Upload
siam-enneagram
View
36
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
ENNEAGRAM @ WORK
BESTPRACTICES ENNEAGRAMIN BUSINESS
Overview: best practices benchmark studyบทเรียนจาก 72 บริษัท ที่ใช้เอ็นเนียแกรมในองค์กรอย่างต่อเนื่องa 2011 benchmark study conducted by The Enneagram in Business Network
ในปัจจุบัน องค์กรหลายพันแห่ง ทั่วโลกใช้เอ็นเนียแกรมในด้านต่างๆ มากมาย แต่บรษิทั 72 แห่ง ทีเ่รา ท�าการศึกษาในครั้งนี้ใช้เครื่องมือดังกล่าวอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาผู้น�าและทีมงานอย่างก้าวกระโดด เพื่อเพิ่มพูนความฉลาดทางอารมณ์ และปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน รวมไปถึงใช้เร่งกระบวนการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ความเป็นมา: เราสัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทและที่ปรึกษาองค์กรจ�านวน 39 คนทั่วโลกที่ประสบ ความส�าเรจ็ในการใช้เอน็เนยีแกรม ในองค์กร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 5 ทวีป จ�านวน 20 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย โบลีเวีย บราซิล แคนาดา ชิลี จีน โคลัมเบีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิหร่าน อิตาลี ญี่ปุ่น แอฟริกาใต้ ไทย สหรัฐอเมริกา
และอุรุกวัย ที่ปรึกษาและผู้บริหารที่เราสัมภาษณ์มีทั้งผู้ที่เป็นและไม่ได้เป็นสมาชิกของ The Enneagram in Business Network (EIBN) ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนได้ใช้เอ็นเนียแกรมในองค์กรมาอย่างน้อย 18 เดือน และบางแห่งใช้มานานถึง 12 ปี บรษิทัทีใ่ช้ในการสมัภาษณ์: เรา ท�าการสัมภาษณ์ภายใต้เงื่อนไขว่า จะไม่เปิดเผยชื่อบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัท 21 แห่งอนุญาตให้เราเปิดเผยชื่อ ได้แก่ Adcock In-gram, Avon, Banco Itaú, Banco Nossa Caixa, Beacon, Best Buy, Culture Technology, Daimler/ Mitsubishi, Genentech/Roche, Hanfubuki, Hui Ho’olana, Huron Hospital, La Clinica, Milling Hotels, NuEar, Parker Hinneafen, Shahid Ghandi, StarPoint, Sucromiles, Toyota และ Veloso
Consultores ภาคธุรกิจ: บริษัทที่เราท�าการศึกษาในครั้งนี้อยู่ในภาคธุรกิจต่างๆ เช่น ไบโอเทคโนโลยี เคมี การศึกษา การเงิน รัฐบาล สุขภาพ โรงแรม ประกันภัย ไอที การผลิต องค์กรไม่หวังก�าไร ปิโตรเลียม ยา สมาคมวิชาชีพ การวิจัย ค้าปลีก บริการและการขนส่ง ค�าถามหลกัทีใ่ช้: ค�าถามส�าคญัทีใ่ช้ในการสมัภาษณ์คอื องค์กรทีใ่ช้เอ็นเนียแกรมในบริษัทประสบผล ส�าเร็จในด้านใดบ้าง ท�าได้อย่างไร และที่ผ่านมาได้บทเรียนอะไรบ้าง ผลการศกึษา: เราเชื่อว่าผลการศึกษาซึ่งสรุปอยู่ในหน้าถัดไปจะช่วยผู้น�าองค์กร เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และที่ปรึกษาต่างๆ ในการสร้างองค์กรที่มีผลิตภาพ ความยั่งยืน และจิตส�านึก
