Upload
pinyo-chooklin
View
96
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
การจั�ดการเร�ยนการสอนที่��เน�นผู้��เร�ยนเป็�นส�าคั�ญ
ดร.ไสว ฟั�กขาว
10 เมษายน 2547Font : CordiaUPC
http://www.drsawai.com/2/
การเร�ยนร��แบบร"วมม#อ(Cooperative Learning)
การเร�ยนร� แบบร�วมม�อเป็�นการจั�ดการเร�ยนการสอนที่��แบ�งผู้�เร�ยนออกเป็�นกลุ่��มเลุ่�กๆ สมาชิ!กในกลุ่��มม�ความสามารถแตกต�างก�นม�การแลุ่กเป็ลุ่��ยนความค!ดเห็�น ม�การชิ�วยเห็ลุ่�อสน�บสน�นซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น แลุ่ะม�ความร�บผู้!ดชิอบร�วมก�นที่�*งในส�วนตน แลุ่ะส�วนรวม เพื่��อให็กลุ่��มไดร�บความส-าเร�จัตามเป็.าห็มายที่��ก-าห็นด
องคั%ป็ระกอบส�าคั�ญของการเร�ยนร��แบบร"วมม#อ องค/ป็ระกอบที่��ส-าค�ญของการเร�ยนร� แบบร�วมม�อ ด�งน�* 1.ความเก��ยวของส�มพื่�นธ์/ก�นในที่างบวก (Positive
Interdependence) ห็มายถ(ง การที่��สมาชิ!กในกลุ่��มที่-างานอย�างม�เป็.าห็มายร�วมก�น ม�การที่-างานร�วมก�น โดยที่��สมาชิ!กที่�กคนม�ส�วนร�วมในการที่-างานน�*น ม�การแบ�งป็4นว�สด� อ�ป็กรณ์/ ขอม�ลุ่ต�างๆ ในการที่-างาน ที่�กคนม�บที่บาที่ ห็นาที่��แลุ่ะป็ระสบความส-าเร�จัร�วมก�น สมาชิ!กในกลุ่��มจัะม�ความร� ส(กว�าตนป็ระสบความส-าเร�จัไดก�ต�อเม��อสมาชิ!กที่�กคนในกลุ่��มป็ระสบความส-าเร�จัดวย สมาชิ!กที่�กคนจัะไดร�บผู้ลุ่ป็ระโยชิน/ ห็ร�อรางว�ลุ่ผู้ลุ่งานกลุ่��มโดยเที่�าเที่�ยมก�น เชิ�น ถาสมาชิ!กที่�กคนชิ�วยก�น ที่-าให็กลุ่��มไดคะแนน 90% แลุ่ว สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนจัะไดคะแนนพื่!เศษเพื่!�มอ�ก 5 คะแนน เป็�นรางว�ลุ่ เป็�นตน 2.การม�ป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ที่��ส�งเสร!มซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น (Face To Face
Promotive Interaction) เป็�นการต!ดต�อส�มพื่�นธ์/ก�น แลุ่กเป็ลุ่��ยนความ
ค!ดเห็�นซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น การอธ์!บายความร� ให็แก�เพื่��อนในกลุ่��มฟั4ง เป็�นลุ่�กษณ์ะส-าค�ญของการต!ดต�อป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/โดยตรงของการเร�ยนแบบร�วมม�อ ด�งน�*น จั(งควรม�การแลุ่กเป็ลุ่��ยน ให็ขอม�ลุ่ยอนกลุ่�บ เป็:ดโอกาสให็สมาชิ!กเสนอแนวความค!ดให็ม�ๆ เพื่��อเลุ่�อกในส!�งที่��เห็มาะสมที่��ส�ด 3.ความร�บผู้!ดชิอบของสมาชิ!กแต�ลุ่ะบ�คคลุ่ (Individual
Accountability) ความร�บผู้!ดชิอบของสมาชิ!กแต�ลุ่ะบ�คคลุ่ เป็�นความร�บผู้!ดชิอบในการเร�ยนร� ของสมาชิ!กแต�ลุ่ะบ�คคลุ่ โดยม�การชิ�วยเห็ลุ่�อส�งเสร!มซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น เพื่��อให็เก!ดความส-าเร�จัตามเป็.าห็มายกลุ่��ม โดยที่��สมาชิ!กที่�กคนในกลุ่��มม�ความม��นใจั แลุ่ะพื่รอมที่��จัะไดร�บการที่ดสอบเป็�นรายบ�คคลุ่ 4.การใชิที่�กษะระห็ว�างบ�คคลุ่แลุ่ะที่�กษะการที่-างานกลุ่��มย�อย (Interdependence and Small Group Skills) ที่�กษะระห็ว�างบ�คคลุ่ แลุ่ะที่�กษะการที่-างานกลุ่��มย�อย น�กเร�ยนควรไดร�บการฝึ<กฝึนที่�กษะเห็ลุ่�าน�*เส�ยก�อน เพื่ราะเป็�นที่�กษะส-าค�ญที่��จัะชิ�วยให็การที่-างานกลุ่��มป็ระสบผู้ลุ่ส-าเร�จั น�กเร�ยนควรไดร�บการฝึ<กที่�กษะในการส��อสาร การเป็�นผู้�น-า การไววางใจัผู้�อ��น การต�ดส!นใจั การ แกป็4ญห็า คร�ควรจั�ดสถานการณ์/ที่��จัะส�งเสร!มให็น�กเร�ยน เพื่��อให็น�กเร�ยนสามารถที่-างานไดอย�างม�ป็ระส!ที่ธ์!ภาพื่ ในป็> ค.ศ. 1991 จัอห็/นส�น แลุ่ะ จัอห็/นส�น ไดเพื่!�มองค/ป็ระกอบการเร�ยนร� แบบร�วมม�อ ข(*นอ�ก 1 องค/ป็ระกอบ ไดแก� 5.กระบวนการกลุ่��ม (Group Process) เป็�นกระบวนการที่-างานที่��ม�ข� *นตอนห็ร�อว!ธ์�การที่��จัะชิ�วยให็การด-าเน!นงานกลุ่��มเป็�นไป็อย�างม�ป็ระส!ที่ธ์!ภาพื่ น��นค�อ สมาชิ!กที่�กคนตองที่-าความเขาใจัในเป็.าห็มายการที่-างาน วางแผู้นป็ฏิ!บ�ต!งานร�วมก�น ด-าเน!นงานตามแผู้นตลุ่อดจันป็ระเม!นผู้ลุ่แลุ่ะป็ร�บป็ร�งงาน องค/ป็ระกอบของการเร�ยนร� แบบร�วมม�อที่�*ง 5 องค/ป็ระกอบน�* ต�างม�ความส�มพื่�นธ์/ซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น ในอ�นที่��จัะชิ�วยให็การเร�ยนแบบร�วมม�อด-าเน!นไป็ดวยด� แลุ่ะบรรลุ่�ตามเป็.าห็มายที่��กลุ่��มก-าห็นด โดยเฉพื่าะที่�กษะที่างส�งคม ที่�กษะการที่-างานกลุ่��มย�อย แลุ่ะกระบวนการกลุ่��มซึ่(�งจั-าเป็�นที่��จัะตองไดร�บการฝึ<กฝึน ที่�*งน�*เพื่��อให็สมาชิ!กกลุ่��มเก!ดความร� ความเขาใจัแลุ่ะสามารถน-าที่�กษะเห็ลุ่�าน�*
ไป็ใชิให็เก!ดป็ระโยชิน/ไดอย�างเต�มที่��
จัากองค/ป็ระกอบส-าค�ญของการเร�ยนร� แบบร�วมม�อ (Cooperative
Learning) ซึ่(�งไดแก� ความเก��ยวของส�มพื่�นธ์/ก�นในที่างบวก การป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ที่��ส�งเสร!มก�นแลุ่ะก�น ความร�บผู้!ดชิอบของสมาชิ!กแต�ลุ่ะบ�คคลุ่ การใชิที่�กษะระห็ว�างบ�คคลุ่ การที่-างานกลุ่��มย�อย แลุ่ะกระบวนการกลุ่��ม องค/ป็ระกอบเห็ลุ่�าน�*ที่-าให็การเร�ยนร� แบบร�วมม�อแตกต�างออกไป็จัากการเร�ยนร� เป็�นกลุ่��มแบบด�*งเด!ม (Traditional Learning) กลุ่�าวค�อ การเร�ยนเป็�นกลุ่��มแบบด�*งเด!มน�*น เป็�นเพื่�ยงการแบ�งกลุ่��มการเร�ยน เพื่��อให็น�กเร�ยนป็ฏิ!บ�ต!งานร�วมก�น แบ�งงานก�นที่-า สมาชิ!กในกลุ่��มต�างที่-างานเพื่��อให็งานส-าเร�จั เนนที่��ผู้ลุ่งานมากกว�ากระบวนการในการที่-างาน ด�งน�*นสมาชิ!กบางคนอาจัม�ความร�บผู้!ดชิอบในตนเองส�ง แต�สมาชิ!กบางคนอาจัไม�ม�ความร�บผู้!ดชิอบ ขอเพื่�ยงม�ชิ��อในกลุ่��ม ม�ผู้ลุ่งานออกมาเพื่��อส�งคร�เที่�าน�*น ซึ่(�งต�างจัากการเร�ยนเป็�นกลุ่��มแบบร�วมม�อที่��สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนตองม�ความร�บผู้!ดชิอบที่�*งต�อตนเองแลุ่ะต�อเพื่��อนสมาชิ!กในกลุ่��มดวย
ร�ป็แบบการเร�ยนร��แบบร"วมม#อ ร�ป็แบบการเร�ยนร� แบบร�วมม�อ ที่��ใชิก�นในป็4จัจั�บ�น ม�ห็ลุ่ายร�ป็แบบ ต�วอย�างเชิ�น 1.ร�ป็แบบ Jigsaw เป็�นการสอนที่��อาศ�ยแนวค!ดการต�อภาพื่ ผู้�เสนอว!ธ์�การน�*คนแรก ค�อ Aronson et.al (1978 ,pp. 22-25) ต�อมาม�การป็ร�บแลุ่ะเพื่!�มเต!มข�*นตอนให็มากข(*น แต�ว!ธ์�การห็ลุ่�ก ย�งคงเด!ม การสอนแบบน�*น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนจัะไดศ(กษาเพื่�ยงส�วนห็น(�งห็ร�อห็�วขอย�อยของเน�*อห็าที่�*งห็มด โดยการศ(กษาเร��องน�*นๆ จัากเอกสารห็ร�อก!จักรรมที่��คร�จั�ดให็ ในตอนที่��ศ(กษาห็�วขอย�อยน�*น น�กเร�ยนจัะที่-างานเป็�นกลุ่��มก�บเพื่��อนที่��ไดร�บมอบห็มายให็ศ(กษาห็�วขอย�อยเด�ยวก�น แลุ่ะเตร�ยมพื่รอมที่��จัะกลุ่�บไป็อธ์!บายห็ร�อสอนเพื่��อนสมาชิ!กในกลุ่��มพื่�*นฐานของตนเอง Jigsaw ม�องค/ป็ระกอบที่��ส-าค�ญ 3 ส�วน ค�อ 1)การเตร�ยมส��อการเร�ยนการสอน (Preparation Of Materials) คร�
สรางใบงานให็ผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะคนของกลุ่��ม แลุ่ะสรางแบบที่ดสอบย�อยในแต�ลุ่ะห็น�วยการเร�ยน แต�ถาม�ห็น�งส�อเร�ยนอย��แลุ่วย!�งที่-าให็ง�ายข(*นได โดยแบ�งเน�*อห็าในแต�ลุ่ะห็�วขอเร��องที่��จัะสอนเพื่��อที่-าใบงานส-าห็ร�บผู้�เชิ��ยวชิาญ ในใบงานควรบอกว�าน�กเร�ยนตองที่-าอะไร เชิ�น ให็อ�านห็น�งส�อห็นาอะไร อ�านห็�วขออะไร จัากห็น�งส�อห็นาไห็นถ(งห็นาไห็น ห็ร�อให็ด�ว!ด�ที่�ศน/ ห็ร�อให็ลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!การที่ดลุ่อง พื่รอมก�บม�ค-าถามให็ตอบตอนที่ายของก!จักรรมที่��ที่-าดวย 2) การจั�ดสมาชิ!กของกลุ่��มแลุ่ะของกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญ (Teams And
Expert Groups) คร�จัะแบ�งน�กเร�ยนออกเป็�นกลุ่��มๆ (Home
Groups) แต�ลุ่ะกลุ่��มจัะม�ผู้�เชิ��ยวชิาญในแต�ลุ่ะเร��องตามใบงานที่��คร�สรางข(*น คร�แจักใบงานให็ผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะคนในกลุ่��ม แลุ่ะให็ผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะคนศ(กษาใบงานของตนก�อนที่��จัะแยกไป็ตามกลุ่��มของผู้�เชิ��ยวชิาญ (Expert
Groups) เพื่��อที่-างานตามใบงานน�*นๆ เม��อน�กเร�ยนพื่รอมที่��จัะที่-าก!จักรรม คร�แยกกลุ่��มน�กเร�ยนให็ม�ตามใบงาน ก!จักรรมในกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะกลุ่��มอาจัแตกต�างก�น คร�พื่ยายามกระต�นให็น�กเร�ยนศ(กษาห็�วขอตามใบงานที่��แตกต�างก�น ด�งน�*นใบงานที่��คร�สรางข(*นจั(งม�ความส-าค�ญมาก เพื่ราะในใบงานจัะน-าเสนอดวยก!จักรรมที่��แตกต�างก�น ซึ่(�งผู้�เชิ��ยวชิาญในแต�ลุ่ะกลุ่��มอาจัจัะลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!การที่ดลุ่องศ(กษาเก��ยวก�บส!�งที่��ไดร�บมอบห็มาย พื่รอมก�บเตร�ยมการน-าเสนอส!�งน�*นอย�างส�*นๆ เพื่��อว�าเขาจัะไดน-ากลุ่�บไป็สอนสมาชิ!กคนอ��นๆ ในกลุ่��มที่��ไม�ไดศ(กษาในห็�วขอด�งกลุ่�าว 3) การรายงานแลุ่ะการที่ดสอบย�อย (Reports And Quizzes) เม��อกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะกลุ่��มที่-างานเสร�จัแลุ่ว ผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะคนก�จัะกลุ่�บไป็ย�งกลุ่��มเด!มของต�วเอง (Home Group) แลุ่วสอนเร��องที่��ต�วเองที่-าให็ก�บสมาชิ!กคนอ��นๆ ในกลุ่��ม คร�กระต�นให็น�กเร�ยนใชิว!ธ์�การต�างๆ ในการน-าเสนอส!�งที่��จัะสอน น�กเร�ยนอาจัใชิว!ธ์�การสาธ์!ต อ�านรายงาน ใชิคอมพื่!วเตอร/ ร�ป็ถ�าย ไดอะแกรม แผู้นภ�ม!ห็ร�อภาพื่วาดในการน-าเสนอความค!ดเห็�น คร�กระต�นให็สมาชิ!กในกลุ่��มไดม�การอภ!ป็รายแลุ่ะซึ่�กถามป็4ญห็าต�างๆ โดยที่��สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนตองม�ความร�บผู้!ดชิอบในการเร�ยนร� แต�ลุ่ะเร��องที่��ผู้�
เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะคนน-าเสนอ
เม��อผู้�เชิ��ยวชิาญไดรายงานผู้ลุ่งานก�บกลุ่��มของต�วเองแลุ่ว ควรม�การอภ!ป็รายร�วมก�นที่�*งห็องเร�ยนอ�กคร�*งห็น(�ง ห็ร�อม�การถามค-าถามแลุ่ะตอบค-าถามในห็�วขอเร��องที่��ผู้�เชิ��ยวชิาญแต�ลุ่ะคนไดศ(กษา ห็ลุ่�งจัากน�*นคร�ก�ที่-าการที่ดสอบย�อย เกณ์ฑ์/การป็ระเม!นการให็คะแนนเห็ม�อนก�บว!ธ์�การของ การเร�ยนแบบร�วมม�อของร�ป็แบบ STAD
