Upload
koranis-jittamai
View
238
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
Â
Citation preview
จริงหรือที่เค้าว่า....เกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานไทย
เค้าบอกว่า...
ทำ ไม?
ท่ามกลางเสียงลือ... ข้อสงสัย...คำาถามมากมายเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานไทย
...พบความจริง และคำาตอบที่จะช่วยไขข้อข้องใจ
เพื่อความเข้าใจอย่างแท้จริง
จริงหรือ
ปัญหาด้านพลังงานของไทย 5
สาเหตุที่ทำาให้ไทยมีปัญหาด้านพลังงาน 6
แนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานในประเทศไทย 7
วิธีปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาด้านพลังงาน 8
สถานการณ์พลังงาน 9
ศักยภาพพลังงาน 16
ราคาพลังงาน 27
ระบบสัมปทาน 33
Contentsสารบัญ
1 ประเทศไทยต้องนำาเข้าพลังงาน (ใช้มากกว่าผลิตได้)
2 มูลค่านำาเข้าพลังงานทุกประเภท (มากกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี)
ปัญหาด้านพลังงานของไทย
5
สาเหตุที่ทำาให้ไทยมีปัญหาด้านพลังงาน
1 ศักยภาพปิโตรเลียมไม่มาก
2 การใช้พลังงานด้อยประสิทธิภาพ
3 การบริหารจัดการขาดการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
4 การกำาหนดนโยบายพลังงานที่ชัดเจนและปฏิบัติต่อเนื่องในทุกระดับ
6
แนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานในประเทศไทย
1 ผลักดันการสำารวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมในประเทศให้เต็มศักยภาพ
2 สนับสนุนให้บริษัทสำารวจและผลิตปิโตรเลียมของไทยไปลงทุน และเป็นเจ้าของทรัพยากรในต่างประเทศ
3 ใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ
4 ใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกที่สามารถจัดหา ได้ภายในประเทศ
5 เสริมสร้างระบบการบริหารจัดการในด้านต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ (ระบบสัมปทาน การกำากับดูแล โครงสร้างภาษี ราคาขายส่ง และราคาขายปลีก สภาพการแข่งขัน)
7
วิธีปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาด้านพลังงาน1 ระบบสัมปทานที่มีเงื่อนไขสมดุล
2 กำากับการสำารวจพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมให้มีความต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูงสุด
3 สนับสนุนบริษัทน้ำามันของชาติให้เข้มแข็งไปหาปิโตรเลียมทั่วโลก
4 พัฒนาระบบขนส่งมวลชน ระบบราง ระบบท่อ เพื่อให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
5 จัดทำาโครงการส่งเสริมประหยัดพลังงาน
6 ส่งเสริมการดำาเนินธุรกิจปิโตรเลียมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
7 กำาหนดนโยบายเชื้อเพลิงที่ชัดเจน เพื่อสนับสนุนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก
8 กำาหนดโครงสร้างภาษีและกองทุนน้ำามันเพื่อให้ผู้บริโภคในปัจจุบัน ร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายในการเตรียมการในอนาคต
9 สนับสนุนให้องค์กรกำากับดูแลสามารถทำาหน้าที่ได้อย่างเป็นอิสระตรวจสอบได้
10 เผยแพร่ข้อมูลอย่างถูกต้องและโปร่งใส สร้างความรู้ ความเข้าใจด้านพลังงานให้กับประชาชน
8
จริงหรือ? ไทยมีก๊าซธรรมชาติเยอะ ทำาไมต้องนำาเข้าอีก
สถานการณ์พลังงาน
9
