ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท

Preview:

Citation preview

ชื่องานวจิยัชื่อเรื่องการค้นควา้อิสระหรอืวทิยานิพนธ์(ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ)

กฤษดา เชยีรวฒันสขุ

Master of Business Administration ProgramFaculty of Business Administration Rajamangala University of Technology Thanyaburi

บทนำา/ความเป็นมาของปัญหา• ท่ีมาของงานวจิยั

ควรกล่าวนำาด้วยภาพกวา้งของประเด็นหรอืสถานการณ์หรอืสภาวการณ์ในปัจจุบนัท่ีสำาคัญท่ีนำาสูก่ารศึกษา

อาจนำาจากกลุ่มหรอืประเภทธุรกิจ (อุตสาหกรรม) ท่ีจะทำาศึกษา

อาจนำาจากตัวแปรหลักท่ีจะทำาการศึกษาอาจนำาจากสถานการณ์ (ประเด็น) ในระดับสากลเขา้สู่

สถานการณ์หรอืสภาวการณ์ในปัจจุบนัในประเทศอาจนำาในลักษณะการเปรยีบเทียบปัญหาท่ีเกิดองค์กรขนาด

ใหญ่หรอืเป็นท่ีสนใจในปัจจุบนัเขา้สูป่ระเด็นท่ีจะทำาการศึกษาจากกลุ่มประชากรท่ีสนใจในงานวจิยัของตนเอง

บทนำา/ความเป็นมาของปัญหา• ความสำาคัญของปัญหา

สาเหตใุดจงึทำาการศึกษา ประเด็น/ปัญหา/องค์กร มีความสำาคัญอยา่งไร

หากทำาการศึกษาในเรื่องนี้แล้วจะทำาให้เกิดแนวทาง/แนวคิด/กลยุทธ/์องค์ความรูท่ี้เป็นประโยชน์อยา่งไร ในแง่ไหน

สามารถอ้างอิงขอ้มูลท่ีสำาคัญได้ เชน่ มูลค่าทางเศรษฐกิจ/ปรมิาณการผลิต/ยอดขาย/ขนาดของตลาด/สว่นแบง่ตลาด เป็นต้น

วตัถปุระสงค์ในการวจิยั• สำาหรบัในการวจิยัครัง้น้ี มวีตัถปุระสงค์ดังต่อไปนี้

ควรระบุวตัถปุระสงค์ให้ชดัเจน เชน่ เพื่อศึกษา/เพื่อสำารวจ/เพื่อเปรยีบเทียบ/เพื่อศึกษาความสมัพนัธร์ะหวา่ง/เพื่อศึกษาถึงปัญหา/เพื่อศึกษาหาสาเหตหุรอืปัจจยั 

วตัถปุระสงค์จะต้องสอดคล้องกับชื่อเรื่องท่ีจะทำาการศึกษาและมคีวามครอบคลมุประเด็นหรอืตัวแปรที่จะทำาการศึกษา

วตัถปุระสงค์ท่ีดีจะนำาไปสูส่มมติฐานท่ีจะทำาการศึกษา (ต้องระบุสิง่ท่ีจะทำาการศึกษา และกลุ่มตัวอยา่งหรอืประชากรที่ศึกษา

วตัถปุระสงค์จะต้องมคีวามชดัเจน ใชภ้าษาท่ีกระทัดรดัไม่เยิน่เยอ้ใชค้ำาท่ีวกวนหรอืกำากวม

สมมติฐานในการวจิยัสมมติฐานท่ี

1 ..................................................................................................................................................................................................................

สมมติฐานท่ี 2 ..................................................................................................................................................................................................................

สมมติฐานท่ี 3 ..................................................................................................................................................................................................................

