วิจัยในชั้นเรียน - moe.go.th · 1.จัดทําแบบฝ กทักษะการหาผลคูณของจํานวนต างๆเพื่อพัฒนาทักษะการหาผลคูณของนักเรียนชั้น

วิจัยในชั้นเรียน

เรื่อง การพัฒนาทักษะการหาผลคูณของนักเรียนช้ันประถมปท่ี 4 / 1

ผูวิจัย

นายอภินันท ดีมี

กลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร

ชั้น ประถมปท่ี 4 ภาคเรยีนท่ี 2 ปการศึกษา 2549

วิจัยในชั้นเรียน

เรื่อง

การพัฒนาทักษะการหาผลคูณของนักเรียนระดับช้ัน ประถมปที่ 4

ผูวิจัย

นายอภินันท ดีมี

สาระการเรียนรู คณิตศาสตร ชั้น ประถมปท่ี 4 ภาคเรยีนท่ี 2 ปการศึกษา 2549

……………………………..อาจารยท่ีปรึกษา

(นายพิทยา แกวทิพย)

ประกาศคุณูปการ การศึกษางานวิจัยในคร้ังนี้ สาํเร็จไดดวยความอนเุคราะหจากอาจารยพิทยา แกวทิพย อาจารยท่ีปรึกษา ท่ีไดใหความชวยเหลอื ใหความรู ความคิด ใหคาํแนะนาํ คาํปรึกษาตลอดจนการตรวจแกไขขอบกพรองตางๆ เปนอยางดี จนการศกึษาวจิยัในคร้ังนี้เสร็จสมบูรณ ผูวิจยัขอขอบคุณเปนอยางสูงไว ณ ท่ีนี ้ ขอขอบพระคณุทานผูอาํนวยการโรงเรียนเทศบาล 3 วดัไชนาวาส ท่ีใหัการสนับสนุนสงเสริมในการวิจยัในครงันี้ ท่ีกรณุาใหความอนเุคราะห ใหคาํแนะนาํ ใหความรู ความคิดท่ีมีประโยชน และอาํนวยความสะดวกในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เปนอยางดี และขอขอบใจนกัเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 4 / 1 ของโรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส ทุกคนท่ีใหความรวมมือเปนอยางดใีนการวิจยัและเก็บขอมูลท่ีใชในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ จนกระท่ังการศึกษาวิจยัครั้งนี้เสรจ็สมบรูณ

นายอภินันท ดีมี ผูวิจัย

กลุมสาระการเรียนรูคณติศาสตร โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส

ชื่องานวิจัย การพัฒนาทักษะการหาผลคณูของนักเรียนระดบัชัน้ประถมปที่ 4 /1 ผูวิจัย นายอภนินัท ดีม ีกลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร ชื่ออาจารยทีป่รกึษา นายพิทยา แกวทิพย

บทคดัยอ

การศึกษาการศกึษา คอืการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงผูเรียนใหดขีึ้นครจูาํเปนตองศึกษา คนควาเพ่ือ

หาแนวทางปฏบิัต ิ ในการจดัการเรียนการสอนทีส่อดคลองกับชีวติจรงิท่ีมลีกัษณะไมหยุดนิ่ง ดังนั้นครูจะตองทําการศึกษาเก็บรวบรวมขอมูล สภาพการเรียนการสอนของตนเองอยางสมํ่าเสมอ วจิัยในช้ันเรียนเปนการศึกษาคนควาท่ีสะทอนตวัครูเอง การวจิยัคร้ังนี้ มีวตัถุประสงคเพ่ือพัฒนาทักษะของนกัเรียนในการหาผลคูณของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักบัจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกั โดยใหนกัเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน แบบฝกทักษะการหาผลคณูจาํนวนตางๆ จาํนวน 2 ชุด และทําแบบทดสอบหลังเรียน และไดนาํคะแนนท่ีไดมาหาคา รอยละ แลวนาํขอมูลมาวเิคราะหและหาขอสรุปพรอมท้ังนาํเสนอในรูปของตารางประกอบคาํบรรยาย

จากผลการศกึษาปรากฏวา พบนักเรียนมคีะแนนเฉลี่ยรอยละเพ่ิมขึ้น 31.11 โดยท่ีกอนการใชแบบฝกทักษะ นกัเรียนไดคะแนนเฉลี่ยรอยละ 48.89 แตภายหลังการใชแบบฝกทักษะบอย ๆ นกัเรียนไดคะแนนรอยละเพ่ิมเปน 80.00 แสดงวาแบบฝกทกัษะการหาผลคณูท้ัง 2 ชุด ท่ีจัดทําขึ้น เปนแบบฝกทักษะท่ีสามารถพัฒนาทกัษะของนกัเรียนในการหาผลคูณของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักับจาํนวนท่ีมากกวาสามหลักไดเปนอยางด ี ทําใหนกัเรียนท่ีทําการคูณตวัตั้งมากกวาสามหลกักบัตวัคณูมากกวาสามหลักแตเดิมคณูไมคอยไดสามารถคูณไดคลองขึ้นกวาเดิมมาก นกัเรียนมีความกระตอืรือรนท่ีจะเรียนคณติศาสตร

สารบัญ 1 บทนํา หนาที ่1 2 ความสําคญัและทีม่าของปญหา หนาที ่2 3. ทางเลือกคาดวาจะแกปญหา หนาที ่3 4. เอกสารงานวิจัย หนาที ่5 5.วิธีการดําเนินการวิจยั หนาที ่11 6 ขั้นตอนการวจิัย หนาที ่13 7ผลการวิเคราะหขอมูล หนาที ่14 8 สรุปผลการศึกษาวจิยั หนาที ่19 9 บรรณานุกรม หนาที ่23 10 ภาคผนวก หนาที ่24 11แผนการสอน หนาที ่25 12 แบบทดสอบกอนสอน – หลังสอน หนาที ่35 13 แบบฝก หนาที ่38 14 เฉลยแบบทดสอบ - แบบฝก หนาที ่58 15 ประวัติสวนตวั หนาที ่61

สารบัญตาราง 1 ตารางวธิีการดาํเนินการวจิยั หนาท่ี 12 2 ตารางบันทึกคะแนนแบบฝกทักษะ หนาท่ี 15 3 แบบบันทกึคะแนนกอนฝกหลังฝก หนาท่ี 17 4 ตารางการทําวิจยั หนาท่ี 22

หนาท่ี 1

บทนํา

หนาท่ี 2 ความสําคัญและที่มาของปญหา ตามพระราชบัญญตัิการศึกษาแหงชาต ิ พ.ศ. 2542 หมวดท่ี 4 การจัดการศึกษามาตรา 22 การจัดการศกึษาตองยึดหลกัวาผูเรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรูและพัฒนาตนเองไดและถอืวาผูเรียนมีความสาํคัญท่ีสุดกระบวนการจดัการศกึษาตองสงเสริมใหผูเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิละเต็มตามศักยภาพ ( สาํนกังานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาต ิ 2542 - 12 ) การจดัการศึกษาตองจดัใหเกิดความยืดหยุน ครจูะไดปรบัใหเหมาะสมกับนักเรียนที่มีความสามารถแตกตางกนัระหวางผูเรียนชากับผูเรียนเร็วและผูมีความสามารถอื่น ๆ การจัดการเรียนการสอนและการจดัการเนนความพึงพอใจของผูเรียนเปนสาํคญั เนนความสนกุสนานจากการเรียน ความทาทายตอบสนองความอยากรูอยากเห็น เนนการเรียนรูท้ังแบบกลุม การเรยีนรูจากสิ่งตาง ๆ รอบ ๆ ตัวท่ีเช่ือมโยงกบัวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี วิทยาศาสตร เปนศาสตรของสิ่งรอบตวั การจดัการศกึษาจึงตองนาํสิ่งแวดลอมมาใชใหเกิดประโยชนสูงสุด ใชสิ่งท่ีอยูรอบ ๆ ตัวและประยกุเขากับบรรยากาศตอบสนองดวยความสนกุสนาน เปาหมายสาํคญั ของการศึกษาวิทยาศาสตร คณติศาสตรและเทคโนโลยี ตองเร่ิมท่ีวัยเดก็โดยเนนจดุสาํคญั คอืความคิดริเริ่มสรางสรรค ( Creativethink ing ) สามารถสรางจินตนาการ ( Systematicim Idea ) เปนการสรางลาํดับ ความคิดท้ังแบบขนานและแบบลาํดับสรางระบบขั้นตอนการคิด หาคาํตอบจากสิ่งรอบตวัโดยใชหลักทางวชิาการ ความคดิแบบมีเหตุผลความจริง ( Logicalthinking ) วิทยาศาสตรและคณิตศาสตร อยูบนพ้ืนฐานของเหตแุละผล เปนศาสตร ท่ีมีรากฐานความเปนจริงปรากฏการณทางธรรมชาติ ( ยืน อูวรวรรณ 2543 : 35 ) ในการจดัการเรียนการสอนในปจจบัุนซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายอยาง ดังนั้นการจดักจิกรรมการเรียนการสอน จึงควรมีการกิจกรรมหลายรูปแบบ จากการสอนในช้ัน ป.4 พบวานกัเรียนยังขาดทักษะในการคณู

