29
I AM AN OD CONSULTANT :AN A-Z GUIDE FOR AMAZING PROFESSIONAL DEVELOPMENT นเาใงโดยดร.ญโญ ตนาน Dip. Positive Psychology วศบ., MBA, Ph.D. (OD) AI Thailand @ 2016

I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

I AM AN OD CONSULTANT

:AN A-Z GUIDE FOR AMAZING PROFESSIONAL DEVELOPMENT

“รุ่นพี่เล่าให้ฟัง”

โดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์

Dip. Positive Psychology วศบ., MBA, Ph.D. (OD)

AI Thailand @ 2016

Page 2: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

คุยกันก่อนสวัสดีครับผมภิญโญ ผมเป็นอาจารย์สอนวิชา Appreciative Inquiry and Positive Organisation Development เป็นผู้ก่อตั้งเครือข่าย AI Thailand..ผมเองทำ OD มาพักใหญ่ เรียกว่าหลายคนเรียกผมว่ารุ่นพี่แล้ว ก็มีผู้สนใจอยากทำ OD มาคุยกับผม ด้วยอยากพัฒนาตัวเอง ...ในฐานะที่เป็นพี่ ถ้าน้องสนใจ ผมเองมีแนวทางการพัฒนาตนเองให้เป็นมืออาชีพด้านการพัฒนาองค์กร หรือเป็น OD Consultant แบบลงทุนน้อยแต่ได้ผลสูง ...เป็นประสบการณ์ที่ผมเล่าให้ผู้สนใจเป็นรายๆ แต่ไม่เคยเขียนสรุปมาก่อน ..วันนี้วันดีได้โอกาสเขียนมาเล่าให้ฟัง ติดอะไรก็ Inbox มาคุยกันได้ เบอร์ติดต่อผมอยู่ที่ www.aithailand.org ครับ

ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์

OD Consultant

“Appreciative Inquiry”

Page 3: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

A=ACTION RESEARCH

ใครจะเติบโตในอาชีพนี้ ควรทำความเข้าใจในศาสตร์ Action Research (AR) ให้ดี ศาสตร์นี้มีปรัชญาและความสวยงามในตัวเอง AR เป็นศาสตร์ที่ผมเชื่อว่าสามารถดึงศักยภาพมนุษย์ได้ออกมาสูงสุด สามารถนำแก้ปัญหาที่ไม่คิดว่าจะแก้ได้ โดยอาศัยการมีส่วนร่วม ...คน OD ต้องเข้าใจทำความเข้าใจครับ เมื่อเข้าใจก็สามารถจะไปต่อยอดกับศาสตร์ OD อื่นๆ เช่น Appreciative Inquiry, Learning Organisation, Whole Brain Literacy ได้

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 4: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

B=BASICS

พื้นฐานของ OD เลยที่แยกจาก Management คือ การสร้างการมีส่วนร่วม หรือต้องได้ยินทุกเสียง (Every Voice is heard) ...เน้นการมีส่วนร่วม จะมีลูกเล่นอะไรก็ตาม ดึงการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ทักษะสำคัญคือการเป็น Facilitator ซึ่งไม่ใช่การใส่ทักษะ หรือสอน แต่เป็นกระบวนกรครับ ฝึกทำกระบวนการให้ดี ลองไป Sittin หรือขอถือกระเป๋าตามรุ่นพี่สองสามครั้งก็ได้ครับ หรือไปเรียนก็ได้ในไทยมีสอนที่เจ๋งๆ ไม่แพงเช่นวงของอาจารย์วิศิษฐ์ สถาบันโพชฌงค์ของดร.วรภัทร์ หรือถ้าระดับปริญญาเองก็ ABAC หรือ MBA มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ที่อื่นก็มีเช่น เช่น NIDA ธรรมศาสตร์ จุฬา ลองไปหาดูนะครับ แต่ละที่ก็ดีๆทั้งนั้น

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 5: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

C= CERTIFICATIONต้อง Certified ตัวเองก่อนถึงมาทำได้ไหม ... ไม่ต้องก็ได้ครับ กูรูทั้งหลายที่อยู่ Field ไม่มีใคร Certified ครับ และนวัตกรรมด้าน OD ส่วนใหญ่กูรูท่านมอบเป็นมรดกโลก คุณสามารถศึกษา ดัดแปลง เผยแพร่ได้ แต่ก็เริ่มมี Certification บ้างเช่นฝั่ง Coaching ซึ่งเรียกว่าแข็งแรงกันเลยทีเดียว แต่ Coaching เป็นเพียงหนึ่งในพันของ OD ครับ แต่ถ้าคุณจะเอาดีทางโค้ชชิ่งแล้วมีทุนทรัพย์พอก็ไปจัดได้ แต่ถ้ายังไม่มี ก็ไม่ต้อง ศึกษามากๆ ทดลองมากๆก็แล้วกัน แต่ที่ผมว่าแข็งแรงมากๆ ก็น่าจะเป็นการเรียนต่อโท เอก นี่เอง ...เป็นโอกาสที่คุณจะได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง วิเคราะห์สังเคราะห์ความรู้ ด้วยตัวคุณเอง ไม่ใช่เรียนตามที่ใครสักคนบอกให้คุณเรียน คุณมีโอกาสจะสร้าง Signature ของตัวเองได้จากการเรียนครับ

