412
การพัฒนาบทเรียนสืÉอประสม เรืÉอง การเขียนสะกดคํา สําหรับนักเรียนชั ÊนประถมศึกษาปีทีÉ 4 โดย นางสาวอัจฉรา เจตบุตร วิทยานิพนธ์นีÊเป็ นส่วนหนึÉงของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2554 ลิขสิทธิ Íของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร หอ

2554 ิทยาลัิลปากรยศ - Silpakorn University...การว จ ยครÊ งนÊ ม ว ตถ ประสงค เพ อ 1)ศ กษาข อม

  • Upload
    others

  • View
    0

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

  • การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคํา สําหรับนักเรียนชันประถมศึกษาปีท ี4

    โดย นางสาวอจัฉรา เจตบุตร

    วทิยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน

    บัณฑิตวทิยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2554

    ลขิสิทธิของบัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิยาลัยศิลปากร

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคํา สําหรับนักเรียนชันประถมศึกษาปีท ี4

    โดย นางสาวอจัฉรา เจตบุตร

    วทิยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน

    บัณฑิตวทิยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2554

    ลขิสิทธิของบัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิยาลัยศิลปากร

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • THE DEVELOPMENT OF MULTIMEDIA ON THAI SPELLING WRITING FOR FOURTH

    GRADE STUDENTS

    By

    Miss Atchara Jettabut

    A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree

    MASTER OF EDUCATION

    Department of Curriculum and Instruction

    Graduate School

    SILPAKORN UNIVERSITY

    2011

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • บณัฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร อนุมติัใหว้ทิยานิพนธ์เรือง “ การพฒันาบทเรียน สือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ สาํหรับนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 ” เสนอโดย นางสาวอจัฉรา เจตบุตร เป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบณัฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ

    ……........................................................... (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.ปานใจ ธารทศันวงศ)์

    คณบดีบณัฑิตวทิยาลยั วนัที..........เดือน.................... พ.ศ...........

    อาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ 1. ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ 2. รองศาสตราจารยส์มพร ร่วมสุข 3. อาจารย ์ดร.อนิรุทธ์ สติมนั คณะกรรมการตรวจสอบวทิยานิพนธ์ .................................................... ประธานกรรมการ (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.กรภสัสร อินทรบาํรุง) ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ .................................................... กรรมการ (อาจารย ์ดร.สุจิตรา คงจินดา) (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ) ............/......................../.............. ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ .................................................... กรรมการ(รองศาสตราจารย ์สมพร ร่วมสุข) (อาจารย ์ดร.อนิรุทธ์ สติมนั) ............/......................../.............. ............/......................../..............

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 51253416 : สาขาวชิาหลกัสูตรและการนิเทศ คาํสาํคญั : การพฒันาบทเรียนสือประสม / การเขียนสะกดคาํ อจัฉรา เจตบุตร : การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ สําหรับนักเรียนชันประถมศึกษา ปีที 4. อาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์: ผศ.ดร.มาเรียม นิลพนัธุ์, รศ. สมพร ร่วมสุข และ อ.ดร. อนิรุทธ์ สติมนั 398 หนา้. การวิจยัครังนีมีวตัถุประสงคเ์พือ 1)ศึกษาขอ้มูลพืนฐานเกียวกบัการพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ สาํหรับนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 2)พฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ ์80/80 3)ทดลองใชบ้ทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ 4)เปรียบเทียบผลสัมฤทธิทางการเรียน เรือง การเขียนสะกดคาํ ของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 ก่อนและหลงัการใชบ้ทเรียนสือประสม และศึกษาความคิดเห็นของนกัเรียนทีมีต่อการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสือประสม กลุ่มตวัอยา่ง คือ นักเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 โรงเรียนสมถวิลวิเทศศึกษา ห้วยมงคล อาํเภอหัวหิน จงัหวดัประจวบคีรีขนัธ์ จาํนวน 6 คน ซึงเป็นนักเรียนไทย จาํนวน 5 คน และเป็นนักเรียนเกาหลี จาํนวน 1 คน ในภาคเรียนที 2 ปีการศึกษา 2554 เป็นเวลา 12 คาบเรียน รวมทงัหมด 9 ชวัโมง เครืองมือทีใช้ในการวิจยัประกอบดว้ย 1) บทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ 2) แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิทางการเรียน เรือง การเขียนสะกดคาํ และ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนกัเรียนทีมีต่อการเรียนโดยใชบ้ทเรียนสือประสม วิเคราะห์ขอ้มูลโดยเปรียบเทียบผลสมัฤทธิทางการเรียนของนกัเรียนก่อนและหลงัดว้ยค่าสถิติที (t-test แบบ dependent) วิเคราะห์ระดบัความคิดเห็น ดว้ยค่าเฉลีย ( ) ค่าส่วนเบียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ วิเคราะห์เนือหา (Content Analysis) ผลการวิจยัพบวา่ 1. ครูและนกัเรียนตอ้งการให้มีการจดัการเรียนรู้โดยใชบ้ทเรียนสือประสม ทีประกอบ ดว้ย เกม หนงัสือสามมิติ บตัรคาํ รูปภาพ และสือผา่นคอมพิวเตอร์ 2. ผลการพฒันาและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ มี 6 บทเรียนได้แก่ 1) คาํทีมีตวัสะกด และไม่มีตวัสะกด 2) มาตราแม่กง, แม่กก 3) มาตราแม่กม, แม่กบ 4) มาตราแม่เกย, แม่กน 5) มาตราแม่เกอว, แม่กด 6) คาํพอ้งรูป คาํพอ้งเสียง แต่ละบทเรียนประกอบดว้ย คู่มือครู (คาํชีแจง ขนัตอนการจดัการเรียนรู้ในชนัเรียน แผนการจดั การเรียนรู้ แบบประเมินความสามารถ) คู่มือนกัเรียน (คาํชีแจง แบบทดสอบ ใบงาน) สือการสอน สือประสม ( เกม หนงัสือสามมิติ บตัรคาํ รูปภาพ และสือสือผา่นคอมพิวเตอร์) ประสิทธิภาพของบทเรียนสือประสมรายบุคคล มีค่าเท่ากบั 74.00/75.55 ประสิทธิภาพของบทเรียนสือประสมกลุ่มเล็ก มีค่าเท่ากบั 77.66/80.55 ประสิทธิภาพของบทเรียนสือประสมแบบภาคสนาม มีค่าประสิทธิภาพเท่ากบั 82.66/84.44 ซึงสูงกวา่เกณฑ ์80/80 ทีตงัไว ้ 3. การนาํบทเรียนสือประสมไปใช้กับนักเรียน พบว่า ครูมีความกระตือรือร้น มีการจดัเตรียมการสอน และวางแผนทีมีระบบ มีขนัตอน มีปฏิสมัพนัธ์ทีดีกบันกัเรียน และคอยช่วยเหลือให้คาํแนะนาํ ดา้นนกัเรียน พบว่า นกัเรียนมีความตงัใจ รับผิดชอบ เอาใจใส่ เพียรพยายาม กระตือรือร้น ร่วมมือกนัทาํกิจกรรม และช่วยเหลือซึงกนัและกนั 4. นักเรียนมีผลสัมฤทธิทางการเรียนก่อนและหลงัเรียนด้วยบทเรียนสือประสมแตกต่างกนัอย่างมีนัยสําคญั ทางสถิติทีระดับ 0.05 โดยผลสัมฤทธิทางการเรียนหลงัเรียนด้วยบทเรียนสือประสมมีค่าเฉลียสูงกว่าผลสัมฤทธิทางการเรียน ก่อนเรียนดว้ยบทเรียนสือประสม และนกัเรียนเห็นดว้ยวา่การเรียนโดยใชบ้ทเรียนสือประสมมีประโยชน์มากทาํให้ มีผลการเรียนทีดีขึนกวา่เดิม เกิดความคิดสร้างสรรคแ์ละจินตนาการ เกิดความเขา้ใจในเนือหามากยงิขึน เกิดความรู้สึกมนัใจในการเรียนมากขึน และเกิดความกระตือรือร้นในการเรียน

    ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน บณัฑิตวทิยาลยั มหาวทิยาลยัศิลปากร ปีการศึกษา 2554 ลายมือชือนกัศึกษา........................................ ลายมือชืออาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ 1. ................................ 2. ............................... 3. ...................................

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 51253416 : MAJOR: CURRICULUM AND SUPERVISION KEY WORD : THE DEVELOPMENT OF MULTIMEDIA / THAI SPELLING ATCHARA JETTABUT: THE DEVELOPMENT OF MULTIMEDIA ON THAI SPELLING, WRITING FOR FOURTH GRADE STUDENTS. THESIS ADVISORS : ASST.PROF.MAREAM NILLAPUN, Ed.D, ASSOC.PROF. SOMPORN RUAMSUK, M.Ed. AND ANIRUT SATIMAN Ed.D.398 pp. The purpose of this research were: 1) to study of fundamental data about the development of the multimedia on Thai spelling writing for fourth grade students, 2) to develop the multimedia on Thai spelling writing, 3) to implement the multimedia on Thai spelling writing, 4) to compare students’ achievement of Thai spelling writing and to study students’ opinions about the multimedia on Thai spelling writing. The sample consisted of 6 fourth grade students who are 5 Thai students and 1 Korean Student at Somtawin Witead Suksa Huaymongkon School, Hua Hin, Prachuap Khiri Khan, during the second semester of academic year 2011 and the duration of the experiment covered 12 periods of 9 hours teaching of Thai spelling writing. The research instruments were: 1) the multimedia on Thai spelling, 2) the achievement test and 3) the students’ opinions about multimedia from questionnaires. The t-test was used to analyze the data in order to assess the students’ achievement in learning Thai spelling writing. In addition, the percentage, mean, standard deviation and content analysis. The results found that: 1. The teachers and the students need to use multimedia that contains games, pop-up books, word cards, pictures and multimedia that using computer. 2. The efficiency of multimedia whose content consisted of six lessons, 1) words with consonants and without consonants, 2) words in the Mae Gong group,word in the Mae Gonk group 3) words in the Mae Gom group, words in the Mae Gob group 4) words in the Mae Guei group and words in the Mae Kon group, 5) words in the Mae Guew group words in the Mai God group and 6) homonyms, heteronyms. In each lesson included a teacher handbook (explanation, teacher step, lesson plan, evaluation test), a student handbook (explanation, test, worksheets), teaching materials (multimedia which is including games, pop-up books, words cards, pictures and multimedia that used a computer), the individual efficiency result of multimedia was 74.00/75.55. For the small group test the efficiency of multimedia was 77.66/80.55 and the field test study result showed an efficiency of 82.66/84.44, higher than the criteria standard of 80/80 3.The implementation of multimedia on Thai spelling writing with students, It was found that the teachers were enthusiastic about lessons, preparing learning activities ethically, interact with students in a good manner. For students, they had enjoyed these lessons, paid more attention, cooperative and worked well in teams. 4.The students’ achievement, both pre-test and post-test were different by 0.05,significantly the achievement of post-test result was higher than the achievement of pre-test results and also the students’ opinions about multimedia were improved, it was found that the multimedia produced high achievement, creative thinking, and clear understanding the lesson, self-confidence, and more active learning from the learning.

    Department of Curriculum and Instruction Graduate School, Silpakorn University Academic Year 2011 Student's signature .................................................. Thesis Advisors' signature 1. ................................... 2. ...................................... 3. .................................

