Upload
surapong-chomcheywong
View
1.561
Download
2
Embed Size (px)
DESCRIPTION
Power Point การตลาด บท 9 กลุ่ม 9กลุ่มเรียนที่ 2 มหาวิทยาลัยสยาม
Citation preview
หมายถึง จํานวนของเงินท่ีถูกเรียกเก็บเปนคาสินคาหรือบริการ จะตองมีการกําหนดราคาใหมีความเหมาะสมกับ
ลักษณะผลิตภัณฑ ลูกคา และวิธีการจัดจําหนาย
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห ปจจัยที่ควรคํานึงในการกําหนดราคา
{Situation analysis}
1.1ปจจัยภายในองคกร [Organizational factor]
ประกอบดวยฝายตางๆท่ีเกี่ยวของกับการตั้งราคาเชน ฝายการผลิต การตลาด การเงิน รวมท้ังนโยบายการตั้งราคาของบริษัท
1.2เปาหมายและวัตถุประสงคขององคกร[Organizational goal and objective]
วัตถุประสงคของการตั้งราคาตองสอดคลอง กับวัตถุประสงคทางการตลาด วัตถุประสงคและเปาหมายขององคกรดวย
การกําหนดราคาจะตองคํานึงถึงตนทุน บวกดวยกําไรที่ตองการ โดยทั่วไปราคาตํ่าสุดที่กําหนดไวจะไมตํ่ากวาตนทุนผันแปรตอหนวย แตการต้ังราคาบางครั้งอาจตํ่ากวา
ตนทุน (Loss leader pricing) เพื่อจูงใจใหลูกคาซื้อสินคาเพิ่ม
1.3 ตนทุน [Cost]
1.ผลิตภัณฑท่ีมีลักษณะเดน 2.ผลิตภัณฑท่ีตราสินคามีชื่อเสียง มีแนวโนมท่ีจะตั้งราคาสูง 3.ชนิดของผลิตภัณฑ สายผลิตภัณฑ และสวนประสม ผลิตภัณฑ จะมีราคาท่ีแตกตางกัน 4.การใหบริการเสริมตางๆ
1.5ลักษณะของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ [Product life cycle]
สามารถแบงเปน 5 ข้ัน ไดแก 1.ข้ันพัฒนาผลิตภัณฑ (Product development stage) ยังไมมีการกําหนดราคาของผลิตภัณฑ2.ข้ันแนะนํา (Introduction stage) ราคาอาจจะสูงหรือต่ําก็ไดข้ึนอยูกับลักษณะผลิตภัณฑ 3.ข้ันเจริญเติบโต (Growth stage) ตั้งราคามีแนวโนมวาจะลดลง
1.6 โปรแกรมการตลาดอื่นๆ [Other marketing Program
in price decision]
เปนปจจัยที่อยูภายนอกองคกรที่กิจการไมสามารถควบคุมได ปจจัยเหลานี้ ไดแก
2.1ความยืดหยุนของอุปสงค (Elasticity of demand)
2.2 ประเภทของลูกคา [Type of customer]
การตั้งราคานั้นจะตองคํานึงถึงลูกคากลุมเปาหมายของสินคานั้นๆดวย
2.3 ผูขายวัตถุดิบและปจจัยการผลิต[Supplier]
การต้ังราคาตองคํานึงถึงผูขายวัตถุดิบและปจจัยการผลิตประกอบดวย เพราะจะตองนํามาคํานวณ
เปนตนทุนของสินคา และเปนราคาของสินคาในที่สุด
2.4ภาวะการแขงขัน [Competition]
ภาวะการแขงขันในตลาดสูงมากหรือรุนแรงก็ควรตั้งราคาใหต่ําลง เพ่ือหลีกเลี่ยงการแขงขัน
2.5 สภาพแวดลอมทางเศรษฐกิจ [Economic environment]
ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ําอํานาจซ้ือของผูซ้ือจะลดลง ราคาจึงมีแนวโนมที่จะลดลง เพ่ือกระตุน
