3. เงื่อนไขและขอบเขตการศึกษาopm.rid.go.th/backend/web/filemanager-uploads/source/opm-main/งานจ้าง... · น ้าในพื

ขอบเขตของงานจ้างที่ปรึกษา 3-1 โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ม กอ่สร้างอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย อ้าเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุร ี

3. เงื่อนไขและขอบเขตการศึกษา

3.1 ความเป็นมาของโครงการ

เนื่องด้วยอ้าเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ไม่มีแหล่งน ้าธรรมชาติขนาดใหญ่หรือกลาง ท้าให้ประสบปัญหาขาดแคลนน ้า เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตรเป็นประจ้าทุกปี ประกอบกับสภาพพื นที่มีลักษณะลาดชัน การขึ นลงของน ้ามีลักษณะขึ นเร็วลงเร็ว ท้าให้ในดดฝนนเมื่อนนตกหนักจึงเกิดน ้าท่วมในบางพื นที่ ส่วนในดดฝแล้งหากปีใดเกิดภาวะนนทิ งช่วง ท้าให้เกิดความเดือดร้อนแก่ราษฎรอย่างยิ่ง

โครงการชลประทานจันทบุรี ได้รับหนังสือจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายประวัฒน์ อุตตะโมต) หลังจากการเดินทางไปดฝงานในท้องที่จังหวัดจันทบุรีพร้อมคณะ โดยมีรองอธิบดีน่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน ร่วมเดินทางด้วย ในระหว่างวันที่ 25-26 พดษภาคม 2540 และได้มีบัญชาให้กรมชลประทานเร่งรัดด้าเนินการส้ารวจ ออกแบบ และก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดกลางอ่างเก็บน ้าคลอง ตาพลาย เพ่ือเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแหล่งน ้าเพ่ือการเกษตร และอุปโภค -บริโภคของราษฎรในเขตจงัหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื นที่ต้าบลปะตง และต้าบลทรายขาว อ้าเภอสอยดาว

ส้านักชลประทานที่ 9 จังหวัดชลบุรี ได้มีบันทึกที่ กษ 0318/531 ขอให้เร่งรัดโครงการอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย จังหวัดจันทบุรี ตามหนังสือรับเลขที่ ชป. 2917 (สส.) 112/47 โดยนายพงษ์เวช เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผฝ้แทนราษฎร ได้เร่งรัดให้ด้าเนินการโครงการฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนนั น เมื่อทางโครงการชลประทานจันทบุรี ได้รับเรื่องจึงได้ท้ารายงานเสนอกรม และส่งเรื่องให้ส้านักบริหารโครงการ ด้าเนินการศึกษารายละเอียดโครงการต่อไป

ส้านักบริหารโครงการ โดยส่วนวางโครงการที่ 3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ส้ารวจศึกษาพื นที่ เก็บรวบรวมข้อมฝลและได้จัดท้ารายงานเบื องต้น เพ่ือก้าหนดขอบเขตส้ารวจสภาพภฝมิประเทศ ส่งให้ส้านักส้ารวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา เมื่อปี พ.ศ. 2540 ผลการศึกษาพบว่า โครงการอ่างเก็บน ้าคลองตาพลายมีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมที่จะด้าเนินการก่อสร้างเป็นอ่างเก็บน ้า ความจุ 5.09 ล้าน ลบ.ม. แต่ เนื่องจากพื นที่น ้าท่วมบางส่วนของโครงการ อยฝ่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวซ้อนทับป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสอยดาว (RF.13) จ้านวน 284 ไร่ กรมชลประทานจึงได้ด้าเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้นแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2549 และด้าเนินการศึกษาความเหมาะสม ส้ารวจออกแบบรายละเอียด เพ่ือเตรียมแผนการพัฒนาแหล่งน ้าในพื นที่ โดยวางแผนที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย อ้าเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งได้ท้าการออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2552

การพัฒนาโครงการอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย จังหวัดจันทบุรี มีเป้าหมายเพ่ือแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน ้าใช้ในดดฝแล้ง เป็นแหล่งเก็บกักน ้าเพ่ือการอุปโภคบริโภค การชลประทาน การท่องเที่ยว และเพ่ิมพฝนผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ในต้าบลทรายขาว เนื่องจากพื นที่ที่ขออนุญาตด้าเนินการก่อสร้างอาคารหัวงานโครงการและขอบเขตพื นที่น ้าท่วมของอ่างเก็บน ้าบางส่วน อยฝ่ในอยฝ่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสอยดาว และพื นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสอยดาว ในส่วนป่าอนุรักษ์ (โซน C) ไม่เกิน 500 ไร่ จึงจัดอยฝ่ใน


ประเภทขนาดของโครงการที่ต้องจัดท้ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 เสนอต่อส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (คชก.) เพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อรายงาน และเพ่ือประกอบการพิจารณาขอใช้พื นที่ป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้/เพิกถอนพื นทีเ่ขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพ่ือก่อสร้างโครงการต่อไป

3.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา

3.2.1 เพ่ือจัดท้ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) หรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้นของโครงการ ที่สอดคล้องและเป็นไปตามข้อก้าหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและแนวทางของส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)

3.2.2 เพ่ือจัดท้ามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม

3.2.3 ด้าเนินงานประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชนและของทุกภาคส่วน โดยให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อก้าหนดของกฎหมายและระเบียบที่เก่ียวข้อง

3.3 วัตถุประสงค์ของโครงการ (1) เป็นแหล่งน ้าต้นทุนในด้านการเกษตรกรรมและการอุปโภคและบริโภคของราษฎรในเขตพื นที่โครงการ ซึ่งขาดแคลลน ้าในดดฝแล้งเป็นประจ้าทุกปี (2) เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น ้า ให้แก่ประชาชนได้บริโภคและท้าการประมงในพื นที่โครงการและบริเวณใกล้เคียง

3.4 ที่ตั้งและลักษณะโครงการ

3.4.1 ที่ตั้งโครงการ ผลการศึกษาของรายงานการศึกษาวางโครงการ ( Pre - Feasibility Study ) ของส่วน

วางโครงการที่ 3 ส้านักบริหารโครงการ เมื่อเดือนกันยายน 2547 พบว่า โครงการอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย ตั งอยฝ่ในเขตหมฝ่ที่ 1 ต้าบลปะตง และหมฝ่ที่ 5 ต้าบลทรายขาว อ้าเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี แสดงในแผนที่ภฝมิประเทศมาตราส่วน 1:50,000 ระวาง 5435 III ของกรมแผนที่ทหาร พื นที่หัวงานโครงการตั งอยฝ่ที่พิกัดประมาณ 48 PSV 969-523 หรือเส้นละติจฝด 13o 07/’ 22//’ เหนือ และเส้นลองจิจฝด 102o 12/ 14// ตะวันออก (กรมชลประทาน, 2547) ดังแสดงในรูปที่ 3.4-1

3.4.2 ลักษณะโครงการ ประเภทโครงการ อ่างเก็บน ้า

พื นที่รับน ้าลงอ่างเก็บน ้า 7.13 ตร.กม.

ความยาวของล้าน ้าจากต้นน ้า ถึงเข่ือนดิน 4.51 กม.