10 @ 2011 The Enneagram in Business Network
1
July 2011
คือ ทั้งวิทยากรหรือที่ปรึกษา ผู้บริหาร และองค์กรเองต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่จะป้องกันไม่ให้มีการตีตรา หลีกเลี่ยงค�าศัพท์ทางจิตวิทยาหรือค�าที่เข้าใจได้ยาก แต่มุ่งเน้นการพัฒนา การเพิ่มพูน ศักยภาพ และการเปิดใจต่อความแตกต่างด้วยความเคารพ“หลีกเลี่ยงการตีตรา ก้าวพ้นความเป็นเบอร์ไปสู่บุคลิกภาพที่สมดุล”
ปัจจัยส่งเสริมความส�าเร็จตัวที่4 คุณภาพของวิทยากร ที่ปรึกษา เวิร์กช็อบ และเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลง (56%)ปัจจัยเรื่องคุณภาพมีความส�าคัญยิ่งยวด ทั้งเรื่องวิทยากรหรือที่ปรึกษาที่เลือกใช้ กระบวนการสัมมนา และกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง วิทยากรหรือที่ปรึกษาต้องมีความรอบรู้ทั้งในเรื่องเอ็นเนียแกรม และกระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์ก ต้องสามารถน�าการสัมมนาได้อย่างน่าสนใจในแบบ interactive น�าเสนอ เนื้อหาอย่างถูกต้อง ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจได้ลึกซึ้ง ไม่ตัดสินกัน กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม และวิทยากรยังต้องสามารถตอบค�าถามและข้อสงสัยต่างๆ ได้ เวิร์กช็อบ โปรแกรม และเครื่องมือต้องมีรูปแบบแปลกใหม่ ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมและความต้องการขององค์กร และด�าเนินไปในบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุก ตื่นเต้น และรู้สึกปลอดภัย“ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงของวิทยากรมีความ
ส�าคัญยิ่งที่จะท�าให้เอ็นเนียแกรมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถเชื่อม
โยงไปยังความต้องการขององค์กร”
ปัจจัยส่งเสริมความส�าเร็จตัวที่5 การประยุกต์ใช้อย่างรอบด้านภายในองค์กร (54%)องค์กรต้องน�าเอ็นเนียแกรมไปประยุกต์ใช้ในด้านใดก็ตามที่ก�าหนดไว้ ให้ได้นานพอจนเป็นส่วนหนึ่งของการท�างานในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยให้มีการฝึกฝนหรือปฏิบัติจริง และเอื้อให้การปรับพฤตกิรรม (transfer of learning) เป็นไปได้ง่ายยิง่ขึน้ นอกจากนี้ ยงัจ�าเป็นทีต้่องส่งเสรมิให้มกีารเรยีนรูอ้ย่างต่อเนือ่งในรปูแบบต่างๆ เช่น โค้ชชิ่งหรือระบบพี่เลี้ยง การจัดเวิร์กช็อบอย่างต่อเนื่อง อีเลิร์นนิ่ง เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นในสมารต์โฟน หนังสือ การพูดคุยกัน ปฏิสัมพันธ์ในทีม และโครงการน�าร่องใหม่ๆ เป็นต้น
“ใช้เอ็นเนียแกรมในรูปแบบผสมผสาน ภายใต้แผนการ
ที่ต่อเนื่อง ยืดหยุ่นและสอดประสานกัน”
ปัจจยัส่งเสรมิความส�าเรจ็ตวัที่6 ความพร้อมขององค์กร (33%)เพื่อให้คนในองค์กรเปิดใจรับเอ็นเนียแกรม ในองค์กรเองต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากพอ มีการเปิดใจ ความสนใจใคร่รู้ ความเคารพซึ่งกันและกัน และความยินดีที่จะลองสิ่งใหม่ๆ
