32
1 April 2012 Issue 1 9 7 7 2 2 2 8 8 0 2 0 1 8 ISSN 2228-8023 70 Bath

FRENCH FRIES Magazine

  • Upload
    tharin

  • View
    221

  • Download
    3

Embed Size (px)

DESCRIPTION

Magazine Design final project

Citation preview

Page 1: FRENCH FRIES Magazine

1

April 2012 Issue 1

9 7

7 2

2 2

8

8 0

2 0

1 8

ISSN

222

8-80

2370

Bat

h

Page 2: FRENCH FRIES Magazine

2

Style History

Page 3: FRENCH FRIES Magazine

3

4 Editor’s note

6 Wish List of the month

8 Visual Statements

10 Top Ten Style Icon

16 Fashion no Season

18 Fashion Set : I’m a Free B***h Baby

24 Interview : Lady Gaga Our Lady of Pop

46

8

10

16

18

24

Page 4: FRENCH FRIES Magazine

4

Style History

บ่อยครั้งที่เราปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไป จนกระทั้งเมื่อรู้สึกตัว

อีกที ก็ทำาได้เพียงถามว่า ตอนนั้นเรากำาลังทำาอะไรอยู่ น่าเสียดายเวลาที่

ไหลผ่านเราไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ความสำาเร็จก็คงเหมือนการวิ่งแข่ง ไม่

ได้แข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับจิตใจตัวเอง มีอะไรหลายๆยัวยวนเราระหว่าง

ทาง หากตกหลุมพรางสิ่งที่หวังไว้ก็จะสำาเร็จได้ล่าช้าออกไปเรื่อยๆ มีครู

คนหนึ่งเคยบอกเอาไว้ว่า ความสำาเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้น เกิดจากความสำาเร็จ

เล็กๆ มากมายมารวมกัน ถ้าเราทำาไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่ง

ความสำาเร็จก็จะเดินเข้ามาหาเราเอง

เฟรนฟรายส์แมกกาซีนเล่มนี้จะพาคุณไปรู้จักกับผู้หญิงที่ติดโผ

10 อันดับผู้มีอิธิพลของโลกของนิตยสารทามส์ ‘เลดี้ กาก้า’ ในมุมที่คุณ

อาจไม่เคยรู้มาก่อน เธอคือตัวอย่างของคนที่ใช้ความเพียรพยายามอย่าง

แรงกล้าเพื่อที่จะมีอย่างที่มีอยู่ทุกวันนี้ เธอกล้าที่จะแตกต่าง และใช้ชีวิต

อย่างมีความสุขในทางที่เธอเลือกเดิน นอกจากนี้ยังมีคอลัมน์เปี›ยมสาระชื่อ

ว่า Top Ten Style icon ในคอลัมนี้คุณจะได้พบกับแฟชั่นไอคอนตัวแม่

ระดับตำานานคุณจะได้อ่านกันในเล่ม แต่ที่ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงซอสน้ำา

จิ้มเท่านั้น สาระบันเทิงรอคุณอยู่ในเล่มกับ French Fries Magazine ;)

Page 5: FRENCH FRIES Magazine

5

Page 6: FRENCH FRIES Magazine

6

Style History

WISHLISTApriläÍà·çÁ˹ŒÒÌ͹·Õè äÁ‹ÁÕ äÁ‹ä´ŒáÅŒÇ

6

1

5

2

3

4

7

8

1110

12

9

1) Large Square Plastic Sunglasses ราคา 652 บาท 2) Straw Pork Pie ราคา 900 บาท 3) Dior Vernist สอบถามราคาได้ที่ร้าน

4) Stars and Stripes Backpack ราคา 1303 บาท 5) Aztec Print Bandeau Bikini ราคา 1058 บาท 6) ROSEBUD LATINO SUNTOP ราคา 1058

บาท 7) KAPSIZE Moccasin Boat Shoes ราคา 1833 บาท 8) LIPS IN OHH LA LA ราคา 325 บาท 9) BOW SKIRT ราคา 1058 บาท 10) MOTO

High Waist Space Hotpants ราคา 1385 บาท 11) PILOT Sporty Curved Wedges ราคา 3462 บาท

12) MOTO Purple Dip Dye Hotpants 1385 ,, หาซื้อได้ที่ TOPSHOP และ Dior เคาท์เตอร์

6

Page 7: FRENCH FRIES Magazine

7

Wishlist of gente-lman1) BLUE SHORT SLEEVE CHAMBRAY ราคา 1060 บาท 2) BLUE BLOCK STRIPE

SHORTS ราคา 1222 บาท 3) HUDSON “COZUMEL” SHOES ราคา 3055 บาท 4) RED

STARS AND STRIPES VEST ราคา 650 บาท 5) MINK SKINNY CHINOS ราคา 570 บาท

6) TAN CLASSIC BROGUES Now ราคา 1784 บาท 7) BLACK THIN RUBBER STRAP

WATCH Was ราคา 408 บาท 8) NAVY AZTEC PRINT RUCKSACK ราคา 1140 บาท

9) Fixed Gear ราคา 13000 บาท ,, 1-8 สามารถหาซื้อได้ที่ Topman

1

4

5

6

9

8

7

2

3

Page 8: FRENCH FRIES Magazine

8

Style History

ข้อคิด สะกิดแรงบันดาลใจ

ทะเลที่สงบราบเรียบไม่มีวันสร้างกะลาสีที่

เก่งกาจได้หรอก

เปรียบทะเลเป็นอุปสรรคขวากหนามที่เรา

ต้องก้าวข้าม ถ้าเราไม่เคยเจออุปสรรค เราคง

ไม่รู้วิธีแก้ปัญหา และเราก็คงไม่มีวันประสบ

ความสำาเร็จ

ถ้าเริ่มรู้สึกว่าเสียงเพลงมันดังจนเกินไป แปลว่า

คุณน่ะ แก่เกินไปแล้วละ

คนเราควรมีความรื่นรมณ์ในชีวิต ตราบใด

ที่ใจคุณยังมีความสดใสดั่งชีวิตวัยรุ่น เสียง

เพลงช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้นะ

เราต่างมีความลับ

ใครไม่มความลับบ้างถามหน่อย? ถึง

แม้ว่าจะเคยมีคำากล่าวว่าความลับไม่มีใน

โลกก็เถอะ

1

2

3

Page 9: FRENCH FRIES Magazine

9

ฉีกรอยยิ้มไป

เวลาเราหมดหวังท้อแท้ บางทีสิ่งเล็กๆน้อย

ที่เรามองข้าม ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ทำาให้

เราฮึดสู้ต่อก็ได้ รอยยิ้มคือสิ่งที่ไม่ต้นทุนเป็น

มูลค่า แต่มาจากต้นทุนความสุข แค่ยิ้ม อะไรๆ

ก็ดูง่ายขึ้นตั้งเยอะ

บุหรี่ กับความผิดหวัง

รู้กันอยู่ว่าบุหรี่ คือสิ่งที่ทำาร้ายสุขภาพ

ความผิดหวังคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่จะดี

กว่าไหมถ้าเราให้เวลากับความผิดหวังน้อยลง

หน่อย และเงยหน้าออกไปทำาอะไรใหม่ๆ ดีกว่า

นั่งจมอยู่กับมันตั้งเยอะ

แทนที่ความกลัวเพราะความไม่รู้ ด้วยการสงสัย

ใคร่รู้

เราไม่ได้เกิดมาฉลาด ไม่ต้องกลัวหรอกที่จะ

ถาม เพราะสิ่งเราได้จากการทำามันทำาให้เรา

หายกลัวจากความไม่รู้ เพราะว่าเรารู้แล้ว

มันเป็นเรื่องหน้าสนุกที่จะทำาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

อย่าให้คำาว่าเป็นไปไม่ได้ มาปิดกันความคิด

และความพยายามของคุณ แค่มองความ

ท้าทายให้เป็นเรื่องหน้าสนุก แค่นี้สิ่งที่คุณทำามัน

ก็มีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว

4

5

7

6

ALL picture cerdit : http://www.facebook.com/VISUALSTATEMENT

Page 10: FRENCH FRIES Magazine

10

Style History

10 ÊØÀҾʵÃÕ·ÕèâÅ¡¨´¨Ó

Page 11: FRENCH FRIES Magazine

11

ในระหว่างเดินมองหาหนังสืออ่านในร้านหนังสือกลางกรุง สายตาฉันบังเอิญไป

สะดุดกับหน้าปกหนังสือที่มีหญิงสาวสวยสง่า ในชุดเดรสสีดํายาว เธอสวมถุงมือดํา

หรูหรา เข้าคู่กับชุดที่ใส่ บนคอยาวระหง มีสร้อยไข่มุกประดับจ�วเวอรี่เปล่งประกาย

แรงบันดาลใจนั้น เป็นที่มาที่ทําให้ฉันค้นคว้าหาเหล่าสไตล์ไอคอน (Style Icon) ในอดีต