ปญหาจากการเรยีนการสอนคณิตศาสตรในปจจบัุนพบวานักเรียนในระดบัช้ันประถมปท่ี 4 ยังขาดทักษะในการหาผลคูณ โดยเฉพาะอยางย่ิงการหาผลคณูของจาํนวนท่ีมีมากกวาสามหลกักบัจาํนวนท่ีมีมากกวาสามหลกั จากการสังเกตพบวานักเรียนบางคนยังขาดทักษะการคูณจาํนวนท่ีมี หนึ่งหลักกบัจาํนวนท่ีมีหลายหลกั การคณูจาํนวนท่ีมีสองหลกักับจาํนวนท่ีมีสองหลกั การคณูจาํนวนท่ีมสีองหลกักบัจาํนวนท่ีมีสามหลกั และการคูณจาํนวนท่ีมสีามหลกักับจาํนวนทีส่ามหลัก ดังนั้นผูวจิยัซึ่งในฐานะที่เปนท้ังครูผูสอนคณติศาสตรและครูประจาํช้ันจงึเล็งเห็นความสาํคัญของปญหาดังกลาว จงึได ทําการวจิยัเพ่ือพัฒนาทักษะการหาผลคูณของนักเรียนในระดับช้ันประถมศึกษาปท่ี 4/1 เพื่อนาํมาเปนขอมูลในการแกปญหาของนักเรียนในเร่ืองการขาดทักษะการคูณตอไป

หนาที ่3 ทางเลือกที่คาดวาจะแกปญหา 1.จดัทําแบบฝกทักษะการหาผลคณูของจาํนวนตางๆเพ่ือพัฒนาทกัษะการหาผลคณูของนกัเรียนชัน้ประถมศึกษาปที่ 4/1 2.เพ่ือนาํผลจากการวิจยัมาเกบ็เปนขอมูลเพื่อนาํไปแกไขปญหาในการขาดทักษะการคณูในวชิาคณิตศาสตร จุดมุงหมาย

1. เพ่ือสรางแบบฝกทกัษะการหาผลคูณของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักบัจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกั

2. เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธิก์ารคูณของนักเรียน 3. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิก์อนฝกกับหลังฝก

ตัวแปรที่ศึกษา 1. ผลสัมฤทธิ์การคณูของนักเรียน 2. แบบฝกทักษะการคูณ

สมมติฐาน นักเรียนช้ันประถมศึกษา 4 / 1 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส มีทักษะการคณูและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น

กรอบแนวคิดในการวิจยั การวจิยัคร้ังนี้เปนการพัฒนาทักษะการหาผลคณูของจาํนวนท่ีมีมากกวาสามหลกักับจาํนวนท่ีมีมากกวาสามหลกัของนกัเรียนในระดบัชั้นประถมศกึษาปท่ี 4 / 1 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส ผูวิจยัไดจัดทําแบบฝกทักษะการหาผลคณูของจาํนวนตางๆ จาํนวนสองชดุ เพ่ือฝกทักษะการคูณของนักเรียน โดย ใหนักเรยีนทําแบบทดสอบกอนเรียน ทําแบบฝกทักษะการคูณ หลังจากนัน้จงึทําแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือนําผลคะแนนจากการทดสอบและแบบฝกหัดมาหาคาเฉลี่ย รอยละ แลวนาํขอมูลมาวเิคราะหและหาขอสรปุพรอมท้ังนาํเสนอในรูปของตารางประกอบคาํบรรยาย เพ่ือศึกษาการพัฒนาทักษะการคณูของนักเรียน ประโยชนที่คาดวาจะไดรบั

1. นักเรียนมีทักษะในการหาผลคณูมากขึ้น 2. ไดแนวทางในการแกปญหาการเรียนการสอน 3. นักเรียนมีความกระตอืรือรนท่ีจะเรียนคณติศาสตรมากขึ้น

หนาท่ี 4 ขอบเขตของการวิจยั ในการศกึษาวจิยัคร้ังนี้เปนการสรางแบบฝกเพ่ือพัฒนาทกัษะการคูณของจาํนวนท่ีมีมากกวาสามหลักกับจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกั ของนักเรยีนช้ันประถมศึกษาปท่ี 4/1 โดยใชแบบฝกทักษะการคูณและไดกาํหนดขอบเขตของการวจิัยไวดังนี ้

1. ประชากร ประชากรท่ีใชในการศึกษา คอืนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3วัดไชนาวาสท่ีกาํลัง ศึกษาอยูในระดบัชั้นประถมปที4่/1 ในภาคเรียนท่ี 2 ประจาํปการศึกษา 2549 จํานวน 1 หองเรียนจาํนวน 36 คน 2. แบบทดสอบกอนเรยีนและหลงัเรียนที่ใชในการศึกษาเปนแบบทดสอบเพ่ือวดัทกัษะการคูณของนักเรียนในระดับชั้นประถมปท่ี 4 / 1 ในเรือ่งการหาผลคูณของจาํนวนตางๆ จาํนวน 15 ขอ 3. แบบฝกทกัษะการหาผลคูณของจํานวนตางๆจาํนวน 2 ชุด นิยามศัพทเฉพาะ 1.นักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 / 1 หมายถึงนกัเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 / 1โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส อาํเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ปการศกึษา 2549

2.ผลสัมฤทธิ์ หมายถึงคะแนนทีไ่ดจากการทําแบบทดสอบ 3. พัฒนาทักษะการคณู หมายถงึการทําคะแนนผลสมัฤทธิใ์หดีขึน้

หนาที ่5

เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวของ

หนาที ่ 6 บทที ่2

เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของ การจดัการเรียนการสอนทุกรายวชิา มีเปาหมายแหงการเรียนรู คอื “ทําอยางไรใหนกัเรียน คิดเปน

ทําเปน แกปญหาเปน” นักเรียนมีความเชื่อถอืครูเนือ่งจากสังคมไทยสอนนกัเรียนใหเชือ่ฟงครู ครูจึงเปรียบเสมือนศูนยกลางแหงการถายทอดวชิาการตางๆ เกดิความเช่ือท่ีทําใหวิธกีารเรียนรูสาํหรับนกัเรียน ในบางครั้งไมคดิหรือไมกลาโตเถียง การเรียนรูจงึตองพัฒนาโดยเนนใหคดิเปน คดิสิ่งท่ีเปนนามธรรมใหเปนรูปธรรม คิดจากของจริงท่ีปรากฏจนสรุปเปนสูตร กฎเกณฑ คิดจากขอบเขตของปญหาและรูปแบบตางๆ ออกมาเปนรูปธรรม คณะผูวจิัยไดศึกษาแนวคดิทางทฤษฎีท่ีมีความเกี่ยวของกับการวจิัย 4 ขั้นตอนไดแก ตอนท่ี 1 พระราชบัญญตัิการศึกษาแหงชาต ิพ.ศ.2542 กับการปฏริูปการเรียนรู ตอนท่ี 2 แนวคดิเกี่ยวกบักระบวนการเรยีนรูท่ียึดผูเรียนเปนสาํคญั ตอนท่ี 3 แนวทางการชวยเหลือสนับสนนุสงเสริมใหนกัเรียนจดัทาํโครงงาน ตอนท่ี 4 เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวของกับกิจกรรมโครงงาน การคิดแกปญหา และความคิด สรางสรรค ตอนที ่1 พระราชบญัญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.2542 กบัการปฏิรปูการเรยีนรู

พระราชบญัญัตกิารศกึษาแหงชาติ พ.ศ.2542 บังคับใชตั้งแตวันที ่20 สิงหาคม 2542 มีผลใหการปฏิรูปการศึกษาอันเปนวาระแหงชาต ิมีสาระสาํคัญท้ังสิ้น 9 หมวด โดยเฉพาะหมวด 4 ท่ีกลาวถึงแนวการจดัการศึกษา เปนการปฏิรูปการเรียนรูท่ีถอืไดวาเปนหัวใจของการปฏรูิปการศกึษา ทุกหมวดในพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติจะมุงประโยชนสูงสุดแกผูเรียน ดังแผนภาพที ่1