ความจริงก็คนไทยใช้ ก๊าซธรรมชาต ิมากกว่าที่ผลิตได้เอง เราใช้ 100%หาได้เอง 80% อีก 20% เราก็ต้องนำาเข้าส ิ(รวมมูลค่าการนำาเข้าก๊าซแอลพีจี)
10
ณ สิ้นปี 2556 ประเทศไทยมีปริมาณสำารองก๊าซธรรมชาติพิสูจน์แล้ว ประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.15% ของโลก)ถือว่ามีปริมาณไม่มาก จัดอยู่ในอันดับ 40 ของโลก และผลิตได้วันละ ประมาณ 4 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (อันดับ 22 ของโลก) แต่กลับใช้มากกว่าที่ผลิตได้ คือวันละ 5 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (อันดับที่ 15 ของโลก) ทำาให้ต้องนำาเข้า ก๊าซแอลเอ็นจี (LNG) ก๊าซแอลพีจี (LPG)รวมถึงก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาร์ คิดเป็นมูลค่าการนำาเข้าก๊าซธรรมชาติ ประมาณ 147,000 ล้านบาท
จริงหรือ? พลังงานจะเหลือใช้อีก แค่ 7ปี ทำาให้คนกลัวไปทำาไม? ชอบขู่กันจัง
11
ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ค้นพบและพิสูจน์แล้วมีให้ใช้ไปอีกแค่ 7 ปี ถ้าผลิตเท่าเดิมและไม่ลงทุนสำารวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม
ความจริง
ถ้าไม่หาเพิ่ม7ปี หมดแน่
จำานวนปีที่ประเทศจะเหลือก๊าซธรรมชาติไว้ใช้ คิดจากการนำาปริมาณสำารองที่พิสูจน์แล้วว่ามีความมั่นใจ 90% (ประมาณ 8.4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต) หารด้วยปริมาณที่ผลิตขึ้นมาใช้ต่อปี (1.2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต) ผลลัพธ์คือ 7 จึงเห็นได้ว่าหากไทยยังผลิตก๊าซฯเท่าเดิมและไม่สำารวจเพิ่ม จะมีก๊าซธรรมชาติให้ใช้ได้อีกเพียง 7 ปีเท่านั้น ทั้งนี้ การเจาะสำารวจพบปิโตรเลียมจนถึงวันที่เริ่มผลิตขึ้นมาใช้ได้ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ดังนั้นต้องรีบดำาเนินการสำารวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม ก่อนที่ประเทศจะเกิดปัญหาวิกฤติพลังงาน
12
จริงหรือ? ที่บอกว่าไทยมีน้ำามันน้อย แล้วทำาไมยังส่งออก
ทั้งน้ำามันดิบและน้ำามันสำาเร็จรูป
13
ความจริงไทยส่งออกน้ำามันดิบเพียง 5% เท่านั้น เพราะคุณภาพไม่เหมาะกับโรงกลั่นของไทยถ้าฝืนกลั่นไป โรงกลั่นจะเสียหายมหาศาล
ปัจจุบัน ไทยผลิตน้ำามันดิบได้เองประมาณ 149,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้ำามันดิบที่ผลิตได้เองนี้มีการส่งออกประมาณ 26,000 บาร์เรลต่อวันเนื่องจากเป็นน้ำามันดิบที่คุณภาพไม่เหมาะสมกับโรงกลั่นของไทย เช่น ให้ผลิตภัณฑ์น้ำามันสำาเร็จรูปในสัดส่วนที่ไม่เหมาะกับความต้องการใช้ภายในประเทศ โรงกลั่นไม่มีอุปกรณ์กลั่นที่สามารถแยกสารเจือปนที่มากับน้ำามันดิบที่ผลิตในประเทศ เป็นต้น
14
ความจริงไทยส่งออก น้ำามันสำาเร็จรูป เพราะน้ำามันดิบ (ที่นำาเข้ามากลั่น) จะได้น้ำามันสำาเร็จรูปหลายชนิด บางชนิดใช้หมด บางชนิดใช้ไม่หมด จึงต้องส่งออก
น้ำามันดิบที่ได้ทั้งจากการนำาเข้าและการผลิตในประเทศเฉลี่ยวันละ 1.1 ล้านบาร์เรลนั้น จะถูกส่งเข้าโรงกลั่นน้ำามัน โดยใช้กำาลังการกลั่นให้เต็มประสิทธิภาพเพื่อกลั่นออกมาเป็นน้ำามันสำาเร็จรูปหลายชนิด (เบนซิน ดีเซล น้ำามันเตา น้ำามันอากาศยาน ฯลฯ) ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ซึ่งบางชนิดได้เกินความต้องการใช้ภายในประเทศ จึงต้องมีการส่งออก
15
ศักยภาพพลังงาน
เมืองไทยมีน้ำามันและก๊าซธรรมชาติมากมายมหาศาลเหมือนซาอุฯ
จริงหรือ?