ที่สำคัญอะไรที่ Certify มากๆ ไปมา Certify กันทั้งเมือง ทำเหมือนกันหมด ก็ตัวใครตัวมันครับ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 6: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

D= DO AND DON’T ใน OD1. ศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เรียน Certi fed หรือเรียนปริญญามาจะทำได้ดี ต่อให้ทำมามากๆ ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติม

2. Branding ตัวเองดีๆ ในเรื่องของความเชี่ยวชาญ อย่าให้คนอื่นสับสนว่าคุณทำอะไรกันแน่

3. เผยแพร่แนวคิด OD ให้โลกรับรู้ ล่าสุดผมไปทำ AI ใ้นโรงพยาบาล จบแล้วพยาบาลมาถาม อาจารย์ทำ OD เป็นไหม ...ที่เป็น Team Building นะ ...OMG ... “พี่ๆ ที่เพิ่งทำไปน่ะเขาเรียกว่า OD..Team Building เป็นหนึ่งในล้านของ OD ครับพี่ ..ฯฏ มีมากกว่านั้น” สังคมไทยยังไม่รู้จัก OD ครับ ช่วยเล่าให้คนฟังกันหน่อย

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

4. ดูแลตัวเองดีๆ OD.. ยังกรีนมากๆ ไม่ต้องฟาดฟันใครเพื่อนไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ ไม่จำเป็นเลย

5. ตัวเองสอนคนอื่นได้ด้วยการกระทำครับ ..OD เป็นวิชาที่ทำให้คนปรับปรุงตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณสามารถเอาวิชา OD มาปรับปรุงองค์กรคุณได้เช่นกัน

6. สุดๆ คือ Ethics รักษายิ่งชีพ อนาคตคุณไม่ได้อยู่ที่ฝีมืออย่างเดียว แต่อยู่ที่ชื่อเสียงความไว้วางใจด้วย

Page 7: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

E = ENGAGE

คนทำ OD เก่งๆที่ผมเห็น จะพยายามฟังลูกค้าไม่ว่าก่อนทำ OD ระหว่างทำ และหลังทำ ลองศึกษาจากต้นแบบดีๆของคุณ เพราะนอกจากจะทำให้ให้คุณสามารถตอบโจทย์ที่เขาต้องการได้แล้ว ยังสามารถออกแบบโจทย์ ออกแบบโครงการดีๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เรียกว่างานได้ผลคนสำเร็จ ... OD Practitioner เก่งๆ ก็จะฟังเก่งครับ ทักษะสำคัญคือการฟังเก่งๆ อย่ารีบตั้งสิน ควรไปฝึก Dialogue หรือ Theory U จะช่วยได้มากๆ การเป็น OD เก่งๆ ไม่ได้หมายความว่าจะพยายาม Pitch งานเก่งอย่างเดียว ทักษะที่ดีกว่านั้น คือการเข้าใจลูกค้า แล้วแก้ปัญหาให้เขาได้ อย่างถูกจุด เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว คุณจะได้รับการบอกต่อเอง ขายแบบไม่ต้องขาย

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 8: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

F= FIELDSมีเพียบครับ Action Research เองก็แตกไปมาก 8-9 ตัว ตอนนี้ยังใช้ไม่มากยังสามารถทำอะไรได้อีก ...Appreciative Inquiry เป็น Field ใหม่ นี่ก็แตกไปอีก 8-9 Fields ย่อย ผมเล่นอยู่ คนก็ยังทำไม่มาก ...Coaching นี่ก็มาใหม่ เป็นสมาคมเลย คนไป Cer กันมาก บ้านเรามีสองสมาคม ลองดูกันเอง แต่เริ่มเยอะแล้ว ต้องหา Signature ในตัวเองให้เจอ...Learning Organisation เห็นบูมมาตอนนี้เงียบ นี่ก็ยังบุกเบิกได้อีก เอาเครื่องมือ OD ไปผสมได้ เพราะต้นฉบับอาจทำตามยาก ...KM ก็น่าสนใจ แต่ไปเข้าใจกันว่า KM ทำเฉพาะกับคนที่กำลังจะเกษียณแล้ว นี่เข้าใจผิดครับ จริงๆ ทำได้หมดโดยเฉพาะโจทย์สร้าง Innovation ได้ตั้งแต่ออกแบบผลิตภัณฑ์ถึง Marketing เลย..Dialogue ทำกันมาก แต่ก็ยังมีช่องอยู่ครับ หลายองค์กรในกท. ยังไม่ทำ ก็มาก แก้ปัญหาโลกแตกได้ คือคนไม่ฟังกัน

Theory U ที่เริ่มมาแรง ทำไม่กี่คน ผมก็ทำ ใช้จูนคน ทีม องค์กรเข้ากัน แล้วสร้างสรรค์ร่วมกัน..World Cafe ผมทำมา ตอนนี้ก็ยัง Green ใช้ยกระดับความรู้.. Future Search ใช้ออกแบบวิสัยทัศน์ก็ยังไม่ค่อยเห็นใครทำ ...Open Space ทำแต่น้อยมากๆ