หนาที ่ 7

แผนภาพที ่1 สาระทกุหมวดในพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 มุงสูการจดัการศึกษา “ เนนผูเรียนเปนสําคัญ “ สาํนกังานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาต ิ( 2543 ; 11 -13 ) ไดนําเสนอลกัษณะของผูเรยีนและลักษณะการจดักระบวนการเรยีนรู ตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 สรุปเปนสาระไดดังนี ้ 1.คุณลกัษณะผูเรยีนที่พึงประสงค ผูเรียนท่ีพึงประสงค คอื ผูเรียนเปนคนด ี คนเกง และคนมคีวามสขุ คนดี คือ คนท่ีมีชวีติอยางมีคณุภาพ มีจใิจท่ีดีงาม มีคณุธรรมจรยิธรรม คุณลักษณะท่ีพึงประสงคท้ังดานจิตใจและพฤตกิรรม ท่ีแสดงออก

หมวดที่ 4 แนวการจัดการศึกษา ผูเรียนสําคัญที่สุด

หมวดที่ 7 ครู คณาจารย และ

บุคลาการทางการศึกษา

หมวดที่ 8 ทรัพยากรและ

การลงทุนเพื่อการศึกษา

หมวดที่ 6 มาตรฐานและการประกัน

คุณภาพการศึกษา

หมวดที่ 1 บททั่วไป

หมวดที่ 2 สิทธิและหนาที ่ทางการศึกษา

หมวดที่ 3 ระบบการศึกษา

หมวดที่ 9 เทคโนโลยี

เพื่อการศึกษา

หมวดที่ 5 การบริหารและ การจัดการศึกษา

หนาท่ี 8 คนเกง คือคนที่มีสมรรถภาพสูงในการดาํรงชวีติ โดยมีความสามรถดานใดดานหนึ่ง หรือรอบดานหรือมีความสามารถพิเศษเฉพาะทาง คนมีความสขุ คอื คนท่ีมีสุขภาพดีท้ังกายและจติเปนคนราเริงแจมใส รางกายแข็งแรง จติใจเขมแข็ง มีมนุษยสัมพันธ มีความรักตอทุกสรรพสงิ 2.ลักษณะกระบวนการเรียนรูที่พึงประสงค กระบวนการเรยีนรูที่พึงประสงค คอื กระบวนการทางปญญาท่ีพัฒนาบุคคลอยางตอเนือ่งตลอดชวีติ สามารถเรียนรูไดตลอดเวลา ทุกสถานท่ี เปนกระบวนการเรียนรูท่ีมีความสขุบูรณาการเนือ้หาสาระตามความหมายเหมาะสมกับระดบัการศกึษา เพ่ือใหผูเรียนไดมีความรูเกีย่วกบัตนเองและความสมัพันธของตนเองกับสังคม สาระการเรียนรูสอดคลองกับความสนใจของผูเรียน ทันสมัยนนกระบวนการคดิและการปฏิบัตจิริงสามารถนาํไปใชประโยชนไดอยางกวางไกล ตอนที ่2 แนวคิดเกีย่วกบัการจดักระบวนการเรียนรูที่ผูเรียนสําคัญที่สุด

1. สมองของมนษุยมีศักยภาพในการเรียนรูสงูสุด สมองของมนษุยประกอบดวยเซลลประมาณหนึ่งแสนเซลล นบัวาเปนโครงสรางท่ีอัศจรรย โดยธรรมชาตสิมองมีความพรอมท่ีจะเรยีนรูตั้งแตแรกเกดิ สมองมีความตองการท่ีจะเรียนรู สามารถเรียนรูใหบรรลอุะไรก็ได 2. ความหลากหลายของสติปญญา คนแตละคนมีความสามารถหรือความเกงแตกตางกนั และมีรูปแบบการพัฒนาเฉพาะของแตละคน สิ่งแวดลอมท่ีแตกตางกนั สงผลตอการพัฒนาเสริมสรางความสามารถใหแตกตางกันอยางชัดเจน การจดัการเรียนรูควรจดักจิกรรมท่ีหลากหลายเพื่อสงเสริมศักยภาพ ความเกง ความสามารถของผูเรียนเปนรายบุคคลเพ่ือใหัผูเรียนพัฒนาตามศักยภาพของแตละบุคคล 3. การเรียนรูจากประการณตรง สาํนกังานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาต ิ( 2543 ; 15 ) ไดดําเนนิการรวบรวมความคิดทางทฤษฎี การเรียนรูและเสนอแนวทางจดักระบวนการเรียนรูดังนี ้ 3.1.การจดัการเรียนการสอน ใหสอดคลองกับความแตกตางระหวางบุคคล ใหผูเรียนพฒันาเต็มความสามารถ 3.2. ลดการถายทอดเนือ้หาวชิาลง ผูเรียนผูสอนมีบทบาทรวมกนั ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร

หนาท่ี 9 ในการแสวงหาความรูใหผูเรียน ไดเรียนจากประสบการณจริง

3.3 กระตุนใหผูเรียนเรียนรูอยางมีประสิทธิภาพโดยทดลองปฏบัิตดิวยตนเองครูมีหนาท่ีเตรียมการ จดัสิ่งเรา และใหคาํปรึกษา วางแนวกจิกรรมและประเมนิผล

4. ปจจัยสําคัญในการสนับสนนุการเรียนการสอน 4.1 กระบวนการเรยีนรูจะเกิดขึ้นไดดี ถานกัเรียนมีโอกาสคิด ทําสรางสรรค โดยมีครูคอยชวยจัดบรรยากาศการเรยีนรู สือ่

4.2 คํานึงถงึความแตกตางระหวางบุคคลในดานความสามารถและดานอื่น ๆ 4.3 สาระการเรียนรู มีความสมดลุเหมาะสมกับวัย ความสนใจ ความถนัดของผูเรียน 4.4 แหลงเรียนรูท่ีหลากหลายและเพียงพอ 4.5 ปฏสิัมพันธระหวางผูเรียนกับครู และระหวางผูเรียนกบัผูเรียน มีลกัษณะเปนกลัยาณนิมิตรที่ชวยเหลือเกื้อกูลกัน 4.6 ศิษยมีศรัทธาตอครผููสอน 4.7 7สาระและกระบวนการเรียนรูเช่ือมโยงกบัเหตกุารณและส่ิงแวดลอมรอบตัวผูเรยีน 4.8 กระบวนการเรยีนรู มีการเช่ือมโยงกบัเครอืขายตาง ๆ เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวของกบัการพัฒนาทักษะคณิตศาสตร ก. เอกสารที่เกี่ยวของ เพ่ือใชในการวิจัยในครั้งนี ้ - ความหมายและความสําคัญของคณิตศาสตร

- หลักสูตรคณิตศาสตรระดับประถมศึกษา - มาตรฐานการเรียนรูทั่วไปของกลุมสาระคณิตศาสตรชวงช้ันที ่ 2 - จิตวิทยาการเรียนการสอนคณิตศาสตร - หลักการสอนคณิตศาสตร - เทคนิคการเรียนการสอนเรื่องการคูณ - คูมือการจดักจิกรรมการเรยีนการสอนที่เนนกระบวนการ วิชาคณิตศาสตร - วิธีสอนคณิตศาสตร - การวัดและประเมินผลการสอนวิชาคณิตศาสตร


ข. งานวิจัยที่เกีย่วของ น ภาพร เมฆรักษาวานิช ( 2515 – 66 - 67 ) ไดศึกษาความสมัพันธระหวางนสิัย และเจตนคต ิกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพบวา

1. นิสัยในการเรียน เจตคต ิในการเรียนมคีวามสัมพันธกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2. นักเรียนชายหญิงในการเรียนมีเจตคตไิมแตกตางกัน 3. นักเรียนท่ีมีผลสัมฤทธิใ์นทางการเรียนสงู จะมีนิสยัรักการเรียน และเจตคตใินการเรียนดกีวา

นักเรียนท่ีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่าํ ยุพิน พิพิธกุล 2539 : 1 กลาววา “ วิชาคณิตศาสตรเปนวิชาที่เกี่ยวของกบัการคิด

กระบวนการและเหตผุล คณิตศาสตร ฝกใหคนคิดอยางมีระเบียบและเปนรากฐาน “ พัชรินทร หงสพันธุ การสรางแบบฝกคณิตศาสตร เรือ่งการบวก การลบ ( วิ?ยานิพนธการศึกษามหาบณัฑิตสาขาวิชาการประถมศึกษามหาวิทยาลยับรูพา 2543 ) ลาวรรณ สุดสิน การใชแบบฝกคณิตศาสตร โดยเนนการจัดทาํส่ือที่เปนรปูธรรมที่มีตอผล สมฤทธิ์ของนกัเรียน (การศกึษามหาบณัฑิตสาขาวิชาการประถมศกึษามหาวิทยาลยับูรพา 2547 )


วิธีดําเนินการวิจัย

หนาท่ี 12 วิธีดําเนินการวิจยั ระยะเวลาในการดําเนินงาน

10 พฤศจกิายน 2549 - 16 กุมภาพันธ 2550 วัน เดือน ป กิจกรรม หมายเหตุ 10 – 30 พฤศจกิายน 2549