16
ความจริงไทยมีน้ำามันเป็นอันดับ 48 ของโลก (0.03% ของโลก)แต่ซาอุฯมีมากกว่าไทย
500เท่ามีมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
ประเทศไทยมีปริมาณสำารองน้ำามันและคอนเดนเสทพิสูจน์แล้วที่ความเชื่อมั่น 90% ประมาณ 460 ล้านบาร์เรล คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.03% หรืออันดับที่ 48 ของโลก ขณะที่ซาอุดิอาระเบียมีปริมาณสำารองน้ำามันและคอนเดนเสทพิสูจน์แล้วประมาณ 266,000 ล้านบาร์เรล คิดเป็นสัดส่วน 16% หรืออันดับที่ 2 ของโลก
17
ความจริงไทยมีก๊าซธรรมชาติไม่มาก โดยมีปริมาณก๊าซเป็นอันดับที่ 40 ของโลก แต่ซาอุฯมีมากกว่าไทยถึง
29 เท่ามีมากเป็นอันดับ 5 ของโลก
ประเทศไทยมีปริมาณสำารองก๊าซธรรมชาติพิสูจน์แล้วที่ความเชื่อมั่น 90% ประมาณ 8.4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.15% หรือ อันดับที่ 40 ของโลก ขณะที่ซาอุดิอาระเบียมีปริมาณสำารองก๊าซธรรมชาติพิสูจน์แล้ว ประมาณ 290 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต คิดเป็นสัดส่วน 4.3% หรืออันดับที่ 5 ของโลก
18
* ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ประเทศไทยมีแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียมไม่มาก ปัจจุบันจึงต้องนำาเข้าพลังงานทุกรูปแบบ คิดเป็นจำานวนเงินนำาเข้าพลังงานสุทธิกว่าปีละ 1.4 ล้านล้านบาทถ้าเทียบกับการส่งออกข้าว กว่าเราจะหาเงิน
ได้ 1.4 ล้านล้านบาท ต้องส่งออกข้าวถึง 16 ปีเลยนะ*
ความจริง
เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้พลังงานทุกประเภทของคนไทยที่ประมาณ 2 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำามันดิบต่อวันกับอัตราการผลิตปิโตรเลียมในประเทศประมาณ 0.9 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำามันดิบต่อวันแล้ว เราสามารถสรุปได้ว่าคนไทยหาปิโตรเลียมได้เองแค่ 40% ของความต้องการใช้พลังงานในแต่ละวัน ทำาให้ประเทศต้องสูญเสียเงินเพื่อนำาเข้าพลังงานทุกประเภทให้คนในประเทศมีใช้อย่างเพียงพอ เฉพาะปี 2556 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 1.4 ล้านล้านบาท หรือเทียบได้กับมูลค่าการส่งออกข้าวของไทยรวมกันถึง 16 ปี
19
*ข้อมูลอัตราส่วนประมาณการ **รวมมูลค่าการนำาเข้า LPG แหล่งข้อมูล: กระทรวงพลังงาน
ประเทศไทยต้องนำ�เข้าพลังงานทุกประเภท
ในปี 2556 ไทยนำาเข้าน้ำามันดิบ 85% ถ่านหิน/ลิกไนต์ 70% ก๊าซธรรมชาติ 20% น้ำามันสำาเร็จรูป 10% และไฟฟ้า 4% รวมมูลค่าการนำาเข้าพลังงาน ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
20
แอ่งสะสมตะกอนมีอยู่ทั่วประเทศ ทำาไมชอบอ้างว่าไม่มีน้ำามันและก๊าซ
จริงหรือ?