สรุป มากันเลยครับ มีอะไรน่าเล่นมาก ในไทยยังทำกันน้อย

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 9: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

G=GENERATION GAP

ต อ น นี้ ค น กำ ลั ง บ่ น เ รื่ อ ง Generation Gap ...ไม่ต้องกลัว เขากำลังบอกว่าต้องการ OD ครับ มีเครื่องมือ OD หลายตัวที่ช่วยได้ที่เห็นชัดๆ คือ Theory U, D i a l o g u e , Wo r l d C a f e , Appreciative Inquiry ...นี่เลยครับ ทำแล้วจูนกันได้ ทำงานด้วยกันได้ เครื่องมือ OD เป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ พัฒนามาจากปรัชญาที่เรียกว่า Every Voice is Heard คือเขาจะพยายามดึงทุกคนมามีส่วนร่วม นั่นหมายถึงว่าเครื่องมือ OD ถูกออกแบบมาให้คนต่างอาชีพ ต่างวัย ต่างความเชื่อ แม้กระทั่งต่างศาสนาให้มาทำงานร่วมกันอยู่แล้ว พัฒนากันมา 70-80 ปี จึงใช้ได้เลย

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 10: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

H= (SERIOUS) HOBBY

ถ้าคุณสนใจใน Field นี้ คุณจะงงครับว่าจะไปประกอบอาชีพเป็น Consultant ได้อย่างไร เพราะตอนนี้ก็มีงานประจำยู่ ไม่เป็นไงครับ เอามาประยุกต์ในงานของคุณนั่นเอง ผมเองก็เป็นอาจารย์สอน Finances มาก่อน แต่ผมชอบ OD ไม่ชอบการเงิน ผมก็หาช่องเอา OD มาใช้เป็นกระบวบนการ Facilitation ในห้องเรียน อยู่สองสามวิชา พอพร้อมก็พัฒนาเอาเป็น Research Methodology ในการให้คำปรึกษาวิทยานิพนธ์ ที่ผมก็ใช้ Appreciative Inquiry (AI) เป็นหลักๆ ทำไปทำมาก็เก็บผลมา แล้วก็เริ่มคล่อง พอคนเชิญเป็นวิทยากรก็เอา AI ไปใช้ ทำไปทำมาคนเชิญไปเป็นที่ปรึกษา

ต่อยอดไปเรื่อยๆ สักพักจากงานอดิเรก กลายเป็นงานประจำ พอจบเอก ผมก็ขอเปิดวิชา Appreciative Inquiry สอนแล้วเลิกสอน Finances ไปเลย ...

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 11: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

I= IMPROVISE

คุณต้องดัดแปลง ตำรามาจากต่างประเทศ ต่อให้คุณเรียนมาจาก Guru ผู้คิดค้นทฤษฎี เช่นผมเรียนจากอาจารย์เดวิด เรียนมาจากตัวเป็นๆ ศึกษาจากตำราของท่านโดยตรง แต่พอมาทำไนประเทศไทยแล้วคนละเรื่องครับ เพราะแต่ละถิ่นคน บริบทและภาษาไม่เหมือนกัน แปลมาใช้โดยตรงไม่ work ครับ ..คุณต้องดัดแปลง ลองดูว่าอะไร work ไม่ work ทำไปเรื่อยๆ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 12: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

J= JOY OF PRACTICEมีโอกาสลองมานั่งดูความรู้สึกของตัวเองว่าเป็นอย่างไร ความสุขชองมนุษย์เป็นความสัมพันธ์ระหว่างความท้าทายและทักษะ ถ้าตอนน้ยังงง ล่องลอย ก็ให้สงสัยว่าคุณอยู่ที่ A1 ภาวะล่องลอย ให้รีบค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร ตั้งเป้า และฝึกทักษะทันที ถ้าเกิดเบื่อ (A2) แสf ’ว่าทักษะคุณสูงแต่ความท้าทายต่ำ ให้หันมามองดูว่าทักษะที่คุณมีอยู่จะสามารถนำไปทำอะไรที่ดีๆกว่านี้ได้อีก ตั้งเป้าเลยแล้วทำ แต่ถ้าคุณกังวลกับบางเรื่อง คือคิดไม่ตก นั่นคือคุณอยู่ A3 สะท้อนว่าคุณกำลังเจอความท้าทาย แต่ขาดทักษะ ให้รีบไปเรียนรู้ และกำหนดเป้าหมายใหม่ อาจเป็นอย่างเดิมแต่แบ่ง step ใหม่ สุดท้ายคุณกำลังทำอะไรแล้วเพลิน ลืมเวลา แล้วมันก็ท้าทายคุณด้วย แล้วคุณต้องใช้ทักษะสูงด้วย นี่เลียกว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะมีสุข หรือ Flow นั่นเอง ให้ขยายผลไปเรื่อย ค้นหาทักษะเพิ่ม ตั้งเป้าหมายเพิ่ม Flow จะทำให้คุณเก่ง มีความสุข สำเร็จครับ

