร์ ก่อนจะไปจบสถาปัตย์ที่ฝรั่งเศษและสุดท้ายเธอจบโทเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็กที่

แคนาดา เธอสนใจเรื่องการศึกษาของเด็กและเคยเป็นครูฝึกสอนใน ร.ร.แบบมอนเตสเซอรี่ เธอชอบพูดถึงการศึกษาแบบมอนเตสเซอรี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอเคยบอกว่าวอร์ดอร์ฟพัฒนามาจากมอนเตสเซอรี่ แต่ฉันไม่เชื่อ อย่างไรก็ดีไฮโซอย่างเธอก็เข้ากันได้ดีกับโซโซอย่างฉัน

หลังเวลาน้ำาชาเราจะไปรวมกันที่ห้องประชุมเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ รวมทั้งถามคำาถามที่ต้องการคำาตอบจากมาสเตอร์และผู้ช่วยของเขา เอมิลี่ กับ อาเมต ห้าโมงเย็นพวกเราก็จะเริ่มฝึกโยคะอีกครั้ง มันหนักกว่าช่วงเช้า เราเหมือนกองทหารที่กำาลังถูกฝึกอย่างหนัก ระเบียบวินัยเป็นสิ่งสำาคัญในห้องฝึก ตาดู หูฟัง หุบปากไว้และทำาอย่างดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วมาสเตอร์จะเข้ามาช่วยทำาให้ดีกว่าเดิมและเชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากหรอก

สิบเก้านาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นเป็นเวลาอาหารเย็นซึ่งฉันปฎิเสธตั้งแต่วันที่สองของการอาศัยอยู่ที่วัดนั่น มันง่ายกว่าสำาหรับฉัน สองมื้อต่อวันก็พอแล้วสำาหรับอาหารที่นั่น มันเป็นอาหารเพื่อสุขภาพปรุงด้วยเครื่องเทศและ

6 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 7

Page 5: Sansanook March

สมุนไพร มีรสชาติตามธรรมชาติที่มันควรจะเป็น! บางมื้อในถาดของฉันมีแต่ข้าวเปล่ากับผักต้ม และเกลือป่นเป็นเครื่องปรุงของที่นั่น และในบางมื้อฉันก็ทำาตัวคล้ายๆ กับช้างที่กินกล้วยครั้งละมากๆ ถ้าโชคดีคุณก็จะได้แอปเปิ้ลกับมะละกอที่ยังไม่เละ

ฉันเคยถามอาเมตว่าอาหารอร่อยมั้ย ขณะที่ดูเขากวาดมันเข้าปากด้วยมือ เขาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะลอยหน้าลอยตาตอบว่า “ไม่อร่อย” ฉันย่นคิ้วใส่ “อยากรู้ไหมว่าทำาไมมันไม่อร่อยไปกว่านี้” เขาถามก่อนที่จะเริ่มอธิบาย การฆ่ารสชาติเป็นการตัดกิเลสอย่างหนึ่ง เป็นการฝึกตน ทำาให้กิเลสเบาบางลงและดีที่สุดสำาหรับสุขภาพ ฉันว่า “You are what you eat” เขาพยักหน้ารับ

หลังอาหารเย็นจะมีการแสดงดนตรีสัตสังคีต โดยนักร้องและนักดนตรีชาวพื้นเมือง พวกเขาขับร้องเพลงพื้นเมืองร่วมกับกลองแบบโบราณที่ใช้มือตี ๒-๓ ตัวและหีบเพลง บางคืนก็เป็นการบรรยายปรัชญาโยคะ

โดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยโยคะที่มีชื่อเสียงของที่นั่น และแยกย้ายกันกลับห้องนอนตอนสี่ทุ่ม ทุกอย่างเป็นอยู่อย่างนั้นทุกวันซ้ำาแล้วซ้ำาเล่าจนฉันเริ่มเข้าใจความสำาคัญบางอย่างที่ต้องการการทำาซ้ำา ฉันรู้สึกได้ด้วยตัวเอง ฉันเข้าใจมันอย่างแท้จริงจากมุมมองของฉันเอง ฉันพัฒนาขึ้นจากการทำาซ้ำา และรู้สึกมั่นคงแล้วปลอดภัยกับจังหวะเวลาที่แน่นอน................

ประสบการณ์ชีวิตเพียงไม่กี่วันที่นั่นให้อะไรกับฉันมากมายเกินกว่าที่จะบรรยายได้หมด การเดินทางมีคุณค่าเสมอ ขอบคุณสามีที่สั่งให้ไป ขอบคุณคุณยายสำาหรับอาหารเย็นของเด็กๆ ขอบคุณพี่เอี้ยมที่ให้พวกเรามีที่ฝึกโยคะ และสุดท้ายขอขอบคุณคุณครูและเพื่อนๆ ผู้ปกครองที่เสี่ยงชีวิตมาเป็นลูกศิษย์ฉันและทำาให้ฉันได้มีโอกาสพัฒนาขึ้น………….

จบแลว้นะคะ แม่แอ๊นท์

มาตามคำาเรียกร้องของเด็กๆว่า สปาเก็ตตี้ของพี่นวลอร่อยๆ แม่ๆ ทั้งหลายทำาอย่างไรก็ไม่ถูกใจเด็กๆ (โดยเฉพาะอนุบาล) วันนี้เรามีสปาเก็ตตี้สูตรพี่นวลมานำาเสนอ ทำาแล้วก็บอกลูกได้เลยว่าสูตรพี่นวลมาเอง

เครื่องปรุง ๑) เส้นสปาเก็ตตี้

ซอส ๑) เกลือ ๒) น้ำาตาลทรายไม่ขัดสี ๓) ซอสมะเขือเทศ (King Kitchen + Heinz 1:1) ๔) ซอสภูเขาทองฝาเขียว ๕) ออการิโน่ ๖) น้ำามันพืช ๗) มะเขือเทศหั่นลูกเต๋า ๘) หอมใหญ่หั่นลูกเต๋า ๙) แครอทหั่นลูกเต๋า ๑๐) เต้าหู้แข็ง (ขาว) หั่นลูกเต๋า

วิธีทำ� ๑) การต้มสปาเก็ตตี้ (สูตรพี่นวล แช่เส้นในน้ำาเย็นจนนิ่ม แล้วนำาไปต้มในน้ำาเดือดเหยาะเกลือนิดหน่อย พอเส้นสุกตักขึ้นล้างด้วยน้ำาเย็น พักเส้นไว้ ๒) ตั้งกระทะใส่น้ำามันนิดหน่อย ผัดกับหอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ โรยออริกาโน่พอให้ได้กลิ่น เติมน้ำาซุปต้มให้สุก ตามด้วยเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ ชิมรสตามใจชอบ

สปาเก็ตตี้สูตรพี่นวล

8 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 9

Page 6: Sansanook March

“กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต”

เรื่องกระจิ๊ดฯ ฉบับนี้เราจะมาพูดถึงกองทุนที่มีในโรงเรียนกันต่อ นั่นก็คือ “กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต” ซึ่งเป็น ๑ ใน ๓ กองทุนที่อยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการการเงินและพัฒนาโรงเรียนแสนสนุกไตรทักษะ

กองทุนนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ครูและบุคลากรของโรงเรียนฯ ได้กู้ยืมเงินไปใช้ในเรื่องจำาเป็นของชีวิต อีกทั้งเป็นการเปิดให้สมาชิกในชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลครูและบุคลากร โดยได้รับเงินลงทุนก้อนแรกจากคุณป้าอุษา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากนั้นตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๑ เป็นต้นมาเงินร้อยละ ๕๐ ของค่าพัฒนาวิชาการ เฉพาะของนักเรียนเข้าใหม่จะถูกนำาเข้าสมทบกองทุนนี้ และที่มาสุดท้ายของเงินกองทุนนี้ คือ เงินที่ได้จากการบริจาคแต่กองทุนนี้ก็ได้กำาหนดวัตถุประสงค์

ของเรื่องจำาเป็นในชีวิตที่จะสามารถยื่นขอกู้ได้ไว้ ๔ หัวข้อ คือ • เพื่อที่อยู่อาศัย• เพื่อการศึกษาการพัฒนาตนเองของครู• เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต เช่น การรักษาพยาบาลที่เบิกไม่ได้• เพื่อช่วยเหลือความเดือดร้อนของบุคลากรในโรงเรียนรวมถึงบุพการีของบุคลากรในโรงเรียนทั้งนี้ครูและบุคลากรที่จะมีสิทธิ์กู้ยืมได้จะต้องผ่านการประเมินการทำางานและมีอายุการทำางาน ๑ ปีขึ้นไป

หลักเกณฑ์การกู้ยืมมีอยู่ว่า• ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท/คน กู้ได้เพียงสัญญาเดียว• เงินผ่อนชำาระรายเดือนไม่ต่ำากว่า ๒๐% ของเงินเดือน • ระยะเวลาการผ่อนชำาระไม่เกิน ๑๐ ปีอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ ๑% ต่อปี หากผิดนัดชำาระ จะถูกปรับเป็นอัตรา ๗.๕% ต่อปี ของยอดค้างชำาระทั้งหมด• ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนกู้ยืมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต กรณีพ้นสภาพการเป็นบุคลากรของโรงเรียนก่อนครบกำาหนดผ่อนชำาระต้องชำาระคืนส่วนที่เหลือทั้งหมดทันทีและยินยอมให้หักเงินเดือนและรายได้อื่นที่จะได้รับจากโรงเรียนทั้งหมด

• มีบุคคลค้ำาประกันที่เป็นบุคลากรของโรงเรียน ๒ คน ให้เป็นบุคคลค้ำาประกันลำาดับที่ ๑ และ ๒ สามารถค้ำาประกันได้ไม่เกิน ๕ เท่าของเงินเดือนของตนเอง ถ้าวงเงินกู้สูงกว่าวงเงินค้ำาประกันของผู้ค้ำา ๒ คนรวมกันแล้วจะต้องมีผู้ค้ำาประกันเพิ่มที่เป็นสามีภรรยา หรือ พ่อแม่พี่น้องท้องเดียวกันของผู้กู้ หรือเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในเงินกู้จำานวนนั้นด้วย ในที่นี้ให้เป็นบุคคลค้ำาประกันลำาดับที่ ๓ • ผู้ค้ำาประกันจะต้องอยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการกองทุน • การติดตามชำาระหนี้ ให้นำาเงินต้นที่มีการชำาระแล้วหักออกจากยอดเงินค้ำาประกันของผู้ค้ำาคนที่ ๑ และ ๒ คงเหลือเท่าใดให้นำามาแบ่งหักเท่ากัน ที่เหลือให้ติดตามกับผู้ค้ำาประกันคนที่ ๓ • ผู้ขอกู้ต้องส่งเอกสารขอกู้บอกเหตุผลและความจำาเป็นพร้อมเอกสารประกอบที่เลขานุการเพื่อนำามาพิจารณา

จบเรื่องของกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตเพียงเท่านี้ ฉบับหน้าเราจะมาพูดถึงกองทุนสุดท้ายของโรงเรียน นั่นคือ กองทุนสำารองเลี้ยงชีพ สวัสดีค่ะ

10 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 11

Page 7: Sansanook March

วันคริสต์มาส...ดูจะไม่ค่อยเกี่ยวกับคนไทยชาวพุทธสักเท่าไหร่ แต่ในเมืองไทยเราตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก็จะมีการประดับประดาตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสและแสงไฟอย่างสวยงาม บางแห่งตกแต่งได้อลังการกว่าคริสต์จักรเสียอีก ด้วยความที่เป็นคริสเตียนตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเรียนในโรงเรียนคริสต์มาตลอด จึงมักถูกถามถึงความประทับใจในวันคริสต์มาสเสมอ  เมื่อนึกย้อนกลับไปในวัยเด็ก งานฉลองเทศกาลคริสต์มาสถือเป็นงานใหญ่ประจำาปีของโรงเรียนทีเดียว มีการจัดเตรียมงานตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม โดยเริ่มตกแต่งต้นสนขนาดใหญ่ของโรงเรียน เตรียมงานแสดงของเด็กๆและของขวัญมากมาย เด็กๆ ก็จะรู้ว่าคริสต์มาสใกล้มาถึงแล้ว จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากโรงเรียนแสนสนุกฯของเราที่เห็นถึงความสำาคัญของเทศกาลตาม

ฤดูกาลต่างๆ ว่าเป็นการนำาจังหวะแห่งฤดูกาลมาสู่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลลอยกระทงที่เพิ่งผ่านไป วันเข้าพรรษา  หรือวันสงกรานต์ เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้เป็นลักษณะของจังหวะในรอบปีของเด็ก เป็นเสมือนสิ่งเชื่อมโยงเด็กกับธรรมชาติรอบตัว การที่เด็กได้เห็นการเตรียมงานก่อนเข้าสู่เทศกาลต่างๆ ทำาให้เด็กเต็มไปด้วยความทรงจำาซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจแก่เด็กว่า เวลาพิเศษเหล่านี้จะหมุนเวียนกลับมาอีกครั้ง ถือเป็นความโชคดีของลูกๆ เราที่ทางโรงเรียนเห็นความสำาคัญ และจัดเตรียมงานอย่างต่อเนื่องมาตลอดเทศกาลคริสต์มาสจัดเป็นเทศกาลสำาคัญ สำาหรับคริสเตียน ที่บ้านของเราก็จะเริ่มตกแต่งต้นคริสต์มาสขนาดสูง ๒ เมตรพร้อมเครื่องประดับประดาครบชุด ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ความประทับใจเป็นพิเศษเริ่มเมื่อปลายปีที่แล้วที่ลูกๆ ทั้งสองมีส่วนช่วยมากกว่าทุกครั้ง โดย