ใหผูบริโภคเกิดการซ้ือ
2.6 จริยธรรมของนักธุรกิจ [Ethical]การตั้งราคาจึงตองคํานึงถึงความรับผิดชอบ
ตอสังคมดวย
2.7 กฎหมาย [Legal] การต้ังราคาตองใหเหมาะสมและสอดคลองกับ
กฎหมายท่ีเก่ียวของกับการต้ังราคาดวย
ข้ันที่ 2 การเลือกวัตถุประสงคในการตั้งราคา [Selecting pricing objectives]
วัตถุประสงคในการตั้งราคา
1.มุงรายไดจากการขาย [Total revenue]
เพื่อการเพิ่มขึ้นของรายไดจากการขาย เพ่ือเพ่ิมเงินสดหมุนเวียน
เพื่อใหไดรับผลตอบแทนจากเงินลงทุนตามเปาหมาย
เพื่อใหไดกําไรสูงสุด
เพื่อดํารงการดําเนินธุรกิจใหคงอยูตอไป
3. มุงยอดขายหรือปริมาณขาย ( Sales or sales quantity)
เพ่ือเพ่ิมยอดขาย เพ่ือรักษาสวนครองตลาด
เพ่ือความอยูรอดของกิจการ เพ่ือเพ่ิมสวนครองตลาด
4. มุงการแขงขัน(Competition)
เพ่ือเผชิญกับการแขงขัน เพ่ือหลีกเล่ียงการแขงขัน
เพ่ือตัดราคาของคูแขงขัน
เพื่อการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมที่ดี
เพื่อรักษาภาวะการจางงาน
เพ่ือภาพลักษณของบริษัท เพ่ือภาพลักษณของผลิตภัณฑ
6. มุงสรางภาพลักษณ (Image)
ข้ันที่ 3 การคาดคะเนปริมาณความตองการซ้ือสินคา(Determining demand)
1.การสํารวจความตั้งใจของผูซ้ือ (Survey of buyers intentions)
เปนวิธีการสอบถามความคิดเห็นจากพนักงานขาย เพราะพนักงานขายจะเปนผูที่เก่ียวของกับลูกคาโดยตรง จึงทําใหทราบถึงปริมาณความตองการซ้ือสินคาชนิดตางๆในระดับราคาที่แตกตางกันได
3. ความคิดเห็นของผูเชี่ยวชาญ (Expert opinions)
4. การทดสอบตลาด (Market test method)
เปนวิธีการนําสินคาจํานวนหนึ่งออกทดลองจําหนายในพื้นที่ที่คาดวาจะเปนตัวแทนของตลาด เพื่อทราบขอมูลเก่ียวกับราคา ปริมาณการขาย และ
ขอมูลทางการตลาดอ่ืนๆ
5. การวิเคราะหอนุกรมเวลา (Time series analysis)
เปนวิธีการคาดคะเนความตองการซ้ือในอนาคตโดยอาศัยขอมูลการขายในอดีต
พิจารณาจากความสัมพันธของการเปล่ียนแปลงของยอดขายกับเวลา
มีเทคนิคในการบริหารตนทุนและคาใชจายดังนี้
ตนทุนระยะสั้น ตนทุนระยะยาว
2.เสนประสบการณ [Experience curve]
ธุรกิจท่ีมีประสบการณในการปฏิบัติงานจะมีตนทุนการผลิตต่ํากวาธุรกิจท่ีไมมีประสบการณ
3.ความเปนอัตโนมัติ [Degree of automation]
ธุรกิจท่ีมีการนําเคร่ืองจักรอัตโนมัติมาใชในการผลิตและจัดการระบบงานท่ีเหมาะสมจะชวยลดตนทุนในการผลิตลงไดและยังชวยใหเกิดขอไดเปรียบจากการผลิตมากกวาธุรกิจท่ีไมไดนําเคร่ืองจักร
อัตโนมัติหรือการจัดระบบมาท่ีดีมาใช
ขั้นที่ 5 การวิเคราะหตนทุน ราคา และผลิตภัณฑของคูแขงขัน
[Analyzing competitors costs prices and offers]
การวิเคราะหตนทุน ราคาและผลิตภัณฑของคูแขงขัน
