Upload
dnai
View
1.335
Download
5
Embed Size (px)
DESCRIPTION
สำหรับนักศึกษา มสธ.
Citation preview
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน - ๒ -
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
37
6. สิทธิครอบครอง
6.1 ลักษณะ การไดมาและสิ้นสุดซึ่งสิทธิครอบครอง 6.1.1 ลักษณะของสิทธิครอบครอง ■ สิทธิครอบครอง มีลักษณะสําคัญ 7 ประการ
1. สิทธิครอบครองเปนทรัพยสิทธิชนิดหนึ่ง 2. สิทธิครอบครองเปนสิทธิท่ีไดมาตามขอเท็จจริง 3. สิทธิครอบครองอาจมีไดท้ังในสังหาริมทรัพยและอสังหาริมทรัพย 4. สิทธิครอบครองมีอยูไดตราบเทาท่ีครอบครอง
5. สิทธิครอบครองเปนสิทธิท่ีอาจอยูโดยลําพังได 6. สิทธิครอบครอบอาจแทรกอยูในสิทธิอ่ืนๆ
a. สิทธิครอบครองแทรกอยูในกรรมสิทธ์ิ มีฐานะเปนบริวารของกรรมสิทธ์ิ
b. สิทธิครอบครองแทรกอยูในทรัพยสิทธิอ่ืนๆ c. สิทธิครอบครองแทรกอยูในบุคลสิทธิ
7. สิทธิครอบครองมีไดท้ังกรณีผูทรงสิทธิเปนเจาของและมิไดเปนเจาของทรัพยสิน ■ กรรมสิทธ์ิเปนสิทธิตามกฎหมาย (de jure) สวนสิทธิครอบครองเปนสิทธิตามขอเท็จจริง (dec facto) เม่ือมีกรรมสิทธ์ิยอมมีสิทธิครอบครองอยูดวย ■ เหตุท่ีกฎหมายรับรองสิทธิครอบครอง
1. เหตุผลในดานความสงบเรียบรอยของบานเมือง – กฎหมายรับรองผูครอบครองในปจจุบันเปนชั้นตน หากบุคคลใดเห็นวาตนเองมีสิทธิดีกวา ก็ไปนําสืบหักลางกันในชั้นศาล เพราะหากไมรับรองชั้นตน ก็ยอมเกิดการแยงชิงกันเอง
2. เหตุผลในดานการใชบังคับกฎหมาย
a. กรณีขอสันนิษฐานของกฎหมาย – ใหเปนประโยชนแกผูครอบครอง
i. สันนิษฐานไวกอนวา ยึดถือเพ่ือตน (ป.พ.พ.มาตรา 1369)
ii. สันนิษฐานไวกอนกวา ครอบครองโดยสุจริต โดยความสงบ และโดยเปดเผย (ป.พ.พ.มาตรา 1370)
b. กรณีใหสิทธิแกผูครอบครองยิ่งกวาบุคคลอื่น
3. เหตุผลในดานเศรษฐกิจ ■ สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับหลักเกณฑในทางแพง
• สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับความสมบูรณแหงนิติกรรม – นิติกรรมจะสมบูรณตอเม่ือไดมีการสงมอบการครอบครอง • สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับหลักฐานแหงสัญญา – เปนพยานหลักฐานในการทําสัญญานั้น เพ่ือประโยชนในการ
ฟองรองบังคับคด ี
• สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับวัตถุแหงหนี้ – การสงมอบทรัพยสินใหอยูในการครอบครองของคูสัญญา • สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับความรับผิดในมูลสัญญา – การสงมอบทรัพยสิน การใชหรือดูแลทรัพยสินไมตรงตาม
สัญญา จึงตองรับผิดตามมูลสัญญานั้นๆ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
38
• สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับความรับผิดในมูลละเมิด – กฎหมายกําหนดใหผูทรงสิทธิครอบครองในขณะที่มูลละเมิดเกิดขึ้นเปนผูตองรับผิด
■ สิทธิครอบครองเกี่ยวของกับองคประกอบในทางอาญา เชน
• เอาทรัพยไปจากการครอบครองของผูอ่ืนโดยทุจริต
• ครอบครองทรัพยของผูอ่ืนแลวเบียดบังเอาทรัพยนั้นโดยทุจริตเปนความผิดฐานยักยอก
• หลอกลวงผูอ่ืนดวยการแสดงขอความอันเปนเท็จ
• ลักทรัพยโดยฉกฉวยเอาซึ่งหนา • เขาไปในอสังหาริมทรัพยของผูอ่ืน
6.1.2 การไดมาและสิ้นสุดซึ่งสิทธิครอบครอง ■ การไดมาซึ่งสิทธิครอบครอง
1. การไดมาโดยยึดถือดวยตนเอง 2. การไดมาโดยผูอ่ืนยึดถือไวให 3. การไดมาโดยการเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือ
มาตรา 1367 บุคคลใดยึดถือทรัพยสินโดยเจตนาจะยึดถือเพ่ือตน ทานวาบุคคลนั้นไดซึ่งสิทธิครอบครอง ■ ขนาดการใชอํานาจเหนือทรัพยสิน – ตองมีขนาดพอที่จะใชอํานาจเอามาใชสอยไดตามสภาพแหงทรัพยนั้น ไมถึงแกจะตองหยิบจับไวในมือ
• สูบน้ําออกจากหนองน้ําจับปลาจนน้ําแหง ยอมถือวาอยูในการยึดถือแลว
• ยอดลานในปาสัมปทาน เม่ือยังมิไดตัด ก็ยังเปนของปาอยู • ปลาในธรรมชาติลําเหมืองเอกชน แมมีผูผูกขาด ก็ยังไมถือวาไดยึดถือไว
■ ขนาดของการหวงกันมิใหบุคคลอื่นเขามาขัดขวางรบกวนได
• ตัดการเก่ียวของของผูอ่ืนไดตามสมควร
• มีหลักประกันเพียงพอที่จะใชอํานาจตอไปได ■ เจตนายึดถือเพ่ือตน หมายความวา มีเจตนาจะยึดถือทรัพยสินนั้นเพ่ือประโยชน (Benefit) ของตนเอง มิไดยึดถือแทนเพื่อประโยชนของผูอ่ืน แตไมถึงกับตองมีเจตนาเปนเจาของ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ■ เหตุการไดมา
1. การยึดถือทรัพยไมมีเจาของ 2. การรับโอนการครอบครองโดยนิติกรรม
a. รับโอนโดยเด็ดขาด – รับมาโดยสิ้นเชิง ไมมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา b. รับโอนชั่วระยะเวลาอันจํากัด – ครบกําหนดก็ตองสงมอบคืน
3. แยงการครอบครอง มาตรา 1369 บุคคลใดยึดถือทรัพยสินไว ทานใหสันนิษฐานไวกอนวาบุคคลนั้นยึดถือเพ่ือตน ■ การยึดถือเปนเหตุการณขอเท็จจริงท่ีประจักษชัด หากผูใดเห็นวาขอสันนิษฐานดังกลาวไมถูกตอง ก็ตองเปนภาระหนาท่ีในการนําสืบหักลางเอง
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
39