พวกเขาจะเอาเกลียวเชือกหลากสีที่ทำาเอง ตุ๊กตาผ้าที่ได้จากคุณครูบ้าง เชือกเส้นยาวที่เขาถักเองกับมือบ้าง ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติเกือบทุกอย่างถูกแขวนบนต้นคริสต์มาสทั้งหมด และยังมีถุงเท้าที่พวกเขาเชื่อว่าซานตาครอสจะเอาของขวัญมาใส่ให้ ต้นคริสต์มาสของเราจึงออกมาในสไตล์วอลดอร์ฟ ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อเพื่อนบ้านของเรามาเห็นถึงกับทำาหน้างงๆ.... มาปีนี้วันคริสต์มาสกำาลังจะมาถึง ของเล่นที่มีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเห็นจะเป็นตุ๊กตานิตติ้งรูปสัตว์ต่างๆ ที่กลุ่มคุณแม่มาร่วมกันทำามากมายมีทั้งเป็ด ไก่ หมู ม้า สิงโต แกะ...ทั้งหมดคงต้องถูกประดับอยู่บนต้นคริสต์มาสของเราอย่างไม่ต้องสงสัย จะว่าไปอันที่จริงซานตาครอสไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์แต่อย่างใด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งว่ากันว่าซานตาครอสคนแรกคือ เซนต์นิโคลัสเป็นสังฆราชที่มีชีวิตอยู่ใน ค.ศ.๔๐๐ ท่านได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี เซนต์นิโคลัสเป็นนักบุญ ที่

ชาวฮอลแลนด์นับถือว่า เป็นผู้อุปถัมภ์เด็ก พวกเขาจึงรักษาประเพณีการฉลองนักบุญนิโคลัสไว้เรื่อยมา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างคือ ชื่อนักบุญก็เปลี่ยนเป็นซานตาครอส และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็เป็นชายแก่อ้วนใส่ชุดแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะ และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในคืนก่อนวันคริสต์มาส เพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามพฤติกรรมของเขา ถึงแม้ว่าซานตาครอสเป็นเพียงตำานาน แต่ก็มีบทบาทสำาคัญ ในการสร้างความผูกพันกับเด็กๆ ในแต่ละครอบครัว เด็กๆ จะได้รับการบอกเล่าว่า คุณตาใจดีจะมาที่บ้านในกลางดึก เพื่อเอาของขวัญมาให้ เป็นโอกาสที่พ่อแม่จะทำาให้เด็กๆ ได้ตื่นเต้นสนุกสนาน เพราะจริงๆ แล้วคุณตาที่เอาของมาให้ก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเด็กนั่นเอง  เรื่องราวในลักษณะดังกล่าวนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีที่พ่อแม่จะใช้ เพื่อกล่อมเกลาให้ลูกๆ มีความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนและสัตว์ จนกลายเป็นนิสัยติดตัวต่อไปขอให้มีความสุขในวันคริสต์มาสค่ะ แม่ลู้ค-เลอา

MerryChristmas

12 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 13

Page 8: Sansanook March

วง SSO หรือ Sunrise String Orchestra เป็นวงที่ก่อตั้งขึ้น โดยครูดนตรีกลุ่มหนึ่ง (ครูมิกะ ของเราก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยค่ะ) ซึ่งอยากให้เด็กๆ ได้พัฒนาฝีมือในการเล่นเป็นวงดนตรีร่วมกัน ซึ่งการเล่นที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักในดนตรี ความตั้งใจ ความพยายาม และ ความมีวินัยในการฝึกซ้อม ทำาให้ดนตรีที่ออกมา มีความไพเราะ และอบอุ่น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำาไม วง SSO จึงสามารถ ดำารงอยู่และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่า ไม่เพียงแต่กลุ่มครูดนตรี และสมาชิกของวงเท่านั้น แต่รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ให้ใช้สถานที่ในการฝึกซ้อม ผู้ดูแลเรื่องงบประมาณ ผู้ทำาหน้าที่เรียบเรียงเสียงประสาน ทุกๆคนช่วยกันอย่างแข็งขันอย่าง เต็มที่ จึงทำาให้วงก้าวต่อไปได้ อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายท่านกำาลังตั้งคำาถามว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับโรงเรียนเราล่ะ” คำาตอบก็คือ มีความเกี่ยวข้องแน่นอนค่ะ อย่างแรก ครูมิกะ ของเรา เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวง ข้อที่สอง ผู้ที่เรียบเรียงเสียงประสานดนตรีสำาหรับวงนี้ ก็คือ ครูเมิร์ฟ ครูสอน รีคอร์ดเดอร์ ของเรา ข้อที่สาม คุณป้าอุษา เป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่ให้ใช้ โรงเรียน เป็นสถานที่ฝึกซ้อมของวง ทุกวันอาทิตย์ค่ะ เริ่มเห็นความเกี่ยวข้องหรือยังคะ นอกจากนั้น พี่ๆ

ชั้น ป.๕ ป.๖ และ ม.๑ หลายคน ก็เป็นสมาชิกวงนี้ด้วย นี่ยังไม่รวม พี่ๆ ศิษย์เก่าไตรทักษะอีกหลายคนเลยนะส่วนที่ไม่เกี่ยวกับวงนี้เลย ก็คือครูมัยเองแหละ ครูมัยเป็นแฟนเพลงที่จะติดตามชมผลงานของวงนี้ไปเรื่อยๆเท่านั้น แต่ครูโชคที่เป็นผู้อำานวยเพลงของวง ได้ฟังชื่อเสียงของการร้องเพลงของเด็กๆโรงเรียนเรา (จากครูมิกะและครูเมิร์ฟ..ชัวร์) ก็เลยโทรมาหาครูมัย เชิญให้เด็กๆ ไปแสดงร้องเพลงประสานเสียงร่วมกับวง ทั้งครูโชค ครูมัย และครูเมิร์ฟ คุยกันอยู่หลายรอบ และท้ายสุดก็ตกลงว่า เราจะร้องเพลงที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ได้หัดร้องกันอยู่แล้วในตอนเรียนวิชาขับร้องกับครูมัย มีหัดเพลงใหม่อยู่ไม่กี่เพลง ครูมัยก็ตกลง แต่จะหนักหน่อยที่พี่ ป.๔ เพราะ พี่เขาเพิ่งจะเรียนการร้องประสานเสียงจริงๆ ได้ ประมาณ ๖ เดือน ฉะนั้น ก็ต้องหัดเพลงใหม่หลายเพลง ไม่เหมือนพี่ที่ชั้นโตกว่า เพราะได้ร้องเพลงเหล่านี้มา ๒-๓ ปีแล้ว แต่พี่ๆ ป.๔ ก็ตั้งใจกันมาก จึงสามารถหัดเพลงได้ทันพี่ๆ ทุกเพลง เราออกแสดง Winter Concert ๒๐๐๙ ร่วมกับวง SSO ในฐานะ “คณะนักร้องประสานเสียง โรงเรียนแสนสนุก

ไตรทักษะ” ที่หอประชุม Khunying Sumanee Memorial Hallโรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury International School เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ เด็กๆ ร้องเพลงกันได้ดีมาก ครูมัยภูมิใจจนแทบจะลอยได้เลยค่ะ เราร้องกันทั้งหมด ๖ เพลง เพลงที่ประทับใจคนดูมากที่สุด น่าจะเป็นเพลง “ช้าง” เพราะครูเมิร์ฟได้เรียบเรียงเสียงประสานเพลงนี้ให้มีสีสัน โดยให้เด็กๆ ตบมือ-ย่ำาเท้า เป็นจังหวะ ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่า จะเอาเพลง Make A Song For My Heart To Sing เป็น เพลง อองกอร์ (หมายถึงเพลงแถม ที่ผู้แสดงจะแสดงอีกครั้งเมื่อผู้ชมปรบมือให้เป็นเวลานาน) แต่พอออกแสดง ครูโชคถึงได้รู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีสีสันจริงๆ ก็เลยเปลี่ยนใจ เอาเพลง “ช้าง” แทน เปลี่ยนบนเวทีนั่นเลยค่ะ ขอกระซิบเล่าว่า ในตอนซ้อม เราซ้อมกันบนห้องประชุม ชั้น ๔ เด็กๆไม่ได้ใส่รองเท้า และพื้นก็ ปูพรม การย่ำาเท้าเป็นจังหวะจึงไม่ค่อยชัดเจน ครูโชคค่อนข้างกังวลจุดนี้ทีเดียว แต่ครูมัยยืนยันว่ามันจะดีขึ้นเมื่อเด็กๆใส่รองเท้า และไม่ได้ย่ำาอยู่บนพรม เด็กๆ ไม่รู้หรอกนะว่า คนที่มาฟัง

การแสดงครั้งนี้ มีใครบ้าง แต่ที่น่าจะรู้กันแล้ว ก็คือ ประธานในการแสดง ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นอกจากนั้นก็มีครูดนตรีที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น “อาจารย์ปู่” อ.ชูชาติ พิทักษากร ที่มาแสดงการเดี่ยววิโอลา อ.สุดา พนมยงค์ ที่มาแสดงการเดี่ยวเปียโน และในที่นั่งผู้ชม ก็มี อ.ดุษฏี พนมยงค์ อาจารย์สอนร้องเพลงที่มีอาวุโสและชื่อเสียงมาก และยังมี อ.จามร ศุภผล อาจารย์สอนวิชาเปียโน ของมหาวิทยาลัย ศิลปากร และอีกหลายๆท่าน ที่พอครูมัยได้พบก่อนเด็กๆ จะแสดง ก็รู้สึกหวั่นๆเหมือนกัน ว่าเด็กๆ จะทำาได้ดีหรือไม่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ดีมาก เป็นที่ประทับใจของผู้ชมทุกท่านค่ะ ครูมัย ขอบคุณเด็กๆ ทุกคนที่ร่วมร้องเพลงไปด้วยกัน และขอบคุณผู้ที่คอยเป็นกำาลังใจให้ด้วยค่ะ การออกแสดงสู่สาธารณะชนครั้งแรกของเด็กๆ เป็นการแสดงที่มีความหมายกับทั้งครูมัยและเด็กๆมาก คณะนักร้องประสานเสียงหลายคณะ ทั้งคณะที่เป็นผู้ใหญ่ และคณะที่เป็นรุ่นเยาว์ มีไม่กี่คณะที่มีโอกาสร้องกับวงออร์เคสตรา นะคะ แต่การแสดงครั้งแรกของเรา ก็ได้ออกแสดงกับวงออร์เคสตราเลย (เท่ห์จริงๆ) สิ่งสำาคัญที่สุดที่เราได้รับจากการแสดงครั้งนี้ คือความรู้สึกที่ว่า เสียงของเรา สามารถนำาความสุขมาสู่คนฟังได้ความภูมิใจ ความประทับใจกับการเป็น ผู้แสดง เป็นผู้ให้ความสุขแก่ผู้ฟัง ทุกๆคน จะช่วยทำาให้เด็กๆ เติบโตขึ้นอย่างภาคภูมิ ครูมัย

14 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 15

Page 9: Sansanook March

...ดวงด�วเจ้�เฝ้�มอง จ�กสวรรค์เบื้องบน ย�มเด็กน้อยก้�วเดินลงม�ยังโลก เทพคุ้มครองช่วยเจ้� เพื่อให้ในโลกนี้ ดวงใจของเด็กน้อย สว่�งดั่งดวงด�ว...