ว!ธ์�การของ Jigsaw จัะด�กว�า STAD ตรงที่��ว�า เป็�นการฝึ<กให็น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนม�ความร�บผู้!ดชิอบในการเร�ยนมากข(*น แลุ่ะน�กเร�ยนย�งร�บผู้!ดชิอบก�บการสอนสมาชิ!กคนอ��นๆ ของกลุ่��มอ�กดวย น�กเร�ยนไม�ว�าจัะม�ความสามารถมากนอยแค�ไห็นจัะตองร�บผู้!ดชิอบเห็ม�อนๆ ก�น ถ(งแมว�าความลุ่(กความกวางห็ร�อค�ณ์ภาพื่ของรายงานจัะแตกต�างก�นก�ตาม ข�*นตอนการสอนแบบ Jigsaw ม�ด�งน�* ข� *นที่�� 1 คร�แบ�งห็�วขอที่��จัะเร�ยนเป็�นห็�วขอย�อยเที่�าจั-านวนสมาชิ!กของแต�ลุ่ะกลุ่��ม ถากลุ่��มขนาด 3 คน ให็แบ�งเน�*อห็าออกเป็�น 3 ส�วน ข�*นที่�� 2 จั�ดกลุ่��มน�กเร�ยนให็ม�สมาชิ!กที่��ม�ความสามารถคลุ่ะก�น เป็�นกลุ่��มพื่�*นฐานห็ร�อ Home Groups จั-านวนสมาชิ!กในกลุ่��มอาจัเป็�น 3 ห็ร�อ 4 คนก�ได จัากน�*นแจักเอกสารห็ร�ออ�ป็กรณ์/การสอนให็กลุ่��มลุ่ะ 1 ชิ�ด ห็ร�อให็คนลุ่ะชิ�ดก�ได ก-าห็นดให็สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนร�บผู้!ดชิอบอ�านเอกสารเพื่�ยง 1 ส�วนที่��ไดร�บมอบห็มายเที่�าน�*น ห็ากแต�ลุ่ะกลุ่��มไดร�บเอกสารเพื่�ยงชิ�ดเด�ยว ให็น�กเร�ยนแยกเอกสารออกเป็�นส�วนๆ ตามห็�วขอย�อย ด�งน�* ในแต�ลุ่ะกลุ่��ม น�กเร�ยนคนที่�� 1 จัะอ�านเฉพื่าะห็�วขอย�อยที่�� 1
น�กเร�ยนคนที่�� 2 จัะอ�านเฉพื่าะห็�วขอย�อยที่�� 2
น�กเร�ยนคนที่�� 3 จัะอ�านเฉพื่าะห็�วขอย�อยที่�� 3
ข�*นที่�� 3 เป็�นการศ(กษาในกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญ (Expert Groups)
น�กเร�ยนจัะแยกยายจัากกลุ่��มพื่�*นฐาน (Home Group) ไป็จั�บกลุ่��มให็ม�เพื่��อที่-าการศ(กษาเอกสารส�วนที่��ไดร�บมอบห็มาย โดยคนที่��ไดร�บมอบห็มายให็ศ(กษาเอกสารห็�วขอย�อยเด�ยวก�น จัะไป็น��งเป็�นกลุ่��มดวยก�น กลุ่��มลุ่ะ 3 ห็ร�อ 4 คน แลุ่วแต�จั-านวนสมาชิ!กของกลุ่��มที่��คร�ก-าห็นด
ในกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญ สมาชิ!กจัะอ�านเอกสาร สร�ป็เน�*อห็าสาระ จั�ดลุ่-าด�บข�*นตอนการน-าเสนอ เพื่��อเตร�ยมที่�กคนให็พื่รอมที่��จัะไป็สอนห็�วขอน�*น ที่��กลุ่��มเด!มของตนเอง ข�*นที่�� 4 น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญกลุ่�บกลุ่��มเด!มของตน แลุ่วผู้ลุ่�ดเป็ลุ่��ยนห็ม�นเว�ยนก�นอธ์!บายให็เพื่��อนในกลุ่��มฟั4งที่�ลุ่ะห็�วขอ ม�การซึ่�กถามขอสงส�ย ตอบป็4ญห็า ที่บที่วนให็เขาใจัชิ�ดเจัน ข�*นที่�� 5 น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนที่-าแบบที่ดสอบเก��ยวก�บเน�*อห็าที่�*งห็มดที่�กห็�วขอ แลุ่วน-าคะแนนของสมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มมารวมก�นเป็�นคะแนนกลุ่��ม ข�*นที่�� 6 กลุ่��มที่��ไดคะแนนส�งส�ด จัะไดร�บรางว�ลุ่ ห็ร�อการชิมเชิย การสอนแบบ Jigsaw เป็�นการสอนที่��อาจัน-าไป็ใชิในการที่บที่วนเน�*อห็าที่��ม�ห็ลุ่ายๆ ห็�วขอ ห็ร�อใชิก�บบที่เร�ยนที่��เน�*อห็าแบ�งแยกเป็�นส�วนๆ ได แลุ่ะเป็�นเน�*อห็าที่��น�กเร�ยนศ(กษาจัากเอกสารแลุ่ะส��อการสอนได
สร�ป็ข�*นตอนการจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ Jigsaw
1. คร�แลุ่ะน�กเร�ยนที่บที่วนเน�*อห็าเก��ยวก�บเร��องที่��จัะเร�ยนแลุ่วคร�จั�ดกลุ่��มน�กเร�ยนเป็�น Home Group
กลุ่��ม A กลุ่��ม B กลุ่��ม C กลุ่��ม D
1) ด.ญ. ก 1) ………….. 1)……………. 1)……………
2) ด.ญ. ข 2) ………….. 2)……………. 2)……………
3) ด.ญ. ค 3) ………….. 3)……………. 3)……………
4) ด.ญ. ง 4) ………….. 4)……………. 4)……………
2.คร�แจักใบงานให็ที่�กกลุ่��ม กลุ่��มลุ่ะ 4 แบบฝึ<ก ซึ่(�งแต�ลุ่ะใบงานเป็�นห็�วขอย�อยๆ ไม�เห็ม�อนก�นอาจัจัะเป็�น 4 ระด�บก�ได (ง�ายยาก) สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มเลุ่�อกคนลุ่ะ 1 ใบงาน โดยแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มจัะไดใบงานไม�เห็ม�อนก�น เชิ�น น�กเร�ยนกลุ่��ม A จัะแบ�งห็นาที่��ก�นด�งน�* น�กเร�ยน A1 อ�านแลุ่ะที่-าใบงานที่�� 1
น�กเร�ยน A2 อ�านแลุ่ะที่-าใบงานที่�� 2
น�กเร�ยน A3 อ�านแลุ่ะที่-าใบงานที่�� 3
น�กเร�ยน A4 อ�านแลุ่ะที่-าใบงานที่�� 4
3.น�กเร�ยนที่��ไดใบงานชิ�ดเด�ยวก�นจัากแต�ลุ่ะกลุ่��มมาน��งดวยก�น เพื่��อที่-างาน ซึ่�กถามแลุ่ะที่-าก!จักรรมในใบงาน เร�ยกกลุ่��มน�*ว�า Expert Groups โดยแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มแบ�งห็นาที่��ก�นที่-างาน เชิ�น น�กเร�ยนคนที่�� 1 อ�านค-าแนะน-า ค-าส��งห็ร�อโจัที่ย/ในแบบฝึ<ก น�กเร�ยนคนที่�� 2 จัดบ�นที่(กขอม�ลุ่ส-าค�ญ แยกแยะส!�งที่��ตองที่-าตามลุ่-าด�บ น�กเร�ยนคนที่�� 3 ห็าค-าตอบ น�กเร�ยนคนที่�� 4 สร�ป็ที่บที่วน แลุ่ะตรวจัสอบค-าตอบ เม��อน�กเร�ยนที่-าแต�ลุ่ะขอห็ร�อแต�ลุ่ะส�วนเสร�จัแลุ่ว ให็น�กเร�ยนห็ม�นเว�ยนเป็ลุ่��ยนห็นาที่��ก�นจันเสร�จัใบงานที่�*งห็มด 4.น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนใน Expert Groups กลุ่�บมาย�งกลุ่��มเด!ม (Home
Groups) ของตนผู้ลุ่�ดก�นอธ์!บายให็เพื่��อนสมาชิ!กในกลุ่��มฟั4ง เร!�มจัากแบบฝึ<กที่�� 1, 2, 3, 4 (ง�ายยาก)
5.คร�ที่-าการที่ดสอบน�กเร�ยนที่�กคนในห็องเป็�นรายบ�คคลุ่แลุ่ว น-าคะแนนพื่�ฒนาการของแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มมารวมเป็�น คะแนนกลุ่��ม กลุ่��มที่��ไดคะแนน“ ”
ส�งส�ดจัะไดรางว�ลุ่ห็ร�อต!ดป็ระกาศไวในบอร/ด
วรรณ์ที่!พื่า รอดแสงคา ไดจั�ดที่-าต�วอย�างการจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ Jigsaw เร��องการห็าความห็นาแน�นของว�ตถ� ในว!ชิาว!ที่ยาศาสตร/ ไวด�งน�*
ว�ตถ�ป็ระสงค/ เม��อจับบที่เร�ยนน�* แลุ่วน�กเร�ยนสามารถ 1. บอกแลุ่ะลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!ว!ธ์�การห็ามวลุ่ น-*าห็น�ก แลุ่ะป็ร!มาตรของว�ตถ�ที่��เป็�นของแข�งที่รงเรขาคณ์!ต ว�ตถ�ที่��เป็�นของแข�งร�ป็ร�างไม�เป็�นที่รงเรขาคณ์!ต แลุ่ะว�ตถ�ที่��เป็�นของเห็ลุ่วได 2. ค-านวณ์ห็าค�าความห็นาแน�นของว�ตถ�ต�างๆ ที่��ก-าห็นดให็ได
ก!จักรรมการเร�ยนการสอน
ข�*นที่�� 1 :คร�ที่บที่วนถ(งว!ธ์�การห็าความห็นาแน�นของว�ตถ�โดยใชิการบรรยายแลุ่ะการอภ!ป็ราย
ข�*นที่�� 2 :คร�แบ�งเร��อง ว!ธ์�การห็าความห็นาแน�นของว�ตถ� ออกเป็�น “ ” 4
ห็�วขอ ค�อ 1) การห็าความห็นาแน�นของว�ตถ�ที่��เป็�นของแข�งที่รงเรขาคณ์!ต 2) การห็าความห็นาแน�นของว�ตถ�ที่��เป็�นของแข�งร�ป็ร�างไม�เป็�นที่รงเรขาคณ์!ต 3) ความห็นาแน�นค�ออะไร 4) ป็ร!มาตรแลุ่ะความห็นาแน�นค�ออะไร
ข�*นที่�� 3 :คร�แบ�งน�กเร�ยนออกเป็�นกลุ่��มๆ กลุ่��มลุ่ะ 4 คน น�กเร�ยนในแต�ลุ่ะกลุ่��มม�ความสามารถแตกต�างก�น ม�ที่�*งน�กเร�ยนห็ญ!งแลุ่ะน�กเร�ยนชิาย สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มจัะศ(กษาใบงานของตนเพื่�ยงเร��องเด�ยว กลุ่��ม ก กลุ่��ม ข กลุ่��ม ค กลุ่��ม ง ชิ��อสมาชิ!ก 1) ……. 1) …….. 1)………. 1).... 2) ………….. 2) ………….. 2)……………. 2 )...... 3) ………….. 3) ………….. 3)……………. 3)...... 4) ............ 4) ………….. 4)……………. 4)......
น�กเร�ยนคนที่�� 1 ในกลุ่��ม ก, ข, ค, ง อ�านใบความร� แลุ่ะที่-าก!จักรรมในใบงานที่�� 1 เที่�าน�*น น�กเร�ยนคนที่�� 2 ในกลุ่��ม ก, ข, ค, ง อ�านใบความร� แลุ่ะที่-าก!จักรรมในใบงานที่�� 2 เที่�าน�*น น�กเร�ยนคนที่�� 3 ในกลุ่��ม ก, ข, ค, ง อ�านใบความร� แลุ่ะที่-าก!จักรรมในใบงานที่�� 3 เที่�าน�*น น�กเร�ยนคนที่�� 4 ในกลุ่��ม ก, ข, ค, ง อ�านใบความร� แลุ่ะที่-าก!จักรรมในใบงานที่�� 4 เที่�าน�*น
ข� *นที่�� 4 : น�กเร�ยนที่��ไดใบงานเด�ยวก�นมารวมก�นเป็�นกลุ่��มเชิ��ยวชิาญ
(Expert Groups) ม�การอภ!ป็รายแลุ่ะเข�ยนรายงานในส�วนที่��ต�วเองร�บผู้!ดชิอบ ต�วอย�างบที่บาที่ของกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญขณ์ะที่-าก!จักรรมตามใบงานที่�� 1 ค�อ น�กเร�ยนคนที่�� 1 อ�านค-าถามแลุ่ะเป็ลุ่��ยนแป็ลุ่งค-าถามให็เป็�นค-าพื่�ดของตนเอง แลุ่ะคนห็าว�าม�ขอม�ลุ่อะไรบางที่��เก��ยวของก�บค-าถามน�*น น�กเร�ยนคนที่�� 2 ที่-าการที่ดลุ่อง ว�ด แลุ่ะจั�ดกระที่-าขอม�ลุ่ น�กเร�ยนคนที่�� 3 ค-านวณ์แลุ่ะเข�ยนค-าตอบลุ่งในตาราง น�กเร�ยนคนที่�� 4 ตรวจัที่านค-าตอบแลุ่ะตรวจัผู้ลุ่ที่��ไดจัากการที่-าการที่ดลุ่อง ห็ลุ่�งจัากที่-าการที่ดลุ่องก�บว�ตถ�แที่�งที่�� 1 เสร�จัแลุ่วก�ที่-าการที่ดลุ่องก�บว�ตถ�แที่�งที่�� 2 แลุ่ะว�ตถ�แที่�งอ��นๆ พื่รอมก�บม�การเป็ลุ่��ยนบที่บาที่ของน�กเร�ยนไป็จันกว�าจัะที่-าการที่ดลุ่องก�บว�ตถ�ที่�กแที่�งจันเสร�จั ข�*นที่�� 5 : น�กเร�ยนในกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญกลุ่�บไป็อย��ในกลุ่��มเด!มของตน (Home Groups) พื่รอมก�บ ผู้ลุ่�ดเป็ลุ่��ยนก�นสอนส�วนที่��ตนร�บผู้!ดชิอบโดยใชิรายงานห็ร�อใบงานของกลุ่��มผู้�เชิ��ยวชิาญ โดยเร!�มจัากใบงานที่�� 1 ก�อน
ข�*นที่�� 6 :คร�ที่ดสอบย�อยน�กเร�ยน เป็�นรายบ�คคลุ่แลุ่วน-าคะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนจัะน-ามารวมก�นเป็�นคะแนนบอกกลุ่��ม ข�*นที่�� 7 :รายงานผู้ลุ่การที่-างานกลุ่��มให็น�กเร�ยนที่�*งห็องที่ราบ
2.ร�ป็แบบ STAD (Student Teams-Achievement Division)
Slavin ไดเสนอร�ป็แบบการเร�ยนแบบเป็�นที่�ม (Student Teams
Learning Method) ซึ่(�งม� 4 ร�ป็แบบ ค�อ Student Teams-
Achievement Divisions (STAD) แลุ่ะ Teams-Games-
Tournaments (TGT) ซึ่(�งเป็�นร�ป็แบบที่��สามารถป็ร�บใชิก�บที่�กว!ชิาแลุ่ะระด�บชิ�*น Team Assisted Individualization (TAI) เป็�นร�ป็แบบที่��เห็มาะก�บการสอนว!ชิาคณ์!ตศาสตร/ แลุ่ะ Cooperative Integrated
Reading and Composition (CIRC) ซึ่(�งเป็�นร�ป็แบบในการสอนอ�านแลุ่ะ การเข�ยน
หลั�กการพื้#*นฐานของร�ป็แบบการเร�ยนแบบเป็�นที่�ม ของ Slavin
ป็ระกอบด�วย 1)การให็รางว�ลุ่เป็�นที่�ม (Team Rewards) ซึ่(�งเป็�นว!ธ์�การห็น(�งในการวางเง��อนไขให็น�กเร�ยนพื่(�งพื่าก�น จั�ดว�าเป็�น Positive Interdependence
2)การจั�ดสภาพื่การณ์/ให็เก!ดความร�บผู้!ดชิอบในส�วนบ�คคลุ่ที่��จัะเร�ยนร� (Individual Accountability) ความส-าเร�จัของที่�มห็ร�อกลุ่��ม อย��ที่��การเร�ยนร� ของสมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในที่�ม 3)การจั�ดให็ม�โอกาสเที่�าเที่�ยมก�นที่��จัะป็ระสบความส-าเร�จั (Equal
Opportunities For Success) น�กเร�ยนม�ส�วนชิ�วยให็ที่�มป็ระสบความส-าเร�จัดวยการพื่ยายามที่-าผู้ลุ่งานให็ด�ข(*นกว�าเด!มในร�ป็ของคะแนนป็ร�บป็ร�ง ด�งน�*น แมแต�คนที่��เร�ยนอ�อนก�สามารถม�ส�วนชิ�วยที่�มได ดวยการพื่ยายามที่-าคะแนนให็ด�กว�าคร�*งก�อนๆ น�กเร�ยนที่�*งเก�ง ป็านกลุ่าง แลุ่ะอ�อนต�างไดร�บการส�งเสร!มให็ต�*งใจัเร�ยนให็ด�ส�ด ผู้ลุ่งานของที่�กคนในที่�มม�ค�าภายใตร�ป็แบบการจั�ดก!จักรรมการเร�ยนแบบน�*
ส-าห็ร�บร�ป็แบบ STAD เป็�นร�ป็แบบห็น(�งที่�� Slavin ไดเสนอไว เม��อป็> ค.ศ.