ส่วนลาดเทของล้าน ้าบริเวณท่ีตั งอ่างเก็บน ้า 1: 62

ปริมาณนนเฉลี่ยต่อปี 1,427 มม.

อัตราการระเหยน ้าเฉลี่ยต่อปี 1,524.9 มม.

ปริมาณน ้าท่าท่ีไหลลงอ่างเก็บน ้าในเกณฑ์เฉลี่ย 6.76 ล้าน ลบ.ม./ปี

ปริมาณน ้านองสฝงสุดในรอบ 50 ปี 27 ลบ.ม./วินาที

ปริมาณน ้านองสฝงสุดในรอบ 100 ปี 34 ลบ.ม./วินาที

ระดับท้องน ้า + 248.00 เมตร (รทก.)

ระดับ Dead Storage + 255.00 เมตร (รทก.)

ระดับเก็บกัก + 270.00 เมตร (รทก.)

ระดับน ้านองสฝงสุด +271.00 เมตร (รทก.)

ระดับสันเขื่อน +273.00 เมตร (รทก.)

ความจุของอ่างเก็บน ้าที่ระดับ Dead Storage 0.076 ลบ.ม. ความจุของอ่างเก็บน ้าที่ระดับเก็บกัก 3.93 ล้าน ลบ.ม. ความจุของอ่างเก็บน ้าที่ระดับน ้านองสฝงสุด 4.5 ล้าน ลบ.ม. พื นที่ผิวอ่างเก็บน ้าที่ระดับเก็บกัก 370 ไร่ พื นที่ผิวอ่างเก็บน ้าที่ระดับน ้านองสฝงสุด 410 ไร่ อาคารหัวงาน เขื่อนดิน กว้าง 8 เมตร ยาว 600 เมตร และสฝง 25 เมตร อาคารระบายน้้าล้น ชนิด Side Channel Spillway ตั งอยฝ่ทางนั่งขวาของเขื่อนดิน

ระบายน ้าได้สฝงสุด 12.346 ลบ.ม.ต่อวินาที ระบบส่งน้้า ส่งน ้าผ่าน River Outlet ชนิด Concrete Steel Liner ลงสฝ่ล้าน ้าเดิมเข้าสฝ่

นายทดน ้า 5 แห่งด้านท้ายน ้า พื นที่ชลประทาน 2,000 ไร่ ราคาค่าก่อสร้างรวมทั งสิ น 212.3 ล้านบาท ราคาค่าก่อสร้างโครงสร้างในส่วนเขื่อนดิน และอาคารประกอบที่อยฝ่ในเขตป่าอนุรักษ์ (C) 123.6 ล้านบาท เฉลี่ยค่าลงทุนไร่ละ 0.106 ล้านบาท เฉลี่ยค่าลงทุนในการใช้น ้าลฝกบาศก์เมตรละ 54.02 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี

ขอบเขตของงานจ้างที่ปรึกษา 3-4 โครงการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) อ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย จงัหวดัจนัทบรีุ

พืน้ทีอ่่างเกบ็น า้ หัวงานโครงการ

พืน้ทีช่ลประทาน

ระวาง 5435 III

กรมชลประทาน

โครงการอ่างเก็บน า้คลองตาพลาย

อ.สอยดาว จ.จันทบุรี

แผนทีโ่ครงการ กลุม่งานสิ่งแวดล้อม

2

ส ำนกับริหำรโครงกำร

รูปที่ 3.4-1 แผนที่แสดงที่ตั งและขอบเขตของพื นที่โครงการอ่างเกบ็น ้าคลองตาพลาย จังหวัดจันทบุรี

1-4

โครงการอ่างเก็บ

น า้คลองตาพลาย

ขอบเขตของงานจ้างที่ปรึกษา 3-5 โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ม กอ่สร้างอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย อ้าเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี

3.5 ขอบเขตพื้นที่ศึกษาโครงการ

เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ ขอบเขตพ้ืนที่ศึกษาของโครงการต้องพิจารณาให้ครอบคลุมพ้ืนที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการด้าเนินโครงการ ได้แก่ พ้ืนที่ลุ่มน้้า พ้ืนที่อ่างเก็บน้้า พ้ืนที่หัวงาน พ้ืนที่ท้ายน้้า พ้ืนที่ชลประทาน และพ้ืนที่อ่ืน ๆ (หากมี)

3.6 ขอบเขตการศึกษา

3.6.1 ศึกษาทบทวนความเหมาะสม การศึกษาทางเลือกของโครงการและเหตุผลประกอบ ใน

รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะต้องเสนอทางเลือกในการพัฒนาโครงการ ได้แก่ ประเภทการ

พัฒนาที่เหมาะสม ที่ตั งหัวงานที่เหมาะสม ปริมาณน ้าเก็บกักที่เหมาะสม พื นที่ชลประทานที่เหมาะสม ระบบ

ชลประทานที่เหมาะสม เป็นต้น โดยต้องมีรายละเอียดเบื องต้น รวมทั งสรุปข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก

และเหตุผลประกอบการตัดสินใจเลือกทางเลือกนั น ๆ ทั งทางด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และ

สังคม โดยค้านึงถึงความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการพัฒนาโครงการ และจะต้องระบุ

ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะด้าเนินโครงการพร้อมแสดงเหตุผลและความจ้าเป็นประกอบ

3.6.2 ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้นจากการพัฒนาโครงการ โดยให้ครอบคลุมองค์ประกอบ

ทางสิ่งแวดล้อมและคุณค่าต่าง ๆ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้าน

กายภาพ ด้านชีวภาพ ด้านคุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และด้านคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต โดยประกอบด้วย

การศึกษาสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมท่ีเกิดจากการพัฒนาโครงการ เป็นต้น

3.6.3 ด้าเนินการตามแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ทางสังคมให้เป็นส่วนหนึ่งในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น หรือรายงานการประเมินผลกระทบ

สิ่งแวดล้อมเบื องต้น

3.6.4 ศึกษารายละเอียดขั นพื นฐานทางด้านสังคม - เศรษฐกิจเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะ

ได้รับจากโครงการ ตลอดจนการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ และเรื่องอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้อง

3.6.5 จัดท้าข้อเสนอแนะมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการชดเชยความ

เสียหายที่เกิดขึ น รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมทางวิชาการ ซึ่งจะเป็นส่วน

หนึ่งของการติดตามและประเมินผลภายหลังการด้าเนินโครงการด้วย


3.7 แนวทางการศึกษา

3.7.1 การศึกษาประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น ให้ด้าเนินการศึกษาตามแนวทางต่าง ๆ

ดังนี

1) แนวทางการจัดท้ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น ส้าหรับโครงการ

เขื่อนหรืออ่างเก็บน ้า ของส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดือนสิงหาคม 2551

2) แนวทางการจัดท้ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น ตามเอกสารท้ายประกาศ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก้าหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้อง

จัดท้ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการ

จัดท้ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2555

3.7.2 ศึกษาวิเคราะห์ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมของโครงการ

ดังนี

1) ด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นการวิเคราะห์ความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจ โดยพิจารณา

ผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อสังคม รวมทั งการวิเคราะห์ผลประโยชน์ที่เกิดขึ นกับผฝ้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการมี/ไม่มี

โครงการ ให้น้าเสนอผลการวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการโดยไม่น้าการประเมินมฝลค่าของผลกระทบ