บริษัทตองศึกษาถึงตนทุนของคูแขงขันเพื่อใหทราบขอไดเปรียบหรือขอ
เสียเปรียบจากตนทุนตองศึกษาถึงราคาและคุณภาพของผลิตภัณฑของคูแขงขัน
โดยสงผูสังเกตการณไปสํารวจราคาผลิตภัณฑกลยุทธการตลาดของคูแขงขัน รายงาน ราคาสินคาตางๆ ตลอดจนทําการวิจัย ผูซื้อเก่ียวกับราคาที่ผูซื้อรับรูได
ในผลิตภัณฑของคูแขงขัน
ขั้นที่ 6 การเลือกวิธีการต้ังราคา [Selecting a pricing
method]
ตนทุนคงท่ีเฉล่ีย ตนทุนผันแปรเฉล่ีย ตนทุนเฉล่ีย
วิธีการตั้งราคาโดยบวกเพ่ิมจากตนทุน [Cost plus pricing]
1.1การต้ังราคาโดยบวกเพิ่มจากตนทุนเฉลี่ย [Average Cost (AC)pricing] เปนการต้ังราคาโดยบวกสวนเพิ่ม [Mark up] หรือกําไรตอหนวยจากตนทุนเฉลี่ย
1.2การต้ังราคาโดยบวกเพิ่มจากตนทุนผันแปรเฉลี่ย [Average Variable Cost (AVC) pricing ] หรือตนทุนที่เพิ่มขึ้น (Incremental cost pricing) เปนการต้ังราคาโดยบวกเพิ่มกําไรตอหนวยจากตนทุนแปรผันเฉลี่ย
ราคา = ตนทุนแปรผันเฉล่ีย (AVC)+ กําไรตอหนวย
1.3 การตั้งราคาโดยบวกเพิ่มจากตนทุนสวนเพิ่ม [Marginal Cost (MC) pricing]
เปนการต้ังราคาโดยบวกเพิ่มกําไรตอหนวยจากตนทุนสวนเพิ่มของหนวย
ราคา= ตนทุนสวนเพิ่มตอหนวย (MC) + กําไรตอหนวย
1.4 การต้ังราคาโดยบวกเพิ่มจากตนทุนโดยพอคาคนกลาง [Cost plus pricing by middlemen] ไดแก ผูคาสงและผูคาปลีก มักนิยมต้ังราคาสินคาโดยบวกจํานวนเงินสวนเพิ่ม (Mark up) จากตนทุน อัตราสวนเพิ่ม (Mark up percentage) ปกติจะคํานวณจากราคาขายเสมอ ถาคํานวณจากฐานตนทุนเราเรียกวา อัตราสวนเพิ่มคิดจากตนทุน (Mark up or Mark up on cost)
1.5 การวิเคราะหจุดคุมทุน [Break-even point analysis]จุดที่แสดงถึงปริมาณการผลิตเพื่อขายที่ทําใหรายไดรวมเทากับตนทุนรวมและ ณ จุดคุมทุนนี้กิจการจะไมมีกําไรหรือขาดทุน ดังนั้น ปริมาณการผลิตเพื่อขายที่คุมทุนก็คือปริมาณที่ทําใหรายไดรวมเทากับตนทุนรวม
2.การต้ังราคาโดยพิจารณาจากความสมดุลระหวาง
อุปสงคและอุปทาน [Price bases on a balance between
demand and supply]
เปนการกําหนดราคาที่จะทําใหเกิดความสมดุลระหวางอุปสงคกับตนทุนตอหนวยที่ทําใหเกิดกําไรสูงสุด วิธีนี้เหมาะสําหรับ
บริษัทที่มีวัตถุประสงคเพื่อตองการใหไดกําไรสูงสุด เพื่อ
นําไปเปรียบเทียบกับการกําหนดราคาวิธีอื่น
3.การตั้งราคาโดยพิจารณาความสัมพันธกับตลาดอยางเดียว
[Pricing set in relation to market alone]
เปนการตั้งราคาโดยการนําเอาราคาของผูแขงขันมาใชเปนแนวทางในการตั้ง
ราคา วิธีการตั้งราคามี 3 แบบ คือ
3.1 การตั้งราคาเพื่อเผชิญการแขงขัน [Pricing to meet competition]
3.2 การตั้งราคาต่ํากวาคูแขงขัน [Pricing below competition level]