น่ามหัศจรรย์ใจ เมื่อนึกขึ้นมาว่า เด็กชาย ๒ คน ที่มีจิตวิญญาณต่างกันเกิดมีใจตรงกัน เลือกมาเกิดกับพ่อแม่คู่หนึ่งพร้อมกัน แต่ไม่ใช่ธรรมดาเลยสำาหรับแม่ที่อุ้มท้องแรก ซึ่งก็คงตื่นเต้นไม่ต่างจากคุณแม่ทุกคนที่รู้ว่ากำาลังจะมีลูก แต่พอท้องได้ ๕ เดือน ผู้ปกครองและเพื่อนครูเริ่มทัก “ครูต่อ ทำาไมท้องใหญ่จัง ได้ลูกแฝดหรือเปล่า นับเดือนผิดหรือเปล่า” หลายเสียงมากจนพอถึงเดือนที่ ๖ คราวใดที่ครูต่อรู้สึกว่าท้องแข็งขึ้นมาพร้อมๆ กัน ๒ ข้าง ก็เริ่มคิด “เอ หรือเราจะมีลูกแฝด” แต่ผลอุลตร้าซาวด์ตอน ๕ เดือนบอกแค่ว่าครูต่อได้ลูกชายแข็งแรงดี ไม่ได้บอกว่าจะได้ลูกแฝดนี่ เดือนที่เจ็ด เมื่อย้ายโรงพยาบาลไปที่ศิริราช หลังจากอุลตร้าซาวด์อีกครั้งเพื่อยืนยันอายุครรภ์ จึงได้ทราบว่าจะได้ลูกแฝดชาย.....ช็อคเลยค่ะ....จริงหรือนี่ ตามมาด้วย โอย...จะไหวไหมนี่ ในท้องที่ใหญ่โตมีทารกชาย ๒ คนจริงๆ ด้วย ต้องปรับแผนใหม่หมด ใครจะช่วยเราดูแลนะ อีกหลายๆ เรื่องตามมาจนเริ่มวิตกจริต แต่ในที่สุดก็คิดตกว่า “เมื่อลูกไว้วางใจเลือกเราเป็นพ่อแม่กันแล้ว เราก็ต้องทำาหน้าที่ให้ดีที่สุด” คิดบวกต่อไปว่า ประสบการณ์เป็นครูอนุบาลดูแลเด็กๆ ๒๐ กว่าคนในห้องมาหลายปี คงจะช่วยให้ครูต่อสอบผ่านการเป็นแม่ที่ดีและมีความสุขไปด้วยได้ เช่นเดียวกับเมื่ออยู่กับเด็กๆ ในห้องแสงตะวันอย่างแน่นอน และกลับกันการเป็นแม่ของเจ้าหนูพร้อมกันทีเดียวสองคน คงจะทำาให้ความเป็นครูอนุบาลของครูต่อสมบูรณ์ขึ้นด้วยครูต่อขอใช้หน้ากระดาษนี้ขอบพระคุณชาวชุมชนแสนสนุกไตรทักษะสำาหรับกำาลังใจ ความเอื้อเฟื้อ และคำาแนะนำาดีๆ ที่มอบให้ด้วยค่ะ จาก ครูต่อ คุณแม่มือใหม่

คุณแม่มือใหม่ ฉบับที่แล้วครูเอ๊ะและครูอรได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการไปดูฟาร์มไส้เดือนและการทำาเกษตรอินทรีย์ หลังจากนั้นพี่แชมป์ ครูเอ๊ะ เด็กๆ และผู้ปกครองก็ได้ช่วยกันสร้างบ่อขึ้นมา ๒ บ่อ ในสนามเล็ก จากวันนั้นเราก็ตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะมีไส้เดือนมาอยู่เสียที ปกติดินตรงไหนอุดมสมบูรณ์มีเศษใบไม้เยอะๆและชื้นตรงนั้นก็จะเป็นที่ไส้เดือนชอบมาก กว่าเราจะเตรียมบ่อได้ดีสะอาดตามที่พี่แชมป์บอกก็ใช้เวลาร่วมเดือน และไม่นานมานี่เองที่พี่แชมป์ย้ายไส้เดือนสุดรักจากบ้านเก่ามายังโรงเรียนแสนสนุกไตรทักษะ พี่แชมป์ยังชี้แหล่งชุมนุมไส้เดือนที่สวนสาธารณะแถวคลองจั่นให้ด้วย เพื่อการเรียนรู้ของเด็กครูเอ๊ะและครูอรยอมแปลงร่างเป็นพรานไปล่าไส้เดือนจากกองขยะสูงท่วมหัวกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นได้ไส้เดือนเป็นกิโล วันนั้นเด็กๆ ประถมตื่นเต้นกันมากเลย เพราะน้องอนุบาลยังไม่เปิด ประถมจึงโชคดีได้รู้จักไส้เดือนก่อนน้องๆ สายพันธุ์ที่เรานำามาเลี้ยงมีสองพันธุ์ บ่อแรกเป็นสายพันธุ์เก่าขี้ตาแร่ บ่อที่สองเรียกว่าไส้เดือนแดงตัวจะออกสีแดงกว่าขี้ตาแร่ ทั้งสองสายพันธุ์มีคุณสมบัติในการย่อยอาหารได้เร็ว(ไส้เดือนมีความสามารถพิเศษคือผลิตปุ๋ยได้เร็วที่สุดในโลก) พอครบ ๓ เดือนดินและเศษอาหารในบ่อก็จะกลายเป็นปุ๋ยคุณภาพดีที่สุดในโลก น้องอนุบาลตื่นเต้นไม่แพ้พี่ประถมเมื่อเห็นไส้เดือนขึ้นมากินอาหารอย่าง

ไส้เดือนแสนสวยเอร็ดอร่อย แต่มีอีกคนที่ตื่นเต้นไม่แพ้เด็ก วันหนึ่งครูเอ๊ะวิ่งมาบอกครูอรอย่างตื่นเต้นว่า ครูอรมาดูเร็วไส้เดือนขึ้นมากินอาหารเยอะมากสวยมากด้วย (จริงๆ ที่ครูอรเคยเห็นน่ะแค่ตัวสองตัว) แต่ครูอรก็ตอบครูเอ๊ะไปว่า เคยเห็นแล้ว (ทำาเสียงทำานองว่าครูเอ๊ะต้องทำาไมตื่นเต้นขนาดนี้นะ) แต่ที่จริงมันก็สวยจริงๆ นะ เมื่อภาคเรียนที่แล้วคณะครู อนุบาลและผู้ปกครองได้มาช่วยกันปรับปรุงสนามอนุบาลกันใหม่ได้ทำาการย้ายบ้านให้ใส้เดือนไปอยู่ด้านนอก ก่อนหน้านี้เราได้เก็บปุ๋ยที่ไส้เดือนผลิตไปใช้ได้รอบหนึ่งแล้วขณะนี้เรากำาลังเลี้ยงรุ่นที่ ๒ กันอยู่ค่ะ น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันค่ะ เพราะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดใจขึ้นเมื่อมีจิ้งจกและหนูลงไปกินไส้เดือนของเราเกือบหมดและสิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างคือน้ำาฝนค่ะ เพราะจะพาไส้เดือนของเราหายไปกับน้ำาในพริบตากระเบื้องแผ่นเรียบเป็นที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ค่ะ ถ้าท่านใดจะกรุณาก็แจ้งความประสงค์ที่ครูเอ๊ะและครูอรได้เลยค่ะ โชคดีที่ยังมีไส้เดือนตัวเล็กๆ ที่พึ่งคลอดฝังตัวอยู่ในดิน และตอนนี้ก็เติบโตขึ้นมากินผลไม้ที่เด็กนำาไปให้อย่างเอร็ดอร่อยค่ะ ขอบอกค่ะว่าไส้เดือนของเราชอบมะละกอมากค่ะ(คนเลี้ยงยอมอดไว้ให้เลยค่ะ)

ครูอร

เรือ่งเลา่จากครอูร

16 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 17

Page 10: Sansanook March

อากาศเริ่มหนาวเย็น ฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม เวลาตื่นนอนตอนเช้าจะสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านอย่างแผ่วเบา บางทีขนลุกซู่ ช่วงบ่ายอากาศจะร้อนมาก บางทีก็มีฝนตก อากาศในแต่ละวันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนเราปรับตัวไม่ทัน ครูสังเกตเห็นว่าเด็กๆ ไม่สบายกันมาก เด็กๆ ในห้องอิ่มอุ่นไม่สบายสลับสับเปลี่ยนมาไม่ครบกันสักที ครูเป็นห่วงเด็กๆ มาก จึงอยากให้ คุณพ่อคุณแม่ตระหนักถึงการดูแลลูกและเตรียมร่างกายลูกให้อบอุ่นอยู่เสมอ ป้องกันลูกๆ ให้ปลอดภัยจากโรคไข้หวัด เพราะจากการพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกไม่สบายเด็กจะมีไข้สูงถึง ๔๐ องศาซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ตอนนี้ผู้ปกครองหลายท่านก็มาเสนอตัวขอเข้ามาช่วยดูแลทำาความสะอาดห้องเรียน ครูยินดีมากที่ผู้ปกครองให้ความสำาคัญกับเรื่องนี้ นอกจากจะได้ช่วยเด็กๆ แล้ว ยังลดความกังวลของผู้ปกครองได้ส่วนหนึ่ง

ครูเอ๊ะมีเรื่องเล่าค่ะ หลังจากที่เด็กๆ ได้หยุดพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ พอวันจันทร์ครูสังเกตเห็นเด็กบางคนซึม อ่อนเพลีย ไม่ค่อยสดชื่น หลังจากนั้นเด็กก็มี

เช้าวันหนึ่งในช่วงปลายเดือนธันวาคม ณ ห้องแสงตะวัน ขณะที่เด็กๆ กำาลังช่วยกันปลุกพี่ของเล่น ก็มีเสียงเด็กกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า “สวัสดีปีใหม่ครับ/ค่ะ” ทั้งครูและเด็กในห้องแสงตะวันพากันหันขวับไปตามเสียงนั้น ปรากฎว่าเป็นเสียงของเพื่อนๆ ห้องอื่นนั่นเอง ซึ่งนำาตะกร้าขนมมาให้เด็กห้องแสงตะวันรับประทาน และแล้วก็มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “คุณครูขา เมื่อไหร่ห้องของเราจะทำาขนมไปแจกห้องอื่นบ้างคะ” คุณครูยิ้มให้และตอบว่า “พรุ่งนี้หนูมาโรงเรียนแต่เช้า แล้วเรามาช่วยกันทำาขนมไปแจกห้องอื่นบ้างค่ะ” เช้าวันต่อมา เด็กหญิงคนเดิมก็มาโรงเรียนแต่เช้า แล้วรีบมาช่วยคุณครูทำาขนมปุยฝ้าย ไม่นานก็มีเพื่อนๆ เข้ามาร่วมล้อมวงทำาขนมปุยฝ้าย ไม่นานขนมก็ทยอยเข้าสู่เตาอบและเริ่มส่งกลิ่นหอมออกมาจากเตา ทันใดนั้นก็มีเสียงเด็กชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “คุณครูครับ แล้วเราจะได้ทานขนมปุยฝ้ายหรือเปล่าครับ” คุณครูตอบว่า “ได้ทานสิคะ” “ไชโย” เสียงของเด็กชายเฮลั่น ในช่วงบ่ายของวันนั้น เด็กๆ ก็รับประทานขนมปุยฝ้ายอย่างเอร็ดอร่อย และเมื่อรับประทานเสร็จแล้ว เด็กๆ ก็กุลีกุจอนำาขนมปุยฝ้ายจากฝีมือของตนเองไปแจกเพื่อนๆ ห้องอื่นทีละห้องจนครบทุกห้อง พร้อมกับกล่าวคำาว่า “สวัสดีปีใหม่ จากห้องแสงตะวันครับ/ค่ะ” และในเย็นวันนั้น เด็กๆ ก็กลับบ้านอย่างมีความสุข

ครูเอื้อง ห้องแสงตะวัน

ขนมปุยฝ้ายแสนสนุกเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

อาการไข้ขึ้น บางคนไอ มีน้ำามูก ซึ่งครูเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเด็กที่ไม่สบายแล้วมาโรงเรียน ไม่เพียงแต่จะมาติดเพื่อนๆ แล้วยังมาติดครูได้ด้วย ถ้าครูไม่สบายสักหนึ่งคนก็มีผลทำาให้การดูแลเด็กของครูอีกคนค่อนข้างลำาบากไปด้วย ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเพื่อนๆ ครู ผู้ปกครองที่มีความกังวลเท่านั้น ตัวเด็กเองที่ป่วยก็ได้รับผลกระทบ เพราะนอกจากเด็กจะไม่ได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว ผู้ปกครองบางคนที่พาลูกมา แต่เมื่อครูพบว่าเด็กป่วยและต้องให้กลับบ้าน เด็กรู้สึกเสียใจ ขาดความเชื่อมั่นทำาให้ไม่อยากมาโรงเรียนอีก ครูเอ๊ะจึงอยากให้ผู้ปกครองช่วยสังเกตลูก ถ้ามีอาการซึม อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น มีไข้ ไอ มีน้ำามูกไม่ต้องนำาลูกมาที่โรงเรียน ครูเอ๊ะขอขอบพระคุณผู้ปกครองที่ให้ความดูแลเอาใจใส่ลูกๆ และให้ความร่วมมือกับครูด้วยดีเสมอมา ครูมีกำาลังใจและสุขใจที่ได้เห็นเด็กๆ มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง มาโรงเรียนอย่างมีความสุข