สิ่งแวดล้อมมารวมไว้ โดยข้อมฝลต้นทุนองค์ประกอบของโครงการและผลประโยชน์ที่เกิดจากโครงการทั งหมด

ทั งทางตรงและทางอ้อมที่น้ามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมฝลต้องแจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจนทั งต้นทุนและ

ผลประโยชน์ของโครงการ

2) ด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม เป็นการน้าผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาประเมินในเชิงมฝลค่า

เพ่ือน้าไปผนวกกับการวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ เพ่ือพิจารณาถึงความคุ้มค่าของโครงการ โดยต้องระบุให้

ชัดเจนในเรื่องที่สามารถประเมินมฝลค่าได้ และไม่สามารถประเมินได้ (ให้ประเมินในรฝปคุณค่าและความส้าคัญ

ในประเด็นนั นแทน) และให้จ้าแนกต้นทุนและผลประโยชน์ทั งทางตรงและทางอ้อมให้ครอบคลุม ชัดเจน และ

ครบถ้วนในทุกประเด็นอย่างละเอียด และน้ามาประเมินมฝลค่าให้เห็นอย่างชัดเจน พร้อมระบุแหล่งที่มาของ

ข้อมฝลที่น้ามาใช้ในการค้านวณหรือ้างอิงให้ชัดเจน และราคาที่น้ามาใช้ควรมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ

สภาพความเป็นจริงในพื นที่โครงการ รวมทั งควรเลือกใช้เครื่องมือทางด้านเศรษฐศาสตร์และกลุ่มเป้าหมายให้

เหมาะสมในแต่ละประเด็น

3) ด้านความคุ้มค่าของโครงการ ให้น้าผลการวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์

สิ่งแวดล้อม มาประมวลร่วมกัน เพ่ือวิเคราะห์ความคุ้มค่าของโครงการในภาพรวม โดยหากผลการวิเคราะห์


การด้าเนินโครงการมีผลที่ไม่คุ้มค่าแต่มีความจ้าเป็นต้องด้าเนินการ ให้ระบุเหตุผลและความจ้าเป็นในการ

พัฒนาโครงการให้ชัดเจน เพ่ือประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการพัฒนาโครงการต่อไป

3.7.3 แนวทางการประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ด้าเนินการ

ศึกษาตามแนวทางต่าง ๆ ดังนี

1) แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางสังคมใน กระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สิงหาคม, 2549)

2) แนวทางของ ดร.เธียรเอก ติยพงศ์พัฒนา ในร่างคฝ่มือส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมเพ่ือการตัดสินใจด้านสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (2559)

3) คฝ่มือการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกองส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรม ชลประทาน (2552)

4) ระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 3.7.4 จัดท้าระบบสารสนเทศภฝมิศาสตร์ (GIS) และพจนานุกรมข้อมฝลของโครงการ เพ่ือให้ใช้งานได้

สะดวกและสามารถใช้ร่วมกับระบบสารสนเทศภฝมิศาสตร์ที่กรมชลประทานได้พัฒนาไว้แล้ว

3.7.5 การจัดท้าแผนงานให้แสดงกิจกรรมหลัก กิจกรรมรอง ความเชื่อมโยงของกิจกรรมและภาระ

งานของบุคลากรหลัก ระยะเวลาด้าเนินงานที่ชัดเจน และแผนงานดังกล่าวจะต้องระบุถึงจุดวิกดตของกิจกรรม

ที่ส้าคัญ รวมทั งจุดวัดผลส้าเร็จของงานในแต่ละช่วงอย่างครบถ้วน ทั งนี เพ่ือใช้ในกรณีการรายงานผลงาน และ

การปรับปรุงแผนการด้าเนินงาน

3.7.6 วิธีการศึกษา ให้ระบุรายละเอียดวิธีการศึกษาและการได้มาของข้อมฝลการเก็บตัวอย่าง

ระยะเวลาที่ใช้ ความเหมาะสมและข้อจ้ากัดของวิธีการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมฝลในห้องปฏิบัติการต้องใช้

ห้องปฏิบัติการของหน่วยงานที่ได้มาตรฐานหรือได้รับการรับรองมาตรฐานจากทางราชการ

3.7.7 ด้าเนินการขออนุญาตเข้าท้าการศึกษาตามพื นที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องกับ

แผนการศึกษา

3.8 บุคลากรหลักที่ต้องการ

บุคลากรหลักในการศึกษาโครงการจะประกอบด้วยผฝ้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ดังนี

(1) ผฝ้จัดการโครงการ/ผฝ้เชี่ยวชาญด้านวางโครงการ


คุณสมบัตเิฉพาะ : ต้องมีประการณ์ด้านงานพัฒนาแหล่งน ้าและสามารถปฏิบัติงานเต็มเวลา

ตลอดระยะเวลาของการศึกษา วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาโท (วิศวกรรมชลประทาน/สาขาที่เกี่ยวข้อง)

ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 20 ปี

ท้าหน้าที่ : ควบคุมก้าหนดแนวทางและวิธีการศึกษา ให้ได้คุณภาพงานและแผนงานตาม

เอกสารประกอบการจ้าง (TOR) และวางโครงการพัฒนาแหล่งน ้าให้เป็นไปตามหลักวิชาการ

(2) ผฝ้ช้านาญการด้านสิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติเฉพาะ : ต้องมีใบอนุญาตจัดท้ารายงานฯ จาก สผ. และจะต้องมีประสบการณ์โครงการ

ของรัฐด้านการพัฒนาแหล่งน ้า ในขณะที่เป็นผฝ้ช้านาญการเท่านั น ซึ่งจะต้องแนบเอกสารในขั นตอนเสนอ

บุคคลากรหลัก วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาโท (สิ่งแวดล้อม/สาขาที่เกี่ยวข้อง) ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 15

ปี

ท้าหน้าที่ : ศึกษา/วิเคราะห์/ประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยภาพรวมของทั งโครงการพร้อม

ทั งเสนอมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม

และต้องเป็นผฝ้ชี แจงโครงการในระหว่างการศึกษารวมถึงการน้าเสนอรายงาน และตอบข้อคิดเห็นต่อหน่วยงานที่

เกี่ยวข้อง

(3) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านอุทกวิทยา

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (อุตุนิยมวิทยา – อุทกวิทยา/สาขาที่

เกี่ยวข้อง) ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 15 ปี

ท้าหน้าที ่: ศึกษา/วิเคราะห์/ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทางด้านอุตุวิทยาและอุทกวิทยา

รวมถึงประเมินสภาพอุตุวิทยาและอุทกวิทยา หลังจากมีการพัฒนาโครงการ พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกัน

และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม

(4) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านชลประทาน

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (วิศวกรรมชลประทาน/สาขาท่ีเกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : วิเคราะห์หาความต้องการใช้น ้าของพืช ค่าความต้องการใช้น ้าชลประทาน ศึกษา

แบบจ้าลองสมดุลน ้าในอ่างเก็บน ้า ศึกษาประสิทธิภาพระบบชลประทาน การออกแบบระบบชลประทาน

พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพ

สิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ


(5) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาแผ่นดินไหว/แหล่งแร่/วัสดุก่อสร้าง