มาตรา 1373 ถาทรัพยสินเปนอสังหาริมทรัพยท่ีไดจดไวในทะเบียนที่ดินทานใหสันนิษฐานไวกอนวาบุคคลผูมีชื่อในทะเบียนเปนผูมีสิทธิครอบครอง ■ ขอสังเกต
• แบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ไมไดรับประโยชนตาม ป.พ.พ.มาตรา 1373
• ผูมีชื่อเปนเจาบานในทะเบียนบาน ไมไดรับประโยชน มิใชหลักฐานแสดงความเปนเจาของกรรมสิทธ์ิ เปนเพียงประโยชนในทางทะเบียนราษฎรเทานั้น
• มาตรา 1373 สันนิษฐานเพียงวาเปนผูมีสิทธิครอบครอง หาไดไมวาเปนผูมีกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินนั้นไม ตองนําสืบเอง
มาตรา 1368 บุคคลอาจไดมาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผูอ่ืนยึดถือไวให มาตรา 1381 บุคคลใดยึดถือทรัพยสินอยูในฐานะเปนผูแทนผูครอบครองบุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือได ก็แตโดยบอกกลาวไปยังผูครอบครองวาไมเจตนาจะยึดถือทรัพยสินแทนผูครอบครองตอไป หรือตนเองเปนผูครอบครองโดยสุจริตอาศัยอํานาจใหมอันไดจากบุคคลภายนอก ■ ผูแทนการครอบครอง จะเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือได 2 วิธี คือ
1. บอกกลาวไปยังผูครอบครองวา ไมเจตนาจะยึดถือทรัพยสินแทนผูครอบครองตอไป
2. ตนเองเปนผูครอบครองโดยสุจริต อาศัยอํานาจใหมอันไดจากบุคคลภายนอก ■ การบอกกลาวผานผูอ่ืน ถาเปนการแนชัดวาการบอกกลาวนั้นจะไปถึงผูมีสิทธิครอบครองอยางแนนอน และปรากฎชัดเจนวาผูมีสิทธิครอบครองรับทราบ ก็ถือไดวามีการบอก ■ การอาศัยอํานาจใหมจากบุคคลภายนอก ไมตองมีการบอกกลาวเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือ แตการบอกกลวโดยอางอํานาจใหมจากบุคคลภายนอก ก็ถือวาเปนการบอกกลาวเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือเชนกัน ■ การสิ้นสุดการครอบครอบ มี 3 กรณีคือ
1. การสิ้นสุดโดยการถูกแยงการครอบครอง 2. การสิ้นสุดโดยการสละเจตนาครอบครอง
3. การสิ้นสุดโดยการโอนการครอบครอง มาตรา 1375 ถาผูครอบครองถูกแยงการครอบครองโดยมิชอบดวยกฎหมายไซร ทานวาผูครอบครองมีสิทธิจะไดคืนซึ่งการครอบครองเวนแตอีกฝายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพยสินดีกวาซึ่งจะเปนเหตุใหเรียกคืนจากผูครอบครองได การฟองคดีเพ่ือเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ทานวาตองฟองภายในปหนึ่งนับแตเวลาถูกแยงการครอบครอง
■ การสิ้นสุดการครอบครองโดยการถูกแยง
1. การถูกแยงเปนเหตุใหสิทธิครอบครองสิ้นสุดไปเปนการชั่วคราว – ฟองรองภายในหนึ่งป 2. การถูกแยงเปนเหตุใหสิทธิครอบครองสิ้นสุดไปโดยเด็ดขาด – มิไดฟองรองภายในหนึ่งป
■ กระทําบางอยางโดยมิไดเขาไปยึดถือจริงก็ไมถือวาเปนการแยงการครอบครอง
• ยื่นขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส.3 หรือ น.ส.3 ก)
• นําเจาพนักงานไปสํารวจรังวัดที่ดิน
• การเอาขยะไปทิ้งถมโดยมิไดเขาไปครอบครอง
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
40
มาตรา 1377 ถาผูครอบครองสละเจตนาครอบครอง หรือไมยึดถือทรัพยสินตอไปไซร การครอบครองยอม
สุดสิ้นลง ถาเหตุอันมีสภาพเปนเหตุชั่วคราวมีมาขัดขวางมิใหผูครอบครองยึดถือทรัพยสินไซร ทานวาการครอบครองไมสุดสิ้นลง ■ การสละเจตนาครอบครอง ไมมีบทกฎหมายกําหนดแบบการแสดงเจตนาไว หากไมมีการแสดงเจตนาสละการครอบครองเปนลายลักษณอักษรหรือโดยวาจา ก็ตองพิจารณาเปนกรณีไป
• เจาของเดิมไมแสดงอาการเปนเจาของและสละละทิ้งไปจนเกินเวลาอันสมควร
• เคยจับจองที่พิพาท แตไดละท้ิงไปเสียนานเปนสิบป ■ กรณีไมเปนการสละเจตนาครอบครอง
• ท่ีดินมือเปลาเจาของมอบใหเจาหนี้เพ่ือเปนประกันหนี ้• ท่ีดินมากมายแตน้ําเค็มทวมถึง ผูทําจึงทําเปนหยอมๆ ไมเรียกวาละท้ิง
■ การทํานิติกรรมสละเจตนาครอบครอง ไมมีกฎหมายบัญญัติหามไว
• ทํานิติกรรมฝายเดียวสละเจตนาครองครองโดยไมมีคูสัญญา หากพฤติการณและขอเท็จจริงสอดคลองกับนิติกรรมก็ถือวาเปฯการสละเจตนาครอบครอง หากพฤติการณและขอเท็จจริง ผูทํายังคงยึดถือก็ยังยอมมีสิทธิครอบครอง
• ทํานิติกรรมสละเจตนาครอบครองโดยมีคูสัญญา หรือมีผูรับมอบการครอบครองทรัพยสิน หรือมีขอสัญญาหากไมปฏิบัติตามสัญญา ถือวาเปนการสละเจตนาครอบครอง
มาตรา 1378 การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้นยอมทําไดโดยสงมอบทรัพยสินที่ครอบครอง
■ การโอนการครอบครองโดยการสงมอบทรัพยสินที่ครอบครอง ถือวาเปนการสละเจตนาครอบครองดวย มักจะใชในกรณีท่ีนิติกรรมการโอนไมสมบูรณหรือตกเปนโมฆะ แตการโอนโดยการสงมอบถือเปนการสละเจตนาครอบครอง ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1337 วรรคแรก
6.2 ผลของสิทธิครอบครองและการครอบครองปกปกษ 6.2.1 ผลของสิทธิครอบครอง ■ ผลของสิทธิครอบครอง
1. ผลจากขอสันนิษฐานของกฎหมาย
2. ผลในการปลดเปลื้องการรบกวนและการเอาคืนซี่งการครอบครอง 3. ผลในการตอสูกับผูมีสิทธิเอาทรัพยคืน
4. ผลในการโอนสิทธิครอบครอง ■ ผลจากขอสันนิษฐานของกฎหมาย
1. สันนิษฐานวาครอบครองโดยสุจริต สงบและเปดเผย (ม.1370)
2. สันนิษฐานวาไดครอบครองติดตอกันตลอดเวลา (ม.1371)