21
แอ่งสะสมตะกอนทุกแอ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะมีน้ำามันและก๊าซธรรมชาตินะจ๊ะ
ใช่ว่า แอ่งสะสมตะกอนทุกแอ่งจะมีน้ำามัน และก๊าซธรรมชาตินะ
ความจริง
ประเทศไทยมีศักยภาพปิโตรเลียมไม่มาก แอ่งสะสมตะกอนที่กระจัดกระจายอยู่ไม่ใช่แหล่งปิโตรเลียม เพราะการเป็นแหล่งปิโตรเลียมได้ต้องมีองค์ประกอบ 5 ประการ คือ มีหินต้นกำาเนิด (Source Rock) การเคลื่อนที่ (Migration) หินกักเก็บ (Reservoir Rock) โครงสร้างกักเก็บ (Trap) และหินปิดกั้น (Cap Rock) การยืนยันปริมาณปิโตรเลียมที่ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีในแอ่งสะสมตะกอนนั้น จะต้องอาศัยข้อมูลจากการสำารวจทางธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ การเจาะหลุมสำารวจและหลุมประเมินผล ซึ่งผลที่ได้อาจไม่มีปิโตรเลียมอยู่เลย หรือมีน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม หรือมีในปริมาณที่ไม่คุ้มทุนต่อการพัฒนาและผลิตภายใต้สภาพเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน
22
เมืองไทย เจาะตรงไหนก็เจอก๊าซ เจอน้ำามัน
จริงหรือ?
23
เมืองไทย เจาะหลุมสำารวจน้ำามันและก๊าซ 10 หลุม มีโอกาสเจอแค่ 1 หลุม
ความจริง
จากสถิติจำานวนหลุมสำารวจที่เจาะทั่วประเทศระหว่างปี 2552 – 2554 จำานวน 70 หลุม มีหลุมที่พบปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์เพียง 7 หลุม แสดงว่าโอกาสการเจาะและพบปิโตรเลียมของไทยมีเพียง 10% โดยบริเวณที่สำารวจพบ จะต้องเจาะหลุมผลิตอีกหลายหลุม เนื่องจากโครงสร้างทางธรณีวิทยาของไทยเป็นกระเปาะเล็กๆ อยู่กระจัดกระจาย ส่งผลให้ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตปิโตรเลียมสูงขึ้นตามไปด้วย
24
มาเลเซียมีแหล่งน้ำามันตั้งเยอะ ประเทศเราอยู่ติดกับเค้า สภาพภูมิประเทศก็เหมือนกัน
แล้วยังอ้างว่าไม่มีแหล่งน้ำามันเท่าเค้า
จริงหรือ?
25
ไทยและมาเลเซียอยู่ติดกันก็จริง แต่มสีภาพทางธรณีวิทยาต่างกันมีศักยภาพปิโตรเลียมต่างกัน จึงพบแหล่งน้ำามันในมาเลเซียมากกว่าไทยขนาดลาวอยู่ติดกับไทยยังไม่พบน้ำามันเลย
ความจริง
การกล่าวอ้างว่าพื้นที่นอกชายฝั่งด้านอ่าวไทยของไทยและมาเลเซียมีแอ่งตะกอนและแหล่งปิโตรเลียมแบบเดียวกันนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด เห็นได้จากผลจากศึกษาของสำานักงานธรณีวิทยาของอเมริกา ซึ่งระบุว่าแอ่งสะสมตะกอนมาเลเซียที่มีอาณาเขตต่อเนื่องขึ้นมาถึงอ่าวไทยตอนล่างนั้นเป็นคนละแอ่งตะกอนกับอ่าวไทยตอนบน และแอ่งตะกอนในอ่าวไทยส่วนใหญ่เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นแหล่งน้ำามัน
26
ราคาน้ำามันไทยแพง เพราะต้องอ้างอิงราคาสิงคโปร์ แล้วทำาไมต้องอ้างอิงด้วยล่ะ
ราคาพลังงาน
จริงหรือ?