1980 น�*นม� องค/ป็ระกอบที่��ส-าค�ญ 5 ป็ระการ ค�อ 1.การน-าเสนอส!�งที่��ตองเร�ยน (Class Presentation) คร�เป็�นผู้�น-าเสนอส!�งที่��น�กเร�ยนตองเร�ยน ไม�ว�าจัะเป็�นมโนที่�ศน/ ที่�กษะแลุ่ะ/ห็ร�อกระบวนการ การน-าเสนอส!�งที่��ตองเร�ยนน�*อาจัใชิการบรรยาย การสาธ์!ตป็ระกอบการบรรยาย การใชิว!ด�ที่�ศน/ห็ร�อแมแต�การให็น�กเร�ยนลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!การที่ดลุ่องตามห็น�งส�อเร�ยน 2.การที่-างานเป็�นกลุ่��ม (Teams) คร�จัะแบ�งน�กเร�ยนออกเป็�นกลุ่��มๆ แต�ลุ่ะกลุ่��มจัะป็ระกอบดวยน�กเร�ยนป็ระมาณ์ 4-5 คน ที่��ม�ความสามารถแตกต�างก�น ม�ที่�*งเพื่ศห็ญ!งแลุ่ะเพื่ศชิาย แลุ่ะม�ห็ลุ่ายเชิ�*อชิาต! คร�ตองชิ�*แจังให็น�กเร�ยนในกลุ่��มไดที่ราบถ(งห็นาที่��ของสมาชิ!กในกลุ่��มว�าน�กเร�ยนตองชิ�วยเห็ลุ่�อก�น เร�ยนร�วมก�น อภ!ป็รายป็4ญห็าร�วมก�น ตรวจัสอบค-าตอบของงานที่��ไดร�บมอบห็มายแลุ่ะแกไขค-าตอบร�วมก�น สมาชิ!กที่�กคนในกลุ่��มตองที่-างานให็ด�ที่��ส�ดเพื่��อให็เก!ดการเร�ยนร� ให็ก-าลุ่�งใจัแลุ่ะที่-างานร�วมก�นได
ห็ลุ่�งจัากคร�จั�ดกลุ่��มเสร�จัเร�ยบรอยแลุ่ว ควรให็น�กเร�ยนแต�ลุ่ะกลุ่��มที่-างานร�วมก�นจัากใบงานที่��คร�เตร�ยมไว คร�อาจัจั�ดเตร�ยมใบงานที่��ม�ค-าถามสอดคลุ่องก�บว�ตถ�ป็ระสงค/ของบที่เร�ยน เพื่��อใชิเป็�นบที่เร�ยนของการเร�ยนแบบร�วมม�อ คร�ควรบอกน�กเร�ยนว�า ใบงานน�*ออกแบบมาให็น�กเร�ยนชิ�วยก�นตอบค-าถาม เพื่��อเตร�ยมต�วส-าห็ร�บการที่ดสอบย�อย สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มจัะตองชิ�วยก�นตอบค-าถาม เพื่��อเตร�ยมต�วส-าห็ร�บการที่ดสอบย�อย สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มจัะตองชิ�วยก�นตอบค-าถามที่�กค-าถาม โดยแบ�งก�นตอบค-าถามเป็�นค��ๆ แลุ่ะเม��อตอบค-าถามเสร�จัแลุ่วก�จัะเอาค-าตอบมาแลุ่กเป็ลุ่��ยนก�น โดยสมาชิ!กแต�ลุ่ะคนจัะตองม�ความร�บผู้!ดชิอบซึ่(�งก�นแลุ่ะก�นในการตอบค-าถามแต�ลุ่ะขอให็ได ในการกระต�นให็สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนม�ความร�บผู้!ดชิอบซึ่(�งก�นแลุ่ะก�นควรป็ฏิ!บ�ต!ด�งต�อไป็น�* 2.1 ตองแน�ใจัว�าสมาชิ!กแต�ลุ่ะคนในกลุ่��มสามารถตอบค-าถามแต�ลุ่ะขอไดอย�างถ�กตอง 2.2 ให็น�กเร�ยนชิ�วยก�นตอบค-าถามที่�กขอให็ไดโดยไม�ตองขอความชิ�วยเห็ลุ่�อจัากเพื่��อนนอกกลุ่��ม ห็ร�อขอความชิ�วยเห็ลุ่�อจัากคร�ให็นอยลุ่ง 2.3 ตองให็แน�ใจัว�าสมาชิ!กแต�ลุ่ะคนสามารถอธ์!บายค-าตอบแต�ลุ่ะขอได ถาค-าถามแต�ลุ่ะขอเป็�นแบบเลุ่�อกตอบ
3.การที่ดสอบย�อย (Quizzes) ห็ลุ่�งจัากที่��น�กเร�ยนแต�ลุ่ะกลุ่��มที่-างานเสร�จัเร�ยบรอยแลุ่ว คร�ก�ที่-าการที่ดสอบย�อยน�กเร�ยน โดยน�กเร�ยนต�างคนต�างที่-า เพื่��อเป็�นการป็ระเม!นความร� ที่�� น�กเร�ยนไดเร�ยนมา ส!�งน�*จัะเป็�นต�วกระต�นความร�บผู้!ดชิอบของน�กเร�ยน 4.คะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนแต�ลุ่ะคน (Individual
Improvement Score) คะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนจัะเป็�นต�วกระต�นให็น�กเร�ยนที่-างานห็น�กข(*น ในการที่ดสอบแต�ลุ่ะคร�*งคร�จัะม�คะแนนพื่�*นฐาน (Base Score) ซึ่(�งเป็�นคะแนนต-�าส�ดของน�กเร�ยนในการที่ดสอบย�อยแต�ลุ่ะคร�*ง ซึ่(�งคะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนไดจัากความแตกต�างระห็ว�างคะแนนพื่�*นฐาน (คะแนนต-�าส�ดในการที่ดสอบ) ก�บคะแนนที่��น�กเร�ยนสอบไดในการที่ดสอบย�อยน�*นๆ ส�วนคะแนนของกลุ่��ม (Team
Score) ไดจัากการรวมคะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนที่�กคนในกลุ่��มเขาดวยก�น 5.การร�บรองผู้ลุ่งานของกลุ่��ม (Team Recognition) โดยการป็ระกาศคะแนนของกลุ่��มแต�ลุ่ะกลุ่��มให็ที่ราบ พื่รอมก�บให็ค-าชิมเชิย ห็ร�อให็ป็ระกาศน�ยบ�ตรห็ร�อให็รางว�ลุ่ก�บกลุ่��มที่��ม�คะแนนพื่�ฒนาการของกลุ่��มส�งส�ด โป็รดจั-าไวว�า คะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนม�ความส-าค�ญเที่�าเที่�ยมก�บคะแนนที่��น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนไดร�บจัากการที่ดสอบ
ส-าห็ร�บข�*นตอนการจั�ดก!จักรรมการเร�ยนการสอน เป็�นด�งน�*
ข� *นที่�� 1 ข�*นสอน คร�ด-าเน!นการสอนเน�*อห็า ที่�กษะห็ร�อว!ธ์�การเก��ยวก�บบที่เร�ยนน�*นๆ อาจัเป็�นก!จักรรมที่��คร�บรรยาย สาธ์!ต ใชิส��อป็ระกอบการสอน ห็ร�อให็น�กเร�ยนที่-าก!จักรรมการที่ดลุ่อง
ข�*นที่�� 2 ข�*นที่บที่วนความร� เป็�นกลุ่��ม แต�ลุ่ะกลุ่��มป็ระกอบดวยสมาชิ!ก 4-5
คน ที่��ม�ความสามารถที่างการเร�ยนต�างก�น สมาชิ!กในกลุ่��มตองม�ความเขาใจัว�า สมาชิ!กที่�กคนจัะตองที่-างานร�วมก�นเพื่��อชิ�วยเห็ลุ่�อก�นแลุ่ะก�นในการศ(กษาเอกสารแลุ่ะที่บที่วนความร� เพื่��อเตร�ยมพื่รอมส-าห็ร�บการสอบย�อย คร�เนนให็น�กเร�ยนที่-าด�งน�* ก. ตองให็แน�ใจัว�า สมาชิ!กที่�กคนในกลุ่��มสามารถตอบค-าถามไดถ�กตองที่�กขอ ข. เม��อม�ขอสงส�ยห็ร�อป็4ญห็า ให็น�กเร�ยนชิ�วยเห็ลุ่�อก�นภายในกลุ่��มก�อนที่��จัะถามคร�ห็ร�อถามเพื่��อนกลุ่��มอ��น ค. ให็สมาชิ!กอธ์!บายเห็ต�ผู้ลุ่ของค-าตอบของแต�ลุ่ะค-าถามให็ได โดยเฉพื่าะแบบฝึ<กห็�ดที่��เป็�นค-าถามป็รน�ยแบบให็เลุ่�อกตอบ
ข�*นที่�� 3 ข�*นที่ดสอบย�อย คร�จั�ดให็น�กเร�ยนที่-าแบบที่ดสอบย�อย ห็ลุ่�งจัากน�กเร�ยนเร�ยนแลุ่ะที่บที่วนเป็�นกลุ่��มเก��ยวก�บเร��องที่��ก-าห็นด น�กเร�ยนที่-าแบบที่ดสอบคนเด�ยวไม�ม�การชิ�วยเห็ลุ่�อก�น
ข�*นที่�� 4 ข�*นห็าคะแนนพื่�ฒนาการ คะแนนพื่�ฒนาการเป็�นคะแนนที่��ไดจัากการพื่!จัารณ์าความแตกต�างระห็ว�างคะแนนที่��ต-�าส�ดการที่ดสอบคร�*งก�อนๆ ก�บคะแนนที่��ไดจัากการที่ดสอบคร�*งป็4จัจั�บ�น เม��อไดคะแนนพื่�ฒนาการของน�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนแลุ่ว จั(งห็าคะแนนพื่�ฒนาการของกลุ่��ม ซึ่(�งไดจัากการน-าคะแนนพื่�ฒนาการของสมาชิ!กแต�ลุ่ะคนมารวมก�น ห็ร�อห็าค�าเฉลุ่��ยของคะแนนพื่�ฒนาการของสมาชิ!กที่�กคน ข�*นที่�� 5 ข�*นให็รางว�ลุ่กลุ่��ม กลุ่��มที่��ไดคะแนนป็ร�บป็ร�งตามเกณ์ฑ์/ที่��ก-าห็นดจัะไดร�บค-าชิมเชิยห็ร�อต!ดป็ระกาศที่��บอร/ดในห็องเร�ยน
ต�วอย�างเกณ์ฑ์/การไดร�บรางว�ลุ่ม�ด�งน�* คะแนนพื่�ฒนาการเฉลุ่��ยของกลุ่��ม ระด�บรางว�ลุ่ 15 ด� 20 ด�มาก 25 ด�เย��ยม
การจั�ดก!จักรรมร�ป็แบบ STAD อาจัน-าไป็ใชิก�บบที่เร�ยนใดๆ ก�ได เน��องจัากข�*นแรกเป็�นการสอนที่��คร�ด-าเน!นการตามป็กต! แลุ่วจั(งจั�ดให็ม�การที่บที่วนเป็�นกลุ่��ม
3.ร�ป็แบบ LT (Learning Together)
ร�ป็แบบ LT (Learning Together) น�* Johnson & Johnson เป็�นผู้�เสนอในป็> ค.ศ. 1975 ต�อมาในป็> ค.ศ. 1984 เขาเร�ยกร�ป็แบบน�*ว�า ว�ฏิจั�กรการเร�ยนร� (Circles of Learning) ร�ป็แบบน�*ม�การก-าห็นดสถานการณ์/แลุ่ะเง��อนไขให็น�กเร�ยนที่-าผู้ลุ่งานเป็�นกลุ่��ม ให็น�กเร�ยนแลุ่กเป็ลุ่��ยนความค!ดเห็�นแลุ่ะแบ�งป็4นเอกสาร การแบ�งงานที่��เห็มาะสม แลุ่ะการให็รางว�ลุ่กลุ่��ม ซึ่(�งจัอห็/นส�นแลุ่ะจัอห็/นส�นไดเสนอห็ลุ่�กการจั�ดก!จักรรมการเร�ยนแบบร�วมม�อ ไวว�า การจั�ดก!จักรรมการเร�ยนแบบร�วมม�อตามร�ป็แบบ LT จัะตองม�องค/ป็ระกอบด�งน�*
1.สรางความร� ส(กพื่(�งพื่าก�น (Positive Interdependence) ให็เก!ดข(*นในกลุ่��มน�กเร�ยนซึ่(�งอาจัที่-าไดห็ลุ่ายว!ธ์� ค�อ 1.1 ก-าห็นดเป็.าห็มายร�วมของกลุ่��ม (Mutual Goals) ให็ที่�กคนตองเร�ยนร� เห็ม�อนก�น 1.2 การให็รางว�ลุ่รวม เชิ�น ถาสมาชิ!กที่�กคนของกลุ่��มไดคะแนนค!ดเป็�นรอยลุ่ะ 90 ข(*นไป็ของคะแนนเต�ม (Joint Rewards) สมาชิ!กในกลุ่��มน�*นจัะไดคะแนนพื่!เศษอ�กคนลุ่ะ 5 คะแนน 1.3 ให็ใชิเอกสารห็ร�อแห็ลุ่�งขอม�ลุ่ (Share Resources) คร�อาจัแจักเอกสารที่��ตองใชิเพื่�ยง 1 ชิ�ด สมาชิ!กแต�ลุ่ะคนจัะตองชิ�วยก�นอ�านโดยแบ�งเอกสารออกเป็�นส�วนๆ เพื่��อที่-างานที่��ไดร�บมอบห็มายให็ส-าเร�จั 1.4 ก-าห็นดบที่บาที่ของสมาชิ!กในการที่-างานกลุ่��ม (Assigned Roles)
งานที่��มอบห็มายแต�ลุ่ะงานอาจัก-าห็นดบที่บาที่การที่-างานของสมาชิ!กในกลุ่��มแตกต�างก�น ห็ากเป็�นงานเก��ยวก�บการตอบค-าถามในแบบฝึ<กห็�ดที่��ก-าห็นด คร�อาจัก-าห็นดบที่บาที่ของสมาชิ!กในกลุ่��มเป็�นผู้�อ�านค-าถาม ผู้�ตรวจัสอบ ผู้�กระต�นให็สมาชิ!กชิ�วยก�นค!ดห็าค-าตอบแลุ่ะผู้�จัดบ�นที่(กค-าตอบ 2.จั�ดให็ม�ป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ระห็ว�างน�กเร�ยน (Face-To-Face Interaction)
ให็น�กเร�ยนที่-างานดวยก�นภายใตบรรยากาศของความชิ�วยเห็ลุ่�อแลุ่ะส�งเสร!มก�น 3.จั�ดให็ม�ความร�บผู้!ดชิอบในส�วนบ�คคลุ่ที่��จัะเร�ยนร� (Individual
Accountability) เป็�นการที่-าให็น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนต�*งใจัเร�ยนแลุ่ะชิ�วยก�นที่-างาน ไม�ก!นแรงเพื่��อน คร�อาจัจั�ดสภาพื่การณ์/ไดดวยการป็ระเม!นเป็�นระยะ ส��มสมาชิ!กของกลุ่��มให็ตอบค-าถามห็ร�อรายงานผู้ลุ่การที่-างาน สมาชิ!กที่�กคนจั(งตองเตร�ยมพื่รอมที่��จัะเป็�นต�วแที่นของกลุ่��ม 4.ให็ความร� เก��ยวก�บที่�กษะส�งคม (Social Skills) การที่-างานร�วมก�บผู้�อ��นไดอย�างด� น�กเร�ยนตองม�ที่�กษะที่างส�งคมที่��จั-าเป็�น ไดแก� ความเป็�นผู้�น-า การต�ดส!นใจั การสรางความไวใจั การส��อสาร แลุ่ะที่�กษะการจั�ดการก�บขอข�ดแยงอย�างสรางสรรค/ 5.จั�ดให็ม�กระบวนการกลุ่��ม (Group Processing) เป็�นการเป็:ดโอกาสให็
น�กเร�ยนป็ระเม!นการที่-างานของสมาชิ!กในกลุ่��ม ให็ก-าลุ่�งใจัซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น แลุ่ะห็าที่างป็ร�บป็ร�งการที่-างานกลุ่��มให็ด�ข(*น จัากห็ลุ่�กการด�งกลุ่�าวที่-าให็ไดร�ป็แบบการเร�ยนร� ร �วมก�น ห็ร�อ Learning
Together ที่��น�กเร�ยนที่-างานเป็�นกลุ่��มเพื่��อให็ไดผู้ลุ่งานกลุ่��ม ในขณ์ะที่-างานน�กเร�ยนชิ�วยก�นค!ดแลุ่ะชิ�วยก�นตอบค-าถาม พื่ยายามที่-าให็สมาชิ!กที่�กคนม�ส�วนร�วมแลุ่ะที่�กคนเขาใจัที่��มาของค-าตอบ ให็น�กเร�ยนขอความชิ�วยเห็ลุ่�อจัากเพื่��อนก�อนที่��จัะถามคร� แลุ่ะคร�ชิมเชิยห็ร�อให็รางว�ลุ่กลุ่��มตามผู้ลุ่งานของกลุ่��มเป็�นห็ลุ่�ก ในการน-าร�ป็แบบน�*ไป็ใชิควรด-าเน!นการด�งน�* 1. ก-าห็นดว�ตถ�ป็ระสงค/การสอนให็ชิ�ดเจัน 2. จั�ดกลุ่��มให็ม�ขนาดไม�เก!น 6 คน ห็ากน�กเร�ยนย�งให็ม�ต�อการเร�ยนแบบร�วมม�อ ควรใชิกลุ่��มที่��ม�ขนาดเลุ่�ก เพื่��อให็น�กเร�ยนม�ส�วนร�วมมากที่��ส�ด น�กเร�ยนในแต�ลุ่ะกลุ่��มม�ความสามารถแตกต�างก�น ม�เพื่ศห็ญ!งแลุ่ะเพื่ศชิาย แต�ในบางคร�*งการจั�ดน�กเร�ยนที่��ม�ความสามารถเห็ม�อนก�นเขากลุ่��มเด�ยวก�นเพื่��อฝึ<กที่�กษะก�สามารถที่-าได 3. จั�ดให็ม�น�กเร�ยนน��งห็�นห็นาเขาห็าก�นเป็�นวง เพื่��อให็สามารถส��อสารพื่�ดค�ยก�นไดสะดวก 4. จั�ดเอกสารห็ร�อส��อการสอนที่��ที่-าให็น�กเร�ยนตองพื่(�งพื่าอาศ�ยก�น เชิ�น จั�ดเอกสารให็กลุ่��มลุ่ะชิ�ดเด�ยว เพื่��อให็น�กเร�ยนแบ�งก�นด� แบ�งเน�*อห็าออกเป็�นส�วนย�อยให็แต�ลุ่ะคนร�บผู้!ดชิอบในการอ�าน แลุ่ะที่-าให็เก!ดการแข�งข�นระห็ว�างกลุ่��มเพื่��อให็สมาชิ!กภายในกลุ่��มตองพื่(�งพื่าชิ�วยเห็ลุ่�อก�นที่-าให็กลุ่��มของตนเป็�นกลุ่��มที่��ชินะ 5. ก-าห็นดบที่บาที่ของสมาชิ!กในกลุ่��มเพื่��อให็เก!ดการพื่(�งพื่าก�น ต�วอย�างบที่บาที่ในการที่-างานกลุ่��มไดแก� ผู้�สร�ป็ย�อ ที่-าห็นาที่��สร�ป็บที่เร�ยน ผู้�ตรวจัสอบ ที่-าห็นาที่��สอบถามเพื่��อนสมาชิ!ก ผู้�กระต�น ที่-าห็นาที่��ส�งเสร!มชิ�กชิวนให็เพื่��อนสมาชิ!กที่�กคนแสดงความค!ดเห็�น ผู้�บ�นที่(ก ที่-าห็นาที่��จัดบ�นที่(กการต�ดส!นใจัของกลุ่��มห็ร�อรายงานของกลุ่��ม ผู้�ส�งเกต ที่-าห็นาที่��ตรวจัสอบความร�วมม�อระห็ว�างสมาชิ!กภายในกลุ่��ม