มาอ่าน จนเป็นที่มาของ 10 หญิงสาว ที่ฉันอยากให้คุณ ได้รู้จักพวกเธอมากขึ้น

เริ่มต้นที่หญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจ

ด้านสไตล์อันโด่งดังไม่เหมือนใคร ในยุค 20’S

อย่าง ËÅØÂÊ� ºÃÙ¤Ê� (Louise Brooks) หรือชื่อจริง มารี หลุยส์บรูคส์ นักแสดงสาวผู้โด่งดัง

จากการเล่นหนังเงียบในช่วงปี1920 ภาพยนตร์

ที่ทำาให้เธอประสบความสำาเร็จมากที่สุด คือเรื่อง

Pandora’s Box ที่รับบทเป็น ลูลู่ สาวน้อยนัก

แสดงละครเร่ที่มักมากในกามรมณ์ ทำาทุกอย่าง

ตามใจตัวเอง จนนำาความพินาศมาสู่คนที่เข้ามา

พัวพันกับเธอ

บรูคส์คือตัวแทนของหญิงสาว ที่มีความ

เป็นตัวของตัวเอง สวย ลึกลับ ชวนให้น่าค้นหา

ส่วนสิ่งที่โดดเด่นที่สุด ก็คือทรงผมบ๊อบหน้าม้า

เต่อ ซึ่งผมทรงนี้โด่งดัง ถึงขนาดที่มีการสร้าง

ภาพยนตร์เกี่ยวกับเธอ โดยใช้ชื่อหนังว่า

Louise Brooks bob เลยทีเดียว

สไตล์ ไอคอนระดับตำานานคนที่2 คือ

ดาราสาวเจ้าของสไตล์เรียบง่าย แต่แฝงไป

ด้วยความสง่างาม ÍÍà´ÃÂ� àλàºÔÃ�¹ (Audrey Hepburn) ออเดรย์เป็นนักแสดงอังกฤษ เชื้อสายเนเธอร์แลนด์ เธอเกิดที่เมืองบรัสเซลล์ ประเทศ

เบลเยี่ยม เฮปเบิร์นทำางานเป็นนางแบบและนัก

แสดง เธอเล่นหนังหลายเรื่อง กระทั่งภาพยนตร์

เรื่อง Romance Holiday (1953) ได้ทำาให้

เธอคว้ารางวัลลูกโลกทองคำา และรางวัลออ

สก้าร์ จนกลายเป็นดาวจรัสแสงที่น่าจับตามอง

ที่สุดในยุคนั้น

ทว่าสิ่งที่ทำาให้ผู้คนทั่วโลก พูดถึงดารา

สาวคนดังแห่งทศวรรษ 1960 คนนี้ตลอดกาล

ก็คือฉากในหนัง Breakfast at Tiffany’s ใน

ชุดลิตเติลแบล็กเดรส โดยจิวองชี จนทำาให้ตำา

นานชุดเดรสเข้ารูปสีดำา กลายเป็นชุดอันดับ

ต้นๆ ที่สาวๆ ทั่วโลกใฝ†ฝันอยากสวมใส่ แต่

ขณะเดียวกัน สไตล์ส่วนตัวของออเดรย์ในชีวิต

จริง อย่าง ชุดเรียบๆ สีดำาตัวหลวม แว่นตา

กรอบใหญ่โอเวอร์ไซส์ และรองเท้าส้นแบน ก็ได้

รับคำาชื่นชมว่า เป็นสไตล์ลำาลองที่โก้เก๋ ดูเป็น

ธรรมชาติ และเหมาะเจาะลงตัวกับเธอมากที่สุด

จนกลายเป็นอีกหนึ่งลุค ที่ถูกสาวๆ ทั่วโลกนำา

มาใส่มากที่สุดจนถึงปัจจุบันเช่นกัน

1

2

ËÅØÂÊ� ºÃÙ¤Ê� (Louise Brooks)

ÍÍà´ÃÂ� àλàºÔÃ�¹ (Audrey Hepburn)

Page 12: FRENCH FRIES Magazine

12

Style History

สไตล์ไอคอน คนที่ 3 คือเจ้าหญิงที่สง่า

งาม และมีสไตล์โดดเด่น จนยากที่ทุกสายตา

จะละจากเธอได้ง่ายๆ ใช่ค่ะ.. เธอคือเจ้า

หญิง à¡Ã« à¤ÅÅÕ (Grace Kelly) แห่งโมนาโก พระนามเดิม เกรซ แพทริเซีย เคลลี เริ่มต้น

เส้นทางชีวิต จากการเป็นนักแสดงภาพยนตร์

ชาวอเมริกันผู้ได้รับรางวัลอะคาเดมีจนโด่งดัง

เธอเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก ในฐานะนักแสดง

สาวมากความสามารถ ผู้มีสไตล์ที่สง่างามอยู่

เสมอ

หลังจากเธอตกหลุมรักและได้เสกสมรส

กับเจ้าชายเรนิเยที่ 3 แห่งโมนาโก เมื่อวันที่ 19

เมษายน พ.ศ.2499 จนกลายเป็นเจ้าหญิงเกรซ

พระมารดาเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งโมนาโก เธอ

ก็ยังคงเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลกไม่เสื่อมคลาย

ด้วยความสวยและสไตล์การแต่งตัวที่งดงาม

12

คนที่ 4 ᨤà¡ÍÅÕ¹ ह๴Õé â͹ÒÊ«ÔÊ (Jacqueline kennedy onassis) อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ในช่วงต้นยุค 60 เธอ

คือภรรยาอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคน

เนดี้ (John F.Kennedy) แม้แจคเกอลีนจะ

เสียชีวิตไปนานแล้วตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งถ้านับถึง

ปัจจุบัน เธอก็จากโลกนี้ไปนานกว่า 17 ปี ทว่า

สไตล์การแต่งตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ยัง

คงเป็นที่จดจำาและกลายเป็นต้นแบบมาจนถึง

ตอนนี้

แจคเกอลีน เคนเนดี้ เป็นหนึ่งในผู้หญิง

ที่ได้รับคำาชื่นชมเรื่องการแต่งกายมากที่สุดคน

หนึ่งของโลก อิทธิพลทางแฟชั่นของเธอ ยังคง

เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในวงการแฟชั่นโลก

หลายต่อหลายคนมาจนถึงยุคนี้

ไม่ว่าจะเป็นแว่น

กันแดดสีดำาขนาดใหญ่ จนถึง

ขนาดเรียกแว่นแบบนี้ว่า เป็นแว่น

“Jackie O” รวมถึงชุดสูทกระโปรง

เข้ารูป ระดับเข่า สีพาสเทลอ่อน

และถุงมือเข้าชุดกัน เธอ

เป็นตัวแทนของสไตล์

ที่เรียบง่าย สง่างาม

ทว่าเรียบร้อยแบบ

อนุรักษ์นิยม เธอ

มักจะสวมสร้อย

คอมุก และ

ไอคอนสาวคนถัดมา คนที่ 5 คือสาว

น้อยตาโต รูปร่างผอมบอบบาง หนึ่งในผู้ปลุก

ตำานาน Unisex ทวิกกี้ เป็นนางแบบอังกฤษ ผู้

เป็นตัวแทนของหญิงสาวที่มีความเป็นเด็กสาว

สุดชิค เธอจึงกลายเป็นต้นกำาเนิดของแฟชั่น

สไตล์ “Androgyny” หรือสไตล์กึ่งหญิงกึ่งชาย

เทรนด์แฟชั่นที่กลายเป็นสไตล์อมตะไปแล้ว

“·ÇÔ¡¡Õé” หรือชื่อจริง àÅÊÅÕè Î͹ºÕé โด่งดังเป็นพลุแตกโดยบังเอิญ เมื่อนักข่าวสาวของ

หนังสือพิมพ์เดอะเดลี่เอ็กเพรส ซึ่งเป็นลูกค้า

ของช่างผมเลียวนาร์ด ที่นำารูปทวิกกี้ในลุคผม

ซอยสั้นที่เขาเพิ่งตัดให้เพื่อปรับลุคให้ทวิกกีê มา

เห็นรูปเธอที่แขวนอยู่ในร้าน และสัมภาษณ์

เธอลงในหนังสือพิมพ์ พร้อมพาดหัวใหญ่โตว่า

“Twiggy:The Face of 66

หลังจากการงานรุ่งโรจน์ จนส่งให้ชื่อของ

ทวิกกี้ กลายเป็นนางแบบผู้เป็นที่รักของคนทั้ง

โลก ทรงผมซอยสั้นของทวิกกี้ ก็ได้กลายเป็น

ทรงต้นแบบ ที่ผู้หญิงทั่วโลกทำาตามมากที่สุดใน

ช่วงยุค 60 นอกจากนี้ทวิกกี้ยังเป็นตัวแทนของ

ความ

“ไม่สมบูรณ์แบบ” เพราะเธอทั้งเตี้ย ผอม

บาง และดูธรรมดาติดดินมากๆ แต่ด้วยลุคนี้

กลับทำาให้ผู้หญิงทั่วโลกรู้สึกเชื่อมโยงกับเธอ

และรู้สึกว่า ผู้หญิงที่ไม่สมบรูณ์แบบ ก็ดูน่า

ปราถนาได้เช่นกัน3

4

5

ᨤà¡ÍÅÕ¹ ह๴Õé â͹ÒÊ«ÔÊ (Jacqueline kennedy onassis)