27
สิงคโปร์เป็นตลาดกลางซ้ือขายน้ำามัน ทุกประเทศในเอเชียก็อ้างอิงราคาสิงคโปร์กันท้ังน้ัน
เหมือนการซ้ือขายทอง ก็ต้องอ้างอิงราคาฮ่องกงเป็นหลัก
ความจริง
ราคาน้ำามันในเอเชียส่วนใหญ่จะอ้างอิงกับราคาน้ำามันดูไบและมีสิงคโปร์เป็นตลาดกลาง ดังนั้น ถึงแม้ดูไบจะเป็นน้ำามันตะวันออกกลาง แต่ตลาดซื้อขายหลักในเอเชียคือสิงคโปร์ ไทยจึงอ้างอิงราคาตลาดสิงคโปร์ ส่วนราคาขายจริงสำาหรับแต่ละประเทศจะแตกต่างกันตามค่าขนส่งไปยังประเทศนั้นๆ สิงคโปร์มีค่าขนส่งมายังไทยต่ำาที่สุด ดังนั้น การอ้างอิงราคาตลาดสิงคโปร์จึงทำาให้ต้นทุนเนื้อน้ำามันของไทยต่ำาที่สุด
ซ้ือขายราคากลางกันท้ังน้ัน
28
คนไทยซื้อน้ำามันและก๊าซราคาแพงกว่าหลายประเทศ
จริงหรือ?
29
ต้นทุนเนื้อน้ำามันสำาเร็จรูปใกล้เคียงกัน แต่ราคาขายต่างกันที่
ภาษีและกองทุนน้ำามัน
ราคาน้ำามันเบนซิน 95 ที่สิงคโปร์แพงกว่าไทย แต่ที่มาเลเซียถูกเพราะมีรัฐอุดหนุน
ความจริง
ราคาน้ำามันของประเทศส่วนใหญ่อ้างอิงราคาตลาดโลก (สิงคโปร์ ลอนดอน และอื่นๆ) เหมือนกัน แต่การที่ราคาขายปลีกในแต่ละประเทศแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอัตราการเก็บภาษี เงินส่งเข้ากองทุนน้ำามัน และนโยบายการอุดหนุนราคาพลังงานของแต่ละประเทศ สำาหรับประเทศไทย หากดูเฉพาะราคาเนื้อน้ำามันก็ไม่ได้แตกต่างจากมาเลเซียมากนัก แต่ราคาขายปลีกของมาเลเซียต่ำากว่าไทย เพราะรัฐบาลมาเลเซียนำาเงินมาช่วยอุดหนุนราคาพลังงานเกือบ 5.5 บาทต่อลิตร แต่ในประเทศไทย จะต้องเสียภาษีและจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำามันรวมกว่า 19 บาทต่อลิตรเลยทีเดียว
30
37.57
55.25
17.68
25.77
44.86
19.09
25.70
19.82
5.48
,
,
ราคาขายปลีกราคาขายปลีก
ราคาขายปลีก
ราคา พฤษภาคม 2557
ขึ้นราคาก๊าซLPG มีแต่เดือดร้อนกันหมด
จริงหรือ?
31
การตรึงราคา ก๊าซLPG สิ จะทำาให้เราเดือดร้อนกันหมด
แล้วแบบนี้ เราจะทนแบกต่อไปอีกกี่ปี
ความจริง
ปัจจุบันราคา LPG ของไทยต่ำากว่าราคาจริงในตลาดโลกมาก เป็นการขายแบบขาดทุนโดยต้องนำาเงินจากกองทุนน้ำามันซึ่งเก็บจากผู้ใช้น้ำามันมาชดเชยส่วนเกินดังกล่าวให้ผู้ใช้ LPG ได้ใช้ในราคาถูก นอกจากนี้ การกำาหนดราคาที่ต่ำากว่าตลาดและต่ำากว่าประเทศเพื่อนบ้านยังทำาให้เกิดการลักลอบนำา LPG ไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกลับกลายเป็นว่าประเทศเพื่อนบ้านได้รับประโยชน์จากเงินชดเชยที่ผู้ใช้น้ำามันคนไทยจ่ายไปด้วย
GPL
GPL
GPL * 34.1
75 .. 15 *
CEA
32
ระบบสัมปทาน
เดี๋ยวนี้ไม่มีใครใช้ ระบบสัมปทานปิโตรเลียม กันแล้ว
จริงหรือ?