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (วิศวกรรมธรณีวิทยา/สาขาที่เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/ วิเคราะห์/ประเมิน ผลกระทบด้านความม่ันคงของฐานราก ที่มีต่อ

โครงการ ตรวจสอบแนวรอยเลื่อน แผ่นดินไหวรวมถึงการประมาณราคาค่าปรับปรุงฐานรากส้าหรับโครงการ

พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพ


(6) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านดิน / การใช้ประโยชน์ที่ดิน / การเกษตร

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (เกษตร/สาขาที่เกี่ยวข้อง) ประสบการณ์

ไม่น้อยกว่า 15 ปี

ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์ ชนิดของชุดดิน และจ้าแนกความเหมาะสมของดินในการ

เพาะปลฝกพืชตามมาตรฐานของกรมพัฒนาที่ดิน รวมทั งการใช้ประโยชน์ที่ดิน, การเกษตรกรรม ในพื นที่

โครงการ เพ่ือน้าไปสฝ่การวางแผนการเพาะปลฝกพืชให้เหมาะสมตามศักยภาพของพื นที่ภายหลังการพัฒนา

โครงการ พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบ

คุณภาพสิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ

(7) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ สังคม และองค์กร

คุณสมบัติ เฉพาะ : วุฒิ การศึกษาไม่ต่้ ากว่าปริญญาตรี (สังคมศาสตร์/สาขาที่ เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์/ประเมิน ด้านเศรษฐกิจ รฝปแบบสังคมหรือองค์กรในพื นที่

โครงการฯ ศึกษาผลกระทบทางด้านสังคม (SIA) พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ

สิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ

(8) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านการชดเชยทรัพย์สิน

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (สังคมศาสตร์/สาขาที่ เกี่ยว ข้อง)


ท้าหน้าที่ : ตรวจสอบและประมาณราคา ค่าชดเชย ทรัพย์สิน สิ่งก่อสร้าง ที่ได้รับผลกระทบ

จากโครงการ ส้ารวจหาพื นที่ส้าหรับตั งถิ่นฐานใหม่ (ถ้ามี ) ส้าหรับราษฎรที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั งเสนอ


มาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการชดเชย รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพ


(9) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์/เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (เศรษฐศาสตร์/สาขาที่เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/วิเคราะห์/ประเมิน ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการ ศึกษา/

วิเคราะห์ ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์เมื่อมีประเด็นการวิเคราะห์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นต้นทุนของโครงการ

(10) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้/การจัดการลุ่มน ้า

คุณสมบัติ เฉพาะ : วุฒิ การศึกษาไม่ต่้ ากว่าปริญ ญาตรี (วนศาสตร์/สาขาที่ เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที ่: ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์ นิเวศวิทยาป่าไม้ รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการพื นที่

ลุ่มน ้าหลังจากมีการพัฒนาโครงการฯ และร่วมศึกษากับผฝ้ช้านาญการด้านสิ่งแวดล้อมเพ่ือวิเคราะห์ผลกระทบ

โดยตรงต่อทรัพยากรป่าไม้ จากการพัฒนาโครงการ พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบ

สิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ

(11) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า

คุณสมบัติ เฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ ากว่าปริญญาตรี (วนศาสตร์/สาขาที่ เกี่ ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์/ประเมิน ชนิด ปริมาณ การด้ารงชีวิต สถานภาพ ของ

สัตว์ป่าที่มีอยฝ่ในพื นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการฯ และเสนอแนวทางแก้ไขผลกระทบต่อสัตว์ป่า



(12) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (สาธารณสุขศาสตร์/สาขาที่เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/วิเคราะห์/ประเมินผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ผลกระทบ

ต่อการสาธารณสุขและการสุขาภิบาล ผลกระทบต่อภาวะโภชนาการของชุมชน ผลกระทบทางด้านจิตใจ




(13) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพน ้า

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (วิทยาศาสตร์/สาขาที่ เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์/ประเมิน คุณภาพแหล่งน ้าผิวดินและใต้ดินในพื นที่

โครงการฯ และพื นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ รวมถึงการวิเคราะห์คุณภาพน ้าหลังจากมีการพัฒนา

โครงการฯ พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบ

คุณภาพสิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ

(14) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาทางน ้าและการประมง

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (ประมง/สาขาที่เกี่ยวข้อง) ประสบการณ์

ไม่น้อยกว่า 15 ปี

ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์/ประเมิน นิเวศวิทยาทางน ้า และสถานภาพ ในบริเวณ

พื นที่ศึกษาโครงการ รวมทั งศึกษาทางผ่านสัตว์น ้า พร้อมทั งเสนอมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม

รวมทั งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ

(15) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วม/มวลชนสัมพันธ์/การประชาสัมพันธ์

คุณสมบัติเฉพาะ : วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (นิเทศศาสตร์/สาขาที่ เกี่ยวข้อง)


ท้าหน้าที่ : จัดท้าแผนงานและด้าเนินการประชาสัมพันธ์โครงการเพ่ือให้ความรฝ้และความเข้าใจ

เกี่ยวกับโครงการต่อราษฎรในพื นที่โครงการ จัดท้ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน วิเคราะห์ผฝ้มีส่วนได้เสีย

รวมทั งการประเมินผลกิจกรรมที่จัด โดยต้องเสนอทีมงานด้านมวลชนสัมพันธ์ที่มีความรฝ้และประสบการณ์และ

ด้าเนินกลไกการด้าเนินงานตามแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทาง

สังคมในกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

(16) ผฝ้เชี่ยวชาญด้านระบบสารสนเทศภฝมิศาสตร์ (GIS)

คุณสมบัติเฉพาะ :วุฒิการศึกษาไม่ต่้ากว่าปริญญาตรี (ระบบสารสนเทศภฝมิศาสตร์/ภฝมิศาสตร์/

สาขาที่เกีย่วข้อง) ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 15 ปี


ท้าหน้าที่ : ศึกษา/ส้ารวจ/วิเคราะห์/ประเมิน/จัดท้า ระบบสารสนเทศภฝมิศาสตร์ ในพื นที่

โครงการ และพจนานุกรมข้อมฝลของโครงการ เพ่ือให้ใช้งานได้สะดวกและสามารถใช้ร่วมกับระบบสารสนเทศ

ภฝมิศาสตร์ที่กรมชลประทานได้พัฒนาไว้แล้ว

ทั งนี ที่ปรึกษาสามารถมอบหมายให้ผฝ้ช้านาญการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นผฝ้ท้าหน้าที่ศึกษาส้าหรับประเด็น

ที่ไม่ได้ก้าหนดบทบาทของผฝ้รับผิดชอบหลักไว้ โดยพิจารณาให้ครบถ้วนตามแนวทางการจัดท้ารายงาน

ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น ที่ปรึกษาอาจเสนอบุคคลากรหลัก นอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้นได้ แต่ต้อง

ค้านึงถึงเหตุผลความจ้าเป็น และต้องท้าความเข้าใจต่อขอบเขตของงานให้ชัดเจน บุคลากรหลักที่เสนอแต่ละ

ต้าแหน่งต้องมีประสบการณ์ตรงที่เคยปฏิบัติงาน ซึ่งควรมีประสบการณ์การท้างานตรงไม่น้อยกว่า 10 ปีขึ นไป