6. อธ์!บายงานที่��มอบห็มายให็น�กเร�ยนที่-า 7. แจังเง��อนไขเพื่��อจั�ดสภาพื่ให็เก!ดความเก��ยวพื่�นก�นในเร��องของเป็.าห็มายร�วม อาจัที่-าไดโดยก-าห็นดให็กลุ่��มผู้ลุ่!ตผู้ลุ่งานร�วมก�นเพื่�ยง 1 ชิ!*น ห็ร�อให็รางว�ลุ่กลุ่��มจัากผู้ลุ่งานของสมาชิ!กแต�ลุ่ะคน 8. จั�ดสภาพื่ให็เก!ดความร�บผู้!ดชิอบในการเร�ยนร� ของแต�ลุ่ะคน ซึ่(�งจัะที่-าให็ที่�กคนม�ส�วนให็ก�บกลุ่��ม เชิ�น คร�จั�ดสอบน�กเร�ยนเป็�นรายบ�คคลุ่ คร�ส��มเลุ่�อกสมาชิ!กของคนใดคนห็น(�งข(*นมารายงานผู้ลุ่งานของกลุ่��ม ห็ร�อคร�เลุ่�อกผู้ลุ่งานของสมาชิ!กคนใดคนห็น(�งมาเป็�นต�วแที่นของกลุ่��มแลุ่วให็คะแนนกลุ่��มจัากผู้ลุ่งานของสมาชิ!กคนน�*น เป็�นตน 9. จั�ดสภาพื่ให็เก!ดความร�วมม�อระห็ว�างกลุ่��ม เป็�นตนว�าให็ถามเพื่��อนกลุ่��มอ��นไดเม��อตองการความชิ�วยเห็ลุ่�อ 10. อธ์!บายเกณ์ฑ์/ของความส-าเร�จั การให็คะแนนควรเป็�นแบบอ!งเกณ์ฑ์/มากกว�าอ!งกลุ่��ม ส-าห็ร�บกลุ่��มแบบแตกต�าง (Heterogeneous
Groups) เกณ์ฑ์/การให็คะแนนส-าห็ร�บแต�ลุ่ะกลุ่��มจัะตองพื่!จัารณ์าเป็�นรายกรณ์�ไป็ 11. ระบ�พื่ฤต!กรรมที่��คาดห็ว�ง ในระยะแรกพื่ฤต!กรรมที่��คาดห็ว�ง ค�อ ให็อย��ก�บกลุ่��ม ถามชิ��อเพื่��อนสมาชิ!กในพื่ฤต!กรรมระด�บที่��ซึ่�บซึ่อนข(*น ไดแก� ให็สมาชิ!กที่�กคนม�ส�วนร�วมในการอภ!ป็ราย ที่�กคนเขาใจั แลุ่ะเห็�นดวยก�บค-าตอบของกลุ่��ม 12. ระห็ว�างที่��น�กเร�ยนที่-างานเป็�นกลุ่��ม คร�ม�บที่บาที่ ด�งน�* 12.1 ส�งเกตพื่ฤต!กรรมการที่-างานของน�กเร�ยนอย�างต�อเน��อง เพื่��อด-าเน!นการแกไข ห็ากน�กเร�ยนป็ระสบป็4ญห็าในการที่-างานห็ร�อป็4ญห็าเก��ยวก�บการร�วมม�อก�น 12.2 ให็ความชิ�วยเห็ลุ่�อน�กเร�ยน คร�จั-าเป็�นตองเขาไป็แที่รกในระห็ว�างการที่-างานของน�กเร�ยนเป็�นคร�*งคราว เพื่��อชิ�*แจังค-าส��ง เพื่��อตอบป็4ญห็าขอสงส�ย เพื่��อกระต�นให็น�กเร�ยนแสดงความค!ดเห็�น พื่�ดค�ย แลุ่ะเพื่��อสอนที่�กษะการเร�ยน 12.3 สอนที่�กษะการร�วมม�อเพื่��อให็ส��อสารก�นไดอย�างม�ป็ระส!ที่ธ์!ภาพื่
13.สร�ป็บที่เร�ยนโดยน�กเร�ยนแลุ่ะคร� 14.น�กเร�ยนป็ระเม!นการที่-างานของสมาชิ!กในกลุ่��มแลุ่ะห็าแนวที่างแกไขป็4ญห็าการที่-างานในคร�*งต�อไป็ 15.การป็ระเม!นผู้ลุ่ 15.1 ป็ระเม!นผู้ลุ่งานของน�กเร�ยน อาจัที่-าไดห็ลุ่ายว!ธ์� เชิ�น ให็สมาชิ!กที่�กคนในกลุ่��มไดคะแนนเที่�าก�น ซึ่(�งเป็�นการเสร!มแรงให็น�กเร�ยนร�วมม�อก�น ห็ร�อให็แรงเสร!มแบบร�วมม�อไป็พื่รอมก�บการให็แรงเสร!มรายบ�คคลุ่ โดยให็คะแนนเป็�นรายบ�คคลุ่จัากผู้ลุ่งานของแต�ลุ่ะคนแลุ่ะให็รางว�ลุ่กลุ่��มจัากคะแนนรวมของสมาชิ!กในกลุ่��ม ห็ร�อน�กเร�ยนไดคะแนนของตนเองรวมก�บคะแนนพื่!เศษ (Bonus Points) ที่��ไดจัากจั-านวนสมาชิ!กภายในกลุ่��มที่��ไดคะแนนผู้�านเกณ์ฑ์/ที่��ก-าห็นด 15.2 ป็ระเม!นการที่-างานของกลุ่��มจัากการส�งเกตระห็ว�างเร�ยน แลุ่ะการอภ!ป็รายในข�*นกระบวนการกลุ่��ม
ข�*นตอนการจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ LT
1. คร�แลุ่ะน�กเร�ยนที่บที่วนเน�*อห็าเด!ม ห็ร�อความร� พื่�*นฐานที่��เก��ยวของ 2. คร�แจักแบบฝึ<กห็ร�อใบงานให็ที่�กกลุ่��ม กลุ่��มลุ่ะ 1 ชิ�ดเห็ม�อนก�น น�กเร�ยนชิ�วยที่-างานโดยแบ�งห็นาที่��แต�ลุ่ะคน เชิ�น น�กเร�ยนคนที่�� 1 อ�านค-าแนะน-า ค-าส��งห็ร�อโจัที่ย/ในการด-าเน!นงาน น�กเร�ยนคนที่�� 2 ฟั4งข�*นตอนแลุ่ะรวบรวมขอม�ลุ่ น�กเร�ยนคนที่�� 3 อ�านส!�งที่��โจัที่ย/ตองการที่ราบแลุ่วห็าค-าตอบ น�กเร�ยนคนที่�� 4 ตรวจัค-าตอบ เม��อน�กเร�ยนที่-าแต�ลุ่ะขอห็ร�อแต�ลุ่ะส�วนเสร�จัแลุ่ว ให็น�กเร�ยนห็ม�นเว�ยนเป็ลุ่��ยนห็นาที่��ก�นในการที่-าโจัที่ย/ขอถ�ดไป็ที่�กคร�*งจันเสร�จัแบบฝึ<กที่�*งห็มด 3.แต�ลุ่ะกลุ่��มส�งกระดาษค-าตอบห็ร�อผู้ลุ่งานเพื่�ยงชิ�ดเด�ยว ถ�อว�าเป็�นผู้ลุ่งานที่��สมาชิ!กที่�กคนยอมร�บ แลุ่ะเขาใจัแบบฝึ<กห็ร�อการที่-างานชิ!*นน�*แลุ่ว 4.ตรวจัค-าตอบห็ร�อผู้ลุ่งานให็คะแนนดวยกลุ่��มเองห็ร�อคร�ก�ได กลุ่��มที่��ไดคะแนนส�งส�ดจัะไดรางว�ลุ่ห็ร�อต!ดป็ระกาศไวในบอร/ด
4.ร�ป็แบบ TAI (Team Assisted Individualization)
TAI (Team Assisted Individualization) ค�อ ว!ธ์�การสอนที่��ผู้สมผู้สานระห็ว�างการเร�ยนแบบร�วมม�อ (Cooperrative Learning) แลุ่ะการสอนรายบ�คคลุ่ (Individualization Instruction) เขาดวยก�น โดยให็ผู้�เร�ยนไดลุ่งม�อที่-าก!จักรรมในการเร�ยนไดดวยตนเองตามความสามารถของตนแลุ่ะส�งเสร!มความร�วมม�อภายในกลุ่��ม ม�การแลุ่กเป็ลุ่��ยนป็ระสบการณ์/การเร�ยนร� แลุ่ะป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ที่างส�งคม
ข�*นตอนการจั�ดก-จักรรมการเร�ยนการสอน 1. จั�ดน�กเร�ยนเป็�นกลุ่��ม กลุ่��มลุ่ะ 4-5 คน ป็ระกอบดวยน�กเร�ยนเก�ง ป็านกลุ่าง แลุ่ะอ�อน 2. ที่ดสอบจั�ดระด�บ (Placement Test) ตามคะแนนที่��ได 3. น�กเร�ยนศ(กษาเอกสารแนะน-าบที่เร�ยน ที่-าก!จักรรมจัากส��อที่��ไดร�บ เสร�จัแลุ่วส�งให็เพื่��อนในกลุ่��มตรวจั โดยม�ขอแนะน-าด�งน�* 3.1 ตอบถ�กห็มดที่�กขอ ให็เร�ยนต�อ 3.2 ตอบผู้!ดบางให็ซึ่�กถามเพื่��อนในกลุ่��มเพื่��อชิ�วยเห็ลุ่�อก�อนที่��จัะถามคร� 4.เม��อน�กเร�ยนที่-าแบบฝึ<กห็�ดที่�กษะในส��อที่��ไดเร�ยนจับแลุ่ว 4.1 ที่ดสอบย�อยฉบ�บ A เป็�นรายบ�คคลุ่ ส�งให็เพื่��อนในกลุ่��มตรวจั ถาไดคะแนน 75% ข(*นไป็ ถ�อว�าผู้�าน 4.2 ถาไดคะแนนไม�ถ(ง 75% ให็ไป็เร�ยนจัากส��อที่��ศ(กษาไป็แลุ่วอ�กคร�*ง แลุ่วที่ดสอบฉบ�บ B เป็�นรายบ�คคลุ่ 5.ที่ดสอบน�กเร�ยนดวยแบบที่ดสอบป็ระจั-าห็น�วย (Unit Test)
ถาไม�ผู้�าน 75% ผู้�สอนจัะพื่!จัารณ์าแกไขป็4ญห็าอ�กคร�*ง 6.คร�ค!ดคะแนนเฉลุ่��ยของแต�ลุ่ะกลุ่��ม แลุ่วจั�ดอ�นด�บด�งน�* 6.1 กลุ่��มที่��ผู้�านเกณ์ฑ์/ส�ง ไดเป็�น Super Team (ยอดเย��ยม)
6.2 กลุ่��มที่��ผู้�านเกณ์ฑ์/ป็านกลุ่าง ไดเป็�น Great Team (ด�มาก)
6.3 กลุ่��มที่��ผู้�านเกณ์ฑ์/ต-�า ไดเป็�น Good Team (ด�)
5.ร�ป็แบบ TGT (Teams – Games -Tournaments)
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบร�วมม�อตามร�ป็แบบ TGT เป็�นการเร�ยนแบบร�วมม�อก�นแข�งข�นที่-าก!จักรรม โดยม�ข� *นตอนการจั�ดก!จักรรมด�งน�* ข� *นที่�� 1 คร�ที่บที่วนบที่เร�ยนที่��เร�ยนมาแลุ่วคร�*งก�อน ดวยการซึ่�กถามแลุ่ะอธ์!บาย ตอบขอสงส�ยของน�กเร�ยน ข�*นที่�� 2 จั�ดกลุ่��มแบบคลุ่ะก�น (Home Team) กลุ่��ม 3-4 คน ข�*นที่�� 3 แต�ลุ่ะที่�มศ(กษาห็�วขอที่��เร�ยนในว�นน�*จัากแบบฝึ<ก (Worksheet
And Answer Sheet) น�ก เร�ยนแต�ลุ่ะคนที่-าห็นาที่��แลุ่ะป็ฏิ!บ�ต!ตามกต!กาของ Cooperative Learning เชิ�น เป็�นผู้�จัดบ�นที่(ก ผู้�ค-านวณ์ ผู้�สน�บสน�น เม��อสมาชิ!กที่�กคนเขาใจัแลุ่ะสามารถที่-าแบบฝึ<กห็�ดไดถ�กตองที่�กขอ ที่�มจัะเร!�มที่-าการแข�งข�นตอบป็4ญห็า
ข�*นที่�� 4 การแข�งข�นตอบป็4ญห็า (Academic Games Tournament)
4.1 คร�ที่-าห็นาที่��เป็�นผู้�จั�ดการห็องเร�ยน โดยแบ�งตามความสามารถของน�กเร�ยน เชิ�น โตDะที่�� 1 เป็�นโตDะแข�งข�นส-าห็ร�บน�กเร�ยนที่��ม�ความสามารถเก�งมาก โตDะที่�� 2 แลุ่ะ 3 เป็�นโตDะแข�งข�นส-าห็ร�บน�กเร�ยนที่��ม�ความสามารถป็านกลุ่าง โตDะที่�� 4 เป็�นโตDะที่��แข�งข�นส-าห็ร�บน�กเร�ยนที่��ม�ความสามารถอ�อน 4.2 คร�แจักซึ่องค-าถามจั-านวน 10 ค-าถามให็ที่�กโตDะ (เป็�นค-าถามเห็ม�อนก�น)
4.3 น�กเร�ยนเป็ลุ่��ยนก�นห็ย!บซึ่องค-าถามที่�ลุ่ะ 1 ซึ่อง (1 ค-าถาม) แลุ่ววางลุ่งกลุ่างโตDะ 4.4 น�กเร�ยน 9 คนที่��เห็ลุ่�อค-านวณ์ห็าค-าตอบ จัากค-าถามที่�� อ�าน 4.3 เข�ยนค-าตอบลุ่งในกระดาษค-าตอบที่��แต�ลุ่ะคนม�อย�� 4.5 น�กเร�ยนคนที่��ที่-าห็นาที่��อ�านค-าถามจัะเป็�นคนให็คะแนน โดยม�กต!กาการให็คะแนน ด�งน�* 4.5.1 ผู้�ตอบถ�กเป็�นคนแรก จัะได 2 คะแนน 4.5.2 ผู้�ตอบถ�กคนต�อไป็ จัะไดคนลุ่ะ 1 คะแนน 4.5.3 ถาตอบผู้!ด ให็ 0 คะแนน 4.6 ที่-าข�*นตอนที่�� 4.3 - 4.5 โดยผู้ลุ่�ดก�นอ�านค-าถามจันกว�าค-าถามจัะห็มด
4.7 น�กเร�ยนที่�กคนรวมคะแนนของต�วเอง โดยที่��ที่�กคนควรไดตอบค-าถามจั-านวนเที่�าๆ ก�น จั�ดลุ่-าด�บของคะแนนที่��ได ซึ่(�งก-าห็นดโบน�สของแต�ลุ่ะโตDะด�งน�* โบน�ส ผู้�ที่��ไดคะแนนส�งส�ดที่�� 1 ป็ระจั-าโตDะแต�ลุ่ะโตDะ จัะไดโบน�ส 10 แตม ผู้�ที่��ไดคะแนนรองที่�� 2 ป็ระจั-าโตDะแต�ลุ่ะโตDะ จัะไดโบน�ส 8 แตม ผู้�ที่��ไดคะแนนรองที่�� 3 ป็ระจั-าโตDะแต�ลุ่ะโตDะ จัะไดโบน�ส 6 แตม ผู้�ที่��ไดคะแนนนอยที่��ส�ด ป็ระจั-าโตDะแต�ลุ่ะโตDะ จัะไดโบน�ส 4 แตม ข�*นที่�� 5 น�กเร�ยนกลุ่�บมากลุ่��มเด!ม (Home Team) รวมแตมโบน�สของที่�กคน ที่�มใดที่��ม�แตมโบน�สส�งส�ด จัะให็รางว�ลุ่ห็ร�อต!ดป็ระกาศไวในม�มข�าวของห็อง
6.ร�ป็แบบ GI (Group Investigation)
GI (Group Investigation) พื่�ฒนาโดย Sharan แลุ่ะคณ์ะ เป็�นร�ป็แบบการเร�ยนแบบร�วมม�อที่��ม�ความซึ่�บซึ่อนแลุ่ะกวางมาก ป็ร�ชิญาของร�ป็แบบ GI ก�ค�อตองการป็ลุ่�กฝึ4งการร�วมม�อก�นอย�างม�ป็ระชิาธ์!ป็ไตย ม�การกระจัายภาระงานแลุ่ะส!ที่ธ์!ในการแสดงความค!ดเห็�นที่��เที่�าเที่�ยมก�นของสมาชิ!กในกลุ่��ม GI ม�การกระต�นบที่บาที่ที่��แตกต�างก�นที่�*งภายในกลุ่��มแลุ่ะระห็ว�างกลุ่��ม แนวค!ดในการจั�ดการเร�ยนการสอน 1. น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนจัะไดแสดงความสามารถของตน ในการแสวงห็าความร� (ห็ร�อในการที่-างาน)
2. น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคน ตองถ�ายที่อดความร� ห็ร�อว!ธ์�การที่-างานให็เพื่��อนน�กเร�ยนเขาใจัดวย 3. ที่�กคนตองร�วมแสดงความค!ดเห็�น อภ!ป็รายซึ่�กถามจันเขาใจัในที่�กเร��อง(ห็ร�อที่�กงาน)
4. ที่�กคนตองร�วมม�อก�นสร�ป็ความเขาใจัที่��ได (ส�ตรห็ร�อความส�มพื่�นธ์/ห็ร�อผู้ลุ่งาน) น-าส�งอาจัารย/เพื่�ยง 1 ฉบ�บเที่�าน�*น 5. เห็มาะก�บการสอนความร� ที่��สามารถแยกเป็�นอ!สระไดเป็�นส�วนๆ ห็ร�อแยก
ที่-าไดห็ลุ่ายว!ธ์� ห็ร�อการที่บที่วนเร��องใดที่��แบ�งเป็�นเร��องย�อยๆ ได ห็ร�อการที่-างานที่��แยกออกเป็�นชิ!*นๆ ได
GI ม�องค/ป็ระกอบอย��ดวยก�น 6 ป็ระการ ค�อ 1. การเลุ่�อกห็�วขอเร��องที่��จัะศ(กษา (Topic Selection) น�กเร�ยนเลุ่�อกห็�วขอที่��เฉพื่าะเจัาะจังของป็4ญห็าที่��เลุ่�อก แลุ่วกลุ่��มจัะแบ�งภาระงานออกเป็�นงานย�อยๆ ที่��ม�สมาชิ!ก 2-5 คนร�วมก�นที่-างาน
2. การวางแผู้นร�วมม�อก�นในการที่-างาน (Cooperative Planning) คร�แลุ่ะน�กเร�ยนวางแผู้นร�วมก�นในว!ธ์�ด-าเน!นการ ภาระงานที่��ที่-า แลุ่ะเป็.าห็มายของงานในแต�ลุ่ะห็�วขอย�อยตามป็4ญห็าที่��เลุ่�อก