·ÇÔ¡¡Õé

Page 13: FRENCH FRIES Magazine

13

ÁÒÃÕÅÕ¹ Á͹âà ต้นแบบความเซ็กซี่สุดคลาสสิคของโลก มารีลีน มีชื่อเดิมว่า นอร์มา

จีน เบเกอร์ และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ มาริลีน มอน

โร ทันทีหลังเข้าสู่วงการบันเทิง หลังจากที่เธอ

เซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนต์ ทเวนตีธ์

เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ชีวิตของเธอก็รุ่งเรืองถึงขีดสุดมา

โดยตลอด จนสื่อต่างๆ มักเรียกเธอว่าดาวค้าง

ฟ‡าแห่งฮอลลีวูด

เธอคือตัวแทนของความและเซ็กซี่ และมี

เสน่ห์แบบหญิงสาวขี้เล่นและเฟรนด์ลี่ ลุคของ

เธอไม่ว่าจะเป็นผมลอนสีบลอนด์แพลททินั่ม ริม

ฝีปากสีแดงสด ไฝมหาเสน่ห์ และเสื้อผ้าเข้า

รูปแนบเนื้อ ล้วนทำาให้เธอ เป็นที่ปราถนาของ

หนุ่มๆ ทั้งโลก จนได้รับฉายา “สัญลักษณ์ทาง

เพศ”นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 50 เป็นต้นมา

สไตล์ไอคอน ผู้เป็นตำานาน

ของวงการแฟชั่นโลก â¤â¤‹ ªÒá¹Å (Coco Chanel) หรือ กาเบรียล ชาแนล เธอได้เริ่มต้นการเป็นดีไซเนอร์

ครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2463 ด้วยการทำา

เสื้อสเวตเตอร์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่าง

สูง เพราะเธอนำาสร้อยไข่มุก และขนเฟอร์มา

ตกแต่งร่วม ทำาให้ลุคหรูหรา คลาสสิค และ

โดดเด่นเป็นที่รู้จักขึ้นมาในทันที

หลังจากนั้นก็มีแบรนด์และโลโก้ชาแนล

(Chanel) ออกมา ซึ่งชิ้นที่ประสบความสำาเร็จ

อย่างมาก ก็คือคอลเลกชั่นชุดแจ็คเก็ตผ้าทวี

ด รองเท้า2สีทูโทน และเดรสดำาสไตล์เรียบ

หรู กระทั่งทั้งหมดกลายเป็นเอกลักษณ์ต่อเนื่อง

ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากการดีไซน์เสื้อผ้าที่ป¯ิวัติทุกความ

เชื่อแล้ว สไตล์การแต่งตัวที่เน้นความเรียบหรู

และในขณะเดียวกันก็สมาร์ทและเท่ห์ไปพร้อมๆ

กันของ โคโค่ ชาแนล ยังเป็นสไตล์ที่ถูกพูด

ถึง และทรงอิทธิพลมากที่สุดสืบต่อมาจนถึงยุค

ปัจจุบันอีกด้วย

6

7

ÁÒÃÕÅÕ¹ Á͹âÃ

â¤â¤‹ ªÒá¹Å (Coco Chanel)

Page 14: FRENCH FRIES Magazine

14

Style History

หากเปรียบมาริลีนเป็นสัญลักษณ์ทางเพศ

ดาราสาว ºÃÔਵµ� ºÒÃ�â´µ� (Bridget Bardot) ก็คงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเซ็กซี่อีกแขนง

เพียงแต่เป็นความเซ็กซี่ที่ดูน่ารัก และขี้เล่นแบบ

“ลูกแมวยั่วสวาท” สมกับฉายาที่เธอได้รับ

เส้นทางของเธอเริ่มต้นจากการเป็นนาง

แบบชาวฝรั่งเศส จากนั้นก็ผันตัวมาเป็นดารา

จนดังข้ามทวีปมายังฮอลลีวู้ด ด้วยความที่เธอ

เป็นที่สนใจมาตั้งแต่เด็ก ทำาให้เธอทนกดดันที่

ตกเป็นข่าวฉาวไม่ได้

กระทั่งปี 1974 บริเจตต์ ตัดสินใจถอนตัว

จากวงการ และหันไปทำางานอนุรักษ์ธรรมชาติ

มาจนถึงปัจจุบัน แม้เธอจะอายุกว่า 70 ปีแล้ว

ในตอนนี้ แต่ทั่วโลกก็ยังไม่ลืมภาพความน่ารัก

ที่กลายเป็นต้นแบบของบริเจตต์ได้

สไตล์ไอคอน คนถัดมา คือ

ᤷà¸ÍÃÕ¹ àλàºÔÃ�¹ (katherine Hepburn) นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน ผู้มีผลงานแสดง ทั้ง

ภาพยนตร์ โทรทัศน์และละครเวที นอกจาก

ฝีมือทางการแสดงที่หาตัวจับยากแล้ว สไตล์การ

แต่งตัวของแคทเธอรีน เฮปเบิร์น ยังสะท้อนถึง

ตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือการผสม

ผสานความสง่างามและเท่ไปพร้อมๆกัน

เธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ ในการ

สร้างสรรค์ผลงานของหลายๆ ห้องเสื้อในยุคนั้น

รวมถึงการแต่งกายที่ยอดเยี่ยมตามแบบแคทเธอ

รีน ไม่ว่าจะเป็นเทรนช์โค้ตแบบนักบิน เสื้อโค้ต

ไหล่ตั้งตัวยาว กระโปรงสอบ กางเกงทรงตรง

แบบผู้ชาย ในโทนสีคลาสสิก ก็ยังกลายเป็นเท

รนด์อมตะ ที่ผู้คนในปัจจุบัน ได้นำามาเป็นต้น

แบบในการแต่งตัวอีกด้วย

8

9

ºÃÔਵµ� ºÒÃ�â´µ� (Bridget Bardot)

ᤷà¸ÍÃÕ¹ àλàºÔÃ�¹

(katherine Hepburn)

Page 15: FRENCH FRIES Magazine

1515

ปิดท้ายสไตล์ไอคอนในตำานาน ด้วย

à¡Ã« ⨹Ê� (Grace Jones) นักร้องสัญชาติ

อเมริกัน-จาไมก้า นางแบบ และนักแสดง วัย

62 ปี ผู้หญิงที่ทั่วโลกไม่มีวันลืมภาพลักษณ์สวย

แปลก และกล้าของเธอในช่วงยุค 80ได้ โจนส์

ดังเป็นพลุแตกในหนังเรื่อง Jame Bond 007

ตอน A View to Kill ในปี 1985 และตามมา

ด้วยเรื่อง Vamp ในปี 1986

แต่นอกจากด้านการแสดงแล้ว ต้นตำารับ

สาวมั่นคนนี้ ยังทำางานเป็นนางแบบครองแคต

วอล์กปารีสอย่างยาวนานควบคู่ไปพร้อมๆ กัน

เรียกว่าหากยุคนี้มีเลดี้ กาก้า ที่เปรี้ยวและกล้า

แต่งตัว ย้อนกลับไปในยุค 80 เกรซก็แทบไม่

ต่างกัน

หนำาซ้ำา..เธอยังเคยออกมาให้สัมภาษณ์

ก่อนหน้านี้ว่า รู้สึกหงุดหงิดมาก ที่เลดี้ กาก้า

ก๊อปปี�สไตล์ของเธออย่างชัดเจนอีกด้วย

แบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่า “ตัวแม่ของจริง!”