หรือมีประสบการณ์รวม 15 ปี ขึ นไป

นอกจากนี แล้วบุคลากรหลักจะต้องแนบส้าเนาบัตรประชาชนหรือส้าเนาบัตรประจ้าตัวที่ออกโดยส่วน

ราชการหรือรัฐวิสาหกิจ และรับรองส้าเนาถฝกต้องลงนามก้ากับในใบประวัติการท้างานของตน และรับรองการ

ปฏิบัติงานตลอดระยะเวลาการศึกษาด้วยปากกาหมึกสีน ้าเงินเท่านั น มิฉะนั นจะไม่พิจารณา โดยต้องชี แจงผล

การศึกษา และตอบข้อซักถามด้วยตนเองในวาระการรายงานผลการศึกษาต่อกรมชลประทาน

3.9 การจัดหาเอกสารข้อมูลและการสนับสนุนโดยกรมชลประทาน

เพ่ือช่วยให้การส้ารวจและศึกษาของที่ปรึกษา ได้ด้าเนินการด้วยความต่อเนื่องและส้าเร็จตาม

วัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน จึงจะให้การจัดหาสนับสนุนข้อมฝลต่าง ๆ ดังนี

(1) แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 หรือ 1 : 250,000 ของกรมแผนที่ทหาร

(2) ผลส้ารวจด้านต่าง ๆ ของกรมชลประทาน (ถ้ามี) ซึ่งที่ปรึกษาจะต้องควบคุมการใช้และเก็บรักษา

ตามกฎระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด

(3) สถิติข้อมฝลอุตุนิยมวิทยา อุทกวิทยา (ถ้ามี)

(4) รายงานการศึกษาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของกรมชลประทาน ได้แก่ รายงานโครงการ

ศึกษา ส้ารวจ รายงานเบื องต้นโครงการอ่างเก็บน ้า รายงานวางโครงการ

(5) โครงการอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)

ทั งนี ข้อมฝลต่างๆ เหล่านี ที่ปรึกษาจะต้องส่งคืนกรมชลประทานก่อนถึงวันสิ นสุดสัญญา หรือตามที่

กรมชลประทานเห็นสมควรให้ส่งคืน


3.10 งานส้ารวจเพิ่มเติม

งานส้ารวจด้านต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษาที่ด้าเนินการส้ารวจไว้แล้ว หากไม่เป็นปัจจุบันเพียงพอและที่

ปรึกษาเห็นว่ามีความจ้าเป็นต้องท้าการส้ารวจเพิ่มเติมให้ที่ปรึกษาเสนอไว้ในข้อเสนอด้านเทคนิคของโครงการ

(Technical Proposal) รวมถึงแนวทางและระยะเวลาที่ใช้ด้าเนินการด้วย โดยเสนอขอได้ตามความจ้าเป็น แต่

ทั งนี ต้องมีรายละเอียดเหตุผลที่เพียงพอที่จะน้ามาใช้วิเคราะห์เพ่ือประกอบการศึกษาโครงการให้ชัดเจน และ

ครบถ้วนตามที่คณะกรรมการฯ เห็นสมควร

หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจ้าเป็นต้องส้ารวจเพ่ิมเติมนอกเหนือจาก ที่เสนอไว้

ในข้อเสนอด้านเทคนิคของโครงการ (Technical Proposal) เพ่ือให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาแล้ว

เป็นหน้าที่ของที่ปรึกษาต้องท้าการส้ารวจให้ครบถ้วน โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ นให้เป็นความรับผิดชอบของที่ปรึกษา

3.11 ระยะเวลาของการศึกษาและการรายงานผลการศึกษา

กรมชลประทานได้ก้าหนดระยะเวลาในการด้าเนินงานโครงการทั งสิ น 240 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

ที่ปรึกษาจะต้องเสนอแผนปฏิบัติต่อคณะกรรมการด้าเนินการจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก และจะต้ องเป็น

แผนปฏิบัติงานที่น้าไปด้าเนินการเพ่ือให้บรรลุผลตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเสนอแผน

ปฏิบัติงานจะต้องระบุหัวข้องานหลักอย่างชัดเจน และแสดงหัวข้องานย่อยโดยให้มีรายละเอียดที่เพียงพอ

ส้าหรับการก้าหนดปริมาณงานและผลผลิตของงาน อีกทั งต้องมีรายละเอียดเพียงพอที่จะน้ามาใช้ในการ

ประเมินก้าหนดงวดเงินงวดต่าง ๆ และให้สามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงต่อการพิจารณาในการบริหารสัญญา

และตรวจรับงานของคณะกรรมการฯ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้ด้วย

ภายหลังจากที่ได้ลงนามในสัญญาแล้ว ที่ปรึกษาจะต้องจัดท้าเอกสารสัญญาและส่งรายงานผลการศึกษา

เป็นระยะ ๆ ตามก้าหนดเวลาที่ระบุไว้ ดังนี

3.11.1 การส่งรายงานผลการศึกษา

คณะผฝ้ศึกษาจะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานและเสนอผลงานในรฝปแบบของรายงานต่าง ๆ

และ Digital form (ถ้ามี) ซึ่งต้องจัดท้าเป็นภาษาไทยเสนอกรมชลประทาน โดยคณะกรรมการฯ หรือ ที่ได้รับ

มอบหมายให้ก้ากับและติดตามงานด้านวิชาการให้เป็นไปตามเงื่อนไขหรือตามที่ก้าหนดในสัญญา การรายงาน

ผลงานจะรายงานเป็นระยะ ๆ ตามแผนปฏิบัติงานที่แจ้งไว้ ตามก้าหนดระยะเวลานับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

ตามท่ีระบุไว้ ดังนี


(1) รายงานการเริ่มงาน (Inception Report) จะต้องน้าเสนอกรอบ แนวทาง หลักการ

การด้าเนินงาน วิธีการ แผนงานรวม แผนงานและแนวทางในการศึกษาแต่ละด้านและบุคลากรหลักที่

รับผิดชอบในแต่ละแผนงานของโครงการ ความสัมพันธ์ของแผนงานแต่ละด้าน พร้อมจัดท้าแผนการ

ด้าเนินงานโครงการโดยละเอียด จ้านวน 15 เล่ม ส่งภายใน 30 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

(2) รายงานความก้าวหน้า (Progress Report) จะต้องน้าเสนอความก้าวหน้าของแผนการ

ปฏิบัติงาน ประเด็นการศึกษาแต่ละด้าน ปัญหา อุปสรรค และความเห็นในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ฯลฯ

ของการด้าเนินงาน รวมทั งสรุปความก้าวหน้าของกิจกรรมของผฝ้เชี่ยวชาญแต่ละราย จ้านวน 15 เล่ม ส่ง

ภายใน 60 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

(3) รายงานฉบับกลาง (Interim Report) จะต้องน้าเสนอผลการคัดเลือกแนวทางการ

พัฒนาโครงการที่เหมาะสม จ้านวน 20 เล่ม ส่งภายใน 120 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

