16
β5 จอยส์ นิตยสารเกม การ์ตูน ไลฟ์สไตล์รายเดือน J OYS FREE! JANUARY 2009 มีอะไรในงานการ์ตูน 1984 จุดกำาเนิดพี่ใหญ่ Big Brother / ภูภู่มันมือ อยากจัดงานการ์ตูน / เกมเศรษฐีฉบับเครดิตการ์ด + J OYS

Joys magazine volume B5

Embed Size (px)

DESCRIPTION

Joys Magazine เล่ม B5 มีอะไรในงานการ์ตูน จริง ๆ แล้วภายในงานการ์ตูนที่เรามักจะพบเห็นคนแต่งคอสเพลย์สวยงาม มีโต๊ะวาง มีเวทีพร้อมเสียงกริ๊ดดังสนั่น ภายในมีอะไรบ้าง

Citation preview

Page 1: Joys magazine volume B5

β5จอยส์ นิตยสารเกม การ์ตูน ไลฟ์สไตล์รายเดือน

Joys

FREE!

JANUARY 2009

มีอะไรในงานการ์ตูน

1984 จุดกำาเนิดพี่ใหญ่ Big Brother / ภูภู่มันมืออยากจัดงานการ์ตูน / เกมเศรษฐีฉบับเครดิตการ์ด+

Joys

Page 2: Joys magazine volume B5

Press Release ติดต่อส่งข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ [email protected]

Joys

นิตยสาร จอยส์403 ซ.พระยาประเสริฐ ถ.ลาดพร้าว 94

แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลางกรุงเทพมหานคร 10130โทรศัพท ์02-539-7078โทรสาร 02-934-4933

ติดต่อโฆษณา 084-082-3342อีเมลล ์[email protected]

งานชิ้นนี้ได้รับการคุ้มครองตามกฏหมายลิขสิทธิ์ภายใตส้ัญญาอนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์ รุ่น 3.0

แบบแสดงที่มา - ไม่ใช้เพื่อการค้า - ไม่ดัดแปลง ท่านสามารถดูรายละเอียดข้อสัญญาได้ที่ http://cc.in.th/wiki/by_nc_nd_thai_f

นิตยสารนี้จัดทำาโดย

คณะบุคคล คีย์ ทเวนตี้ไฟว์

บรรณาธิการบริหาร

เอกพจน์ พัฒนานารักษ์บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา

ดล วรทองกองบรรณาธิการ

สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์ธัญนุช อาชวนิยุต

ช่างภาพ

ดุลยกฤศวร์ ภาณุเวศย์กราฟฟิค

อารัณท์ สุมิทราคอลัมนิสต์

ภูภู่

JoysGames Cartoon Lifestyle Magazine

ขณะที่กำาลังนั่งเขียนต้นฉบับอยู่ ผมกำาลังนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของเยาวราช ใน

วันที่คนเตรียมจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนครับจากที่เรามักจะคุ้น

ว่าตรุษจีนจะมีในเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้เวลาอาจจะเร็วกว่าเดิมสักหน่อย บรรยากาศ

ของการซื้อขายก็กำาลังคึกคักทีเดียวครับ แม้พอจะทราบมาบ้างว่าปีนี้คนจับจ่ายซื้อ

ของกันน้อยลงตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ที่ไม่ได้น้อยลงเลยก็คือปริมาณผู้คนที่เข้ามา

จับจ่ายใช้สอยกันจนแน่นขนัดตั้งแต่เช้าจรดเย็นจนทำาให้รู้สึกสนุกไปด้วย

มีคนให้นิยามของปีใหม่ไว้หลายรูปแบบครับ บ้างก็ว่าปีใหม่เป็นโอกาสดีที่

จะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรืออีกมุมหนึ่งก็คือเวลาที่จะได้ทบทวนตนเองตลอดระยะเวลา

ที่ผ่านมา ยึดถือเป็นวาระที่ให้กำาลังใจ เป็นจุดเริ่มต้นในการประกอบการงานและ

ความหวังต่างๆ ที่จะนำาไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การงาน หรือว่าเรื่อง

อื่นในที่อยู่ในจิตใจ สำาหรับจอยส์เองก็กำาลังจะมีสิ่งใหม่ๆ อีกหลายอย่างที่จะเริ่มต้นขึ้น

ในฉบับหน้าเช่นเดียวกันครับ

ดังนั้นแล้ว ผมเลยอยากจะขอชวนท่านผู้อ่านทุกๆ คนที่ได้อ่านนิตยสาร

จอยส์ทั้ง 5 เล่มที่ผ่านมา ร่วมกันเสนอแนะสิ่งต่างๆ ที่คุณอยากเห็นในนิตยสารจอยส์

เพิ่มเติม เราอยากรับฟังความคิดเห็นของทุกๆ คนครับ สามารถส่งเข้ามาได้ทุกช่อง

ทาง ไม่ว่าจะเป็นทั้ง E-Mail แบบสอบถามที่อยู่ในหน้า Web, Joys Blog, Joys

Board หรือจดหมายส่งมาถึงที่อยู่ของเราก็ได้นะครับ และเราจะเว้นวรรคนิตยสาร

จอยส์เดือนกุมภาพันธ์ไป 1 เดือน เจอกันใหม่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 แน่นอนครับ

เอกพจน์ พัฒนานารักษ์บรรณาธิการบริหาร

ตรุษจีน ปีใหม่ๆ เรื่องใหม่ๆEditorial

Pick uP Joys magazine atGalaxy Game Center : เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เดอะมอลล์ บางแค, สยามพารากอน, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, แฟชั่นไอส์แลนด์,

SF เดอะมอลล์ ท่าพระ, เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ สำาโรง, ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต, มาบุญครอง, เซ็นทรัลปิ่น

เกล้า รถไฟใต้ดิน MRT : Metro Corner ทุกสาขา, Manga Holic สถานีอโศก, ร้านคุณเปิ้ล สถานี

พหลโยธิน Cafe Kaldi : มาบุญครอง, เอสพลานาด, เมเจอร์ฮอลลีวูด รามคำาแหง, กรีน เพลซ ถ.

จันทร์ Red Mango : สยามเซ็นเตอร์, สยามสแควร์ ซ.4, เอสพลานาด Ete : สีลมคอมเพล็กซ์,

ถนนข้าวสาร สยามสแควร์: มดดำา, Ozone, Chines Cartoon, Oho Katsu, R Burger, Kin

Ramen, ยามาเนะ ร้านการ์ตูน : Toon Zone เจริญกรุง 60 - เซ็นทรัล พระราม 2 - เซ็นทรัล

ซิตี้ บางนา - ซีคอนสแควร์, มาบุญครอง ชั้น 7, หยิน หยาง ฟอร์จูนทาวน์, B - Book ข้างเมเจอร์

รัชโยธิน, Joybook Cartoon เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ป่าการ์ตูน เดอะมอลล์ บางกะปิ, บุ๊คราม หน้า

ม. รามคำาแหง, Be my shelf วงเวียนใหญ่, Cartoon Mania เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, แสงทองบรรณกิจ

เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, มูลนิธิญี่ปุ่น, จามจุรีสแควร์ : Cake ‘n Berry

..... or download at www.joysmag.com

Page 3: Joys magazine volume B5

Scoo

p 4

มีอะไรในงานการ์ตูนเรื่อง: เอกพจน์ พัฒนานารักษ์ ภาพ: ดุลยกฤศวร์ ภาณุเวศย์

ทุกวันนี้เมื่อเดินตามห้างสรรพสินค้าในวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในย่าน

ใจกลางวัยรุ่นที่สำาคัญที่สุดสยามสแควร์ อย่างสยามพารากอน มาบุญครอง เซ็นทรัลเวิลด์ หรือห้างอื่นๆ ในบาง

สัปดาห์เราก็จะเห็นเด็กวัยรุ่นทั้งหญิงและชายแต่งตัวสีสันสะดุดตาที่เรียกกันว่า “คอสเพลเยอร์” ที่บางครั้งเราก็

จะเห็นพวกเขาทำาการแสดงอยู่บนเวที และสิ่งที่เห็นตามมาคือกลุ่มคนวัยเดียวกันที่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณนั้นเป็น

จำานวนมาก บ้างก็มาถ่ายรูป บ้างก็จับกลุ่มเดินเล่นกับเพื่อน หรือบางคราวเราก็อาจจะเห็นอีกหลายๆ คนมาขาย

สินค้าต่างๆ เช่น การ์ตูนที่พวกเขาทำาขึ้นเอง สินค้าและเครื่องประดับต่างๆ บนโต๊ะที่ตั้งเรียงรายทอดยาวไป นี่

คือภาพภายนอกที่เราเห็นอยู่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อะไรคือสิ่งที่ดึงดูดทำาให้คนนับพันตัดสินใจออกจากบ้านมา

ทำากิจกรรมต่างๆ และรวมตัวกันในแต่ละครั้ง ในงานที่เรียกรวมสั้นๆ ว่า “งานการ์ตูน”

งานการ์ตูนในประเทศไทยมีการจัดขึ้นมาร่วม 11 ปีแล้ว และหาก

จะนิยามงานการ์ตูนในปัจจุบัน เราก็สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 2 ประเภท คือ

งานการ์ตูนแบบเปิดที่เกือบทั้งหมดจะจัดในลานกิจกรรมของห้างสรรพสินค้า

ต่างๆ บุคคลภายนอกสามารถเดินทางผ่านไปมาได้และไม่เก็บค่าเข้าชมงาน

อีกประเภทหนึ่งคืองานการ์ตูนแบบปิด ซึ่งมีทั้งบริษัทต่างๆ และกลุ่มคนที่รัก

การ์ตูนรวมตัวจัดขึ้นมาตามสถานที่ปิดและมีการเก็บค่าเข้างานโดยเฉลี่ยคนละ

50 บาท ซึ่งสถานที่ที่นิยมใช้จัดในปัจจุบันก็มีอย่างเช่น ห้องประชุมโรงพยาบาล

เซ็นต์หลุยส์ ชุมนุมนายทหารพระจอมเกล้า เป็นต้น

องค์ประกอบของงานการ์ตูนแต่ละงานจะมีการตั้งโต๊ะขายการ์ตูนที่

มีการทำาขึ้นมาเองที่เรียกว่า ‘โดจิน’ มีการแต่งคอสเพลย์ และอาจจะมีกิจกรรม

บนเวทีที่แตกต่างกัน อย่างเช่นการแสดงดนตรี การประกวดคอสเพลย์ การเต้น

โคเวอร์ การเล่นเกมชิงรางวัล นอกจากนั้นแล้วยังอาจจะเป็นที่นัดรวมพลของ

เด็กวัยรุ่นอีกหลายคนในวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ซึ่งโดยมากแล้วงานจะจบใน

เวลา 16.00 น. และแต่ละคนที่มางานก็จะแยกย้ายกันไป ซึ่งโดยมากก็จะรวม

กลุ่มไปสังสรรค์กันต่อ โดยเฉพาะที่ร้านอาหารในช่วงเย็น

เก็บภาพเพื่อเติมความฝัน สาเหตุที่คนแต่คนจะตัดสินใจมางานการ์ตูนสักงานนั้นมีปัจจัยแตก

ต่างกันมากมาย บางคนก็มาเพื่อเจอเพื่อน มาคอสเพลย์ด้วยกัน มาซื้อการ์ตูน

ที่แต่ละกลุ่มทำาขึ้นมา หรือที่เรียกว่า “โดจิน” และใครอีกหลายคนก็มาเพื่อถ่าย

ภาพเก็บบรรยากาศและบุคคลภายในงาน เช่นเดียวกับ “สุรเชษฐ อรุณรัตน

นุกุล” หรือที่ใครอีกหลายคนรู้จักในชื่อ “พี่หมี Shura” จาก http://shura.

exteen.com ที่เขามักจะถ่ายภาพพร้อมอัพเดทรายละเอียดงานทั้งคอสเพลย์

และโคเวอร์ศิลปิน Boyband และ Girlgang เกาหลีผ่าน blog อย่างสม่ำาเสมอ

จนหลายๆ คนรู้จักเขา

สุรเชษฐเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจถ่ายภาพตามงานการ์ตูน

และโคเวอร์ว่าเริ่มจากการมางาน Cosplay Festival ที่จัดขึ้นที่ท้องฟ้าจำาลอง

เมื่อเกือบ 4 ปีก่อน ประกอบที่เขานั้นถ่าย

ภาพเป็นงานอดิเรกตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว

จึงลองมาเดินดูและถ่ายภาพภาพในงาน

“ตอนแรกเราก็ลองมาเดินงานเล่นๆยังไม่

ได้ถ่ายอะไร เพราะยังไม่ได้เห็นอะไร แล้ว

ผมก็ได้เห็นตัวการ์ตูนที่น้องๆคอสเพลย์

แต่งมาในงาน ซึ่งมันเป็นการจุดประกาย

ความฝันเมื่อตอนเด็กๆว่า ตัวนี้เราเคย

ดูเรื่องนี้ เราเคยอ่าน เรามีกล้อง เพราะ

ด้วยอายุหรือสถานะ ณ ตอนนี้ให้มาแต่ง

ชุดคอสเพลย์มันก็ไม่ไหว เลยยินดีที่จะทำา

หน้าที่ตรงนี้ ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของงาน

โดยการเก็บบันทึกเรื่องราวเป็นรูปภาพดี

กว่า”

หลังจากที่เกิดความประทับใจ

จากงาน Cosplay Festivalและเริ่มรู้จัก

กับคอสเพลเยอร์กลุ่มหนี่งแล้ว นับตั้งแต่นั้นเขาก็ได้ใช้เวลาว่างจากการประกอบ

กิจการโรงงานของครอบครัวมาเพื่อติดตามถ่ายรูปคอสเพลย์และโคเวอร์เกือบ

ทุกงาน “จริงๆแล้วความตั้งใจของผมเลยก็คืออยากอยู่เงียบๆไม่ต้องมีใครมา

รู้จักก็ได้ แต่ว่าเราไปทุกงาน เรามีรูปเกือบทุกงาน แบบว่าถ้าไม่รู้จะดูอะไรมาดูที่

บล็อก เราจะมีรูปของคอสเพลย์ โคเวอร์เกือบทุกงานที่จัด ก็เลยเหมือนกับเป็น

เครดิตว่ามาที่นี่จะเจอทุกงาน เพราะช่วงแรกๆไม่ค่อยจะมีเวปที่มีรูปคอสเพลย์

เยอะเหมือนอย่างวันนี้”

คอสเพลย์กับตากล้อง ของคู่กัน อีกสิ่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนสิ่งที่อยู่คู่กับงานการ์ตูน คือการแต่งกาย

ตามแบบตัวละครจากการ์ตูนหรือเกมต่างๆ ที่เรียกว่า “คอสเพลย์” ที่เราจะพบ

ได้ทุกประเภททั้งการแต่งแบบสวยงามตามแบบฉบับ แบบเรียกเสียงหัวเราะให้

ผู้คนในงาน และเราอาจจะพบทั้งผู้ชายแต่งตัวละครหญิง และผู้หญิงแต่งตัวเป็น

ตัวละครชายภายในงานการ์ตูนมากพอสมควร เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านความ