“หากปราศจากความพร้อม พนักงานจะกลัวว่า
เอ็นเนียแกรมจะถูกใช้เป็นอาวุธท�าร้ายกัน”
บทน�าผู้เชี่ยวชาญทั้ง 39 คนชี้ให้เห็นว่า มี 6 ปัจจัยส�าคัญที่ส่งผลต่อการใช้เอ็นเนียแกรมในการปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างได้ผลยั่งยืน ไม่ว่าผู้บริหารบริษัทหรือที่ปรึกษา ไม่ว่าขนาดขององค์กรจะเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าองค์กรนั้นจะอยู่ในประเทศไหน หรือภาคธุรกิจอะไร ค�าตอบที่ได้ล้วนมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าแปลกใจ ปัจจัยส่งเสริมความส�าเร็จตัวที่1 มุ่งเน้นที่ความต้องการที่แท้จริง ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว (82%)ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ให้ความเห็นว่า ปัจจัยส�าคัญที่สุดส�าหรับการใช้เอ็นเนียแกรมในการเปลี่ยนแปลงองค์กรคือ การมุ่งเน้นที่ความต้องการที่แท้จริงขององค์กร เช่นเดียวกับความต้องการที่เจาะจงของผู้บริหาร ของทีม และของพนักงาน แม้การใช้เอ็นเนียแกรมในการท�างานมีความหลากหลายมาก เช่น ใช้สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี ภาวะผู้น�า การขาย ความผูกพันของพนักงาน การพัฒนาผลงาน อีคิว การบริหารความขัดแย้ง การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม การเพิ่มผลผลิต และการขยายตลาดไปสู่ระดับโลก แต่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เห็นตรงกันคือ ต้องมีการก�าหนดเป้าหมายที่ส�าคัญต่อองค์กรจริงๆ ไว้อย่างชัดเจน และต้องท�าให้เห็นว่าได้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น นอกจากนี้ ที่ส�าคัญมากพอกันคือ การน�าเอ็นเนียแกรมไปใช้ในชีวิตส่วนตัวให้เป็นประโยชน์ด้วย“มีโจทย์ส�าคัญทั้งในที่ท�างานและที่บ้านที่ยังไม่ได้รับค�าตอบ ถ้าในที่
ท�างาน คือเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าอกเข้าใจกัน
ความยืดหยุ่น การลดล�าดับชั้นให้น้อยลง และให้องค์กรมีลักษณะ
แบบเครือข่ายมากขึ้น ส่วนที่บ้านก็เป็นเรื่องความเครียดและภาระ
ต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งความยุ่งยากซับซ้อนในชีวิตที่มีมากขึ้นด้วย
เอ็นเนียแกรมช่วยตอบโจทย์เหล่านี้ได้ทั้งหมด”
ปัจจัยส่งเสริมความส�าเร็จตัวที่2 การสนับสนุนที่เข้มแข็งจาก ผู้บริหาร และความมุ่งมั่นขององค์กร (69%)ผู้บริหารระดับสูงสามารถช่วยในด้านต่างๆ เช่น แสดงออกถึงการยอมรับ ให้อ�านาจ ความช่วยเหลือที่ชัดเจน ทรัพยากรต่างๆ ที่จ�าเป็นต่อการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งให้ถ้อยค�ารับรองซึ่งจะโน้มน้าวคนอื่นให้เห็นประโยชน์ของเอ็นเนียแกรม นอกจากนี้ สิ่งส�าคัญคือ ขอการสนับสนุนและความมุ่งมั่นจากผู้บริหารระดับกลาง ซึ่งจะสร้างแรงกระตุ้นให้ด�าเนินการอย่างได้ผล
“ผู้น�าต้องมีความปรารถนาอย่างมากที่จะพัฒนา
ทั้งส�าหรับตัวเองและผู้อื่น”