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • กติติกรรมประกาศ วทิยานิพนธ์ฉบบันีสําเร็จไดด้ว้ยดี เพราะผูว้ิจยัไดรั้บความอนุเคราะห์อยา่งสูงจากผูช่้วยศาสตราจารย์ ดร. มาเรียม นิลพนัธ์ุ ซึงเป็นทีปรึกษาวิทยานิพนธ์ คอยช่วยเหลือ ให้คาํแนะนําตลอดจนตรวจแกไ้ขขอ้บกพร่องมาโดยตลอด จนวิทยานิพนธ์เสร็จสมบูรณ์ และรองศาสตราจารย์สมพร ร่วมสุข และ อาจารย ์ดร.อนิรุทธ์ สติมนั ผูค้อยช่วยเหลือและให้คาํแนะนาํทีเป็นประโยชน์อยา่งยงิกบัผูว้จิยั ขอขอบพระคุณผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.กรภสัสร อินทรบาํรุง ทีกรุณาเป็นประธานในการพิจารณาวิทยานิพนธ์ และอาจารย ์ดร. สุจิตรา คงจินดา ผูท้รงคุณวุฒิ ทีกรุณาให้คาํปรึกษา คาํแนะนาํ และแกไ้ขขอ้บกพร่อง จนทาํใหว้ทิยานิพนธ์เล่มนีถูกตอ้งและสมบูรณ์ยงิขึน ขอขอบพระคุณ ผูเ้ชียวชาญทงั 3 ท่าน ทีตรวจสอบเครืองมือทีใชใ้นการวิจยัครังนี ไดแ้ก่ ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร. ปัญญา ทองนิล อาจารย ์ดร.ชนสิทธิ สิทธิสูงเนิน อาจารยป์ระจาํภาควิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี ผู้ให้ค ําแนะนําด้านการจัดการเรียนรู้ สือประสม และการวดัประเมินผล และนางสาววาสนา มีลาภ ศึกษานิเทศก์ชาํนาญการ สํานกังาน เขตพืนทีการศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ผูใ้ห้คาํแนะนาํดา้นการจดัการเรียนรู้ และเนือหาวิชาภาษาไทย ทาํใหเ้ครืองมือทีใชใ้นการวจิยัครังนีมีความสมบูรณ์มากยงิขึน ขอขอบพระคุณผู้อ ํานวยการ ผู้จ ัดการ และเพือนครูโรงเรียนสมถวิลวิเทศศึกษา ห้วยมงคล ทีให้ความอนุเคราะห์ ส่งเสริม และช่วยเหลือผูว้ิจยัให้ได้มีโอกาสพฒันาตนเอง และ ขอขอบใจนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 โรงเรียนสมถวิลวิเทศศึกษา ห้วยมงคล ทีให้ความร่วมมือในการเก็บรวบรวมขอ้มูล ทา้ยทีสุดขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อเสน่ห์ คุณแม่สุวรรณา เจตบุตร และทุกคนในครอบครัว ทีให้การสนับสนุน ให้กําลังใจ ช่วยเหลือในการทาํงานด้วยดีเสมอมา โดยเฉพาะ คุณเสงียม นิลแดง ทีไม่สามารถอยู่ไดจ้นถึงวนัทีผูว้ิจยัสําเร็จการศึกษา คุณค่าและประโยชน์ของวิทยานิพนธ์ฉบบันี ผูว้ิจยัขอบูชาแด่บิดา มารดา อาจารย ์ตลอดจนผูมี้พระคุณทุกท่านทีไดอ้บรม สังสอน และหวงัเป็นอยา่งยงิวา่วิทยานิพนธ์ฉบบันีจะเป็นประโยชน์ต่อครูผูส้อนตลอดจนผูที้สนใจโดยทวัไป

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • สารบัญ หนา้ บทคดัยอ่ภาษาไทย .................................................................................................................... ง บทคดัยอ่ภาษาองักฤษ ............................................................................................................... จ กิตติกรรมประกาศ ..................................................................................................................... ฉ สารบญัตาราง ............................................................................................................................ ญ สารบญัแผนภูมิ .......................................................................................................................... ฐ บทที 1 บทนาํ ............................................................................................................................. 1 ความเป็นมาและความสาํคญัของปัญหา ................................................................ 1 กรอบแนวคิดการวจิยั ............................................................................................ 5 วตัถุประสงคก์ารวจิยั ............................................................................................. 11 คาํถามในการวจิยั ................................................................................................... 11 สมมติฐานของการวจิยั .......................................................................................... 11 ขอบเขตของการวจิยั .............................................................................................. 12 นิยามศพัทเ์ฉพาะ ................................................................................................... 13 2 วรรณกรรมทีเกียวขอ้ง .................................................................................................... 14 หลกัสูตรแกนกลางการศึกษาขนัพืนฐาน พุทธศกัราช 2551 : กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ............................................................................... 15 หลกัสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสมถวลิวเิทศศึกษา หว้ยมงคล ................................ 20 การเขียนสะกดคาํ .................................................................................................. 25 ความหมายของการเขียนสะกดคาํ ................................................................... 25 ความสาํคญัของการเขียนสะกดคาํ .................................................................. 26 สาเหตุของการเขียนสะกดคาํ .......................................................................... 27 แนวการสอนเขียนสะกดคาํ ............................................................................ 28 สือประสม ............................................................................................................. 30 ความหมายของสือประสม .............................................................................. 30 ประเภทของสือประสม .................................................................................. 32

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • บทที หนา้ มลัติมีเดียเพือการศึกษา ................................................................................. 33 องคป์ระกอบของสือประสม ........................................................................ 35 ลกัษณะของสือประสมทีดี ............................................................................ 35 ขนัตอนการสร้างสือประสม ......................................................................... 36 หลกัการใชสื้อและการหาประสิทธิภาพ ....................................................... 39 ประโยชน์ของสือประสม ............................................................................. 44 งานวจิยัทีเกียวขอ้ง ................................................................................................. 46 งานวจิยัในประเทศ ....................................................................................... 46 งานวจิยัต่างประเทศ ...................................................................................... 53 3 วธีิดาํเนินการวจิยั ........................................................................................................... 56 ขนัตอนที 1 วจิยั (Research) ศึกษาขอ้มูลพืนฐาน ................................................. 56 ขนัตอนที 2 พฒันา (Development) พฒันาและหาประสิทธิภาพ .......................... 67 ขนัตอนที 3 วจิยั (Research) การทดลองใชสื้อประสม ......................................... 76 ขนัตอนที 4 พฒันา (Development) การประเมินและปรับปรุงบทเรียนสือประสม ....................................................... 80 4 ผลการวเิคราะห์ขอ้มูล.................................................................................................... 89 ผลการศึกษาขอ้มูลพืนฐาน .................................................................................... 89 ผลการพฒันา และการประสิทธิภาพบทเรียนสือประสม ....................................... 106 ผลการทดลองใชบ้ทเรียนสือประสม ..................................................................... 112 ผลการประเมินและปรับปรุงบทเรียนสือประสม ................................................... 114 5 สรุปผลการวจิยั อภิปรายผล และขอ้เสนอแนะ .............................................................. 119 สรุปผลการวจิยั ...................................................................................................... 120 อภิปรายผล ............................................................................................................ 121 ขอ้เสนอแนะ .......................................................................................................... 127 ขอ้เสนอแนะเพือการนาํผลการวจิยัไปใช ้...................................................... 127 ขอ้เสนอแนะเพือการวิจยัครังต่อไป ............................................................... 127 บรรณานุกรม ............................................................................................................................. 128

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • บทที หนา้ ภาคผนวก .................................................................................................................................. 134 ภาคผนวก ก รายชือผูเ้ชียวชาญตรวจสอบเครืองมือ ............................................. 135 ภาคผนวก ข การตรวจสอบคุณภาพเครืองมือ ....................................................... 137 ภาคผนวก ค การตรวจสอบสมมติฐาน ................................................................. 157 ภาคผนวก ง เครืองมือทีใชใ้นการวิจยั .................................................................. 162 ภาคผนวก จ หนงัสือราชการ ................................................................................ 392 ประวติัผูว้ิจยั .............................................................................................................................. 398