3. สันนิษฐานวาเปนสิทธิซึ่งผูครอบครองมีตามกฎหมาย (ม.1372)
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
41
มาตรา 1370 ผูครอบครองนั้น ทานใหสันนิษฐานไวกอนวาครอบครองโดยสุจริต โดยความสงบและโดยเปดเผย
■ ครอบครองในระหวางคดีความ ไมไดรับประโยชนจากขอสันนิษฐานตาม ม.1370 มาตรา 1371 ถาพิสูจนไดวาบุคคลใดครอบครองทรัพยสินเดียวกันสองคราว ทานใหสันนิษฐานไวกอนวาบุคคลนั้นไดครอบครองติดตอกันตลอดเวลา ■ เหตุผลคือ ถาตนกับปลายมีการครอบครองอยูได ตอนกลางก็คงจะไดครอบครองไวเหมือนกัน หากมิไดครอบครองเชนนั้น คงถูกฟองขับไลแลว ไฉนจะกลับเขามาครอบครองอยูในตอนปลายนั้นได ■ ตองพิสูจนขอเท็จจริงสองประการ
• ตองครอบครองทรัพยสินเดียวกันเทานั้น
• ตองครอบครองสองคราว คือ คราวแรกกับคราวหลัง ■ กฎหมายบัญญัติไวสองคราวมิใชตายตัว แตเปนเพียงจํานวนคราวขั้นต่ําเทานั้น และชวงระยะเวลาคราวแรกกับคราวหลังจะหางกันไมเกินเทาใดนั้น ไมมีกฎหมายจํากัดไว มาตรา 1372 สิทธิซึ่งผูครอบครองใชในทรัพยสินที่ครอบครองนั้นทานใหสันนิษฐานไวกอนวาเปนสิทธิซึ่งผูครอบครองมีตามกฎหมาย
■ แมจะไมชอบดวยกฎหมาย หากยึดถือเพ่ือตนก็ยอมไดสิทธิครอบครอง ดังเชน สิทธิของขโมยสามารถยกขึ้นตอสูมิใหยุงเก่ียวกับทรัพยสินซึ่งขโมยมา แมแตเจาของกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินนั้น แตเจาของกรรมสิทธ์ิสามารถนําสืบหักลางขอสันนิษฐานได (อาศัยสิทธิติดตามเอาคืน ม.1336) มาตรา 1374 ถาผูครอบครองถูกรบกวนในการครอบครองทรัพยสินเพราะมีผูสอดเขาเก่ียวของโดยมิชอบดวยกฎหมายไซร ทานวาผูครอบครองมีสิทธิจะใหปลดเปลื้องการรบกวนนั้นได ถาเปนที่นาวิตกวาจะยังมีการรบกวนอีก ผูครอบครอง จะขอตอศาลใหสั่งหามก็ได การฟองคดีเพ่ือปลดเปลื้องการรบกวนนั้น ทานวาตองฟองภายในปหนึ่งนับแตเวลาถูกรบกวน
■ การที่เจาพนักงานออกหนังสือรับรองการทําประโยชนในที่ครอบครองใหแกผูอ่ืน ยังไมถือวารบกวน ■ แมเปนสาธารสมบัติของแผนดิน แตในระหวางราษฎรดวยกันเอง สามารถใชสิทธิฟองคดีเพ่ือปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครอง ■ ไมมีบทบัญญัติใหอํานาจทางราชการรบกวนการครอบครองของผูอ่ืนโดยไมชอบได ■ สิทธิท่ีจะใหปลดเปลื้องการรบกวน นั้น จะดําเนินการเองไมได ตองใชสิทธิในการฟองคดีในศาลเทานั้น ■ สิทธิฟองคดีเพ่ือปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครอง ตามมาตรา 1374 ตางจาก มาตรา 1336 และ 1337 คือ
1. มาตรา 1336 เรื่องสิทธิการขัดขวางมิใหผูอ่ืนสอดเขาเก่ียวของกับทรัพยสินนั้นโดยมิชอบดวยกฎหมาย สิทธิของเจาของกรรมสิทธ์ินั้น สามารถใชกําลังเขาขัดขวางมิใหผูอ่ืนสอดเขาเก่ียวของไดดวยตนเอง ไมจําเปนตองฟองศาล
2. มาตรา 1337 เรื่องการใชสิทธิของตนเปนเหตุใหเจาของอสังหาริมทรัพยไดรับความเสียหาย มุงคุมครองเจาของอสังหาริมทรัพย ผูครอบครองใชสิทธิตามมาตรา 1337 ไมได
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
42
มาตรา 1375 ถาผูครอบครองถูกแยงการครอบครองโดยมิชอบดวยกฎหมายไซร ทานวาผูครอบครองมีสิทธิจะไดคืนซึ่งการครอบครองเวนแตอีกฝายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพยสินดีกวาซึ่งจะเปนเหตุใหเรียกคืนจากผูครอบครองได การฟองคดีเพ่ือเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ทานวาตองฟองภายในปหนึ่งนับแตเวลาถูกแยงการครอบครอง
■ การฟองคดีเพ่ือเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตาม ป.พ.พ.มาตรา 1375 วรรคสอง กําหนดใหฟองคดีภายในหนึ่งปนับแตเวลาถูกแยงการครอบครอง เปนบทบังคับเรื่องกําหนดเวลาสําหรับฟอง หากไมฟองในกําหนดก็หมดสิทธิฟอง กําหนดเวลาหนึ่งปดังกลาว เปนระยะเวลาใหสิทธิฟองเรียกคืนการครอบครองที่ดินมือเปลา ไมใชอายุความ เพราะอายุความเปนเรื่องขณะฟอง สิทธิเรียกรองยังมีอยู แตไมใชสิทธินั้นบังคับเสียภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด จึงขาดอายคุวามหามมิใหฟอง มาตรา 1376 ถาจะตองสงทรัพยสินคืนแกบุคคลผูมีสิทธิเอาคืนไซรทานใหนําบทบัญญัติมาตรา 412 ถึง 418
แหงประมวลกฎหมายนี้วาดวยลาภมิควรไดมาใชบังคับโดยอนุโลม
• กรณีทรัพยสินนั้นเปนเงิน (ม.412)
• กรณีทรัพยสินอยางอ่ืน (ม.413)
• กรณีการคืนทรัพยตกเปนพนวิสัย (ม.414)
• กรณีดอกผลอันเกิดแตทรัพยนั้น (ม.415)
• กรณีคาใชจายเพ่ือรักษาบํารุงหรือซอมแซมทรัพยสิน (ม.416)
• กรณีดัดแปลงหรือตอเติมทรัพยสิน (ม.418) มาตรา 412 ถาทรัพยสินซึ่งไดรับไวเปนลาภมิควรไดนั้นเปนเงินจํานวนหนึ่ง ทานวาตองคืนจํานวนนั้น เวนแตเม่ือบุคคลไดรับไวโดยสุจริตจึงตองคืนลาภมิควรไดเพียงสวนที่ยังมีอยูในขณะเมื่อเรียกคืน
มาตรา 413 เม่ือทรัพยสินอันจะตองคืนนั้นเปนอยางอ่ืนนอกจากจํานวนเงิน และบุคคลไดรับไวโดยสุจริต ทานวาบุคคลเชนนั้นจําตองคืนทรัพยสินเพียงตามสภาพที่เปนอยู และมิตองรับผิดชอบในการที่ทรัพยนั้นสูญหายหรือบุบสลาย แตถาไดอะไรมาเปนคาสินไหมทดแทนเพื่อการสูญหายหรือบุบสลายเชนนั้นก็ตองใหไปดวย