ปัจจัยส่งเสริมความส�าเร็จตัวที่3 การค้นหาเบอร์เอ็นเนียแกรม (typing) – การค้นหาตัวเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม (66%)วิธีค้นหาเบอร์เอ็นเนียแกรมที่ได้ผลที่สุดคือ การค้นหาด้วยตัวเอง ภายใต้ค�าแนะน�าจากมืออาชีพ เพราะจะได้ความแม่นย�า รู้สึกสนุกสนานและช่วยให้เกิดความเข้าใจได้ดีที่สุด สิ่งที่ส�าคัญพอกัน
แปลโดย: วาจาสิทธิ์ ลอเสรีวานิช
Best practices: ปัจจัยที่มีความสำ คัญอย่างยิ่งยวด 6 อันดับแรกปัจจัยที่ผู้เชี่ยวชาญ 39 คนระบุว่ามีความส�าคัญยิ่งต่อการใช้เอ็นเนียแกรมเพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างได้ผลและยั่งยืน
CRITICAL SUCCESS FACTORS ผูเ้ชีย่วชาญจ�านวน 82% เหน็พ้องต้องกนัว่า การมุง่เน้นทีค่วามต้องการ ที่แท้จริง เป็นปัจจัยที่ส�าคัญต่อความส�าเร็จ ปัจจัยที่เห็นตรงกันอีก 4 ประการได้แก่ การสนับสนุนจากผู้น�าองค์กร การประเมนิบคุลกิ (typing) คณุภาพ และการใช้อย่างรอบด้าน เราได้ค�าตอบ ที่สอดคล้องกันในปัจจัยเหล่านี้จากองค์กรในทุกภาคธุรกิจ ทุกประเทศ ทั้งจากที่ปรึกษาและผู้บริหารองค์กร ส่วนความพร้อมขององค์กร ซึ่งเป็นปัจจัยสุดท้าย แม้จะมีความส�าคัญ แต่ก็ไม่มากเท่าปัจจัย 5 ตัวแรก
2
ENNEAGRAM @ WORK
การใช้เอ็นเนียแกรมในบริษัทชั้นนำาข้อมูลจากการสัมภาษณ์บ่งชี้ว่า มีการน�าเอ็นเนียแกรมไปประยุกต์ใช้ในงานมาก กว่า 25 ด้าน ต่อไปเป็น 10 อันดับแรกที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอันดับ 1 การสื่อสาร: การใช้ในด้านการสื่อสารได้แก่ ใช้เพื่อเพิ่มความเข้าใจในสไตล์การสื่อสารที่แตกต่างกันของคน ลดอุปสรรคและความเข้าใจผิดที่เกิดจากความแตกต่างทางบุคลิกภาพ และพัฒนาปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทั้ง 9 แบบอันดับ 2 ภาวะผู้น�า: ได้แก่ โปรแกรม อบรมภาวะผู้น�าให้กับพนักงานทั้งองค์กร การพฒันาขดีความสามารถผูน้�าในรปูแบบ ชมุชนเรยีนรู ้(learning community) โค้ชชิง่ และจดัอบรมเป็นการเฉพาะกลุม่ ลกัษณะการจัดโปรแกรมอาจเป็นรายเดือน จัดติด กันยาว 1 สัปดาห์ หรือเป็นเวิร์คช๊อบ 1 วันหลายๆ ครั้ง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น สร้างภาวะผู้น�าโดยใช้จุดแข็งในตัว ให้มากขึ้น ปลูกฝังวัฒนธรรมของการ พัฒนาตนเอง และลดล�าดับชั้นของการ บังคับบัญชา ลดการแข่งขัน เพิ่มการ กระจายอ�านาจอันดับ 3 ทีมงาน: ทีมในที่นี้รวมถึงระดับ ผู ้บริหารสูงสุด ทีมผู้บริหาร และทีมซึ่ง ท�างานร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู ่ในที่ท�างาน เดียวกัน หรือท�างานด้วยกันผ่านออนไลน์ หรือผสมผสานกัน วัตถุประสงค์ของการ