- ศึกษาสภาพปญหาและวิเคราะหปญหา

1 - 30 ธันวาคม 2549 - เขียนเคาโครงงานวจิยัในช้ันเรียน - ศึกษา ออกแบบและสรางแบบทดสอบสอบและแบบฝกทักษะท่ีจะใชในงานวจิยั

1- 15 มกราคม 2550

- นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน - นักเรียนเรียนเร่ืองการหาผลคณูของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักบัจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกั - นักเรียนทาํแบบฝกทักษะการหาผลคูณของจาํนวนตางๆ จาํนวน 2 ชุด - นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน

ผูวิจยับันทึกขอมูล

16 – 31 มกราคม - เก็บรวบรวมขอมูลและวิเคราะหขอมูล ผูวิจยับันทึกขอมูล 1 – 16 ก. พ. 2550 - สรุปและอภิปรายผล

- จดัทํารูปเลม

เครื่องมอืที่ใชในการวิจยั

1. แบบทดสอบกอนและหลังเรียน 2. แบบฝกทักษะการหาผลคูณ 3. แผนการสอน 4. สื่อการเรียนการสอน

หนาท่ี 13 ขั้นตอนวิธกีารวิจัย การศึกษาคร้ังนี้ผูวจิัยไดดาํเนินการซึ่งมีรายละเอียดเปนขั้นตอนดังนี ้ 1. กลุมเปาหมาย นักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 / 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปการศกึษา 2549 จํานวน 36 คน 2. วิธีการหรือนวัตกรรมที่ใช 2.1 แบบฝกทักษะการหาผลคูณของจาํนวนตาง ๆ จาํนวน 2 ชุดไดจดัทําขึน้โดยการศึกษาหลักสูตรคูมือครูเม่ือทําเสร็จไดนาํมาวเิคราะหหาขอบกพรองกับเพ่ือนครูท่ีสอนคณิตศาสตรใน โรงเรียนเทศบาล 3 วดไชนาวาส จากนั้นปรับปรุงแบบฝกแลวจงึนาํมาใช มีรายละเอยีดดังนี้

1) แบบฝกทักษะการคณูจาํนวนท่ีมีหนึ่งหลกักับจาํนวนท่ีมีหลายหลกั 2) แบบฝกทักษะการคณูจาํนวนท่ีมีสองหลกักับจาํนวนท่ีมีสองหลกั 3) แบบฝกทักษะการคณูจาํนวนท่ีมีสองหลกักับจาํนวนท่ีมีสามหลกั 4) แบบฝกทักษะการคณูจาํนวนท่ีมีสามหลกักับจาํนวนท่ีมีสามหลกั 5) แบบฝกทักษะการคณูจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักับจาํนวนท่ีมากกวาสามหลัก 2.2 แผนการสอน เร่ือง การหาผลคณูของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักบัจาํนวนท่ีมากกวาสามหลัก 2.3 เครื่องมอืวดัผลและรวบรวมขอมูล ประกอบดวยเคร่ืองมือดังนี ้ 1) แบบบันทึกผลการทําแบบฝกทักษะแตละชุด 2) แบบทดสอบกอนเรียนและหลงัเรยีน 2.4 สื่อการเรียนการสอน 3. วิธีการรวบรวมขอมูล ในการวิจยัคร้ังนี้ ผูวจิยัไดมีการดาํเนนิการรวบรวมขอมูลดงันี้

3.1 บันทึกคะแนนท่ีไดจากการทํากิจกรรมในแบบฝกทักษะแตละชุด 3.2 ทําการทดสอบวดัผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กอนและหลังการใชแบบฝกทักษะทั้งสองชุด

4. ขั้นวิเคราะหขอมูล 4.1นับคะแนนของนกัเรียนท่ีไดจากการทํากิจกรรมในแบบฝกทักษะแตละชุดแลวคดิคะแนนเฉลี่ยเปนรอยละ

4.2 เปรียบเทียบความแตกตางระหวางคะแนนท่ีไดจากการทดสอบกอนการใชแบบฝกทกัษะและหลงัการใชแบบฝกทักษะ โดยใชคาเฉลีย่ และคารอยละ


ผลการวิเคราะหขอมูล

หนาท่ี 15 ผลการวิเคราะหขอมูล จากการศึกษาวจิัยในช้ันเรียนครั้งนี้ วตัถปุระสงคเพ่ือพัฒนาทักษะการหาผลคณูของนกัเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 / 1 เพื่อนาํผลการวิจยัมาเกบ็เปนขอมูลเพ่ือนาํไปแกไขปญหาในการเรียนการสอนและเพ่ือใหนักเรียนเห็นความสาํคัญของการคูณ โดยใชแบบทดสอบกอนเรียนและหลงัเรียน แบบฝกทักษะการหาผลคณูจาํนวน 15 ขอ โดยกลุมตวัอยางซึ่งเปนนกัเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 4 / 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปการศกึษา 2549โรงเรียนเทศบาล 3 วดัไชนาวาส จาํนวน 36 คน โดยสามารถวิเคราะหผลไดดังนี ้

4.1 นักเรียนไดคะแนนจากการทํากจิกรรมในแบบฝกทักษะแตละชุดดังนี้ 1. แบบฝกทักษะการคูณจาํนวนที่มีมากกวาหนึ่งหลัก ชุดที่ 1 นักเรียนไดคะแนนเฉลี่ยคิด

เปนรอยละ 57.60 2. แบบฝกทักษะการคูณจาํนวนที่มีมากกวาหนึ่งหลัก ชุดที่ 2 นักเรียนไดคะแนนเฉลี่ยคิด

เปนรอยละ 77.79

แบบบันทึกคะแนนแบบฝกทักษะการคูณจํานวนตางๆ

นักเรียนชัน้ ป.. 4/1 เลขท่ี ชื่อ แบบฝกท่ี1 แบบฝกท่ี2

1 ด.ญ..จินตนา 9 13 2 ด.ญ..สุพัตรา 8 12 3 ด.ญ..พรรนิการ 6 12 4 ด.ญ..ปานดวงเนตร 10 12 5 ด.ญ..ชนนิกานต 9 12 6 ด.ญ..ปาริฉัตร 8 12 7 ด.ญ..ปวริษา 8 12 8 ด.ญ..อารีรัตน 9 11 9 ด.ญ..ธัญญลักษณ 8 12 10 ด.ญ..นุสรา 8 12 11 ด.ญ..วรรทนา 9 12 12 ด.ญ..อรญา 10 12 13 ด.ญ..กานตธิดา 8 11 14 ด.ญ..นพรัตน 11 12 15 ด.ญ..สุขใจ 7 12 16 ด.ญ..วัชรี 11 11 17 ด.ญ.. ฐิติพร 12 12

18 ด.ญ. มนันยา 12 14 19 ด.ญ..นองหญิง 10 12 20 ด.ญ..ศิรภัสสร 11 12 21 ด..ช.ณัฐพงษ 10 12 22 ด.ช. มงคล 9 13 23 ด..ช.กรวิชญ 8 13 24 ด..ช.ศิลา 8 11 25 ด..ช.สุรสิทธ์ิ 6 11 26 ด..ช.กิตตินันท 5 10 27 ด..ช.นราชัย 6 10 28 ด..ช.สุรเชษฐ 9 12 29 ด..ช.สุกฤษฎ์ิ 9 10 30 ด..ช.จิรวุฒ ิ 11 13 31 ด..ช.คนากร 9 14 32 ด..ช.นนัทพงษ 7 13 33 ด..ช.วรวุฒ ิ 9 12 34 ด..ช.ณัฐพงศ 8 10 35 ด..ช.ณฐภมิ 5 9 36 ด..ช.ณัฐพล 8 12

รวม 311 421 เฉล่ีย 8.64 11.70 รอยละ 57.60 77.79

4.2 จากการทําแบบทดสอบกอนการใชแบบฝกทกัษะและหลังการใชแบบฝกทักษะท้ัง 2 ชุดพบวา

นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยรอยละเพ่ิมขึ้น 31.11 โดยท่ีกอนการใชแบบฝกทักษะ นักเรียนไดคะแนนเฉลีย่รอยละ 48.89 แตภายหลงัการใชแบบฝกทกัษะ นักเรยีนไดคะแนนเฉลี่ยรอยละ 80


หนาท่ี 17 ตารางบันทึกคะแนนกอนใชแบบฝก-หลังใชแบบฝก

เลขท่ี สอบกอนสอน สอบหลังสอน ความกาวหนา

1 5 13 8 2 7 13 6 3 8 13 5 4 6 12 6 5 8 12 4 6 4 11 7 7 8 13 5 8 10 12 2 9 9 14 5