ชอบและความสวยงามของตัวละคร ซึ่งบางคนก็แต่งมาคนเดียว บางกลุ่มก็

นัดรวมเพื่อนกันมาแต่งชุดจากการ์ตูนหรือเกมส์เรื่องเดียวกัน บางคนก็แต่งคอส

เพลย์มาเพื่อเตรียมขึ้นประกวดโดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องเตรียมการแสดงบนเวทีมา

ด้วย โดยรางวัลของการประกวดที่ได้นั้นจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่เงินสดหลักพัน

ถึงหลายหมึ่น จนถึงสิทธิ์การเป็นตัวแทนประเทศไทยพร้อมตั๋วเครื่องบินไปแข่ง

ประกวดคอสเพลย์ระดับโลกในงาน ‘ World Cosplay Summit ‘ ที่ประเทศ

ญี่ปุ่น ดังเช่น “เพ็ญนภา ถาวรประดิษฐ์ (เฟย์)” และ “รุจิภาส ดิษฐพรม

(เซ่)” ที่ได้รับมา

“ดีใจมาก (ลากเสียงยาว) เพราะพยายามเยอะมากและคราวนี้

ตั้งใจทำากัน ตั้งแต่ปรึกษากัน ทำาอุปกรณ์ และคิดการแสดงซึ่งซ้อมกันหนักมาก

มาเน้นเอาช่วงท้าย ถ้าเกิดว่าไม่นับตอนคิด ตอนคุยกันจะใช้เวลาประมาณ 2

อาทิตย์ในการทำา” เฟย์และเซ่ตอบถึงความรู้สึกที่กลับมาคว้าแชมป์และได้สิทธิ์

เป็นตัวแทนในปีนี้ในการประกวดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเธอ

เคยเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเมื่อปี 2550 และ 2551 ตามลำาดับ เมื่อ

Page 4: Joys magazine volume B5

ทำาไมคุณถึงมางานการ์ตูน

มาดูแฟชั่นในการแต่งคอสเพลย์ใหม่ๆ พงศ์กิจ พงษ์ศักดิ์ชาติ

มาขายโดจินและมาพบปะเพื่อนๆ ในงานชยานิษฐ์ สถิรพงศ์พิชิต

มาดูโดจินใหม่ มาขายของ เดินเล่นสิริกาญจน์ กมลรัตนพิบูล

ซื้อของพวกพวงกุญแจ โดจิน มาเล่น

มารั่ว มาพบเพื่อนกานต์พิชชา เสียมทอง

?

ถามถึงความรู้สึกที่มีต่องานการ์ตูน พวกเธอก็ช่วยกันตอบว่า “เป็นที่ที่มาเจอ

เพื่อน มาเจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน คอสมานานสิบกว่าปีแล้ว แต่ก่อนคน

น้อยกว่านี้มาก งานก็จะเล็ก แต่เดี๋ยวนี้งานก็จะเปิดกว้างขึ้น คนก็จะเยอะขึ้น

สังคมกว้างขึ้น คนรู้จักเยอะขึ้น ถ้าเกิดคนรู้จักแล้วมองในแง่ดีก็ดีค่ะ อยากให้คน

ที่มามีใจรักด้วย”

สุรเชษฐ์เล่าต่อถึงความสัมพันธ์ของตากล้องและคอสเพลเยอร์ที่มีใน

งานการ์ตูน เพราะเนื่องจากว่าคนที่แต่งคอสเพลย์นั้นบางครั้งไม่สามารถถ่ายรูป

ตนเองเก็บไว้ได้ “เป็นเหมือนของคู่กัน เพราะบางทีคนคอสแต่งชุดที่ไม่สามารถ

ถ่ายรูปได้เอง อาจจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์ที่อลังการ ซึ่งบางทีก็ต้องฝากกล้องไว้

กับเพื่อนหรือกับตากล้องที่เราไว้ใจให้ถ่ายให้ หรือบางทีเพื่อนคอสเพลเยอร์ที่มา

งานแต่ไม่ได้แต่งก็มาเป็นช่างกล้องได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีคนแต่งชุดคอสมาเราก็

เหมือนเป็นผู้ทำาหน้าที่บันทึกงานเคียงคู่กันไป บางครั้งก็เอากล้องของน้องๆ มา

ช่วยถ่ายให้แล้วก็ส่งรูปให้เขา ก็จะมีคอนเนคชั่นต่อไปเรื่อยๆว่า ถ่ายงานนี้เสร็จ

งานหน้าไรท์แผ่นมาส่งงานหน้าก็มาเจอกันอีกหรือไม่ก็ส่งรูปทางอินเตอร์เนท”

คนทำาโดจิน นอกจากตากล้องและคอสเพลเยอร์ที่อยู่ในงานการ์ตูนแล้ว อีกส่วน

หนึ่งที่เราจะเห็นภาพได้ชัดเจนคือการขายการ์ตูนและสินค้าต่างๆ ซึ่งรายได้จาก

การจัดงานการ์ตูนทั้งแบบเปิดและปิด นอกจากการเก็บค่าเข้างานแล้ว อีกส่วน

หนึ่งจะมาจากการเช่าบูท หรือที่มักจะเรียกกันติดปากในกลุ่มผู้ขายว่า “Space”

โดยแต่ละงานจะมีการจัดเก็บอัตราค่าเช่าไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 100 – 250 บาท /

Space / วัน สินค้าที่มีการขายมีทั้งอุปกรณ์คอสเพลย์ เครื่องประดับ หุ่น เสื้อ

ยืด และสินค้าอีกมากมายที่ส่วนใหญ่มักจะทำาขึ้นมาเอง และมีการวางกลยุทธ์

การขายที่แตกต่างกันไป เช่นการจัดหน้าบูทเพื่อดึงดูดความสนใจ การประกาศ

การ์ตูนที่จะออกล่วงหน้าผ่านทางเว็บบอร์ดการ์ตูนต่างๆ บางบูทที่โดจินของ

พวกเขาได้รับความนิยมก็ถึงขนาดมีการสั่งจองโดจินล่วงหน้าผ่านทางอินเตอร์

เนตและขายหมดในระยะเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากเปิดงานเลยทีเดียว

“เพียงพิชญ์ ศาสตร์ศศิ (วิค)” ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยรวมกลุ่มภาย

ใต้ชื่อกลุ่ม Green Iceกับเพื่อนเพื่อทำาโดจินเพื่อขายภายในงานตั้งแต่ 9-10 ปี

ก่อน นอกจากเธอจะขายโดจินแล้ว ในบางครั้งวิคยังแต่งคอสเพลย์กับเพื่อน

ที่รู้จักในงานการ์ตูนบางงานด้วย ปัจจุบันนี้เธอมีผลงานการวาดรูปที่เราจะ

คุ้นผลงานจากภาพปกของนิยายสไตล์วัยรุ่นที่วางขายอยู่ตามร้านหนังสือใน

ประเทศไทยมากมาย โดยเฉพาะจากสำานักพิมพ์แจ่มใสที่มักจะมีชื่อของเธอเป็น

ผู้วาดปกนิยายอยู่สม่ำาเสมอ รวมถึงเคยเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหาวิทยาลัย

ต่างๆ มาก่อนด้วย

วิคเริ่มต้นมางานการ์ตูนจากการมาคอสเพลย์แต่เพียงอย่างเดียวก่อน

ที่จะมาเป็นผู้จัดงานภายใต้ชื่องาน Comic Expo “เห็นงานการ์ตูนตั้งแต่สมัย

ที่ยังเป็นงานเฉพาะกลุ่มมากๆ ที่กลุ่มการ์ตูนจัดกันเองหรืออย่างงานคาเฟ่อะไร

แบบนี้นะคะ ที่เขาเป็นชื่อกลุ่มและชื่องานของเขาเอง จนระยะนึงถึงเป็นงาน

ที่ทางสำานักพิมพ์เป็นผู้จัด แล้วพอซักพักถึงเป็นงานที่เป็นกลุ่มการ์ตูนจัดกันเอง

แล้วเราก็ไปตั้งแต่สมัยเริ่มแรก งานแรกจริงๆ ที่ได้ไปออกขายโดจินรู้สึกจะเป็น

งานที่สะพานเหล็กค่ะ เป็นเล่มที่ทำากับเพื่อน 3 คน หลังจากนั้นถึงจะมีกลุ่มขึ้น

มานะคะ ช่วงหลังๆก็จะมีจัดงานเองบ้างอย่าง Comic expo”

เมื่อเราได้ให้วิคเล่าย้อนไปถึงการตั้งกลุ่ม Green Ice กับเพื่อนนั้น

เริ่มจากเพื่อนที่มีความชอบเหมือนๆ กันจากการติดต่อทางอินเตอร์เนตผ่านเว็บ

บอร์ด ICQ และ MSN ตามลำาดับ “จริงๆคิดว่าน่าจะเป็นที่ความชอบที่เหมือน

กันมากกว่าเพราะ Green Ice ค่อนข้างจะต้องออกโดจิน original (การ์ตูนที่

คิดเนื้อเรื่องและตัวละครขึ้นมาใหม่เอง) นะคะ มาจากการชอบวาดรูปมากกว่า

การชอบการ์ตูนเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ พอมีเรื่องหนึ่งที่ชอบเป็นพิเศษก็

จะมารวมกันออกโดจินเฉพาะเรื่องนี้บ้าง เช่น Death Note, Final Fantasy,

Gundam Seed, Full Metal Alchemist ประมาณนี้ค่ะ ก็จะมีแฟนๆ มาทัก

เป็นตัวก็มีนะคะ เพราะยังไงเราก็ขายโดจินด้วยตนเองอยู่แล้ว เขาก็จะเข้ามาบ

อกหน้าบูทบ้าง บางคนเขาก็มาตั้งกระทู้บ้างหรือส่งเมล์มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ถ้า

ช่วงหลังๆนี้จะเป็นทักใน MSN หรืออะไรแบบนี้มากกว่า ช่วงหลังๆมานี้ก็ไม่ค่อย

ได้ไปล่ะคะ เพราะว่าติดงานหลักของตัวเอง”

สู่การเป็นคนจัดงาน เมื่อวิคตัดสินใจก้าวมาเป็นผู้จัดงานการ์ตูนด้วยตัวเอง ก็เจออุปสรรค

นานับประการ รวมถึงการที่งาน Comic Expo ของเธอถูกพาดพิงถึงจาก

รายการโทรทัศน์ในแง่ลบเมื่อ 3 ปีที่แล้ว “จริงๆแล้ว แต่ละงานสื่อสามารถเข้า

มาได้อยู่แล้วนะคะ ยกเว้นงานปิดจริงๆ เพราะหลังๆมานี้จะเป็นงานในสถาน

ที่เปิดซะด้วยซ้ำา ซึ่งถ้าสื่ออยากมาถ่ายหรือคนทั่วไปเดินผ่านตามห้างก็สามารถ

เห็นได้ งานที่วิคจัดสามารถเข้าไปได้ แค่ขอให้บอกก่อนว่าคุณมาจากที่ไหนแค่

นั้นเอง เพราะบางทีแบบว่าเราไม่รู้ว่าเขาเป็นของจริงหรือเปล่า บางทีเขาบอก

ว่ามาจากเวปไซต์นี้ๆ แต่เราไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วเขามาถ่ายรูปแย่ๆไปก็ไม่รู้

ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีเขาสัมภาษณ์ว่า ‘ น้องเคยอ่านการ์ตูนแล้วรู้สึกหลง

ชอบพระเอกหรือนางเอกบ้างหรือเปล่า ‘ เราก็ตอบไปว่า ‘ ก็ชอบนะพี่ แต่ว่าใน

ความเป็นจริงมันก็ต่างกัน ‘ แต่เขาก็จะตัดไอ้ตรง ‘ ความเป็นจริงมันก็ต่างกัน ‘

ทิ้ง เหมือนการพูดไม่ครบ เนื้อหามันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว”

นอกจากเรื่องที่ไม่คาดฝันแล้ว การพลิกบทบาทสู่การเป็นผู้จัดงานก็

ต้องอาศัยระยะเวลาและแรงใจมากเลยทีเดียว “เคยใช้เวลามากสุดเลยคือ 1 ปี

นะคะจนใช้เวลาแค่ 3 เดือน แต่ไม่เคยใช้เวลาต่ำากว่านั้น เพราะแค่ 3 เดือนก็แย่

แล้ว พอตัวเองจัดงานมันจะเครียดมาก ตอนนั้นวิคเคยป่วยหนักมากเพราะคอส

เพลย์ด้วย ขายโดจินด้วย จัดงานด้วย ทำา 3 อย่างนี้พร้อมกัน จนถึงขนาดเข้าโรง

พยาบาลให้น้ำาเกลือเลย อาจจะเป็นเพราะว่าวิคอยู่ในตำาแหน่งของผู้จัดงาน ทำา

ตั้งแต่วางโครงสร้าง หาสปอนเซอร์ ทำาเว็บเอง แก้คำาผิด ทำาตั้งแต่งานที่ใช้ความ

คิดยันงานกระจอกเลยคะ แทบไม่มีความเหมือนกันเลย ตั้งแต่ตัวเองจัดงาน

มายังไม่เคยได้มาเดินงานของตัวเองเลย”

แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่เธอก็ยังพร้อมที่จะจัดงานอื่นๆ ต่อไป

“บางทีมันก็สับสนนะคะว่าเราควรจะจัดงานต่อดีหรือเปล่า คนยังต้องการมา

งานเราอีกหรือเปล่า ตัวเราต้องทำาความเข้าใจว่าเราจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร เรา

ลงทุนไปเท่าไหร่แล้วเราต้องคืนทุนเท่าไหร่ มันก็มีความกลัวอย่างเช่นว่า จะมี

คนมาร่วมงานเราหรือเปล่า เราก็ไม่ได้ต้องการกำาไรอะไรมาก แต่ก็ไม่ต้องการ

ขาดทุนแน่ๆใช่ไหมคะ คือเหนื่อยมันก็ยังเหนื่อยอยู่แต่จิตใจเราเนี่ยมันจะปลอด

โปล่งขึ้นมาหรือเปล่า บางทีเราเข้าใจว่าทำาไมเราถึงเลิกจัดไม่ได้ ทั้งๆ ที่มัน

เหนื่อยขนาดนี้ คงเป็นแบบเดียวกับตอนที่เราทำาโดจินขึ้นมาที่ว่าไม่รู้จะขายได้

หรือเปล่า จะทำาเสร็จหรือเปล่า พอทำาเสร็จขายหมดไม่หมดเราจะรู้สึกว่าดีนะที่

ได้ทำาขึ้นมา ยิ่งถ้าหมดจะดีใจมาก”

สุรเชษฐ อรุณรัตนนุกุล

เพ็ญนภา ถาวรประดิษฐ์ / รุจิภาส ดิษฐพรม

เพียงพิชญ์ ศาสตร์ศศิผมได้เห็นตัวการ์ตูนที่น้องๆคอสเพลย์แต่งมาในงาน มันเป็นการจุดประกายความฝันเมื่อตอนเด็กๆ

วิคเคยป่วยหนักมาก เพราะคอสเพลย์ด้วย ขายโดจินด้วย จัดงานด้วย ทำา 3 อย่างนี้พร้อมกัน

จนถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลให้น้ำาเกลือเลย

Page 5: Joys magazine volume B5

ทำาไมคุณถึงมางานการ์ตูน ?