(4) ร่างรายงานฉบับสุดท้าย (Draft Final Report) จ้านวน 30 ชุด ส่งภายใน 180 วัน

นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน ประกอบด้วย

- ร่างรายงานสรุปส้าหรับผฝ้บริหาร

- ร่างรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น

- ร่างรายงานภาคผนวก

(5) รายงานฉบับสุดท้าย (Final Report) จ้านวน 40 ชุด ส่งภายใน 230 วัน นับตั งแต่

วันเริ่มปฏิบัติงานประกอบด้วย

- รายงานสรุปส้าหรับผฝ้บริหาร

- รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น

- รายงานภาคผนวก

(6) แผนที่โครงการอ่างเก็บน ้าคลองตาพลาย จังหวัดจันทบุรี ที่แสดงขอบเขตพื นทีศ่ึกษาของโครงการ ได้แก่ พื นที่ลุ่มน ้า พื นที่อ่างเก็บน ้า พื นที่หัวงาน และพื นที่ชลประทาน ตามผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้นของโครงการ ส่งภายใน 230 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน ขนาด A0 จ้านวน 20 ชุด

(7) รายงานต้นฉบับของรายการที่ (1) และ (3) พร้อมไฟล์น้าเสนอที่แก้ไขแล้ว ให้บันทึก

ลงใน CD หรือ DVD ในรฝปแบบ Text file ที่สามารถใช้ในการอ่านและแก้ไขได้อย่างสะดวก จ้านวนอย่างละ 20

ชุด และในรฝปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการอ่านข้อมฝล จ้านวนอย่างละ 2 ชุด ส่ง

ภายหลังจากทีค่ณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ


(8) รายงานต้นฉบับของรายการที่ (5) ไม่เย็บเล่ม จ้านวน 1 ชุด พร้อมบันทึกลงใน

CD/DVD ในรฝปแบบ text file (เช่น word และ/หรือ pdf) จ้านวน 40 ชุด ที่สามารถใช้ในการอ่านและแก้ไข

ได้อย่างสะดวก พร้อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ และคฝ่มือการใช้ข้อมฝล 1 ชุด ส่งพร้อมรายงานฉบับสุดท้าย

(9) รายงานประจ้าเดือน เพ่ือสรุปสถานะของการด้าเนินงาน โดยจัดท้าสรุปอย่างสั น

ได้ใจความ จ้านวนครั งละ 15 เล่ม ในทุก ๆ 30 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

(10) รายงานปิดโครงการ จ้านวน 15 เล่ม ส่งภายใน 230 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

3.11.2 เอกสารส่งมอบอ่ืน ๆ

(1) ฐานข้อมฝลโครงการ จ้านวน 10 ชุด พร้อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ใช้งานครบถ้วน

จ้านวน 1 ชุด ส่งภายใน 230 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงานหรือตามระยะเวลาการผลิตงาน

(2) เอกสารการประชาสัมพันธ์ รวมทั งสื่อการประชาสัมพันธ์โครงการในรฝปแบบ Digital

Form ที่ได้จัดท้าขึ นในระหว่างการด้าเนินงานโครงการ พร้อมบันทึกลงในแผ่น CD/DVD จ้านวน 10 ชุด ส่ง

ภายใน 230 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน หรือตามระยะเวลาการผลิตงาน

(3) ข้อมฝลปฐมภฝมิและทุติยภฝมิต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษาในรฝปแบบ Digital Form เพ่ือ

กรมชลประทานจะได้ใช้เป็นข้อมฝลในการศึกษาเพ่ิมเติมในอนาคต พร้อมบันทึกลงในแผ่น CD/DVD จ้านวน 10

ชุด ส่งภายใน 230 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

นอกจากนี ที่ปรึกษาจะต้องน้าส่งตามข้อ 3.11.2 (1) (2) และ (3) ในลักษณะ Digital Form บันทึก

ลงใน External Hard disk ขนาด Capacity ไม่น้อยกว่า 1 TB จ้านวน 10 ชุด ส่งภายใน 230 วัน นับตั งแต่วัน

เริ่มปฏิบัติงาน

ในการส่งรายงานตามระยะเวลาการศึกษาโครงการสามารถสรุปดังตาราง นอกจากนี ที่ปรึกษาต้องน้าเสนอ

ผลการศึกษาของรายงานต่าง ๆ ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบตามก้าหนดเวลา ในส่วน

รายงานฉบับกลางและร่างรายงานฯ ที่ปรึกษาจะต้องน้าเสนอผลการศึกษาให้กับผฝ้บริหาร ผฝ้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่

เกี่ยวข้อง ส้าหรับรายงานที่ส้าคัญให้น้าเสนอในรฝปแบบที่ประณีตและ ได้มาตรฐานพร้อมบันทึกลงใน CD/DVD

ส่งให้คณะกรรมการฯ ทุกครั งที่มีการประชุมพิจารณารายงาน จ้านวน 1 ชุด นอกจากนี ที่ปรึกษาจะต้องน้าส่ง

ข้อมฝลปฐมภฝมิ ทุติยภฝมิ ที่ได้จัดรฝปแบบที่ใช้ในการศึกษาในลักษณะ Digital Form ให้ด้วย


3.12 การส่งมอบงาน

ที่ปรึกษาต้องจัดท้าใบส่งมอบงานที่แล้วเสร็จตามที่กรมชลประทานเป็นผฝ้ก้าหนดให้เสนอต่อคณะ

กรรมการฯ ตามระยะเวลาที่ก้าหนดไว้

รายงาน

ระยะเวลาการศึกษา (วัน)

30

60

90

120

150

180

210

240

รายงานการเริ่มงาน จ้านวน 15 ชุด

รายงานความก้าวหน้า จ้านวน 15 ชุด

รายงานฉบับกลาง จ้านวน 20 ชุด

ร่างรายงานฉบับสุดท้าย จ้านวนเล่มตามที่ระบุในข้อ 3.11.1 (4)

รายงานฉบับสุดท้าย จ้านวนเล่มตามที่ระบุในข้อ 3.11.1 (5)

แผนที่โครงการตามข้อ ตามข้อ 3.11.1 (6) จ้านวน 20 ชุด

รายงานต้นฉบับ พร้อมไฟล์น้าเสนอที่แก้ไข ตามข้อ 3.11.1 (1) (3)

บันทึกลงใน CD หรือ DVD จ้านวนอย่างละ 20 ชุด และ E-book

พร้อมอุปกรณ์ จ้านวนอย่างละ 2 ชุด

รายงานต้นฉบับตามข้อ 3.11.1 (5) ไม่เย็บเล่ม จ้านวน 1 ชุด พร้อม

บันทึกลงใน CD หรือ DVD จ้านวน 40 ชุด ที่สามารถใช้ในการอ่านและ

แก้ไขได้อย่างสะดวก พร้อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ และคฝ่มือการใช้

ข้อมฝล 1 ชุด

รายงานประจ้าเดือน จ้านวนครั งละ 15 ชุด ทุก ๆ 30 วัน

รายงานปิดโครงการ จ้านวน 15 ชุด

ฐานข้อมฝลโครงการ จ้านวน 10 ชุด พร้อมคอมพิวเตอร์และ

อุปกรณ์ จ้านวน 1 ชุด

เอกสารส่งมอบอื่นๆ ตามระบุในข้อ 3.11.2 (1) (2) (3) ในลักษณะ

Digital Form พร้อมบันทึกลงใน External Hard disk จ้านวน 10 ชุด


3.13 การตรวจรับงาน

ภายหลังที่ได้รับใบส่งมอบงานจากที่ปรึกษาแล้ว คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างที่ปรึกษา จะ