ถาบุคคลไดรับทรัพยสินไวโดยทุจริต ทานวาจะตองรับผิดชอบในการสูญหายหรือบุบสลายนั้นเต็มภูมิ แมกระท่ังการสูญหายหรือบุบสลายจะเกิดเพราะเหตุสุดวิสัย เวนแตจะพิสูจนไดวาถึงอยางไร ทรัพยสินนั้นก็คงตองสูญหายหรือบุบสลายอยูนั่นเอง มาตรา 414 ถาการคืนทรัพยตกเปนพนวิสัยเพราะสภาพแหงทรัพยสินที่ไดรับไวนั้นเองก็ดี หรือเพราะเหตุอยางอ่ืนก็ดี และบุคคลไดรับทรัพยสินไวโดยสุจริต ทานวาบุคคลเชนนั้นจําตองคืนลาภมิควรไดเพียงสวนที่ยังมีอยูในขณะเมื่อเรียกคืน
ถาบุคคลไดรับทรัพยสินนั้นไวโดยทุจริต ทานวาตองใชราคาทรัพยสินนั้นเต็มจํานวน
มาตรา 415 บุคคลผูไดรับทรัพยสินไวโดยสุจริต ยอมจะไดดอกผลอันเกิดแตทรัพยสินนั้นตลอดเวลาที่ยังคงสุจริตอยู ถาผูท่ีไดรับไวจะตองคืนทรัพยสินนั้นเมื่อใด ใหถือวาผูนั้นตกอยูในฐานะทุจริตจําเดิมแตเวลาที่เรียกคืนนั้น
มาตรา 416 คาใชจายทั้งหลายอันควรแกการเพ่ือรักษาบํารุงหรือซอมแซมทรัพยสินนั้น ทานวาตองชดใชแกบุคคลผูคืนทรัพยสินนั้นเต็มจํานวน
แตบุคคลเชนวานี้จะเรียกรองใหชดใชคาใชจายตามธรรมดาเพื่อบํารุงซอมแซมทรัพยสินนั้น หรือคาภาระติดพันที่ตองเสียไปในระหวางที่ตนคงเก็บดอกผลอยูนั้นหาไดไม มาตรา 417 ในสวนคาใชจายอยางอ่ืนนอกจากที่กลาวมาในวรรคตนแหงมาตรากอนนั้น บุคคลผูคืนทรัพยสินจะเรียกใหชดใชไดแตเฉพาะท่ีเสียไปในระหวางที่ตนทําการโดยสุจริต และเมื่อทรัพยสินนั้นไดมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะคาใชจายนั้นในเวลาที่คืน และจะเรียกไดก็แตเพียงเทาราคาที่เพ่ิมขึ้นเทานั้น
อนึ่งบทบัญญัติแหงมาตรา 415 วรรค 2 นั้น ทานใหนํามาใชบังคับดวย แลวแตกรณี
มาตรา 418 ถาบุคคลรับทรัพยสินอันมิควรไดไวโดยทุจริต และไดทําการดัดแปลงหรือตอเติมขึ้นในทรัพยสินนั้น ทานวาบุคคลเชนนั้นตองจัดทําทรัพยสินนั้นใหคืนคงสภาพเดิมดวยคาใชจายของตนเองแลวจึงสงคืน เวนแตเจาของทรัพยสินจะเลือกใหสงคืนตาม
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
43
สภาพที่เปนอยู ในกรณีเชนนี้เจาของจะใชราคาคาทําดัดแปลงหรือตอเติม หรือใชเงินจํานวนหนึ่งเปนราคาทรัพยสินเทาท่ีเพ่ิมขึ้นนั้นก็ได แลวแตจะเลือก
ถาในเวลาที่จะตองคืนทรัพยนั้นเปนพนวิสัยจะทําใหทรัพยสินคืนคงสภาพเดิมได หรือถาทําไปทรัพยสินนั้นจะบุบสลายไซร ทานวาบุคคลผูไดรับไวจะตองสงคืนทรัพยสินตามสภาพที่เปนอยู และไมมีสิทธิเรียกคาสินไหมทดแทนเพื่อราคาทรัพยสินที่เพ่ิมขึ้นเพราะการดัดแปลงหรือตอเติมนั้นได มาตรา 1378 การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้นยอมทําไดโดยสงมอบทรัพยสินที่ครอบครอง ■ เทียบไดกับสิทธิจําหนายทรัพยสินตามมาตรา 1336 แตสิทธิตามมาตรา 1376 ทําไดโดยการสงมอบตามนิติกรรมเทานั้น การทําลายทรัพยสินและการสละการครอบครอง มิไดอยูในความหมายของการโอน ■ กรณีท่ีผูรับโอนหรือผูแทนยึดถือทรัพยสินอยูแลว
มาตรา 1379 ถาผูรับโอนหรือผูแทนยึดถือทรัพยสินอยูแลวทานวาการโอนไปซึ่งการครอบครองจะทําเพียงแสดงเจตนาก็ได ■ กรณีท่ีผูโอนหรือผูแทนของผูโอนยังยึดถือทรัพยสินอยู มาตรา 1380 การโอนไปซึ่งการครอบครองยอมเปนผล แมผูโอนยังยึดถือทรัพยสินอยู ถาผูโอนแสดงเจตนาวาตอไปจะยึดถือทรัพยสินนั้นแทนผูรับโอน
ถาทรัพยสินนั้นผูแทนของผูโอนยึดถืออยู การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทําโดยผูโอนส่ังผูแทนวา ตอไปใหยึดถือทรัพยสินไวแทนผูรับโอนก็ได 6.2.2 การครอบครองปรปกษ มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพยสินของผูอ่ืนไวโดยความสงบและโดยเปดเผยดวยเจตนาเปนเจาของ ถาเปนอสังหาริมทรัพยไดครอบครองติดตอกันเปนเวลาสิบป ถาเปนสังหาริมทรัพยไดครอบครองติดตอกันเปนเวลาหาปไซรทานวาบุคคลนั้นไดกรรมสิทธ์ิ ■ ทรัพยสินตามมาตรา 1382 หมายถึงทรัพยสินที่มีกรรมสิทธ์ิ ทรัพยสินที่มีเพียงสิทธิครอบครอง เชน ท่ีดินมือเปลาท่ีมี นส.3 ส.ค.1 เปนท่ีดินไมมีกรรมสิทธ์ิ ท่ีดินที่มีกรรมสิทธ์ิเชนเดียวกับโฉนด ครอบครองปรปกษได ■ ท่ีดินมีโฉนด ผูครอบครองจะรูหรือไมรูวามีโฉนดหรือไม ก็ครอบครองปรปกษได ■ ทรัพยสินบางประเภทที่ไมอาจครอบครองปรปกษ
1. ทรัพยสินที่เปนสาธารณสมบัติของแผนดิน สวนทรัพยสินของแผนดินธรรมดานั้น อาจครอบครองปรปกษได 2. ท่ีวัดหรือท่ีธรณีสงฆ
■ ทรัพยสินของศาลเจา อาจถูกครอบครองปรปกษได ■ ทรัพยสินของมัสยิด อาจถูกครอบครองปรปกษได ■ ทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย แมไมมีบทบัญญัติเรื่องนี้ไวเฉพาะ แตมีคําพิพากษาฎีกาวา ท่ีดินทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย ผูใดจะครอบครองปกปกษมิได ■ ท่ีดินที่มีพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย ทรงหามมิใหบุคคลใดฟองรองเพ่ือบังคับเอาที่ดินพิพาทไปใชผิดวัตถุประสงค พระบรมราชโองการยอมมีผลเปนกฎหมายและยอมมีผลรวมถึงการหามฟองรองเอาท่ีดินดังกลาว
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
44
■ ทรัพยสินทางปญญา ไมอาจครอบครองปรปกษได เพราะไมใชกรรมสิทธ์ิ ■ การครอบครองโดยสงบ หมายถึง ครอบครองอยูไดโดยไมไดถูกใหกําจัดออกไปหรือไมไดฟองรอง แตแตโตเถียงกัน ยังไมหมายถึงไมสงบ การไมสงบ ไดแก