ใช้งาน เช่น พัฒนาพฤติกรรมทั้งตัวสมาชิก และทมีงานโดยรวม สร้างทมีทีม่ปีระสทิธภิาพ สูง และเรียนรู้ที่จะบริหารทีมกันเอง ลดปัญหาที่บั่นทอนทีมงาน และการยุบทีมงานไว้ด้วยกัน ระยะเวลาของโปรแกรมมีตั้งแต่หลายวันไปจนถึงมากกว่า 1 ปี อันดับ 4 อีคิว การพัฒนาตนเอง: อาจใช้ชื่อว่า อีคิว การชนะตนเอง และ การพัฒนาตนเอง วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถในตัวเอง และการสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น รูปแบบของโปรแกรมคือเวิร์คช๊อบและโค้ชชิ่ง เพื่อให้เกดิความเข้าใจและยอมรบัในตนเอง การบรหิาร ตนเอง เพิ่มความเข้าอกเข้าใจกัน และพัฒนาปฏิสัมพันธ์อันดับ 5 โค้ชชิ่ง: ใช้เอ็นเนียแกรมโค้ชชิ่ง ทั้งแบบพบหน้ากัน และทางโทรศัพท์ โดยมีจุดประสงค์ต่างๆ เช่น ใช้เพื่อพัฒนา คนเก่ง (talent) พัฒนาผลงาน พัฒนาภาวะผู้น�า อีคิว และอื่นๆ บริษัทบางแห่งฝ ึกอบรมผู ้จัดการให ้สามารถใช ้ เอ็นเนียแกรมเพื่อโค้ชชิ่งให้ลูกน้องด้วยอนัดบั 6 ความขดัแย้ง: ใช้เอน็เนยีแกรมใน ธุรกิจครอบครัว บริษัทกฎหมาย บริษัท และองค์กรไม่หวังผลก�าไร เพื่อลดความขดัแย้ง และลดความรูส้กึของความขดัแย้งที่เป็นเรื่องส่วนตัวให้น้อยลง รูปแบบการใช้ได้แก่ ใช้กับคู่กรณีทุกฝ่าย ใช้ในการฝึกอบรม หรือใช้ลดความขัดแย้งภายในทีม เป็นต้นอันดับ 7 ฟีดแบ็ค: ปกติ ใช้ร่วมกับ ด้านอื่น เช่น การสื่อสาร การจัดการความขัดแย้ง ภาวะผู้น�า เป็นต้น หรืออาจใช้อบรมเป็นการเฉพาะให้กับผู้บริหารและพนักงาน
อันดับ 8 การตัดสินใจ: การประยุกต์ใช้ในเรื่องการตัดสินใจช่วยลดอคติที่เกิดจากบุคลิกตามเอ็นเนียแกรมได้ มักรวมอยู่ในหลักสูตรพัฒนาภาวะผู้น�าและทีมงานอนัดบั 9 และ 10 การขายและการเจรจา ต่อรอง: การใช้ทั้ง 2 ด้านนี้ช่วยเพิ่ม ทักษะการขายและการเจรจาต ่อรอง และยังครอบคลุมถึงการปรับแนวทาง ที่ใช ้ให ้ เหมาะกับสไตล์เอ็นเนียแกรม ของอีกฝ่ายด้วย
@ 2011 The Enneagram in Business Network
เรื่องเซอร์ ไพรส์ผลการศึกษายังทำาให้เราพบเรื่องเซอร์ ไพรส์ดังต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 ประโยชน์ในวงกว้างบริษัทต่างๆ กล่าวว่าเอ็นเนียแกรมช่วยให้เกิดสิ่งเหล่านี้เพิ่มขึ้น เช่น ความผูกพันของพนกังาน การสือ่สาร ปฏสิมัพนัธ์ในชงิบวก และความร่วมมอืกนัระหว่างบคุคล ภายในทมี และระหว่างหน่วยงาน สิ่งดีๆ เหล่านี้เกิดขึ้นทั้งภายในหน่วยงาน และขยายไปทั่วทั้งองค์กร เมื่อวัดในเชิงปริมาณ ผลการส�ารวจจากทีมงาน หน่วยธุรกิจ และบริษัทต่างๆ พบว่า มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส�าคัญในตัวชี้วัดหลายชนิด รวมทั้งความพึงพอใจของลูกค้า ในเชงิการเงนิ หน่วยธรุกจิแสดงผลประการทางการเงนิทีเ่พิม่ขึน้ ยอดขายเพิม่ขึน้มากกว่า 10 % บริษัทสามารถรักษาผู้บริหารที่ส�าคัญ บริษัทแห่งหนึ่งบอกว่า “ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการสื่อสารที่เพิ่มมากขึ้นนี้ช่วยให้ประหยัดเงินได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์ จากการลด ข้อผิดพลาด
“ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า ทุกบริษัทไม่ได้ใช้เอ็นเนียแกรมเพียงด้านเดียว องค์กรส่วนใหญ่ใช้งานอย่างน้อย 4 – 5 ด้าน บางองค์กร ใช้มากถึง 13 ด้าน”
Application
Area
Companies
using this
application
1. Communication 49/72