10 7 13 6 11 7 13 6 12 10 12 2 13 8 13 5 14 9 12 3 15 6 13 7 16 5 10 5 17 10 14 4 18 11 14 3 19 8 12 4 20 8 14 6 21 9 12 3 22 5 14 9 23 6 13 7 24 7 14 7

25 5 13 8 26 9 11 2 27 9 13 4 28 8 12 4 29 6 11 5 30 6 10 4 31 5 12 7 32 8 12 4 33 8 11 3 34 7 10 3 35 5 10 5 36 7 11 4 รวม 264 432 168 เฉลี่ย 7.34 12 4.66 รอยละ 48.89 80 31.11

ตารางแสดงความกาวหนาจากคะแนนแบบทดสอบกอนเรียนและหลังเรียน

สอบกอนสอน สอบหลังสอน ความกาวหนา

รวม 264 432 168

เฉลี่ย 7.34 12 4.66

รอยละ 48.89 80 31.11



………………………………

สรุปผลการศึกษาวิจัย


สรุปผลการศึกษาวิจัย จากผลการวิเคราะหขอมูล จะเห็นไดวาในระหวางการใชแบบฝกทักษะทั้ง 2 ชุดซึ่งเกี่ยวกบัแบบฝกทักษะการหาผลคณูของจาํนวนตางๆ นกัเรียนไดคะแนนเฉลี่ยรอยละ 57.60 และ 77.79 ตามลาํดับ นับวาเปนคะแนนเฉลี่ยรอยละท่ีสูงในระดับท่ีนาพอใจ นอกจากนี้ จากการทดสอบวดัผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกอนและหลังการใชแบบฝกทักษะการหาผลคณูทั้ง 2 ชุด พบวานักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยรอยละเพิ่มขึน้ 31.11 โดยที่กอนการใชแบบฝกทักษะ นกัเรียนไดคะแนนเฉลี่ยรอยละ 48.89 แตภายหลงัการใชแบบฝกทักษะ นักเรียนไดคะแนนรอยละ 80.00 แสดงวาแบบฝกทักษะการหาผลคณูท้ัง 2 ชุด ที่จดัทําขึ้น เปนแบบฝกทักษะทีส่ามารถพัฒนาทักษะของนกัเรียนในการหาผลคณู ของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักับจาํนวนท่ีมากกวาสามหลักไดเปนอยางดี ทัง้นี้เพราะเปนแบบฝกทักษะท่ีสรางขึน้โดยอาศยัหลกัการเรียนรูท่ีเร่ิมจากงายไปหายาก เปนการฝกซ้าํๆ และมีรูปแบบการฝกเปนลาํดับขั้นตอนท่ีดี นักเรียนสามารถใสผลคณูไดถกูท่ี และรวมผลคณูไดถกูตอง อภิปรายผลการศึกษา จากการสรางแบบฝกทักษะเพือ่พัฒนาทักษะการหาผลคูณของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 4/1 ในครั้งนี้สามารถอภิปรายผลไดดังนี ้

1. พบวานกัเรียนมีคะแนนเฉลี่ยรอยละเพ่ิมขึ้น 31.11 โดยท่ีกอนการใชแบบฝกทักษะ นักเรียนไดคะแนนเฉลี่ยรอยละ 48.89 แตภายหลงัการใชแบบฝกทักษะ นกัเรียนไดคะแนนรอยละ 80.00 แสดงวาแบบฝกทักษะการหาผลคูณทั้ง 2 ชุด ท่ีจดัทําขึน้ เปนแบบฝกทักษะท่ีสามารถพัฒนาทักษะของนกัเรียนในการหาผลคณูของจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกักับจาํนวนท่ีมากกวาสามหลกัไดเปนอยางด ี

ขอเสนอแนะ 1. ในการสรางแบบฝกทักษะการหาผลคณูจาํนวนตางๆ อาจเพิ่มจาํนวนชดุของแบบฝกทกัษะให

มากขึ้น เพ่ือศกึษาขอมูลเพิ่มขึน้ 2. ในการวจิยัในแตละคร้ังควรเกบ็ขอมูลใหถูกตองและเปนปจจบุัน


บรรณรานุกรม

นันทิพา กงวิไล การวิจัยในชั้นเรียน : การศึกษาความกาวหนาทางการเรียน วิชาคณติศาสตร โรงเรียนวฒันาวทิยาลยั กรุงเทพมหานคร ชาตรี สําราญ วิจัยในชั้นเรยีน : รายงานผลการพัฒนาทักษะความคิด- เขียน โดยวีการสอนตามสภาพความเปนจรงิ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิสดศร ี สฤดิ์วงษ , 2544 สงวนหญิง รายงานการวิจัย เรื่องกจิกรรมโครงงานเพื่อพัฒนาความสามารถ ในการคิดสําหรับนกัเรียนโรงเรียนสงวนหญิง อําเภอเมอืง จังหวัดสุพรรณบุรี , 2545


ภาคผนวก

หนาท่ี 25 แผนการจัดการเรียนรูสาระคณิตศาสตร ช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 ภาคเรียนท่ี…… หนวยการเรียนรูท่ี 4 เร่ือง การคูณ เวลา 20 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรูท่ี 7 เร่ือง 4.2 การคูณจํานวนท่ีมีสามหลักกับจํานวน ท่ีมีสามหลักหลัก เวลา 1 ช่ัวโมง วันท่ี………….เดือน………………………พ.ศ……………………… ----------------------------------------------------------------------------------------------

สาระสําคัญ การคูณจํานวนที่มีสามหลักกับจํานวนที่มีสามหลัก อาจอาศัยการกระจายจํานวนหนึ่งตามคาประจําหลัก แลวนําจํานวนในแตละหลักไปคูณกับอีกจํานวนหนึ่งจากนั้นนําผลที่ไดมาบวกกัน

ผลการเรยีนรูที่คาดหวัง เม่ือโจทยกําหนดการคูณระหวางจํานวนที่มีสามหลักกับจํานวนที่มีสามหลักใหสามารถหาผลคูณได

สาระการเรียนรู การคูณจํานวนสามหลักกับจํานวนที่มีสามหลัก

กระบวนการจัดการเรียนรู 1. นําเขาสูบทเรียน เพลง 2. ครูแจกใบความรู ใหนักเรียนศึกษาโดยครูเปนผูชี้แนะ 3. ใหอาสาสมัคร 1 คน นักเรียนเสนอโจทยตัวตั้งและตัวคูณแลวนักเรียนทั้งชั้นชวยกัน 4. นักเรียนและครูชวยกันสรุปในใบความรู

กระบวนการวดัผลประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรม การรวมกิจกรรม , การตอบคําถาม , การรวมอภิปราย , ความตั้งใจ ฟงอธิบาย , ความต้ังใจทําแบบฝกหัด

3. ตรวจใบงาน , ตรวจแบบฝกหัดสื่อและแหลงการเรียนรู

หนาท่ี 26 1. เพลง 2. ใบความรู 3. แบบฝก

ความคิดเหน็ของผูบริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่ือ)……………………………. (…………………………..)

ตําแหนง ………………………………….


ใบความรู การคูณเลขสามหลักกับเลขสามหลัก

132 x 214 วิธีทํา 214 x 132 428 2 x 214 6240 21400 28248 125 x 153 วิธีทํา 125 x 153 375 ไดจาก 3 x 125 6250 ไดจาก 50 x 125 12500 ไดจาก 100 x 125 19125 ไดจาก 375 + 6250 + 12500


ใบงานท่ี เรื่องการคูณ

ชื่อ…………………………………………….โรงเรียน…………………………………เลขที่……. ชั้น………………………..วันที…่………………….. ใหนักเรียนหาผลคูณของ 1) 438 2) 642 x x 253 341 3) 289 4) 738 x x 465 645

หนาท่ี 29 แผนการจัดการเรียนรูสาระคณิตศาสตร ช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 ภาคเรียนท่ี…… หนวยการเรียนรูท่ี 4 เร่ือง การคูณ เวลา 20 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรูท่ี 8 เร่ือง 4.2 การคูณจํานวนท่ีมีสามหลักกับจํานวน ท่ีมีสามหลัก เวลา 1 ช่ัวโมง วันท่ี………….เดือน………………………พ.ศ……………………… ----------------------------------------------------------------------------------------------

สาระสําคัญ การคูณจํานวนที่มีสามหลักกับจํานวนที่มีสามหลัก อาจอาศัยการกระจายจํานวนหนึ่งตามคาประจําหลัก แลวนําจํานวนในแตละหลักไปคูณกับอีกจํานวนหนึ่งจากนั้นนําผลที่ไดมาบวกกัน

ผลการเรยีนรูที่คาดหวัง เม่ือโจทยกําหนดการคูณระหวางจํานวนที่มีสามหลักกับจํานวนที่มีสามหลักใหสามารถหาผลคูณได

สาระการเรียนรู การคูณจํานวนสามหลักกับจํานวนที่มีสามหลัก

กระบวนการจัดการเรียนรู 1. นําเขาสูบทเรียน เพลง 2. แจกบัตรตัวเลข การคูณ ตัวตั้งสามหลัก ตัวคูณสามหลัก ใหแตละกลุมชวยกันคิด แลวมาอธิบายหนาชั้น 3. ครูและนักเรียนสรุป 4. แจกใบงาน

ความคิดเหน็ของผูบริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (ลงช่ือ)……………………………. (…………………………..)