10à¡Ã« ⨹Ê� (Grace Jones)

Page 16: FRENCH FRIES Magazine

16

Style History

หมดยุคที่ให้คนเพียงไม่กี่คนกำาหนด

เทรนด์แฟชั่นสำาหรับทุกๆ คน และถึงเวลาที่คน

ควักกระเป๋ามีอำานาจกำาหนดทุกอย่าง

เพียงเมื่อ 10 ปีก่อน หากสาวใดเกิด

ไม่ชอบใจแฟชั่นที่กำาลังอินเทรนด์ในฤดูกาลนั้น

ขึ้นมา หรือเป็นแบบที่ใส่แล้วไม่เกิด เธอคงจะ

ได้แต่รู้สึกว่าตัวเองช่างอาภัพ ที่ไม่มีวาสนาจะ

ใส่เสื้อผ้าที่กำาลังฮอตฮิตอินเทรนด์ได้ แต่นั่น

คืออดีต ในวันนี้ หากคุณเข้าไปในเว็บไซต์ของ

Neiman Marcus คุณจะได้พบกับ “ซูเปอร์

มาร์เก็ต” แฟชั่นที่ไร้ข้อจำากัดของฤดูกาล ไม่ว่า

จะเป็นเสื้อผ้าแบบใดยี่ห้อที่ใส่แล้วดูดี ก็สามารถ

อินเทรนด์ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเดรสยาวผ้าเจอร์

ซี่จับจีบของ Halston’s Heritage เดรสสั้น

รัดรูปของ Herve Leger หรือเสื้อผ้าแบบใดๆ

วันเวลาที่นักออกแบบแฟชั่นหรือบรรณาธิการ

นิตยสารแฟชั่นเพียงไม่กี่คนเป็นผู้กำาหนดเทรนด์

แฟชั่นได้จบสิ้นลงแล้ว

“แฟชั่นไร้ฤดูกาล” คือพัฒนาการล่าสุด

ของประชาธิปไตยในอุตสาหกรรมแฟชั่น และ

เป็นจุดกำาเนิดเสื้อผ้าแนว fast fashion แฟชั่น

จานด่วนที่เพิ่งหลุดออกมาจากแคตวอล์กสดๆ

ร้อนๆ ในร้าน อย่าง H&M และ Topshop

รวมถึงการจับคู่เสื้อผ้าแบรนด์ระดับบนกับระดับ

ล่าง อันเป็นสไตล์โปรดปรานของ Michelle

Obama สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ

และนางแบบดังอย่าง Kate Moss

เมื่อผู้บริโภคสมัยนี้มีความรอบรู้เรื่อง

แฟชั่นมากขึ้น พวกเขาจึงต้องการแสดงออกใน

สไตล์ที่เป็นของตัวเอง นี่คือเหตุผลที่ทำาให้ Elle

นิตยสารแฟชั่นประชานิยม มีรายได้โฆษณา

แซงหน้า Vogue นิตยสารแฟชั่นระดับบนได้

เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว และเป็นเหตุผลที่ทำาให้

blogger อย่าง Diane Pernet และ Tavi

สาวน้อยวัยกระเตาะเจ้าของ blog แฟชั่นชื่อ

ดัง มีอิทธิพลมากพอๆ กับบรรณาธิการและนัก

วิจารณ์แฟชั่นชื่อดังอย่าง Anna Wintour หรือ

Suzy Menkes จาก International Herald

Tribune จู่ๆ สื่อยุคใหม่อย่าง social media

ก็ถึงกับบดบังรัศมีของเหล่าบรรณาธิการแฟชั่น

ผู้ทรงอิทธิพลได้ Kell Cutron ดาวเด่นจาก

รายการโทรทัศน์ที่เปลือยเบื้องหลังวงการแฟชั่น

ให้ความเห็นว่า หลายสิ่งกำาลังเกิดขึ้นในวงการ

แฟชั่นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และในที่สุด

ผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสินสุดท้าย และมีอำานาจ

เหนือแบรนด์ แทนที่จะถูกแบรนด์กำาหนดอย่าง

เมื่อก่อน

You can wear whatever you want!

16

Page 17: FRENCH FRIES Magazine

1717

Page 18: FRENCH FRIES Magazine

18

Style History

Page 19: FRENCH FRIES Magazine

19

Page 20: FRENCH FRIES Magazine
Page 21: FRENCH FRIES Magazine
Page 22: FRENCH FRIES Magazine
Page 23: FRENCH FRIES Magazine

23

Page 24: FRENCH FRIES Magazine

INTERVIEW

24 French Fries Magazine

Our Lady of Pop

เก็บเรื่องที่เธอไม่ ชอบใส่อะไรว่าออกไปข้างนอก หรือว่าการแสดงโชว์ที่เต็มไปด้วยเลือด ตะโกน

โหวกเหวกบนเวทีเหมือน Sam Kinison เพราะครั้งแรกที่ฉันได้พบเธอ เธอสร้างความแปลกใจให้

ฉันได้เลยที่เดียว เธอเป็นผู้หญิงที่สุภาพ สง่างามเลยที่เดียว ซึ่งเหล่านี้ฉันคิดว่าได้มาจากการอบ

รบจากโรงเรียนคอนแวนด์ของเธอนั้นเอง

Page 25: FRENCH FRIES Magazine

25

Page 26: FRENCH FRIES Magazine

INTERVIEW

26 French Fries Magazine

ประมาณก่อนหนึ่งชั่วโมง

ก่อนที่จะเริ่มคอน Monter

Ball ซึ่งเป็นคอนรอบที่ 5

รอบสุดท้ายในลอนดอนที่

ขายบัตรหมด ฉันนั่งรออยู่

ในห้องพักหลังเวที เพื่อรอกาก้ามา (ในการเดิน

ทัวร์แต่ละครั้งกาก้ามีรถบรรทุก 28 คัน และ

รถทัวร์อีก 14 คัน บรรจุคน 140 คน จาก

เมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่ง) ห้องที่ฉันนั่งอยู่นั้นเหมือน

กับที่นั่งพิเศษในไนส์คลับสักแห่ง – เบาะนั่ง

หนังสีดำา,โคมไฟสีเงิน,มีบาร์ในตัว,ระบบเครื่อง

เสียง,โต๊ะคอกเทล,จาน ใส่ลูกกวาดมากมาย

หลังจากที่ฉันมองรอบๆกาก้าก็เดินเข้ามาโดน

ไม่ทันตั้งตัว มือของเธอที่แก้วชากับจานรองชา

มา มืออีกข้างที่แก้วสำาหรับใส่ไวน์มาให้ฉัน กาก้

าเริ่มต้นพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร ที่คุณ

กินไวน์กับแก้วพลาสติก” “ จากนั้นเธอก็หยิบ

ไวน์ Sancerre มาและคะยั้นคะยอจะเทให้ฉัน

พร้อมพูดว่า “ “คนที่เทไวน์ให้ตัวเองกินจะโชค

ร้าย” “

บางทีกาก้าอาจสามารถเป็นหนึ่งในคณะ

ของ Marie Antoinette ได้เหมือนกัน ทาแป‡ง

ขาว ใส่วิก ใส่เสื้อแวววาว และความสง่างาม

ของเธอ แต่นั้นมันผิดไปเพราะตอนแรกที่ฉันได้

เห็นเธอตอนข้างหลังเวที ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

เธอคล้ายๆกับคนบ้า – เดินเท้าเปล่า อีกทั้ง

เลือดในตอนแสดงยังติดตัวอยู่ มาสคาราไหล

ย้อยลงหน้า ส่วนร่างกายของเธอใส่เสื้อคลุมขน

นกสีแดง

กาก้าได้แนะนำาให้ฉันรู้จักกับชายที่ชื่อว่า Luc

กาก้าบอกอีกว่า เขาเป็นแฟนของฉันเอง Luc

ได้หันมามองทางเราและได้ยิ้มแบบยิงฟันให้

แล้วพูดว่า “Ok Bette Midler” ต่อจากนั้นฉัน

ได้ถูกพาออกจากห้องโดย Wendai Morris ผู้

จัดการในการเดินทางของกาก้า ครั้งตอนที่ฉัน

กำาลังจะเดินออกจากห้อง กาก้าได้พูดขึ้นมา

ว่า “ “เดี่ยวก่อน Jonathan คุณไม่อยากอยู่

ต่อและถามคำาถามฉันเพิ่มเติมอีกเหรอ” “ซึ่ง

ฉันคิดว่าเวลานี่คงไม่เหมาะนักเพราะเสียงเธอดู

อ่อนเพลียเหลือเกิน

วันถัดมา กาก้าดูสงบนิ่งมากขึ้น และเธอ

ยังคงถือแก้วชามาเหมือนเดิม ฉันถามคำาถาม

แรกกับเธอว่า “วันนี้คุณจะทำาอะไรดี” ซึ่งคำา

ตอบที่กาก้าตอบกลับมานั้นเป็นคำาตอบที่แฟน

กาก้าหลายคนไม่คิดว่าจะตอบ แบบนี้ “ “ฉัน

นอนอยู่บนเตียงทั้งวันเลย ฉันทำาแบบนี้ทุกครั้ง

เวลาที่ฉันรู้สึกเหงาคือถูเท้าซ้ายถูเท้าขวาไปมา

แบบนี้มันแปลกไหม ?” “ฉันตอบเธอไปว่า “ไม่

หรอก คนอื่นก็ทำากันทั้งนั้นเวลารู้สึกเจ็บปวด”