33
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ใชร้ะบบสัมปทาน ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ส่วนใหญ่เลือกใช้ระบบนี้ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วและมีธรรมาภิบาลสูง
ความจริง
หลายๆประเทศส่วนใหญ่ในโลกยังใช้ระบบสัมปทานปิโตรเลียม ประเทศที่พัฒนาแล้วและได้ชื่อว่ามีธรรมาภิบาลสูง อย่าง สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศในยุโรปตะวันตก ก็ยังใช้ระบบสัมปทานปิโตรเลียมกันอยู่ นอกจากนี้ ในอาเซียนก็ยังมีบรูไนและติมอร์ตะวันออกที่ใช้ระบบนี้เหมือนกัน
34
สัมปทาน แบ่งปันผลผลิตจ้างผลิต หลายระบบ
ระบบสัมปทานปิโตรเลียม ของไทยให้ผลประโยชน์แก่บริษัทเอกชนมากกว่ารัฐ
จริงหรือ?
35
ความจริงระบบสัมปทานปิโตรเลียมของไทยในปัจจุบัน
รัฐได้ผลประโยชน์สูงสุดถึง 74% จากค่าภาคหลวง, ภาษี และส่วนแบ่งกำาไร
ในระบบสัมปทาน เอกชนเป็นผู้ลงทุนสำารวจและผลิตปิโตรเลียม และแบกรับความเสี่ยงแทนรัฐ โดยรัฐไม่ต้องออกเงินลงทุน หากเอกชนสำารวจไม่พบ รัฐก็ไม่เสียอะไร แต่หากสำารวจพบ รัฐจะได้รับผลตอบแทนจากค่าภาคหลวง ภาษี และส่วนแบ่งกำาไร ซึ่งระบบสัมปทานไทยแลนด์ 3 มีการเก็บค่าภาคหลวง 5 - 15% ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 50% และผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษรายปี 0 - 75% โดยปัจจุบันมีผลประโยชน์คืนสู่รัฐสูงสุดถึง 74% ทั้งนี้ ส่งผลให้ในปี 2556 รัฐได้รับรายได้โดยตรงจากการประกอบกิจการปิโตรเลียมเป็นเงินเกือบ 2 แสนล้านบาท
36
จริงหรือ? ระบบสัมปทานปิโตรเลียม
ให้ผลประโยชน์น้อยกว่า
ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC)
37
ไม่ว่าจะเป็นระบบสัมปทาน(Concession)หรือระบบแบ่งปันผลผลิต(PSC)
รัฐก็สามารถกำาหนดอัตราผลประโยชน์ที่ต้องการจากเอกชนได้
ความจริง
ความเชื่อที่ว่า ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) ให้ผลประโยชน์ต่อรัฐมากกว่าจึงเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง การกำาหนดว่าจะใช้ระบบจัดเก็บผลประโยชน์แบบใดนั้น ควรคำานึงถึงศักยภาพปิโตรเลียมของแต่ละประเทศว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพบปิโตรเลียมเพียงใด มีความเสี่ยงในการลงทุนมากน้อยแค่ไหน และเป็นที่สนใจของบริษัทน้ำามันที่จะมาลงทุนหรือไม่ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการจัดเก็บผลประโยชน์เข้ารัฐภายใต้ระบบสัมปทานปิโตรเลียมไทยแลนด์ 3 โดยยึดหลักว่า “พบน้อยก็เก็บน้อย พบมากก็เก็บมาก” และมีสัดส่วนรายได้รัฐต่อรายได้สุทธิของผู้รับสัมปทานเท่ากับ 74 ต่อ 26
38
และเมื่อข้อสงสัยหมดไปทุกคนก็จะหันหน้าเข้าหากัน
ร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อการพัฒนาด้านพลังงานของไทย
อย่างยั่งยืน
ความจริง
เข้าใจแล้ว
ความจริง
หนังสือเล่มนี้ได้อ้างอิงข้อมูลจาก - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และสำานักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน- BP Statistical Review of World Energy Outlook 2013- Daniel Johnston (2008)- บริษัท ปตท. จำากัด (มหาชน)- บริษัท ปตท.สำารวจและผลิตปิโตรเลียม จำากัด (มหาชน)
“ปตท.สผ. มุ่งมั่นแสวงหาแหล่งพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ด้วยมาตรฐานการดำาเนินงานและเทคโนโลยีที่เป็นเลิศในระดับสากล
พร้อมจิตสำานึกรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”