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • สารบัญตาราง ตารางที หนา้ 1 ตวัชีวดัและสาระการเรียนรู้แกนกลางระดบัชนัประถมศึกษาปีที 4 ................................ 19 2 โครงสร้างหลกัสูตรโรงเรียนสมถวลิวเิทศศึกษา หว้ยมงคล ........................................... 21 3 โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ภาษาไทยชนัประถมศึกษาปีที 4.................. 23 4 สรุปวธีิดาํเนินการวิจยัขนัตอนที 1 ศึกษาขอ้มูลพืนฐาน .................................................. 65 5 แผนการจดัการเรียนรู้เพือใชใ้นการสอน เรือง การเขียนสะกดคาํ ประกอบการใชบ้ทเรียนสือประสม ................................................................... 72 6 สรุปวธีิดาํเนินการวิจยัขนัตอนที 2 การพฒันาและหาประสิทธิภาพ ............................... 75 7 แบบแผนทีใชใ้นการวิจยั ................................................................................................ 77 8 สรุปวธีิดาํเนินการวิจยัขนัตอนที 3 การทดลองใชบ้ทเรียนสือประสม ............................ 80 9 วเิคราะห์แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิทางการเรียน เรือง การเขียนสะกดคาํ .................... 81 10 เกณฑก์ารแปลความหมายของคาํถาม ............................................................................ 86 11 สรุปวธีิดาํเนินการวิจยัขนัตอนที 4 การประเมินและการปรับปรุงแกไ้ข ........................ 88 12 แสดงจาํนวนร้อยละเกียวกบัสถานภาพและขอ้มูลทวัไปของนกัเรียน ........................... 92 13 แสดงจาํนวน และร้อยละของนกัเรียนเกียวกบัความตอ้งการพฒันา บทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................... 93 14 แสดงจาํนวน และร้อยละของครูสอนภาษาไทย เกียวกบัความคิดเห็นในการพฒันา บทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................... 95 15 แสดงจาํนวน และร้อยละของผูเ้ชียวชาญ เกียวกบัความคิดเห็นในการพฒันา บทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................... 98 16 แสดงจาํนวน และร้อยละของการสังเคราะห์คุณลกัษณะทวัไปของงานวจิยั เกียวกบัสือประสม ............................................................................................ 102 17 ผลการหาประสิทธิภาพบทเรียนสือประสม เรืองการเขียนสะกดคาํ แบบรายบุคคล ................................................................................................... 110 18 ผลการหาประสิทธิภาพบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ แบบกลุ่มเล็ก ...................................................................................................... 111 19 กาํหนดระยะเวลาในการทดลองใชบ้ทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ........... 113

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • ตารางที หนา้ 20 ผลการหาประสิทธิภาพบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ แบบกลุ่มใหญ่ .................................................................................................... 114 21 ผลการประเมินผลสัมฤทธิทางการเรียนของนกัเรียนก่อนและหลงัเรียนโดยใช ้ บทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................... 115 22 ผลการสอบถามความคิดเห็นของนกัเรียนทีมีต่อบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................................................... 116 23 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสอบถามความตอ้งการของนกัเรียนเกียวกบั การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................... 138 24 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสัมภาษณ์ครูสอนภาษาไทยเกียวกบั การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................... 139 25 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสัมภาษณ์ผูเ้ชียวชาญเกียวกบั การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................... 140 26 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสรุปงานวิจยัเกียวกบัการพฒันาบทเรียน สือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ .................................................................... 141 27 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแผนการจดัการเรียนรู้ของบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................................................... 142 28 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของบทเรียนสือประสม เกียวกบัการพฒันาบทเรียน สือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ .................................................................... 143 29 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิทางการเรียน เกียวกบั การพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................... 146 30 ค่าดชันีความสอดคลอ้งของแบบสอบถามความคิดเห็น เกียวกบั การพฒันา บทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................... 149 31 ค่าความยากง่าย (p) ค่าอาํนาจจาํแนก (r) ของแบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิทางการเรียน ของบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ................................................ 151 32 แสดงผลการวเิคราะห์สัดส่วนของคนทาํถูกแต่ละขอ้ (p) และสัดส่วนคนทาํผดิ (q) ของแบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิทางการเรียนของบทเรียนสือประสม ............... 154

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • ตารางที หนา้ 33 คะแนนผลสัมฤทธิทางการเรียนก่อน และ หลงัเรียนดว้ยบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ...................................................................................... 158 34 ผลการการวเิคราะห์ขอ้มูลทางสถิติคาํนวณค่า t-test ของแบบทดสอบ ก่อนและหลงัเรียนของบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ................... 159 35 คะแนนเปรียบเทียบผลสัมฤทธิทางการเรียน ก่อนและหลงัเรียนดว้ยบทเรียน สือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ .................................................................... 160 36 คะแนนเปรียบเทียบผลสัมฤทธิทางการเรียน จาํแนกตามบทเรียน ดว้ยบทเรียน สือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ .................................................................... 161

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • สารบัญแผนภูมิ แผนภูมิที หนา้ 1 กรอบแนวคิดการวจิยั ..................................................................................................... 10 2 สรุปขนัตอนการสร้างแบบสอบถามความตอ้งการในการเรียนโดยใชบ้ทเรียน สือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ................................................................... 59 3 สรุปขนัตอนการสร้างแบบสัมภาษณ์ความความคิดเห็นในการใชบ้ทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ของครูผูส้อนสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ....................... 61 4 สรุปขนัตอนการสร้างแบบสอบถามความความคิดเห็นในการใชบ้ทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ของผูเ้ชียวชาญ ........................................................... 63 5 สรุปขนัตอนการพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ .............................. 71 6 สรุปขนัตอนการสร้างแผนการจดัการเรียนรู้ แบบร่วมมือ .............................................. 74 7 สรุปขนัตอนการจดัการเรียนรู้ดว้ยเทคนิค แบบร่วมมือ .................................................. 79 8 สรุปขนัตอนการสร้างแบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิ เรือง การเขียนสะกดคาํ .................... 84 9 สรุปขนัตอนการสร้างแบบสอบถามความคิดเห็นของนกัเรียนทีมีต่อการเรียน โดยใชบ้ทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ ........................................... 87