กาก้าตอบกลับมาว่า “ “อืม แบบนั้นฉันคงเจ็บ

ปวดทั้งวันเลย กาก้าหยุดสักพักหนึ่งแล้วพูดว่า

นี่ผมฉันหรือเนี่ย เพราะว่าเมื่อคืนฉันใส่วิกผม

แล้วก็เผลอหลับไปเลย” “

ซึ่งนั้นไม่ใช้เรื่องแปลกสำาหรับเธอ เพราะ

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เธอเข้าวงการมา เธอไม่

ได้มีโอกาสพักแบบจริงๆจังๆเลยสักครั้งหนึ่ง

“ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ ฉันโคตรๆเหนื่อย

มากๆเลยสำาหรับตอนนี้ แต่ตอนนี้ร่างการของ

ฉันได้เหมือนเดินทางมาที่ไมล์สุดท้ายแล้ว เมื่อ

คุณรู้สึกว่านิ้วและขาของคุณเริ่มไร้ความรู้สึก

ไม่รู้สึกของการมีตัวตน ใช้การเคลื่อนไหวด้วย

การหลั่งอะดรีนาลิน แต่ในความเป็นจริงในขีวิต

ของฉันแล้ว ฉันเดินทางมาแค่ 2 ไมล์เอง ซึ่งสิ่ง

นั้นฉันพยายามที่จะเก็บไว้ในใจ” “

แต่ในยามที่เธออยู่บนเวที เธอดูเป็นคนที่

มีพลังมาก เต้นกับแดนเซอร์ 10 คน เปลี่ยน

เสื้อผ้า 13 ชุดต่อหนึ่งค่อย แหกปากร้องเพลง

แล้วมาเล่นเปียโนต่อ และเพลงทุกเพลงที่กาก้า

ร้อง ที่เขียนเนื้อเพลงเอง ใส่ทำานองให้มันด้วย

ต่อของเธอเอง ซึ่งนั้นเป็นผลมาจากการที่เธอ

เริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ แสดงโชว์เดี่ยว

ตอนอายุ 11 ขวบ

กาก้าเสริมว่า “ “ฉันเป็นเด็กที่แปลก เด็ก

หญิงเสียงดังโวยวายที่ยามใดนั่งเปียโนแล้ว

สามารถสังหารผลงานเพลงของ Beethoven

ได้” กาก้าได้พูดเกี่ยวกับตัวเองว่า “ฉันพูดตรง

อย่างบริสุทธิìจากดนตรีของฉันในปัจจุบัน ฉัน

คิดว่าฉันเป็นนักแสดงที่เก่ง และมีพรสวรรค์ใน

การเอนเตอร์เทนคนดู ฉันพิจารณาตัวเองว่าจะ

มีเสียงที่เยี่ยมยอดในวงการ ฉันพิจารณาตัวเอง

แล้วว่าฉันเป็นนักแต่งเพลงที่เก่งคนหนึ่ง แต่ฉัน

จะไม่บอกว่าฉันเต้นเก่งเท่าไร แต่ฉันก็คิดว่าฉัน

เต้นพอใช้ได้เลยละ” คำาพูดโอ้อวดจากนักร้อง

ที่มีประสบการณ์เพียง 3 ปี กาก้าเสริมต่อว่า

“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ ที่ฉันจะมั่นใจในตัว

เอง”

แฟนเพลงของเธอไม่ได้ปฎิเสธสิ่งเหล่านี้

เลย พวกเขาตะโกนในยามที่เธอตะโกน เต้น

ตลอด2ชั่วโมงของคอนเสริต์ และก็ไม่ใช้ความ

ลับอะไรที่กาก้ามีความสัมพันธ์แบบพิเศษกับ

แฟนเพลงของเธอ ที่เธอเรียกพวกเขาเหล่านั้น

ว่า “Little Monsters” กาก้าได้พูดต่ออีกว่า

“ “ฉันเห็นตัวเองในตัวของพวกเขา ฉันเป็นคน

หนึ่งที่รู้สึกว่าแตกแยกออกจากสังคม – เดิน

อย่าเงียบๆ,กินเหล้า,ไปคลับ ซึ่งฉันเป็นเด็กที่เลว

ที่เดียว ซึ่งเมื่อไรที่ฉันมองไปที่พวกเขาในทุกโชว์

สายตาของพวกเขาจะมีความมุ่งมั่น มีความ

รู้ที่ส่งผ่านออกมาว่า “ฉันจะไม่ย่อแพ้ต่อพวก

อันธพาลในโรงเรียนแน่นอน” ซึ่งแฟนคลับของ

ฉันไม่เหมือนแฟนคลับคนอื่น คือมันเหมือนกับ

พวกเขาเข้าลัทธิอะไรสักอย่าง มันแปลกแต่มัน

น่าตื่นเต้นดี” “

การแสดง

ของกาก้า

เป็นแบบสื่อ

ความหมายแบ

บดิบๆตรงๆ“

“ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเปิด

รับสิ่งใหม่ตลอดเวลา ไม่มี

อะไรปิดกั้น ,ยอมเสียสละ เพื่อแฟน

เพลง กับเพลง มันน่าตลกเวลามีคนพูดว่า “มัน

น่าทึ่งมากเลยรู้ไหมที่ได้รู้ว่าเธอทำางานหนัก และ

ฉันก็จะทำาหนักให้เหมือนกับเธอด้วย” ฉันมีคำา

พูดที่อยากจะบอกว่าเวลาฉันขึ้นโชว์ ฉันคงไม่

เดินทอดน่องไปมา เต้นๆแล้วลิปซิ่งหรอก สิ่ง

เหล่านั้นไม่ใช้ฉันเลยสักนิด และฉันก็จะไม่เป็น

นักร้องแบบคนอื่นที่มีความสุขกับเงินทองที่หา

ได้แล้วฉัน มันไป ฉันเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่ ฉัน

อยากจะเป็นพี่สาวของคน คนหนึ่งที่แฟนคลับ

สามารถสื่อสารกับฉันได้ เป็นคนท่ีรับฟังปัญหา

และเข้าใจคุณ”

เวลาที่ฉันรู้สึกเหงาคือถูเท้าซ้ายถูเท้าขวาไปมา

แบบนี้มันแปลกไหม ?” “ฉันตอบเธอไปว่า “ไม่

หรอก คนอื่นก็ทำากันทั้งนั้นเวลารู้สึกเจ็บปวด”

กาก้าตอบกลับมาว่า “ “อืม แบบนั้นฉันคงเจ็บ

ปวดทั้งวันเลย กาก้าหยุดสักพักหนึ่งแล้วพูดว่า

นี่ผมฉันหรือเนี่ย เพราะว่าเมื่อคืนฉันใส่วิกผม

ซึ่งนั้นไม่ใช้เรื่องแปลกสำาหรับเธอ เพราะ

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เธอเข้าวงการมา เธอไม่

ได้มีโอกาสพักแบบจริงๆจังๆเลยสักครั้งหนึ่ง

“ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ ฉันโคตรๆเหนื่อย

มากๆเลยสำาหรับตอนนี้ แต่ตอนนี้ร่างการของ

ฉันได้เหมือนเดินทางมาที่ไมล์สุดท้ายแล้ว เมื่อ

คุณรู้สึกว่านิ้วและขาของคุณเริ่มไร้ความรู้สึก

ไม่รู้สึกของการมีตัวตน ใช้การเคลื่อนไหวด้วย

การหลั่งอะดรีนาลิน แต่ในความเป็นจริงในขีวิต

ของฉันแล้ว ฉันเดินทางมาแค่ 2 ไมล์เอง ซึ่งสิ่ง

นั้นฉันพยายามที่จะเก็บไว้ในใจ” “

แต่ในยามที่เธออยู่บนเวที เธอดูเป็นคนที่

มีพลังมาก เต้นกับแดนเซอร์ 10 คน เปลี่ยน

เสื้อผ้า 13 ชุดต่อหนึ่งค่อย แหกปากร้องเพลง

แล้วมาเล่นเปียโนต่อ และเพลงทุกเพลงที่กาก้า

ร้อง ที่เขียนเนื้อเพลงเอง ใส่ทำานองให้มันด้วย

ต่อของเธอเอง ซึ่งนั้นเป็นผลมาจากการที่เธอ

เริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ แสดงโชว์เดี่ยว

กาก้าเสริมว่า “ “ฉันเป็นเด็กที่แปลก เด็ก

หญิงเสียงดังโวยวายที่ยามใดนั่งเปียโนแล้ว

สามารถสังหารผลงานเพลงของ Beethoven

ได้” กาก้าได้พูดเกี่ยวกับตัวเองว่า “ฉันพูดตรง

อย่างบริสุทธิìจากดนตรีของฉันในปัจจุบัน ฉัน

คิดว่าฉันเป็นนักแสดงที่เก่ง และมีพรสวรรค์ใน

การเอนเตอร์เทนคนดู ฉันพิจารณาตัวเองว่าจะ

มีเสียงที่เยี่ยมยอดในวงการ ฉันพิจารณาตัวเอง

เอง”