ด้วยความรักและห่วงใย ครูเอ๊ะ และครูกิ่ง

18 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 19

Page 11: Sansanook March

เปิดเทอมมาก็ได้ยินเสียงเจรจาของเด็กๆ มากมาย “เราไปเที่ยวเชียงรายมาด้วยไปขึ้นเขามา สนุกมากเลย “คุณพ่อคุณแม่พาไปเที่ยวสนุกมากเลย ไปเที่ยวสวนสัตว์มาเจอเสือด้วย” คุณครูได้ยินเสียงเจรจาก็ได้แต่ยิ้มให้เด็กๆ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นมา “เราได้ดูทีวีด้วย ตั้งหลายเรื่อง สนุกๆ ทั้งนั้นเลย” คุณครูหันมองไปตามเสียงนั้นทันที เมื่อมองไปถึงต้นเสียงในใจก็พลางคิดว่า “มาจากไหนเนี่ย” สิ่งที่เกิดขึ้นอาทิตย์แรกหลังเปิดเทอม ขณะที่คุณครูตั้งอกตั้งใจกับการทำางานฝีมือโดยคอยฟังเสียงเจรจาของเด็กๆ ในเรื่องต่างๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปซึ่งจะใกล้เวลาที่ของเล่นจะเข้านอนและคุณครูกำาลังทยอยเก็บงานฝีมือ เด็กๆ ในห้องก็พากันทยอยเอาของเล่นเข้านอน ก่อนที่จะถึงเวลาเอาของเล่นเข้านอนจนของเล่นเข้านอนหมดทุกอย่าง เด็กๆ ในห้องก็วิ่งมาบอกคุณครูว่า “คุณครูค่ะ/ครับของเล่นเข้าบ้านกันหมดแล้ว พวกหนูพากันเอาเข้าบ้านหมดแล้วคุณครูจะได้ไม่เหนื่อย” จากปกติแม้จะถึงเวลาของเล่นเข้านอนก็จะโอ้เอ้กันไม่ค่อยอยากเก็บ “เก็บของเล่นแล้วยังไม่ทันได้เล่นเลย ทำาไมคุณครูถึงเก็บเร็วจังเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะมาแต่เช้าๆ จะได้เล่นนานๆ” คุณครูมองดูเด็กแล้วหันมองไปรอบๆ ห้องอย่างตื้นตันใจ ในใจพลางคิดว่า “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย น่ารักจังเลย เป็นอย่างนี้บ่อยๆ ก็คงดีนะ” คุณครูยิ้มให้เด็กๆ แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นวันนี้เราออกไปเล่นข้างนอกเร็วกว่าทุกวันแล้วกันนะค่ะ เสียง “เย้” ก็ดังกึกก้องไปทั่วห้อง

ครูแดง ห้องจันทร์ฉาย

ต้วม ต้วม เตี้ยม เตี้ยม ออกมาจากไข่ เจ้าหนอนตัวใหญ่ลูกใครกันหนา กระดึ๊บ กระดึ๊บไป บนใบไม้อ่อน กัดๆ กินๆ อิ่มแล้วก็นอน อิ่มแล้วเจ้าหนอนนอนชักใยท่วมตัว เย็นวันหนึ่งขณะที่ครูกำาลังเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านและกำาลังปิดหน้าต่างนั่นเอง ก็มองเห็นเจ้าหนอนตัวใหญ่ไต่กระดึ๊บๆ อยู่ที่ประตูเหล็กหน้าโรงเรียนและเกาะนิ่งๆ อยู่ที่ประตูไม่ยอมเดินทางต่อ ทำาให้ครูต้องกลับบ้านทางประตูหลัง (แค่กลัวนิดเดียวเอง) วันต่อมาเด็กคนหนึ่งตะโกนว่ามีอะไรสีขาวๆ เกาะอยู่ตรงประตู ครูและเพื่อนๆ เดินไปดู ครูยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ปล่อยให้เด็กๆ สนทนากันต่อไป “ขี้โคลนมั้ง” “หมากฝรั่งมั้ง” “ไม่ใช่ขี้ผึ้งต่างหาก” และหลังจากนั้นเด็กๆ ก็ไม่ได้สนใจมันอีกเลย เวลาผ่านไป ๓-๔ วัน เด็กชายคนหนึ่งเกาะอยู่ที่หน้าต่างและบอกครูว่า “ครูครับมาดูเร็วมีตัวอะไรเกาะอยู่บนก้อนสีขาวนั่น มันมีสีเหลืองและมีจุดๆ เหมือนผีเสื้อเลย” ครูยิ้มและชักชวนให้ครูเวรหน้าประตูดู จากนั้นเด็กชายคนเดิมก็จะคอยชักชวนเพื่อนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมาดูเป็นระยะ หนอนผีเสื้อเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจของเด็กๆ

ห้องจิตประภัสสร รวมทั้งเด็กนักเรียนและผู้ปกครองของชาวแสนสนุกไตรทักษะอย่างมากผีเสื้อเกาะติดอยู่กับดักแด้ ๓ วัน และวันที่ ๔ ก็หายไป เด็กๆ เฝ้าดูทุกวัน และเมื่อมันหายไปจึงถาม ครูว่า “มันไปไหนเหรอครับ” ครูตอบว่า “เขาบินไปเที่ยวชมดอกไม้ทุกๆ ดอกในโรงเรียนไงล่ะคะ แล้วเดี๋ยวเขาก็จะกลับมาเยี่ยมเด็กๆ เหมือนผีเสื้อ นก และแมลงตัวอื่นๆ ที่เคยบินเข้ามาในห้องของเราเพื่อทักทายเด็กๆ” เด็กๆ ใจจดใจจ่อเฝ้ารอผีเสื้อแสนสวย

ตัวนั้นกลับมา ครูจูน ห้องจิตประภัสสร

กลับมาด้วยความคิดถึง

ต้วมเตี้ยม

20 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 21

Page 12: Sansanook March

ฤดูหนาวปีนี้ช่างสั้นนัก แต่ก็เป็นฤดูหนาวที่มีค่าของเด็กๆ เป็นฤดูหนาวที่เด็กๆ รอคอยให้มาถึงเร็วๆ เพราะพวกเขาจะรู้ว่า ถึงเวลาที่เราจะไปปิกนิกแล้วสินะ ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ห้องต้นกล้าของเราจะทำาขนมกล้วยบวชชี และแล้วเช้าวันที่เด็กๆ รอคอยก็มาถึง เมื่อเด็กๆ มาถึงห้องและเก็บกระเป๋าของตนเองเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ก็รีบมาช่วยคุณครูจัดเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบในการทำากล้วยบวชชีแสนอร่อย ทั้งพี่โตและน้องเล็กต่างก็โกลาหลขนอุปกรณ์ไปที่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านคุณป้าอุษา สถานที่ๆ เราจะไปปิกนิกกัน เมื่อไปถึงเด็กๆ ช่วยกันปูเสื่อสำาหรับนั่ง เด็กผู้หญิงช่วยกันนำากล้วยไปล้างน้ำาให้สะอาดและนำามาหั่นเป็นชิ้นๆ จากนั้นเริ่มคั้นน้ำากะทิ ส่วนเด็กผู้ชายออกไปช่วยกันหาเศษกิ่งไม้และใบไม้แห้งเพื่อนำามาเป็นเชื้อเพลิงในการก่อไฟ เด็กๆ สนใจช่วยกันทำาและชอบขั้นตอนการปรุง เมื่อต้มกล้วยในน้ำากะทิสุกแล้ว เด็กๆ ก็เริ่มใส่น้ำาตาลและเกลือลงไป สลับกับการชิมไปด้วย “อุ้ย! ยังไม่หวานเลยค่ะ คุณครูต้องเติมน้ำาตาลอีกค่ะ” ส่วนน้องเล็กๆ ที่พากันวิ่งเล่นอยู่รอบๆ ก็จะคอยเข้ามาถามเป็นระยะๆ ว่า “เสร็จรึยัง

เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕-๒๙ มกราคมที่ผ่านมาเด็กๆ ห้องความรักได้ไปค่ายที่กำาแพงแสนกับเพื่อนห้องป.๔ ไปด้วยกัน ๕ คนมี พี่พราว พี่คมธัช เจมส์ เรย์ และพี่ดิว การไปค่ายครั้งนี้ครูเก๋ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในตัวเด็กทั้งห้าคน เด็กๆได้มีส่วนร่วมในการทำางานมาก ไม่ได้ยินเสียงบ่นเลย พวกเราได้ลงมือทำาความสะอาดคอกวัว ได้ให้อาหารวัว ให้นมวัว เข็นรถขนหญ้า เด็กๆ ให้ความสนใจกับงานที่ได้รับมอบหมาย และมีเรื่องที่น่ารักมากมายในการไปค่ายครั้งนี้ เริ่มจากคนแรก พี่คมธัช วันแรกพี่คมธัชก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ทำาความสะอาดคอกวัว คมธัชขยันมากทำาไม่หยุดเลยทั้งกวาดเศษหญ้า ล้างคอก ขนหญ้าให้วัว หลังเสร็จงานก็ไม่ไปไหน ใช้เวลาว่างนั่งคุยกับแม่วัวที่อยู่ในคอก พอวันทีต่้องเปลี่ยนหน้าที่ให้ย้ายไปดูแลคอกลูกวัว คมธัชจะคอยแอบมาที่คอกแม่วัวตลอดและขอให้ครูพาไปคอกแม่วัว พอเข้าวันที่สามหลังจากเสร็จงาน

ขออีกครับ/คะ” “หนูหิวแล้ว” จนคุณครูต้องบอกว่า “รออีกหน่อยค่ะ” เมื่อปรุงได้ที่ดีแล้ว คุณครูก็ยกหม้อขนมลงจากเตา เด็กๆ เห็นดังนั้นก็พากันร้องเรียกเพื่อนเสียงเจื้อยแจ้วว่าเสร็จแล้ว ขณะที่ครูตักขนมให้เด็กๆ ครบทุกคนแล้ว เราก็เริ่มขอบคุณอาหารกัน ทุกคนรับประทานขนมกล้วยบวชชีกันอย่างเอร็ดอร่อย เด็กๆ มาขอเติมกันทุกคน แต่ที่ครูต้องประหลาดใจ คือ มีเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งโดยปกติจะไม่ชอบทานขนม แต่ครั้งนี้กลับมาขอเติมถึง๓ ครั้ง จนครูต้องบอกว่า “หมดแล้วค่ะ” เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว คุณครูและเด็กๆ ต่างช่วยกันเก็บอุปกรณ์และทำาความสะอาดอย่างเรียบร้อย จะเห็นได้ว่า เด็กๆ ทุกคนต่างช่วยกันทำาขนมกล้วยบวชชี ถึงแม้ว่าจะไม่อร่อยในรสชาติของผู้ใหญ่ แต่ความรู้สึกของเด็กๆ เมื่อได้ลงมือทำาเองทุกขั้นตอน ทุกอย่างจะอร่อยสำาหรับเขา แล้วเด็กๆ ก็เกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมมือกันทำาจนเสร็จ อีกทั้งยังได้แบ่งกันรับประทาน ทำาให้เด็กๆ รู้จักการแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ครูหนึ่ง & ครูฝน ห้องต้นกล้า

ตอนบ่ายพี่คมธัชเดินมานั่งที่โต๊ะถอดหมวกแล้วนั่งพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ และมีเสียงตามมาว่า “จะลาออกแล้ว” แต่ครูก็ไม่ได้ว่าอะไร คนต่อมา พี่พราว เป็นครั้งแรกที่พราวได้มาค่ายกับเพื่อนและครูเก๋เห็นพราวทำางานอย่างสนใจและตั้งใจไม่บ่นเลย ไม่แยกตัวออกไปอยู่คนเดียวตามกลุ่มเพื่อนป.๔ ตลอด เพื่อนทำาอะไร พราวทำาด้วย มีวันแรกที่ครูให้พราวล้างคอกวัว พราวกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเข้ามาในคอก พอครูบอกว่าเข้ามาเลย พราวก็เข้ามา แต่ยืนย่ำาเท้าอยู่กับที่แล้วบอกว่า “พราวไม่เอา พราวไม่เอา พราวเหม็น” แต่สักพักเห็นน้องป.๔ ล้างคอกวัวพราวก็เดินเข้ามาช่วยและไม่มีเสียงบ่นอีก เวลาช่วยขนหญ้าให้วัวก็ขนไม่หยุดจนครูต้องบอกว่าพอก่อนเพราะมันล้นแล้ว พราวชอบคอกลูกวัวมาก ชอบให้นมลูกวัวนั่ง

มองลูกวัวและตั้งชื่อตัวที่พราวชอบว่า “เจ้า spirit” เปน็ลกูววัสนี้ำาตาลเพศเมยี และอีกอย่างที่พราวชอบมาก คือ คุณลุงโจ้ (อาจารย์โจ้) ที่อยู่ในฟาร์มโคนมแห่งนี้ ทุกครั้งที่พราวเจอลุงโจ้จะทิ้งครูเก๋แล้วไปจิ้มที่พุงคุณลุง

ค่ายนี้น่ารัก

22 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 23

Page 13: Sansanook March

โจ้ทันที พอกลับจากฟาร์มพราวอาบน้ำาเสร็จมานั่งที่ที่นอนตัวเองแล้วหยิบหนังสือนิทานทีเ่ตรียมมาจากบ้านมาเล่าให้น้อง ป.๔ ฟัง ซึ่งเนื่อเรื่องที่พราวเล่าไม่ได้ตรงกับในหนังสือเลยแต่น้องป.๔ ก็ขอให้พราวเล่าให้ฟังทุกเย็น หลังอาบน้ำา เจมส์ คนนี้ชอบเข็นรถเข็นหญ้ามาก เลยได้รับมอบหมายหน้าที่ประจำาคือเข็นรถขนหญ้า วันแรกที่เจมส์เจอวัวเจมส์ยื่นมือไปแตะที่หัวของวัวด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ แต่ต่อมาก็จับด้วยความ