3. การด-าเน!นงานตามแผู้นการที่��วางไว (Implementation) น�กเร�ยนด-าเน!นงานตามแผู้นการที่��วางไวในข�*นที่�� 2 ก!จักรรมแลุ่ะที่�กษะต�างๆ ที่��น�กเร�ยนจัะตองศ(กษาควรมาจัากแห็ลุ่�งขอม�ลุ่ที่�*งภายในแลุ่ะภายนอกโรงเร�ยน คร�จัะให็ค-าป็ร(กษาก�บกลุ่��มพื่รอมก�บต!ดตามความกาวห็นาในการที่-างานของน�กเร�ยนแลุ่ะชิ�วยเห็ลุ่�อน�กเร�ยนเม��อเขาตองการความชิ�วยเห็ลุ่�อ
4. การว!เคราะห็/แลุ่ะส�งเคราะห็/งานที่��ที่-า (Analysis and Synthesis)
น�กเร�ยนว!เคราะห็/แลุ่ะป็ระเม!นขอม�ลุ่ที่��เขารวบรวมไดในข�*นที่�� 3 แลุ่ะวางแผู้นห็ร�อลุ่งขอสร�ป็ในร�ป็แบบที่��น�าสนใจัเพื่��อน-าเสนอต�อชิ�*นเร�ยน
5. การน-าเสนอผู้ลุ่งาน (Presentation of Final Report) กลุ่��มน-าเสนอผู้ลุ่งานตามห็�วขอเร��องที่��เลุ่�อก คร�ตองพื่ยายามให็น�กเร�ยนที่�กคนไดม�ส�วนร�วมขณ์ะที่��ม�การน-าเสนอผู้ลุ่งานห็นาชิ�*นเร�ยนเพื่��อเป็�นการขยายความค!ดของต�วน�กเร�ยนเองให็กวางไกลุ่ โดยเฉพื่าะในห็�วขอเร��องที่��กลุ่��มไม�ไดศ(กษา คร�จัะที่-าห็นาที่��เป็�นผู้�ป็ระสานงานในระห็ว�างการน-าเสนอผู้ลุ่งาน
6. การป็ระเม!นผู้ลุ่ (Evaluation) คร�แลุ่ะน�กเร�ยนจัะร�วมก�นป็ระเม!นผู้ลุ่งานที่��ถ�กน-าเสนอพื่รอมที่�*งแสดงความค!ดเห็�นที่��ม�ต�อผู้ลุ่งานที่�กชิ!*น การ
ป็ระเม!นผู้ลุ่อาจัรวมที่�*งการป็ระเม!นเป็�นรายบ�คคลุ่แลุ่ะเป็�นกลุ่��ม
GI เป็�นการเร�ยนแบบร�วมม�อที่��มอบห็มายความร�บผู้!ดชิอบอย�างส�งให็ก�บน�กเร�ยน ในการที่��จัะบ�งชิ�*ว�าเร�ยนอะไรแลุ่ะเร�ยนอย�างไร ในการรวบรวมขอม�ลุ่ ว!เคราะห็/แลุ่ะต�ความห็มายของส!�งที่��ศ(กษาโดยเนนการส��อความห็มายแลุ่ะการแลุ่กเป็ลุ่��ยนความค!ดเป็�นของก�นแลุ่ะก�นในการที่-างาน
ข�*นตอนการจั�ดการเร�ยนการสอน แบ�งออกเป็�น 4 ข�*นตอนให็ญ�ๆ ด�งน�* 1.การที่บที่วนแลุ่ะชิ�*แจัง (5-10 นาที่�) 1.1 คร�แลุ่ะน�กเร�ยนที่บที่วนความร� เด!ม ห็ร�อที่�กษะพื่�*นฐานที่��จั-าเป็�นที่��ตองที่ราบห็ร�อสามารถจั�ดที่-าเป็�นมาก�อน 1.2 คร�บอกจั�ดป็ระสงค/ของการเร�ยนร� ในคาบการสอนน�* 1.3 คร�อธ์!บายข�*นตอนของการป็ฏิ!บ�ต!งานแลุ่ะว!ธ์�การต�างๆ ของการเร�ยนแบบ GI
2.การมอบห็มายงานแลุ่ะป็ฏิ!บ�ต!งาน (10-15 นาที่�) 2.1 คร�จั�ดเตร�ยมใบงาน โดยแยกออกเป็�น 4 ส�วน ห็ร�อ 4 ว!ธ์�ตามความเห็มาะสม (จั�ดแบ�งงานง�าย-ยาก) มอบให็แต�ลุ่ะกลุ่��มเห็ม�อนก�น 2.2 ภายในกลุ่��มจั�ดแบ�งงานตามความถน�ด ความสามารถ (อ�อน-เก�ง)
2.3 แต�ลุ่ะคนที่-าตามใบงานที่��ไดร�บมอบห็มาย ให็เสร�จัภายในเวลุ่าที่��ก-าห็นด 3.สร�ป็ผู้ลุ่งาน (15-20 นาที่�) 3.1 แต�ลุ่ะคนน-าผู้ลุ่งานของตนเสนอต�อเพื่��อนๆ ในกลุ่��มตามลุ่-าด�บ 1-4
3.2 อธ์!บายลุ่�กษณ์ะงานที่��ไดร�บ การด-าเน!นงาน จันถ(งสร�ป็ที่��ได (ห็ร�อผู้ลุ่งานที่�� แลุ่วเสร�จั)
3.3 เพื่��อนๆ สามารถร�วมอภ!ป็รายห็ร�อซึ่�กถาม แนวความค!ด แนวการแกป็4ญห็าห็ร�อ เสนอความค!ดเห็�นอ��นๆ ได จันที่�กคนเขาใจัแจั�มชิ�ดในที่�กงานครบถวน 3.4 จั�ดที่-าเป็�นรายงานร�วมก�นห็ร�อผู้ลุ่งานร�วมก�นส�ง 1 ชิ�ด 4. การป็ระเม!นผู้ลุ่ ที่-าไดห็ลุ่ายว!ธ์�ข(*นอย��ก�บเวลุ่าที่��เห็ลุ่�อ เชิ�น 4.1 ให็น�กเร�ยนน-าผู้ลุ่งานมาเสนอห็นาชิ�*นเร�ยนห็ร�อบนบอร/ด แลุ่วคร�ผู้�สอน
ป็ระเม!น ห็ร�อต�*งกรรมการน�กเร�ยนมาชิ�วยป็ระเม!นผู้ลุ่งานของกลุ่��มต�างๆ (นอกเวลุ่าเร�ยน)
4.2 คร�เลุ่�อกน�กเร�ยนคนใดก�ไดในแต�ลุ่ะกลุ่��มมารายงานผู้ลุ่การที่-างานที่�*งห็มด ที่�กคนตองพื่รอมที่��จัะรายงานที่�*งห็มดได 4.3 จัากคะแนนที่��ได คร�ชิมเชิย ห็ร�อให็รางว�ลุ่ ห็ร�อเก�บสะสมคะแนนไว ส-าห็ร�บการจั�ดห็า Super Team ป็ระจั-าส�ป็ดาห็/ต�อไป็
7.โป็รแกรม CIRC (Cooperative Intergrated Reading and Composition) CIRC ค�อ โป็รแกรมส-าห็ร�บสอนการอ�าน การเข�ยนแลุ่ะที่�กษะที่างภาษา (Language arts) ใชิก�บน�กเร�ยนระด�บป็ระถมศ(กษาตอนป็ลุ่าย โดยเนนที่��ห็ลุ่�กส�ตรแลุ่ะว!ธ์�การสอน โดยการพื่ยายามน-าการเร�ยนร� แบบร�วมม�อมาใชิ โป็รแกรม CIRC พื่�ฒนาข(*นโดย Madden, Slavin แลุ่ะ Stevens ในป็> 1986 น�บว�าเป็�นโป็รแกรมที่��ให็ม�ที่��ส�ดของว!ธ์�การเร�ยนร� เป็�นที่�ม ซึ่(�งเป็�นโป็รแกรมการเร�ยนแบบร�วมม�อที่��น�าสนใจัย!�ง เน��องจัากเป็�นโป็รแกรมการเร�ยนการสอนที่��น-าการเร�ยนแบบร�วมม�อมาใชิก�บการอ�านแลุ่ะการเข�ยนโดยตรง CIRC-Reading ส-าห็ร�บการอ�าน น�กเร�ยนจัะไดร�บการสอนภายในกลุ่��มการอ�าน ห็ลุ่�งจัากน�*นให็น�กเร�ยนแยกออกเป็�นที่�ม เพื่��อที่-างานตามก!จักรรมแบบร�วมม�อ โดยการจั�บค��ก�นอ�าน การที่-านายเร��องที่��อ�าน การสร�ป็เร��องให็อ�กคนห็น(�งฟั4ง การเข�ยนตอบค-าถามจัากเร��อง การฝึ<กสะกดค-าศ�พื่ที่/ การถอดรห็�สแลุ่ะฝึ<กเร��องค-าศ�พื่ที่/ น�กเร�ยนที่-างานร�วมก�นในที่�มเพื่��อให็น�กเร�ยนสามารถจั�บใจัความส-าค�ญของเร��องที่��อ�านได แลุ่ะไดที่�กษะอ��นๆ ที่��เก��ยวของก�บความเขาใจัในการอ�าน CIRC-Writing/Language Arts ส-าห็ร�บการเข�ยน ว!ธ์�การที่��ใชิข(*นอย��ก�บร�ป็แบบกระบวนการเข�ยน ซึ่(�งใชิร�ป็แบบที่�มเห็ม�อนก�บโป็รแกรม CIRC
ส-าห็ร�บการอ�าน ว!ธ์�การน�*น�กเร�ยนที่-างานร�วมก�นเพื่��อวางแผู้น (plan) ร�างตนฉบ�บ (draft) ที่บที่วนแกไข (revise) รวบรวมแลุ่ะลุ่-าด�บเร��อง (edit)
แลุ่ะพื่!มพื่/ห็ร�อแสดงผู้ลุ่งาน (publish) เร��องที่��แต�งออกมา โดยคร�เป็�นผู้�
เสนอเน�*อห็าเพื่�ยงเลุ่�กนอยเก��ยวก�บแนวที่าง (style) เน�*อห็า แลุ่ะกลุ่ว!ธ์�ของการเข�ยน CIRC ส-าห็ร�บการอ�านแลุ่ะการเข�ยนน�*น โดยป็กต!แลุ่วจัะใชิควบค��ไป็ดวยก�น แต�กระน�*นก�สามารถใชิโป็รแกรมน�*แยกในการสอนอ�าน ห็ร�อสอนการเข�ยนเพื่�ยงอย�างใดอย�างห็น(�งได โป็รแกรมการเร�ยนแบบร�วมม�อ ม�ลุ่�กษณ์ะก!จักรรมโดยรวมด�งน�*ค�อ 1. การสอนเร!�มตนจัากคร� (Teacher Instruction)
2. การฝึ<กป็ฏิ!บ�ต!ภายในที่�ม (Team Practice) น�กเร�ยนที่-างานในกลุ่��มซึ่(�งม�สมาชิ!ก 4-5 คนโดยม�ความสามารถแตกต�างก�น เร�ยนร� ก�นจัากที่��คร�ไดมอบห็มายให็โดยการใชิ Worksheet ห็ร�ออ�ป็กรณ์/การฝึ<กอ��นๆ ข(*นอย��ก�บเน�*อห็าที่��เร�ยน น�กเร�ยนจัะไดป็ระเม!นเพื่��อนสมาชิ!กในกลุ่��มซึ่(�งก�นแลุ่ะก�น 3. น�กเร�ยนไดป็ระเม!นการเร�ยนร� ของตนเอง (Individual
Assessment) ในเร��องของขอความร� ห็ร�อที่�กษะที่��เขาไดร�บในบที่เร�ยน 4. คะแนนจัากการป็ระเม!นน�กเร�ยนแต�ลุ่ะคน จัะรวมเป็�นคะแนนของที่�ม (Team Recognition) ที่�มใดที่��ไดคะแนนถ(งเกณ์ฑ์/ที่��ก-าห็นดไว จัะไดร�บใบป็ระกาศน�ยบ�ตรห็ร�อรางว�ลุ่อ��นๆ การจั�ดกลุ่��มน�กเร�ยน น�กเร�ยนจัะที่-างานตามก!จักรรมที่��ก-าห็นด ภายในกลุ่��มการเร�ยนร� ที่��ม�น�กเร�ยนซึ่(�งม�ความสามารถแตกต�างก�นในกลุ่��มการอ�าน (Reading Groups) น�*น น�กเร�ยนจัะถ�กก-าห็นดให็อย��ในกลุ่��ม การอ�าน จั-านวน 2-3 กลุ่��ม ข(*นอย��ก�บระด�บการอ�านของเขา โดยคร�เป็�นผู้�ก-าห็นดให็ว�า น�กเร�ยน คนใดจั�ดว�าอย��ในกลุ่��มเก�ง ป็านกลุ่าง ห็ร�ออ�อน
ที่�ม (Teams)
ห็ลุ่�งจัากการแบ�งน�กเร�ยนออกเป็�นกลุ่��มการอ�านแลุ่ว คร�จัะก-าห็นดให็น�กเร�ยนจั�บค��ก�นแลุ่วแต�ลุ่ะค��จัะถ�กก-าห็นดให็เป็�นที่�ม ที่��ป็ระกอบดวยสมาชิ!กอ�กค��ห็น(�งที่��มาจัากกลุ่��มการอ�านอ��น ต�วอย�างเชิ�น ในที่�มห็น(�งป็ระกอบดวยน�กเร�ยนสองคนที่��มาจัากกลุ่��มการอ�านที่��เก�ง (Top Reading Group)
แลุ่ะน�กเร�ยนอ�กสองคนที่��มาจัากกลุ่��มการอ�านที่��อ�อนกว�า (Low Reading
Group) ส�วนน�กเร�ยนที่��จั�ดว�าม�ป็4ญห็าที่างการอ�าน ก�ให็กระจัายก�นอย��ในที่�มต�างๆ ม�ก!จักรรมต�างๆ จั-านวนห็ลุ่ายก!จักรรม ที่��จัะตองที่-างานร�วมก�นแบบเป็�นค��ๆ แต�อย�างไรก�ตาม อ�กค��ห็น(�งที่��อย��ในที่�มเด�ยวก�นสามารถชิ�วยเห็ลุ่�อก�นได น�กเร�ยนในที่�มจัะใชิเวลุ่าส�วนให็ญ�ที่-างานที่��เป็�นอ!สระจัากคร� การให็คะแนน คะแนนของน�กเร�ยนไดจัากการตอบค-าถาม (Quizzes) การแต�งป็ระโยค (Composition) แลุ่ะสม�ดรายงาน (Book Reports) โดยน-ามารวมก�นเป็�นคะแนนของที่�ม 1. ที่�มที่��ที่-าคะแนนในที่�กก!จักรรมไดถ(งเกณ์ฑ์/ 90% ของก!จักรรมที่��ไดร�บในส�ป็ดาห็/ห็น(�งๆ จัะไดร�บการป็ระกาศว�าเป็�น “Super Team” แลุ่ะไดร�บป็ระกาศน�ยบ�ตร 2. ที่�มที่��ที่-าคะแนนได 80-90% จัะไดร�บป็ระกาศให็เป็�น “Great Team”
แลุ่ะไดร�บ ใบป็ระกาศน�ยบ�ตรในระด�บรองลุ่งมา
ข�*นตอนการด-าเน!นการ สามารถที่-าไดตามข�*นตอนในตารางต�อไป็น�*
ข� *นตอน ว!ธ์�การ 1 แจักเร��องส-าห็ร�บอ�านให็น�กเร�ยนที่�กคน คร�แนะน-า ค-าศ�พื่ที่/ให็ม� ที่บที่วนค-าศ�พื่ที่/เก�า ให็น�กเร�ยนต�*ง จั�ดป็ระสงค/ในการอ�าน 2 น�กเร�ยนที่�กคนอ�านเร��องเองในใจัคร(�งเร��อง 3 จั�บค��ก�นผู้ลุ่�ดก�นอ�านคนลุ่ะ 1 วรรค ขณ์ะที่��คนห็น(�งอ�าน อ�ก คนห็น(�งจัะตองคอยตามไป็ดวยเพื่��อตรวจัด�ว�าค��ของตน อ�านผู้!ดห็ร�อไม� จัะไดชิ�วยก�นแกไข 4 เม��ออ�านมาไดคร(�งเร��องให็น�กเร�ยนห็ย�ด เข�ยนบรรยาย ลุ่�กษณ์ะของเร��อง ที่-านายเร��องต�อไป็ว�าป็4ญห็าจัะถ�กแกไข อย�างไรเข�ยนลุ่งในกระดาษของตนเอง แลุ่วเข�ยนตอบเป็�น ผู้ลุ่งานของที่�มอ�ก 1 ชิ�ด (ที่�กคนชิ�วยก�น)
5 น�กเร�ยนอ�านเองในใจัต�อจันจับ แลุ่วจั�บค��ผู้ลุ่�ดก�นอ�านคนลุ่ะ
วรรคจันจับเร��อง ที่�ม 1 ชิ�ด (ชิ�วยก�น)
6 แจักรายการค-าศ�พื่ที่/ให็ม�ห็ร�อค-าศ�พื่ที่/ยากจัากเร��อง ให็น�กเร�ยนจั�บค��ก�บสมาชิ!กในที่�ม ฝึ<กอ�านออกเส�ยงจัน สามารถอ�านไดถ�กตองแลุ่ะคลุ่�องแคลุ่�วจั�บค��ก�นในที่�ม 7 แจักรายการค-าจัากเร��องที่��อ�านให็น�กเร�ยนเข�ยนแสดงความ ห็มายของค-า วลุ่� ห็ร�อเข�ยนป็ระโยคแสดงความห็มายของ แต�ลุ่ะค-า (ที่�กคนชิ�วยก�น)
8 น�กเร�ยนอภ!ป็รายเร��องที่��อ�านก�นภายในกลุ่��ม แลุ่วให็น�กเร�ยน สร�ป็ป็ระเด�นห็ร�อจั�ดส-าค�ญของเร��องก�บค��ของตนโดยให็ น�กเร�ยนใชิค-าพื่�ดของตนเอง แลุ่วให็ชิ�วยก�นเข�ยนสร�ป็เป็�น ผู้ลุ่งานของที่�ม 1 ชิ�ด (ชิ�วยก�น)
9 แจักรายการค-าที่��เข�ยนค-าไม�สมบ�รณ์/ (Disappearing
List) ให็น�กเร�ยนผู้ลุ่�ดก�นถามเพื่��อสะกดค-าให็ถ�กตอง (ข�*นตอนน�* ที่-าการฝึ<ก 1 คร�*ง เวน 1 คร�*ง)ที่�กคน(ผู้ลุ่�ดก�นในที่�ม)
10 ให็น�กเร�ยนแต�ลุ่ะคนป็ระเม!นสมาชิ!กในที่�มที่�กคน ว�าป็ระสบความส-าเร�จัห็ร�อไม� 11 ห็ลุ่�งจัากเร�ยน 2 คร�*งแลุ่ว น�กเร�ยนจัะถ�กที่ดสอบโดยให็เข�ยนป็ระโยคจัากค-าศ�พื่ที่/ที่��ก-าห็นดให็ ที่ดสอบความเขาใจัเก��ยวก�บเร��องที่��อ�าน แลุ่ะอ�านรายการค-าศ�พื่ที่/แบบออกเส�ยงให็คร�ฟั4ง ในข�*นน�* น�กเร�ยนไม�สามารถชิ�วยเห็ลุ่�อก�นได (ป็ระกาศผู้ลุ่ที่�มยอดเย��ยมที่�กคร�*งที่�� 2 ของการฝึ<กฝึนในแต�ลุ่ะส�ป็ดาห็/)
การเร�ยนแบบร"วมม#อสามารถแบ"งป็ระเภที่ได� 2 ป็ระเภที่ ด�งน�* 1.การเร�ยนแบบร�วมม�อที่��ใชิในก!จักรรมการเร�ยนการสอนตลุ่อดคาบเร�ยน ห็ร�อ ต�*งแต� 1 คาบเร�ยนข(*นไป็ ว!ธ์�การห็ร�อเที่คน!คเห็ลุ่�าน�*ม�ลุ่�กษณ์ะการจั�ดก!จักรรมแตกต�างก�น ซึ่(�ง แต�ลุ่ะเที่คน!คไดออกแบบเห็มาะสมก�บเป็.าห็มายที่��ต�างก�น ด�งน�*นจั(งตองเลุ่�อกใชิให็ตรงก�บเป็.าห็มายที่��ตองการ เที่คน!คที่��น!ยมใชิในป็4จัจั�บ�น ไดแก� การแข�งข�นระห็ว�างกลุ่��มดวยเกม (Team-Games-