แฟนเพลงของเธอไม่ได้ปฎิเสธสิ่งเหล่านี้

เลย พวกเขาตะโกนในยามที่เธอตะโกน เต้น

ตลอด2ชั่วโมงของคอนเสริต์ และก็ไม่ใช้ความ

ลับอะไรที่กาก้ามีความสัมพันธ์แบบพิเศษกับ

แฟนเพลงของเธอ ที่เธอเรียกพวกเขาเหล่านั้น

ว่า “Little Monsters” กาก้าได้พูดต่ออีกว่า

“ “ฉันเห็นตัวเองในตัวของพวกเขา ฉันเป็นคน

หนึ่งที่รู้สึกว่าแตกแยกออกจากสังคม – เดิน

อย่าเงียบๆ,กินเหล้า,ไปคลับ ซึ่งฉันเป็นเด็กที่เลว

ที่เดียว ซึ่งเมื่อไรที่ฉันมองไปที่พวกเขาในทุกโชว์

สายตาของพวกเขาจะมีความมุ่งมั่น มีความ

รู้ที่ส่งผ่านออกมาว่า “ฉันจะไม่ย่อแพ้ต่อพวก

อันธพาลในโรงเรียนแน่นอน” ซึ่งแฟนคลับของ

ฉันไม่เหมือนแฟนคลับคนอื่น คือมันเหมือนกับ

พวกเขาเข้าลัทธิอะไรสักอย่าง มันแปลกแต่มัน

น่าตื่นเต้นดี” “

การแสดง

ของกาก้า

เป็นแบบสื่อ

ความหมายแบ

บดิบๆตรงๆ“

“ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเปิด

รับสิ่งใหม่ตลอดเวลา ไม่มี

อะไรปิดกั้น ,ยอมเสียสละ เพื่อแฟน

เพลง กับเพลง มันน่าตลกเวลามีคนพูดว่า “มัน

น่าทึ่งมากเลยรู้ไหมที่ได้รู้ว่าเธอทำางานหนัก และ

ฉันก็จะทำาหนักให้เหมือนกับเธอด้วย” ฉันมีคำา

พูดที่อยากจะบอกว่าเวลาฉันขึ้นโชว์ ฉันคงไม่

เดินทอดน่องไปมา เต้นๆแล้วลิปซิ่งหรอก สิ่ง

เหล่านั้นไม่ใช้ฉันเลยสักนิด และฉันก็จะไม่เป็น

นักร้องแบบคนอื่นที่มีความสุขกับเงินทองที่หา

ได้แล้วฉัน มันไป ฉันเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่ ฉัน

อยากจะเป็นพี่สาวของคน คนหนึ่งที่แฟนคลับ

สามารถสื่อสารกับฉันได้ เป็นคนท่ีรับฟังปัญหา

และเข้าใจคุณ”

Page 27: FRENCH FRIES Magazine

2727

ฉันเป็นเด็กที่แปลก เด็กหÞิงเสียงดังâวยวายที่ยามใดนั่งเป‚ยâนแล้วสามาร¶

สังหาร¼ลงานเพลงของ Beethoven ได้

Page 28: FRENCH FRIES Magazine

INTERVIEW

28 French Fries Magazine

ความสัมพันธ์

ของกาก้ากับแฟน

เพลงเป็นสิ่งที่อ่อนไหวมากๆ

กาก้าเคยบอกแฟนเพลงที่โปแลนด์

ว่า “ “ยามใดที่อยู่บนเวทีเหมือนฉันได้มีความ

สัมพันธ์กับแฟนเพลง” “กาก้าได้อธิบายเพิ่มเติม

ว่า “ “พวกเขาคือคนกลุ่มเดี่ยวในจักรวาลนี่

เท่านั้นที่ทำาให้ฉันเสียการควบคุมตัวเองได้” “

เมื่อพูดถึงแฟนเพลง กาก้าได้พูดเสริมขึ้นมา

ว่า “ฉันอยากให้คนในจักรวาลนี่ ใช้ฉันเป็นที่พึ่ง

เป็นทางหนีสำาหรับเขา” “กาก้าพูดต่อว่า “ “ให้

ฉันเป็นตัวจำาอวดของอาณาจักรแห่งนี้ และฉัน

ยอมรับพวกคุณทุกแบบ ทุกสีผิว ให้คุณรู้สึกเป็น

ตัวเองตัวเอง และไม่ตัดสินตัวเองในแบบผิดๆ

และไม่ให้เกลียดตัวเอง และที่ตลกอยู่อย่างหนึ่ง

คือ ตอนนี้ฉันได้ขึ้นปก VOGUE แล้ว – ฉัน

คิดว่าคงไม่มีใครหัวเราะดังไปกว่าฉันตอนนี้แล้ว

แหละ- เพราะตอนที่ฉันเป็นเด็กอยู่ในโรงเรียน

เวลาฉันเดินตามทางเดิน ฉันจะโดนเพื่อน

เรียกว่า ,Bithch,คนน่าเกลียด ,จมูกใหญ่,เด็ก

เนิร์ด,เลสเบี้ยน และถูกถามว่าไปอยู่ชมรมร้อง

เพลงทำาไม (กาก้าคล้ายๆกับเด็กๆจาก GLEE)

สำาหรับกาก้ารางวัลเดิมพันครั้งนี้สูงมากๆ

“เพราะว่าฉันเป็นนักร้องและเป็นนักแสดงด้วย

เป็นคนที่ค้นหาและสรรค์สร้างพื่นที่แห่งเสรีภาพ

ฉันอยากที่จะให้รางวัลกับแฟนเพลงเป็นอัลบั้มที่

ยอมเดี่ยวที่สุดในทศวรรษนี่ ฉันไม่อยากให้พวก

เขาได้รับสิ่งที่ตอนนี้กำาลังฮิตอยู่ ฉันอยากให้พวก

เขาได้ฟังสิ่งในอนาคต”

ซึ่งสิ่งนี่น้อยคนนั้นที่จะเข้าใจสิ่งที่กาก้า

กำาลังจะทำาอยู่ “สิ่งที่ฉันกำาลังทำาอยู่ตอนนี้ ไม่ใช้

ชีสที่อยู่ในเซนวิช ไม่ว่ามันจะดีหรือจะร้าย ซึ่งที่

ทำาอยู่มันซับซ้อนมากๆ”

Elton John ให้ฉายากาก้าว่าเป็น “นักร้อง

ที่ค้นหาสิ่งใหม่ๆและมีพรสวรรค์ที่สุดในยุคนี่”

สำาหรับตัวกาก้าเองค่อนข้างจะเป็นคนที่เปิดเผย

ต่อแรงบันดาลใจของตัว “มันไม่ใช้ความลับเลย

ฉันได้รับแรงบันดาลใจมากมายหลายคน เช่น

Davie Bowie และ Prince พวกเขาทั้งสอง

เป็นแรงบันดาลของฉันในการแสดงบนเวที”

อัลบั้มของกาก้าคือ Born This Way ที่จะออก

วางแผนในเดือน พฤษภาคม ที่จะถึงนี่ ซึ่งใช้ชื่อ

ซิงเกิ้ลแรกเหมือนชื่ออัลบั้ม ซึ่งฉันได้ยินครั้งแรก

เมื่อ iPod ของกาก้าได้มาอยู่ในมือของฉัน กาก้

าถามฉันว่า “พร้อมแล้วหรือยัง ? ฉันว่าคุณ

ยังไม่พร้อมแน่ๆเลย” ตอน แรกที่ฉันได้ยินนั้น

ดนตรีออกแนวลึกลับคล้ายของมาดอนน่า ต่อมา

ให้ความรู้สึกเหมือนฟังเพลงของ Bronski Beat

และนำาฉันไปสู่ใจกลาง ตามแบบฉบับของกาก้า

เพลงนั้นมันน่าเหลือเชื่อมากๆ ซึ่งเพลงนี้คล้าย

ได้ถูกกำาหนดแล้วว่าให้เป็น anthem ของเหล่า

ชาว์เกย์ตลอดไปจนถึง 100 ปีข้างหน้า

กาก้าบอกเพิ่มเติมให้ฟังว่า Elton John

เรียกเพลงนี้ว่าเป็น “สุดยอดเพลงเกย์” ตั้งแต่

ได้ยินมา กาก้าเล่าต่อว่า “รู้หรือไม่ ฉันเขียน

เพลงนี้ในเวลาแค่ 10 นาทีเองนะ ซึ่งมันออก

มาเหมือนมีเวทมนตร์เลยที่เดียว เหมือนกับว่า

ประตูเปิดออกมาและมันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ”