ชอบ แต่สิ่งหนึ่งที่เจมส์ชอบยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด นั่นคือรถสกายแร็พ (รถสามล้อ) ไม่ว่าเจมส์จะทำาอะไรอยู่ก็ตามถ้าเห็นรถสกายแร็พมาเจมส์จะทิ้งแล้ว

เดินตรงไปหารถทันที ครั้งแรกที่เจมส์ได้ขึ้นรถเจมส์ยิ้มสีหน้ามีความสุขมาก แค่ได้ยินเสียงเจมส์ก็รู้แล้วว่ารถสกายแร็พกำาลังมา สอง สามวันแรกเจมส์ยังจำาชื่อรถไม่ได้ จะเรียกทุกชื่อ ทั้งขอรถกะบะ รถบรรทุก รถดับเพลิง รถตำารวจ เรย์ การมาค่ายครั้งนี้ครูเก๋ไม่เห็นเรย์ร้องไห้เลยและเรย์ทำางานอย่าง

ตั้งใจมากพอเรย์ทำางานแล้วเหงื่อออกแก้มเป็นสีแดงอมชมพูน่ารัก เรย์เป็นนาฬิกาปลุกอย่างดีเลยทีเดียว เพราะพอตีห้าปุ๊บครูจะได้ยินเสียงเรย์ฮำาเพลงทุกวัน พี่ดิว เป็นครั้งแรกที่พี่ดิวได้มาค่ายนานๆ อย่างนี้ ทำาให้ครูเก๋ได้เห็นว่าพี่ดิวทำาอะไรหลายๆ อย่างได้ดี โดยที่ไม่ต้องช่วยเลย ส่วนที่ฟาร์มพี่ดิวก็ทำาอย่างตั้งใจทั้งขนหญ้าให้วัว ขนหญ้าเก่าไปทิ้ง พี่ดิวก็ทำาจนเสร็จขั้นตอน นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของห้องความรักที่น่ารัก และคิดว่าปีหน้าเด็กๆ ห้องความรักจะได้ไปที่ฟาร์มแห่งนี้ทุกคน มีเรื่องราวที่น่ารักอีกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายได้หมดในครั้งเดียว ถ้ามีโอกาสจะมาบรรยายใหม่นะคะ

ครูเก๋ ห้องความรัก

ท้องฟ้าครึ้มมืด เมฆดำาลอยต่ำา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสายฝนกำาลังจะโปรยปรายลงมา ในห้องน้องเล็กของตึกประถมจะมีเสียงใสๆ ช่วยกันขับขานบทเพลงอย่างไพเราะ Rain, Rain, Go Away Come Again Another Day Little Children want to Play (Swim) Rain, Rain, Go Away.

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่ากำาลังเรียนภาษาอังกฤษกับ Miss แป๋ม แต่ความจริงแล้วเป็นคาถาไล่ฝนที่เด็กๆ ต่างพร้อมใจกันร้องเวลาที่สายฝนจะตกลงมาทำาให้ไม่ได้ไปเล่นข้างล่างหรือว่ายน้ำา

ไม่รู้ว่าคาถานี้ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน แต่ร้องกันทีไร Rain ก็มัก Go Away ให้เด็กไปวิ่งเล่นหรือไปว่ายน้ำาได้สมใจ

ขอบคุณ Miss แป๋มสำาหรับคาถาไล่ฝนที่แสนไพเราะค่ะ

ครูหมวย ป.๑

คาถาไล่ฝน

24 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 25

Page 14: Sansanook March

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไป ตอนนี้เผลอแป๊บเดียวก็จะสิ้นปีการศึกษาแล้ว เด็ก ป.๒ มีคำาถามกับคุณครูอยู่บ่อยๆ ว่า “เมื่อไหร่จะเป็นพี่ ป.๓ ล่ะครับ” ครูจึงถามว่า “มีอะไรหรือคะ” “ก็เป็นพี่ ป.๓ จะได้ไปเที่ยวนอกโรงเรียนแบบพี่ไงครับ (เข้าค่าย)” สำาหรับน้องๆ แล้ว การเฝ้ามองพี่ๆ ออกไปพบเจอประสบการณ์นอกโรงเรียน ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นประสบการณ์ที่พวกเด็กๆ รอคอย

รวมไปถึงการเฝ้ามองชุมชนของโรงเรียน ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยพลัง ขับเคลื่อนที่อยู่ภายในตัวของเด็กและรอคอยว่าสักวันจะได้ทำาสิ่งที่พวกเขารอด้วยความมุ่งมั่น

มีอยู่วันหนึ่งขณะกำาลังเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องเครื่องหมาย มากกว่า น้อยกว่า ครูให้เด็กๆ บอกว่ามีอะไรบ้างที่มากกว่า หรือ น้อยกว่า มีเด็กชายคนหนึ่งบอกว่า “ง่ายนิดเดียวครับ ก็ภูเขา มากกว่า พระอาทิตย์ ไงครับ” เพื่อนๆ มองหน้ากันและพูดว่า “จริงด้วย”

เด็กมีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ทำาให้สอดประสานออกมาเป็นความรู้ต่างๆ ได้กลมกลืน

จาก ครูน้ำาค้าง ป.๒

“เมื่อไหร่เราจะได้ขึ้น ป.๔ ซักที” “คุณครูคะเมื่อไหร่เราจะได้ขึ้นชั้น ป.๔ คะ” คำาพูดเหล่านี้มักผ่านมาทำาให้ครูได้ยินเสมอๆ ส่วนใหญ่ครูมักจะยิ้มให้ บางทีก็เงียบ หรืออาจบอกว่า “รออีกนิดนึงนะคะ” เอาละค่ะมาถึงเรื่องการเรียน กันบ้าง ผู้ปกครองหลายท่านน่าจะทราบกันแล้วว่าการเรียนของเด็กช่วงวัยนี้มีเนื้อหาวิชาใหม่ๆ มากมาย เช่น การชั่ง การตวง การวัด เงินตรา และการก่อสร้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลทำาให้ทั้งดวงจิตและร่างกายของเขาเข้มแข็งขึ้น นอกเหนือจากนี้เด็กๆ ยังได้รับประสบการณ์นอกห้องเรียนจากการได้ไปทัศนศึกษาและได้ไปเข้าค่ายค้างคืนครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งช่วงกลางเดือนพ.ย. ที่ผ่านมาเด็กๆ มีโอกาสได้ไปทัศนศึกษาที่ตลาดน้ำาท่าคา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งช่วงนั้นเด็กๆ เรียนเรื่องเงินตราพอดีและยังถือโอกาสนี้ซ้อมย่อยก่อนที่จะไปเข้าค่ายค้างคืนกัน ในวันนั้นเด็กๆ นำาเงินไปคนละ ๔๐ บาท พอไปถึงแต่ละกลุ่มก็แยกย้ายกันชมตลาด ซึ่งตลาดก็เล็กๆ จึงเดินสวนกันไปมา จนในที่สุดก็ได ้จับจ่ายซื้อของกันพอสมควร อาทิเช่น

คำาถามที่ต้องรอคอย....

ก้าวย่างแห่งการเติบโต

เด็กหญิงคนหนึ่งเห็นคุณยายนั่งขาย ส้มเช้งอยู่ จึงถามคุณยายว่าขายส้มเช้งลูกละเท่าไหร่คะ ยายจึงบอกว่า ๕ บาท เด็กหญิงจึงได้ส้มเช้งมา ๑ ลูกแล้วเดินต่อ พอเดินได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกสงสารยายและตัวเองมีเงินเหลืออยู่ ๒ บาทจึงคิดว่าจะเอามาให้ยายฟรีๆ จึงเดินกลับมาเอาเงินให้คุณยายๆ ก็รับด้วยอาการงงๆ พร้อมส่งส้มเช้งให้เด็กอีก ๑ ลูก ทำาให้เด็กหญิงก็เกิดอาการงงๆ เช่นเดียวกับคุณยาย ส่วนเด็กในกลุ่มครูตู่ก็เดินวนไปมาหลายรอบยังไม่มีใครซื้ออะไรซักที เด็กชายคนหนึ่งไปเจอป้าขายชมพู่เด็กชายก็ไปถามว่าถ้าจะซื้อเป็นลูกขายเท่าไหร่ครับ ป้ายิ้มๆ พร้อมกับผ่าชมพู่ให้ทานฟรีๆ (เลยไม่เสียเงิน) เดินไปอีกนิดเจอยายขายละมุด ยายก็ปอกให้ลองชิมอีก (เงินก็ยังอยู่ครบ) จนสักพักเริ่มเหนื่อย

26 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 27

Page 15: Sansanook March

เห็นยายขายขนมถ้วย เด็กหญิงและเด็กชายเดินไปซื้อก่อนกระทงละ ๑๐ บาท จากนั้นเด็กหญิงอีก ๒ คน จึงปรึกษากันสักพักก็ได้คำาตอบว่าจะออกเงินคนละครึ่ง ซึ่งคุณยายก็ใจดีมากแยกขนมให้คนละกระทงอีกด้วย การไปทัศนศึกษาครั้งนี้ทำาให้ครูได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเด็กๆ จากนั้นเราจึงเดินทางไปราชบุรีเพื่อไปปั้นกระปุกออมสินกันต่อ ซึ่งเด็กๆ ก็ตั้งใจมาก สามารถผลิตผลงานได้หลายชิ้น แล้ววันที่น่าตื่นเต้นของครูและเด็กๆ ก็มาถึง ประมาณสิ้นเดือนพ.ย ก็ถึงเวลาไปเข้าค่ายค้างคืนที่หาดทรายแก้ว เด็กๆ ได้เดินขึ้นหาดประมาณ ๓ กม.เวลาที่เดินจะได้ยินเสียงพูดคุย ชี้ชวนกันให้ดูหรือคอยสังเกตธรรมชาติตลอดเวลา แล้วในที่สุดเด็กๆ ก็มาถึงที่หมายด้วยความอดทน ถึงแม้บางคนจะบ่นบ้างแต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ เมื่อถึงที่พักเด็กๆ ตื่นเต้นมาก อย่างแรกที่ทำาคือการนำาสำาภาระไปเก็บ ซึ่งบางห้อง

ก็จัดอย่างเรียบร้อย บางห้องครูต้องชี้แนะบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วครูไม่ต้องช่วยอะไรมาก เด็กๆ สามารถจัดการเองได้ การไปค่ายครั้งนี้เด็กๆ ได้ชื่นชม สังเกตธรรมชาติทั้งกลางวันและกลางคืน ได้เล่นน้ำา ทำากิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนาน และตอนกลางคืนพวกเรานั่งล้อมวงภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ พระจันทร์ ดวงดาวและเสียงคลื่นซัดสาด เด็กๆ ได้พูดถึงสิ่งที่น่าประทับใจของตนเอง ซึ่งทุกคนมักต่อด้วยว่ารู้สึกสนุกมาก และความรู้สึกของครูก็ไม่ต่างจากเด็กๆเลย จากการไปค่ายครั้งนี้ภาพที่ครูเห็นคือทุกคนสามารถช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือเพื่อนได้ดี เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพมากมาย และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น เหมือนดังเช่นผ่านการทดสอบและการก้าวย่างไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ส่วนช่วงปลายภาคเรียนนี้ เด็กๆ กำาลังขะมักเขม้น สร้างซ่อมแซมบ้านดินกันอยู่ ใครเดินผ่านไปมาอาจเห็นเด็กเนื้อตัวมอมแมม ตัวดำาเปื้อนโคลนกันอยู่ในสนามใหญ่ เมื่อเด็กๆ สร้างบ้านดินเสร็จแล้วอย่าลืมมาเยี่ยมชมผลงานนะคะ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกบ้านสนุกสนานกับการปิดเทอม แล้วอย่าลืมพยายามหากิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้เด็กๆ ทำาด้วยนะคะ ...ครูตู่...ป.๓

เดินทาง...เพื่อการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบ

จะหมดปีการศึกษาแล้วเหรอนี่ ครูฉุกคิดขึ้นมา แต่ว่าเด็กๆยังมาโรงเรียนอย่างมีความสุข โดยที่ไม่คำานึงถึงเลยว่าใกล้จะปิดเทอม ทุกๆ วันของพวกเขาช่างสนุกสนานอะไรเช่นนี้ ในแต่ละปีเด็กๆ มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้น ต่างสนใจและเฝ้ารอคอย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในวิชาต่างๆ ที่ยากมากขึ้น แต่เด็กๆก็สนใจและมุ่งมั่นที่จะเรียน ยังแอบได้ยินเสียงเด็กๆ คุยกันช่วงที่เรียนเศษส่วนจบแล้ว เด็กๆ พูดว่า “เรียนคณิตศาสตร์สนุกจังเลย” ได้ยินเช่นนั้น ครูก็มีกำาลังใจเพิ่มขึ้นเยอะเลย อย่างที่เราทราบกันว่าเด็กวัยนี้จะมีบุคลิกที่ชัดเจนมากขึ้น และจะแยกตัวจากคนอื่นมากขึ้น เพราะเขากำาลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นน้อยๆ แต่ทำาไมห้องนี้เด็กๆไม่ค่อยแยกกัน ต่างผนึกกำาลังกันค่อนข้างดี ทั้งหญิง ชาย จนครูต้องถอยออกมาดูห่างๆ บ้าง ก็จะเห็นจริงๆ ว่าเขาโตขึ้นทั้งร่างกายและความรู้สึก ความคิด เมื่อครูและเด็กๆอยู่รวมกันบางครั้งผู้ปกครองยังแยกไม่ออกเลยว่ามีครูอยู่ด้วย (เด็กบางคนตัวโตกว่าครูแล้ว)