Tournament ห็ร�อ TGT) การแบ�งกลุ่��มแบบกลุ่��มคลุ่ะส�มฤที่ธ์!E (Student Teams Achievement Divisions ห็ร�อ STAD) การจั�ดแบบกลุ่��มการสอนเป็�นกลุ่��มย�อยห็ร�อรายบ�คคลุ่ (Team Assisted
Individualization ห็ร�อ TAI) โป็รแกรมการร�วมม�อในการอ�านแลุ่ะเข�ยน (Cooperative Integrated Reading and Composition ห็ร�อ CIRC) ว!ธ์�จั!กซึ่อ (Jigsaw) ว!ธ์�จั!กซึ่อ 2 (Jigsaw II) ว!ธ์�การตรวจัสอบเป็�นกลุ่��ม (Group Investigation) เที่คน!คการเร�ยนร�วมก�น (Learning Together) การเร�ยนแบบ วงจัรการเร�ยนร� (Circle of
Learning) เที่คน!คการเร�ยนแบบร�วมม�อร�วมกลุ่��ม (Co-op Co-op) 2.เที่คน!คการเร�ยนแบบร�วมม�อที่��ใชิในข�*นตอนใดข�*นตอนห็น(�งของก!จักรรม การเร�ยนการสอนในแต�ลุ่ะคาบ ค�อ ใชิในข�*นน-าเขาส��บที่เร�ยน ข�*นสอน โดยสอดแที่รกในข�*นตอนใดๆ ของการสอน ข�*นที่บที่วน ห็ร�อข�*นว�ดผู้ลุ่ของคาบเร�ยนใดคาบเร�ยนห็น(�ง โดยม�ลุ่�กษณ์ะที่��ส-าค�ญ ค�อ เป็�นว!ธ์�ที่��ใชิเวลุ่าชิ�วงส�*นป็ระมาณ์ 5-10 นาที่� จันถ(ง 1 คาบเร�ยน ซึ่(�งส�วนให็ญ�เป็�นร�ป็แบบที่��พื่�ฒนาโดย คาแกน (Kagan) เที่คน!คเห็ลุ่�าน�* ไดแก� เที่คน!คการพื่�ดเป็�นค�� (Rally
Robin) เที่คน!คการเข�ยนเป็�นค�� (Rally Table) เที่คน!คการพื่�ดรอบวง (Round Robin) เที่คน!คการเข�ยนรอบวง (Round Table) เที่คน!คการเข�ยนพื่รอมก�นรอบวง (Simultaneous Round Table) เที่คน!คค��ตรวจัสอบ (Pairs Check) เที่คน!คร�วมก�นค!ด (Numbered Heads
Together) เที่คน!คการเร�ยงแถว (Line-Ups) เที่คน!คการแกป็4ญห็าดวยจั!กซึ่อ (Jigsaw Problem Solving) เที่คน!ควงกลุ่มซึ่อน (Inside-
Outside Circle) เที่คน!คแบบม�มสนที่นา (Corners) เที่คน!คการอภ!ป็รายเป็�นค�� (Pair Discussion) เที่คน!คการอภ!ป็รายเป็�นที่�ม (Team
Discussion) เที่คน!คโครงงานเป็�นที่�ม (Team Project) เที่คน!คการค!ดเด��ยว ค!ดค�� ร�วมก�นค!ด (Think-Pair-Share) เที่คน!คบ�ตรค-าชิ�วยจั-า (Color-Coded Co-op Cards) เที่คน!คการสรางแบบ (Formations) เที่คน!คเกมส�งป็4ญห็า (Send-A-Problem) เที่คน!คแลุ่กเป็ลุ่��ยนป็4ญห็า (Trade-A-Problem) เที่คน!คเพื่��อนเร�ยน
(Partners) เที่คน!คแบบเลุ่�นเลุ่�ยนแบบ (Match mine) เที่คน!คเคร�อข�ายความค!ด (Team Word-Webbing) เที่คน!คการที่-าเป็�นกลุ่��ม ที่-าเป็�นค�� แลุ่ะที่-าคนเด�ยว (Team-Pair-Solo) เที่คน!คส�มภาษณ์/เป็�นที่�ม (Team Interview)
การส�งเกตพื้ฤต-กรรมการร"วมม#อในชั้�*นเร�ยน การส�งเกตเป็�นว!ธ์�การเก�บรวบรวมขอม�ลุ่ ที่��เป็:ดโอกาสให็ผู้�รวบรวมขอม�ลุ่ส�มผู้�สก�บความเป็�นจัร!งแลุ่ะส!�งที่��ตองการจัะรวบรวมดวยตนเอง ที่-าให็ม�โอกาสที่��จัะรวบรวมขอม�ลุ่ไดตรงสภาพื่ความเป็�นจัร!งไดมากแลุ่ะสามารถที่��จัะรวบรวมรายลุ่ะเอ�ยดของขอม�ลุ่ในแนวลุ่(กได การส�งเกตพื่ฤต!กรรม การร�วมม�อในชิ�*นเร�ยนของน�กเร�ยนโดยใชิว!ธ์�การส�งเกต จัะชิ�วยให็ไดรายลุ่ะเอ�ยดของพื่ฤต!กรรมที่��แสดงถ(งการร�วมม�อของน�กเร�ยนในชิ�*นเร�ยนไดชิ�ดเจันข(*น การส�งเกตเป็�นว!ธ์�การพื่�*นฐานที่��จัะไดขอม�ลุ่มาตามความตองการ ซึ่(�งการที่��จัะไดขอม�ลุ่ที่��เชิ��อถ�อไดน�*น ผู้�ส�งเกตตองม�ลุ่�กษณ์ะด�งน�* 1. ความต�*งใจัของผู้�ส�งเกต (Attention) ในการส�งเกตพื่ฤต!กรรมของส!�งใด ผู้�ส�งเกตตองม�เป็.าห็มายที่��จัะส�งเกตว�าศ(กษาส!�งใด ตองสะกดใจัอย�างแน�วแน�ในการส�งเกตแต�ส!�งน�*น จั!ตใจัไม�ไขวเขวไป็มา แลุ่ะจัะตองส�งเกตไป็ที่�ลุ่ะอย�างอย�างถ�กตอง นอกจัากน�*ผู้�ส�งเกตย�งตองขจั�ดป็4ญห็าส�วนต�วห็ร�อความลุ่-าเอ�ยงส�วนต�วของตนเองออกในระยะที่��ที่-าการส�งเกต เพื่��อจัะไดขอม�ลุ่ที่��เป็�นจัร!งห็ร�อใกลุ่เค�ยงก�บความเป็�นจัร!ง 2. ป็ระสาที่ส�มผู้�ส (Sensation) ที่างดานป็ระสาที่ส�มผู้�สตองแน�ใจัว�าป็ระสาที่ส�มผู้�สของผู้�ส�งเกตจัะตองที่-างานป็กต!ห็ร�อสภาพื่ร�างกายตองป็กต!ดวย เพื่ราะถาห็ากว�าสภาพื่ร�างกายป็กต!แลุ่ว จัะม�ผู้ลุ่ต�อป็ระสาที่ส�มผู้�สอย��ในสภาพื่ด� แลุ่ะว�องไวต�อการส�มผู้�สส!�งที่��ก-าลุ่�งส�งเกต 3. การร�บร� (Perception) ในการส�งเกตส!�งที่��ก-าลุ่�งศ(กษา ผู้�ส�งเกตจัะตองม�การร�บร� ที่��ด� เม��อร�บร� มาแลุ่วสามารถแป็ลุ่ความห็มายออกมาไดอย�างรวดเร�วแลุ่ะถ�กตอง
หลั�กการส�งเกต
ผู้�ส�งเกตที่��ด� ค�อ ผู้�ที่��ที่-าการส�งเกตแลุ่วไดขอม�ลุ่ที่��ตรงก�บความตองการมากที่��ส�ด ซึ่(�งผู้�ส�งเกตจัะเป็�นผู้�ส�งเกตที่��ด�ไดน� *นตองม�ห็ลุ่�กในการส�งเกต ด�งน�* 1. ก-าห็นดการส�งเกตให็จั-าก�ดเฉพื่าะเป็�นเร��องๆ ไป็ ไม�ใชิ�เห็�นส!�งใดมากระที่บแลุ่วร�บไวห็มด 2. ส�งเกตอย�างม�ความม��งห็มาย ม!ใชิ�ว�าส�งเกตไป็เร��อยๆ ค�อ ตองม�จั�ดม��งห็มายที่��จัะด� เม��อพื่บเห็�นแลุ่วแป็ลุ่ความห็มายออกมาว�าค�ออะไร 3. ส�งเกตดวยความพื่!น!จัพื่!เคราะห็/จันสามารถมองเห็�นรายลุ่ะเอ�ยดของเร��องน�*นไดอย�างลุ่(กซึ่(*ง ม!ใชิ�ว�ามองเห็�นแต�ผู้!ว ห็ร�อลุ่�กษณ์ะของภายนอกเที่�าน�*น 4. เม��อส�งเกตแลุ่วตองม�การบ�นที่(กไวเพื่��อเต�อนความจั-า จัะไดไม�ห็ลุ่งลุ่�มรายลุ่ะเอ�ยดที่��ไดส�งเกตมา 5. ผู้�ส�งเกตควรใชิแบบตรวจัสอบรายการ (Checklist) ห็ร�อ เคร��องม�อว�ดอ��นๆ ป็ระกอบในการส�งเกตน�*ดวย
ป็ระเภที่ของการส�งเกต การรวบรวมขอม�ลุ่โดยการส�งเกต แบ�งไดเป็�น 2 ป็ระเภที่ ค�อ 1. การส�งเกตแบบม�ส�วนร�วม (Participant Observation) ห็มายถ(ง การส�งเกตที่��ผู้�ว!จั�ยเขาไป็ม�ส�วนร�วมอย��ในกลุ่��มที่��ตนศ(กษา แลุ่ะม�การที่-าก!จักรรมร�วมก�น โดยผู้�ว!จั�ยเป็�นสมาชิ!กผู้�ห็น(�งของกลุ่��มห็ร�อสถานการณ์/ที่��ศ(กษา เชิ�น เขาไป็ใชิชิ�ว!ตอย��ในชิ�มชินน�*น เม��อตองการศ(กษาถ(งชิ�ว!ตของคนในชิ�มชินน�*น ขอด�ค�อ จัะไดขอม�ลุ่ที่��แที่จัร!ง จั�ดดอยค�อ อาจัเก!ดจัากผู้�ส�งเกต ซึ่(�งจัะที่-าให็ขอม�ลุ่ที่��ไดขาดความเที่��ยงตรง 2. การส�งเกตแบบไม�ม�ส�วนร�วม (Non-participant Observation)
ห็มายถ(ง การส�งเกตที่�� ผู้�ว!จั�ยกระที่-าตนเป็�นบ�คคลุ่ภายนอก ไม�เขาไป็ม�ส�วนร�วมในก!จักรรมที่��กลุ่��มก-าลุ่�งที่-าก�นอย�� การไม�เขาไป็ม�ส�วนร�วมในความห็มายน�* ห็มายถ(ง ไม�เขาไป็ร�วมในก!จักรรมของกลุ่��มน�*นเที่�าน�*น ไม�ไดห็มายถ(งการไม�เขาไป็อย��ในบร!เวณ์สถานที่��ดวย ม�กใชิในกรณ์�ที่��ไม�ตองการให็ผู้�ถ�กส�งเกตร� ส(ก รบกวนจัากต�วผู้�ส�งเกต ผู้�ส�งเกตเป็�นเพื่�ยงผู้�ส�งเกตการณ์/เที่�าน�*น
ระบบการบ�นที่4กข�อม�ลั ระบบการบ�นที่(กขอม�ลุ่ที่��ไดจัากการส�งเกตน�* ไดม�การแบ�งไวห็ลุ่ายระบบ ด�งน�*
1. ระบบเคร��องห็มาย (Sign System) เป็�นระบบที่��ป็ระกอบดวยรายการพื่ฤต!กรรมต�างๆ โดยผู้�ส�งเกตจัะบ�นที่(กขอม�ลุ่โดยที่-าเคร��องห็มายลุ่งในแบบส�งเกต เพื่��อแสดงว�าม�พื่ฤต!กรรมน�*นๆ เก!ดข(*น การบ�นที่(กขอม�ลุ่ระบบน�* ม�ลุ่�กษณ์ะสนใจัว�าม�พื่ฤต!กรรมใดเก!ดข(*น แต�ไม�สนใจัว�าพื่ฤต!กรรมน�*นเก!ดข(*นบ�อยเพื่�ยงใด 2. ระบบจั-าแนกป็ระเภที่ (Category System) ระบบน�*จัะจั-าแนกพื่ฤต!กรรมที่��ตองการส�งเกตออกเป็�นป็ระเภที่ แต�ลุ่ะป็ระเภที่จัะใชิรห็�สห็ร�อต�วอ�กษรแที่นพื่ฤต!กรรมที่��ส�งเกตเห็�นเพื่��อความสะดวกในการบ�นที่(ก การบ�นที่(กขอม�ลุ่จัะค-าน(งถ(งความถ��ของพื่ฤต!กรรมแต�ลุ่ะป็ระเภที่ที่��เก!ดข(*นดวย ส-าห็ร�บ อ�เวอร/ที่ส�นแลุ่ะฮอลุ่ลุ่�ย/ (Evertson and Holley, 1982 :
329) ไดเสนอระบบการบ�นที่(กการส�งเกตไวต�างออกไป็ โดยสร�ป็ได ค�อ ระบบมาตราจั�ดอ�นด�บ (Rating System) เป็�นระบบที่��ไดม�การระบ�พื่ฤต!กรรมที่��ตองการศ(กษาไวแลุ่ว แต�ผู้�ส�งเกตจัะส�งเกตพื่ฤต!กรรมตลุ่อดคาบเร�ยนก�อนแลุ่วจั(งบ�นที่(กขอม�ลุ่ในภายห็ลุ่�ง ในการใชิระบบการบ�นที่(กน�* ผู้�ส�งเกตตองอาศ�ยความร� ส(กรวมๆ ป็ระเม!นพื่ฤต!กรรมเฉพื่าะอย�างที่��ส�งเกตมาตลุ่อดคาบเร�ยน แลุ่วจั(งบ�นที่(กขอม�ลุ่โดยจั�ดอ�นด�บว�าพื่ฤต!กรรมที่��ระบ�ไวน� *นควรจั�ดอย��ในระด�บมากนอยเพื่�ยงใด
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ 4 MAT
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ 4 MAT ม�พื่�*นฐานความค!ดมาจัากเร��องสไตลุ่/การเร�ยนร� ของผู้�เร�ยน (Learning Style) แลุ่ะการที่-างานของสมอง ส-าห็ร�บแนวค!ดเก��ยวก�บสไตลุ่/ การเร�ยนร� ของผู้�เร�ยนน�*นเสนอโดยแมค คาธ์� (Mc Carthy) ไดร�บอ!ที่ธ์!พื่ลุ่มาจัากแนวค!ดของ เดว!ด คอลุ่/บ David Kolb ซึ่(�งอธ์!บายว�าสไตลุ่/การเร�ยนร� เก!ดจัากม!ต! 2 ม!ต! ค�อ 1. การเร�ยนร� (Perception)
2. การจั�ดการขอม�ลุ่ (Processing)
1. การร�บร� (Perception) ซึ่(�งม� 2 ลุ่�กษณ์ะ ค�อ 1.1 การร�บร� ผู้�านป็ระสบการณ์/ร�ป็ธ์รรม (Concrete Experience)
1.2 การร�บร� ผู้�านการสรางมโนที่�ศน/ที่��เป็�นนามธ์รรม (Abstract Conceptualization) 2. การจั�ดการขอม�ลุ่ (Processing) ซึ่(�งม� 2 ลุ่�กษณ์ะ ค�อ 2.1 การส�งเกตแลุ่วน-ามาค!ดไตร�ตรอง (Reflective Observation)
2.2 การลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!ดวยตนเอง (Active Experiment)
ลุ่�กษณ์ะการเร�ยนของผู้�เร�ยนแต�ลุ่ะแบบ ม�ลุ่�กษณ์ะที่��ต�างก�นด�งน�*
ผู้�เร�ยนแบบที่�� 1 (Type 1) เร�ยนร� จัากป็ระสบการณ์/ตรงที่��เป็�นร�ป็ธ์รรมผู้�านการส�งเกตแลุ่วค!ดอย�างไตร�ตรองจั�ดเป็�นผู้�เร�ยนที่��เร�ยกว�า ผู้�เร�ยนถน�ดจั!นตนาการ (Imaginative Learner) เขาจัะพื่ยายามคนห็าความห็มายในส!�งที่��เร�ยนร� ม�กชิอบถามว�าที่-าไม (Why)
ผู้�เร�ยนแบบที่�� 2 (Type 2) เร�ยนร� จัากป็ระสบการณ์/ที่��เป็�นนามธ์รรมผู้�านการค!ดอย�างไตร�ตรองจันเก!ดเป็�นมโนที่�ศน/จั�ดเป็�นผู้�เร�ยนที่��เร�ยกว�า ผู้�เร�ยนถน�ดการว!เคราะห็/ (Analytic Learner) ม�กชิอบถามว�าอะไร (What)
ผู้�เร�ยนแบบที่�� 3 (Type 3) เร�ยนร� จัากการร�บร� มโนที่�ศน/ แลุ่วน-ามโนที่�ศน/มาผู้�านการลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!ดวยตนเอง จั�ดเป็�นผู้�เร�ยนที่��เร�ยกว�า ผู้�เร�ยนถน�ดการใชิสาม�ญส-าน(ก (Common Sense Learner) ม�กชิอบถามว�าอย�างไร (How)
ผู้�เร�ยนแบบที่�� 4 (Type 4) เร�ยนร� จัากการลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต!จันเก!ดป็ระสบการณ์/ซึ่(�งตนเองยอมร�บได จั�ดเป็�นผู้�เร�ยนที่��เร�ยกว�า ผู้�เร�ยนยอมร�บการเป็ลุ่��ยนแป็ลุ่ง (Dynamic Learner) ม�กชิอบถามว�า ถา แลุ่ว … (If…then…)
การออกแบบก-จักรรมการเร�ยนร��
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ 4 MAT จั�ดเป็�นนว�ตกรรมการออกแบบก!จักรรมการ เร�ยนร� ที่��สอดคลุ่องก�บแนวค!ดในเร��องความแตกต�างระห็ว�างบ�คคลุ่ การจั�ดการเร�ยนร� ที่��เนน ผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง รวมที่�*งการพื่�ฒนาศ�กยภาพื่ของผู้�เร�ยนให็เป็�นคนด� คนเก�ง แลุ่ะม�ความส�ข แมค คาธ์� ไดน-าผู้ลุ่การส�งเคราะห็/งานว!จั�ยที่��เก��ยวก�บร�ป็แบบการเร�ยนร� ของผู้�เร�ยน แลุ่ะผู้ลุ่การศ(กษาดานการพื่�ฒนาสมอง 2 ซึ่�ก มาพื่�ฒนาเป็�นแนวการจั�ดก!จักรรมการเร�ยนร� ให็ เห็มาะสมก�บผู้�เร�ยนที่�กลุ่�กษณ์ะผู้สมผู้สานก�น กระบวนการจั�ดการเร�ยนร� ไดแบ�งเป็�น 4 ข�*นตอน แลุ่ะแต�ลุ่ะข�*นตอนแบ�งเป็�นข�*นตอนย�อย ๆ 2 ข�*นตอน จั(งที่-าให็สามารถจั�ดก!จักรรมการเร�ยนร� ไดอย�างห็ลุ่ากห็ลุ่ายแลุ่ะย�ดห็ย��น ตอบสนองการพื่�ฒนาศ�กยภาพื่ที่�กดานของผู้�เร�ยนที่��ม�ร�ป็แบบห็ร�อลุ่�กษณ์ะการเร�ยนร� แตกต�างก�น ด�งน�*