คนเราเมื่อใช้ชีวิตจะทุกข์สุขครับ บางครั้งคุณอาจ Flow เรื่อง OD ของคุณต่กังวลว่าจะคิดเงินลูกค้าอย่างไร นี่คือคุณอยู่ A3 ก็ไปหาทักษะเพิ่มได้ ลองไปถามอาจารย์ถามรุ่นพี่ดูไม่นานคุณจะ Flow เรื่องคิดตังค์ลูกค้า ในขณะเดียวกันอาจเบื่องานประจำ (A2) ก็อาจลองตั้งเป้าหมายเอา OD พัฒนางานคุณ เท่านี้คุณจะ Flow ขึ้น ...Flow Theory นี้ดีมากครับ บองใช้ดูนะครับ เอาไปประยุกต์ได้หลายมิติเลย

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 13: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

K=KNOWLEDGE

คุณสามารถหาความรู้ได้จากหลายแหล่ง เช่นตามมหาวิทยาลัย ตอนนี้มีหลักสูตร OD ให้เห็นแล้ว มีไม่มาก ถ้า Pure เลยก็ ม.อัสสัมชัญ หรือประยุกต์อย่าง MBA KKU ผมสอน เพราะผมจบทางนี้แต่ไม่ได้วุฒิตรง

ที่ น่ า ไ ป ม า ก ๆ คื อ ต า ม ง า น Conference ระดับโลกที่มักมีการโชว์ของ ..ผมได้รู้จัก AI มากึ้นตอนไปงานประชุมของ IODA ที่แคนาดา ...มาสุดๆก็คือปี 2012 ที่ ABAC จัดงาน AI Summit ตอนนั้นได้เรียนกับอาจารย์เดวิดผู้คิดค้น AI เลย

Fieldอื่นๆ ถ้าคุณทำกับองค์กรที่ทำด้านการตลาดก็ต้องหาหนังสือ Field การตลาดมาอ่าน

ศึกษาจาก TED, Udemy, Coursera

ถามผู้รู้เลย มีกูรูหลายท่านในไทย กูรูตัวจริงไม่หวงหรอกครับ น่ารักมาก

ที่สุดคือทำเองครับ จะได้ความรู้มาก

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 14: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

L= LEARN HOW TO LEARN

คุณต้องเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ Learn how to Learn ครับ …ตรงนี้คือจุดแข็งของอาชีพเลย ไม่รู้ต้องรู้ให้ได้ เราจะพัฒนาตัวเองได้ และคนอื่นได้คุณต้องรู้เครื่องมือที่ทำให้คุณพัฒนาตัวเองครับ มีหลายอย่างเช่น Reflection ทำอะไรลงไปแล้วก็มานั่งทบทวนว่าอะไร Work ไม่ Work ...ปรับแต่งงานกระบวนการของคุณไปเรื่อยๆ หรือใช้ After Action Review (AAR) ...บางทีเ ข า เ รี ย ก ว่ า D o u b l e L o o p Learning ...เครื่องมือหลายอย่างคิดขึ้นมาจาากคนต่างความคิด บริบท วัฒนธรรม เอามาใช้ตรงๆ ยากครับ ...คุณเองต้องทำไปคิดไปเปลี่ยนไป ...ถ้าคุณทำเป็น งานของคุณจะมีพัฒฯาการ กระบวนการของคุณจะเหมาะกับบริบทของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ แนวคิดนี้สำคัญมากๆ ลองไปเรียนรู้นะครับ ที่ผมใช้คือ Kolb’s Model of Experintial Learning

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 15: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

M=MENTOR

ช่วงเริ่มต้นอาชีพ ควรหา Mentor หรือครูดีๆ ที่มีความรู้และเป็นต้นแบบในอาชีพได้ ตรงนี้ถ้าเรียน OD โดยตรง ต้องหาตั้งแต่เรียนเจอใครก็ตาม ก็ต้องเข้าหา ฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนความรู้ ความคิดจากท่าน จะดีมากๆ ผมเองได้ Dr. Perla และ Dr. Rita จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็น Role Model ในชีวิตได้ทำความรู้ Art and Science ในการทำ OD จากท่าน สุดยอดมากๆ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 16: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

N=NETWORKING

การมีเครือข่ายสำคัญมากๆครับ ทำให้เราเจอโอกาสไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หุ้นส่วน ความรู้ และโอกาส ผมเองเจอเครือข่ายทั้งในประเทศต่างประเทศ ถ้าระดับโลกผมแนะนำ IODA (International Organisation Development Association) ที่นี่มีการจัดงานประชุมทุกปี ...คนที่นี้มาจากหลายๆชาติ แต่นิสัยยังกับคนไทย อาจารย์ที่ปรึกษาป.เอกของผม Dr. Rita เคยเป็น President ของที่นี่...ผมไปเจอเครื่องมือ OD ดีๆ ไม่ว่าจะเป็น AI, Future Search และ World Cafe ที่นี่ ...คนใจกว้างน่าคบมาก แนะนำเป็นสมาชิกนะครับ ในไทยก็กลุ่ม AI T h a i l a n d เ ข้ า ม า ไ ด้ ที่ www.aithailand.org