เป็นโอกาสที่นานๆ ครั้งจะได้มาพบปะกับ

ผู้คนที่สนใจในเรื่องเดียวกันภาวินี สถิตธรรมศานต์

มาขายของ และมาดู เด็กๆ สาวๆ

เพื่อนๆ (ละกัน)ทักษพล ศรีวชิราวัฒน์ / พิธีกร, คอลัมนิสต์

อยากมาเที่ยว ขี้เกียจอยู่บ้านพยงค์ เจริญวิเศษสุข

ชอบการ์ตูน มาถ่ายภาพ ดูสินค้าที่เกี่ย

วกับการ์ตูนทักษพร รัตน์นราธร

?

ผู้จัดข้ามชาติ นอกจากผู้จัดงานที่เป็นคนไทยแล้ว “ฮิเดะคาสุ คอนโดะ” กรรมการ

ผู้จัดการ บ.เนกิโบส ไทยแลนด์ จำากัด ชาวญี่ปุ่นก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตัดสินใจมาเป็น

ผู้จัดงานการ์ตูนในประเทศไทย ด้วยความชอบประเทศไทยและความรักในเรื่อง

การ์ตูน จึงตัดสินใจอาศัยและจัดงานการ์ตูนในประเทศไทยตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว โดย

เริ่มต้นจากงาน Doujin Festival ที่สวนลุม ไนท์บาซาร์ ปัจจุบันบริษัทของเขาได้

จัดงานการ์ตูน ภายใต้ชื่องาน Comic Party ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 14 แล้ว และใช้

สถานที่หลักคือลานกิจกรรมหน้าร้าน B2S ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ โดย

เฉลี่ยบริษัทของเขาจะจัดงานทั้งสิ้น 4 ครั้งต่อปี โดยการสนับสนุนจากองค์กรและ

บริษัทต่างๆของญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยเฉพาะองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศ

ของญี่ปุ่น (JETRO) และหอการค้าญี่ปุ่นประจำาประเทศไทย (JCC)

เนื่องด้วยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศการสนับสนุนสื่อต่างๆ เพื่อการส่ง

ออกรวมไปถึงงานทางด้านการ์ตูนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 JETRO จึงเข้ามีบทบาท

เข้ามาสนับสนุนทางด้านงานการ์ตูนญี่ปุ่นให้เผยแพร่ไปทั่วโลก รวมไปถึงใน

ประเทศไทย ผ่านทาง บ.เนกิโบส และคอนโดะ ซึ่งนอกจากการจัดงานการ์ตูน

เป็นผู้ถือสิทธิ์การตัดเลือกตัวแทนประเทศไทยไปประกวดคอสเพลย์โลกในงาน

World Cosplay Summit ที่ประเทศญี่ปุ่น และเป็นสำานักพิมพ์การ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว

บ.เนกิโบส ยังเป็นตัวแทนในการจัดพิมพ์การ์ตูนชุดเตือนภัยสึนามิเพื่อแจกให้กับ

โรงเรียนในเขตที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว “อย่าง JETRO เขาก็เป็นผู้

ที่นำาเสนอสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งหนังและภาพยนตร์ต่างๆ เขาก็คอยร่วมมือโดย

ให้การช่วยเหลือ อย่างเช่นการพาผมไปแนะนำากับทางรัฐบาลไทยครับ” คอนโดะ

กล่าว

แต่เรื่องหนึ่งที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเป็นจำานวนมากต่องานการ์ตูนที่เนกิโบส

จัด คือการล๊อกผลการประกวดต่างๆ โดยเฉพาะการประกวดคอสเพลย์ ซึ่งคอน

โดะก็ได้ตอบข้อสงสัยดังกล่าว “ ไม่มีการล็อกผลครับ ผมไม่ได้เป็นกรรมการเอง

ด้วยยิ่งไม่มีทางใหญ่ เคยมีคนเข้ามาพูดกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน ก็ทำาเอาเคืองๆ

นิดหน่อยเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ ถ้าถูกถามอย่างนี้ก็จะหมดกำาลังใจจะ

ทำาอย่างอื่น เพราะความตั้งใจของผมคือต้องการที่จะให้คนไทยได้ไปญี่ปุ่น คือผม

อยากจะให้วัยรุ่นไทยกับวัยรุ่นญี่ปุ่นได้ไปสร้างสัมพันธ์กันครับ ถ้ามีคนมาพูดแบบ

นี้ก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะทำาแล้วครับ เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างบริษัทของผมเป็น

คนออกทั้งหมด และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการล็อกโพย ผมก็จะป้องกันโดยให้คณะ

กรรมการกรอกคะแนนเองแล้วให้ตัดสินกันด้วยตัวเองครับ ”

นอกจากการประกวดคอสเพลย์และโคเวอร์ภายในงาน Comic Party

แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คอนโดะต้องการที่จะทำาคือการประกวดโดจิน โดยบริษัทจะนำา

ผลงานของผู้ชนะเลิศไปจัดพิมพ์ และให้ผู้ที่ได้รับรางวัลได้มีประสบการณ์ในการ

ขายโดจินภายในงานการ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Comic Market” ที่ประเทศ

ญี่ปุ่นอีกด้วย “เพราะที่ญี่ปุ่นเนี่ย ถ้าออกบูทออกงานโดจินมีโอกาสที่จะได้เป็นนัก

เขียนมืออาชีพ แต่ในประเทศไทยคงจะยังไม่ได้ขนาดนั้น เพราะการ์ตูนที่นิยมใน

ประเทศไทยจะเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นมันอาจจะต้องใช้เวลา

ซักนิดนึง แต่การร่วมงานการ์ตูนมันก็เหมือนเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็น

มืออาชีพครับ” คอนโดะเล่าถึงความตั้งใจที่จะจัดการประกวดโดจินเพิ่มเติมปิด

ท้าย

คอสเพลย์และโคเวอร์รายเดือน นอกจากการจัดงานการ์ตูนในแบบเดิมแล้ว การตัดสินใจบุกเบิกการ

จัดงานคอสเพลย์ และโคเวอร์เป็นรายเดือนของ “ยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์”

กรรมการผู้จัดการ ไมนิจิ อะคาเดมิค กรุ๊ป โดยร่วมมือกับ MBK Center ที่หน้า

ลานกิจกรรมฝั่งโตคิวในทุกวันเสาร์ สัปดาห์แรกของเดือนต่อเนื่องมา 4 ปี ใน

ชื่อ J-Trends in Town ก็ทำาให้เรื่องของคอสเพลย์ โคเวอร์และงานการ์ตูน

นั้นอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลภายนอกมากขึ้น ด้วยเหตุที่ MBK นั้นอยู่ในใจกลาง

เมืองและสามารถเดินทางได้โดยสะดวก และสำานักงานของไมนิจิอยู่ที่สยาม

ทาวเวอร์จึงทำาให้เดินทางข้ามไปมาได้สะดวก “พื้นที่ของทาง MBK เป็น

พื้นที่ยาวแล้วที่สะดวกสบายในการแสดงออก แล้วอีกอย่างนึงคิดว่าเด็กเอง

น่าจะชอบงานกลางแจ้งมากกว่า คนเดินผ่านไปผ่านมาก็เดินมาเห็นทำาให้คน

ภายนอกได้รับรู้และเห็นนะคะ” นอกจากการจัดงานเป็นรายเดือนแล้ว ไม

นิจิยังจัดงานเป็นรายปีในชื่องาน Japan Festa ที่เป็นงานใหญ่และมีการจัด

ประกวด Cosplay & Cover of the year รวมถึงครั้งล่าสุดที่มีการเชิญศิลปิน

ญี่ปุ่นมาเปิดแสดงคอนเสิร์ตบนลาน Parc Paragon อีกด้วย

จากการจัดงานของไมนิจิและ MBK อย่างต่อเนื่อง ก็ทำาให้ชื่อของ

ไมนิจิติดปาก จนหากเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา หลายๆ คนจะนึกสิ่งแรกคืองานคอสเพลย์

และโคเวอร์ “จริงๆ จุดนึงเราก็ดีใจ แต่ก็กลัวๆเหมือนกันเพราะเราเป็นสถาบัน

สอนภาษาแนะแนะแนว ภาพที่คนคิดถึงเราจริงๆ อยากให้คิดถึงเรื่องของการ

ศึกษาเป็นหลัก แต่การศึกษาเนี่ยมันไม่ควรเอามานำาเสนอในรูปล้าหลัง เด็ก

ต้องเครียดๆต้องเรียน เราคิดว่าการสร้างแรงบันดาลใจเป็นจุดแรกเลยมากกว่า

เด็กจะคิดว่าไมนิจิคือจุดคอสเพลย์โคเวอร์แด็นซ์ ก็ไม่เป็นไร คือคนอาจจะ

ชอบเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะเขาอยากจะอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็ได้ ในขณะ

เดียวกันใน ปัจจุบันเองเราก็ได้มีการมอบทุนให้เด็กไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น

มีการแข่งขันเรียงความเพื่อชิงทุนไปเรียนต่อญี่ปุ่น คนที่ชอบเรื่องการ์ตูนเขา

อาจจะไม่ได้มามองเรื่องทุนเลย ฉันก็มาแต่งานการ์ตูนมาแต่งานโคเวอร์แด็นซ์

คนไม่ชอบงานเหล่านี้แต่สนใจในด้านของการศึกษาก็มาแข่งกับพี่ เรื่องของการ

แข่งขันชิงทุนการแข่งขันเรียงความเขาก็จะมามองในเรื่องของการศึกษา มันก็

ควบคู่กันไป เหมือนการถ่วงสมดุลค่ะ”

และเนื่องจากงานของไมนิจิมีความหลากหลายของกิจกรรม จึง

ทำาให้เสียงตอบรับนั้นมีทั้งคำาชื่นชมจากผู้ปกครอง และความสงสัยเรื่องความ

ยุติธรรมในการตัดสิน “จริงๆโดยรวมพี่ก็ดีใจนะคะที่เวลาคนเข้ามาบอกว่า เออ

ดีนะจัดงานแบบนี้ลูกบางทีเมื่อก่อนก็ไปโน่นนี่ เดี๋ยวนี้ก็มารวมตัวกันตัดเสื้อผ้า

ไปงานไมนิจิสักอาทิตย์นึง แม่ก็ไปช่วยเย็บด้วยนะเนี่ย บางทีเด็กโคเวอร์แดน

ฮิเดะคาสุ คอนโดะ

ยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ไม่มีการล็อกผลครับ ผมไม่ได้เป็นกรรมการเองด้วยยิ่งไม่มีทางใหญ่ เคยมีคนเข้ามาพูดกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน

เด็กอาจจะคิดว่า ‘ไมนิจิ’ คือจุดคอสเพลย์โคเวอร์แดนซ์ก็ไม่เป็นไร

Page 6: Joys magazine volume B5

คุณอยากให้งานการ์ตูนปรับปรุง / เพิ่มเติมอะไร ?

ห้องน้ำามีที่เปลี่ยนชุดเฉพาะ

กิจกรรมบนเวทีมากกว่านี้ สุวิรุฟห์ เธียรประมุข

มีกิจกรรมตลอดวัน เพราะชอบมีตอนบ่ายๆ

อยู่่ไม่ถึง และอยากเข้างานฟรีชัญญา มหพันธ์

ค่าบูทลดลงหน่อย

ขอที่ว่างกว่านี้อีกนิดปรายฟ้า วิทยวิโรจน์

อยากให้จัดงานในที่ปิดมากกว่านี้

เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาในบางเรื่องประณิตา ปิติกุล

อย่ามีโคเวอร์ ไม่เอาวิจักษณ์ ธิมามนตรี

ให้มีน้ำากับของว่างรองท้องสำาหรับคอส

เพลเยอร์จันทกานต์ วรรณรัตน์

อยากให้มีโซนสำาหรับคอสเพลย์ปัญจนุช สกุลเตชะธนา

อยากให้ที่จัดงานมีขนาดใหญ่ขึ้นเกวลี เอี่ยมอรสมบัติ

?

ซก์็มาฝึกภาษา เพราะต้องร้องให้เหมือน ไม่ให้ดูเงอะงะ เขาก็บอกแม่ว่าอยาก

เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างจริงจัง เมื่อก่อนบังคับกันแทบแย่เลย หรือบางคนเข้ามา โห

พี่ขอบคุณมากเลย ผมเล่นดนตรี J-rock ผมใหม่เลยยังไม่มีใครให้โอกาส อย่าง

น้อยผมก็มีก้าวที่หนึ่งว่าผมมี reference จากงานนี้มันไม่ใช่ศูนย์ ไม่มีใครเชื่อ

ใจ พี่ว่ามันเป็นตรงนั้นมากกว่าคือผลตอบรับที่เราได้รับกลับมาแล้วมันทำาให้เรา

ดีใจ“

“แต่เรื่องเสียใจคงเสียใจในแง่ของบางทีในจุดของตรงนี้มันก็เป็นเรื่อง

sensitive เราไปได้รับรู้มาว่าน้องคนนี้เกิดการสงสัยรู้จักกับกรรมการ ชนะเลิศ

ซึ่งบอกตรงๆเลยว่าพี่ไม่เคยรับรู้แม้กระทั่งถามว่าคอสเพลย์ทำายังไง พี่ก็ได้เรียนรู้

จากน้องๆนี่แหละ พี่ไม่ได้เป็นมืออาชีพทางด้านนี้แต่เผอิญพี่ทำาตรงนี้แล้วคนมารู้

จักเนี่ย เราแค่รู้สึกว่าความยุติธรรมเนี่ยมันขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคน คน

แพ้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยคนนี้เป็นเพื่อนคนนั้นคนนั้นเป็นเพื่อนคนนี้

ไอ้คนนี้ซิกแนลกรรมการให้ชนะเลิศ บางที่อ่านคอมเมนท์เหล่านี้ก็จะเผลอเสียใจ

แต่ก็ไม่คิดจะหยุดหละคะเพราะว่าคนที่รองานเราแล้วที่อยากจะมางานเราไม่ว่า

จะจัดที่ไหนก็ตามขอให้เป็นไมนิจิหนูก็จะไป คนพวกนี้มากกว่าที่พี่มองอยู่”

งานตจว. ภาพจำาลอง กทม. ยุคเริ่มต้น ชีวิตด้านหนึ่งของ “คม กุญชร ณ อยุธยา (กุ๊กกิ๊ก)” คือ Celebrity

หน้าใหม่ในแวดวงสังคม แต่อีกด้านหนึ่งที่เป็นตัวตนที่ชัดเจนของเขา คือการเป็น

Webmaster ของ www.propsops.com เว็บไซต์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแหล่ง

ข้อมูลทางด้านคอสเพลย์และงานการ์ตูนในประเทศไทยมากมายตั้งแต่อดีตจนถึง

ปัจจุบัน ทั้งภาพ บทสัมภาษณ์ การแจ้งข่าวสารและตารางงานการ์ตูนที่จะจัดขึ้น

ในประเทศไทยที่มีผู้นิยมใช้ รวมถึงผู้จัดงานทั้งใหญ่และเล็กกันมากที่สุด

กุ๊กกิ๊กเริ่มต้นเข้ามางานการ์ตูนจากการแต่งคอสเพลย์ภายในงาน

‘Vibulkij Party’ ครั้งที่ 3 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และการทำาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการ