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 1

    บทท ี1 บทนํา

    ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา ภาษาไทยเป็นภาษาประจาํชาติทีแสดงถึงเอกลกัษณ์ของชาติ มีอกัษรไทย เป็นตวัอกัษรประจาํชาติ เป็นมรดกทางวฒันธรรมทีลาํค่าของคนไทยทุกคน ซึงเป็นเครืองแสดงวา่ไทยเราเป็นชาติทีมีวฒันธรรมสูงส่งมาแต่โบราณ และยงัยืนมาจนถึงปัจจุบนั ดงันนัคนไทยทุกคนจึงตอ้งตระหนกัในความสาํคญัของภาษาไทยและควรรักษาภาษาไทยใหย้งัยนืตลอดไป ภาษานับว่าเป็นเครืองมือในการติดต่อสือสาร ซึงสามารถกระทาํได้โดย การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน หรือแสดงท่าทาง เพือให้เกิดความเขา้ใจตรงกนั ดงันนั ภาษาไทยจึงเป็นภาษาทีสําคญัทีสุด สําหรับนักเรียนในทุกระดบัชนั ทีจาํเป็นตอ้งเรียนภาษาไทย และฝึกฝน จนเกิดความชาํนาญในการใช้ภาษาในการสือสาร สามารถใช้ภาษาไดถู้กตอ้งทงัในการอ่าน การเขียน การใช้ภาษาในบริบทของสังคม และนาํประสบการณ์ทีไดจ้ากการเรียนภาษาไทย มาใชคิ้ดและตดัสินใจ หากไดเ้รียนและจดจาํไวไ้ดถู้กตอ้งแม่นยาํแลว้ ผูเ้รียนก็จะสามารถยึดถือเป็นหลกั นบัว่าเป็นการวางรากฐานการศึกษา ไม่เฉพาะแต่ในความรู้ภาษาไทย แต่ยงัเป็นรากฐานของการศึกษาความรู้วิชาอืนๆ เป็นรากฐานของการคิด การรับคุณธรรม จริยธรรม การรู้จกัระเบียบวินยัและกฎเกณฑ์ของสังคม ตลอดจนการปลูกฝังความเป็นคนไทยและวฒันธรรมไทยดว้ย ดว้ยเหตุนีภาษาไทยจึงเป็นสมบติัทีมีคุณค่า ควรค่าแก่การเรียนรู้ และอนุรักษ์สืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป ในการนี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดาํรัส ห่วงใยภาษาไทย เนืองในการเปิดประชุมสัมนาทางวชิาการ ใจความตอนหนึงวา่

    ประเทศไทยคือประเทศหนึงในจาํนวนไม่มากนักทีมีภาษาของตนเองใช้ และเรียกภาษาของตนเอง ได้อย่างภาคภูมิว่าภาษาไทย ตามธรรมชาติภาษาย่อมเปลียนแปลงไปตามกาลเวลาตามสถานการณ์ ตามสถานการณ์ในสังคม อีกส่วนหนึงภาษา คืออุปกรณ์ในการถ่ายทอดความรู้และวัฒนธรรมของ คนในชาติ การเรียนการสอนภาษาจึงเป็นเรืองสาํคัญ วิธีการสอนภาษามีหลายอย่างหลายทฤษฎี การจะตัดสินว่าทฤษฎีหรือวิธีการหนึงดีกว่าต้องพิจารณาตัวภาษา และสถานการณ์เป็นสาํคัญ

    1

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 2

    ภาษา เป็นเครืองมือถ่ายทอดวัฒนธรรม ทาํให้เรามีวัฒนธรรม มีความรู้ มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ถ้าไม่มีภาษาแล้วแต่ละคนน่าจะทาํอะไรได้เฉพาะตามสัญชาตญาณทีมีอยู่แต่เริมต้น ตระกูลสัตว์ หรือ ตระกูลคน หรือตระกูลไทย แต่ถ้าว่ามีภาษาทาํให้เราถ่ายทอดประสบการณ์ ตงัแต่ในอดีตมาถึงปัจจุบันนีได้ โดยส่งผ่านคนรุ่นเดียวกัน คนในรุ่นก่อนรุ่นหลงัทีมีภาษา เขียนทีทาํให้จารึกข้อความต่าง ๆ ได้มาจนถึงยคุปัจจุบันนีได้อ่านวิชาทีเคยเรียนมาได้อ่าน จารึกขอมเขียนมาตังแต่เมือพันปี กย็ังอ่านเข้าใจได้ คิดว่านี คือความสาํคัญของภาษาไทย (พระเทพรัตนราชสุดา, 2552) ในหลกัสูตรแกนกลางการศึกษาขนัพืนฐาน พุทธศกัราช 2551 ได้จดัให้วิชาภาษาไทยเป็น วิชาพืนฐาน โดยกาํหนดสาระการเรียนรู้ภาษาไทยไว ้5 สาระ ด้วยกัน คือ สาระที 1 การอ่าน สาระที 2 การเขียน สาระที 3 การฟัง การดู และการพูด สาระที 4 หลักการใช้ภาษาไทย และ สาระที 5 วรรณคดีและวรรณกรรม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551:10) ซึงป็นสาระ และทกัษะ ทีสําคญัในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเครืองมือเพือนาํไปแสวงหาความรู้และพฒันาตนเองในชีวติจริง การเขียน นับได้ว่า เป็นทกัษะการสือสารทีสําคญัอย่างหนึง การสือสารด้วยการเขียน จะประสบผลสําเร็จหรือไม่นัน ย่อมขึนอยู่กบัความสามารถและประสิทธิภาพในการใช้ภาษาของผูเ้ขียนเป็นหลกั การทีผูเ้ขียนจะใชภ้าษาไดอ้ยา่งมีประสิทธิภาพจะตอ้งอาศยัความรู้ และความเขา้ใจ ในระบบภาษา ระบบเสียงไวยากรณ์ และตอ้งใช้ภาษาให้ถูกตอ้งเหมาะสม (ทวีศิลป์ อยัวรรณ, 2549 :1) หากเขียนสะกดคาํไม่ถูกตอ้ง และขอ้ความผดิก็จะทาํใหก้ารสือความหมายผดิไปจากเจตนาของผูเ้ขียน ดงันนัผูเ้รียนควรมีความรู้ความเขา้ใจ และตอ้งเรียนรู้หลกัเกณฑท์างภาษา การเขียนสะกดคาํถูกตอ้งตามหลกัภาษาไทย เป็นสิงทีจาํเป็นอย่างยิงทีผูเ้ขียนคาํไทยทุกคนจะต้องระมัดระวงัไม่ให้สะกดผิด ทังด้านอักษร ตัวการันต์ การวางรูปสระวรรณยุกต์และองค์ประกอบอืน ๆ เพือให้คาํไทยเป็นมาตรฐานเดียวกนั ผูส้ะกดคาํพึงสังเกต จดจาํ หาแนวเทียบ เข้าใจความหมายต่าง ๆ และหมันฝึกเขียนคําต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามรูปแบบทีกําหนดไว้ในพจนานุกรม หากผูใ้ดสะกดคาํผิดนอกจากจะทาํให้ภาษาดอ้ยมาตรฐานแลว้ ยงัทาํให้ผูอื้นขาดความนิยมชมชอบ และเสือมศรัทธาในภูมิความรู้ของผูน้นั ( วาสนา บุญสม, 2543 : 1) จะเห็นไดว้่า การฝึกทกัษะดา้นการเขียนสะกดคาํให้ถูกตอ้งและคล่องแคล่ว เป็นการปูพืนฐานของการเขียนทีดี เพราะการเขียนเป็นการสือสารเพียงวิธีเดียวเท่านนั ทีปรากฏเป็นลายลกัษณ์อกัษร การสือสารดว้ยการเขียนเป็นการสือสารทีใช้วิธีการบนัทึกขอ้มูลต่าง ๆ หรือแนวความคิด ความรู้ ซึงผูเ้ขียนตอ้งถ่ายทอดออกมา โดยผา่นสัญลกัษณ์ คือ ตวัอกัษรก่อน จึงจะสือกบัผูรั้บสารได ้ดงันนั ผูเ้ขียนทีดีจึงจาํเป็นตอ้งเป็นผูมี้ทกัษะและความรู้ ความสามารถในการเขียนสะกดคาํเป็นอยา่งดี