ข� *นตอนที่�� 1 การน-าเสนอป็ระสบการณ์/ที่��ม�ความส�มพื่�นธ์/ก�บผู้�เร�ยน ข�*นตอนน�*เป็�นการกระต�นให็ผู้�เร�ยนเก!ดความสนใจัเร��องที่��เร�ยน คนพื่บเห็ต�ผู้ลุ่ของตนเองว�าที่-าไมตองเร�ยนเร��องน�*น แบ�งเป็�น 2 ข�*นตอนย�อย ค�อ 1.1 การเสร!มสรางป็ระสบการณ์/ ข� *นน�*ผู้�เร�ยนจัะไดม�ป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ห็ร�อใชิจั!นตนาการของตนใน ส!�งที่��ก-าลุ่�งเร�ยน (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กขวา) 1.2 การว!เคราะห็/ป็ระสบการณ์/ที่��ไดร�บ เป็�นข�*นที่��ห็าเห็ต�ผู้ลุ่เก��ยวก�บป็ระสบการณ์/ที่��ไดร�บใน ข�*น 1.1 ดวยการค!ด ว!เคราะห็/ (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กซึ่าย)
ข�*นตอนที่�� 2 การเสนอเน�*อห็า สาระ ขอม�ลุ่แก�ผู้�เร�ยน ข�*นน�*เป็�นการเชิ��อมโยงการเร�ยนร� จัาก ข�*น 1.2 มาส��การสรางมโนที่�ศน/เพื่��อตอบค-าถามให็ไดว�าส!�งที่��เร�ยนน�*นค�ออะไร แบ�งเป็�น 2 ข�*นตอนย�อย ค�อ 2.1 การบ�รณ์าการป็ระสบการณ์/เพื่��อสรางมโนที่�ศน/ (Concept) ข�*นน�*ม��งเนนให็ผู้�เร�ยนสามารถ เชิ��อมโยงระห็ว�างป็ระสบการณ์/ของตนก�บส!�งที่��เร�ยน เพื่��อให็เก!ดความ เขาใจั (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กขวา) 2.2 การพื่�ฒนาเป็�นมโนที่�ศน/ เป็�นข�*นตอนของการที่-าให็ผู้�เร�ยนเขาใจัในส!�งที่��เร�ยน จันสรางเป็�นมโนที่�ศน/ได (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กซึ่าย)
ข�*นตอนที่�� 3 การฝึ<กป็ฏิ!บ�ต!เพื่��อพื่�ฒนามโนที่�ศน/ เป็�นการพื่�ฒนามโนที่�ศน/มาส��การป็ฏิ!บ�ต!จัร!ง เป็�นการห็าค-าตอบว�าจัะที่-าไดอย�างไร แบ�งเป็�น 2 ข�*นตอนย�อย ค�อ 3.1 การป็ฏิ!บ�ต!งานตามข�*นตอน ข�*นน�*ผู้�เร�ยนจัะไดป็ฏิ!บ�ต!ตามข�*นตอนที่��ก-าห็นดไว (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กซึ่าย)
3.2 การน-าเสนอผู้ลุ่การป็ฏิ!บ�ต!งาน ข�*นน�*เป็�นการบ�รณ์าการแลุ่ะสรางสรรค/ของผู้�เร�ยน ที่��จัะแสดงถ(งความร� ความเขาใจัในส!�งที่��เร�ยนในร�ป็แบบต�างๆ ตามความถน�ดห็ร�อความ สนใจัของตน (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กขวา)
ข�*นตอนที่�� 4 การน-าความค!ดรวบยอดไป็ส��การป็ระย�กต/ใชิ เป็�นกระบวนการเร�ยนร� ที่�� เก!ดจัากการลุ่งม�อที่-าดวยตนเอง เพื่��อชิ�*ให็เห็�นว�า ถาจัะน-าไป็ใชิในชิ�ว!ตจัร!งแลุ่วเป็�นอย�างไร แบ�งเป็�น 2 ข�*นตอนย�อย ค�อ 4.1 การน-าความร� ไป็ป็ระย�กต/ใชิห็ร�อการพื่�ฒนางาน ในข�*นน�*ผู้�เร�ยนจัะไดม�โอกาสเลุ่�อกแลุ่ะลุ่งม�อกระที่-างานของตนเองที่�กข�*นตอน จันส-าเร�จัเป็�นผู้ลุ่งาน (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กซึ่าย)
4.2 การน-าเสนอผู้ลุ่งานห็ร�อการเผู้ยแพื่ร� เป็�นข�*นตอนที่��เป็:ดโอกาสให็ผู้�เร�ยนได แลุ่กเป็ลุ่��ยนความร� แลุ่ะป็ระสบการณ์/ของตนในร�ป็แบบต�าง ๆ (เนนการพื่�ฒนาสมองซึ่�กขวา)
คั�าอธิ-บายเก��ยวก�บคัวามสามารถในการที่�างานของสมอง 1. ความสามารถของสมองซึ่�กขวา ค�อ การค!ดส�งเคราะห็/ การค!ดสรางสรรค/ การใชิสาม�ญส-าน(ก การค!ดแบบห็ลุ่ากห็ลุ่าย การค!ดแบบองค/รวม การค!ดจั!นตนาการ ฯลุ่ฯ 2. ความสามารถของสมองซึ่�กซึ่าย ค�อ การค!ดว!เคราะห็/ การค!ดห็าเห็ต�ผู้ลุ่ การค!ดแบบป็รน�ย การค!ดแบบม�ที่!ศที่าง ฯลุ่ฯ
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ Story line
ว!ธ์�สอนแบบสตอร�ไลุ่น/ เป็�นว!ธ์�ที่��ใชิในการจั�ดก!จักรรมการเร�ยนการสอน ที่��
เนนผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง จัะม�การผู้�กเร��องแต�ลุ่ะตอนให็เก!ดข(*นอย�างต�อเน��อง แลุ่ะเร�ยงลุ่-าด�บเห็ต�การณ์/ ห็ร�อที่��เร�ยกว�า ก-าห็นดเสนที่างเด!นเร��อง โดยใชิค-าถามห็ลุ่�กเป็�นต�วน-า ส��การให็ผู้�เร�ยนที่-าก!จักรรมอย�างห็ลุ่ากห็ลุ่าย เพื่��อสรางความร� ดวยตนเอง เป็�นการเร�ยนตามสภาพื่จัร!ง ที่��ม�การบ�รณ์าการระห็ว�างว!ชิา เพื่��อเป็.าห็มายพื่�ฒนาศ�กยภาพื่ของผู้�เร�ยนที่�*งต�ว
ลั�กษณะเด"นของว-ธิ�สอน 1.ก-าห็นดเสนที่างการเด!นเร��อง (Storyline) แลุ่ะจั�ดเร�ยงเป็�นตอนๆ (Episode) ดวยการใชิค-าถามห็ลุ่�ก (Key Questions) เป็�นต�วก-าห็นดก!จักรรมเพื่��อการเร�ยนร� 2.เนนการใชิก!จักรรม (Activity Based Approach) ให็สอดคลุ่องก�บค-าถามห็ลุ่�ก แลุ่ะเน�*อห็าการผู้�กเร��อง ซึ่(�งม�ด�งน�* 1) ย(ดผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง ให็ม�ส�วนร�วมในก!จักรรมการเร�ยนมากที่��ส�ด 2) ย(ดกลุ่��มเป็�นแห็ลุ่�งความร� เพื่��อแลุ่กเป็ลุ่��ยนป็ระสบการณ์/ก�น 3) ให็ผู้�เร�ยนสรางความร� ดวยตนเอง โดยเนนกระบวนการควบค��ก�บความร� 4) เนนการน-าความร� ไป็ใชิในชิ�ว!ตป็ระจั-าว�น 3.เนนให็ผู้�เร�ยนสราง (Construct) ความร� ดวยตนเอง โดยม�ส�วนร�วมในการที่-าก!จักรรมอย�างกระฉ�บกระเฉง เก!ดการเร�ยนร� อย�างม�ความห็มาย สามารถพื่�ฒนาผู้�เร�ยน ที่�*งดานสต!ป็4ญญา (Head) ดานอารมณ์/ เจัตคต! (Heart) แลุ่ะดานที่�กษะป็ฏิ!บ�ต! (Hands) เป็�นว!ธ์�สอนที่��ให็อ-านาจัแก� ผู้�เร�ยน (Learner Empowerment) ค�อ ให็โอกาสสรางความร� ห็ร�อป็ร�บแต�งโครงสรางความร� ดวย ตนเองอย�างเป็�นอ!สระ แลุ่ะแสดงถ(งกระบวนการในการไดมาซึ่(�งความร� น� *นๆ ร�บผู้!ดชิอบต�อ ความร� ที่��สรางข(*น ซึ่(�งจัะน-าไป็ส��การเร�ยนร� ตลุ่อดชิ�ว!ต (Long Life Learning)
4.เป็�นการเร�ยนตามสภาพื่จัร!ง (Authentic Learning) ม�การบ�รณ์าการระห็ว�างว!ชิา (Integration)
5.ม�เห็ต�การณ์/ (Incidents) เก!ดข(*นเพื่��อให็ผู้�เร�ยนไดแกไขป็4ญห็าแลุ่ะเร�ยนร� 6.แต�ลุ่ะเร��อง ห็ร�อแต�ลุ่ะเห็ต�การณ์/ที่��ก-าห็นด ตองม�การระบ�ส!�งต�อไป็น�* ห็ร�อ
ม�องค/ป็ระกอบต�อไป็น�* 1) ก-าห็นดฉาก โดยระบ�สถานที่��แลุ่ะเวลุ่าโดยเฉพื่าะ 2) ต�วลุ่ะคร อาจัเป็�นคนห็ร�อเป็�นส�ตว/ 3) ว!ถ�การด-าเน!นชิ�ว!ตเพื่��อใชิศ(กษา 4) ป็4ญห็าที่��รอการแกไข
บที่บาที่ของคัร�แลัะผู้��เร�ยนเม#�อใชั้�ว-ธิ�สอนแบบสตอร�ไลัน% บที่บาที่ของคัร� 1.เป็�นผู้�เตร�ยมการ ในเร��องต�างๆ ไดแก� 1)กรอบแนวค!ดของเร��องที่��จัะสอนโดยเข�ยนเสนที่างการเด!นเร��อง (Storyline) แลุ่ะก-าห็นดเร��องเป็�นตอนๆ (Episode) โดยแต�ลุ่ะห็�วขอเร��องในแต�ลุ่ะตอนไดจัากการบ�รณ์าการ 2)เตร�ยมค-าถามส-าค�ญห็ร�อค-าถามห็ลุ่�ก เพื่��อใชิกระต�นให็ผู้�เร�ยนค!ด ว!เคราะห็/แลุ่ะลุ่งม�อป็ฏิ!บ�ต! 2.เป็�นผู้�อ-านวยความสะดวกระห็ว�างการเร�ยนการสอน เชิ�น 1)เป็�นผู้�น-าเสนอ (Presenter) เชิ�น น-าเสนอป็ระเด�น ป็4ญห็า เห็ต�การณ์/ในเร��องราวที่��จัะสอน 2)เป็�นผู้�ส�งเกต (Observer) ส�งเกตขณ์ะผู้�เร�ยนตอบค-าถาม ถามค-าถาม ป็ฏิ!บ�ต!ก!จักรรม รวมที่�*งส�งเกตพื่ฤต!กรรมอ��นๆ ของผู้�เร�ยน 3) เป็�นผู้�ให็กระต�น (Motivator) กระต�นความสนใจั ผู้�เร�ยน เพื่��อให็ม�ส�วนร�วมในการเร�ยนอย�างแที่จัร!ง 4) เป็�นผู้�ให็การเสร!มแรง (Reinforcer) เพื่��อให็เพื่!�มความถ��ของพื่ฤต!กรรมการเร�ยน 5) เป็�นผู้�แนะน-า (Director)
6) เป็�นผู้�จั�ดบรรยากาศ (Atmosphere Organizor) ให็บรรยากาศการเร�ยนการสอนด�ที่�*งดานกายภาพื่แลุ่ะดานจั!ตส�งคม เพื่��อให็ผู้�เร�ยนเร�ยนอย�างม�ความส�ข 7)เป็�นผู้�ให็ขอม�ลุ่ยอนกลุ่�บ (Reflector) ให็การว!พื่ากย/ว!จัารณ์/ขอด� ขอบกพื่ร�อง เพื่��อให็พื่ฤต!กรรมคงอย�� ห็ร�อป็ร�บป็ร�ง แกไข พื่ฤต!กรรมการเร�ยน
8)เป็�นผู้�ป็ระเม!น (Evaluator) ควรม�การป็ระเม!นผู้ลุ่เป็�นระยะๆ ป็ระเม!นกระบวนการ (Process) พื่ฤต!กรรมระห็ว�างห็าความร� (Performance)
แลุ่ะป็ระเม!นผู้ลุ่งาน (Product) ซึ่(�งอาจัเป็�นองค/ความร� แลุ่ะ/ห็ร�อ ผู้ลุ่งาน
3.เนนให็ผู้�เร�ยนใชิกระบวนการ (Process Oriented) มากกว�าเน�*อเร��อง เน�*อห็าสาระ (Content Oriented)
4.เนนการบ�รณ์าการระห็ว�างว!ชิา (Integration) ห็ร�อผู้สมผู้สานระห็ว�างว!ชิาในห็ลุ่�กส�ตร (Interdisciplinary)
5.เป็�นแห็ลุ่�งขอม�ลุ่ห็ร�อแห็ลุ่�งความร� แห็ลุ่�งห็น(�งที่��ให็ผู้�เร�ยนซึ่�กถาม ป็ร(กษาเพื่��อคนควาห็าความร� 6.เป็�นผู้�ร !เร!�มป็ระเด�น ป็4ญห็า เห็ต�การณ์/ในเร��องราวที่��จัะสอน แลุ่ะตองจั�ดก!จักรรมเพื่��อจับลุ่งดวยความต��นเตน ความพื่อใจั ที่�*งคร� ผู้�เร�ยน แลุ่ะผู้�เก��ยวของอ��นๆ เชิ�น ผู้�บร!ห็าร ผู้�ป็กครอง แลุ่ะคนในชิ�มน�ม เป็�นตน
บที่บาที่ของผู้��เร�ยน
1.เป็�นผู้�ศ(กษาคนควาป็ฏิ!บ�ต!ดวยตนเองในที่�กเร��องตามที่��คร�ก-าห็นด เพื่��อให็เก!ดการเร�ยนร� 2.ด-าเน!นการเร�ยนดวยตนเอง เพื่��อให็การเร�ยนสน�กสนาน ต��นเตน ม�ชิ�ว!ตชิ�วา แลุ่ะที่าที่ายอย��ตลุ่อดเวลุ่า 3.ม�ส�วนร�วมในการเร�ยนที่�*งร�างกาย จั!ตใจัแลุ่ะการค!ด ในที่�กสถานการณ์/ที่��คร�ก-าห็นดข(*น อย�างเป็�นธ์รรมชิาต!เห็ม�อนสถานการณ์/ในชิ�ว!ตจัร!ง 4.เร�ยนที่�*งในห็องเร�ยน (Class) แลุ่ะในสถานการณ์/จัร!ง (Reality) เพื่��อพื่�ฒนาที่�กษะที่างส�งคม 5.ตอบค-าถามส-าค�ญ ห็ร�อค-าถามห็ลุ่�ก (Key Questions) ที่��คร�ก-าห็นดจัากป็ระสบการณ์/ของตนเอง ห็ร�อป็ระสบการณ์/ในชิ�ว!ตจัร!ง 6.ม�ความกระฉ�บกระเฉง ว�องไว ในการม�ส�วนร�วมอย�างแที่จัร!ง เชิ�น สามารถจั-า พื่!จัารณ์า ที่-าตามค-าแนะน-าของคร�ไดอย�างด�
7.ที่-างานดวยความร�วมม�อร�วมใจั อาจัจัะที่-างานเด��ยว เป็�นค�� เป็�นกลุ่��ม ไดดวยความเต�มใจัแลุ่ะดวยเจัตคต!ที่��ด�ต�อก�น 8.ม�ความสามารถในการส��อสาร เชิ�น ฟั4ง พื่�ด อ�าน เข�ยน ม�ที่�กษะส�งคม รวมที่�*งม�มน�ษยส�มพื่�นธ์/ที่��ด�ระห็ว�างเพื่��อนในกลุ่��ม เพื่��อนในกลุ่��มอ��นๆ แลุ่ะก�บคร� 9.เป็�นผู้�ม�ความสามารถแกป็4ญห็า ค!ดร!เร!�มส!�งให็ม�ที่��เป็�นป็ระโยชิน/ 10.เป็�นผู้�สามารถสรางความร� (Construct) ดวยตนเอง แลุ่ะเป็�นการเร�ยนร� อย�างม�ความห็มาย ที่��สามารถน-าไป็ใชิในชิ�ว!ตป็ระจั-าว�นได
ป็ระโยชั้น%ของการเร�ยนร��ด�วยว-ธิ�สอนแบบสตอร�ไลัน% 1.เป็�นการเร�ยนร� อย�างม�ความห็มาย ผู้�เร�ยนจั-าไดถาวร (Retention) ซึ่(�งการเร�ยนแบบน�*ตองเร!�มตนดวยการที่บที่วนความร� เด!ม แลุ่ะป็ระสบการณ์/เด!มของผู้�เร�ยน 2.ผู้�เร�ยนไดม�ส�วนร�วมในการเร�ยน (Participate) ที่�*งที่างร�างกาย จั!ตใจั สต!ป็4ญญา ส�งคม เป็�นการพื่�ฒนาที่�*งต�ว 3.ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมในการที่-าก!จักรรมตามป็ระสบการณ์/ชิ�ว!ตของตน แลุ่ะเป็�นป็ระสบการณ์/จัร!งในชิ�ว!ตของผู้�เร�ยน 4.ผู้�เร�ยนไดฝึ<กที่�กษะต�างๆ ซึ่-*าแลุ่วซึ่-*าอ�กโดยไม�ม�การเบ��อห็น�าย 5.ผู้�เร�ยนจัะไดสรางจั!นตนาการตามเร��องที่��ก-าห็นด เป็�นการเร�ยนร� ดานธ์รรมชิาต! เศรษฐก!จั ว�ฒนธ์รรม การเม�อง ว!ถ�ชิ�ว!ต ผู้สมผู้สานก�นไป็ อ�นเป็�นสภาพื่จัร!งของชิ�ว!ต 6.ผู้�เร�ยนจัะไดพื่�ฒนาความค!ดระด�บส�ง ค!ดไตร�ตรอง ค!ดอย�างม�ว!จัารณ์ญาณ์ ค!ด แกป็4ญห็า ค!ดร!เร!�ม ค!ดสรางสรรค/ 7.ผู้�เร�ยนไดฝึ<กที่�กษะการที่-างานเป็�นกลุ่��ม ต�*งแต� 2 คน 4 คน 6 คน รวมที่�*งเพื่��อนที่�*งห็องเร�ยน ข(*นอย��ก�บลุ่�กษณ์ะก!จักรรม เป็�นการพื่�ฒนาให็เป็�นผู้�ม�มน�ษยส�มพื่�นธ์/ 8.ผู้�เร�ยนไดเร�ยนร� จัากส!�งใกลุ่ต�วส��ส!�งไกลุ่ต�ว เชิ�น เร�ยนต�วของเรา บานของเรา ครอบคร�วของเรา ชิ�มชินของเรา ป็ระเที่ศของเรา แลุ่ะป็ระเที่ศเพื่��อนบาน เป็�นไป็ตามระด�บสต!ป็4ญญาของผู้�เร�ยน 9.ผู้�เร�ยนไดเร�ยนร� อย�างเป็�นส�ข สน�กสนาน เห็�นค�ณ์ค�าของงานที่��ที่-า แลุ่ะ