28 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 29

Page 16: Sansanook March

ประถม ๔ หลายคนคงสังเกตเห็นว่าไม่ค่อยอยู่ในโรงเรียนสักเท่าไหร่ ต้องเดินทางออกนอกโรงเรียนกัน ค่อนข้างบ่อย อย่างเรียนเรื่องภูมิศาสตร์ท้องถิ่น เด็กๆได้ไปสำารวจสถานที่ต่างๆ ในชุมชนใกล้ๆ โรงเรียน เดินทางไปตามทิศต่างๆ เรียนภูมิศาสตร์กรุงเทพ พากันไปเดินรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ไปไหว้พระที่วัดต่างๆ ที่สร้างในต้นรัชกาล อีกทั้งได้ลงเรือล่องแม่น้ำาเจ้าพระยา เด็กหลายคนเป็นประสบการณ์ครั้งแรกสำาหรับการลงเรือแม่น้ำาใหญ่ๆ ตอนลงทุกคนเดินตัวเกร็งลงเรือ (รวมถึงครูด้วย) แต่พอขึ้นลงหลายเที่ยวทุกคนรู้สึกดีมากขึ้น เมื่อรู้สึกดีความสนุกสนานและเสียงก็เริ่มตามมาพูดคุยกันตลอดทาง ผู้คนรอบข้างคงคิดว่า “เด็กเหล่านี้มาจากไหนกันนี่” ปลายเทอมสองเด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องสัตว์ ครูได้พาเด็กๆไปสัมผัสชีวิตสัตว์จริงๆ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำาแพงแสน จังหวัดนครปฐม เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เด็กๆ ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อออกไปทำางานที่ฟาร์มโคนมทั้งวัน ซึ่งเด็กๆ ไม่มีบ่นเลย ต่างตั้งใจทำางานจนได้รับคำาชมว่าทำางานกันได้ดีมาก ได้ปลูกหญ้าขน ดินโคลนถึงหัวเข่าเด็กๆ แดดก็ร้อน แต่ไม่มีใครถอยเลยสักคน

ไปค่ายครั้งนี้มีห้องความรักร่วมขบวนไปด้วย ก็เห็นบรรยากาศที่ดีมากมาย เด็กๆ คอยเป็นห่วงและช่วยเหลือซึ่งกันและกันค่อนข้างดี สังเกตเห็นว่าเด็กๆ ไม่ได้คิดถึงบ้านกันเลย ส่วนผู้ปกครองคงคิดถึงลูกๆ มากเลย (วันที่ผู้ปกครองไปรับคงบอกได้ว่า รอวันนี้มานานแล้ว) อีกอย่างต้องขอบคุณผู้ปกครองที่ไว้วางใจครู เพราะผู้ปกครองห้องนี้ไม่มีใครโทรศัพท์ถามข่าวลูกๆ เลยค่ะ เอาล่ะค่ะ ครั้งนี้ขอเล่าแค่นี้แล้วกัน ถ้าจะให้เล่าอีกคงหลายหน้ากว่าจะจบ ก่อนหมดเทอมมีหลายอย่างที่ต้องทำาอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นละคร ที่ตอนนี้เราได้เริ่มซักซ้อมกันแล้ว ซึ่งกระบวนการการเรียนรู้ต่างๆ ที่ไม่มีวันจบของเด็กๆ และครูด้วย ที่ยังคงต้องเรียนรู้กันต่อไป ครูติ๊ ป.๔

ความในใจจากครูถึงศิษย์

ในโอกาสที่เป็นฉบับพิเศษส่งท้ายปีการศึกษาจึงอยากเขียนสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษเช่นกัน ผ่านไปแล้วร่วมสองเดือนได้มีโอกาสย้อนมาดูภาพถ่ายจากการไปค่ายเชียงใหม่ของเด็กๆ ป.๕ และ ป.๖ แม้จะเป็นเวลาไม่นานนักแต่ก็สังเกตเห็นได้ถึงรูปหน้าที่เปลี่ยนไป เด็กๆ เติบโตขึ้นมาก นี่เป็นเพียงสิ่งที่เราเห็นจากภาพแต่เมื่อย้อนมาดูเด็กๆ ในห้องเรียนก็ยิ่งเห็นว่าพวกเขาเติบโตขึ้นทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิดความอ่าน รวมทั้งความรับผิดชอบ ปีนี้ช่างสมกับคำาว่า “ปีทองแห่งวัยเด็ก” จริงๆ เด็กทุกคนทำาให้ครูเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาตนเอง ที่จะเรียนรู้และพร้อมจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ยอมรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน มีน้ำาใจช่วยเหลือกัน ที่สำาคัญ..สิ่งที่ครูได้เห็นอยู่เสมอๆ คือความมุ่งมั่นตั้งใจและความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และทำางานในความรับผิดชอบของตนเอง

30 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 31

Page 17: Sansanook March

ถ้าเราเปรียบอนุบาลเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ และประถมเป็นดั่งต้นกล้าที่กำาลังงอกงาม เด็กชั้นป.๖ ก็คงเป็นต้นกล้าที่พร้อมจะนำาไปปลูกบนพื้นดิน เพื่อแผ่กิ่งก้านสาขา และกลายเป็นต้นไม้ใหญ่งดงาม แม้ว่าต้นกล้าเหล่านี้อาจจะเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แข็งแรงบ้าง หรืออ่อนแอบ้าง แต่แม่เก๋ก็เชื่อว่า ด้วยพื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ที่พ่อแม่หมั่นพรวน ใส่ปุ๋ย และคุณครูทุกท่านคอยรดน้ำาให้ความชุ่มชื่น รวมทั้งการเกื้อกูลช่วยเหลือกันระหว่างต้นกล้าเอง และธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัว จะทำาให้ต้นกล้าเหล่านี้เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่พร้อมจะให้ร่มเงากับทุกๆคนที่ต้องการได้ คนโบราณมักจะบอกว่า หลังพายุใหญ่ ท้องฟ้าจะสดใส แม่เก๋รู้สึกได้ถึงคำาพูดนี้จริงๆ หลังจากผ่านการทำางานด้วยกันมาอย่างหนัก เด็กป.๖ ที่ได้ชื่อว่า ทโมนที่สุดในโรงเรียน กลับได้รับคำาชื่นชมในพลังความมุ่งมั่นที่เด็กๆมีอย่างเหลือล้น จนทำาให้แม่เก๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวพวกเขา เคยได้ยินครูหลายท่านบอกว่า ชั้นป.๕ นั้นถือเป็นปีทองแห่งวัยเด็ก แต่สำาหรับแม่เก๋แล้ว เด็กป.๖ ทำาให้แม่เก๋รู้สึกได้ถึงคำาว่า Golden Year จริงๆ ขอบคุณเด็กทุกๆคน แม่เก๋ภูมิใจในตัวพวกหนูจริงๆ

ครูแม่เก๋ ป.๖

อย่างสุดความสามารถ ปีนี้เด็กๆ เขียนสรุปเรื่องราวสิ่งที่เรียนได้ดีขึ้นมากพร้อมกับตกแต่งสมุดงานได้อย่างสร้างสรรค์และสวยงาม

เด็กๆ อาจจะได้ยินเสียงบ่นจากครูน้อยลงแต่ยังคงมีคำาเตือนมาบ้างเป็นระยะๆ ซึ่งครูเองจะระลึก (ท่องคาถา) อยู่ในใจเสมอว่า “อย่าบ่นเยอะ เด็กไม่ชอบฟัง” แต่แม้จะมีคาถานี้อยู่ในใจก็ไม่วายที่ครู (อายุปูนนี้) จะอดเตือนอดสอนไม่ได้เพราะถ้าหากเด็กทำาผิดแล้วไม่ตักเตือนครูก็คงทำาหน้าที่ครูได้ไม่สมบูรณ์หรือหากมีเรื่องที่ควรเตือนก็ควรต้องบอกเพื่อป้องกันไว้ก่อนจะสายเกินแก้ อันที่จริงแล้วครูเพียงอยากจะเห็นเด็กๆ เติบโตเป็นคนดีของพ่อแม่ ของครู และของสังคมเท่านั้น...

ในทุกวันของการที่เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน เป็นการตอกย้ำาให้ครูได้รู้ว่าครูโชคดีมาก

ที่มีโอกาสได้ทำาหน้าที่ตรงนี้และขอบคุณเด็กๆ ทุกคนที่มอบความรู้สึกที่มีคุณค่าให้แก่ครูเป็นเหมือนของขวัญที่พิเศษมากๆ และไม่คิดว่าจะได้รับจากอาชีพไหนๆ ได้ เมื่อดูภาพจากค่ายเชียงใหม่ซึ่งมีเพลงประกอบไพเราะมากโดยเฉพาะตอนใกล้จบมีหนึ่งบทเพลงที่ทำาให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนความในใจนี้มาให้ผู้ปกครองและเด็กๆ ได้อ่าน (ขอบคุณพ่อยงค์ค่ะ เลือกเพลงตรงใจจริงๆ) เพราะขณะที่นั่งดูภาพเด็กๆ ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจอย่างเต็มเปี่ยมเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาว่า“ถ้าโตขึ้นไปหนูเป็นคนดี...” ครูไม่ได้หวัง แต่มั่นใจเหลือเกินว่าเด็กๆ ทุกคนของครูต้องเป็นเหมือนที่บทเพลงกล่าวถึงแน่ๆ เพราะทุกวันนี้หนูก็ได้เป็นคนดีของครูแล้วและจะดีขึ้นๆ ทุกๆ วัน

“ถ้าโตขึ้นไปได้เป็นคนดี หนูจะมีแต่คนรักใคร่ ทำาสิ่งใดคิดอะไรหนูจะได้ดังใจเสมอ ดวงดาวสายรุ้งจะเป็นเพื่อนเรา ความหงอยเหงาจะไม่เจอะเจอ เป็นคนดีคนดีนะเออ ทำาดีเสมอไม่ว่าหนูจะเป็นอะไร” ครูเษม ป.๕

Golden Year

32 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 33

Page 18: Sansanook March

สำาหรับบวบสำานวนนี้ไม่ได้หมายถึงอาถรรพ์แห่งการครองคู่แต่อย่างใด แต่ด้วยความรู้สึกที่อยู่กันมานานเจ็ดปีเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการก้าวไปสู่อีกรูปแบบที่ท้าทายมากขึ้น เป็นการปรับเปลี่ยนสู่อีกการเติบโตที่ค่อนข้างยากลำาบากในโลกแห่งความสับสนระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ การเดินทางตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ในปีที่เจ็ดนี้โลกมีแต่ความท้าทาย อยากเผชิญกับทุกสิ่ง ไม่กลัวที่จะลองและไม่ต้องการให้ใครก้าวมาในโลกของเขา ทำาให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องยากและท้าทายกับผู้ใหญ่รอบข้างไม่น้อย “ถ้าไม่ทำาตามครูจะเกิดอะไรขึ้น” คำาถามยอดฮิตติดปากในห้องมัธยมฯหนึ่ง เมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะกันมาผลิกิ่งก้านให้เห็นชัดขึ้น ทำาให้เกิดคำาถามในใจบ่อยๆ ว่าเราดูแลพวกเขามาอย่างไร ทำาไมบางต้นถึงงามนัก บางต้นทำาไมหงิกงอเหลือเกิน ขาดอะไร หรือได้รับอะไรมากเกินไป นักปลูกต้นไม้อย่างเราจะทำาอย่างไรดี งานนี้คงทำาคนเดียวไม่ได้แน่ “พ่อแม่ที่เคารพรักค่ะ ช่วยบวบหน่อย” การประชุมห้องจึงเกิดขึ้น

กลางภาคเรียนที่ผ่านมา ครูแจ้งเด็กชั้นป.๑ และป.๖ ว่าพี่จะต้องสอนน้องถักนิตติ้ง ๒ วัน หลังจากนั้นคำาถามก็ตามมา “ครูครับห้องเราจะต้องไปสอนน้อง ป.๑ วันไหนครับ” “ครูคะเมื่อไหร่พี่ป.๖ จะมาสอนห้องเราคะ”    ในช่วงนั้นจะเห็นว่ามีเด็ก ป.๖ ไปชวนน้องเล่น เพราะครูให้ไปทำาความรู้จักกันเอง เมื่อเวลานั้นมาถึงเด็กทั้งสองห้องต่างก็ตื่นเต้นพอกัน แววตาอยากรู้ของน้องๆ ทำาให้พี่ๆ มีอาการเกร็งกันหลายคน (เพราะตัวเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะช่วยให้น้อง