คอสเพลย์ ทั้งดาบ โล่ห์ และอื่นๆ เพื่อใช้ในการคอสเพลย์ของเขานั้นเป็นที่จดจำา

ได้พอสมควรในยุคหนึ่ง และสิ่งที่ทำาให้คอสเพลเยอร์รวมถึงแฟนๆ หลายคนชื่น

ชอบ คือการลุกขึ้นมาคอสเพลย์แต่งหญิงของกุ๊กกิ๊กและใช้ชื่อว่า ‘แองจี้’ “ผม

เนี่ยยุมากๆมันก็ขึ้นนะเพราะเวลาคอสผมเนี่ยชอบทำาตัวสนุก ถามว่าตอนที่เป็น

แองจี้ผมทำาท่าเก็กสวยหรืออะไรก็ไม่ใช่ ผมก็ทำาท่าออกแนวสวยแบบขำาๆซะด้วย

ซ้ำา มันอาจจะเหมือนกับตัวแองจี้เป็นเหมือนน้องสาวคนนึงที่นานๆโผล่มาเลย

ทำาให้ทุกคนคิดถึงอะไรแบบนั้น”

นอกจากงานการ์ตูนจะมีการจัดขึ้นที่กรุงเทพแล้ว ในจังหวัดใหญ่ๆ มีการจัดงาน

การ์ตูนอยู่บ้างประปรายในช่วงปิดเทอมใหญ่และปิดเทอมย่อย เช่น ‘งานกาด

การ์ตูนเชียงใหม่’ ที่ จ.เชียงใหม่ หรืองาน ‘Ota Ota Suki’ ที่ จ.ขอนแก่น และ

กุ๊กกิ๊กก็ได้รับเชิญให้เป็นกรรมการในการตัดสินการประกวดในฐานะผู้ที่คลุกคลี

กับเรื่องคอสเพลย์อยู่บ่อยครั้งจนมีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ

บรรยากาศงานการ์ตูนในต่างจังหวัดไว้เป็นเหมือนภาพจำาลองของงานกรุงเทพใน

ยุคเริ่มต้น “ยุคเริ่มต้นคืออะไร ก็คือยุคที่คนคอสไปพร้อมที่จะไปถ่ายรูปด้วยกัน

ไปสนุกเล่นเกมด้วยกัน เพราะสังคมมันค่อนข้างเล็กและก็อบอุ่นไปแล้วไม่ต้อง

หรูหราอะไรไปแล้วมันสนุกอุ่นใจ เพราะว่าต่างจังหวัดเองยังไม่ค่อยมีเรื่องของ

ธุรกิจเข้ามาแทรกแซง พอธุรกิจยังไม่เข้าสังคมก็ยังเป็นแบบครอบครัวอยู่“

การมีส่วนร่วม กุ๊กกิ๊กยังเล่าต่อถึงความประทับใจที่เขามีต่องานที่ขอนแก่นในฐานะ

การเป็นกรรมการ “ผมประทับใจมากๆ แทบจะติดอันดับหนึ่งในใจผมเลยก็ว่า

ได้ ผมคงพูดไม่เกินความจริงเท่าไหร่ เพราะเพื่อนๆที่ไปเขาก็พูดเหมือนกัน สิ่ง

หนึ่งที่ผมเห็นคือคำาว่า ‘ส่วนร่วม’ อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าคำาว่าส่วนร่วมมัน

สำาคัญมาก วินาทีที่มีกิจกรรมบนเวทีผมเห็นเลยว่าทุกๆ คนในงานพุ่งไปที่เวที

ทุกคนสนุกเฮฮา คือการที่ถ้าจะให้พูดตรงๆ มันไม่มีความเป็นมืออาชีพอะไร

ขนาดนั้น แต่ว่ามันเป็นงานแบบอารมณ์ของเด็กทำาเอาสนุก อย่างตอนประกวด

คอสเพลย์ เขามีคำาถามมาเพื่อให้คนคอส แต่เขากลับถามตลกไปเลย บางที

ก็ตั้งคำาถามวิชาชีวะ หรือเป็นคำาถามแบบว่าตัวอะไรมีสี่ขา ตอนนั้นผมยังคุย

กับกรรมการข้างๆ เลยว่าผมจะให้คะแนนยังไงดีเนี่ย แต่ถามว่าสนุกไหม ผม

หัวเราะเลยนะ ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนหัวเราะด้วยกันสนุกด้วยกัน นั่นแหละ

คือสิ่งที่ผมประทับใจ”

นอกจากนั้นแล้ว กุ๊กกิ๊กยังได้พูดถึงปัญหาหนึ่งของการจัดงานที่

กรุงเทพในปัจจุบัน เพราะผู้ร่วมงานไม่สามารถสนุกไปกับกิจกรรมได้อย่างทั่ว

ถึง “พูดยากนะ คือถ้าให้ผมพูดอาจจะเข้าใจผิดเหมือนกับผมว่าเลยนะ แต่ว่า

เหมือนกับเราพูดอย่างทำาอย่าง มีหลายคนพูดว่าอยากให้งานมันกลับมาสนุก

เหมือนเดิม แต่สุดท้ายพอไปงานต่างคนต่างก็ไปถ่ายรูปกันเอง ทุกคนอยาก

กลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่ทุกคนก็ต้องทำาให้มันเป็นเหมือนเดิมมันไม่ใช่หน้าที่

ของใครเป็นพิเศษ ผมเห็นงาน ‘Capsule Event’ ที่คนประทับใจมากงานหนึ่ง

เลยนะ เขาพยายามจะทำาให้ทุกคนในงานมีส่วนร่วมกับงาน จะเห็นได้จากการ

แสดงบนเวที สิ่งนั้นแหละที่ทำาให้งานนี้คนชอบ มันต้องให้เครดิตกับงานที่เขา

กล้าจัดการแสดงขึ้น แต่ถ้าการแสดงนั้นไม่มีคนมาดูด้วยมันก็แป้ก สุดท้ายแล้ว

มันอยู่ที่ทุกคนที่ไปงาน”

“ มีหลายคนถามว่าทำาไมงานกรุงเทพทำาไมไม่เห็นมันเป็นอย่างนั้น

เลย ไม่ใช่ไม่เป็นอย่างนั้นมันเคยเป็นต่างหาก ผมนึกถึงงาน J trend ครั้งล่าสุด

ที่ปรกติคอสเพลเยอร์กระจายไปตามจุดต่างๆ พอดีช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาก็มีการ

จับฉลากตรงข้างล่าง คือผมเห็นคนคอสแห่กันเข้ามา ยังไม่พอนะมีการแซวกัน

คุยกันสนุกสนาน ผมเลยมองเลยว่านี่แหละคือสิ่งที่ขาดไป เพื่อนผมยังบอกเลย

ว่าไม่เคยเห็นคนคอสมาสนุกกันอย่างนี้เลย ผมเองก็พูดไม่เต็มปากเหมือนกันนะ

เพราะผมเองก็คอสเองเดินถ่ายรูปเอง แต่ผมกล้าพูดนะว่า คุณลองลดการถ่าย

รูปของคุณลงทุกคน แล้วให้ทุกคนมานั่งคุยกันสักชั่วโมงนึง งานจะค่อยๆสนุก

ขึ้นมาเอง”

คม กุญชร ณ อยุธยา

คุณลองลดการถ่ายรูปของคุณลงทุกคน แล้วให้ทุกคนมานั่งคุยสักชั่วโมงนึง งานจะค่อยๆ สนุกขึ้นมาเอง

ไม่ว่างานการ์ตูนในปัจจุบันนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตสักเพียงใด แต่สิ่งสำาคัญที่สุดและเป็นจุดร่วมเสมอมาไม่ว่าจะเป็นงานรื่นเริงที่ใดๆ ในโลก คือการมีส่วนร่วมของแต่ละคนที่เดินเข้ามาภายในงานและพร้อมจะ “อิน” ไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว หากคุณไม่เคยสัมผัสกับงานการ์ตูน หรือมาแล้วแต่เดินคนเดียว ลองเข้ามาพูดคุยและสนุกไปกับพวกเขาเหล่านี้ดู อย่างน้อยประสบการณ์ใหม่ๆ อีกหนึ่งวันก็จะช่วยทำาให้คุณหอบเอาความสุขกลับบ้านไปมิใช่น้อย

Joys

Page 7: Joys magazine volume B5

HPC Gam

e 13

WII

Joys

แดนซ์กันให้กระจายกับเหล่าสมาชิกแก๊ง SOS ใน Suzumiya har-

uhi no gekidou หลังจากติดปัญหาหลายอย่างทำาให้ต้องเลื่อนวันวางจำาหน่ายไป ในที่สุด

เหล่าสมาชิกในชมรม SOS ก็ได้ออกมาให้คุณได้ร่วมแดนซ์กระจายไปกับพวกเธอ

โดยเกม Suzumiya haruhi no gekidou เป็นเกมที่ผสมผสานระหว่างเกมแนว

Music Dance, Casual และ Visual novel เข้าด้วยกัน ผู้เล่นสามารถได้รับ

ความสนุกสนานจากฉากการเต้นที่สุดแสนจะน่ารักในสไตล์ 3D แล้ว ตัวเกมยังมี

ส่วนของเนื้อเรื่องและมินิเกมให้คุณได้สนุกไปกับเหล่าสมาชิกในชมรมทั้งหลาย

อีกด้วย

สำาหรับตัวเกมได้มีการแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือรุ่นธรรมดาและ รุ่น DX

ที่แถมฟิกเกอร์นางเอกของเรื่องอย่าง ฮารุฮิให้แฟนๆได้ไปสะสมกันอีกด้วย

Joys

คงมีไม่บ่อยนัก ท่ามกลางกระแสแวดวงวิดีโอ

เกมส์ที่คลาคล่ำาไปด้วยดาบ ปืน เวทมนตร์ และ

สัตว์ร้ายสามขาสี่หัวตัวเท่าตึกใบหยก ที่จะมี

ปรากฏการณ์แห่งเกมส์ที่สดใส สร้างสรรค์ และ

เรียบง่ายโผล่หน้าออกมาให้เราได้สัมผัส และใน

ตอนนี้ กับ World of Goo จากทีมพัฒนาอินดี้

2D Boy ก็พร้อมแล้ว ที่จะนำาพวกเราผู้เล่นไปสู่

โลกสีลูกกวาดแสนสดใสไร้พิษภัยแห่ง Puzzle

ที่ห่างหายไปนานกันอีกครั้ง

สำาหรับ World of Goo นี้ ผู้เล่นจะต้อง

ควบคุมเหล่า ‘Goo’ หรือลูกน้ำามันสีดำาคล้ำาที่มี

คุณสมบัติพิเศษในการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และ

ขนาด นำามาเชื่อมต่อ และสร้างเส้นทางเพื่อ

นำาพาพวกมันทั้งหลายไปสู่เป้าหมายตอนท้าย

ฉาก ท่ามกลางอุปสรรคนานัปประการทั้งเหว

ลึก ขอบผา ทางขาด รูแคบๆ และเจ้า ‘Smog’

อันเป็นกลุ่มยางเหนียวๆ ที่คอยกีดขวางไม่ให้

เจ้า Goo ไปถึงที่หมาย

จุดเด่นของ World of Goo ที่ทาง 2D Boy

ภูมิใจนำาเสนอนั้น นอกเหนือจากฉากและตัว

ละครที่สีสันสวยงามปานลูกกวาดแล้ว ระบบ

ฟิสิกส์ที่ใช้ในเกมก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะ

ในเกมนี้ พื้นที่ต่างๆ มีแรงโน้มถ่วง ที่ผู้เล่น

สามารถพลิกแพลงการผ่านอุปสรรคได้อย่าง

ไม่ตายตัว นอกจากนี้ หลังจากที่เคลียร์เกมจน

หมดแล้ว บรรดา Goo ที่ผู้เล่นสะสมมาตลอด

ทุกฉาก สามารถนำามาเล่นในโหมด World of

Goo Corporation ที่จะให้ผู้เล่นใช้เจ้า Goo

มาต่อเป็นหอคอยที่สูงที่สุด และค่าสถิติต่างๆ

จะถูกบันทึกเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ของ 2D Boy เพื่อ

ประชันกับผู้เล่นคนอื่นๆ ทั่วโลกได้อีกด้วย

สนุกสนาน และน่ารักขนาดนี้ พลาดกันไม่ได้

เลยทีเดียวสำาหรับ World of Goo ในขณะนี้

ตัวเกมมีวางจำาหน่ายผ่านระบบ STEAM แต่

สำาหรับแบบกล่องนั้น คาดว่าด้วยยอดขายและ

ความนิยมที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ เราคงจะได้เห็น

มันในเร็ววันอย่างแน่นอนครับ

Cons

ole Re

view 12

PCเรื่อง: สุกฤษฎิ์ บูรณ

สรรค์

Page 8: Joys magazine volume B5

Arcade Game15

ถึงเวลาฝ่าดงกระสุนกลางสมรภูมิเดือดพ่วงกลิ่นอายจากหนังคลาสสิคกับ RAMBO ARCADE สำาหรับเด็กผู้ชายยุคปี 80 ทุกคนไม่ว่าใครคงต้องมีซักครั้งหนึ่งในช่วงชีวิตที่อยากเป็นอย่าง John Rambo ที่ได้กราด

กระสุนปืนกลพร้อมกับวิ่งผ่านดงปืนข้าศึก ความฝันของพวกคุณใกล้จะเป็นจริงแล้วกับ RAMBO Arcade

RAMBO Arcade เป็นเกม Shooting ที่จะถ่ายทอดบรรยากาศภายในภาพยนตร์ยุค80แถมด้วยฉากยิงกันตาม สไตล์เกม

shooting ที่มีจำานวนศัตรูมากมายโผล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย นอกจากนี้ผู้เล่นสามารถสะสมค่าพลังเพื่อใช้โหมดพิเศษที่จะทำาให้

ตัวผู้เล่นเป็นอมตะในช่วงระยะเวลาหนึ่งอีกด้วย และในระหว่างที่คุณกำาลังปฏิบัติภารกิจจะมีการตัดเข้า mission พิเศษซึ่งจะเป็น

เหตุการณ์สำาคัญๆภายในภาพยนตร์ให้คุณได้หวนรำาลึกถึงความประทับใจ

Mob

ile G

ame 14

Joys

NDS

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ของสองเผ่าพันธุ์ที่จะชี้ชะตาการคงอยู่ของโลกใบนี้ 7th dragon เป็นเกม RPG ตัวใหม่ของทาง sega ที่ขนเอาทีมพัฒนาระดับหัวกะทิอย่าง Rieko Kodama หนึ่งในผู้พัฒนา

เกมโซนิคยุคแรก และ Kazuya Niinou เจ้าของผลงานเกม Etrian Odyssey เนื้อเรื่องภายในเกมจะถูกดำาเนินเรื่องในโลกของ Eden

เมื่อ 80% ของพื้นที่ทั้งหมดบนโลกถูกปกครองโดยมังกรทั้ง 7 และเหล่ามังกรอีกมากมาย หน้าที่ของเราคือการเข้าไปปราบปราม

มังกรทั้งหมดก่อนที่โลกจะต้องพังทลาย

ความพิเศษของเกมนี้ก็คือคุณสามารถสร้างตัวละครเท่าไหร่ก็ได้ใน 7 อาชีพซึ่งแต่ละอาชีพสามารถเปลี่ยนหน้าตาได้ถึง 4

แบบด้วยกัน ประกอบด้วย Rogue, Mage, Fighter, Healer, Knight, Samurai และ Princess ซึ่งแต่ละอาชีพจะมีความสามารถ

และสกิลที่แตกต่างกันออกไป ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเกมนี้ก็คือความอิสระของผู้เล่นที่สามารถปรับแต่งสกิลของแต่ละตัวละคร

ได้อย่างอิสระเพื่อสร้างทีมของตนเองขึ้นมา

เตรียมตัวลุยกันให้พร้อม 7 มีนาคมนี้ Joys

Page 9: Joys magazine volume B5

Manga Pickup 17An

ime P

ickup

16

BONGKOCH NATION ED.