งานที่��น-าไป็น-าเสนอต�อเพื่��อนต�อชิ�มน�ม ที่-าให็เก!ดความตระห็น�ก เห็�นความส-าค�ญของการเร�ยนร� ดวยตนเอง
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบ CIPPA
เม��อม�การเป็ลุ่��ยนแป็ลุ่งห็ลุ่�กส�ตรป็ระถมศ(กษา พื่�ที่ธ์ศ�กราชิ 2503 เป็�นห็ลุ่�กส�ตรพื่�ที่ธ์-ศ�กราชิ 2521 แนวค!ดเร��องการเร�ยนการสอนโดยเนนผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง น�บเป็�นแนวค!ดห็ลุ่�กของการเป็ลุ่��ยนแป็ลุ่ง ห็ลุ่�กส�ตรฉบ�บด�งกลุ่�าวไดส�งเสร!มให็คร�เป็ลุ่��ยนแนวการจั�ดการเร�ยนการสอนจัากการบรรยาย บอกเลุ่�า มาเป็�นการจั�ดก!จักรรมต�างๆ ให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วม ป็ระมาณ์ป็> พื่.ศ. 2538 เม��อเร!�มม�การป็ฏิ!ร�ป็ที่างการเม�องเก!ดข(*น วงการศ(กษาก�ไดม�การเคลุ่��อนไห็วให็ม�การป็ฏิ!ร�ป็การศ(กษาอ�กคร�*งห็น(�ง ซึ่(�งส�งผู้ลุ่ที่-าให็เก!ดพื่ระราชิบ�ญญ�ต!การศ(กษาข(*น การป็ฏิ!ร�ป็คร�*งน�* ม�ป็ระเด�นส-าค�ญเก��ยวก�บการป็ฏิ!ร�ป็การเร�ยนการสอนที่��ชิ�ดเจัน แลุ่ะกระบวนการจั�ดการเร�ยนร� แบบม�ส�วนร�วม ห็ร�อการจั�ดการเร�ยนการสอนแบบผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง ก�ย�งเป็�นป็ระเด�นส-าค�ญที่��ตองส�งเสร!มก�นอย�างเขมแข�งต�อไป็ น�บว�าเป็�นเร��องที่��น�าป็ระห็ลุ่าดใจัที่��แมว�าเวลุ่าจัะผู้�านไป็แลุ่วเก�อบ 20 ป็> น�บต�*งแต�การเป็ลุ่��ยนแป็ลุ่งห็ลุ่�กส�ตร แต�แนวค!ดเด!มในเร��องการสอนแบบผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่างก�ย�งคงอย�� แสดงให็เห็�นว�าแนวค!ดด�งกลุ่�าวย�งไม�เก!ดผู้ลุ่ในที่างป็ฏิ!บ�ต!ในระด�บที่��เป็�นที่��น�าพื่อใจั จั(งเป็�นเร��องที่��ควรว!เคราะห็/ห็าสาเห็ต� เพื่��อเป็�นแนวที่างในการแกป็4ญห็าต�อไป็ สาเห็ต�ที่��คร�ย�งไม�เป็ลุ่��ยนแป็ลุ่งที่างพื่ฤต!กรรมการสอนจัากที่��คร�เป็�นศ�นย/กลุ่างมาเป็�นผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่างน�*น คงม�มากมายห็ลุ่ายป็ระการ แต�สาเห็ต�ห็น(�งก�ค�อ คร�ขาดความร� ความเขาใจั แลุ่ะขาดแนวที่างที่��ชิ�ดเจันในการด-าเน!นการ ที่!ศนา แขมมณ์� (2541 : 28-31) จั(งไดเสนอ แนวค!ดแลุ่ะแนวที่างที่��อาจัชิ�วยคร�ในการจั�ดการเร�ยนการสอนข(*นเร�ยกว�า CIPPA Model
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบเนนผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่างน�*นก�ค�อ การจั�ด
ก!จักรรมการเร�ยนการสอนที่��เป็:ดโอกาสให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมในก!จักรรมน�*น ที่�*งที่างร�างกาย สต!ป็4ญญา ส�งคมแลุ่ะอารมณ์/ การจั�ดก!จักรรมการเร�ยนการสอนเพื่��อให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมน�*น ม!ใชิ�ห็มายความแต�เพื่�ยงว�าให็ผู้�เร�ยนไดที่-าก!จักรรมอะไรๆ ก�ไดที่��ผู้�เร�ยนชิอบ ก!จักรรมที่��คร�จั�ดให็ผู้�เร�ยนจัะตองเป็�นก!จักรรมที่��น-าไป็ส��การเร�ยนร� ตามจั�ดป็ระสงค/ที่��ต� *งไว แลุ่ะเป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมที่�*งที่างดานร�างกาย สต!ป็4ญญา ส�งคม แลุ่ะอารมณ์/ จั(งจัะสามารถที่-าให็ผู้�เร�ยนเก!ดการเร�ยนร� ไดด� ด�งน�*นคร�ที่��จัะสอนผู้�เร�ยนโดยย(ดผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง จั(งจั-าเป็�นที่��จัะตองออกแบบก!จักรรมการเร�ยนการสอนให็ม�ลุ่�กษณ์ะด�งน�* 1.เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนไดม�ส�วนร�วมที่างดานกาย (Physical
Participation) ค�อ เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนไดม�โอกาสเคลุ่��อนไห็วร�างกาย เพื่��อชิ�วยให็ป็ระสาที่การร�บร� ของผู้�เร�ยนต��นต�วพื่รอมที่��จัะร�บขอม�ลุ่แลุ่ะการเร�ยนร� ต�างๆ ที่��จัะเก!ดข(*น การร�บร� เป็�นป็4จัจั�ยส-าค�ญในการเร�ยนร� ห็ากผู้�เร�ยนไม�ม�ความพื่รอมในการร�บร� แมจัะม�การให็ความร� ที่��ด�ๆ ผู้�เร�ยนก�ไม�สามารถร�บได ซึ่(�งจัะเห็�นไดจัากเห็ต�การณ์/ที่��พื่บไดเสมอๆ ค�อ ห็ากผู้�เร�ยนตองน��งนานๆ ไม�ชิา ผู้�เร�ยนอาจัห็ลุ่�บไป็ ห็ร�อค!ดไป็เร��องอ��นๆ ได การเคลุ่��อนไห็วที่างกาย ม�ส�วนชิ�วยให็ป็ระสาที่ร�บร� ต��นต�ว พื่รอมที่��จัะร�บแลุ่ะเร�ยนร� ส!�งต�างๆ ไดด� ด�งน�*นก!จักรรมที่��จั�ดให็ผู้�เร�ยน จั(งควรเป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนไดเคลุ่��อนไห็วในลุ่�กษณ์ะใดลุ่�กษณ์ะห็น(�งเป็�นระยะๆ ตามความเห็มาะสมก�บว�ยแลุ่ะระด�บความสนใจัของผู้�เร�ยน 2.เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมที่างสต!ป็4ญญา (Intellectual
Participation) ค�อเป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนเก!ดความเคลุ่��อนไห็วที่างสต!ป็4ญญาห็ร�อพื่�ดง�ายๆ ว�า เป็�นก!จักรรมที่��ที่าที่ายความค!ดของผู้�เร�ยน ซึ่(�งจัะชิ�วยให็ผู้�เร�ยนเก!ดความจัดจั�อในการค!ด สน�กที่��จัะค!ด ด�งน�*น ก!จักรรมจัะม�ลุ่�กษณ์ะด�งกลุ่�าวได ก�จัะตองม�เร��องให็ผู้�เร�ยนค!ด โดยเร��องน�*นจัะตองไม�ง�ายแลุ่ะไม�ยากเก!นไป็ส-าห็ร�บผู้�เร�ยน เพื่ราะถาง�ายเก!นไป็ ผู้�เร�ยนก�ไม�จั-าเป็�นตองใชิความค!ด แต�ถายากเก!นไป็ ผู้�เร�ยนก�จัะเก!ดความที่อถอยที่��จัะค!ด ด�งน�*นคร�จั(งตองห็าป็ระเด�นที่��เห็มาะสมก�บว�ยแลุ่ะความสามารถของผู้�เร�ยน เพื่��อ
กระต�นให็ผู้�เร�ยนใชิความค!ดห็ร�อลุ่งม�อที่-าส!�งใดส!�งห็น(�ง 3.เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมที่างส�งคม (Social
Participation) ค�อ เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ที่างส�งคมก�บบ�คคลุ่ห็ร�อส!�งแวดลุ่อมรอบต�ว เน��องจัากมน�ษย/เป็�นส�ตว/ส�งคม ที่��อาศ�ยรวมก�นอย��เป็�นห็ม��คณ์ะ มน�ษย/โดยที่��วไป็จัะตองเร�ยนร� ที่��จัะป็ร�บต�วเขาก�บบร!บที่ต�างๆ การเป็:ดโอกาสให็ผู้�เร�ยนม�ป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ก�บผู้�อ��น จัะชิ�วยให็ผู้�เร�ยนเก!ดการเร�ยนร� ที่างส�งคม ซึ่(�งจัะส�งผู้ลุ่ถ(งการเร�ยนร� ที่างดานอ��นๆ ดวย ด�งน�*น ก!จักรรมการเร�ยนร� ที่��ด� จั(งควรเป็�นก!จักรรมที่��ส�งเสร!มให็ผู้�เร�ยนไดเร�ยนร� จัากส!�งแวดลุ่อมรอบต�วดวย 4.เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมที่างอารมณ์/ (Emotional
Participation) ค�อ ก!จักรรมที่��ส�งผู้ลุ่ต�ออารมณ์/ความร� ส(กของผู้�เร�ยน ซึ่(�งจัะชิ�วยให็การเร�ยนร� น� *นเก!ดความห็มายต�อตนเอง ก!จักรรมที่��ส�งผู้ลุ่ต�อความร� ส(กของผู้�เร�ยนน�*น ม�กจัะเป็�นก!จักรรมที่��เก��ยวของก�บชิ�ว!ต ป็ระสบการณ์/ แลุ่ะความเป็�นจัร!งของผู้�เร�ยน จัะตองเป็�นส!�งที่��เก��ยวของก�บต�วผู้�เร�ยนโดยตรงห็ร�อใกลุ่ต�วผู้�เร�ยน
การจั�ดการเร�ยนการสอนแบบย(ดผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่าง โดยใชิ CIPPA
Model สามารถชิ�วยให็ผู้�เร�ยนไดม�ส�วนร�วมในก!จักรรมการเร�ยนร� ที่�*งที่างดานร�างกาย สต!ป็4ญญา ส�งคม แลุ่ะอารมณ์/ ด�งน�*
C มาจัากค-าว�า Construct ซึ่(�งห็มายถ(ง การสรางความร� ตามแนวค!ดของป็ร�ชิญา Constructivism กลุ่�าวค�อ ก!จักรรมการเร�ยนร� ที่��ด� ควรเป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�โอกาสสรางความร� ดวยตนเอง ซึ่(�งจัะที่-าให็ผู้�เร�ยนม�ความเขาใจัแลุ่ะเก!ดการเร�ยนร� ที่��ม�ความห็มายต�อตนเอง การที่��ผู้�เร�ยนม�โอกาสไดสรางความร� ดวยตนเองน�*เป็�นก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมที่าง สต!ป็4ญญา
I มาจัากค-าว�า Interaction ซึ่(�งห็มายถ(ง การป็ฏิ!ส�มพื่�นธ์/ก�บผู้�อ��นห็ร�อส!�งแวดลุ่อมรอบต�วก!จักรรมการเร�ยนร� ที่��ด� จัะตองเป็:ดโอกาสให็ผู้�เร�ยนได
เคลุ่��อนไห็วที่างร�างกาย โดยการที่-าก!จักรรมในลุ่�กษณ์ะต�างๆ
P มาจัากค-าว�า Physical Participation ซึ่(�งห็มายถ(ง การม�ส�วนร�วมในก!จักรรมการเร�ยนร� ที่างกาย ค�อ ผู้�เร�ยนม�โอกาสไดเคลุ่��อนไห็วร�างกาย โดยที่-าก!จักรรมในลุ่�กษณ์ะต�างๆ
P มาจัากค-าว�า Process Learning ห็มายถ(ง การเร�ยนร� กระบวนการต�างๆ ก!จักรรมการเร�ยนร� ที่��ด�ควรเป็:ดโอกาสให็ผู้�เร�ยนไดเร�ยนร� กระบวนการต�างๆ ซึ่(�งเป็�นที่�กษะที่��จั-าเป็�นต�อการด-ารงชิ�ว!ต เชิ�น กระบวนการแสวงห็าความร� กระบวนการค!ด กระบวนการแกป็4ญห็า กระบวนการกลุ่��ม กระบวนการพื่�ฒนาตนเอง เป็�นตน การเร�ยนร� กระบวนการเป็�นส!�งที่��ส-าค�ญเชิ�นเด�ยวก�บการเร�ยนร� เน�*อห็าสาระต�างๆ การเร�ยนร� ที่างดานกระบวนการ เป็�นการชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมที่างสต!ป็4ญญาอ�กที่างห็น(�ง
A มาจัากค-าว�า Application ห็มายถ(ง การน-าความร� ที่��ไดเร�ยนร� ไป็ป็ระย�กต/ใชิ ซึ่(�งจัะชิ�วยให็ผู้�เร�ยนไดร�บป็ระโยชิน/จัากการเร�ยน แลุ่ะชิ�วยให็ผู้�เร�ยนเก!ดการเร�ยนร� เพื่!�มเต!มข(*นเร��อยๆ ก!จักรรม การเร�ยนร� ที่��ม�แต�เพื่�ยงการสอนเน�*อห็าสาระให็ผู้�เร�ยนเขาใจั โดยขาดก!จักรรมการน-าความร� ไป็ป็ระย�กต/ใชิ จัะที่-าให็ผู้�เร�ยนขาดการเชิ��อมโยงระห็ว�างที่ฤษฎี�ก�บการป็ฏิ!บ�ต! ซึ่(�งจัะที่-าให็การเร�ยนร� ไม�เก!ดป็ระโยชิน/เที่�าที่��ควร การจั�ดก!จักรรมที่��ชิ�วยให็ผู้�เร�ยนสามารถน-าความร� ไป็ป็ระย�กต/ใชิน�* เที่�าก�บเป็�นการชิ�วยให็ผู้�เร�ยนม�ส�วนร�วมในก!จักรรมการเร�ยนร� ดานใดดานห็น(�งห็ร�อห็ลุ่ายๆ ดาน แลุ่วแต�ลุ่�กษณ์ะของสาระแลุ่ะก!จักรรมที่��จั�ด สร�ป็ไดว�า การจั�ดการเร�ยนการสอนตาม CIPPA Model สามารถส�งเสร!มให็ผู้�เร�ยนม� ส�วนร�วมในก!จักรรมการเร�ยนร� ที่�*งที่างดานกาย สต!ป็4ญญา แลุ่ะส�งคม ส�วนการม�ส�วนร�วมที่างดานอารมณ์/น�*น ความจัร!งแลุ่วม�เก!ดข(*นควบค��ไป็ก�บที่�กดาน ไม�ว�าจัะเป็�นที่างดานกาย สต!ป็4ญญา แลุ่ะส�งคม ซึ่(�งห็ากคร�สามารถจั�ดก!จักรรมการเร�ยนร� ให็ผู้�เร�ยนไดตามห็ลุ่�กด�งกลุ่�าวแลุ่ว การจั�ด การเร�ยนการสอนของคร�ก�จัะม�ลุ่�กษณ์ะที่��ผู้�เร�ยนเป็�นศ�นย/กลุ่างอย�าง
แที่จัร!ง ว!ธ์�การที่��จัะจั�ดการเร�ยนการสอนให็สอดคลุ่องก�บ CIPPA Model สามารถที่-าไดโดยคร�อาจัเร!�มตนจัากแผู้นการสอนที่��ม�อย��แลุ่ว แลุ่ะน-าแผู้นด�งกลุ่�าวมาพื่!จัารณ์าตาม CIPPA Model ห็ากก!จักรรมตามแผู้นการสอนขาดลุ่�กษณ์ะใดไป็ ก�พื่ยายามค!ดห็าก!จักรรมที่��จัะชิ�วยเพื่!�มลุ่�กษณ์ะด�งกลุ่�าวลุ่งไป็ ห็ากแผู้นเด!มม�อย��บางแลุ่ว ก�ควรพื่ยายามเพื่!�มให็มากข(*น เพื่��อก!จักรรมจัะไดม�ป็ระส!ที่ธ์!ภาพื่มากข(*น เม��อที่-าเชิ�นน�*ไดจันเร!�มชิ-านาญแลุ่ว ต�อไป็คร�ก�จัะสามารถวางแผู้นตาม CIPPA Model ไดไม�ยากน�ก
พื้7ที่ธิว-ธิ�บร-หารBuddhist Style in Management
กลั�บข4*นบน