สมมติฐานในการวจิยัสมมติฐาน (Hypotheses) จะเป็นแนวทางในการรวบรวมขอ้มูลและ

การวเิคราะหข์อ้มูล (ผู้วจิยัอาจกำาหนดคำาถามในการวจิยัขึ้นก่อนเพื่อเป็นแนวทางท่ีจะศึกษา)

สมมติฐานในการวจิยัจะต้องสอดคล้องตามวตัถปุระสงค์ของการศึกษาการตัง้สมมติฐานจะต้องอยูบ่นแนวคิด ทฤษฎีท่ีเกี่ยวขอ้ง ไมค่วรตัง้ขึ้น

มาลอยๆ โดยไมม่เีหตผุลหรอืความเป็นจรงิรองรบัการเขยีนสมมติฐานจะเขยีนแบบใช ้สมมติฐานวา่ง (Null

Hypothesis) นำาในการศึกษาก็ได้ เชน่ระบุวา่ไมม่คีวามแตกต่าง หรอืระบุวา่ไมม่คีวามสมัพนัธ ์

การเขยีนสมมติฐานจะเขยีนแบบตรงขา้มกับสมมติฐานวา่งก็ได้ เชน่ระบุวา่มคีวามแตกต่าง หรอืระบุวา่มคีวามสมัพนัธ ์หรอืสง่ผลต่อ หรอืมผีลต่อ

สมมติฐานในการวจิยัจำานวนขอ้ของสมมติฐานควรมมีากกวา่หรอืเท่ากับ

จำานวนวตัถปุระสงค์ แต่จำานวนขอ้จะมมีากแค่ไหนไม่สำาคัญเท่ากับการครบถ้วนครอบคลมุทกุประเด็น (ตัวแปร) ท่ีจะทำาการศึกษาหรอืไม่

หากใชก้ารเขยีนสมมติฐานเป็นขอ้ใหญ่มหีลายประเด็น (ตัวแปร) ควรแตกเป็นสมมติฐานยอ่ยเมื่อมกีารทดสอบสมมติฐาน ทัง้นี้เพื่อความชดัเจนในการสรุปผลการวจิยั

กรอบแนวคิดในการวจิยั• (ในกรอบแนวคิด ควรอ้างอิงท่ีมา หรอืงานวจิยั

ท่ีนำามาเป็นต้นแบบ ตามแต่ละตัวแปรท่ีศึกษา)

ประโยชน์ท่ีคาดวา่จะได้รบั• โดยปกติสามารถกล่าวถึงประโยชน์ท่ีคาดวา่จะได้รบั

ดังน้ี–ประโยชน์ในทางวชิาการ–ประโยชน์ในทางปฏิบติั

• หรอือาจจะกล่าวถึงในลักษณะ–ประโยชน์ต่อองค์กรท่ีศึกษา (เป็นแนวทาง

ปรบัปรุง/แก้ไข/กำาหนดนโยบาย/กำาหนดกลยุทธ)์–ประโยชน์ต่อองค์กรอ่ืน (การประยุกต์ใช)้

นิยามศัพท์เฉพาะ (ถ้าม)ี• นิยามศัพท์เฉพาะ

เป็นคำาศัพท์เฉพาะท่ีใชใ้นงานวจิยันี้จรงิๆ เพื่อสื่อให้ผู้อ่านเขา้ใจถกูต้องตรงกัน

การอธบิายศัพท์เฉพาะ ควรสรุปให้กระชบัชดัเจน และถกูต้องตรงความหมาย

ศัพท์เฉพาะท่ีนำามาจากทฤษฎี (แนวคิด) ของนักวจิยั (นักวชิาการ) ท่านใด จะต้องอ้างอิงให้ถกูต้องเหมาะสมด้วย

ศัพท์เฉพาะท่ีนำามาจากหน่วยงานหรอืองค์กรใด จะต้องอ้างอิงให้ถกูต้องเหมาะสมด้วย

ทบทวนวรรณกรรม• ควรสรุปเฉพาะท่ีสำาคัญ และตรงตามตัวแปรท่ี

จะศึกษา • หากมตัีวแปรท่ีมคีวามสมัพนัธ/์อิทธพิล/ผลกระ

ทบ/ปัจจยัสาเหต ุให้สรุปวรรณกรรม อ้างอิงเรยีงตามกรอบและสมมติฐาน

งานวจิยัท่ีเก่ียวขอ้ง• ในการเขยีนสรุปงานวจิยัท่ีเก่ียวขอ้ง จะต้องเขยีนเรยีบเรยีง

ใหมใ่หเ้หมาะสมอ่านเขา้ใจง่าย และต้องตระหนักวา่ไมใ่ช่การนำาบทคัดยอ่ของงานวจิยัของผู้อ่ืนมาใสไ่วเ้ฉยๆ