ซึ่งกาก้าได้เปิดเพลงอื่นให้ฉันฟังอีกนิดหน่อยเช่น

Hair,Bad Kids,Government Hooker และ

ซิงเกิ้ลที่สองที่กาก้าจะปล่อยออกมาชื่อ Judas

ซึ่งทำานองของเพลงนี้เหมือนทำาออกมาให้ the

Ronettes เพียงแต่ว่าเป็นแดนซ์ที่มีบีทหนัก

มากๆ ซึ่งเนื้อเพลงมันเกี่ยวกับตกหลุ่มรักคนที่

ทรยศต่อพระเยซู เพลงต่อมาชื่อ Americano

ซึ่งมันเหมือนกับดนตรีอิเล็กทรอนิกที่ใส่ความ

เป็นพื้นเมืองของ mariachi ลงไป ฉันกำาลังพูด

ถึงกฎหมายปิดกั้นการแต่งงานของเกย์ ซึ่งนั้น

มันเป็นการตัดสิทธิของชนชาวอเมริกา” “เพลง

นี้มันเหมือนกับเพลงป๊อปทั่วๆไป แต่เมื่อไรที่ฉัน

ได้ร้องมัน ฉันรู้สึกเหมือนเห็น Edith Piaf ใต้

สปอทไลท์กับไมค์โครโพนแบบเก่า” (Piaf คือ

คนที่กาก้ายกมาอ้างอิงได้อย่างดี เพราะทั้งกาก้า

และ Piaf ต่างมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งสองแสดง

รู้สึกออกมาอย่างชัดเจน และเป็นผู้กล้าของคน

อ่อนแอ) กาก้าพูดต่อว่าบางเพลงในอัลบั้มค่อน

ข้างจะออกแนว Rock ‘n’ Roll สักหน่อย

Troy Carter ผู้จัดการส่วนตัวของกาก้า

ได้บอกกับฉันว่า อัลบั้มนี้จะมีเพลงทั้งหมด 17

เพลง – ซึ่งทั้งหมดถูกเขียนและทำาในระหว่าง

การเดินทัวร์ ใช้เวลาทำาประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่ง

สิ่งที่กาก้าทำาเป็นสิ่งที่นักร้องคนอื่นไม่ค่อยจะทำา

ฉันอยากที่จะให้รางวัลกับแฟนเพลงเป็นอัลบั้มที่ยอมเดี่ยวที่สุดในทศวรรษ

นี่ ฉันไม่อยากให้พวกเขาได้รับสิ่งที่ตอนนี้กำ ลังฮิตอยู่ ฉันอยากให้พวก

เขาได้ฟังสิ่งในอนาคต

Page 29: FRENCH FRIES Magazine

29

สักเท่าไรคือ ทำาอัลบั้มอื่นในขณะที่ทัวร์อยู่ “แต่

สำาหรับกาก้าเป็นสิ่งที่เยี่ยมมากๆ เพราะกาก้า

ได้รับพลังทุกครั้งเมื่ออยู่บนเวที เนื้อเพลงออกมา

ทุกครั้งเวลาอยู่บนเวที และเมื่อมาหลังเวทีกาก้

าจะนำาสิ่งที่คิดขณะอยู่บนเวทีมาคุยกัน และวัน

ถัดมากาก้าจะเล่นเพลงที่เราเพิ่งคุยกันไปเมื่อ

คืนให้ฟัง กระบวนการสร้างสรรค์ของเธอนั้นสุด

ยอดมากๆ”

เพื่อนร่วมทีมของ Troy Carter คือ

Vincent Herbert ที่เป็นค้นพบกาก้าเมื่อปี

2007 จาก Myspace ซึ่ง Vincent Herbert

เคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ Michael Jackson

และ Stevie Wonder “กาก้าทำาเพลงที่ผู้คน

สามารถสัมผัสถึงได้ และเพลง Born This

Way จะทำาให้คุณหยุดหายใจเลยที่เดียว ผมคิด

ว่ากาก้าได้ทำาเพลง Thriller ในศตวรรษที่ 21

เข้าแล้ว”

กาก้าชอบดนตรีทุกแบบ กาก้าได้บอกว่า

เธอรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ที่ลอนดอน “ถูกต้อง

แล้ว รสนิยมทางดนตรีของฉันหลากหลาย และ

ที่ลอนดอนแห่งนี้นักร้องเพลงร๊อคกับนักร้องเพ

ลงป๊อป ไม่แตกต่างกัน เหมือนๆกันหมด ซึ่ง

แตกต่างกันที่อเมริกา นักวิจารณ์ชาวอเมริกา

ชอบกำาหนดขอบเขตของเพลงเธอโดยตัวเลขอ้า

งอิงงี่เง่ามาก มาย แต่ในโลกของแฟชั่นมันเป็น

อะไรที่แม่นยำาและละเอียดอ่อนกว่ามาก โดย

เฉพาะแรงบันดาลใจจากพวกเขาเช่น Leigh

Bowery,Isabella Blow “สังคมในโลกแฟชั่น

นั้น สำาหรับฉันนั้นมันเข้าถึงง่ายกว่า ณ ตอน

นี้ฉันมีความรู้สึกว่าฉันได้รับการต้อนรับจาก

วัฒนธรรมแฟชั่นในลอนดอนแล้ว ทั้งจาก

McQueen ,Isabella,Daphne Gunness

ฉันจำาได้เลยว่าครั้งแรกที่ฉันได้ถ่ายภาพแฟชั่นมี

คนอุทานกับฉันว่า “ตายแล้ว เธอช่างคล้ายกับ

Isabella Blow มากๆ มันทำาให้ฉันรู้สึกกลัว

รู้ไหมเนี่ย แม้แต่ McQueen ยังบอกว่า “ดู

หน้าอกของเธอสิ ขนาดหน้าอกของเธอยังคล้าย

Isabella Blow เลย”

ณ ตอนนี้กาก้าได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าชุดขอ

งกาก้าทำาให้ชุดที่ Elton John และมาดอนน่า

ใส่ กลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย กาก้าพยายาม

ที่จะให้เหนือกว่ามากกว่าที่พวกเขาเคยทำามา

กาก้าได้บอกต่อว่าการแต่งหน้าในเอ็มวี Born

This Way “ทุกคนจะเกลียดมันไม่ทางใดก็ทาง

หนึ่งแน่นอน”

ในชีวิตของกาก้าตอนนี้กาก้าได้ทำางานกับ

ดีไซเนอร์ชั้นยอดมากมายเช่น karl Lagerfeld

,Armani,Prada และศิลปินดีไซเนอร์อื่นๆเช่น

Terence Koh “ฉันหมดเงินไปมากกับแฟชั่น

ของฉัน เพราะว่าฉันอยากที่จะสนับสนุนพวก

ดีไซเนอร์หน้าใหม่ด้วย” กาก้าได้เล่าให้ฟังเพิ่ม

เติมว่าการแต่งกายทุกครั้งของเธอได้ผ่านการคัด

กรอง มาแล้วจาก Nicola Formichetti .ซึ่ง

เป็นสไตลิสต์ของกาก้าและเป็นหนึ่งในสมาชิก

ของ Haus of Gaga ฉันได้ถามกาก้าถึงโชว์

ในไลน์เสื้อผ้าครั้งแรกของเขา Thierry Mugler

“ความสัมพันธ์ของเราทำาให้โชว์เดินแบบนั้นได้

รับแรงบันดาลใจจากเราอยู่เหมือน กัน แต่ฉัน

ไม่อยากเอาเครดิสจากมัน Nicola คือแฟชั่น

เขาคือชายที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง”