SIAM INTER VIBULKIJ

‘บลาวเอโรสเซ่น’ วงดนตรีหญิงล้วนแห่งโรงเรียนคุณหนูอันโด่ง

ดังโรงเรียนสตรีเซนต์โนบาระ แต่เมื่อความจริงที่ว่านักร้องนำากลับ

เป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักที่อยู่โรงเรียนข้างๆ กันโรงเรียนชายไคซัง ที่

ชื่อเสียงไม่ค่อยดี ได้ถูกเปิดเผย ภาพลักษณ์ที่ต่างกันของทั้งสอง

โรงเรียนจึงกลายเป็นอุปสรรค์ความรักระหว่าง ‘อากิระ’ นักร้อง

นำาองค์หญิงของโรงเรียนชายล้วน และ ‘มิซิกิ’ มือกีตาร์เจ้าชาย

แห่งโรงเรียนสตรี

ย้อนกลับไปเมื่อ 1,800 ปีก่อน ประเทศจีนที่เต็มไปด้วยวีรบุรุษ ซึ่ง

ก็คือยุคแห่งสามก๊ก วีรบุรุษ เกียรติยศ ความรู้ มิตรสหาย เหล่า

วีรบุรุษมากมายทั่วผืนผ่านดินจีนต่างใช้ชีวิตตามอุดมการณ์ของ

ตน แต่วิญญาณของเหล่าวีรบุรุษเหล่านั้นหาได้สลายไปไม่ 2,000

ปีต่อมา ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของ TAO วิญญาณของเหล่าวีรบุรุษ

สามก๊กจึงคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และ ‘โทโดโรกิ รันชิโร่’ เด็กหนุ่ม

หัวหน้าแก๊งซึ่งมีอุดมการณ์เต็มเปลี่ยม ซึ่งในตัวเขาได้มีวิญญาณ

ของวีรบุรุษนามว่า ‘ซุนเซ็ก’

‘นานมาแล้วที่นี่มีพระเจ้าผู้มีโลหิตสีแดงอยู่ พระเจ้าผู้มีโลหิตสีแดง

ได้สร้างโลกใบนี้ มนุษย์อย่างพวกเราตลอดจนร่างจักรกลที่มีชีวิต

นอกจากนั้นสักวันหนึ่งท่านจะปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อช่วยให้พวกเรา

มนุษย์ผู้มีโลหิตสีดำาได้พบกับความสุข’ ณ โลกที่มีมนุษย์ต้องคอย

หวาดกลัวหุ่นยนต์ มีเพียงผู้พิทักษ์เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับหุ่น

ยนต์เหล่านั้นได้ แต่แล้ว ‘ชิโอะ’ ซึ่งได้สืบทอดการเป็นผู้พิทักษ์ต่อ

จากพ่อที่ได้เสียชีวิตจากการต่อสู้ ก็ได้พบกับเด็กสาวจากต่างโลกผู้

มีเลือดสีแดง

ตำารวจฝ่ายบัญชี ‘เซ็นคาว่า’ ซึ่งไม่มีมาดความเป็นตำารวจแม้แต่

น้อย ทั้งไม่สู้คน ดูเหลาะแหละ คอยเป็นเบ๊ให้แผนกอื่นๆ และก็

เป็นคนที่คอยดูแลตู้นิรภัยซึ่งใช้เก็บหลักฐานของกลางจากคดีต่างๆ

ตั้งแต่เงิน ของมีค่า ยาเสพติด วัตถุมีพิษ รวมถึงปืนที่ใช้ในคดีต่างๆ

แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งของเขาคือนักฆ่าไร้สังกัดมือพระกาฬฉายา ‘นัก

ฆ่าพันกระบอก’ คอยจัดการกับอาชญากรต่างๆ ทั้งถูกหมายหัว

จากตำารวจจนถึงแก๊งต่างๆ ในโลกเบื้องหลัง “ว่ากันว่า บุรุษผู้นั้นมี

ปืนนับพันกระบอก”

ทำ�นองรักจังหวะหัวใจ ภ�ค 2แนว: Fantasy-Comedyระดับผู้อ่�น:13 ปีขึ้นไป เรื่อง/ภ�พ:Mayu Shinjo

Blade ขุนศึกสะท้�นภพ แนว: Actionระดับผู้อ่�น:ทั่วไป เรื่อง/ภ�พ:Taiyou Makabe/Ryunosuke Ichikawa

WAQ WAQ มห�สงคร�มมิติพิสด�รแนว: Actionระดับผู้อ่�น:ทั่วไป เรื่อง/ภ�พ:Ryu Fujisaki

Dendrobates (เด็นโดรแบทส์) เพชฌฆ�ตสัญช�ติกบ แนว: Actionระดับผู้อ่�น:วัยรุ่นขึ้นไป เรื่อง/ภ�พ:Yoji Ishiwata / Akihiro Yamane

เรื่อง: ดุลยกฤศวร์ ภาณุเวศย์

DEX

หลังจากเหตุการณ์ในครั้งก่อนเวลาได้ผ่านไปหลายปี ‘ปิลาฟ’ ศัตรูเก่าของ ‘โกคู’ ได้มาตามหาดราก้อนบอลเพื่อจะ

โครงโลก แต่เมื่อเข้าไปยังห้องเก็บดราก้อนบอลกลับพบดราก้อนบอลสีดำาแทน ซึ่งปิลาฟก็ไม่รอช้าเรียกเทพมังกรออก

มาทันที โกคูรู้สึกตัวว่าท้องฟ้ามืดผิดปกติจึงตรงไปยังห้องเก็บดราก้อนบอล ทำาให้ปิลาฟตกใจพร้อมกับพูดว่า ถ้าโก

คูยังเด็กอยู่ตนสามารถจัดการได้แน่นอน เทพมังกรจึงนึกว่าเป็นการขอพรทำาให้โกคูกลับเป็นเด็กอีกครั้ง ก่อนที่ปิลาฟ

จะหนีไป หลังจากสอบถามจึงรู้ว่านี่เป็นดราก้อนบอลรุ่นแรก ซึ่งเมื่อใช้ดราก้อนบอลทั้ง 7 จะกระจายไปทั่วอวกาศ

และจะต้องนำากลับมารวมกันที่โลกใน 1 ปี มิฉะนั้นโลกจะพินาศ การเดินทางครั้งใหม่จึงเริ่มขึ้น

DRAGONBALL GT แนว: ต่อสู้ ผู้สร้�ง:Toei Animation

วันหนึ่ง โดราเอม่อนและโนบิตะ ได้เก็บรูปปั้นประหลาดที่หน้าตาเหมือนเขาทั้งสองคนได้ และในช่วงนั้นโนบิตะ

คิดว่าถ้าใช้เวทมนตร์ได้ก็คงจะดี จึงของร้องให้โดเรม่อนนำาตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างเปลี่ยนให้โลกกลายเป็นโลกเวทมนตร์

เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาโนบิตะได้มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็น ผู้คนสามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่โน

บิตะกลับใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซักอย่าง และแล้วโนบิตะก็ได้พบกับ ‘มิโยโกะ’ จึงรู้ถึงแผนการคุกคามโลกของเหล่า

ปีศาจ ทำาให้โนบิตะต้องการจะใช้ตู้โทรศำพท์ติ๊ต่างเปลี่ยนให้โลกกลับเป็นเหมือนเดิม แต่ทว่าแม่ของโนบิตะได้นำาตู้

ติ๊ต่างไปทำาลายทิ้งเสียแล้ว โดรเอม่อน โนบิตะ และเพื่อนๆ จึงต้องเข้ารวมการต่อสู้ในฐานะจอมเวททั้ง 7

โดร�เอมอน The Movie ตอน ตะลุยแดนปีศ�จ 7 ผู้วิเศษ แนว: Comedy Sci-Fiผู้สร้�ง:Yukiyo Teramoto

ณ ‘โดโมโตะ มิวสิค อคาเดมี่’ มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่ห้องซ้อมดนตรี ทำาให้มีนักเรียนเสียชีวิต 2 คน

และบาดเจ็บสาหัด 1 คน แต่ทว่ายังคนร้ายยังก่อคดีต่อเนื่อ ทำาให้มีผู้เสียชีวิตอีก 2 คน อีกทั้ง ‘อา

กิบะ เรย์โกะ’ นักร้องโซปราโนที่จะขึ้นร้องในคอนเสิร์ตเปิดมิวสิคฮอลล์ของโดโมโตะ ก็ถูกคนร้าย

หมายตาและลอบทำาร้าย ทำาให้ ‘เอโดงาวะ โคนัน’ หรือก็คือ ‘คุโด้ ชินอิจิ’ ต้องเข้ามาสืบคดีนี้ ‘ถึง

แม้จะตัวเล็กแต่สมองยังคงเดิม เป็นยอดนักสือสุดฉลาด … ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ’

Detective Conan The Movie 12 : Full Score of Fearแนว: สืบสวน สอบสวนผู้สร้�ง:Taiichiro Yamamoto

Page 10: Joys magazine volume B5

Char

acte

rs 18

Joys

ในช่วงเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนเริ่มให้ความสำาคัญ

กับกิจกรรมชมรมของนักเรียนภายในโรงเรียนมากขึ้น และชมรม Drawing แห่งนี้ก็เป็นชมรมหนึ่งที่มีความน่าสนใจและมีความแตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ ในเรื่องการจัดตั้งและบริหารชมรม ตรงที่นักเรียนจะเป็นผู้เสนอตั้งชมรมขึ้นมาเอง เป็นชมรมอิสระที่ตั้งอยู่นอกเวลาเรียน ไม่มีหน่วยกิตบังคับ โดยที่นักเรียนสามารถสังกัดได้มากกว่า 1 ชมรม หรือจะเลือกไม่สังกัดชมรมใดเลยก็ได้ แล้วแต่ความสนใจของนักเรียนว่าต้องการจะทำากิจกรรมใด โดยจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำาชมรมคอยประสานงานและช่วยเหลือในเรื่องสถานที่ และเรื่องป้ายประกาศ และรวมไปถึงการหาผู้สนับสนุนก็จะมีอาจารย์มาแนะนำาอีกด้วย

สำาหรับประวัติของการก่อตั้ง

ชมรม Drawing นั้นได้เริ่มมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 โดยรวบรวมนักเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1-ม.6 ที่มีความสนใจและความถนัดในการวาดการ์ตูนและใฃ้ฃื่อว่า “ชมรมอนิเมชั่น” หลังจากนั้นในปีการศึกษา 2551 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นชมรม Drawing โดยปีการศึกษานี้มี “ตรัยวิช สุริยมงคล” เป็นประธานชมรม และได้ทำากิจกรรมร่วมกับชมรมภาษาญี่ปุ่นในหลายครั้ง ซึ่ง “วิริยะ ตั้งปัญญาวงศ์ (วิน)” ได้เล่าเหตุผลถึงการที่มีการทำากิจกรรมร่วมกันระหว่าง 2 ชมรมเอาไว้เพราะความสนใจในเรื่องการ์ตูนที่จะใกล้เคียงกัน และอีกสาเหตุหนึ่งคือทางโรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนวิชาภาษาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปีการศึกษานี้

วินได้เล่าถึงความแตกต่างของ 2 ชมรมเอาไว้เพิ่มเติม “จะเป็นเรื่องสมาชิกที่แตกต่างกัน ปีนี้สมาชิกของชมรมเรามีทั้งหมด

58 คนและคนเข้ามาสมัครเยอะมากจนเต็มและต้องปิดรับสมัครไป ซึ่งสมาชิกของชมรมภาษาญี่ปุ่นจะอยู่ในระดับ ม.ต้นซะส่วนใหญ่ อาจจะเป็นทางเลือกของน้องเค้าที่จะทดลองความถนัดว่าเราควรจะเรียนภาษาญี่ปุ่นดีหรือไม่ ส่วน Drawing จะมีการเน้นไปในทางการวาดรูป ก็จะมีพี่ที่คอยแนะนำาการวาด ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นรูปการ์ตูนที่เป็นคน ก็จะเริ่มตั้งแต่การมีโครงร่าง หน้าตา แต่ว่าจะเน้นไปในตัวละครก่อน ยังไม่เน้น background ”

ในปีการศึกษาหน้า ทั้งชมรมวาดรูปและชมรมภาษาญี่ปุ่นมีแผนที่จะรวมเข้ามาอยู่ด้วยกัน และก่อตั้งเป็นชมรมการ์ตูนขึ้นมา “เนื่องจากว่า 2 ชมรมนี้ก็ชอบการ์ตูนเหมือนๆ กัน ปีนี้เราก็มีการนัดสังสรรค์ รวมตัว กิจกรรมงานโรงเรียนก็จะทำาร่วมกัน เช่นเป็นพวกซุ้มชมรมและเรื่องของการขอ Sponsor

เวลาใช้กิจกรรมก็จะเต็มที่มากครับ ก็จะตั้งชมรมการ์ตูนในปีการศึกษาหน้าให้เห็นเด่นชัดไปเลย จริงๆ การตั้งชมรมจะจัดสัปดาห์นำาเสนอชมรม ก็จะมีโต๊ะ มีบอร์ด โดยให้นักเรียนนำาเสนอผลงานของชมรมในปีก่อนๆ ก็ได้ หรือการคิดแผนงานของชมรมในปีถัดไปเพื่อที่จะรับนักเรียนเข้าสู่ชมรมครับ” วินกล่าว

วินได้ฝากปิดท้ายไว้สำาหรับคนที่สนใจจะติดต่อมายังชมรมของพวกเขา “ชมรมของพวกเราก็จะเปิดให้แลกเปลี่ยนกัน เข้ามาพูดคุยกันได้ ทุกคนเรารักการ์ตูน เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามีใครที่สนใจหรือช่วยเหลืออะไรก็ติดต่อมาได้เสมอครับ”

ติดต่อ ชุมนุม Drawing 35 ถ.ประมวญ สีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500

Joys

In School 19

© San-X Co., Ltd.

Bangkok Christian CollegeDrawing & Nihongo Club

ลองคิดดูเล่นๆ นะคะว่า ถ้าวันนึงเราสามารถเลี้ยงสัตว์ที่ปรกติตัวจะใหญ่ๆ จับมาย่อให้เล็กลงก็คงจะน่า

รักมิใช่น้อยเลยล่ะค่ะ หลายๆ คนก็คงจะแอบคิดอยู่ในใจเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้น San-X ก็คิดคาแรกเตอร์

แมวน้ำาที่ใครๆ หลายคนชอบมาย่อขนาดให้เหลือแค่ 12 เซ็นแล้วจับมาใส่ความน่ารักในโถเลี้ยงปลาซะเลย !