ก้าหนดวันเชิญให้ผฝ้ช้านาญการหรือผฝ้เชี่ยวชาญที่ปรากฏในบุคลากรหลักของที่ปรึกษา น้าเสนอผลการศึกษา

โดยอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ในผลงานที่ส่งมอบให้ผฝ้ช้านาญการหรือผฝ้ทรงคุณวุฒินั น ๆ ได้ทราบและ

พิจารณาให้ความเห็นทางเทคนิคหรือทางวิทยาศาสตร์ประกอบการตรวจรับงาน และมีสิทธิซักถามเพ่ือให้ที่

ปรึกษาได้ชี แจงตามหลักวิชาการ และรับผิดชอบในรายละเอียดทั งหมด ทั งนี คณะกรรมการตรวจรับพัสดุฯ จะ

ท้าการประเมินผลการปฏิบัติงานของผฝ้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษา โดยพิจารณาความสามารถในการปฏิบัติงานให้

แล้วเสร็จตามสัญญาและคุณภาพของผลงาน เพ่ือประโยชน์ในการใช้ประกอบการพิจารณาคัดเลือกในคราว

ต่อไป

3.14 การจ่ายเงิน

ผฝ้ว่าจ้าง จะช้าระค่าจ้างปฏิบัติงานให้ที่ปรึกษา โดยจะจ่ายเป็นงวด ๆ ในส่วนเหมาจ่าย และจ่ายตามจริง

ในส่วนที่เบิกคืนได้ โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างที่ปรึกษาจะด้าเนินการเบิกจ่ายเงินตามหลักฐาน

ใบตรวจรับ และตามปริมาณงานที่ท่ีปรึกษาส่งมอบ ซึ่งรายละเอียดจะระบุไว้ในสัญญาในภายหลัง

อนึ่ง ผฝ้ว่าจ้างจะให้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างหรืออ่ืนใดให้ที่ปรึกษาเท่าที่งบประมาณในแต่ละปีเท่านั น และ

ที่ปรึกษาให้เป็นเหตุในการเรียกร้องความเสียหายต่อผฝ้ว่าจ้างมิได้

3.15 เงื่อนไขประกอบ

3.15.1 เพ่ือให้การจัดท้าและพิจารณาข้อเสนอด้านคุณภาพเป็นไปอย่างกระชับและเข้าใจง่าย สะดวก รวดเร็วต่อการพิจารณาของคณะกรรมการด้าเนินงานจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก และน่ายที่ปรึกษาผฝ้ยื่นข้อเสนอ จึงขอก้าหนดกรอบแนวทางการจัดท้าข้อเสนอ ดังนี

(1) ข้อเสนอด้านคุณภาพ ประกอบด้วยเอกสาร 2 เล่ม คือ เล่มเนื อหาด้านคุณภาพ และเล่มเนื อหาประกอบ

(2) เล่มเนื อหาด้านคุณภาพ (ความหนาไม่เกิน 200 หน้า) เป็นการแสดงข้อมฝล ความเป็นมา ลักษณะทั่วไป สภาพปัญหา ความคิด การวิเคราะห์ ขั นตอนการศึกษาด้านต่างๆ แผนการท้างานและแผนการจัดก้าลังบุคลากร โดยอธิบายให้ชัดเจน เข้าใจง่าย สมบฝรณ์ในเนื อหา ถฝกหลักทางวิชาการและมาตรฐาน ของกรม กระชับและสัมพันธ์กับแผนและระยะเวลา พร้อมจัดค่าใช้จ่ายให้สอดรับกับการด้าเนินงาน ซึ่งมีหัวข้อดังนี


บทที่ 1 บทน้า แสดงความเข้าใจสอดคล้องต่อ TOR

บทที่ 2 ความเข้าใจโครงการ ทั งต่อวัตถุประสงค์และขอบเขตที่ปรากฏใน TOR

แสดงลักษณะพื นที่ สภาพปัญหาและข้อเท็จจริงทุกด้าน พร้อมเสนอแนวคิดและการวิเคราะห์ที่ชัดเจน

บทที่ 3 แนวทางการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น เป็นการแสดงข้อมฝล

และเสนอแนวทางการศึกษา ขั นตอนในการศึกษา การวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมฝลที่ใช้ในการศึกษา การ

วิเคราะห์ข้อมฝล รวมทั งแนวทางการประเมินผลกระทบ และการจัดท้ามาตรการในการป้องกันแก้ไขผลกระทบ

สิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดท้า

รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื องต้น ส้าหรับโครงการเขื่อนหรืออ่างเก็บน ้า ของส้านักงานนโยบาย

และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สิงหาคม, 2551) และแนวทางการจัดท้ารายงานผลกระทบ

สิ่งแวดล้อมเบื องต้น ตามเอกสารท้ายประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก้าหนด

ประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดท้ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ

หลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดท้ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกาศ

ในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2555

บทที่ 4 การประชาสัมพันธ์,มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน

เป็นการน้าเสนอแนวทาง ขั นตอน แผนงาน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และต้องเสนอทีมงานพร้อม

แสดงรายละเอียดคุณสมบัติของทีมงานที่มีความรฝ้ ความสามารถและประสบการณ์ตรง โดยให้เป็นไปตาม

แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางสังคมในกระบวนการวิเคราะห์

ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สิงหาคม, 2549)

และแนวทางท่ีกรมใช้ปฏิบัติพร้อมข้อเสนออ่ืนที่เป็นประโยชน์

บทที่ 5 แผนการท้างานและการจัดก้าลังบุคลากร เป็นการน้าเสนอรฝปแบบการจัด

องค์กรปริมาณงาน ล้าดับการท้างาน ความเหมาะสมของบุคลากร และสอดสัมพันธ์กัน โดยมีรายละเอียดและ

ความชัดเจน เหมาะสมกับระยะเวลาและค่าใช้จ่ายที่มี พร้อมทั งท้าการวิเคราะห์หาวิถีวิกดตของข่ายงาน CPM

(Critical Path Method) วิเคราะห์ กิจกรรมต่างๆ ที่จะต้องท้าในโครงการอย่างประหยัดที่สุดและให้เสร็จ

ทันเวลา เพ่ือให้ทราบถึงเวลาแล้วเสร็จของโครงการว่าเป็นเท่าใด และกิจกรรมใดบ้างที่อยฝ่ในวิถีวิกดต ซึ่งจะ

น้าไปสฝ่การวางแผนตัดสินใจเพ่ือควบคุมโครงการ หรือเร่งรัดโครงการต่อไป


บทที่ 6 ข้อเสนออ่ืน ๆ (หากมีเพ่ิมเติม แต่ต้องส้าคัญและสัมพันธ์กับเนื องาน)

(3) เล่มเนื อหาประกอบ เป็นการแสดงข้อมฝลประกอบ และข้อมฝลบุคลากร ซึ่งแยกเล่ม

จากด้านเทคนิค และควรมีหัวข้อดังนี

- ข้อมูลที่ปรึกษา เป็นการน้าเสนอข้อมฝลด้านต่าง ๆ ของที่ปรึกษา/ทั งตารางแสดง ผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน ข้อเสนอทางด้านการเงิน เครื่องมืออุปกรณ์และ SOFTWARE และศักยภาพอ่ืน ๆ ของที่ปรึกษา ฯลฯ - ข้อมูลบุคลากร เป็นการน้าเสนอข้อมฝลประวัติบุคลากร (Curriculum Vitae;

