Upload
nguyendien
View
214
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
28
1-2-3 กาวสูลีน
Lean in Action
ขั้นตอนที่ 0 ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสู่การผลิตแบบลีน (Adopt
Lean Paradigm)
ขั้นตอนนี้ผู้บริหารสูงสุด (เบอร์หนึ่ง) และทีมผู้บริหารระดับสูงต้อง
ยอมรับและมีความเห็นพ้องกันในแนวคิดและประโยชน์ที่จะได้รับจากการผลิต
แบบลีน และต้องศึกษาและเข้าใจในหลักการของลีนเป็นอย่างดี (บริษัทส่วนใหญ่
จะใช้บริการที่ปรึกษา รายละเอียดอยู่ในหัวข้อการเลือกที่ปรึกษา) เมื่อทีม
ผู้บริหารเข้าใจระบบการผลิตแบบลีนและกำหนดวิสัยทัศน์ได้แล้วควรประกาศ
เป็นนโยบายของบริษัท
ข้ันตอนท่ี 1 การเตรียม (Prepare) เข้าสูก่ารผลิตแบบลีนโดยกำหนด
กลยุทธ์และโครงสร้างองค์กร
ขั ้นตอนนี ้เป็นการเตรียมการต่าง ๆ ซึ ่งควรเขียนเป็นกลยุทธ์
(Strategy) และกำหนดเป็นโครงสร้างขององค์กร (Organization Structure)
โดยกำหนดทีมงานหรือบุคคลเพื่อเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อนโดยใช้แผน
นโยบาย (Roadmap) ซึ่งบางบริษัทอาจจะมีการกำหนดแผนนโยบายตั้งแต่
ขั ้นตอนที่ 0 และควรมีแผนรองรับในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร
(Change Management) เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่การผลิตแบบลีน
มีการอบรมบุคลากรที่เป็นกำลังหลักและทุก ๆ คนในองค์กร สิ่งสำคัญที่ขาด
ไม่ได้คือ ต้องมีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานต่าง ๆ อย่างชัดเจน
(KPI)
ขั้นตอนที่ 2 การกำหนดคุณค่า (Define Value)
โดยมีกลยุทธ์คือ การนำตัวชี้วัดผลงานที่กำหนดไว้ในขั้นตอนที่ 1 ที่
จะทำให้เกิดผลกระทบหรือผลตอบแทนสูงสุดต่อวิสาหกิจแบบลีน (Lean
Enterprise) มาประยุกต์เข้ากับการผลิตแบบลีน โดยเลือกขอบเขตของผลิต-
ภัณท์หรือกระบวนการผลิตจากจุดเริ่มต้นจนกระทั่งถึงมือลูกค้า ซึ่งคุณค่าจะถูก
29
การเตรียมการเพ�อเขาสูระบบการผลิตแบบลีน
(Preparation to Implement)
2
กำหนดโดยลูกค้าซึ่งเป็นผู้ซื้อและผู้ใช้ผลิตภัณท์ โดยกระบวนการที่มีผลในการ
เปลี่ยนจากวัตถุดิบไปเป็นสินค้าสำเร็จรูปถือว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิด
คุณค่าเพิ่ม (Value-Added) และกระบวนการซึ่งไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เป็นผลิตภัณท์สำเร็จรูปถือว่าไม่ทำให้เกิดคุณค่าเพิ่ม (Non-Value Added)
ขั้นตอนที่ 3 การบ่งชี้สายธารคุณค่า (Identify Value Stream)
ขั ้นตอนนี้จะใช้การวาดแผนผังสายธารคุณค่า ซึ ่งเป็นวิธีที ่ได้รับ
ความนิยมในปัจจุบัน เพื่อแสดงว่าผลิตภัณท์นั้นผ่านขั้นตอนและกระบวนการ
ผลิตใดบ้าง และบ่งชี้ว่าขั้นตอนใดเพิ่มคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์ หรือขั้นตอนใดไม่
เพิ่มคุณค่าให้ผลิตภัณท์ โดยมีการบันทึกสถานะปัจจุบันของสายธารคุณค่า
ซึ ่งเป็นการรวมการไหลของผลิตภัณท์และข้อมูล ตลอดจนการเคลื่อนไหว
ของพนักงานและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตเข้าด้วยกัน สรุปง่าย ๆ ว่าเป็นขั้นตอน
ที่เก็บข้อมูลพื้นฐานในปัจจุบัน