เจ้าแมวน้ำาแบบนี้มีชื่อว่า Mamegoma ถือกำาเนิดครั้งแรกเมืองเดือนพฤษภาคม ปี 2005 เป็นแมวน้ำาขนาด

12 เซ็นติเมตร น้ำาหนักก็อยู่ที่ 2 ขีด และสามารถอยู่ในโถเลี้ยงปลาได้ แค่เรามีน้ำาสะอาดๆ แล้วก็หย่อนน้ำาแข็งไป

สัก 2-3 ก้อนเท่านั้นเอง Mamegoma ถ้าจะมาแปลกันดีๆ Goma ก็แปลว่าแมวน้ำา ส่วน Mame ถ้าแปลตรงๆ ก็

แปลว่าถั่ว แต่ภาษาญี่ปุ่นเค้าจะใช้คำาว่า Mame เรียกชื่อของหรือ

สัตว์ที่มีสายพันธุ์ขนาดเล็กๆ ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าแปลรวมกัน

แล้วเรียกง่ายๆ ก็คือ “แมวน้ำาจิ๋ว” นั่นเองค่ะ

เดิมทีเดียว Mamegoma ทำาออกมาไว้สำาหรับเป็นตุ๊กตาที่

อยู่ในตู้เครนเกม UFO Catcher ไว้ให้มาหยอดเหรียญแล้วคีบกัน

แต่ด้วยความน่ารักของเจ้าแมวน้ำา ทำาให้หลายๆ คนติดอกติดใจ

จนถูกนำาไปผลิตเป็นสินค้าต่างๆ อีกมากมาย และที่ตามมาก็คือ

แมวน้ำาอีกหลากหลายสีออกมาเป็นขโยงตามสูตรที่เห็นกันด้าน

ล่างเลย ทั้ง Pandagoma, Shiogoma, Kurogoma, Amagoma, Benigoma, Shimagoma แค่ไล่ชื่อก็เหนื่อย

แล้ว = o =” แต่ถ้าจะนึกถึงตัวหลักๆ เลยก็ต้องเป็นแมวน้ำาที่ชื่อ Gomao เป็นสายพันธุ์ Shirogoma หรือแมวน้ำา

ขาว ที่ชอบกินถั่วแระญี่ปุ่น (Edamame) ที่สุดนั่นเองค่ะ

นอกจากที่เราจะเห็นแมวน้ำามาว่ายๆ มาเดินเล่นๆ แล้ว San-X ยังเล่าเรื่องของเจ้าแมวน้ำาจิ๋วออกมาเป็น

ไดอารี่ด้วย เรื่องมันมีอยู่ว่าคนเลี้ยงเค้าได้ไปเจอแมวน้ำาจิ๋วใน Petshop ก็เลยซื้อมาเลี้ยง แล้วเราก็ได้รู้อะไรอีก

หลายอย่าง เช่นถ้าเราจับเอาเจ้าแมวน้ำาไปไว้ในแก้ว ผลสุดท้ายเค้าจะติดอยู่ในแก้ว (เพื่ออะไร = =”) แถมค้นพบ

ว่าเจ้าแมวน้ำาตัวลายๆ (Shimagoma) ชอบกินชีส หลายตัวชอบกินนมถั่วเหลือง แถมบางวันก็ยังปีนออกมาได้ด้วย

และสำาหรับปีนี้ เจ้า Mamegoma ก็มีอนิเมชั่นของตัวเองเป็นครั้งแรกด้วย โดยออกอากาศที่ญี่ปุ่นครั้งแรก

เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมานี่เอง โดยว่ากันตามเนื้อเรื่อง พลพรรคแมวน้ำาจะมาอาศัยอยู่ที่บ้านของครอบครัว

Mamekawa เพื่อมาเป็นสัตว์เลี้ยง (ป่วนๆ) ของครอบครัวนี้ค่ะ

ตอนนี้เรายังไม่ค่อยเห็น Mamegoma ในไทยเท่าไหร่ แตถ้าใครชอบก็พอหาได้ตามแหล่งร้านขายกิฟท์ช๊อป

ทั้งหลายได้ตามสะดวกเลยค่ะ

Page 11: Joys magazine volume B5

Short Literature 21

ผมตัดสินใจแล้วว่าจะลาออก

ความคิดของผมมันเริ่มมาจากฟังเพลง โฮมซิก ของ คิง ออฟ คอนวีเนี่ยน เสียงเพลงล่องลอย ไหลเข้าหูซ้ายแล้วผ่านไปหาขวา ผ่านการประมวลในสมองแล้วแปลออกมาได้ว่า

“ทุกๆ วัน เด็กผู้ชายในกระจกเงา ถามฉันว่า นายมาทำาอะไรอยู่ที่นี่?”

เพราะเนื้อเพลงท่อนนี้ละมั้งทำาให้ผม เริ่มมองเห็น และคุยกับเขา คุยกับเด็กผู้ชายคนนั้นที่ผมเห็นในกระจกเงา การสนทนาของเราเริ่มไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มันเริ่มมาจากการพูดคุยที่กระท่อนกระแท่นแล้วจับใจความไม่ค่อยจะได้ ด้วยความที่เราฟังกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แล้วคืนหนึ่งที่เด็กผู้ชายคนนั้นพูดได้ชัดเจนขึ้น และผมเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เขาบอก

“นายกำาลังทำาอะไรอยู่เนี่ย?” เด็กผู้ชายคนนั้นเริ่มต้นบทสนทนาครั้งนี้ของเราด้วยคำาถาม พร้อมจ้องผมด้วยดวงตากลมโต มันมีแววตาประกายวิบวับอยู่ในนั้นเกินกว่าผมจะหยั่งถึงว่าเขาคิดอะไรในก้อนสมอง“ทำางานไง” ผมตอบอย่างแบบไม่ได้คิด“แต่นายไม่ได้ชอบงานนี้นี่” เด็กผู้ชายคนนั้นบอกผม ด้วยดวงตาสดใสดวงเดิมที่เจือแววตางุนงงสงสัยสนเท่ห์กับสิ่งที่ผมทำา“อือ กะใช่” ผมเว้นวรรคจุดบุหรี่สูบนิ่งเนิ่นนาน เด็กผู้ชายเริ่มอุดจมูกและไอเบาๆ“แต่ว่า... บางครั้งคนเรามันก็ต้องเลือกระหว่างการวิ่งเข้าหางานที่ได้เงินเร็วที่สุด ดีกว่าจะนั่งรอเวลากับสิ่งที่ไม่แน่นอนในอนาคตว่าไม่รู้จะ

ได้งานในแบบที่เราชอบหรือเปล่า” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับดีดขี้บุหรี่กระเด็นกระดอนลงไปในท่อระบายน้ำาที่ราสีดำาจับเขรอะขระที่ข้างตัว“แต่ถ้านายได้ทำางานที่ชอบ นายจะมีความสุขกว่านี้...” เด็กน้อยเริ่มฝัน ผมคิดในใจ“แต่ก็ไม่มีกิน” ผมพูดแทรกขึ้นมา“เลิกฝันได้แล้วไอ้หนู ความฝันกินไม่ได้ ความสุขของนายอาจจะทำาให้พ่อกับแม่ไม่สบายใจ, นายไม่เคยรู้ใช่ไหม” ผมร่ายยาว เด็กชายได้แต่นิ่งเงียบงันเกาคางอย่างครุ่นคิด ฟังผม พล่าม พล่าม พล่าม อยู่ฝ่ายเดียว“ถ้าเช่นนั้นมันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้, ถูกต้องไหม?” เด็กชายเริ่มต้นด้วยประโยคบอกเล่าแล้วจบด้วยประโยคคำาถาม“อือ” ผมผงกศรีษะเห็นด้วย ทุกคำาถามมีคำาตอบมากกว่าหนึ่งเสมอ ผมคิดในใจ“แต่ก็....... ยังไงหล่ะ” ผมถามกลับใส่เด็กชาย“ไม่รู้ซิ, ยังคิดไม่ออก ยังไม่มีความคิด ยังไม่รู้สึกถึงทางออก” นายล่ะ“ เช่นกัน” ผมว่า “แต่ยังไง..... เอาไว้คุยกันวันหลังละกัน วันนี้ง่วงแล้ว คิดไม่ออก แถมพรุ่งนี้ต้องทำางานแต่เช้า” ผมสรุปจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น เด็กชายพยักหน้า แล้วเขาก็จางหายไป หายไปเหมือนกับ เวลาที่คุณเป่าลมหายใจใส่กระจก จนเกิดเป็นฝ้า แล้วฝ้าบางนั้นค่อยๆ จางลง

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ ปลุกผมให้ลุกขึ้นในตอนเช้า, เจ็ด

โมงตรง ผมหยิบมือถือมาดู ผมว่าผู้คนทั่วไปในเมืองใหญ่แห่งนี้ก็คงก็คงจะคล้ายๆกัน ตั้งใจอย่างขยัน แต่กระทำาอย่างขี้เกียจ ผมหยิบโทรศัพท์มากดปิดเสียง แล้วนอนต่ออย่างงุนง่วง แต่แล้วผมก็สะดุ้งลุกขึ้นกระเด้งออกจากเตียงนอน ลำาตัวเกร็ง ปากคอร้อนผ่าว ในหัวสับสนอลอึง แล้วก้าวเท้ารีบวิ่งเข้าห้องน้ำา ระยะทางช่างเนิ่นนาน หากแต่ความจริงเป็นเพียงแค่ไม่กี่ก้าวย่างจากเตียงนอน ผมเปิดประตูห้องน้ำาแล้วหันหน้าไปทางโถส้วม คุกเข่าลงกับพื้นห้องน้ำา แล้วโก่งคอ น้ำาหน้ำาตาไหล เส้นเลือดบนหน้าผากโปนปูด หน้าแดงเหมือนกับมะเขือเทศสุก ลำาคอรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกำาลังจะเดินทางออกมา

สิ่งที่ผ่านริมฝีปากผมออกมา นั้นมีลักษณะเหมือนขนจับตัวกันเป็นก้อนกลม ใหญ่ขนาดไข่ไก่เกรดเอ ผมสำารอกเอาเจ้าก้อนขนออกมาทิ้งไว้ในโถอุจจาระ พร้อมกับวางแขนทั้งสองข้างไขว้ทับ พร้อมกับซบหน้าลงไปอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วนี่มันห่ะอะไรกัน หรืออาจจะเป็นบทสรุปจากบทสนทนาของผมกับเด็กชายในกระจกเมื่อคืน? แล้วมันมีความหมายว่ายังไงกัน กับไอ้ก้อนขนเท่าไข่ไก่ มันจะเป็นคำาตอบให้ผมได้ยังไง?

ผมค่อยๆ เหลือบตามองผ่านท่อนแขน ก้อนขน ก้อนนั้นค่อยคลายตัว กระจายออก แล้วค่อยๆ ซีดลงๆ จนกลายเป็นสีขาวแล้วค่อยจางลงหายไป เหมือนกับมันละลายหายกลายเป็นส่วนหนึ่งกับน้ำาในคอห่าน ขั้นตอนทั้งหมดกินเวลาไม่ถึง 5 นาที ผมมองอย่างสนเท่ห์ พลันคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าต่อตานับจากวินาทีนี้ต่อไปมันคงกลายเป็นเรื่องเล่าเหนือจริงอีกหนึ่งเรื่องบนโลก ผมจึงคิดปกปิดไม่เล่าเอยกล่าวขานให้ผู้ใดฟัง

ผมอาบน้ำาเหมือนทุกๆ วัน แต่งตัวเหมือนทุกๆ วัน เดินทางเหมือนทุกๆ วัน และ ถึงที่ทำางานเหมือนทุกๆ วัน เมื่อถึงที่ทำางาน ทักทายผู้คนในออฟฟิตเหมือนทุกๆ วัน นั่งทำางานเหมือนทุกๆ วัน ลูกค้างี่เง่าทู้ซี่ เหมือนทุกๆ วัน บ่นก่นด่าลูกค้ากับเพื่อนร่วมงานเหมือนทุกๆ วัน เดินลงไปกินอาหารกลางวันเหมือนทุกๆ วัน ในละแวกร้านแถบเดิมทุกๆ วัน เมนูของทุกร้านซ้ำาเดิมทุกๆ วัน เดินไปกินกาแฟเหมือนทุกๆ วัน เดินไปร้านหนังสือเหมือนทุกๆ วัน บนแผงหนังสือมีนิตยสารหน้าตาหลากหลาย เนื้อหาเหมือนๆ กัน ทุกๆ วัน เดินออกจากร้านหนังสือ เพื่อที่จะ เดินกลับสำานักงานเหมือนทุกๆ วัน นั่งทำางาน เอื่อยเฉี่อย จนดึกดื่นทุกๆ วัน เดินทางกลับที่พักทุกๆ วัน อาบน้ำาก่อนเข้านอนเหมือนทุกๆ วัน นอนหลับเหมือนทุกๆ วัน และ ฝันเรื่องเดิมซ้ำาๆ กันเหมือนทุกๆ วัน

หรีอมนุษยชาติจะถึงกาลแตกดับแล้ว?

คืนนี่ผมเฝ้ารอจะคุยกับเด็กชายในกระจกเงาอย่างใจจดจ่อ รอถามคำาถามที่ผมคิดว่า ไม่มีทางหาคำาตอบได้ที่ไหน หากแต่คงจะหาได้จากเด็กชายในกระจกเงา ตีหนึ่ง กับอีก ห้านาที ผมยืนแปรงฟันหน้ากระจกเงาบานใหญ่เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ห้วงนิทราหลับใหล

พลันกระจกก็เริ่มจับตัวเป็นฝ้าสีดำา ภาพเด็กชายเริ่มปรากฎ วันนี้เด็กชายดูแปลกไป ดวงตาสองข้างของเขาดูไม่เท่ากัน หรือว่าผมพึ่งจะสังเกตเห็นมันกันแน่ ผมยังแปรงฟันต่อไป ป่วยการที่จะเอื้อนเอ่ยประโยคระหว่างมีแปรงสีฟันอยู่ในปาก พูดไปก็คงไม่รู้เรื่อง ให้เด็กชายเป็นผู้เปิดการสนทนาในครั้งนี้จะดีกว่า

“ก้อนความฝันไงหล่ะ” เด็กชายเริ่ม“มันยังมีอีกแยะเลยน่ะอยู่ตรงนี้” เด็กชายชี้ไปที่หัวขมับซีกซ้ายของตัวเอง ข้างที่นัยน์ตาของเขาเล็กว่าอีกข้างผมหยุดแปรงฟัน ก้มลงกลั้วคอด้วยน้ำาก็อกแล้วแล้วบ้วนน้ำาล้างคอลงในอ่างล้างหน้า“แล้วมันออกมาได้ไง?” ผมถาม“ไม่รู้เหมือนกัน, มันตัวนายนี่ ถามฉันทำาไม?” เด็กชายตอบ ผมเชื่อเขา“มันก็ตัวนายเหมือนกัน ถ้าไม่มีชั้น ก็ไม่มีนาย, รู้ใช่ไหม?” ผมถามกลับพร้อมกับเสียบเก็บแปรงสีฟันลงในแก้วน้ำา “เรื่องนั้นอาจเป็นได้” เด็กชายรับคำา“เอาละ สิ่งแรกที่เราสองคนควรจะหาคำาตอบคือ ไอ้ก้อนความฝันมันหลุดออกมาข้างนอกได้ยังไง?”เด็กชายเหลือบมองแว่บนึง ก่อนจะก้มหน้า“มันควรอยู่ในตัวฉันจริงไหม?, เพราะมันเป็นของๆ เราทั้งคู่นี่หว่า”

เด็กชายมองหน้า“ของเราทั้งคู่เหรอ?” เด็กชายถาม“ฉันนึกว่าเป็นของฉันคนเดียวซะอีก” เด็กชายหยุดพูดพร้อมกับหันหน้ามองมาที่ผม“ยอมรับเถอะว่านายทิ้งมันไปนานแล้ว” เด็กชายพูดต่อ

ผมหยุดคิดเนิ่นนาน เด็กชายหายไปจากกระจกแล้ว และ คืนนั้นผมฝันเป็นครั้งแรกในรอบปีครึ่งตั้งแต่ทำางานมา ผมจับใจความในความฝันนั้นไม่ได้ มันมั่วซั่วเหมือนรายการลดราคา 70% ของสินค้าตามห้าง ผมจำาอะไรไม่ได้ นอกจากรู้ว่าผมฝันอีกครั้ง

เช้ารุ่งขึ้นผมขอเข้าพบผู้จัดการ.......