1. ฟองรองคดีกันในศาล
2. ตางหวงกันและแยงการเปนเจาของ ■ การครอบครองโดยเปดเผย หมายถึง การไมปดบังตอบุคคลทั่วไปก็เพียงพอแลว ไมจําเปนตองเปดเผยตอเจาของกรรมสิทธ์ิ ■ การครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ ไดแก
1. ครอบครองตามสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด
a. แมผูขายจะไมใชเจาของกรรมสิทธ์ิ ก็ถือวาผูซื้อครอบครองโดยเจตนาเปนเจาของ b. สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพยท่ีไมไดทําตามแบบยอมเปนโมฆะ ถือไดวาครอบครองโดยเจตนาเปน
เจาของ 2. ครอบครองตามสัญญาให – แมนิติกรรมการใหจะตกเปนโมฆะ ก็อางการครอบครองปรปกษได 3. ครอบครองจากการตีใชหนี้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 321 – แมมิไดจดทะเบียน ก็อางการครอบครองปรปกษได 4. ครอบครองโดยมีพฤติการณอยางใดอยางหนึ่งท่ีชี้ใหเห็นไดอยางชัดเจนวาตองการทรัพยสินนั้นเปนของตนเอง
a. เจาของที่ดินทําคําม่ันจะขาย การเขาครอบครองโดยถือสิทธิเปนการครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ b. ครอบครองจากการซื้อท่ีดินมี น.ส.3 และนําไปขอออกโฉนดจนไดรับโฉนดที่ดิน
c. ครอบครองโดยปลูกบานอยูอาศัยถาวรและทํากินปลูกผลไมมาตลอด ■ การยึดถือแทนหรือครอบครองโดยอาศัยสิทธิผูอ่ืน (ครอบครองแทน) ไมถือเปนการครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ
• ครอบครองตามสัญญาเชา • ครอบครองในฐานะผูอาศัย
• ครอบครองตามสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งจะตองไปโอนทะเบียนกันในภายหนา ■ หากเปนสัญญาจะซื้อจะขายซึ่งตองโอนทะเบียนภายหลัง หากผูซื้อไดครอบครองและชําระราคาครบถวน ยอมเปนการครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ ■ ครอบครองในฐานะเจาหนี้ หรือยึดถือทรัพยสินไวเปนประกนัหรือดอกเบ้ีย หาเปนการครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของไม ■ หากมีขอสัญญาทํานองวา หากไมชําระภายในระยะเวลาที่กําหนด ใหทรัพยสินตกเปนของเจาหนี้ เชนนี้เม่ือพนกําหนด ถือวาไดครอบครองโดยเจตนาเปนเจาของ ■ ครอบครองทรัพยสินอันเปนกองมรดกซึ่งยังไมไดแบงในฐานะเปนทายาท ไมถือวาเปนการครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของทรัพยมรดกทั้งหมด ■ มีเจตนาครอบครอบชั่วคราว แมครอบครองมานานก็ไมถือวาเปนการครอบครองโดยมีเจตนาเปนเจาของ
• เขาใจวาเปนที่ดินของรัฐ หากเปนของผูอ่ืนจะยินยอมรื้อถอนออกไป ไมถือวาครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ
• เขาใจวาครอบครองที่ของกองทัพบก หากกองทัพบกจะเอาคืนก็จะคืนให ไมถือวาครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
45
• ครอบครองที่ดินเจาของที่ดินขางเคียง โดยตกลงกันวา หากเจาพนักงานรังวัดแลว ปรากฎวาฝายใดรุกล้ําก็ใหคืนใหแกอีกฝายหนึ่ง ไมถือวาครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ
• เขาไปทําประโยชนในที่ดินเปนครั้งคราว
• ปลูกบานในที่ดินผูอ่ืน โดยเขาใจวาเปนที่ดินที่ยินยอมใหอยูอาศัย ไมถือวาครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ ■ พฤติการณอยางอ่ืนซึ่งเปนการยึดถือแทน ไมถือวาเปนการครอบครองดวยเจตนาเปนเจาของ
• มารดาปกครองทรัพยสินไวแทนบุตร อายุความเรื่องการครอบครองปรปกษ ยอมเริ่มนับแตวันที่บุตรบรรลุนิติภาวะ
• ครอบครองทรัพยสินตามพินัยกรรมในขณะที่เจามรดกยังมีชีวิตอยู ■ การครอบครองทรัพยสินตามเวลาที่กฎหมายกําหนด กรณีทรัพยสินที่ไดมาในกรณีท่ัวไป
• อสังหาริมทรัพย (ป.พ.พ.มาตรา 139) ตองไดครอบครองติดตอกันเปนเวลา 10 ป • สังหาริมทรัพย (ป.พ.พ.มาตรา 140) ตองไดครอบครองติดตอกันเปนเวลา 5 ป
■ สังหาริมทรัพยตาม ป.พ.พ.มาตรา 140 รวมสังหาริมทรัพยทุกชนิด ท้ังสังหาริมทรัพยธรรมดาและสังหาริมทรัพยท่ีตองจดทะเบียน มาตรา 1383 ทรัพยสินอันไดมาโดยการกระทําผิดนั้น ทานวาผูกระทําผิดหรือผูรับโอนไมสุจริตจะไดกรรมสิทธ์ิโดยอายุความก็แตเม่ือพนกําหนดอายุความอาญาหรือพนเวลาที่กําหนดไวในมาตรากอน ถากําหนดไหนยาวกวา ทานใหใชกําหนดนั้น
■ ครอบครองทรัพยสินผูอ่ืน หากครอบครองที่ดินมือเปลามากอนจะออกโฉนดภายหลัง ระยะเวลาที่ครอบครองที่ดินมือเปลาจะนํามานับรวมกับระยะเวลาครอบครองปรปกษท่ีดินเมื่อมีโฉนดแลวไมได ■ ครอบครองทรัพยสินที่มีกําหนดระยะเวลาหามโอนกรรมสิทธ์ิตามกฎหมาย จะนับเวลาที่กฎหมายหามโอน รวมกันกับระยะเวลาภายหลังเม่ือพนการหามโอนแลวไมได ■ ครอบครองในระหวางเปนคดีพิพาทแยงทรัพยสินนั้น ถือวาเปนการครอบครองโดยไมสงบ จะนําเวลาระหวางคดีมานับรวมติดตอกันไมได มาตรา 1384 ถาผูครอบครองขาดยึดถือทรัพยสินโดยไมสมัครและไดคืนภายในเวลาปหนึ่งนับแตวันขาดยึดถือ หรือไดคืนโดยฟองคดีภายในกําหนดนั้นไซรทานมิใหถือวาการครอบครองสะดุดหยุดลง ■ การสมัครใจทิ้งไปเอง แลวเปลี่ยนใจกลับครอบครองใหม ผูครอบครองไดประโยชนเพียงขอสันนิษฐานตาม ป.พ.พ.