CV) ที่ที่ปรึกษาเสนอมาในโครงการนี และต้องจัดท้าเป็นตารางสรุปข้อมฝลที่ส้าคัญ ถฝกต้อง เข้าใจง่ายและตรง

ตามความเป็นจริง โดยสรุปรวมแล้วไม่เกิน 4 หน้ากระดาษ A4 ทั งนี ต้องแสดงปริมาณงานที่เหลือ (คน-เดือน)

ของโครงการที่อยฝ่ระหว่างด้าเนินการด้วย และแนบไฟล์ดังกล่าวพร้อมส้าเนาหน้าแรกของสัญญาและเอกสาร

ที่ระบุถึงหน้าที่ความรับผิดชอบตามสัญญานั น เพ่ือให้กรมพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว

3.15.2 ข้อเสนอด้านคุณภาพและข้อเสนอด้านราคา จะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับงบประมาณที่กรมชลประทานได้รับส้าหรับโครงการนี และหากสาระของงานที่เสนอมาในข้อเสนอด้านคุณภาพได้รับการคัดเลือกแล้ว ในการเจรจาต่อรอง จะต่อรองด้านราคาให้อยฝ่ในวงเงินงบประมาณ โดยไม่ตัดสาระ องค์ประกอบและเนื อหาของงานอย่างเด็ดขาด

3.15.3 หากผลการด้าเนินการศึกษาโครงการ ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าพื นที่เพ่ือส้ารวจและเก็บข้อมฝลได้ กรมชลประทาน ขอสงวนสิทธิที่จะยกเลิกงานศึกษาและการจัดท้าเอกสารต่าง ๆ ที่จะต้องด้าเนินการในขั นต่อไป

3.15.4 ที่ปรึกษาต้องจัดเตรียมเอกสารการขออนุญาตตามกฎหมาย (ถ้ามี) ให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน นับตั งแต่วันเริ่มปฏิบัติงาน

3.15.5 กรมชลประทาน ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการคัดเลือกครั งนี ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม โดยผฝ้เสนอราคาจะเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมชลประทานไม่ได้ทั งสิ น และหากการคัดเลือกครั งนี ต้องยกเลิกด้วยเหตุผลใดก็ตาม กรมชลประทานขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อค่าเสียหายใด ๆ ของผฝ้เสนอราคาทั งสิ น

3.15.6 กรมชลประทาน ขอสงวนสิทธิ์มิให้ผฝ้รับจ้างน้าเอกสารที่เป็นผลจากการศึกษาโครงการนี ไปจ้าหน่าย หรือพิมพ์เผยแพร่ ยกเว้นได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมชลประทาน

3.15.7 บุคลากรหลักผฝ้ท้าการศึกษาในแต่ละส่วนของรายงาน จะต้องเป็นผฝ้รายงานผลการศึกษา

แก่กรมชลประทานทุกครั งที่ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างที่ปรึกษา เชิญผฝ้ช้านาญการหรือ

ผฝ้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับรายละเอียดของงานนั น ๆ มาให้ค้าปรึกษา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นทางเทคนิคหรือทาง

วิทยาศาสตร์ตามข้อก้าหนดในสัญญา และเพ่ือการประเมินผลการปฏิบัติงานของผฝ้เชี่ยวชาญและคณะของที่

ปรึกษา


3.15.8 ที่ปรึกษาจะต้องมีผฝ้เชี่ยวชาญในการท้าหน้าที่บรรณาธิการ เพ่ือตรวจทานภาพรวมของ

รายงานให้มีความสอดคล้อง เชื่อมโยงในเนื อหาและสาระของบทต่าง ๆ ในรายงาน ส้านวนภาษาต้องเป็น

แนวทางเดียวกัน และหัวหน้าโครงการจะต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบขั นสุดท้ายก่อนน้าเสนอรายงานใน

ทุกขั นตอน เพ่ือความต่อเนื่องและความสมบฝรณ์ของรายงานตามวัตถุประสงค์ของผฝ้ว่าจ้าง

3.15.9 จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 และหนังสือของสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทยที่ 807/2552 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2552 กรมจะใช้อัตราค่าจ้างใหม่โดยจะพิจารณาหลักฐานตามข้อก้าหนด แต่หากท่ีปรึกษาไม่มีหลักฐานตามข้อก้าหนดกรมจะใช้อัตราค่าจ้างเดิม

3.15.10 ที่ปรึกษาจะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ของโครงการในระดับปริญญาตรีเพ่ือเป็นผฝ้ประสานงาน

และปฏิบัติงานในโครงการตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานจนสิ นสุดโครงการโดยกรมชลประทานจะจัดหา

สถานที่ส้าหรับปฏิบัติงานในกรมชลประทาน (ถ้ามี)

3.15.11 ที่ปรึกษาต้องช่วยชี แจงผลการศึกษาต่อหน่วยงานภายนอก ที่ท้าหน้าที่พิจารณารายงาน

และ/หรืออนุญาต รวมถึงต้องแก้ไขรายงานตามข้อคิดเห็นของหน่วยงานภายนอกนั น ๆ ด้วย

3.15.12 การด้าเนินการด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน

การด้าเนินการด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่ปรึกษาจะต้องผ่านการพิจารณาให้

ความเห็นประกอบก่อนการด้าเนินการจากผฝ้ช้านาญการหรือผฝ้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องนั น ๆ นอกจากนี ที่ปรึกษา

จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการด้าเนินการ ทั งเอกสาร วัสดุอุปกรณ์ ค่าใช้การเดินทางและอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ของบุคลากรที่ร่วมด้าเนินการทั งหมด รวมทั งค่าประชาสัมพันธ์ ซึ่งในการด้าเนินการดังกล่าวที่ปรึกษาจะต้อง

ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับน่ายเลขานุการของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างที่ปรึกษา เพ่ือให้งาน

ส้าเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์

3.16 หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอด้านคุณภาพ

คณะกรรมการด้าเนินงานจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก จะพิจารณาข้อเสนอด้านคุณภาพของที่ปรึกษา

โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนมีคะแนน ดังนี

1) ผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา 20 คะแนน

2) วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน 35 คะแนน

3) จ้านวนบุคลากรที่ร่วมงาน 35 คะแนน

4) ประเภทของที่ปรึกษาที่ต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน 5 คะแนน


5) ข้อเสนอทางด้านการเงิน 5 คะแนน

รวม 100 คะแนน

เมื่อน้าคะแนนที่ที่ปรึกษารวมได้จากข้อ 1 ) ถึงข้อ 5) มารวมกัน จะต้องไม่ต่้ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์

จึงถือว่าที่ปรึกษาผ่านเกณฑ์ในการพิจารณา และการให้น ้าหนักข้อเสนอด้านคุณภาพ และเข้าสฝ่กระบวนการ

พิจารณาในขั นตอนต่อไป

Documents

3. เงื่อนไขและขอบเขตการศึกษาopm.rid.go.th/backend/web/filemanager-uploads/source/opm-main/งานจ้าง... · น ้าในพื