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 3

    ผูว้ิจยัในฐานะครูทีสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชันประถมศึกษา ปีที 4 โรงเรียนสมถวิลวิเทศศึกษา ห้วยมงคล พบปัญหาในการเขียนสะกดคาํจากการตรวจผลงาน แบบฝึกหัด คือ ร้อยละ 40 ของนักเรียนทังหมดเขียนสะกดคาํไม่คล่อง เขียน วางวรรณยุกต ์พยญัชนะ และตวัสะกดไม่ถูกตอ้ง เนืองจากโรงเรียนสมถวิลวิเทศศึกษา ห้วยมงคล จดัการเรียน การสอนแบบ English Program ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้จดัการเรียนการสอนเป็นภาษาองักฤษทงัหมด ยกเวน้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซึงนกัเรียนร้อยละ 70 เปอร์เซ็นตข์องนกัเรียนทงัหมดเป็นนกัเรียนต่างชาติ และอีกร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นนกัเรียนไทย จากรายงานผลการประเมินผลสัมฤทธิกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 3 ปีการศึกษา 2553 มีผลสัมฤทธิอยูใ่นระดบัทีไม่น่าพอใจ กล่าวคือ ร้อยละ 60 ของนกัเรียนทงัหมดมีผลสัมฤทธิ ร้อยละ 53 ซึงสูงกวา่เกณฑที์โรงเรียนกาํหนดเพียงเล็กนอ้ย และร้อยละ 40ของนกัเรียนทงัหมดมีผลสัมฤทธิค่อนข้างตํากว่า เกณฑ์ทีโรงเ รียนกําหนด คือ ร้อยละ 50 (สํานักงานเขตพืนทีการศึกษาประจวบคีรีขนัธ์ เขต 2 ) ผูว้จิยัจึงไดว้เิคราะห์ถึงสาเหตุทีนกัเรียนชนัประถมศึกษาปีที 4 มีผลสัมฤทธิทางการเรียนตาํ พบวา่ มีสาเหตุหลายประการ คือ พืนฐานความรู้ของนกัเรียนบางคนขาดทกัษะ ในเรือง การเขียนทีถูกต้อง โดยเฉพาะการเขียนสะกดคาํ นักเรียนบางคนไม่ใส่ใจและไม่เห็นความสําคญัในการเขียนทีถูกตอ้งและเขียนสะกดผิด ๆ ถูก ๆ อยูเ่ป็นประจาํ อีกทงันกัเรียนไม่ชอบเรียนวิชาภาษาไทย และนอกจากนีครูยงัขาดความรู้เกียวกับเทคนิคและวิธีการสอนทีเป็นกระบวนการ จดักิจกรรมการเรียนการสอนซาํซาก มีวิธีการสอนทีลา้สมยั วิธีการสอนทีครูปฏิบติัจะเน้นไปที การบอก อธิบาย หรือบรรยาย ไม่ได้ให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง ไม่ได้จัดทํา สือการเรียนทีเหมาะสมในการเรียนการสอน ซึงสอดคลอ้งกบั นฤมล ฟิตประยรู (2547 : 78 ) ทีได้อธิบายถึงสภาพปัญหาในการจดัการเรียนการสอนภาษาไทย คือ ครูใชว้ิธีการสอนแบบเดิม ๆ ทาํให้เด็กรู้สึกเบือหน่าย ครูจะตอ้งปรับเปลียนวิธีการสอนเพือให้เด็กสนุกกบัการเรียน ทาํนองเดียวกบั เพ็ญนภา ขุนโหร ( 2543, อา้งถึงใน โกสุม สุขสมยั 2546 : 4) ได้กล่าวว่า พฤติกรรมของครูเป็นสาเหตุหนึงทีทาํให้กิจกรรมการเรียนการสอนไม่บรรลุผลสําเร็จ ครูนําสือการสอนมาใช้น้อย ครูส่วนใหญ่สอนแบบบรรยาย ครูไม่เขา้ใจวิธีสอนภาษาไทยทีมีประสิทธิภาพ และวิธีการใหม่ ๆ จากพฤติกรรมดังกล่าว ทาํให้ผูเ้รียนเกิดความเบือหน่าย จึงมีความจาํเป็นอย่างยิงทีครูจะต้องปรับเปลียนพฤติกรรมการสอนและใชสื้อให้มากขึน เพือช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึน อยา่งไรก็ตามการปรับปรุงการจดัการเรียนการสอนของครู สามารถทาํไดห้ลายวิธี โดยครูตอ้งกระตุน้ ส่งเสริมโดยการนาํเทคนิค วธีิการและสือการเรียนการสอนใหม่ ๆ มาใชใ้นการจดัการเรียนการสอนเพือพฒันาการเรียนการสอนใหมี้ประสิทธิภาพ ดงัที ประกอบศรี วงสาคร (2549 : 2) กล่าว