ตําแหนง ………………………………….


ใบงานท่ี 1 เรื่องการคูณ

ชื่อ…………………………………………….โรงเรียน…………………………………เลขที่……. ชั้น………………………..วันที…่………………….. ใหนักเรียนหาผลคูณของ 1) 896 2) 894 x x 425 218 3) 934 4) 385 x x 721 462 5) 648 x 382

หนาที ่ 31 แผนการจัดการเรียนรูสาระคณิตศาสตร ช้ันประถมศึกษาปท่ี 4 ภาคเรียนท่ี…… หนวยการเรียนรูท่ี 4 เร่ือง การคูณ เวลา 20 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรูท่ี 9 เร่ือง 4.2 การคูณจํานวนท่ีมีสามหลักกับจํานวนท่ี มากกวาสามหลัก เวลา 1 ช่ัวโมง วันท่ี………….เดือน………………………พ.ศ……………………… ----------------------------------------------------------------------------------------------

สาระสําคัญ การคูณจําวนวนที่มีสามหลักกับจํานวนที่มีสี่หลัก อาจอาศัยการกระจายจํานวนหนึ่งตามคาประจําหลัก แลวนําจํานวนในแตละหลักไปคูณกับอีกจํานวนหนึ่งจากนั้นนําผลที่ไดมาบวกกัน

ผลการเรยีนรูที่คาดหวัง เม่ือโจทยกําหนดการคูณระหวางจํานวนที่มีสามหลักกับจํานวนที่มีสี่หลักใหสามารถหาผลคูณได

สาระการเรียนรู การคูณจํานวนสามหลักกับจํานวนที่มีสี่หลัก

กระบวนการจัดการเรียนรู 1. นําเขาสูบทเรียน เพลง 2. แจกใบความรู คนละแผน 3. นักเรียนและครูชวยกันสรุป 4. แจกใบงานใหนักเรียนทํา

กระบวนการวดัผลประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรม การรวมกิจกรรม , การตอบคําถาม , การรวมอภิปราย , ความตั้งใจ ฟงอธิบาย , ความต้ังใจทําแบบฝกหัด

4. ตรวจใบงาน , ตรวจแบบฝกหัด


สื่อและแหลงการเรียนรู 1. ใบความรู 2. ใบงาน 3. หนังสือแบบเรียนคณิตศาสตร

ความคิดเหน็ของผูบริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่ือ)……………………………. (…………………………..)

ตําแหนง ………………………………….


ใบความรู 4285 x 342 =

วิธีคิด 4285 วิธีคิด x 1. นําตัวเลขในหลักหนวยเปนตัวคูณ 2 x 4285 = 8570 342 2. ตัวเลขในหลักสิบเปนตัวคูณ 40 x 4285 = 171400 8570 3. ตัวเลขในหลักรอยเปนตัวคูณ 300 x 4285 = 1285500 171400 นําผลคูณที่ไดทั้งหมดมารวมกัน 1285500 8570 + 171400 + 1285500 = 3364164 1,465,470


ใบงานท่ี 1

เรื่องการคูณ ชื่อ…………………………………………….โรงเรียน…………………………………เลขที่……. ชั้น………………………..วันที…่………………….. จงหาผลคูณ 1. 4276 2. 5432 x x 123 234 3. 2865 4. 5678 x x 321 435



แบบทดสอบกอน – หลังสอน เรื่องการคูณจํานวนที่มีมากกวาสามหลักกับจํานวนที่มีมากกวาสามหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนกากบาท (r ) ขอท่ีถูกท่ีสุดเพียงขอเดียว 1. 1,302 r 1,121 = □ ก. 11,459,542 ข. 10,459,542 ค. 1,148,542 ง. 1,459,542 2. 1,312 r 1,234 = □ ก. 1,119,008 ข. 1,619,008 ค. 1,609,008 ง. 1,719,008 3. 1,245 r 2,135 = □ ก. 2,638,075 ข. 2,648,075 ค. 2,658,075 ง. 2,668,075 4. 2,731 r 1,730 = □ ก. 4,724,630 ข. 4,723,630 ค. 4,853,630 ง. 494,360 5. 1,009 r 2,132 = □ ก. 12,150,179 ข. 2,150,179 ค. 2,250,179 ง. 1,225,179 6. 7,214 r 1,259 = □ ก. 7,082,426 ข. 8,181,416 ค. 8,081,416 ง. 9,082,426 7. 1,309 r 1,454 = □ ก. 1,511,706 ข. 1,510,706 ค. 1,490,576 ง. 1,350,706 8. 2,134 r 1,673 = □ ก. 1,142,461 ข. 1,357,018 ค. 3,570,182 ง. 35,710,183 9. 4,614 r 2,439 = □ ก. 11,123,546 ข. 11,223,546 ค. 11,234,561 ง. 11,253,546

หนาท่ี 37 10. 6,125 r 1,434 = □ ก. 8,783,250 ข. 8,773,525 ค. 8,763,250 ง. 8,753,250 11. 1,145 r 1,249 = □ ก. 2,549,605 ข. 2,451,605 ค. 2,460,605 ง. 2,410,605 12. 1,900 r 1,437 = □ ก. 2,730,300 ข. 2,130,400 ค. 2,131,400 ง. 2,111,400 13. 1,241 r 1,599 = □ ก. 1,884,059 ข. 1,984,159 ค. 1,984,359 ง. 1,994,359 14. 1,435 r 1,249 = □ ก. 1,652,135 ข. 1,792,315 ค. 1,792,305 ง. 1,792,415 15. 4,594 r 5,435 = □ ก. 1,249,568,490 ข. 249,568,390 ค.25,968,390 ง. 24,968,390

โชคดีนะครับ


หนาท่ี 39 แบบฝกชุดที่ 1

แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีหน่ึงหลกักบัจํานวนท่ีมีหลายหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเลือกกากบาท ( r ) ขอท่ีถูกตองเพยีงขอเดียว 1. 351 r 5 = □ ก. 1,555 ข. 1,755 ค. 1,856 ง. 1,255 2. 235 r 6 = □ ก. 1,410 ข. 1,420 ค. 1,530 ง. 1,620 3. 134 r 5 = □ ก. 630 ข. 660 ค. 670 ง. 770 4. 224 r 7 = □ ก. 1,568 ข. 1,668 ค. 1,658 ง. 1,568 5. 1,245 r 5 = □ ก. 6,225 ข. 6,115 ค. 6,215 ง. 6,252 6. 2,404 r 4 = □ ก. 8,616 ข. 9,616 ค. 9,696 ง. 9,606 7. 1,010 r 5 = □ ก. 5,050 ข. 5,555 ค. 1,150 ง. 5,150 8. 21,511 r 4 = □ ก. 76,144 ข. 76,104 ค. 76,044 ง. 86,044 9. 12,505 r 7 = □ ก. 77,535 ข. 87,635 ค. 87,535 ง. 87,545 10. 12,002 r 8 = □ ก. 96,016 ข. 95,106 ค. 76,016 ง. 79,606


หนาท่ี 40 11. 15,691 r 1,234 = □ ก. 24,577 ข. 24,757 ค. 24,575 ง. 25,577 12. 1,080 r 9 = □ ก. 9,072 ข. 9,072 ค. 7,720 ง. 9,720 13. 14,712 r 8 = □ ก. 117,696 ข. 117,669 ค. 117,669 ง. 171,696 14. 2,122 r 5 = □ ก. 16,000 ข. 12,600 ค. 10,610 ง. 10,600 15. 2,361 r 8 = □ ก. 18,888 ข. 18,780 ค. 18,878 ง. 19,888


แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีสองหลักกับจํานวนท่ีมีหลายหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเลือกกากบาท ( r ) ขอท่ีถูกตองเพยีงขอเดียว 1. 25 r 21 = □ ก. 252 ข. 255 ค. 525 ง. 552 2. 72 r 25 = □ ก. 1,800 ข. 1,807 ค. 1,805 ง. 1,850 3. 17 r 61 = □ ก. 1,073 ข. 1,037 ค. 1,730 ง. 1,073 4. 25 r 25 = □ ก. 425 ข. 525 ค. 552 ง. 625 5. 70 r 20 = □ ก. 1,300 ข. 1,400 ค. 1,040 ง. 1,420 6. 74 r 73 = □ ก. 5,406 ข. 5,402 ค. 5,420 ง. 5,240 7. 19 r 15 = □ ก. 585 ข. 275 ค. 285 ง. 258 8. 33 r 23 = □ ก. 759 ข. 754 ค. 849 ง. 739 9. 32 r 12 = □ ก. 483 ข. 380 ค. 384 ง. 484 10. 80 r 42 = □ ก. 1,360 ข. 2,160 ค. 3,160 ง. 3,360

