Upload
eisquare-publishing
View
47
Download
5
Embed Size (px)
Citation preview
การลดเวลานำและต้นทุนที่ไม่เพิ่มคุณค่า 295
บทที่ 9
การลดเวลานำและต้นทุนที่ไม่เพิ่มคุณค่า
ภาพรวม
วัตถุประสงค์ของเครื่องมือเหล่านี้
• เพื่อขจัดขีดจำกัดด้านกำลังการผลิตในกระบวนการ
- ช่วยให้แน่ใจว่ากระบวนการสามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้
• เพื่อลดเวลานำและต้นทุนของกระบวนการ
- ขจัดต้นทุนที่ไม่เพิ่มคุณค่าและความสูญเปล่า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
และความสามารถในการสร้างผลกำไรของกระบวนการ Copyri
ghted
Mate
rial o
f E.I.S
QUARE PUBLIS
HING
296 เครื่องมือ Lean Six Sigma
การตัดสินใจเลือกเครื่องมือที่จะใช้งาน
ทบทวน แนวคิดและนิยามพื้นฐานของลีน (หน้า 299) จากนั้น:
• หาว่าเวลาถูกใช้ไปอย่างไรและในที่ใดในกระบวนการ:
- บ่งชี้ขั้นตอนกระบวนการว่าเพิ่มคุณค่าหรือไม่เพิ่มคุณค่า (ในสายตา
ของลูกค้า) ดูบทที่ 3 หน้า 83
- คำนวณเวลานำรวม (Total Lead Time) ของกระบวนการ (หรือที่รู้จัก
ในชื่อรอบเวลาของกระบวนการ) หน้า 302
- หาอตัราการเสรจ็สิน้เฉลีย่ทีต่อ้งการ (Desired Average Completion
Rate) (อัตราอุปสงค์ของลูกค้า หรืออัตรา Takt) หน้า 299
- คำนวณประสทิธภิาพรอบของกระบวนการ (Process Cycle Efficiency)
หน้า 301
- หาและวัดค่ากับดักเวลา (Time Trap) และขีดจำกัดด้านกำลังการ
ผลิต (Capacity Constraints) หน้า 303-307
- คำนวณเวลาหมนุเวยีนของสถานงีาน (Workstation Turnover Time)
หน้า 302
• ผนวกข้อมูลเข้าไปในแผนผังสายธารคุณค่าของคุณ (บทที่ 3 หน้า 74)
การเลือกเครื่องมือหรือวิธีการเพื่อปรับปรุงการไหลและความเร็วของกระบวน-
การจะขึ้นอยู่กับประเภทของปัญหาที่คุณพบหลังจากเขียนผังสายธารคุณค่า (VSM)
เสร็จสิ้น
1. กระบวนการผลิตมากเกินไปเมื่อเทียบกับอุปสงค์ของลูกค้า
• นำระบบการเติมเต็มด้วยการดึงมาใช้ เพื่อเชื่อมโยงเอาต์พุตเข้ากับ
อุปสงค์ของลูกค้าโดยตรง (ร่วมกับระบบดึงแบบทั่วไป) (หน้า 316)
- คำนวณและปรับขนาดชุด (Batch) เพื่อพิจารณาขนาดชุดขั้นต่ำที่เป็น
ไปได้เพื่อสนองอุปสงค์ของลูกค้า (หน้า 329)
Copyri
ghted
Mate
rial o
f E.I.S
QUARE PUBLIS
HING
การลดเวลานำและต้นทุนที่ไม่เพิ่มคุณค่า 297
2. กระบวนการผลิตไม่มากพอเมื่อเทียบกับอุปสงค์ของลูกค้า
• จู่โจมขีดจำกัดด้านกำลังการผลิต เน้นไปที่การกำจัดงานที่ไม่เพิ่ม
คุณค่าผ่านทางการลดความแปรผัน (ดูบทที่ 7 และใช้เครื่องมือที่อธิบาย
ในบทนี้:
- ลดการปรับตั้งเครื่องจักร การบำรุงรักษาทวีผลแบบทุกคนมีส่วนร่วม
(Total Productive Maintenance) การป้องกันความผิดพลาด การ
สร้างสมดุลให้กระบวนการ
3. กระบวนการสามารถตอบสนองอุปสงค์ลูกค้าได้ แต่มีเวลานำรวม