และถ้าคุณเรียนด้าน OD ในเมืองไทย ก็เครือข่ายเพื่อนเก่า อาจารย์แนะนำนะครับควรมีจะช่วยได้มาก IODA Thailand Chapter อยู่ที่ ABAC ลองไปหา Dr. Perla OD Institute ได้ครับ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 17: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

O=OFFENSE

บางครั้งลูกค้า เพื่อนก็ทำให้คุณประสาทเสีย หรือ Feedback บางเรื่องก็แทบทำให้คุณคลั่ง บางครั้งทำให้คุณเสียหาย เสียโอกาส ไม่เป็นไร ไปค้นหาความรู้เพิ่ม สามปีก่อนผมไปสอน Positive Psychology ผมทำ Workshop นี้ให้ธนาคารแห่งหนึ่ง เจอผู้บริหารที่เข้ามาเรียนยกมือ แล้วป่วน เรียกว่าเสียหาย โครงการนั้นไม่ได้ทำต่อ .. ไม่เป็นไรถือว่าเพราะเรารู้ไม่จริงแน่นอน เลยไปเรียนต่อที่สุดเมื่อปีก่อนผมได้ Diploma in Positive Positive Psychology จากอังกฤษ ...จากมือสมัครเล่น คราวนี้ไม่กลัวแล้วครับ ผมเจอเหตุการณ์แรงๆ อย่างน้ีสองสามครั้ง แต่แต่ละครั้งไปอ่าน ไปศึกษาต่อนอกจากจะลดความทุกข์ลงแล้ว ยังเปิดโอกาสใหม่ๆในชีวิตได้อีก

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 18: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

P= POSITIVE ORGANISATIONAL SCHOLARSHIP

ตอนนี้มี Fields เกิดใหม่ เรียกร ว ม ๆ ว่ า P o s i t i v e Organisational Scholarship ที่เน้นการศึกษา การพัฒนาองค์กรเชิงบวก ตัวนี้แนะนำมากๆ เพราะทำให้แก้ปัญหา สร้างการมีส่วนร่วมได้มากจริงๆ น Fields นี้เอง มีสาขาวิชาที่อยู่ได้แก่ ตัว Positive Organisation Scholarship เอง ตัวนี้เน้นศึกษาปรากฏการณ์เชิงบวกในแง่ของ Leadership และพลวัต

อีกตัวที่ผมเล่นคือ Appreciative Inquiry ตัวนี้ก็กำลังเติบโตไปทั่วโลก เน้นกระบวนการค้นหาสิ่งดีๆร่วมกัน แล้วเอามาขยายผล

Positive Psychology ตอนนี้ก็เติบโต ศึกษาความสุข Well-beings ความหมายของชีวิต

แต่ละตัวก็แตกย่อยไปอีก น่าติดตาม ผมเล่นทั้งสามตัวนี้เลยครับ ไปผสมผสานกันได้ดีมาก

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 19: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

Q= QUALITY

งานคุณจะมีคุณภาพได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้จริง การรู้จริงไม่ใช่แม่นในเนื้อหา แต่แม่นว่าสิ่งที่คุณสอนคนเอาไปทำได้ และต่อยอดจริง ผมมีกระบวนการง่ายๆ ที่จะทำให้คุณทำ OD ได้อย่างมีคุณภาพและมีคุณค่าครับ อย่างแรกเลยเอา OD ไปพัฒนาการทำ OD ของคุณจริงๆ แล้วดูว่ามันดีขึ้นไหม สอนดีขึ้นไหม Workshop ออกมาดีไหม คุณได้ลูกค้ามากขึ้นไหม ถ้าได้คุณแม่นระดับหนึ่ง ประการที่สองคุณต้อง Followup ครับ ผมเห็นความต่างเลย หลายคนเอาแต่สอน แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองสอน คนเอาไปใช้ได้จริงไหม แล้วจริงถึงไหน ตามไป Consult 100 คนจะมีคนยอมให้คุณเข้าไปสัก case ก็ยังดี ...ถ้าคุณตามจนสุด ช่วยเขาจนสุด ความรู้คุณจะ Strong มากๆ คุณสามารถนำ Case ที่ทำสำเร็จมาเล่าในชั้นเรียนได้ คุณจะมั่นใจกว่าเดิม

มั่นใจมากกว่าเอา case ดังๆ เช่น Apple มาสอน ที่แม้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าคุณไม่ได้นั่งกินข้าวกับ Steve Jobs ยังไงก็ไม่อิน คนไม่เชื่อ สู้ case ที่คุณทำเล็กๆ แต่ทำจริงไม่ได้ หลายๆ องค์กร ผมไม่ทันพูดอะไรพอเข้าไป เขาบอกเลยอาจารย์ครับ ไม่เอาเรื่อง Steve Jobs มาพูดแล้วนะครับ ...ฟังมาเยอะ...ชัดไหมครับ