หนาท่ี 42 11. 36 r 35 = □ ก. 3,653 ข. 3,635 ค. 3,620 ง. 3,335 12. 29 r 36 = □ ก. 11,040 ข. 1,040 ค. 1,044 ง. 1,045 13. 79 r 75 = □ ก. 31,276 ข. 31,761 ค. 30,276 ง. 31,276 14. 49 r 36 = □ ก. 1,764 ข. 1,754 ค. 1,864 ง. 1,964 15. 50 r 75 = □ ก. 3,705 ข. 3,575 ค. 3,507 ง. 3,750


หนาที ่ 43 แบบฝกชุดที่ 1

แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีสองหลักกับจํานวนท่ีมีสามหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเลือกกากบาท ( r ) ขอท่ีถูกตองเพยีงขอเดียว 1. 231 r 25 = □ ก. 2,775 ข. 2,715 ค. 2,705 ง. 2,765 2. 245 r 46 = □ ก. 11,371 ข. 11,270 ค. 11,370 ง. 11,270 3. 224 r 13 = □ ก. 2,902 ข. 2,802 ค. 2,912 ง. 2,812 4. 15 r 210 = □ ก. 3,150 ข. 3,140 ค. 3,130 ง. 3,145 5. 16 r 123 = □ ก. 2,968 ข. 1,968 ค. 1,868 ง. 1,768 6. 54 r 203 = □ ก. 11,962 ข. 10,962 ค. 10,862 ง. 10,762 7. 45 r 141 = □ ก. 6,486 ข. 6,476 ค. 6,316 ง. 6,436 8. 381 r 45 = □ ก. 11,383 ข. 14,683 ค. 16,383 ง. 15,383 9. 470 r 43 = □ ก. 30,201 ข. 30,210 ค. 20,110 ง. 20,210 10. 121 r 15 = □ ก. 1,915 ข. 1,815 ค. 1,425 ง.1,315

หนาท่ี 44 11. 250 r 20 = □ ก. 2,500 ข. 5,000 ค. 5,500 ง. 7,500 12. 231 r 24 = □ ก. 6,444 ข. 4,554 ค. 5,454 ง. 5,544 13. 421 r 59 = □ ก. 26,608 ข. 24,308 ค. 46,680 ง. 26,080 14. 615 r 39 = □ ก. 23,985 ข. 23,895 ค. 23,859 ง. 23,885 15. 924 r 45 = □ ก. 48,510 ข. 41,510 ค. 41,580 ง. 41,850 พยายามเขานะ

ครับ


แบบฝกทักษะการคูณตัวต้ังท่ีมสีามหลักกับจํานวนท่ีมีสามหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเลือกกากบาท ( r ) ขอท่ีถูกตองเพยีงขอเดียว 1. 125 r 123 = □ ก. 15,129 ข. 11,529 ค. 15,375 ง. 151,219 2. 251 r 125 = □ ก. 31,357 ข. 313,757 ค. 313,275 ง. 31,375 3. 225 r 211 = □ ก. 44,775 ข. 47,475 ค. 48,478 ง. 48,475 4. 404 r 115 = □ ก. 44,660 ข. 45,460 ค. 46,460 ง. 47,460 5. 217 r 144 = □ ก. 30,248 ข. 31,248 ค. 31,428 ง. 34,248 6. 445 r 126 = □ ก. 56,700 ข. 65,070 ค. 56,070 ง. 56,170 7. 721 r 235 = □ ก. 169,435 ข. 159,434 ค. 169,425 ง. 149,405 8. 176 r 176 = □ ก. 30,796 ข. 39,076 ค. 31,976 ง. 30,976 9. 249 r 250 = □ ก. 61,150 ข. 62,250 ค. 62,255 ง. 63,250 10. 561 r 119 = □ ก. 65,779 ข. 66,579 ค. 66,759 ง. 67,769

หนาที ่ 46 11. 252 r 256 = □ ก. 64,312 ข. 64,512 ค. 64,502 ง. 64,412 12. 359 r 256 = □ ก. 91,904 ข. 90,904 ค. 91,804 ง. 91,940 13. 247 r 250 = □ ก. 60,470 ข. 60,570 ค. 60,750 ง. 61,750 14. 675 r 472 = □ ก. 818,600 ข. 7,7625 ค. 318,600 ง. 218,600 15. 511 r 115 = □ ก. 68,765 ข. 57,865 ค. 58,765 ง. 48,765


แบบฝกชุดที่ 1 แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีมากกวาสามหลักกับจํานวนท่ีมากกวาสามหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเลือกกากบาท ( r ) ขอท่ีถูกตองเพยีงขอเดียว 1. 1,450 r 1,243 = □ ก. 180,235 ข. 180,325 ค. 180,335 ง. 190,235 2. 4013 r 1442 = □ ก. 5,786,746 ข. 5,686,746 ค. 5,586,746 ง. 3,786,746 3. 1,256 r 1,274 = □ ก. 1,500,144 ข. 1,600,044 ค. 1,600,144 ง. 1,700,144 4. 2,651 r 2,440 = □ ก. 6,486,440 ข. 6,648,440 ค. 6,464,840 ง. 6,468,440 5. 2,747 r 1,259 = □ ก. 2,458,473 ข. 3,458,473 ค. 4,458,743 ง. 4,558,473 6. 4,641 r 2,440 = □ ก. 10,304,040 ข. 10,320,440 ค. 11,324,040 ง. 12,324,040 7. 2,651 r 1,254 = □ ก. 3,533,440 ข. 3,433,440 ค. 3,334,345 ง. 3,324,354 8. 2,760 r 1,244 = □ ก. 3,433,440 ข. 4,433,420 ค. 4,533,440 ง. 5,433,400 9. 6,761 r 1,240 = □ ก. 8,384,640 ข. 8,383,640 ค. 8,383,600 ง. 8,386,040 10. 1,5691 r 1,234 = □ ก. 18,318,635 ข. 18,362,964 ค. 18,362,694 ง. 19,362,694

หนาท่ี 48 11. 66,541 r 2,439 = □ ก. 1,631,475 ข. 152,293,499 ค. 162,293,499 ง. 172,294 12. 40,441 r 1,459 = □ ก. 59,003,419 ข. 58,003,419 ค. 57,003,149 ง. 56,003,149 13. 24,541 r 12,567 = □ ก. 307,406,747 ข. 308,406,747 ค. 303,406,747 ง. 302,406,747 14. 24,768 r 12,451 = □ ก. 308,386,368 ข. 308,486,368 ค. 408,486,738 ง. 440,846,836 15. 44,905 r 1,249 = □ ก. 53,086,435 ข. 54,086,435 ค. 55,086,345 ง. 56,086,345


แบบฝกหดัชุดที่ 2 แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีหน่ึงหลกักบัจํานวนท่ีมีหลายหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเติมคําตอบลงในชองวาง 1. 245 r 5 = = 2. 1,240 r 6 = = 3. 2,651 r 4 = = 4. 251 r 9 = = 5. 4,010 r 7 = = 6. 5,121 r 8 = = 7. 2,421 r 5 = = 8. 12,462 r 6 = 9. 40,121 r 3 = 10. 6,265 r 5 = = 11. 2,411 r 7 = = 12. 1,260 r 6 = 13. 1,121 r 7 = = 14. 2,020 r 6 = = 15. 21,201 r 7 =

คิดดีๆนะครับ


แบบฝกหดัชุดที่ 2 แบบฝกทักษะการคูณตัวต้ังสองหลักกับตวัคูณสองหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเติมคําตอบลงในชองวาง 1. 35 r 36 = 2. 72 r 64 = 3. 55 r 39 = 4. 46 r 59 = = 5. 37 r 34 = 6. 72 r 30 = 7. 41 r 42 = 8. 78 r 76 = 9. 37 r 48 = 10. 72 r 68 = 11. 74 r 74 = 12. 27 r 54 = 13. 47 r 38 = 14. 42 r 15 = 15. 65 r 69 =

พยายามเขานะ


แบบฝกหดัชุดที่ 2 แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีสองหลักกับตัวคูณสามหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนเติมคําตอบลงในชองวาง 1. 721 r 15 = = 2. 351 r 25 = = 3. 240 r 12 = = 4. 46 r 351 = = 5. 81 r 124 = = 6. 120 r 48 = = 7. 42 r 124 = = 8. 256 r 49 = = 9. 499 r 25 = = 10. 125 r 36 = = 11. 120 r 50 = = 12. 450 r 20 = 13. 421 r 45 = = 14. 270 r 39 = = 15. 651 r 44 = =