ยาวนานและมีต้นทุนโสหุ้ยสูง
• ใช้ 5ส. เพื่อปรับปรุงความสะอาดและจัดระเบียบพื้นที่ทำงาน (หน้า 307)
นี่เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ควรใช้ในพื้นที่ทำงานทุกที่
• นำระบบดึงแบบทั่วไปมาใช้งาน เพื่อสร้างเสถียรภาพ แล้วจึงลดจำนวน
“สิ่งที่อยู่ระหว่างกระบวนการ” ซึ่งจะลดเวลานำรวมเพื่อให้การปรับปรุง
อื่นๆ ที่ตามมาได้รับผลสูงสุด (หน้า 316)
• ลดขนาดชุด (Batch Size) มาที่ขนาดชุดขั้นต่ำที่เป็นไปได้สำหรับ
ตัวแปรของกระบวนการที่สนใจ (หน้า 329)
• นำเทคนิคปรับปรุงของ Lean และ Six Sigma มาใช้กับกับดักเวลาตามที่ จำเป็น ตามลำดับของกับดักที่ก่อให้เกิดความล่าช้ามากที่สุดไปถึงน้อย
ที่สุด
- ถ้ากับดักเวลาเป็นขั้นตอนที่ไม่เพิ่มคุณค่า (หน้า 83) ให้ขจัดให้
หมดไป
- ถ้าเวลาการปรับตั้งหรือการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเป็นประเด็นปัญหา
ให้นำวิธีการปรับตั้งแบบด่วน 4 ขั้นตอน (Four Step Rapid Setup
Method) (หน้า 330)
- ถ้าเวลาที่เครื่องจักรหยุดทำงานเป็นปัญหา ให้ใช้การบำรุงรักษาทวี-
ผลแบบทุกคนมีส่วนร่วม (หน้า 338)
Copyri
ghted
Mate
rial o
f E.I.S
QUARE PUBLIS
HING
298 เครื่องมือ Lean Six Sigma
- ถา้ของเสยีทำใหต้อ้งทำงานซำ้ ดกูารปอ้งกนัความผดิพลาด (Mistake
Proofing หรือ Poka-Yoke ฯลฯ) (หน้า 343)
- ถ้าภาระงานของขั้นตอนกระบวนการไม่คงที่ ให้ใช้หลักการสมดุล
กระบวนการ (Process Balancing) เพื่อย้ายงานไปมา (หน้า 345)
- ถ้าอุปสงค์มีความแปรผัน ให้คำนวณสินค้าคงคลังสำรอง (Safety
Stock) (หน้า 323)
- ถ้ามีความแปรผันมากเกินไป ให้ทบทวน บทที่ 7
4. ขั้นตอนกระบวนการมีภาระงานไม่สมดุลกันทำให้แรงงานขาด
ประสิทธิภาพ
• ใช้ การสมดุลกระบวนการ (หน้า 345)
5. กระบวนการเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายข้อมูล/วัสดุเป็นปริมาณมาก;
การไหลของกระบวนการขาดประสิทธิภาพ
• ใชก้ารปรบัปรงุการไหลของกระบวนการเพือ่ลดระยะทางและเวลาระหวา่ง ขั้นตอนกระบวนการ ดูผังกระบวนการ (Process Maps) ใน บทที่ 3
หรือ การทำให้เซลล์การทำงานมีความเหมาะสมที่สุด (Work Cell
Optimization) (หน้า 346)
6. การไหลของกระบวนการมีประสิทธิภาพ แต่มีเวลาที่ไม่เพิ่มคุณค่า
มากเกินไป
• ใช้การวิเคราะห์เวลาเพิ่มคุณค่า (บทที่ 3 หน้า 83) เพื่อชี้และวัด
ค่าเวลาที่ไม่เพิ่มคุณค่าในขั้นตอนกระบวนการ แล้วจึงใช้วิธีของลีนและ
Six Sigma ตามท่ีจำเป็นเพื่อนำวิธีการแก้ไขมาใช้งาน
เมื่อคุณได้นำการปรับปรุงเหล่านี้มาใช้งานแล้ว ให้ใช้การควบคุมกระบวนการ
ด้วยสายตา (Visual Process Controls) (หน้า 350) เพื่อรักษาผลการปรับปรุงที่ได้
เอาไว้
Copyri
ghted
Mate
rial o
f E.I.S
QUARE PUBLIS
HING