Page 20: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

R= RISK MANAGEMENT

ชีวิตเราเวลาทำงานไปเราจะสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ลองสรุปเป็นบทเรียนแล้วเอามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน ..ผมเองตอนสำเร็จคือ 1. ได้คุยกับลูกค้าก่อน 2. ได้ประชุมร่วมกับทีม 3. เขียน Mindmap ก่อน ..สังเกตเลย บางเรื่องทำมาเยอะ แต่พอขาดองค์ประกอบข้างต้น ก็แย่ไปเลย นี่เลยกลายเป็นความเสี่ยงที่ผมต้องบริหาร คุณเองลองหาของคุณเอาเองครับ ตอนนี้ผมทำเลยบูรณาการลงไปในงาน นอกจากลดความเสี่ยงแล้ว ยังสร้างความสำเร็จให้มากขึ้นด้วย

Page 21: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

S= SHARE

การรแบ่งปันความรู้นี่ผมแนะนำมากๆ นอกจากจะทำให้คุณต้องกลั่นกรองความคิดมากๆ แล้วยังกระตุ้นให้คุณต้องศึกษาหาความรู้ เพราะคุณจะเผยแพร่อะไรคุณไม่รู้จริง หรือพูดไม่ครบทุกแง่มุมนี่เจอแซวแน่ๆ การ Share ความรู้นี่ทำง่ายๆครับ ลองเขียน Blog เล่าเรื่องที่คุณไปทำอะไรมา ทำอย่างไรบ้างง่ายๆ ถ้าคุณเ ขี ย น ป ร ะ ม า ณ สั ก 3 0 ต อ น ผลพลอยได้คือ คนสมัยนี้เวลาหาอะไรเขาหาจาก Google ...ชื่อคุณจะโผล่มาคนแรกๆ ครับ นั่นหมายถึงคุณอาจได้กลายเป็น Authority หรือเจ้าพ่อใน Field คุณไปเลย ไม่ต้องกลัวคน Copy ครับ ให้ไปเลย คุณจะเก่งขึ้น มีชื่อเสียงมากขึ้น เรียกว่าเป็น Branidng ได้เลย

ผมเองเขียน Blog มา 700 กว่าตอนเพื่อตอบลูกศิษย์ ระยะหลังเจอคนเชิญผมไปบรรยาย ครึ่งต่อครึ่งมาจากการที่รู้จักผมจากงานเขียนของผมนั่นเอง ผลพลอยได้อีกเรื่องคือเจอกัลยาณมิตรใหม่ คนดีๆ ในแวดวงใหม่ๆ ตอนแรกก็เป็นลูกค้า ภายหลังก็กลายเป็นกัลยาณมิตรกันไปเลย ผมบอกได้เลยว่า Share =Sucess ครับ w

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 22: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

T= TIME

เวลา...การเวลาสำคัญมากๆ ผมเอง เพิ่งไปร้มาว่าทำไมตอนเรียนเอก ถึงจบตรงเวลาทั้งๆที่เรียนไปด้วยทงานไปด้วยเลี้ยงลูกน้อยไปด้วย ผมใช้เวลาถูกครับ ตอนนี้มีการค้นพบว่าสมองมนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพียง 3 ชั่วโมงต่อวัน นั่นคือเวลาตอนเช้า 3 ชม. นี่คือชั่วโมงทองคำ หรือเวลาสร้างอนาคต (Maker Time) คุณควรใช้ทำอะไร ก็ต้องใช้ในการทำอะไรที่จะส่งผลต่ออนาคต เช่นผมทำ AI ช่วงเช้าผมควรใช้เวลาศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับ AI หรือใช้สมองกับงานที่คุณมี Passion ไม่ควรไปเช๊คเมลล์ เช๊ค Rating เม๊ามอยเพื่อน Update บัญชีธนาคาร ... นั่นเวลาบริหารชีวิตปัจจุบัน (Manager Time) ..พออ่านเรื่องนี้ก็อ๊อ...เข้าใจทำไมเรียนจบตรงเวลา ก็เพราะตอนเรียนไม่มีเวลามาก ทำงานด้วย เลี้ยงลูกด้วย เวลาเดียวที่มีคือ ตี 4 ถึง 8 โมง ผมจะตื่นราวๆ ตีสี่กว่าๆ าดื่มกาแฟ แล้วอ่านหนังสือทำวิทยานิพนธ์จนถึงเกือบ 8 โมง ทุกวัน ตอนนั้น Focus สุดๆ ไม่ให้อะไรมากวน ไม่เล่น Face

นั่นหมายถึงผมใช้สมองทุ่มสร้างอนาคตในสามชั่วโมงตอนเช้า (Maker time) สายๆ ก็ทำงานไป (Manger time) ...เข้าใจเลยทำไมยุ่งถึงสำเร็จ ...ตอนนี้กลับมาทำแบบเดิม แบ่งชัดเจน ชีวิตสำเร็จ สุขมากกว่าเดิม สามเดือนกว่านี้เรียนหลักสูตร Online จบไป 10 กว่าหลักสูตร รู้มากขึ้น มั่นใจขึ้น ...ไม่ใช้เวลาสร้างอนาคต ก็ยากที่จะมีอนาคตครับ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 23: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