คิดดีดีนะครับ

แบบฝกชุดที่ 2 หนา 52 แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีสามหลกักบัจํานวนท่ีมีสามหลกั คําชี้แจง ใหนักเรียนแสดงวิธีทํา 1. 351 r 123 = □ วิธีทํา 351 123 ตอบ 3. 450 r 134 = □ วิธีทํา 450 134 ตอบ 5. 134 r 145 = □ วิธีทํา 134 145 ตอบ

2. 163 r 154 = □ วิธีทํา 163 154 ตอบ 4. 569 r 124 = □ วิธีทํา 569 124 ตอบ 6. 172 r 148 = □ วิธีทํา 172 148 ตอบ

3 r 351 20 r 351 100 r 351

r

4 r 450 30 r 450 100 r 450

r

5 r 134 40 r 134

4 r 163 50 r 163 100 r 163

r

4 r 569 20 r 569 100 r 569

r r

r

8 r 172

100 r 172 40 r172

100 r 134

7. 564 r 243 = □ วิธีทํา 564 243 ตอบ 9. 707 r 306 = □ วิธีทํา 707 306 ตอบ 11. 124 r 345 = □ วิธีทาํ 124 345 ตอบ

8. 561 r 167 = □ หนาที ่53 วิธีทํา 561 167 ตอบ 10. 645 r 134 = □ วิธีทํา 645 134 ตอบ 12. 269 r 258 = □ วิธีทํา 269 258 ตอบ

3 r 564 4 r 564 200 r 564

6 r 707 0 r 707

300 r 707

300 r 124

5 r 124

40 r 124

7 r 561 60 r 561 100 r 561

4 r 645 30 r 645 100 r 645

8 r 269 50 r 269 200 r 269

r

r

r

r r

r

13. 244 r 146 = □ วิธีทํา 244 146 ตอบ 15. 672 r 265 = □ วิธีทํา 672 265 ตอบ

หนาท่ี 54 14. 239 r 123 = □ วิธีทํา 239 123 ตอบ

6 r 244 40 r 244 100 r 244

5 r 672 60 r 672

200 r 672

3 r 239 20 r 239 100 r 239

r r

r

แบบฝกชุดที่ 2 หนาท่ี 55 แบบฝกทักษะการคูณจํานวนท่ีมีมากกวาสามหลักกับจํานวนท่ีมีมากกวาสามหลัก คําชี้แจง ใหนักเรียนแสดงวิธีทํา 1. 3,741 r 1,234 = □ วิธีทํา 3,741 1,234 ตอบ 3. 4,751 r 2,539 = □ วิธีทํา 4,751 2,539 ตอบ 5. 4,454 r 4,121 = □ วิธีทํา 4,454 4121 ตอบ

2. 1654 r 3124 = □ วิธีทํา 1654 3124 ตอบ 4. 4,851 r 1,245 = □ วิธีทํา 4,851 1,245 ตอบ 6. 7,214 r 1,259 = □วิธีทํา 7,214 1,259 ตอบ

4 r 3,741 30 r 3,741 200 r 3,741 1,000 r 3,741

9 r 4,751 30 r 4,751 500 r 4,751 2000 r 4,751

1 r 4,454 20 r 4,454 100 r 4,454 4000 r 4,454

4 r 1,654 20 r 1,654 100 r 1,654

3,000 r 1,654

5 r 4,851 40 r 4,851

200 r 4,851 1,000 r 4,851

200 r 7,214 5 r 7,214 9 r 7,214

1000 r 7,214

r r

r r

r r

7. 15,415 r 1,234 = □ วิธีทํา 15,415 1,234 ตอบ 9. 6,742 r 5,241 = □ วิธีทํา 6,742 5,241 ตอบ 11. 1,50 r 1,553 = □ วิธีทํา 1450 1553 ตอบ

8. 1459 r 2436 = □ หนาที่ 56 วิธีทํา 1459 2436 ตอบ 7,524 r 4,653 = □ วิธีทํา 7,524 4,653 ตอบ 12. 7214 r 1235 = □ วิธีทํา 7,214 1,235 ตอบ

4 r 15,415 30 r 15,415 200 r 15,415

1000 r 15,415

1 40 r 6742 200 r 6742 5000 r 6,742

3 r 1,450

50 r 1,450 500 r 1,450 1000 r 1,450

6 r 1,459 30 r 1,459 400 r 1459 2000 r 15,415

600 r 7524 4000 r 7,524

50 r 7,524 3 r 7,524

5 r 7,214 30 r 7,214

200 r 7,214

1000 r 7,214

r r

r r

r r

13. 65154 r 1259 = □ วิธีทํา 65154 1259 ตอบ 15. 17651 r 12451 = □ วิธีทํา 17651 12451 ตอบ

14. 2350 r 1365 = □ หนาที่ 57 วิธีทํา 2350 1365 ตอบ

9 r 65154 50 r 65154 200 r 65154 1000 r 65154

5 r 2350 60 r 2350 300 r 2350 1,000 r 2350

1 r 17651 50 r 17651

400 r 17651

2000 r 17651 10000 r 17651

r r

r

หนาที่ 58

เฉลยแบบทดสอบกอนสอน – หลังสอน 1. ง 2. ข 3.ค. 4. ก. 5.ข. 6. ง. 7.ข. 8.ค. 9. ข 10. ก 11.ต. 12.ก. 13.ด 14 ข. 15. ง.

เฉลยแบบฝกชุดตาง ๆ ชุดที่ 1 ( แบบฝกที่ 1 ) ก 2 5 7 10 11 13 15 ข 1 6 ค. 3 9 14 ง. 4 8 12 ชุดที่ 2 (( แบบฝกที่ 1 ) ก 2 3 8 14 ข 5 6 11 ค 1 7 9 12 ง 4 10 13 15 ชุดที่ 3 (( แบบฝกที่ 1 ) ก 1 4 7 14 ข 5 6 10 11 13 ค 3 8 15 ง 2 9 12 ชุดที่ 4 (( แบบฝกที่ 1 ) ก 7 12 ข 3 5 9 11 ค 1 4 6 10 14 15 ง 2 8 13

หนาท่ี 59 ชุดที ่5 (( แบบฝกที่ 1 ) ก 1 2 8 12 14 ข 5 9 ค 1 7 9 12 ง 4 10 13 15 ชุดที ่2 (( แบบฝกที่ 1 ) 1.1,225 2.7ม440 3.10,604 4.2ม259 5.28,070 6.40,968 7.12,105 8.74,772 9.120,363 10.31,325 11.16877 12.7560 13.7,847 14.12,120 15.148,407 ชุดที ่2 (( แบบฝกที่ 2 ) 1.1,260 2.4,608 3.2,145 4.2,714 5.1,258 6.2,160 7.1,722 8.59280 9.1,776 10.4896 11.4.3478 12.1,458 13.1,786 6360 14. 630 4485 ชุดที ่2 (( แบบฝกที่ 3 ) 1.10,815 2. 8,775 3. 2,880 4. 16,146 5. 10,044 6. 5,760 7. 5,208 8. 12,544 9. 12,475 10. 4500 11. 6,000 12. 9,000 13. 18,945 14. 10,530 15. 28,644 ชุดที ่2 (( แบบฝกที่ 4 ) 1. 43,173 2. 25,102 3. 60,300 4. 20,956 5.19,430 6.25,456 7. 64,152 8. 93,687 9. 216,342 10.86,430 11. 5,304,720 12. 29,402 13. 35,624 14.29,397 15. 176,080

หนาที ่ 60 ชุดที ่2 (( แบบฝกที่ 5 ) 1.4,616,394 2.5,167,096 3.12,062,789 4.6,039,495 5.18,354,934 6.9,082,426 7.19,022,110 8.3,554,184 9.24,852,822 10.35,009,172 11.2,251,850 12.8,909,290 13.82,028,886 14.3,207,750 15.21,975,495


ประวัติผูวิจัย

ชื่อนายอภินนัท ดีมี อยูบานเลขที ่ 105 หมูที่ 6 ตาํบลวังหวา อาํเภอศรปีระจันต จังหวดัสุพรรณบรุี สมรสกับนางธนิตา ดีมี มีบุตร 2 คน คนที่ 1 ชื่อเดก็ชายอภนิทัธ ดีมี คนที่ 2 ชือ่เด็กชายธนทัต ดีมี เริ่มรับราชการเมื่อวนัที่ 18 มกราคม 2532 ปจจุบัน อายุ 44 ป อายรุาชการ 18 ป สอนชัน้ประถมศึกษาปที่ 4 / 1 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส อําเภอเมอืง จงัหวดัสุพรรณบรุี สอนวชิาคณติศาสตร และวชิาวทิยาศาสตร

Documents