มาตรา 1371 หากผูอ่ืนพิสูจนไดวาการครอบครองขาดชวงเพราะสมัครใจทิ้งไปเอง การครอบครองยอมสะดุดหยุดลง ตองเริ่มตนนับอายุความใหม ■ หากเกิดจากกรณีเจาของกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินนั้น เปนผูมีสิทธิดีกวาแยงเอาคืนไป แมผูครอบครองจะแยงเอาคืนมาไดภายในหนึ่งป กรณีนี้อายุความสะดุดหยุดลง ตองเริ่มนับอายุความใหม ■ ไดคืนมาโดยการฟองศาล ตองฟองคดีภายใน 1 ป เม่ือฟองภายใน 1 ปแลว จะไดทรัพยสินคืนมาจริงภายในเวลาเทาใดก็ได แมจะเกิน 1 ป อายุความการครอบครองก็ไมสะดุดหยุดลง มาตรา 1385 ถาโอนการครอบครองแกกัน ผูรับโอนจะนับเวลาซึ่งผูโอนครอบครองอยูกอนนั้นรวมเขากับเวลาครอบครองของตนก็ไดถาผูรับโอนนับรวมเชนนั้น และถามีขอบกพรองในระหวางครอบครองของผูโอนไซร ทานวาขอบกพรองนั้นอาจยกขึ้นเปนขอตอสูผูรับโอนได
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
46
■ เชน ก ครอบครองปรปกษมาแลว 7 ป จะโอนให ข เม่ือ ข ครอบครองอีก 3 ป ยอมไดกรรมสิทธ์ิครอบครองปรปกษ ■ การโอนการครอบครอง ไมมีกฎหมายบัญญัติวาตองทําเปนหนังสือหรือจดทะเบียน เพียงแตสงการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1378 ก็เพียงพอแลว มาตรา 1386 บทบัญญัติวาดวยอายุความในประมวลกฎหมายนี้ทานใหใชบังคับในเรื่องอายุความไดสิทธิอันกลาวไวในลักษณะนี้โดยอนุโลม
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
47
7. ภาระจํายอม
7.1 ความหมาย การไดมา และลักษณะของภาระจํายอม 7.1.1 ความหมายของภาระจํายอม ■ ภาระจํายอมเปนทรัพยสิทธิชนิดที่จํากัดตัดทอนกรรมสิทธ์ิอยางหนึ่ง อันเปนเหตุใหเจาของอสังหาริมทรัพยหนึ่งซึ่งเรียกวา ภารยทรัพยตองรับกรรมบางอยางซึ่งกระทบถึงสิทธิของตน หรือตองงดเวนการใชสิทธิบางอยางอันมีอยูในกรรมสิทธ์ินั้น เพ่ือประโยชนแกอสังหาริมทรัพยอ่ืนซึ่งเรียกวา สามยทรัพย มาตรา 1387 อสังหาริมทรัพยอาจตองตกอยูในภารจํายอมอันเปนเหตุใหเจาของตองยอมรับกรรมบางอยางซึ่งกระทบถึงทรัพยสินของตนหรือตองงดเวนการใชสิทธิบางอยางอันมีอยูในกรรมสิทธ์ิทรัพยสินนั้นเพ่ือประโยชนแกอสังหาริมทรัพยอ่ืน
■ สามยทรัพย (Bominant property) หมายถึง อสังหาริมทรัพยท่ีไดรับประโยชนจากภาระจํายอม ■ ภารยทรัพย (Servient property) หมายถึง อสังหาริมทรัพยท่ีเจาของตองรับกรรมหรือตกอยูในภาระจํายอม ■ ทรัพยสินที่เก่ียวเนื่องกับภาระจํายอม
1. ตองเปนอสังหาริมทรัพย 2. ตองประกอบดวยอสังหาริมทรัพยสองอสังหาริมทรัพยตางเจาของกัน
■ ทรัพยสินในบังคับแหงภาระจํายอมจะตองไมมีลักษณะ
1. ตองไมเปนสังหาริมทรัพย 2. สิทธิท้ังหลายอันเก่ียวกับกรรมสิทธ์ิในที่ดิน รวมไปถึงสิทธิหรือวัตถุไมมีรูปราง 3. สาธารณสมบัติของแผนดิน
■ สามยทรัพยและภารยทรัพย ไมมีกฎหมายใดบัญญัติวาจะตองอยูติดตอขางเคียงกัน ท้ังสองอาจอยูหางกันก็ได ■ กรรมหรืองดเวนการใชสิทธิตามมาตรา 1387 เปนหนาท่ี งดเวน (Passive Duty) มิใชเปนหนาท่ีตองกระทําการ ชวยเหลือ (Active
duty) แตประการใด ■ กรรมหรืองดเวนการใชสิทธิตามมาตรา 1387 จะตองเปนประโยชนโดยตรงแกอสังหาริมทรัพยอันเปนสามยทรัพยนั้น หากเปนประโยชนเฉพาะตัวบุคคลโดยไมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยเลย ก็ไมเปนภาระจํายอม ■ แมเจาของอสังหาริมทรัพยจะมิใชเปนผูใชสิทธิในภารยทรัพยนั้นดวยตนเอง แตเม่ือมีบุคคลใดในอสังหาริมทรัพยนั้นไมวาจะเปนญาติมิตร บริวาร ไดใชสิทธิในภารยทรัพยนั้น ก็เปนภาระจํายอมได แตผูจะฟองบังคับภาระจํายอม ตองเปนเจาของอสังหาริมทรัพยเทานั้น ■ เจาของสามยทรัพยไมจําเปนตองเปนเจาของกรรมสิทธ์ิ เจาของอสังหาริมทรัพยท่ีมีเพียงสิทธิครอบครองก็อาจไดมาซึ่งภาระจํายอมและฟองคดีเก่ียวกับสิทธิภาระจํายอมได
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
48
7.1.2 การไดมาซึ่งภาระจํายอม ■ ภาระจํายอมไดมาโดย 3 ทางคือ
1. โดยผลแหงกฎหมาย
2. โดยนิติกรรม
3. โดยอายุความ ■ การไดมาซึ่งภาระจํายอมโดยผลแหงกฎหมาย เชน
• สรางโรงเรือนรุกล้ําเขาไปในที่ดินของผูอ่ืนโดยสุจริต
• วางทอน้ํา ทอระบายน้ํา สายไฟฟาหรือสิ่งอ่ืนซึ่งคลายกันผานที่ดินของผูอ่ืน
• สาธารณูปโภคซึ่งผูจัดสรรที่ดินไดจัดใหมีขึ้นเพ่ือการจัดสรรที่ดิน ■ การไดมาซึ่งภาระจํายอม เปนการไดมาซึ่งทรัพยสิทธิ เม่ือไดมาโดยนิติกรรมก็ยอมตกอยูภายในบังคับตาม ป.พ.พ.มาตรา 1299 วรรคหนึ่ง คือการไดมาตองทําเปนหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจาหนาท่ีจึงจะบริบูรณในฐานะเปนทรัพยสิทธิ ซึ่งจะเปนผลใหภาระจํายอมตกติดไปกับภารยทรัพย ■ การไดมาซึ่งภาระจํายอมโดยอายุความ บัญญัติไวใน ป.พ.พ.มาตรา 1401 มาตรา 1401 ภารจํายอมอาจไดมาโดยอายุความ ทานใหนําบทบัญญัติวาดวยอายุความไดสิทธิอันกลาวไวในลักษณะ 3 แหงบรรพนี้มาใชบังคับโดยอนุโลม ■ บทบัญญัติอันกลาวไวในบรรพ 4 ลักษณะ 3 ไดแก อายุความไดสิทธิโดยการครอบครองปรปกษ ตามมาตรา 1382 และ 1383 ■ การใชสิทธิโดยอาศัย โดยถือวิสาสะโดยความเอ้ือเฟอหรือเก่ียวพันเปนญาติโดยเจาของอนุญาตหรือยินยอม ไมถือเปนการใชสิทธิโดยสงบ และโดยเปดเผยดวยเจตนาจะใหไดสิทธิภาระจํายอม