ฉันได้ถามกาก้าเพิ่มเติมไปว่าเธอรู้สึกว่าถูก

เข้าใจผิดหรือไม ในตอนแรกกาก้าปฎิเสธ ต่อมา

กาก้าได้บอกว่า มีเหมือนกัน “ยี้ เธอใส่เพื่อเรียก

ความสนใจ” “แหวะ ชุดเนื้อ” พวกเขาเหล่านั้น

ควรจะวิเคราะห์และหาความหมายที่แท้จริงใน

ความลึกลับของมัน

ตอนนี้ฉันกำาลังนั่งอยู่ในห้องสูทที่ดูใหญ่โตโอ๋อ๋า

ในโรงแรมแถว Place Vendôme ในฝรั่งเศส

การเดินทางมาฝรั่งเศสของกาก้าครั้งนี้สร้าง

ความหงุดหงิดให้กับเธอมากๆ เพราะพายุหิมะ

Page 30: FRENCH FRIES Magazine

INTERVIEW

30 French Fries Magazine

Page 31: FRENCH FRIES Magazine

31

ครั้งใหญ่ของฝรั่งเศสทำาให้ขบวนคาราวานขอ

งกาก้าไม่สามารถผ่าน อุโมงค์ได้ ถนนถูกปิด

ทาง ซึ่งคนขับรถแนะนำาให้จอดรถจนกว่าจะผ่าน

ได้ แต่มีบางคนที่พยายามจะผ่านไปให้ได้และถูก

ตำารวจจับกุม

ประตูของห้องสูทได้เปิดขึ้น กาก้าได้พูดขึ้น

มาว่า “คุณคงไม่รู้ว่าอะไรได้เกิดขึ้นบ้าง ฉันโกรธ

มากๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่น่ารักเลย และฉันก็

ไม่อยากให้ใครเห็นด้วย” กาก้าพูดต่อว่า “คุย

กันที่นี่น่าเบื่อ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ซึ่งทำาให้

ทีมรักษาความปลอดภัยของกาก้ารีบปฎิบัติงาน

ทันที กาก้าได้บอกกับการ์ดว่า “ฉันอยากจะออก

ไปหน้าประตู เพื่อทักทายแฟนเพลงฉันหน่อย”

การ์ดถามกลับมาว่า “แน่ใจหรือครับ” กาก้า

ตอบกลับไปว่า แน่สิพวกเขามารอฉันตั้งนานแล้ว

และนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี ที่พวกเขาจะได้รู้สึกว่าฉันยัง

คงแคร์พวกเขาอยู่

เมื่อกาก้าเดินลงมาข้างล่างกาก้าพูดกับ

ฉันว่า “นี่ไง เห็นไหม จะให้ฉันขึ้นรถหนีไปเลย

ได้ไง ในเมื่อพวกเขาตั้งหมายมากยืนรอฉันอยู่”

ทีม การ์ดได้เดินไปเปิดประตู และคอยกั้นกาก้า

จะแฟนคลับ พวกเขาเหล่านั้นตะโกนกั้นใหญ่ว่า

กาก้า กาก้า กาก้า !!! หลังจากทักทีแฟนเพลง

เสร็จกาก้าได้พูดกับฉันว่า พวกเขาน่ารักมากๆ”

กาก้าเล่าให้ฉันฟังต่อว่า “ไม่รู้ว่าคุณรู้หรือ

เปล่า แต่คืนหนึ่งในขณะที่ฉันอยู่ในลอนดอน

ฉันอาหารเป็นพิษด้วย ฉันอวกออกมาหมดข้าง

หลัวเวทีในขณะที่กำาลังเปลี่ยนเสื้อผ้าการแสดง

อยู่ ฉันไม่อยากอวกบนเวที เพราะเดียวคนอื่ย

จะคิดว่าฉันเมาอีก ฉันไม่อยากให้พวกเขาคิดกับ

ฉันแบบนั้น ฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะ และ

แฟนเพลงของฉันคงไม่คิดว่าฉันอาหารเป็นพิษ

แน่นอน” กาก้าหัวเราะออกมา

เมื่อไปถึงร้านอาหาร เมื่อผู้คนมองเห็น

ว่าเป็นกาก้า พวกเขาต่างเงียบสนิท มองมาที่

จุดเดียวกัน มีที่นั่งวางอยู่มุงตรงหน้าต่าง และ

ผู้คนที่อยู่ภายนอกต่างชำาเลืองมองเพื่อให้เห็น

กาก้าให้ได้ กาก้าผู้กับฉันว่า “นี่คือ the fame

monster แต่มันก็ไม่ใช้แบบนั้นตลอดไป ฉันใช้

ชื่อเสียงของฉันมาทำาประโยชน์เช่น Don’t Ask

Don’t Tell” กาก้ากล่าวถึงวิสัยทัศน์ของเธอ

“ฉันพยายามเปลี่ยนชื่อเสียงของฉันมาเป็นไปใน

ทางบวกและทำาให้ชีวิตของฉันมีความสุขยิ่งขึ้น”

ฉันสงสัยว่าพ่อกับแม่ของเธอรับมือกับสิ่ง

นี้ไหวได้อย่างไรกัน กาก้าตอบว่า “ในตอนแรก

มันก็ยากเหมือนกันนะ แต่เราต่อสู้มาด้วยกัน”

พ่อของกาก้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำางานขอ

งกาก้าได้เกินหัวใจล้มเหลวเมื่อปี ที่แล้ว “ฉัน

เป็นกังวลมากๆเกี่ยวกับสุขภาพของเขา ฉันเป็น

คนอิตาเลี่ยนมากๆ ฉันโทรหาพ่อฉันทุกวัน ฉัน

ถามว่าแม่ว่าพ่อสูบบุหรี่บ้างไหม และพวกเขา

ยังอยู่ในอพาร์เมนต์แห่งเดิมใน Upper West

Side ทุกสิ่งทุกอย่างในครอบครัวของฉันยัง

เหมือนเดิม การเป็นดาวของฉันไม่ได้ทำาให้อะไร

เปลี่ยนแปลงไป ฉันเป็นคนรักครอบครัวมากๆ

คนหนึ่ง” กาก้าได้พูดอีกว่า “ครั้งที่ยังไม่มีชื่อ

เสียงฉันอาศัยในนิวยอร์ก,ชายหนุ่ม,ทำางานหนัก

,ร้องไห้,เต้น,ชอบดนตรี,ดื่มวิสกี้,มีเรื่องทะเลาะ

วิวาท,และในคลับทุกแห่ง ที่สามารถเล่นได้ ทน

กับรถติดในนิวยอร์กทุกวัน สิ่งเหล่านี้สร้างฉันขึ้น

มาในปัจจุบันนี้ ตอนนี้ฉันยังอยู่อพาร์เมนต์แห่ง

เดิม ,คบกับเพื่อนกลุ่มเดิม,ดื่มในบาร์ที่เคยดื่ม

และเต้นในสตูดิโอเดิมๆกับแดน เซอร์เดิมๆของ

ฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม”

ในระหว่างที่นั่งรถหลังจากรับประทาน

อาหารเสร็จโทรศัพท์ของกาก้าดังขึ้นมา “ว่าไง

คะแม่....อืมมม หนูค่อนข้างเหนื่อย....โอเคแม่....

รักแม่....ไม่เป็นไร” หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จ

กาก้าค่อยๆหลังตาหลับไป สักพักกาก้าจึงตื่นขึ้น

มา และฉันได้ล้อเธอ กาก้าตอบว่า “เพื่อนฉัน

บอกเหมือนกันว่า ฉันเหมือนหุ่นยนต์ เมื่อไรที่

นั่งหลับทุกครั้งเหมือนชาร์ทแบท” กา ก้าเล่าต่อ

Jimmy Iovine ผู้บริหาร Interscope ก็ขำาฉัน

เหมือนกันเมื่อไรก็ตามที่ฉันนั่งเครื่องบินไปกับเขา

ทุกครั้งที่นั่งเครื่องบินฉันจะเผลอหลับทุกครั้งเลย

หลับแบบทับเสื้อตัวเอง นอนนิ่งสนิทเลย เมื่อฉัน

ตื่นขึ้นมาเขาจะพูดว่า คุณทำาผมกลัวทุกเลยเวลา

คุณหลับ

หลังจากกลับมาจาก New York หนึ่ง

สัปดาห์ ฉันโทรไปหา Iovine เมื่อเขารับ

โทรศัพท์เขาก็หัวเราะออกมา “เธอยอดเยี่ยมใช่

ไหม แล้วเธอได้พาคุณไปไหนด้วยหรือเปล่าละ”

Iovine คุยต่อว่า “ศิลปินแบบเธอหายากมากๆ

ศิลปินที่มีมุกมองเป็นของตัวเอง และยังสามารถ

ทำาอะไรได้หลายๆอย่างอีก ร้องเพลงเอง แต่ง

เพลงเอง ทำางาน ทำางานหนักแบบเธอ อีกทั้งยัง

เป็นแฟชั่นนิสต้า นักแสดง ทัศนวิศัยแบบเธอหา

ยากมากๆๆ” “และอนาคตกาก้าจะอยู่อีกไหม

คงตอบได้ว่า ตราบเท่าที่เธอจินตนาการถึง

ผมมีจินตนาการไม่เท่าเธอเท่าไร ผมคิดว่า

เธอสามารถอยู่นานเท่าที่ร่างกายเธอจะ

รับไว้ พรสวรรค์ของเธอจะพาเธอไป

ไกลตราบเท่าที่เธอต้องการ ถ้า

เธอยังสุขภาพแข็งแรง เธอ

จะอยู่อีกนานเท่านาน”

Page 32: FRENCH FRIES Magazine

32

Style History