เรื่อง: ธนรัตน์ อำาพล ภาพ: ธัญนุช อาชวนิยุต

Joys

ในกระจกเงาเด็กชาย

มันก็ตัวนายเหมือนกัน ถ้าไม่มีชั้น ก็ไม่มีนาย, รู้ใช่ไหม?

Page 12: Joys magazine volume B5

Book Review 231984: จอร์จ ออร์เวล แปล: รัศมี เผ่าทองเหลือง, อำานวยชัย

ปฏิพัทธ์เผ่าพงษ์ สำานักพิมพ์สมมติ

คุณคิดว่างานเขียน หรือนวนิยายที่จะสามารถยืนหยัดดำารงตำาแหน่ง “อมตะ” ได้นั้น เป็นแบบใด?

แน่นอนว่าแต่ละเรื่อง มีเนื้อหา และข้อความที่ต้องการจะสื่อไปถึงผู้อ่านแตกต่างกัน บ้างก็ว่าด้วยชีวิตที่ไร้หนทางแต่ต้องสู้ต่อไป บ้างก็ว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านแห่งวัย บ้างก็ว่าด้วยภาพรวมแห่งสังคมในยุคนั้นๆ บ้างก็วิพากษ์สภาวะธรรมชาติของมนุษย์อย่างเผ็ดร้อน แต่ก็ไม่มีเล่มไหน ที่จะโหดเหี้ยม และอำามหิตกรีดใจคนอ่านให้ตายทั้งเป็น เท่ากับเล่มนี้....

…..กรุงลอนดอน ปี 1984 สภาพบ้านเมืองไร้ความเจริญ เศษซากปรักหักพังตกค้างจากศตวรรษที่ 19 ยังคงหลงเหลือให้เห็นราวกับป้ายประจานความอัปยศที่ไม่อาจลบล้าง ชีวิตของวินสตัน สมิธ ช่างผ่านไปอย่างซังกะตายยิ่งนัก….

......ภายในห้องพักแสนน่าสังเวช เขากระดกเหล้ายินกลิ่นเลวร้ายบัดซบลงคอ มือจรดปากกา

กับสมุดจด เขียนหลบให้พ้นจาก ‘โทรภาพ’ ของพรรค ที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของประชาชนทุกคน....

......เขาทำางานในกระทรวงแห่งความจริง ผู้จัดการ ‘แก้ไข และชำาระประวัติศาสตร์’ ให้เหมาะสมตามที่พรรคและ ‘พี่เบิ้ม (Big Brother)’ เห็นควรจะเป็น เพื่อการสนับสนุนพรรค และทวีปโอชันเนีย ไปสู่จุดสูงสุด ท่ามกลางวันเวลาที่เลื่อนลอย อาหารบูดเน่า ข้าวของเครื่องใช้ขาดแคลน เพลงปลุกใจรักชาติอย่างบ้าคลั่ง ยังคงถูกประโคมโหมกระหน่ำา ระดมความเกลียดชังของผู้คนทั้งหมดไปที่ยูเรเซีย และอีสเตเซีย สอง

ทวีปคู่แค้นของโอชันเนีย ตลอดเช้าค่ำา.....

…..ผู้เห็นต่าง แม้เพียงสีหน้าและแววตา ถูกกวาดล้าง กำาจัด และทำาให้ ‘หายไป’ โดยตำารวจความคิด (Thought Police) อย่างรวดเร็ว ระเหยราวกับไอน้ำา ......

.....วินสตัน สมิธ ยังคงพยายามเรียบเรียงความคิดในหัวให้ออกมาเป็นประโยค เขารู้สึกขัดเคือง ไม่พอใจ ผิดที่ทาง แต่ก็ยากนักที่จะหาคำาไหนที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งให้ไปสู่ ‘อดีต’ ของตน กับความคิดอันเป็น ‘กบฏ’ ต่อระบบของเขา…..

ทั้งหมด เป็นเพียงบางส่วนของเรื่องราวใน “1984 หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่” วาทกรรมแห่งอุดมคติล่มสลาย (Dystopia) อันเป็นอมตะนิยายของจอร์จ ออร์เวล ผู้เขียน ‘รัฐสัตว์ (Animal Farm)’ อันลือลั่น ที่สะท้อนภาพของโลกภายใต้การปกครองเผด็จการเบ็ดเสร็จ

สำาหรับ 1984 เล่มนี้ อาจจะกล่าวได้ว่ามีคุณสมบัติที่ครบพร้อมสำาหรับการเป็น ‘นวนิยายอมตะ’ ได้โดยไม่ยาก ออร์เวลเขียนมันเสร็จ

และตีพิมพ์ในปี 1949 แต่สามารถบอกกล่าวถึงสภาวะที่จะเกิดขึ้นในโลกและการเมืองได้ล่วงหน้า ตรง และแรงอย่างไม่ไว้หน้าใคร ด้วยภาพของสังคมเผด็จการเบ็ดเสร็จ และแนวความคิดที่ว่าด้วย ‘การควบคุมคำา’ อันจะนำาไปสู่ ‘การควบคุมความคิด’ ที่ถือได้ว่าล้ำาสมัยมากๆ ในช่วงเวลานั้น

ในตอนนี้ เราอาจจะก้าวห่างจากปี 1984 มานับสิบๆปี หลายคนอาจจะกล่าวว่า ออร์เวลกังวลจนเกินไป ปี 1984 ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คาดคิด กำาแพงเบอร์ลินถูกทลาย คอมมิวนิสต์ล่มสลาย เศรษฐกิจเปิดเสรี

จริงหรือ?

แน่นอน เราอาจจะไม่ได้มี ‘โทรภาพ’ ที่จดจ้องการกระทำาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เราไม่ต้องต่อแถวซื้อสตูว์ห่วยๆ ข้าวของไม่ได้ขาดแคลน แต่ความคิดและการกระทำาของเราก็ถูกจำากัดด้วยสื่อต่างๆ ที่ประโคมกระหน่ำาไม่ขาดสาย ความขัดแย้งของอุดมการณ์ ความคิด ทัศนคติ ยังคงขมึงตึงและยากแก่การถอยหลังไปสู่มูลเหตุปัจจัยเบื้องต้น ความเหลื่อมล้ำาทางชนชั้นถ่างกว้างออกไป และเส้นแบ่งถูกผิดขาวดำาก็เลือนลางเกินทน วันนี้เป็นศัตรู พรุ่งนี้จับมือเป็นพันธมิตร หมุนเวียนไม่สิ้นสุด

1984....ทศวรรษแห่งอำานาจไม่เคยหายไปไหน..... และหนังสือเล่มนี้ก็คือประกาศกแห่งหายนะ.... คือความสิ้นหวัง.....

ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ มันคงจะดี ถ้าเราจะลองพิจารณาหยิบ “1984” ขึ้นมาอ่านกันอีกสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อให้แน่ใจ ว่า “ถ้าใครคิดจะควบคุมความเป็นตัวเราให้อยู่ในกำามือ เราก็น่าจะพอเหลือ ‘สมอง’ กับ ‘หัวใจ’ ที่เป็นอิสระอยู่ดังเดิมนั่นล่ะครับ….”

Joys

เรื่อง: สุกฤษฎิ์ บูรณสรรค์

Mov

ie Re

view 22

อภิมหาภาพยนตร์แอ็คชันฟอร์มยักษ์ ที่จะนำาคุณสู่ต้นกำาเนิดแห่งสงครามเผ่าพันธุ์อมนุษย์พันปี!!

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เป็นเวลาถึงหกปีเต็มแล้ว ที่ Underworld สุดยอดภาพยนตร์แอ็คชันฟอร์มยักษ์ ด้วยเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์อมนุษย์ แวมไพร์กับมนุษย์

หมาป่า สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยภาพและวิชช่วลเอฟเฟกต์อันแสนตระการตา พร้อมเนื้อหาที่เข้มข้นเร้าใจ มาในปี 2009 กับภาคที่สาม ก็พร้อมแล้วที่จะนำา

คุณไปสู่ปฐมบทที่เป็นดั่งจุดเริ่มแห่งมหาสงครามพันปี กับ Underworld : Rise of the Lycan

ใน Underworld : Rise of the Lycan นี้ จะดำาเนินเนื้อหาในช่วงยุคกลาง ที่ซึ่งลูเชียน (รับบทโดย ไมเคิล ชีน) ทาสมนุษย์หมาป่าหนุ่ม ต้องต่อสู้หาทาง

ปลดแอกเพื่อนมนุษย์หมาป่าให้พ้นจากความเป็นทาสของเหล่าแวมไพร์ขุนนางที่ปกครองโดยวิกเตอร์ (บิล ไนก์ฮี กลับมารับบทอีกครั้ง) องค์ราชันย์แห่งแวมไพร์

โดยมีเรซ สหายและมือขวาคู่ใจอยู่เคียงข้าง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะคนรักกับซอนญ่า (รับบทโดยโรนา มิตรา ดาราสาวจาก

Doomsday) แวมไพร์มือพิฆาต และลูกสาวของวิกเตอร์ อันจะนำาลูเชียนไปสู่โศกนาฏกรรมความรัก ความแค้น และจุดเริ่มต้นแห่งสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่

ฟาดฟันพิฆาตกันในอีกพันปีให้หลัง

ในล่าสุดนี้ แม้จะเปลี่ยนตัวผู้กำากับเป็น Patrick Tatopaulos แต่ Len Wiseman ผู้กำากับจากสองภาคแรกก็ยังคงเป็นโปรดิวเซอร์หลักควบคุมทุกขั้นตอน รวม

ถึงงานภาพที่อึมครึมคงสไตล์แห่งซีรีส์ และวิชชวลเอฟเฟกต์สุดตระการตาก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน

ร่วมเป็นหนึ่งในสักขีพยานปฐมบทแห่งมหาสงครามพันปีของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ไม่นานเกินรอ 6 กุมภาพันธ์ นี้

Page 13: Joys magazine volume B5

The Phuphu 25

ก่อนอื่นใดก็ต้องกราบสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่าน

...ไม่ว่าจะทั้งขาเก่า ขาใหม่ ขาประจำา หรือขาจรอรอนงค์ถ้วน

ทั่วทุกครัวเรือน ภายหลังจากที่คอลัมน์นี้ห่างหายไปจากสายตา

ทุกท่านถึงหนึ่งฉบับ ถึงตอนนี้เมื่อดวงชีวียังมิแคล้วคลาด ผมก็

ไม่พลาดที่จะกลับมาฟาดอักษรลง Joys ให้ทุกท่านได้อ่านกัน

อีกครั้ง และที่พลาดพลั้งหายหน้าหูตาจมูกปากไปนี่ ไม่ใช่ว่าไป

อู้งานอะไรที่ไหน แต่ก็เนื่องมาจากปัญหาสุขภาพรุมเร้าจนกิน

ไม่ได้ นอนไม่หลับ ตับไม่ทำางาน สมองพิการเป็นช่วง ๆ ทำาให้

โผล่มาอีกทีก็เป็นฉบับวารดิถีขึ้นปีใหม่กับเดือนมกราคมอัน

สดใสไปกับปีฉลู ที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นฉลูบ้าหรือฉลูธรรมดากัน

แน่ด้วยประการฉะนี้

แต่ที่แน่ ๆ อาหารจานหลักของฉบับนี้ก็คือ “งาน

การ์ตูน” ซึ่งเราได้พูดกันไปแล้วถึงเรื่องของงานการ์ตูนในไทย

ว่ามีอะไรในงานการ์ตูนกันบ้าง และถ้าจำาไม่ผิดงานการ์ตูนใน

ไทยนี่จัดกันมานานพอสมควรและมีมากมายหลากหลายงาน

แต่ที่คุ้นหูคุ้นตาผมหน่อยก็คงจะเป็นงาน CP หรือ Comic

Party (ซึ่งเป็นคนละเจ้ากับบริษัท CP ที่ผลิตไข่ไก่ส่งขายเซ

เว่นฯ) แต่ก็แอบมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ สิ่งที่จะต้องพบใน

งานแน่นอนนั่นก็คือ ผลงานอันสดใหม่จากฟาร์ม(กลุ่มโดจิน)

อันเป็นผลผลิตของเกษตรกร(นักวาดชาวการ์ตูน)ทุกท่านที่คัด

สรร(และรีบปั่น)กันมาอย่างดีเยี่ยม โดยภายในงานนอกจาก

มีการขายของสดแล้ว ก็ยังมีของแห้งด้วย ของแห้งในที่นี้คือ

ของเหลือค้างปีนั่นเอง แต่เนื่องจากโดจินดี ๆ ย่อมไม่มีระบุ

วันหมดอายุ จึงสามารถนำากลับมาขายได้ใหม่ได้เรื่อย ๆ ตราบ

เท่าที่ตลาดผู้อ่านยังต้องการ และนอกจากโดจินหรือการ์ตูน

ที่เป็นดาวเด่นของงานแล้วก็ยังมีอย่างอื่นมากมายภายในงาน

การ์ตูน ทั้งงานคอนเสิร์ต งานประกวดนู้นนั่นนี่ จนนึกว่าที่นี่

เขามีจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี ดังนั้นนี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์

ของงานการ์ตูนในไทย ก็คือว่าจะคล้าย “งานเลี้ยงรุ่น” เพราะ

ว่ามีตั้งแต่รุ่นใหญ่หัวใจอามุโร่ซึ่งเป็นพระเอกกันดั้มภาคแรก

ไปจนถึงรุ่นใหม่ฝักใฝ่ทีเอเรีย (!?) จากกันดั้มภาคไข่แฝดในยุค

ปัจจุบัน ได้มาพบปะเจอหน้ากันแบบตัวเป็น ๆ ลูบได้ จับได้ ให้

หายคิดถึง

ทีนี้เนี่ย...คนการ์ตูนเราก็มีอยู่ทั่วแคว้นแดนสยาม งาน

การ์ตูนจึงไม่ได้จำากัดอยู่ในกรุงเทพที่เดียวอีกต่อไป เพราะกลุ่ม

ชนคนการ์ตูนทุกท่าน ก็มีกันอยู่ถ้วนทั่วทุกจังหวัดทุกภาคทั่ว

ประเทศ เลยเกิดงานการ์ตูนส่วนท้องถิ่นขึ้นมา (หรือเรียกสั้น

ๆ ว่า งกท.) อย่างที่เชียงใหม่ก็มีงาน “Chiang Mai Cartoon

& Animation” ที่จัดโดย CCC ที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับ eeePC

แต่เขามีชื่อเต็มว่า “กลุ่มรักการ์ตูนเชียงใหม่’51” เอ้ย!! “กลุ่ม

การ์ตูนเชียงใหม่” (ทุกคนอย่าโกรธนา...ผมแค่ล้อเล่น ^^”) ที่

ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานการ์ตูนนี้ ให้ไฮโซล้านนาได้ไปรื่น

เริงลัลล้าท้าลมหนาวกันตามประสาชาวการ์ตูน โดยนับตั้งแต่ปี

’45 ก็จัดมาแล้วถึง 7 ครั้ง 7 ครา ...เรียกว่างานนี้ชาวเหนือเขา

ก็ไม่น้อยหน้าคนกรุงเทพเหมือนกันเน้อเจ้า!!