7 years itchค่อนข้างบ่อยด้วยศึกษากลุ่มหนังสือ Between form & freedom การแบ่งปันเรื่องราวในวัยเด็กของแต่ละครอบครัว การตั้งคำาถามจากเรื่องที่อ่าน ทำาให้หลายบ้านตื่นและตระหนักมากขึ้น แต่นั้นคงไม่ดีไปกว่าการลงมือทำางานกับลูก และคำาตอบที่ทุกบ้านได้ไปคือ “ทุกอย่างเริ่มที่ครอบครัว หากเราจะช่วยลูก ช่วยครูและช่วยตัวพ่อแม่เอง เราต้องทำางานกันจริงจังและต่อเนื่องมากขึ้น” นี้คือบทสรุปที่ได้จากการประชุมปิดปีการศึกษา เจ็ดปีแห่งการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดได้เสมอกับทุกคนและทุกความสัมพันธ์ หลังจากละครน้องๆ จบลงและเริ่มต้นพักผ่อน พี่ๆ กำาลังเริ่มต้นกิจกรรมที่ท้าทายด้วยการแล่นใบ เจ็ดคืนแปดวันที่สัตหีบคงมีการเติบโตเกิดขึ้นที่นั่น มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะนำาเรือชีวิตของตัวเองฝ่าคลื่นลมและเกลียวคลื่น แล้วเด็กๆ จะรู้ว่าเจ็ดปีที่ผ่านมามันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น แล้วเราก็ผ่านมันไปได้ และเติบโตไปด้วยกัน..... ครูบวบ

เก็บมาฝาก

ถักนิตติ้งได้หรือไม่) แรกๆ พี่ป.๖ ก็มีอาการเขินนิดหน่อยค่ะ เพราะเมื่อน้องไม่เข้าใจขั้นตอนการถักต้องจับมือและให้น้องนั่งบนตัก แต่พอสักพักพี่ก็หายจากอาการเหล่านั้นและคิดหาวิธีต่างๆ มาสอนเพื่อให้ถักนิตติ้งได้ แต่ละคนใช้วิธีสอนแบบตามสไตส์ของตัวเอง เด็กบางคนใช้วิธีทำาให้ดู บางคนก็ใช้วิธีพูดเพื่อให้น้องจำาขั้นตอนการถักได้ ในที่สุดน้องป.๑ ก็สามารถถักนิตติ้งได้ ถึงแม้จะใช้เวลาเพียงแค่ ๒ วันก็ตาม (เห็นไหมคะว่าลูกๆ ของเราเก่งกันแค่ไหน) ครูนิต

34 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 35

Page 19: Sansanook March

36 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 37

Page 20: Sansanook March

เฮ้อ...เฮ้อ...อืม....เฮ้อ...แล้วก็ขอเฮ้ออีกที..หนอนอ้วนขอถอนหายใจหลายทีหน่อยนะจ๊ะพี่น้อง ก็หนอนอ้วนเห็นคุณครูเขาเดินสวนกันไปสวนกันมา ตั้งหน้าตั้งตาทำางาน พูดคุยกันทั้งเรื่องงานสอนประจำาวัน เตรียมงานให้สมศ.ตรวจแล้วเหนื่อยแทนน่ะ ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าเมื่อวันที่ ๒-๔ ก.พ.ที่ผ่านมาผู้แทนจากสมศ. ๓ คนเขาเข้ามาตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนน่ะสิ พอเขามาถึงเขาก็เดินดูโน่นดูนี่ เข้าห้องโน้น ออกห้องนี้ ถามเด็กเอย ถามครูเอย ถามผู้ปกครองเอย ถามทุกอย่างที่เขาอยากรู้ และขอเอกสารของโรงเรียนทุกอย่างที่เขาต้องการ (อันไหนโรงเรียนมีเขาก็ได้ดู อันไหนโรงเรียนไม่มีก็อดไป) โอ้ย! หนอนอ้วนเห็นแล้วเวียนหัว แต่พอถึงวันสุดท้ายที่เขาแจ้งผลการประเมินเบื้องต้น หนอนอ้วนก็เห็นคุณครูที่เข้าไปฟังเดินยิ้มหน้าบานออกมาจากห้องประชุมกันเป็นแถวรู้ได้ทันทีเลยว่าต้องเป็นข่าวดีแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องรอร่างเอกสารการประเมินที่เขาจะส่งมาให้โรงเรียนอีก ๑๕ วันข้างหน้านะจ๊ะ ...เย้...เย้...เอ้า..เมื่อเย้กันได้แล้ว เราก็มาพูดเรื่องบันเทิงของเรากันดีกว่า แต่หนอนอ้วนจะไม่เหลา เอ้อ เล่าเรื่องพี่ๆ ประถมไปค่ายหรอกนะ ก็คุณครูเขาตัดหน้าเล่ากันไปหมดแล้วน่ะ

เริ่มจากพี่ม.๑ ก่อนเลยที่เขาแสดงยูริธมี่กันไปเมื่อ ๑๒ ม.ค. โดยมีครู Noemi นำาทีม หลังจากซุ่มซ้อมกันอยู่นาน ผลงานที่ออกมาก็อย่างที่เราๆ ท่านๆ ได้เห็น สวยงาม ประทับใจมาก..มาก ทั้งประทับใจพี่ๆ ประถม พ่อแม่ผู้ปกครอง และคณะครูจากโรงเรียนเซนคาเบรียลที่เดินทางมาชมทั้ง ๑๕ ชีวิตเลยจ้า แล้วพอวันที่ ๑๓ ม.ค.พี่ๆ เขาก็ไปแสดงที่โรงเรียนอนุบาลบ้านรักให้เป็นที่ชื่นชมกันอีกด้วยจ้า

จากนั้นวันที่ ๒๕ ม.ค.ก็ได้ฤกษ์พิธีเปิดงานแสดงผลงานหัตถกรรมของนักเรียนตั้งแต่อนุบาล ๓ ถึง ม.๑ ที่ห้องอรุโณทัย โดยในวันเปิดงานพี่ๆ ป.๕ เขาก็โชว์ฝีมือแสดงดนตรีทั้งไวโอลิน เชลโลให้ได้เห็นฝีมือที่แท้จริงกันเลยทีเดียว และงานแสดงผลงานหัตถกรรมครั้งนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมากมีคนหมุนเวียนกันเข้าไปชมทุกวันทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองที่มาเยี่ยมชมโรงเรียน นิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มาดูงานที่โรงเรียน (๒๘ ม.ค.) คณะผู้ตรวจจากสมศ. และก่อนเก็บงาน ๑ วันคณะครูจากเฉินตู ประเทศจีนก็มาชมงานนี้ด้วย (๔ ก.พ.)

38 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 39

Page 21: Sansanook March

อ่ะ... มาถึงข่าวดีกันบ้างก็คุณลุงใจดีกับคุณป้าผู้น่ารัก คุณลุงเปาโลกับคุณป้ามาริต้าได้เดินทางมาถึงโรงเรียนแล้วน่ะสิเมื่อวันที่ ๓ ก.พ. โดยในการมาครั้งนี้คุณลุงเปาโลจะมาช่วยผู้ปกครองออกแบบและปรับปรุงห้องเรียนมัธยมที่โรงเรียนกำาลังจะสร้างใหม่เพื่อรองรับการขยายชั้นมัธยมปลายตรงสวนอาหารบ้านต้นซุง (ผู้ปกครองเป็นใครบ้างคงไม่ต้องบอก เพราะถ้าใครที่มาประชุมเมื่อวันที่ ๑๖ ม.ค.ก็คงรู้อยู่แล้วเน๊าะ) ส่วนคุณป้ามาริต้าจะมาทำาศิลปบำาบัดกับพี่ๆ ประถมที่ต้องการการช่วยเหลือจ้า

ต่อมาวันที่ ๑๐ มี.ค. เวลา ๐๘.๐๐ -๑๒.๐๐ น. นักศึกษาจาก

มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี ทั้งหมด ๕๖ ชีวิตเข้ามาศึกษาดูงานการสอนระดับอนุบาลของโรงเรียนเราด้วยจ้า โอ้ย....โรงเรียนจะแตก

มั้ยน้อ

อ่ะ...ทีนี้ขอพูดถึงกิจกรรมช่วงปิดเทอมนี้กันบ้าง ตอนนี้ที่หนอนอ้วนสืบทราบมาแล้วแน่ๆ ก็คือ คุณครูเขามีอบรมกัน ๓ รายการก็คือ การอบรมครูอนุบาลวอลดอร์ฟ ๓ ปี รุ่นที่สอง และการอบรมครูมัธยมวอลดอร์ฟ ครั้งที่สอง ซึ่งจัดพร้อมกันวันเวลาเดียวกันเลยที่โรงเรียนแสนสนุกฯของเรานี่แหละ นั่นคือระหว่างวันที่ ๒๙ มี.ค.-๙ เม.ย. และอีกหนึ่งการอบรมก็คือ อบรมการศึกษาบำาบัด ระหว่างวันที่ ๖-๑๒ เม.ย. ที่โรงเรียนวรรณสว่างจิต เนี่ยน้า...ใครว่าเป็นครูไม่เหนื่อย ขนาดปิดเทอมก็ยังต้องหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองเลยนะจะบอกให้ อ้อ...ลืมไปมีอีกอย่างนึง ก็การอบรม ATT ไง แต่ปีนี้เขาไปจัดกันไกลหน่อย ที่เชียงใหม่เจ้าโน่นแน่ะ ช่วงวันที่ ๒๖-๓๐ เม.ย. เห็นว่ามีคุณครูของเราไปเป็นวิทยากรและผู้ช่วยวิทยากรกันหลายคนเลยจ้า

เอ้า...ลืมไปเรื่องนี้ถ้าไม่บอกต่อต้องโดนคุณครูเขกหัวจนปูดเท่าลูกมะนาวแน่ๆเลย ก็คุณครูเขาฝากไว้ตั้งนานแล้วว่าให้หนอนอ้วนช่วยเขียนให้หน่อย ก็คือว่าอย่างนี้นะ เมื่อวันงานเทศกาลเก็บเกี่ยวตอนปลายปีที่แล้ว (ธ.ค.๕๒ ฟังดูเหมือนไกลเลยเน๊าะ) โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากพ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างดีเรื่องการนำาภาชนะใส่อาหารและแก้วน้ำามาจากบ้าน เก็บล้างแล้วเอากลับบ้านกันอย่างเรียบร้อยสวยงาม ทำาให้ภายในงานและภายในโรงเรียนของเราไม่มีขยะทิ้งเกลื่อนกลาดหรือล้นถังเหมือนทุกปี

เป็นยังไงกันบ้างพูดมาถึงตรงนี้แล้ว

เบื่อฟังหนอนอ้วนกันหรือยัง หวังว่าจะยังนะ แต่หนอนอ้วนน่ะขี้เกียจเล่าแล้วล่ะ ว่าจะไปหาอะไรรองท้องหน่อย แล้วก็ไต่ๆ

ไปหาที่นอนอาบแดดให้สบายอารมณ์ แล้วค่อยออกไปสอดส่ายสายตาหาข่าวมาเล่าต่อ ไปล่ะนะ

บ้าย..บาย

มองดูแล้วสะอาดตาและยังช่วยลดภาวะโลกร้อนไปได้เยอะเลย นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงให้เด็กๆ เห็นถึงพลังของการช่วยกันอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่กับเราต่อไปอีกนานแสนนานด้วย ถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจในความร่วมมือร่วมใจของเราทุกคนเป็นอย่างมาก คุณครูทุกคนจึงฝากคำาขอบคุณมายังทุกบ้านผ่านสารแสนสนุกฉบับนี้ และหวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดีเช่นนี้เรื่อยไปนะจ๊ะ ...ขอบคุณจ้า...พบกันใหม่วันเปิดเทอม ๖ พ.ค.นะจ๊ะ...บ้าย...บาย... (จริงๆ ละ)