2. Leadership 44/72
3. Teams 41/72
4. EQ 36/72
5. Coaching 35/72
6. Conflict 33/72
7. Feedback 31/72
8. Decision Making 18/72
9. Sales 13/72
10. Negotiations 12/72
“เครื่องมือชนิดอื่นถึงจะมีประโยชน์ แต่ไม่ได้ช่วยในด้านการเอาชนะตนเอง เครื่องมือเหล่านัน้ใช้ประเมนิตวัคณุได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะพัฒนาหรือท�าตัวให้สมดุลมากขึ้นอย่างไร”
“เอ็นเนียแกรมเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเปลี่ยนชีวิตตัวเอง”
15
ต้องการที่จะพัฒนา) การประยุกต์ใช้ที่หลากหลายและลงลึก การติดตามผลและ การสนับสนุนที่ตามมา ขอบเขตของการประยุกต์ใช้ก็มีส่วน หากมีขนาดใหญ่และหลากหลายก็ต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ถ้าใช้ในระดับทีมงานและพนักงานก็จะใช้เวลาน้อยกว่าแนวโน้มที ่3 เอน็เนยีแกรมในวนัข้างหน้า จะมีองค์กรจ�านวนมากขึ้นหันมา ใช้เอ็นเนียแกรม จากการขยายผลทั้ง
แนวโน้มที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต
จากข้อมูลที่รวบรวมมา เราคาดว่าจะเห็นแนวโน้มในอนาคตดังต่อไปนี้แนวโน้มที่ 1 ขั้นของนวัตกรรม (Stage of Innovation) การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า การใช้เอ็นเนียแกรมในองค์กรยังอยู ่ในขั้นของผู้ริเริ่ม (early adopter stage ดูกราฟ) แต่บริษัทต่างๆ ทีใช้เอ็นเนียแกรมในขณะนี้มีความหลากหลายมาก ผู้ใช้มีทั้ง innovators ไปจนถึง laggards สิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้บริษัทของคุณ จะไม่ได้เป็น innovator ตามนิยาม แต่ก็ สามารถเป็นได้ ส่วนจะท�าอย่างไรดไูด้จากบริษัท 72 แห่งที่เราศึกษา เอ็นเนียแกรมได้เข้าสู่องค์กรเหล่านี้ด้วยการสนับสนุนจากบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือ เช่น ผู้น�า ผูบ้รหิารฝ่าย HR โค้ช หรอืทีป่รกึษา บคุคลเหล่านี้ “เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ เห็นภาพและเข้าใจว่าเอ็นเนียแกรมจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์ที่ส�าคัญยิ่งต่อความส�าเร็จขององค์กรได้อย่างไร” แนวโน้มที่ 2 ระยะเห็นผล ค�าตอบคือ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย อย่าง ปัจจัยที่จะช่วยให้เห็นผลอย่าง รวดเร็วได้แก่ ทรัพยากรที่จัดสรรไว้ (เช่น เวลา เงิน การสนับสนุนจากผู้น�า) ความ เชี่ยวชาญของวิทยากรหรือที่ปรึกษา ความเกี่ยวข้องกับความจ�าเป็นของงาน หรือองค์กร ความพร้อมขององค์กร (ความ
2011 Enneagram Benchmark Report
แปลโดย วาจาสิทธิ์ ลอเสรีวานิชSenior Member - The Enneagram in Business Network
ENNEAGRAM @ WORK
ภายในองค์กรและในระดับสากล จากผู้ใช้ ประเภทผู้ริเริ่ม (early adopter) ไปสู่ผู้ใช้กลุ่มใหญ่ระยะแรก (early majority) คาดว่าเอ็นเนียแกรมจะเป็นที่ยอมรับ เชื่อถือ และมีการใช้อย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการวิจัย กรณีศึกษา หลักฐานต่างๆ ของการใช้ที่ประสบความส�าเร็จ และการ น�าไปสอนในสถาบันการศึกษา รวมทั้งในคณะบริหารธุรกิจ เป็นต้น