3.3. การตั้งราคาสูงกวาคูแขงขัน [Pricing above competition level]
ขั้นที่ 7 การตัดสินใจเลือกราคาขั้นสุดทาย
[Selecting the final price]
1.การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา [Psychological pricing]
เปนการตั้งราคาท่ีตองคํานึงถึงหลักจิตวิทยาของลูกคาท่ีมีตอสินคาของธุรกิจ
2.อิทธิพลของสวนประสมการตลาดอื่นๆท่ีมีตอราคา[The influence of other marketing mix
element on price]การตั้งราคาจะตองคํานึงถึงสวนประสมของตลาดโดยเฉพาะคุณภาพของผลิตภัณฑและการโฆษณา
3.นโยบายการตั้งราคาของบริษัท [Company pricing policies]
ราคาขั้นสุดทายจะสอดคลองกับนโยบายการตั้งราคาของบริษัท
4.ผลกระทบของราคาตอฝายตางๆท่ีเกี่ยวของ [Impact of price on other parties ] เปนการพิจารณาถึงปฏิกิริยาของฝายตางๆท่ีมีตอ
ราคาขั้นสุดทายท่ีกําหนดไว
ขั้นที่ 8 การกําหนดนโยบายและกลยุทธดานราคา[Price policies and strategies]
1.1.การตั้งราคาสําหรับสินคาใหม
[New product pricing]
การตั้งราคาสําหรับสินคาใหมน้ันอาจจะเปนราคาระดับสูง
หรือระดับต่ําข้ึนอยูกับลักษณะของสินคาน้ัน ความยืดหยุนของอุปสงค ตนทุน และลักษณะการแขงขัน
2.การตั้งราคาสําหรับสวนประสมผลิตภัณฑ [Product mix pricing]
เกี่ยวของกับการพิจารณาการตั้งราคาสินคาในกรณีท่ีผูผลิตมีการผลิตสินคามากกวาหน่ึงชนิด ราคาของสินคาแตละชนิดจะเปนขอ
ใดขึ้นอยูกับลักษณะของสินคา
3.กลยุทธการปรับราคา [Price adjustment strategies]
สวนยอมให [Allowance] คือ สวนท่ีผูขายลดใหกับผูซื้อเพื่อใหผู
ซื้อสงเสริมการตลาดใหกับผูขาย
สวนลด [Discount] หมายถึง สวนลดท่ียอมลด
ใหโดยตรงจากการขาย
4.การตั้งราคาใหแตกตางกัน [Discrimination pricing]คือ การตั้งราคาสินคาและบริการใหแตกตางตามลักษณะความ
ตองการซื้อของลูกคา
5.การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา [Psychological pricing]เปนการตั้งราคาท่ีคํานึงถึงความรูสึกนึกคิดของผูบริโภคท่ีมีตอราคา
สินคาตามหลักจิตวิทยา
การตั้งราคาเหย่ือลอ [Bait pricing] เปนการดึงดูดใหลูกคาเขารานโดยการโฆษณาสินคาตัวใดตัวหน่ึงในราคาต่ํากวาปกติหรือ
ต่ํากวารานอื่นๆเพื่อดึงดูดใหลูกคาเขาราน
6.2 การตั้งราคาในเทศกาลพิเศษ [Special-event pricing]
6.4 สัญญาการรับประกันและการใหบริการ [Warranties and service contracts]
6.3 การขายเชื่อแบบคิดดอกเบ้ียตํ่า [Low-interest financing]
6.5 การใหสวนลดตามหลักจิตวิทยา [Psychological discounting]
6.6 การลดราคาเพื่อการสงเสริมการขาย [Cents-off promotion]
6.7 การคืนเงิน [Cash rebates]