ขั ้นตอนที ่ 4 ออกแบบระบบการผลิต (Design Production
System)
ขั้นตอนนี้เป็นการเขียนแผนผังสายธารคุณค่าสำหรับอนาคต (Future
Stage Value Stream Mapping) ท่ีอาจจะมีหลายข้ันตอน (Several Stages)
ประเด็นสำคัญในการออกแบบระบบการผลิตที่ต้องระบุไว้ ได้แก่
• เวลาที่ใช้ในการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของ
ลูกค้า (Takt Time)
• การตัดสินใจว่าจะผลิตเองหรือสั่งซื้อ
• การกำหนดผังโรงงานใหม่
• ผู้ผลิตวัสดุหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ส่งของได้ตามสายการผลิตที่
ออกแบบไว้
30
1-2-3 กาวสูลีน
Lean in Action
• มีระบบการควบคุมด้วยการมอง เมื่อเกิดข้อบกพร่อง ทุกคน
จะสามารถเห็นได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขให้กลับเข้าสู่ภาวะการ
ผลิตตามปกติได้ดังเดิม
• การเขียนแผนผังสายธารคุณค่าสำหรับอนาคตจะต้องคำนึง
ถึงเงินลงทนุท่ีเหมาะสมท่ีสามารถทำได้จริง ตลอดจนระยะเวลาคืนทนุในรปูแบบ
ของการประหยัดต้นทุน (Cost Saving)
• วางแผนระบบการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Total
Productive Maintenance หรือ TPM) เมื่อมีการออกแบบการผลิตใน
อนาคตแล้ว กระบวนการจะมีการไหลที่ดีและมีความสูญเปล่าน้อยลง ทำให้มี
ช้ินงานระหว่างกระบวนการผลิต (WIP) ไม่มาก แต่มีข้อควรระวังคือ การหยดุ
ผลิตเน่ืองจากเกิดเหตกุารณ์ท่ีไม่คาดคิด (Unplanned Production Disruption)
จึงควรใช้ TPM เพื่อป้องกันการหยุดผลิตที่มีสาเหตุมาจากเครื่องจักร
ข้ันตอนท่ี 5 การนำไปปฏิบัติเพ่ือให้เกิดการไหล (Implement Flow)
เป็นการนำสิ่งต่าง ๆ ที่วางแผนไว้ในขั้นตอนที่แล้วมาปฏิบัติ พร้อมทั้ง
นำเครื่องมือลีนทั้งหมดมาใช้สนับสนุนการผลิต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก
การผลิตทีละมาก ๆ ไปเป็นการผลิตแบบเซลล์ (Cell) หรือการผลิตแบบทัน-
เวลาพอดี (JIT) ซึ่งการผลิตแต่ละเซลล์จะต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต
เอาไว้ เครื่องมือลีนที่ใช้ได้แก่
• การปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐาน (Standardize Operations)
เช่น เวลาที่ใช้ในแต่ละกระบวนการที่พอ ๆ กัน หรือขั้นตอนการทำงานที่ใช้
กระบวนการแบบเดียวกันต้องเหมือนกันเป็นมาตรฐานเดียว
31
การเตรียมการเพ�อเขาสูระบบการผลิตแบบลีน
(Preparation to Implement)
2
• กระบวนการป้องกันความผิดพลาด (Mistake Proof Process
หรือ Poka Yoke) ที่ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผลิตของเสีย และไม่ทำให้
เครื่องจักรหรือเครื่องมือเสียหาย
• ระบบควบคุมการผลิต (Process Control)
• ระบบการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (TPM)
• ระบบการควบคุมดูแลด้วยการมอง (Visual Management)
• อบรมให้พนักงานทำงานได้หลายหน้าที่ (Multi-Skills)
• ใช้วิธีการเปล่ียนรุน่ หรือลดเวลาการปรับแต่งเคร่ืองมือเคร่ืองจักร
• ใช้การผลิตแบบเซลล์
ขั้นตอนที่ 6 นำระบบการดึงมาใช้ (Implement Total System
Pull)
เป็นการนำระบบการดึงมาใช้โดยเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าเข้า