40 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 41

Page 22: Sansanook March

สวัสดีครับทุกๆ คน อยู่ๆ วันหนึ่งแม่เปียก็โผล่มาบอกอยากให้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ “บ้านกระท่อมทอง” ผมแอบยุ่งจึงไม่ได้ทำาซักที หลังจากนั้นมีแม่ๆ อีกหลากคนเปลี่ยนหน้ามาตามในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา สุดท้ายผมก็ต้องทำาในสิ่งที่สอนลูกบ่อยๆว่าตั้งใจทำา ก็เลยได้เรื่องราวของกระท่อมทองออกมาซักที ที่แม่เปียแกตั้งโจทย์ไว้ว่าอยากรู้ว่า บ้านกระท่อมทอง ดีอย่างไร ทำาไมถึงได้ชวนครอบครัวห้องแสงตะวันไปกันซ้ำาๆ ถึง 2-3 ครั้ง ติดต่อกันในปีที่ผ่านมา      ก่อนอื่นที่จะไปพูดเรื่องบ้านกระท่อมทอง  ผมคงต้องพูดถึงแนวคิด ผมแยกความคิดของการพักผ่อนกับการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวของเด็กไม่เหมือนการท่องเที่ยวของผู้ใหญ่ การพักผ่อนคือการทำาให้นาฬิกาของตัวเองเดินช้าลง ละทิ้งจากสิ่งที่ทำาประจำาจนเหนื่อยล้า นำาตัวเองกลับสู่ธรรมชาติรับพลังชีวิตกลับสู่ตัว ได้มีเวลาอยู่กับตัวตนเพื่อไตร่ตรอง ส่วนการท่องเที่ยวเป็นเหมือนการออกสู่โลกกว้างเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อสะท้อนให้ตัวระลึกถึงความมหัศจรรย์ในตนเองและการเป็นส่วนร่วมเล็กๆ ของโลก ที่ผมไม่ได้พูดถึงการพักผ่อนของเด็กเลยเพราะเด็กเล็กอยู่ในโลกของการเล่นและท่องเที่ยวค้นหาแทบตลอดเวลา หมดพลังงานเพียงหลับตื่น ทุกอย่างก็เต็มร้อยเหมือนเดิม การท่องเที่ยวของผู้ใหญ่มักชอบมองหาความแปลกใหม่ในที่ใหม่ๆ คนใหม่ๆ แต่การท่องเที่ยวของเด็กเขาจะสามารถค้นพบความแปลกใหม่ในสถานที่ที่คุ้นเคยแต่มีอิสระที่จะสำารวจและสร้างสรรค์ดีกว่าสถานที่ใหม่ๆ ที่แปลกตาตื่นเต้นไม่คุ้นเคยและพ่อแม่ต้องคอยระวัง

บอกตอ่

      บ้านกระท่อมทองเป็นบ้านพักของเอกชนแถบชะอำาซึ่งผมได้ไปเจอโดยบังเอิญตอนไปเที่ยวปีใหม่ในช่วงผมเริ่มทำางานใหม่ๆ ตอนนั้นผมมองหาบ้านพักที่เป็นส่วนตัวหน่อย แต่ก็ได้เจอดีกว่าที่คาดไว้มาก คนส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงชะอำามักจะคิดถึงชายหาดที่ถนนสองเลนพาดผ่านจึงมีบ้านพัก และผู้คนมากมาย ไม่น่าจะเหมาะกับที่จะพาเด็กไป แต่บ้านกระท่อมทองอยู่หาดเดี่ยวกับชะอำาแต่เลยทางเข้าชายหาดชะอำาไปอีกสักสี่ห้ากิโลเมตร เป็นที่ดินติดหาดส่วนตัว ติดกับชะอำาแกรนด์คอนโดเทล บ้านพักทั้งหมดห้าหลัง สองหลังเป็นห้องนอนเดี่ยวใหญ่ ที่เหลือเป็นห้องนอนคู่ รวมได้แปดห้องนอน เป็นเหมือนบ้านพักตากอากาศส่วนตัว สะอาดเหมือนบ้านตัวเอง มีทุกอย่างที่จำาเป็น ชาดหาดสะอาดเป็นธรรมชาติ มีเพียงเพื่อนร่วมที่พัก กับคนที่มาพักคอนโดใช้หาด หาดปลอดภัย ค่อยๆ ราบลง ไม่มีเหว มีที่กิน และทำากิจกรรมร่วมกันได้ มีแม่บ้านที่ทำาอาหารอร่อย ซื่อสัตย์ นิสัยดี

บ้านกระท่อมทอง

42 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 43

Page 23: Sansanook March

      นอกจากที่ผมชอบพาลูกมาที่บ้านกระท่อมทองนอกจากเพราะสถานที่ที่ดีแล้ว ในแง่แนวคิดก็เพราะเป็นที่พักผ่อนอย่างดีสำาหรับผมและภรรยา และเป็นที่ท่องเที่ยวอย่างดีของเด็กเล็ก มีทั้งดิน น้ำา ลม ไฟ ให้เล่น ส่วนที่ผมชวนครอบครัวในห้องแสงตะวันไปเที่ยวพร้อมกันเพราะผมเชื่อว่าไปเป็นกลุ่มดีกว่าไปบ้านเดียว ซึ่งจำานวนครอบครัวที่เหมาะสมก็ประมาณ 3-6 ครอบครัว เด็กจะมีความสุขกันมากเลยในสถานที่ที่ปลอดภัย แล้วเราให้อิสระแกเขาในการเล่น เด็กๆ ก็สนุกกับการเล่นน้ำาแบบไม่เหน็ดเหนื่อย พ่อแม่สามารถพลัดกันช่วยดูแลและลงเล่นน้ำาได้ ทำาให้

ไม่เหนื่อยเกินไป โดยทั่วไปเด็กจะไม่ร้องขอหรือติดพ่อแม่เกินไปนัก แน่นอนใครที่เคยไปเที่ยวกันเองเป็นครอบครัวเดียวคงรู้ว่าพ่อแม่เหนื่อยแค่ไหนโดยเฉพาะแม่ (ฮะฮ้า...)

      คงขาดไม่ได้ที่ให้พ่อแม่แบ่งปันความรู้สึกที่ได้ไปด้วยว่าเป็นอย่างไร.....       สุดท้ายผมอยากสนับสนุนให้แต่ละครอบครัวเรียนรู้ทำาตามแนวทางการเรียนรู้แบบวอลดอล์ฟ การตัดสินใจร่วมมือกันของแต่ละครอบครัวสามารถช่วยให้การเลี้ยงลูกให้ดีและเด็กมีศักยภาพสูงสุดในทุกด้านง่ายขึ้น รายละเอียดเล็กน้อยที่พ่อแม่เห็นว่าไม่สำาคัญมักส่งผลกับเด็กแล้วถูกแพร่กระจายในหมู่เด็กปานเชื้อโรคชั้นดี การเลือกสิ่งแวดล้อมในการเที่ยวและเพื่อนร่วมทางก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราใส่เข้าไปในจังหวะชีวิตของเด็กได้

พ่อวิท... น้องเกรซ ห้องแสงตะวัน

44 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 45

Page 24: Sansanook March

ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่เราจะปิดภาคเรียนกัน คุณครูมาจอรีได้มาเยี่ยม โรงเรียน และได้ทำางานร่วมกับคุณครูในชั้นอนุบาลทั้งสอนและลงไปในงานปฏิบัติ ก่อนที่จะเล่าถึงเนื้อหาที่คุณครูมาจอรีได้มาพูดคุยให้ความรู้กับพ่อแม่ในชั้นอนุบาล แม่เปียขออนุญาตเล่าถึงคุณครูมาจอรีให้ฟังคร่าวนะคะ

คุณครูมาจอรี เป็นชาวนิวซีแลนด์ เป็นคุณแม่ลูก 2 คุณยายหลาน 3 ซึ่งลูกๆ ของคุณครูมาจอรีได้ผ่านการเรียนในการศึกษาวอลดอร์ฟตั้งแต่ เกรด 1-12 ทั้ง 2 คน รวมไปถึงหลานทั้ง 3 คน ที่กำาลังเริ่มต้นการศึกษาที่นิวซีแลนด์ นอกจากนี้ คุณครูยังเป็นที่ปรึกษาของโรงเรียนวอลดอรฟ์ทั่วประเทศนิวซีแลนด์

แม่เปียขอหยิบบางส่วนที่คุณครูมาจอรีได้มาพูดคุยกับพ่อแม่อนุบาล เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในช่วงที่เรากำาลังจะปิดภาคการศึกษานี้ เพื่อจะรักษาจังหวะของที่บ้านให้สอดคล้องกับที่โรงเรียนด้วยค่ะ

เก็บเกี่ยวจากครูมาจอรีเรื่องแรกที่คุณครูได้พูดถึง เป็นเรื่องการทำางานระหว่างคุณครูและผู้ปกครอง คุณครูได้ยกภาพสามเหลี่ยมที่มียอดอยู่ด้านบน โดยได้กล่าวว่า ตรงยอดบนนั้นคือเด็กๆ และมุมทั้ง 2 ของฐานก็คือ ผู้ปกครอง และคุณครู การช่วยกันทำางานของผู้ปกครองและคุณครูจะสามารถส่งพลังผ่านให้เด็กๆ ซึ่งในส่วนของผู้ปกครอง สามารถทำาได้โดยการรักษาจังหวะการตื่น การกิน และการเข้านอน ให้เหมือนกับช่วงเปิดเทอม คุณครูได้กล่าวว่าเด็กเล็กๆ นั้น ยังอยู่ในสภาวะฝัน dream conscious คือเด็กจะไม่รู้ตัวแบบตื่นเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใดๆ ไม่ว่าเราจะนำาเขาไปวางไว้ที่ไหน เขาก็จะทำาเพียงอย่างเดียวคือเล่น ในทุกๆ เช้าที่เราพาเขามาโรงเรียน เด็กจะไม่สามารถตื่น อาบน้ำา กินข้าว ขึ้นรถ สิ่งที่เด็กๆ จะทำาก็คือ เริ่มที่จะเล่นทันทีเมื่อตื่น คุณครูได้แนะนำาว่า เราควรจะเพื่อเวลาให้เขาได้เล่น แล้วค่อยเริ่มกิจกรรมต่างๆ อีกสิ่งหนึ่งที่คุณครูได้แนะนำาคือ ไม่อยากให้เด็กๆ ต้องรีบไปโรงเรียนแล้ว

ทานอาหารเช้าบนรถ เราควรจะตื่นให้เช้าขึ้น ปลุกเด็กให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ให้เขามีเวลาได้เล่นและค่อยๆ ทำากิจกรรมต่างๆ ก่อน จึงจะขึ้นรถไปโรงเรียนเรื่องที่สอง คือเรื่องเกี่ยวกับการเด็กไปสัมผัสกับธรรมชาติบ้าง เนื่องจากชีวิตประจำาวันของเราต้องอาศัยอยู่ในเมือง ทำาให้เด็กๆ ไม่ค่อยมีโอกาสพัฒนาประสาทสััมผัส ซึ่งถึงแม้ว่าในชั้นเรียนจะมีของเล่นเพื่อสนับสนุนประสาทสัมผัสต่างๆ ของเด็กอยู่แล้ว แต่การที่เด็กได้มีโอกาสได้วิ่งไปในที่กว้างๆ โดยไม่มีขอบเขต การได้ปีนต้นไม้ การได้ไปสัมผัสกับสายนำา้ ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากการที่อยู่ที่บ้าน ในเมือง หรือศูนย์การค้า คุณครูแนะนำาว่าเราควรพาลูกๆ ไปนอกเมืองทุกสุดสัปดาห์ หรือบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำาได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็สวนสาธารณะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณครูบอกว่าให้ลืมเรื่อง การทำาความสะอาดบ้านไปบ้างก็ได้ (ขอนี้แม่เปียขอสนับสนุน) เพราะช่วงเวลาเด็กของลูกเราจะผ่านไปโดยไม่มีวันหวนกลับ อย่าปล่อยให้มันผ่านเฉยๆเรื่องสุดท้าย คือเรื่องการอ่านหนังสือกับลูก คุณครูบอกว่าการอ่านหนังสือกับลูกนั้นเป็นเรื่องที่จะสามารถช่วย

สร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน เพราะตัวคุณครูเองก็อ่านหนังสืิอกับลูกจนถึงอายุ 15-16 ปี ในช่วงเวลาทีี่ลูกยังอ่านไม่ได้ เรามีหน้าที่อ่านให้ลูกฟัง แต่ในขณะที่ลูกเริ่มอ่านเป็น แล้วเขาอาจจะต้องเจอกับคำายาก แล้วเขาก็จะข้ามคำาเหล่านั้น แต่ถ้าเราอ่านไปกับเขา เราสามารถเอาประสบการณ์ทั้งชีวิตที่เราประสบมา มาแบ่งปันให้กับลูกได้ นอกจากนี้เรืื่องที่เราจะเล่าให้ลูกๆ ฟังอาจจะเป็นประสบการณ์ในวัยเด็กของเรา ซึ่งเป็นทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี เด็กๆ ก็จะชอบมากเพราะว่าพ่อแม่เป็นบุคคลที่ใกล้ตัวเขา เรื่องราวเหล่านั้นก็จะมีความเกี่ยวพันกับของเขาเอง บางครั้งเวลาทีลูกอยู่กับเพื่อนๆ เขาก็จะเลือกอ่านแต่เรื่องราวที่เป็นที่สนใจแบบเดียวกับเพื่อน ซึ่งบางครั้งตัวเขาเองอาจจะชอบวรรณกรรมคลาสสิกมากกว่า แม่เปียรู้สึกว่าเรื่องราวที่คุณครูมาจอรีนำามาเล่าสู่กันฟัง ทำาให้ช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกับลูกมีความสุขมากขึ้น อาจจะเล่าได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็หวังว่าคนที่พลาดโอกาสในการฟังครั้งนั้นสามารถนำามาปรับใช้ได้

แม่เปีย

46 ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ ส า ร แ ส น ส นุ ก มีนาคม ๒๕๕๓ 47

Page 25: Sansanook March

๒๒๖ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวง/เขตวังทองหลาง กทม.๑๐๓๑๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๕๙-๓๔๔๖, ๐-๒๕๓๐-๗๗๙๐-๑

e-mail: [email protected] www.tridhaksa.ac.th