• ในการเขยีนสรุปงานวจิยัท่ีเก่ียวขอ้ง ผู้วจิยัควรนำามาจากสว่นสรุปและอภิปรายผลจากงานวจิยัท่ีนำามาอ้างอิง (จากบทท่ี 5 หรอื กรณีหากเป็นบทความวจิยัใหน้ำามาจากสว่นสรุปและอภิปรายผล)

• ตัวอยา่งการเขยีนงานวจิยัท่ีเก่ียวขอ้ง ใคร (ชื่อผู้วจิยั) ทำาการศึกษาเมื่อใด (ปีท่ีทำาการศึกษา/ระบุหน้า (ถ้าม)ี) ทำาการเรื่องใด กับกลุ่มใด (กลุ่มตัวอยา่ง) ผลท่ีได้เป็นอยา่งไร มกีารสรุป เสนอแนะไวอ้ยา่งไร

วธิกีารดำาเนินการวจิยัขอบเขตของการศึกษา

ระยะเวลาท่ีใชใ้นการศึกษา ตัวแปรท่ีศึกษา กลุ่มตัวอยา่งท่ีทำาการศึกษา พื้นท่ี ท่ีจะทำาการศึกษา

จำานวนกลุ่มตัวอยา่ง (ใคร ท่ีไหน เท่าใด) วธิกีารสุม่ตัวอยา่ง

วธิกีารดำาเนินการวจิยัเครื่องมอืท่ีใช ้(แบบสอบถาม)

เครื่องมอืท่ีใชค้วรอ้างท่ีมาด้วย (นำาของใครมาปรบัปรุง ดัดแปลง หรอืนำามาใชเ้ลย)

โดยเรยีงลำาดับตามตัวแปร ให้ระบุค่าความเชื่อมัน่ และ IOC ด้วย)

สถิติท่ีใชใ้นการทดสอบสมมติฐาน สถิติเชงิพรรณนา อธบิายเฉพาะท่ีมกีารนำามาใชจ้รงิ โดย

ท่ัวไป มกัจะเป็น ความถ่ี ค่าเฉล่ีย รอ้ยละ ค่าเบีย่งเบนมาตรฐาน ค่าสงูสดุ ค่าตำ่าสดุ และพสิยั

สถิติเชงิอนุมาน ให้อธบิายและกล่าวถึงเฉพาะท่ีมใีชใ้นงานวจิยัน้ีเท่านัน้

แนวทาง/วธิทีดสอบสมมติฐานระบุแนวทางให้ชดัเจน เชน่

ใช ้t – Test ในการทดสอบค่าเฉล่ีย ใช ้การวเิคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) หรอื F –

Test ในการเปรยีบเทียบระหวา่งกลุ่ม ท่ี K > 2 และใช ้Post–hoc Test ในการเปรยีบเทียบรายคู่ ด้วย วธิ ีLSD เป็นต้น

ใช ้สหสมัพนัธข์องเพยีรส์นั ในการทดสอบความสมัพนัธ์ หรอื สถิติอ่ืนๆ ท่ีเหมาะสม โดยจะต้องคำานึงถึงความถกู

ต้องท่ีจะนำามาใช ้เง่ือนไขวธิ ีขอ้จำากัด ให้ครบถ้วนเหมาะสมด้วย

คำาถามและขอ้เสนอแนะจาก

ประธานกรรมการและกรรมการสอบ

จบการนำาเสนองานวจิยัผู้วจิยัขอกราบขอบพระคณุ

ประธานกรรมการกรรมการ และ อาจารยท่ี์ปรกึษา

อยา่งสงู ไว ้ณ โอกาสนี้

Recommended