พอถึงตรงนี้... เมื่อทุกท่านได้อ่านบทสัมภาษณ์และ

เรื่องราวของงานการ์ตูนจากปากของตัวจริงเสียงจริงกันมาแล้ว

ก็มาถึงทีของตัวปลอมเสียงสังเคราะห์กันบ้าง เอาเป็นว่าถ้า

ตัวผมเองได้มีโอกาสในชาติภพนี้ก่อนที่จะกลายไปเป็นสัมภเว

สี ผมก็อยากมีส่วนร่วมในการจัดงานการ์ตูนกับเค้าเหมือน

กัน งานนี้ถ้าโชคดีอาจจะมีคนเข้าร่วมล้นเป็นข้าวหลามแตก

บ้องก็ได้ โดยก่อนอื่นก็ต้องตั้งชื่องานให้เท่ห์ ๆ ว่า “The

Melancholy of Thailand Anime Comic Cosplay

Game and Figure : Sayonara Zetsubou Party of

the Rebellion 00” หรือถ้าเอาไปย่อสั้น ๆ เหลือติ๊ดเดียว

ก็คือ TMTACCGF : SZPR00 (แล้วอ่านว่าไงล่ะเนี่ย!?) โดย

งานนี้จะมีทุกอย่างเกี่ยวกับการ์ตูน..เรียกว่าครบครัน และที่

สำาคัญคือจะชวนภาครัฐมาเป็นเจ้าภาพร่วมเป็นครั้งแรกอีก

ด้วย โดยที่เล็งไว้ว่าต้องขอให้จัดมาหนัก ๆ ก็คือกระทรวง

วัฒนธรรม เพราะกระทรวงนี้เดิมทีก็มีความสัมพันธ์อันแนบ

แน่นต่อวงการการ์ตูนอยู่แล้ว (!!?) เสียดายว่าจะเชิญรายการ

หลุมดำามาด้วย ถ้าไม่ติดว่าเขาเลิกทำาแล้วน่ะนะ โดยตอน

แรกสถานที่จัดก็คิดว่าจะเป็นศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่

คิดอีกทีก็ขอไปจัดอิมแพคเมืองทองธานีเลยดีกว่า โดยเราจะ

จัดกันเต็ม 7 วันยันรุ่งสาง และคนต่างจังหวัดเราก็จะจัดรถ

โดยสารที่มีคนขับเป็นโชเฟอร์รถร่วมฯตีนผี ขี่รถทัวร์เพนท์

รายการ์ตูนญี่ปุ่นบูด ๆ เบี้ยว ๆ ไปรับ-ไปส่งทุกท่านถึงขนส่ง

ประจำาจังหวัด (ถ้า..มันไปถึงที่หมายโดยดีล่ะก็นะ?)

ส่วนในงานนั้นแม้หลัก ๆ ก็จะมีการขายการ์ตูน

ขายโดจินชิเหมือนงานทั่วไป แต่เรามีมากกว่านั้น คือเราจะ

มีชิงช้า Oh! นางฟ้าสวรรค์ ,เกมสาวคอสฯตกน้ำา ,Initial D

ดริฟท์ไต่ถัง โดยมีธีมอารมณ์เหมือนงานวัด เพื่อความเป็น

กันเองของพี่น้องชาวการ์ตูนทั่วไทย อีกทั้งบนเวทียังมีการ

ประกวดธิดาคอสเพลย์ แบ่งเป็นอาทิเช่น รางวัลออฟชั่นอลัง

การบานเบอะเยอะเกินความจำาเป็นยอดเยี่ยม ,รางวัลขวัญใจ

สื่อมวลชน ,รางวัลขวัญใจทรชน ,รางวัลคอสฯเสื่อมยอด

เยี่ยม ,รางวัลสิ้นหวังยอดเยี่ยม ฯลฯ ส่วน Gamer Zone

เราจะมีการแข่งเกมจีบสาวโลก (Bishoujo Game World

Championship) เป็นครั้งแรก!! โดยแข่งแบบ “Bad End.”

แพ้ออก พร้อมดาราดังมาร้องเพลงการ์ตูนอย่างคับคั่ง เช่น

โปงลางสะออน มาร้องเพลงเปิด Code Geass , จินตหรา

พูนลาภ ในเพลง God know… และพลาดไม่ได้กับวงคารา

บาว ในเพลงชินจังจอมแก่น พร้อมแจกซีดีเพลงประกอบ

Macross Frontier เวอร์ชั่น cover โดยคณะดนตรีลูกทุ่ง

เสียงอีสาน และอีกสารพัดจะจัดหนักให้ทุกท่านได้รู้สึกคึกคัก

ลักลั่นย้อยแย้งกันยันจบงาน ปิดท้ายด้วยอลังการงานสร้างที่

เราผนึกกำาลังร่วมกับทางญี่ปุ่นโดยการฉาย “จ๊ะทิงจา” ตอน

พิเศษที่สร้างโดยทีมงาน GAINAX ในชื่อตอนว่า “The End

of JaThingJa” (จบกันทีนะ...จ๊ะทิงจา) ฉบับหนังโรงที่ฉายที่

ไทยที่เดียว ...เพราะที่อื่นเขาไม่กล้าฉาย

ทั้งนี้ Circle ใดสนใจที่จะร่วมงาน กรุณาสั่งจอง

ศาลาล่วงหน้าได้ที่ tmtaccgfdzpr00@ฮ้อนเมล์.com

สำาหรับวันนี้...สวัสดีราตรีสวัสดิ์ครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุข

เหมือนได้กลิ่นมาม่าหมูสับรับปีฉลูหูร้อน!!

Joys

TMTACCGF : SZPR00 Event

Page 14: Joys magazine volume B5

Onlin

e Gam

e 26

ดูเหมือนว่านอกจากเกาหลีแล้ว ประเทศอย่างจีนแผ่นดินใหญ่เองก็มุ่งหมายที่จะเข้าร่วมชิงความเป็นเจ้าแห่งโลกเกมออนไลน์ ด้วยทีม Beijing

Perfect World ที่ส่งสองสุดยอดเกมออนไลน์อย่าง Perfect World และ Wulin2 ออกมาประชัน มาในคราวนี้ พวกเขาก็ขอใช้วัตถุดิบที่เป็น

เอกลักษณ์ของประเทศอย่างโลกแห่งจอมยุทธ์กำาลังภายใน ให้มาโลดแล่นใน Zhu Xian Online กันแล้วในขณะนี้

สำาหรับ Zhu Xian Online นี้ จะอิงพื้นหลังในโลกแห่งวิทยายุทธ์กำาลังภายใน ด้วยการสับประยุทธ์ระหว่างยอดฝีมือและเหล่าปิศาจในตำานาน

ด้วยกราฟิกสวยงามที่ใช้เอนจิ้นเดียวกันกับเกม Perfect World และระบบการเล่นที่กระชับเรียบง่าย แต่หลากสไตล์ และได้อารมณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น

อันเป็นผลจากการที่ทาง Beijing Perfect World จับเอาข้อเสียของสองเกมก่อนหน้านั้นมาปรับปรุง

ในขณะนี้ Zhu Xian Online พร้อมแล้วที่จะเปิด Open Beta ในวันนี้ ซึ่งก็ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวงจริงๆ ครับ

Joys

Zhuxian

Page 15: Joys magazine volume B5

Toys & Goods 29

อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ทุกคนต้องเคยเล่นเกม Monopoly หรือว่าชื่อไทยที่คุ้นหูกันทุกคน

ว่า “เกมเศรษฐี” ที่เป็นเกมซื้อขายที่ดินและคอยเก็บค่าเช่า ซึ่งทุกวันนี้นอกจากเกมกระดานแล้ว เรา

ยังสามารถเล่นเกมเศรษฐีได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ เกมคอมพิวเตอร์

บนเครื่องเล่นเกมทั้ง Playstation 3, Xbox 360, WII หรือแม้กระทั่งใน iPod ที่มีความแตกต่างของ

วิธีการเล่นหลากหลายรูปแบบที่มีสีสันและกราฟฟิคที่ตื่นตาตื่นใจ ด้วยเหตุนี้เกมเศรษฐีที่เป็นรูปแบบ

คลาสสิคแบบเกมกระดานเองก็เดินเข้าสู่ยุคของการเล่นที่จะไม่ใช้ธนบัตรอีกต่อไป แต่จะหันมาใช้ Credit

Card แทน กับ Monopoly Here & Now: The World Edition ที่พึ่งเริ่มจำาหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 26

สิงหาคม พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมาใน 50 ประเทศและ 37 ภาษาทั่วโลก

สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดที่สุดของเกมเศรษฐีรุ่นล่าสุด คือการที่ผู้เล่นไม่ต้องใช้ธนบัตรใน

การเล่น ซื้อขายที่ดินและประมูลกันในเกมอีกต่อไป โดยผู้เล่นจะมีบัตรเครดิตคนละใบ ที่จะให้ผู้คุม

เงิน (Banker) หรือตนเองนั้นกดสั่งซื้อผ่านเครื่องรับบัตรเครดิตแบบดิจิตอล ที่จะมีตัวเลขให้กดและทำา

ธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในเกมแทน และจุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือมูลค่าของที่ดินและสถานที่

ต่างๆ นั้นจะสอดคล้องกับมูลค่าตามจริงในโลกปัจจุบันซึ่งใช้กันขั้นต่ำาเป็นหลักแสนหลักล้านดอลล่าร์

และภาพกราฟฟิคนั้นจะเป็นภาพถ่ายของสถานที่ในปัจจุบัน

สำาหรับรุ่น World Edition จะมีความพิเศษเพิ่มเติมโดยมีการสุ่มตัวเดินมาให้ในกล่อง 6 แบบ

จากทั้งหมด 24 แบบ ซึ่งตัวเดินเหล่านั้นจะเป็นสัญลักษณ์สำาคัญของประเทศต่างๆ เช่นกังหันลมของ

เนเธอร์แลนด์ หรือซูโม่ของญี่ปุ่น เป็นต้น โดยเมืองมอนทรีอัลเป็นเมืองที่มีราคาที่ดินในกระดานแพง

ที่สุดในรุ่น World Editionผ่านการโหวตจากคนทั่วโลกที่คัดเลือก 22 เมืองทั่วโลกใน website ของ

monopoly และนอกจากนั้นในการ์ดโอกาสต่างๆ ก็จะมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและการ

ท่องเที่ยวจากทั่วโลก เช่นคาร์นิวัลที่ริโอ เดอ จาเนโร หรือแม้กระทั่งบ้านและโรงแรมก็จะมีการสะท้อน

เอกลักษณ์จากทั้ง 7 ทวีป

Monopoly Here & Now: The World Edition ปัจจุบันวางจำาหน่ายแล้วที่ร้านทอยส์ อาร์

อัส ทุกสาขาใน 2 รูปแบบคือกล่องปกติ ราคา 2,590 บาท และกล่องพลาสติกแข็งแบบกระเป๋าหิ้ว ราคา

2,990 บาท นอกจากนั้นแล้วยังมีการจำาหน่าย Monopoly ในรุ่นที่น่าสนใจอีกนับสิบแบบ โดยบริษัท ที

เอส ไลฟ์สไตล์ จำากัด แต่เพียงผู้เดียว Joys

Event ScheduleEvent - February 09

มาเขียนเรื่องสั้นลงจอยส์กันเถอะ !นิตยสารจอยส์ เปิดรับเรื่องสั้นจบในตอน ความยาว 2-3 หน้ากระดาษ A4 จากบุคคลทั่วไป มีเนื้อหาและตัวละครที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ เรื่องสั้นที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละเดือนจะถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสารจอยส์พร้อมรับของขวัญจากทีมงาน สามารถส่งเรื่องได้ที่ [email protected]

February 14Thaniya Cosplay Party # 3Path of loveอาคารธนิยะพลาซ่า BTS Wing

http://thaniyacosplayparty.exteen.com

Joysmagazineสนใจโฆษณา ติดต่อ 0-2539-7078, 084-082-3342

Joysmagazineสนใจโฆษณา

ติดต่อ 0-2539-7078

084-082-3342MONOPOLY

Page 16: Joys magazine volume B5

Enjoy

s Life

30

PÀ LUNK‘นัยรัตน์ วสุวิชัยรัตน์’ เจ้าของร้านตัดเสื้อ “อรพรรณ” ในย่านประตูน้ำาซอย 4 เธออาจจะไม่ใช่เจ้าของห้องเสื้อที่โด่งดัง แต่สำาหรับนักคอสเพลย์แล้ว เธอเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ ‘ป้าลั้ง’ ที่เหล่านักคอสเพลย์นิยมใช้บริการตัดชุดเพื่อใช้คอสเพลย์ตลอดระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา จนอาจกล่าวได้ว่า เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงามและสีสันของงานการ์ตูนในประเทศไทยได้อีกคนหนึ่ง

ชุดการ์ตูนมันยาก บางทีขาดโบว์ขาดอะไรก็หาผ้าทำาให้เค้า แต่ละชุดไม่มีง่ายหรอกนอกจากชุดนักเรียน บางทีขาดเข็มขัด ขาดโอบิ ซึ่งมันทำายากมาก ชุดยังไม่เท่าไหร่ บางตัวเข็มขัด 3 เส้น ชุดนึง 4 ตัว มันทำายาก แต่เราก็ต้องทำาจนเสร็จ ไม่เสร็จเด็กก็ใส่ไม่ได้ บางครั้งเราทำาไม่เสร็จตามเวลาก็รู้สึกโมโหตัวเอง บางชุดทำายากเราก็คิดแพง ถึงเวลาจริงๆ แล้วบางทีเราสงสารเด็กเพราะเราก็รู้ว่าเด็กบางคนไม่ค่อยจะมีตังค์ ก็ลดลงมาอีก ทั้งที่บางทีมันก็ไม่ได้คุ้มเท่าไหร่ แต่เวลาเด็กมาถึงแล้วบอก “อุ้ย! ป้า เหมือนนะ” เด็กใส่แล้วมันเหมือนไง เราก็มีความสุขตรงนี้

Joys

ภาพ:

ดุลย

กฤศว

ร์ ภา

ณุเว

ศย์