• การใชสิทธิโดยอาศัย หรือโดยเจาของอนุญาต ไมเปนภาระจํายอม
• การใชสิทธิโดยถือวิสาสะไมเปนภาระจํายอม
• การใชสิทธิโดยความเอื้อเฟอ ไมเปนภาระจํายอม ■ การไดภาระจํายอมโดยนิติกรรมอยางหนึ่งแลว ไมตัดสิทธิท่ีเจาของสามยทรัพยจะไดภาระจํายอมโดยอายุความอีกในภารยทรัพยเดิม ■ การติดปายประกาศสงวนสิทธ์ิวาเปนทรัพยสินสวนบุคคล ก็ไมติดที่จะไดภาระจํายอมโดยอายุความ หากเจาของสามยทรัพยไดใชสิทธิครอบตามองคประกอบของมาตรา 1401 ประกอบมาตรา 1382 ■ การไดภาระจํายอมโดยอายุความ ผูเปนเจาของสามยทรัพยไมจําตองใชสิทธิดวยตนเอง แมบุคคลอื่นเปนผูใชก็กอภาระจํายอมได หรือแมแตเดิมใชสิทธิในฐานะบริวาร แตตอมาไดรับโอนเปนเจาของ ก็นับอายุความตอกันได ■ การยายตําแหนงการใชสิทธิภารยทรัพยเดียวกัน ไมทําใหอายุความสะดุดหยุดลง ■ การใชสิทธิโดยอายุความ ไมจําเปนตองใชสิทธิท้ังป หากใชอยางตอเนื่องเฉพาะชวงใดชวงหนึง่ของป ก็เปนภาระจํายอมไดสิทธิจํากัดเฉพาะอยูเพียงชวงเวลาที่ใชนั้น ■ การไดภาระจํายอมโดยอายุความ ใชบังคับแกอสังหาริมทรัพยทุกประเภท แมจะเปนที่ดินมือเปลาหรือท่ีดินไมมีหนังสือสําคัญอยางใด ก็ใชอายุความ 10 ป
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
49
7.1.3 ลักษณะของภาระจํายอม ■ ภาระจํายอมมีลักษณะที่สําคัญ 5 ประการ คือ
1. ตกติดไปกับสามยทรัพย 2. ตกติดไปกับภารยทรัพย 3. มีอยูแกทุกสวนของภารยทรัพยท่ีแยกออกไป
4. มีอยูเพ่ือประโยชนแกทุกสวนของสามยทรัพยท่ีแยกออกไป
5. เจาของรวมแหงสามยทรัพยคนหนึ่งไดมาหรือใชอยูนั้น มีผลแกเจาของรวมทุกคน มาตรา 1393 ถามิไดกําหนดไวเปนอยางอ่ืนในนิติกรรมอันกอใหเกิดภารจํายอมไซร ทานวาภารจํายอมยอมติดไปกับสามยทรัพยซึ่งไดจําหนาย หรือตกไปในบังคับแหงสิทธิอ่ืน
ทานวาจะจําหนาย หรือทําใหภารจํายอมตกไปในบังคับแหงสิทธิอ่ืนตางหากจากสามยทรัพยไมได ■ หากนิติกรรมภาระจํายอมมีขอตกลงใหภาระจํายอมระงับสิ้นไปเมื่อมีการโอนสามยทรัพยใหกับบุคคลอื่น ภาระจํายอมนั้นก็ยอมจะระงับสิ้นไปได ■ การที่ภาระจํายอมจะติดไปกับสามยทรัพย นิติกรรมกอตั้งภาระจํายอมก็ตองทําเปนหนังสือและจดทะเบียนการไดมา มิฉะนั้นจะไมบริบูรณเกิดเปนเพียงบุคคลสิทธิซึ่งยันกันเฉพาะคูกรณีเทานั้น ■ ขอตกลงไมจําเปนตองกระทําในขณะกอตั้งภาระจํายอม แมจะตกลงภายหลังก็ใชบังคับไดเชนเดียวกัน ■ การไดภาระจํายอมโดยอายุความ ภาระจํายอมยอมตกติดไปกับสามยทรัพยโดยไมมีขอจํากัด เพราะเปนการไดมาโดยปรปกษ มาตรา 1394 ถามีการแบงแยกภารยทรัพย ทานวาภารจํายอมยังคงมีอยูทุกสวนที่แยกออก แตถาในสวนใดภารจํายอมนั้นไมใชและใชไมไดตามรูปการทานวาเจาของสวนนั้นจะเรียกใหพนจากภารจํายอมก็ได มาตรา 1395 ถามีการแบงแยกสามยทรัพย ทานวาภารจํายอมยังคงมีอยูเพ่ือประโยชนแกทุกสวนที่แยกออกนั้น แตถาภารจํายอมนั้นไมใชและใชไมไดตามรูปการเพื่อประโยชนแกสวนใดไซร ทานวาเจาของภารยทรัพยจะเรียกใหพนจากภารจํายอมอันเก่ียวกับทรัพยสวนนั้นก็ได ■ อยางไรก็ตาม การใชเพ่ือประโยชนแกสามยทรัพยทุกสวนที่แยกออกไปนั้น จะตองใชสิทธิในภารยทรัพยเพียงเทาขอบเขตของภาระจํายอมเดิม จะเพ่ิมภาระแกภารยทรัพยไมได มาตรา 1396 ภารจํายอมซึ่งเจาของรวมแหงสามยทรัพยคนหนึ่งไดมาหรือใชอยูนั้น ทานใหถือวาเจาของรวมไดมาหรือใชอยูดวยกันทุกคน
■ ความแตกตางระหวางภาระจํายอมและทางจําเปน
ภาระจํายอม ทางจําเปน 1. ทรัพยสินเกี่ยวกับภาระจํายอมคืออสังหาริมทรัพยสองอสังหาริมทรัพย 1. จะตองเปนที่ดินเทานั้น 2. ไมมีขอจํากัด สดุแลวแตจะเปนประโยชนแกอสังหาริมทรัพย 2. จํากัดเฉพาะในเรื่องของทางสัญจร 3. ไมจําตองถูกลอมรอบจนไมมีทางออก แมมีทางจําเปนหรือทางสาธารณะใหออกได
3. จํากัดเฉพาะที่ดนิถูกลอมจนไมมีทางออกสูทางสาธารณะ
4. จะใชเปนทางสัญไปที่ใดก็ไดไมจํากัด 4. จํากัดเฉพาะกรณีผานที่ดินลอมรอบไปสูสาธารณะเทานั้น 5. ภารยทรัพยกับสามยทรัพยไมจําเปนตองตั้งอยูใกลชิดติดกัน 5. จะตองผานที่ดนิที่อยูติดตอกันเทานั้น 6. เจาของภารยทรพัยตองรับกรรมบางอยางซึ่งกระทบถึงทรัพยสินของตน 6. เปนเรื่องของขอจํากัดสิทธิของเจาของที่ดินที่ลอมอยู
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
50
7. ไดมาโดยผลของกฎหมาย นิติกรรม หรืออายุความ 7. ไมตองอาศัยนิตกิรรม ไมตองใชอายุความ 8. อาจเสียคาทดแทนหรือไมก็ไดแลวแตกรณี 8. ผูมีสิทธิผานจะตองใชคาทดแทนใหแกเจาของที่ดิน 9. เมื่อไดภาระจํายอมแลว ก็คงมีสิทธิตอไปจะจําเปนหรอืไมไมสําคัญ 9. เมื่อหมดความจาํเปน ก็ระงับสิ้นไป ■ ความแตกตางระหวางภาระจํายอมกับทรัพยสิทธิอ่ืน
ภาระจํายอม ทรัพยสิทธิอื่น 1. ประโยชนแกอสังหาริมทรัพยมิไดระบุเจาะจง เปนแตบัญญัติไวกวางๆ 1. กฎหมายระบุอํานาจแหงสิทธิไวเปนการแนนอน 2. ไมมีบัญญัติเรื่องอายุของภาระจํายอม 2. กําหนดไวไมเกนิ 30 ป หรือตลอดอายุผูทรงสิทธิ 3. อสังหาริมทรัพยตางเจาของกัน 3. ไมจําเปนตองมอีสังหาริมทรัพยตางเจาของกัน 4. ไดมาโดยผลของกฎหมาย โดยนิติกรรม และโดยอายุความ 4. ไดมาโดยนิติกรรมเทานั้น 5. จะแยกสิทธิภาระจํายอมออกจากสามยทรัพยไมได 5. ไมมีขอจํากัดเชนวานั้น