ผลลัพธ์ : “เกิดผลลัพธ์ที่เห็นชัดภายใน 6 เดือน แต่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนจะต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปี ซึ่งคล้ายกบัการไปออกก�าลังในยมิ ตอนแรกคณุจะรู้สกึเหนือ่ยแต่กด็ขีึ้น หลังจากนัน้สักพกั คุณจะรูส้กึดขีึน้มาก แล้วกจ็ะคดิว่า ไม่ต้องไปอกีแล้ว อย่างไรกต็าม คณุจ�าเป็นต้องใช้เอน็เนยีแกรม อยู่เสมอเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ยิ่งคุณใช้นานเท่าไหร่ ก็จะได้ประโยชน์มากเท่านั้น จนกลายเป็นธรรมชาติของตัวคุณและขององค์กร
Innovators คือองค์กรที่มองไปข้างหน้า กล้าเสี่ยงที่จะริเริ่มใช้แนวทางหรือเครื่องมือใหม่ๆ โดยไม่ต้องเห็นใครใช้เป็นตัวอย่างก่อน Early adopter จะถามว่ามีใครใช้อยู่ ถ้าเห็นมีบริษัทอื่นที่ตนเชื่อถือใช้ ก็จะกล้าเสี่ยงที่จะใช้ตาม Early adopters จะรวมถึงองค์การที่ไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง Late majority คือองค์กรที่จะท�าหรือใช้อะไรก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว ส่วน Laggards คือองค์กรที่อาจจะไม่ได้ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เลย องค์กรที่ต้องการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด จ�าเป็นต้องอยู่ในกลุ่ม 50% แรกของ adopters (หรือต้องเป็น Early majority) โมเดลนี้มีชื่อว่า Diffusion of Innovations คิดค้นโดย Everett M. Rogers ในปี 1662
ในระดับตัวบุคคล มีผลการประเมิน 360º ที่ดีขึ้น และยังมีตัวอย่างจ�านวนมากที่ผู้บริหารใช้เอ็นเนียแกรมในการพัฒนาตนเองจนได้รบัเลือ่นต�าแหน่งให้สงูขึน้ 2 ถงึ 3 ระดบัภายในระยะเวลาสั้นๆเรื่องที่ 2 ผลทวีคูณ (Magnifier Effect) ผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนอธิบายถึงการแพร่หลายของเอ็นเนียแกรมในองค์กร ผู้บริหารคนหนึ่งใช้ค�าว่า “ผลทวีคูณ” โดยเล่าว่า “ผลกระทบเชิงบวกและการแพร่หลายของเอ็นเนียแกรม ได้รับการขยายผลมากยิ่งขึ้น นับว่าการใช้เอ็นเนียแกรมในองค์กรเป็นไปโดยไม่มีขอบเขตจ�ากัดจริงๆ”
เรื่องที่ 3 ความกระตือรือร้นอย่างมาก (High Enthusiasm) ผู ้ให้การสัมภาษณ์กล่าวว่า เมื่อพนักงานได้เรียนรู ้ เอ็นเนียแกรมแล้ว ก็อยากจะรู้มากยิ่งขึ้น พวกเขาน�าเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง เอาไปใช้ที่บ้าน บางคนน�าไปใช้ในที่ท�างานใหม่ “ในงานสังสรรค์ของบริษัท คู่สามีหรือภรรยาที่มาร่วมงานด้วยพูดคุยกันว่า เอ็นเนียแกรมช่วยครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร การพูดคุยท�านองนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเกี่ยวกับคอร์สอบรมทางการเงินเลย”
InnovationInnovators (2.5%)
Early Adopters (13.5%)
Early Majority (34%)
Late Majority (34%)
Laggards (16%)