U=UNIQUENESS

ต้องสร้างความแตกต่าง ไม่เหมือนใ ค ร ถ้ า คุ ณทำ ไ ป ม า ก ๆ ทำ Reflection ไปด้วยจะด้วยวิธีใดก็ตาม Reflection คือการหมั่นเฝ้ามอง ไตร่ตรองว่าอะไรที่ทำไป Work ไม่ Work อะไรที่ Work ก็รักษาไว้ หรือต่อยอด อะไรไม่ Work ก็ระวัง หรือตัดออก ที่สุด คุณจะพัฒนาความแตกต่างในการทำงานของคุณขึ้นมาเอง หรืออีกวิธีก็ง่ายๆ ครับ หาอะไรที่คนยังไม่ค่อยทำมาพัฒนาให้โดดเด่น คุณจะต่างเองอีกวิธีเอาไปผสมผสานกับศาสตร์อื่นๆ ครับ ตอนนี้ผมเอาไปผสมใน Marketing ทำ OD แนว Marketing ทำมาหลายปีครับ นี่ก็ต่างเลย

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 24: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

V= VISIONลองค้นหาวิชั่น หรือ Puspose ในชีวิต ลองใช้ IKIGAI Model หรือเหตุผลที่คุณจะตื่นขึ้นมาแต่ละวัน IKIGAI ค้นพบแล้วจะทำให้ชีวิตดี มีความสุข เติบโตกว่าครับ ... ทำอย่างนี้ครับ Ikigai เป็นจุดร่วมของ Passion (สิ่งที่คุณหลงใหล) Mission (พันธกิจ) Vocation (งานที่ อาจเป็นอาชีพหรืออาสาสมัครก็ได้ เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะอาจผ่านการศึกษาอย่างเป็นทางการหรือไม่ก็ได้ เกิดจากการค้นพบตัวเอง เกิดจากพรสวรรค์ของคุณเอง ) Profession (วิชาชีพ เป็นงานเฉพาะทางที่ต้องผ่านการศึกษาอย่างเป็นทางการ เช่นมหาวิทยาลัย เช่นหมอ วิศวะ นักกฏหมายเป็นต้น ) . . .Pass ion ของผมคือ Appreciative Inquiry (AI) ...Profession ของผมคืออาจารย์ MBA ...Vocation ผมชอบเอาความรู้ AI ไปแนะนำไป Consult ให้คนอย่างหลากหลาย (ปีที่แล้วไป 8 โรงบาล)..ผมเลยเห็นว่าผมเก่งเรื่องการทำ AI Consutling นี่ .ทำไปมากๆ ก็เห็นว่าคนในสังคมไทยต้องการความรู้ดีๆ ที่ได้ผล แต่ต้นทุนต่ำ เป็นคำตอบที่มาจากประสบการณ์ดีๆ ของตนเองและคนในองค์กร มาจากจุดแข็ง (What the World Needs)

ผมเลยเกิด Mission มาสักพักว่าจะค้นคว้าเรื่อง Appreciative Inquiry ให้สุดๆ แล้วเผยแพร่ให้สังคมไทย .แล้วก็เริ่มเอามาสอนมา Consult มีรายได้มีการเติบโตทางอาชีพและความภูมิใจ และนี่คือ IKIGAI ของผม...ของคุณล่ะคืออะไร

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

• Ref ภาพ: http://us.ikigaibags.com/blog/what-the-heck-is-iki...)

Page 25: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

W= WISDOM

ความฉลาดกับปัญญาเป็นคนละเรื่อง เคยรู้สึกว่าตัวเองเก่ง แต่มีทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆไหมครับ ดูชีวิตสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีปัญหาตามมา ถ้ามาถึงจุดนี้ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเราฉลาดแต่อาจขาดปัญญา เรียกว่าคุณต้องค้นหาภูมิปัญญาแล้ว ผมเองเคยเจอภาวะนี้มาในชีวิต เลยลองหยุดพักไปบวชที่วัดหลวงพ่อกล้วยที่ขอนแก่น 3 เดือนเมื่อปี 2012 ไปเจออะไรดีๆ มาก ได้นั่งภาวนา ได้เห็นพ่อกับแม่มานั่งภาวนาอยู่ 3 เดือน ได้อะไรดีๆกลับมามาก คุณจะอยู่ศาสนาไหน นับถืออะไร ลองค้นหาครูทางธรรมคุณสิครับ จะช่วยได้มาก ถ้าเราฉลาดจริง เราต้องสำเร็จ แล้วมีความสุขด้วย ไม่พอ คนรอบข้าง สังคมก็ต้องดีด้วย ถ้าไปไม่ถึง ก็ต้องหาปัญญากันแล้ว

"ความคิดเก่าๆของเรานั้นมีอยู่แล้ว บางทีก็คิดเรื่องอดีต คิดเรื่องอนาคต สารพัดเรื่อง บางทีก็ความคิดเกิดจากตัวจิตส่งออกไป บางทีก็ความคิดเกิดจากอาการของขันธ์ห้าเข้ามาปรุงแต่งจิตของเรา ทั้งจิต