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 4

    ไวว้่า ครูผูส้อนตอ้งมีเทคนิคการสอน จดักิจกรรมประกอบการเรียนการสอนเพือตอบสนองต่อความตอ้งการของผูเ้รียน และจะตอ้งศึกษาวธีิการสอนใหม่ ๆ เพือเป็นการส่งเสริมบรรยากาศในการเรียนของนกัเรียนให้เกิดความกระตือรือร้น มีเจตคติทีดีต่อวิชาภาษาไทย ครูผูส้อนควรปรับปรุงวิธีการสอนเพือให้ผูเ้รียนมีความสนใจ อยากเรียน และลดความเบือหน่ายลง หาแนวทางปรับปรุงและพฒันากระบวนการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยจดักิจกรรมการเรียนการสอนทีมุ่งพฒันาให้เด็กคิด มีทกัษะในการแกปั้ญหา ปลูกฝังทกัษะในการศึกษาหาความรู้ดว้ยตนเอง ก็สามารถช่วยพฒันาการเรียนรู้ของผูเ้รียนไดเ้ช่นกนั สือการสอนนบัวา่เป็นสิงทีมีบทบาทอยา่งมากในการเรียนการสอน เพราะสือทีเหมาะสมและมีคุณภาพ สามารถเป็นสือกลางทีช่วยให้การสือสารระหวา่งครูผูส้อนกบันกัเรียนดาํเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทาํให้นกัเรียนเขา้ใจความหมายของเนือหาบทเรียนไดต้รงกบัทีครูผูส้อนตอ้งการ ไม่วา่สือนนัจะเป็นสือในรูปแบบใดก็ตาม ลว้นแต่เป็นทรัพยากรทีสามารถอาํนวยความสะดวกในการเรียนรู้ไดท้งัสิน (กิดานนัท ์ มลิทอง, 2543 : 89) และ สือประสมก็ถือวา่เป็นนวตักรรมทางการศึกษาทีน่าจะมีความเหมาะสม สามารถนาํไปใชใ้นการจดักิจกรรมการเรียนการสอนทีสนองการคิด การแกปั้ญหา การศึกษาหาความรู้ดว้ยตนเอง และฝึกทกัษะในการทาํงานไดดี้ เพราะว่า สือประสมเป็นระบบการนาํสือต่าง ๆ ทีประกอบไปดว้ย ขอ้ความ ภาพเคลือนไหว ภาพนิง และเสียง มาผสมผสานกนั เพือนาํเสนอเนือหาต่าง ๆ ดว้ยภาพและคาํ สือประสมมีการสร้างโดยอาศยัหลกัการและทฤษฎีการศึกษาหลายอยา่งเขา้มาช่วย ไดแ้ก่ ความแตกต่างระหวา่งบุคคล การมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ หลกัการวิเคราะห์ และระบบการใชสื้อเขา้มาช่วย (ชยัยงค ์พรหมวงศ ์และคณะ 2523: 117-120, อ้างถึงใน ประกอบศรี คงสาคร 2549 : 3) ชุดสือประสมจะส่งผลดีต่อสภาพแวดลอ้มของการเรียนรู้และช่วยพฒันาทกัษะการอ่านและการเขียนมากขึน และมีส่วนช่วยสนับสนุนการเรียนภาษาไทยในทกัษะการอ่านและการเขียนได้ดีขึน (สายใจ อินทรัมพรรย์, 2548 : 36) ซึงสอดคลอ้งกบังานวิจยัของสมยศ เอียการนา (2544 : 85-86) ไดศึ้กษา การพฒันาชุด สือประสม เรือง การขยายพนัธ์ุพืช ระดบัชนัมธัยมศึกษาปีที 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิทางการเรียนจากการทดสอบหลงัเรียนสูงขึนและมีความพึงพอใจชุดสือประสมในระดบัพอใจมาก ในทาํนองเดียวกบั ศิวาพร ฉายชยัภูมิ (2548 : 77) ได้ศึกษาการพัฒนาชุดสือประสมเพือพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชันประถมศึกษาปีที 6 พบว่า การสอนโดยใช้สือประสมสูงกว่าการสอน ดว้ยวิธีอืน ๆ ทาํให้นกัเรียนมีผลสัมฤทธิทางการเรียนหลงัเรียนสูงกวา่ก่อนเรียน และนกัเรียนมีเจตคติทีดีต่อการเรียนการสอนโดยใชสื้อประสม

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 5

    นอกจากมีสือทีดีทีใช้ในการเรียนการเรียนการสอนแล้ว วิธีสอนก็นับว่าเป็นสิงทีสําคญัทีสามารถช่วยพฒันาความสามารถในการเรียนรู้ภาษาไทยของผูเ้รียนได้มีหลายวิธี และวิธีจัด การเรียนรู้แบบร่วมมือกนัเรียนรู้(Cooperative Learning Methods) เป็นวิธีหนึงทีน่าสนใจ เพราะ เป็นวธีิการสอนทีจดัการเรียนใหผู้เ้รียนมีส่วนร่วมและช่วยเหลือกนัให้เกิดการเรียนรู้ เป็นแนวคิดในการจดัการเรียนการสอนเพือให้ผูเ้รียนไดร่้วมมือกนั ฝึกปฏิบติักิจกรรมให้บรรลุวตัถุประสงค์ ซึง วิธีสอนดงักล่าวจะประกอบดว้ยเทคนิคอีกหลายเทคนิค ซึงสามารถนาํไปปรับใชไ้ดก้บัทุกรายวิชาและทุกระดบัชัน ดงันันครูจะตอ้งศึกษาทาํความเขา้ใจหลกัการ แนวคิด สาระสําคญัทีเกียวขอ้ง ตลอดจนเทคนิควิธีการดาํเนินการ เพือนําไปใช้ให้ประสบผลสําเร็จตามวตัถุประสงค์ (วชัรา เล่าเรียนดี, 2550 : 116 ) มีนักการศึกษาหลายท่านทีนําเสนอลักษณะสําคญัของวิธีการสอน แบบร่วมมือกนัเรียนรู้ ซึงมีลกัษณะคลา้ยกนัดงัเช่น อาโจส และจอยเนอร์ ( Ajose,S.A, and V.G. joyner, 1990 : 198 อา้งถึงใน วชัรา เล่าเรียนดี 2545 : 166) กล่าววา่การเรียนรู้แบบร่วมมือกนั จะตอ้งประกอบด้วยลกัษณะสําคญัดงันี 1.การพึงพาอาศยักนั 2.การปฏิสัมพนัธ์ทีดีต่อกนัอย่างใกล้ชิด 3.ความรับผิดชอบต่อการทาํงานกลุ่มของตนเองและต่อสมาชิกกลุ่ม 4.การใช้ทกัษะทางสังคม 5.การใช้ทกัษะกระบวนการกลุ่ม วิธีการสอนแบบร่วมมือกนัเรียนรู้ ประกอบดว้ยเทคนิคการเรียนแบบร่วมมือกนัหลายแบบ ซึงเชือว่าวิธีการจดัการเรียนรู้แบบร่วมมือกนัเรียนรู้ จะสามารถพฒันาผลสัมฤทธิทางดา้นการเรียนของนกัเรียนในระดบัชนัต่าง ๆ ได ้ จากการศึกษาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงสนใจทีจะพัฒนาสือประสม มาทดลองใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในสาระที 4 หลกัการใช้ภาษาไทย ของนักเรียน ชันประถมศึกษาปีที 4 เพือพัฒนาผลการเ รียนรู้ เ รือง การเขียนสะกดคําของนัก เ รียน ชันประถมศึกษาปีที 4 ให้บรรลุผลตามมาตรฐาน ตวัชีวดัของหลกัสูตรแกนกลางการศึกษาพุทธศกัราช 2551และบรรลุผลตามมาตรฐานเกณฑ์ทีโรงเรียนกาํหนดไว ้ เพือส่งเสริมทกัษะ การเขียนและการอ่านใหมี้ประสิทธิผลมากยงิขึน