กับการผลิต การรับวัสดุเข้าสู่กระบวนการผลิตต้องสอดคล้องกับระบบการไหล
ในขั้นตอนที่ 5 ต้องคำนึงถึงกลไกในการควบคุมระบบการผลิต ถ้าเป็นไปได้
ควรใช้การผลิตแบบไหลทีละชิ้น (One Piece Flow) มีการกำหนดแผนการ
ผลิตแบบปรับเรียบ (Leveled Scheduling) ที่เป็นระบบการดึงงานโดยลูกค้า
ซึ่งจะทำการผลิตก็ต่อเมื่อสินค้าถูกดึงไปโดยลูกค้า ต้องทำงานร่วมกับผู้จัดส่ง
วัสดุหรือซัพพลายเออร์ (Supplier) ซึ ่งระบบของซัพพลายเออร์จะต้อง
สอดรับกับระบบการผลิตของเรา การผลิตแบบดึงจะทำให้ควบคุมสินค้าคงคลัง
(Inventory Control) ได้อย่างเหมาะสม ระบบใหม่อาจมีผลกระทบกับ
พนักงานบ้าง อาจจะต้องมีการฝึกอบรมให้พนักงานสามารถทำงานได้หลาย
หน้าที ่ หรือมีการย้ายพนักงานจากพื้นที ่ที ่มีพนักงานอยู ่มากไปยังพื ้นที ่ที ่
พนักงานขาด (Reassign People) ส่วนเครื่องจักรและเครื่องมือที่เหลือหรือ
32
1-2-3 กาวสูลีน
Lean in Action
ไม่ใช้หลังจากปรับเปลี่ยนระบบ ก็ต้องตัดสินใจว่าจะย้ายหรือนำไปทำอะไร
ต่อไป เพื่อให้เกิดพื้นที่สำหรับผลิตผลิตภัณท์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
ขั้นตอนที่ 7 มุ่งสู่ความสมบูรณ์แบบ (Strive for Perfection)
หลังจากผ่านขั้นตอนที่ 2-6 ที่ได้กำหนดคุณค่าของผลิตภัณท์ มีการ
บ่งชี้สายธารคุณค่าตลอดทั้งสายการผลิตเพื่อให้เกิดการไหลอย่างต่อเนื่อง โดย
ปล่อยให้ลูกค้าหรือผู ้ซ ื ้อเป็นผู ้ดึง (Pull) เมื ่อระบบการผลิตแบบลีนได้
ขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ปริมาณสินค้าที่ผลิตได้ต่อจำนวนพนักงาน
มีมากขึ้น เวลาที่ใช้ในการผลิตลดลง พื้นที่ ต้นทุน และความผิดพลาดลดลง
และเกิดเป็นกระบวนการในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ก็เรียกได้ว่าขยับเข้าใกล้
ความสมบูรณ์แบบแล้ว
แต่กว่าจะมาถึงขั ้นตอนนี้ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร อาจใช้เวลา
ประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสามารถของแต่ละบริษัท
บางบริษัทก็อาจจะใช้เวลานานกว่านี้
ในขั้นตอนนี้จะมี Team Development ควบคุมกระบวนการผลิต
รวมถึงผลิตภัณท์ใหม่ ๆ มีการปรับปรุงองค์กรให้พนักงานมีอำนาจในการ
ตัดสินใจและปฏิบัติงาน (Empowerment) มีการใช้ระบบการผลิตแบบลีน
ตลอดสายการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นที่พอใจของลูกค้า มีระบบ
5ส (5S) ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ มีการนำระบบ Kaizen มาปฏิบัติอย่าง
ต่อเนื่อง กำจัดระบบที่เป็นอุปสรรค หรือปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับระบบ
การผลิตแบบลีน ใช้ระบบการบำรุงรักษาแบบทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (TPM)
อย่างจริงจังเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร เพิ่มเวลาปฏิบัติงานของ
เครื่องจักร และลดความเสียหายของเครื่องจักรให้น้อยลง มีการวัดผลตามตัว-
ชี้วัดแบบลีน (Lean Metrics) หรือ KPI ที่กำหนดไว้ในขั้นตอนที่ 1 ว่ามีความ
ก้าวหน้าอย่างไร และอาจจะต้องเปลี่ยนค่าตัวชี้วัดต่าง ๆ ให้ยากขึ้น โดยสรุป