ทั้งขันธ์ห้าเค้ารวมกันไปเป็นสิ่งเดียวกัน

เรารู้อยู่เพียงแค่ว่าเราคิด รู้อยู่เพียงแค่ว่าเราทำ เราหลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่ บางคนบางท่านก็รู้อยู่ อยากจะละความคิด อยากจะดับความคิด แต่มันดับไม่ได้ บอกว่ามันดับไม่ได้ มันหยุดไม่ได้ ทั้งที่รู้ๆ ทำไมถึงหยุดไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปดับ เข้าไปควบคุมบ่อยๆ เราจะไปดับครั้งหนึ่งครั้งเดียวก็ไม่ได้ เราต้องหมั่นวิเคราะห์หมั่น

พิจารณาตัวเราอยู่บ่อยๆ อยู่เนืองๆ"

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

Page 26: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

X= GO EXTRA MILES

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดก่อนทำ OD เป็นอีกครับ คุณจะอยู่ในอาชีพอะไรให้ไปไกลกว่าคนอื่น ไม่ใช่เท่าๆ คนอื่น คุณอาจต้องเดินทางไกล ไปเสาะหาความรู้ใน Field ที่ยังไม่มีคนเล่น คิดง่ายๆ ถ้ามีคนเล่นอยู่คุณก็เหมือนชาวบ้านแล้ว เรียนมากกว่า ทำมากกว่า ดัดแปลงมากกว่า เป็นกฎง่ายๆ นอกจากสนุกแล้ว ยังได้ความรู้ และสามารถสร้างโอกาสดีๆ ในชีวิตได้ ผมเองสองปีก่อนไปนั่งเรียน Posit ive Psychology ที่อังกฤษ ทำการบ้านอีกหนึ่งปี ตอนไปก็เป็น กลุ่มแรกๆ ที่เรียน ทำการบ้านก็สนุก หลังจากนั้นสามารถพัฒนา OD Project ได้อีกหลายๆรูปแบบ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 27: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

Y= YES!!!!!

เวลาเริ่มต้นอาชีพ พยายามไปเรียนรู้มากที่สุดจะทางไหนก็ตาม เรียนอะไรไปแล้วรู้สึกว่า Yes!!! ชอบเรื่องนี้จัง . .อะไรที่คุณชอบ ลองตามต่อ เพราะมันจะใช่ในที่สุด ผมเองเจอ AI จากชั้นเรียนปริญญาเอกของ Dr. Perla. . . อาจารย์เขียนมาสองบรรทัด..แต่ผมรู้สึกว่าชอบนิยามมันจังเลย เลยเจาะต่อสิบกว่าปีก่อนมีคนพูด แต่เหมือนไม่มีคนทำในเมืองไทย ..ผมเลยเจาะต่อเอามาเป็นป.เอก เอามาทำวิจัย มาสอนมาตั้งเป็นเครือข่าย AI Thailand ในที่สุด ...เรียนมากๆ แล้วหาอะไรที่ชอบ มันจะใช่เสมอครับ และนั่นคืออนาคตของคุณเลย

Page 28: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

Z= ZENITH

Zenith แปลว่าจุดสูงสุด... ตัวนี้ผมขอฝากข้อคิดไว้ เพราะว่าหากคุณเอาจริง จะอยู่สาขาอะไร คุณก็ประสบความสำเร็จแน่นอน คุณจะไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพได้แน่อน แต่ชีวิตคุณไม่ได้มีเท่านี้ คุณยังมีคนที่รัก ยังมีชีวิตด้านอื่นๆ อีกเลยฝากข้อคิดไว้ ผมเอามาจากงานวิจัยคนกำลังจะตาย เขาเจอคนสองประเภทครับพวกแรกตายอย่างรู็สึกใช้ชีวิตเต็มที่ อีกพวกตายแบบรู้สึกว่ายังไม่จบ ยังเสียใจ พวกที่เสียใจ รู้สึกอย่างนี้ครับ

1. ฉันน่าจะกล้าทำตามหัวใจฉัน ไม่ใช่ทำตามความคาดหวังของคนอื่น

2. ฉันไม่น่าจะทำงานหนักขนาดนี้เลย (จนเสียสมดุลชีวิต เช่นครอบครัว)

3. ไม่น่าเลย น่าจะได้แสดงความรู้สึกที่แท้จริง (เช่นโกรธกับน้อง ไม่ทันเคลียร์กัน น้องตายก่อน)

4. น่าจะติดต่อ คบหากับเพื่อนสมัยเรียน หรือเพื่อนๆ มากกว่านี้ (ตอนนี้ไม่เหลือใครเลย)

5. ฉันน่าจะมีความสุขมากกว่านี้

คุณประสบความสำเร็จแน่นอน แต่คุณควรรักษาสมดุลชีวิต สมดุลหัวใจไว้ดี เงิน ความสำเร็จ เกียรติยศ สมบติบ้า ไม่ใช่คำตอบของชีวิตครับ ไม่งั๊นก่อนตาย คุณจะเสียดายชีวิตครับ

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016

Page 29: I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development

ดร.ภิญโญ รัตนาพันธ์ุวศบ. ลาดกระบัง

MBA (Virginia Tech)

Ph.D. (OD) Assumption University

อาจารย์ประจำ MBA KKU

ผู้ก่อตั้งเครือข่าย AI Thailand www.aithailand.org

เป็นอาจารย์/ที่ปรึกษา OD แนว Appreciative Inquiry ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมากว่า 10 ปี

© ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2016