7.การต้ังหลักราคาตามแนวภูมิศาสตร [Geographical pricing]
โดยมีรายละเอียดดังนี้
7.1 การตั้งราคาแบบสินคา F.O.B ณ จุดผลิต [F.O.B point – of production pricing ]
7.2 การตั้งราคาสงมอบราคาเดียว [Uniform delivered pricing]
7.3 การตั้งราคาสงมอบตามเขต [Zone delivered pricing หรือ Parcel-post pricing]
7.4 การตั้งราคาแบบผูขายรับภาระคาขนสง [Freight absorption pricing]
7.5การตั้งราคาจากจุดฐานที่กําหนด [Base-point pricing]
8.การต้ังราคาในตลาดตางประเทศ[International pricing]
เปนการตัดสินใจวาการต้ังราคาใดในประเทศตางๆที่เขาไปดําเนินการ
9. กลยุทธการต้ังราคาสําหรับสินคาที่เสื่อมความนิยม[Declining product]
9.1 รักษาระดับราคาและประคองราคาในตลาดนั้น
9.2 ข้ึนราคาในกรณีที่แนใจวาลูกคาบางกลุมยังภักดีตอตราสินคาของธุรกิจสูง
9.3 ลดราคาลงอยางมากเพื่อปองกันลูกคาไมใหหันไปซ้ือสินคาใหม
9.4 ลดราคาในสัดสวนเดียวกันกับการลด การสงเสริม การตลาดอ่ืนๆ
9.5 การเปล่ียนแปลงตําแหนงสินคาเสียใหม และข้ึนราคาสินคานั้น
10. นโยบายระดับราคา [The level of prices policy]
ผูผลิตจะกําหนดราคาของสินคาตามตําแหนงสินคาของธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับคูแขงขัน ผูผลิตอาจตั้งราคาสินคา
ณ ระดับราคาตลาดต่ํากวา หรือสูงกวาระดับราคาตลาด
11. นโยบายราคาเดียวกับนโยบายหลายราคา [One price and variable price]
11.1นโยบายราคาเดียว [One price policy] การท่ีผูผลิตคิดราคาสินคาชนิดหน่ึงสําหรับผูซื้อทุกรายในราคาเดียวกันภายใตสถานการณท่ีเหมือนกัน
11.2 นโยบายหลายราคา [Variable price policy] วิธีการตั้งราคาสินคาท่ีไมไดกําหนดไวแนนอนตายตัว ราคาสินคาท่ีคิดกับผูซื้อแตละรายจะไมเทากัน สําหรับสินคาอยางเดียวข้ึนอยูกับการตอรองของผูซื้อแตละราย
12. นโยบายแนวระดับราคา [Price lining policy]
เปนการกําหนดราคาสินคาที่จําหนายไวหลายระดับราคา สําหรับคุณภาพสินคาที่แตกตางกันภายในสายผลิตภัณฑเพื่อใหผูบริโภคไดเลือก
13. กลยุทธการลดราคา [Mark down] เปนเปอรเซ็นตของการลดราคาจากราคาขายท่ีตั้งไวเดิม
เน่ืองจากราคาท่ีกําหนดไวจําเปนตองเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะตลาด
14. กลยุทธการแสดงราคาสินคาตอหนวย [Unit pricing] เพ่ือใหผูบริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาสินคาตอหน่ึงหนวย
นํ้าหนัก เน่ืองจากสินคามีวิธีการบรรจุภัณฑในขนาดท่ีแตกตางกัน หรือแมแตการบรรจุในขนาดท่ีเทากัน ถาดูจากขนาดของการบรรจุภัณฑแตเพียงอยางเดียวจึงมีการเรียกรองใหพอคาปลีกแสดงราคาของสินคาตอหน่ึงหนวยนํ้าหนักควบคูไปกับการติดราคาตามปกติดวย