    กรอบแนวคิดในการวจัิย สือประสม เป็นสือการเรียนการสอนประเภทหนึงทีเป็นเทคโนโลยีระดบัสูง เมือนาํมาใช้ในการเรียนการสอนทาํให้มีการโตต้อบกนัได้ระหว่างผูเ้รียนกับคอมพิวเตอร์ในลักษณะทีเรียกว่า “การโตต้อบ”เพือให้ผูเ้รียนเกิดความรู้ความเขา้ใจ มีทกัษะและสนใจเรียนเพิมขึน สําหรับการวิจยัครังนี เป็นการพฒันาบทเรียนสือประสม เรือง การเขียนสะกดคาํ สําหรับนกัเรียนชนัประถมศึกษา ปีที 4 ผูว้ิจยัได้ศึกษาคน้ควา้แนวคิดและงานวิจยัต่าง ๆ เกียวกับการพฒันาสือประสม เพือเป็นแนวทางในการพัฒนาสือประสม โดยมีนักวิชาการหลายท่านได้กล่าวถึงขันตอนการพฒันา สือประสมไว ้เช่น ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2540 : 115-116) ได้เสนอขนัตอนการผลิตชุดการสอน

    สำนกัหอ

    สมุดกลาง

  • 6

    สือประสม ดังนี 1. กาํหนดหมวดหมู่และเนือหาประสบการณ์ อาจกาํหนดเป็นหมวดวิชา หรือบูรณาการเป็นแบบสหวิทยาการตามความเหมาะสม 2. กาํหนดหน่วยการสอน โดยแบ่งเนือหาวิชาออกเป็นหน่วยการสอน ประมาณเนือหาทีให้ครูสามารถถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียนได้ในหนึงสัปดาห์ หรือสอนไดห้น่วยละครัง 3.กาํหนดหวัเรือง ในการสอนแต่ละหน่วย ควรให้ประสบการณ์อะไรบา้งแก่ผูเ้รียนแลว้กาํหนดเรืองออกมาเป็นหน่วยการสอนยอ่ย 4. กาํหนดหลกัการและความคิดรวบยอดจะตอ้งสอดคลอ้งกบัหน่วยการเรียนรู้และหวัเรือง 5. กาํหนดวตัถุประสงคใ์ห้สอดคลอ้งกบัหัวเรืองโดยเขียนวตัถุประสงค์เชิงพฤติกรรมทีตอ้งมีเกณฑ์การเปลียนแปลงพฤติกรรมไวทุ้กครัง 6. กาํหนดกิจกรรมการเรียนใหส้อดคลอ้งกบัวตัถุประสงคเ์ชิงพฤติกรรม ซึงจะเป็นแนวทางการผลิตสือการสอน 7. กาํหนดแบบประเมินต้องประเมินให้ตรงกับวตัถุประสงค์เชิงพฤติกรรมโดยใช้แบบทดสอบอิงเกณฑ์เพือให้ผูส้อนทราบว่าหลงัเรียนจากชุดการสอนสือประสม แลว้ ผูเ้รียนได้เปลียนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ตามวตัถุประสงคที์ตงัหรือไม่ 8. เลือกและผลิตสือการสอนและจดัสือการสอนเหล่านนัไวเ้ป็นหมวดหมู่ในกล่องทีเตรียมไว ้เพือนาํไปทดลองหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานทีตงัไว ้ 9.การหาประสิทธิภาพชุดการสอนสือประสม เพือเป็นการประกันว่า ชุดการสอนสือประสม ทีสร้างขึนมีประสิทธิภาพในการสอน ผูส้ร้างจาํเป็นตอ้งกาํหนดเกณฑ์ขึนโดยคาํนึงถึงหลกัการทีว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการเพือช่วยให้การเปลียนแปลงพฤติกรรมของผูเ้รียนบรรลุผล 10. การใชชุ้ดการสอนสือประสม ทีปรับปรุงและมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ทีตงัไว้แลว้สามารถนาํไปสอนผูเ้รียนไดต้ามประเภทของชุดการสอนสือประสม และตามระดบัการศึกษา ซึงสอดคลอ้งกบั ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2542 : 199 – 200) ไดก้ล่าวถึงหลกัในการผลิตชุดการสอนไว ้10 ขนัตอน ดงันี 1.กาํหนดหมวดหมู่เนือหาและประสบการณ์ กาํหนดเป็นหมวดวิชา 2. กาํหนดหน่วยการเรียน แบ่งเนือหาวิชาออกเป็นหน่วยการเรียน 3. กาํหนดหวัเรือง ในการสอนแต่ละหน่วยควรแบ่งประสบการณ์ออกเป็น 4 – 6 หวัเรือง 4. กาํหนดความคิดรวบยอดและหลกัการ สรุปรวมแนวคิด สาระ และหลกัเกณฑ์สําคญัไว ้5. กาํหนดวตัถุประสงคใ์ห้สอดคลอ้งกบัหวัเรือง โดยเขียนเป็นวตัถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 6. กาํหนดกิจกรรมการเรียนให้สอดคล้องกบัวตัถุประสงค ์ เชิงพฤติกรรม 7. กาํหนดแบบประเมินผล ตอ้งประเมินให้ตรงกบัวตัถุประสงคเ์ชิงพฤติกรรมโดยใช้แบบทดสอบอิงเกณฑ์ เพือให้ผูส้อนทราบว่า หลงัจากใช้ชุดการสอนแล้ว ผูเ้รียนได้เปลียนพฤติกรรมการเรียนรู้ตามวตัถุประสงค์ทีตังไว้หรือไม่ 8. เลือกและผลิตสือการเรียน 9. หาประสิทธิภาพของชุดการสอนเพือเป็นการป