7.2 สิทธิและหนาที่ของเจาของสามยทรัพยและภารยทรัพย 7.2.1 สิทธิและหนาท่ีของเจาของสามยทรัพย ■ เจาของสามยทรัพยไมมีสิทธิทําใหเกิดภาระเพิ่มขึ้นแกภารยทรัพย มาตรา 1388 เจาของสามยทรัพยไมมีสิทธิทําการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพยหรือในสามยทรัพยซึ่งทําใหเกิดภาระเพิ่มขึ้นแกภารยทรัพย ■ การไดภาระจํายอมอยางหนึ่งแลว ก็ไมมีขอหามใดที่จะมิใหกอภาระจํายอมเพิ่มขึ้นใหมอีก
กรณีไมถือวาเปนการเพ่ิมภาระแกภารยทรัพย • ทําทางเดิมเปนคอนกรีตมิไดขยายทาง เปนเพียงปรับปรุงใหดีขึ้น
• เดิมใชเปนทางเดิน ตอมาใชเปนทางรถยนตบรรทุกโดยมิไดขยายทาง • รื้อรั้วในขอบเขตของทางภาระจํายอมออก
• เปลี่ยนแนวของทางเดิม แตอยูในแนวที่ไดตกลงกันไวในสัญญาประนีประนอมยอมความ
กรณีถือวาเปนการเพ่ิมภาระแกภารยทรัพย • เปดทางอีกสายหนึ่ง โดยอาศัยสิทธิภาระจํายอมเดิม
• ขยายทางเดิมใหกวางมากขึ้น
• ปกเสาไฟฟา วางสายไฟฟา ทอน้ํา หรือสิ่งอ่ืนเพ่ิม
• ทําสะพานลงน้ําหนาท่ีดินเพ่ิมขึ้นจากทางอันเปนภาระจํายอม
• การทําสะพานไมสูงขึ้น มาตรา 1389 ถาความตองการแหงเจาของสามยทรัพยเปลี่ยนแปลงไปทานวาความเปลี่ยนแปลงนั้นไมใหสิทธิแกเจาของสามยทรัพยท่ีจะทําใหเกิดภาระเพิ่มขึ้นแกภารยทรัพยได ■ เจาของสามยทรัพยมีสิทธิทําการอันเปนจําเปนเพ่ือรักษาและใชสอยภาระจํายอม
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
51
มาตรา 1391 เจาของสามยทรัพยมีสิทธิทําการทุกอยางอันจําเปนเพ่ือรักษาและใชภารจํายอม แตตองเสียคาใชจายของตนเอง ในการนี้เจาของสามยทรัพยจะกอใหเกิดความเสียหาแกภารยทรัพยไดก็แตนอยที่สุดตามพฤติการณ เจาของสามยทรัพยตองเสียคาใชจายของตนเองรักษาซอมแซมการที่ไดทําไปแลวใหเปนไปดวยดี แตถาเจาของภารยทรัพยไดรับประโยชนดวยไซร ทานวาตองออกคาใชจายตามสวนแหงประโยชนท่ีไดรับ ■ เพ่ือการใชสอยภาระจํายอม หมายความวา ถาไมทําจะใชสอยภาระจํายอมนั้นไมได หรือใชไดดวยความยากลําบาก ไมสมประโยชนบริบูรณแหงภารยทรัพยนั้น ■ เพ่ือการสงวนรักษาภาระจํายอม หมายความวา ถาไมทําจะเปนผลใหประโยชนจากภาระจํายอมนั้นลดนอยถอยลง หรือใชไมไดในที่สุด ■ การกระทําเพ่ือใชสอยหรือสงวนรักษาภาระจํายอม ตองอยูภายใตหลักเกณฑ 3 ประการคือ
1. ตองกระทําการอันจําเปน
2. เสียคาใชจายของตนเอง 3. กอใหเกิดความเสียหายแกภารยทรัพยไดก็แตนอยที่สุด
■ การเรียกใหเจาของภารยทรัพยจดทะเบียนภาระจํายอมซึ่งไดมาโดยอายุความ ศาลฎีกาถือวาเปนการอันจําเปนเพ่ือรักษาและใชภาระจํายอม ■ ประเด็นที่เจาของภารยทรัพยไดประโยชนดวย
• ถาเจาของสามยทรัพยไดประโยชนฝายเดียว ก็เขามาตรา 1391 วรรคแรกเทานั้น
• ตองเปนกรณี “ซอมแซมรักษาการที่ทําไปแลว” ใหเปนดวยดีเทานั้น ไมรวมกรณีจัดทําขึ้นใหมเพ่ือประโยชนในภาระจํายอม ถาจัดทําขึ้นใหม แมเจาของภารยทรัพยไดประโยชน ก็ไมตองออกคาใชจาย
• เจาของสามยทรัพยสามารถจัดทําไปเองไดโดยลําพัง แลวเรียกเอาคาใชจาย โดยไมตองขอความยินยอม
• บทบัญญัตินี้ มิใชบทบัญญัติอันเก่ียวกับความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดี คูกรณีสามารถตกลงกันเปนอยางอ่ืนได 7.2.2 สิทธิและหนาท่ีของเจาของภารยทรัพย ■ เจาของภารยทรัพยจะตองไมกระทําการใดอันเปนเหตุใหประโยชนแหงภาระจํายอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก มาตรา 1390 ทานมิใหเจาของภารยทรัพยประกอบกรรมใดๆ อันจะเปนเหตุใหประโยชนแหงภารจํายอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ■ ประโยชนแหงภาระจํายอมลดไป หมายความวา หามเจาของภารยทรัพยกระทําการซึ่งเปนเหตุใหเจาของสามยทรัพยไดรับประโยชนจากภาระจํายอมไมครบถวนบริบูรณหตามสิทธิแหงภาระจํายอมนั้นๆ ■ เสื่อมความสะดวก หมายความวา ประโยชนแหงภาระจํายอมยังคงมีอยูเทาเดิม มิไดลดนอยลงไป แตการใชประโยชนนั้นเกิดความไมสะดวกตามสมควรแหงสิทธิภาระจํายอมนั้นๆ
กรณีถือวาประโยชนแหงภาระจํายอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวก
• เปลี่ยนเปนทําท้ังนาหวานและนาดํา เพ่ิมระยะเวลากีดขวางทางผาน
• ถมลํากระโดงทําใหไดรับน้ํานอยลง • สรางสิ่งกีดขวางในคูอันเปนทางเรือและทางน้ํา • เปลี่ยนทางรถใหเปนทางเดิน
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
52
• ทําประตูปดก้ันแมจะเปดใหผานได • ทําสิ่งกีดขวางในทางภาระจํายอม
• สรางสิ่งกีดขวางเหนือทางภาระจํายอม
กรณีถือวาไมเปนเหตุใหประโยชนแหงภาระจํายอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก
• กอสรางครอมทางภาระจํายอม แตยังสัญจรไดสะดวก
• ใหเชาทําหาบเรแผงลอยชั่วคราวในที่ภาระจํายอม ■ เจาของภารยทรัพยอาจเรียกใหยายภาระจํายอมออกไปยังสวนอื่นของทรัพยได มาตรา 1392 ถาภารจํายอมแตะตองเพียงสวนหนึ่งแหงภารยทรัพยเจาของทรัพยนั้นอาจเรียกใหยายไปยังสวนอื่นก็ได แตตองแสดงไดวาการยายนั้นเปนประโยชนแกตนและรับเสียคาใชจาย ท้ังนี้ตองไมทําใหความสะดวกของเจาของสามยทรัพยลดนอยลง ■ การใชสิทธิยายภาระจํายอมของเจาของทรัพย ไมเปนเหตุใหกําหนดระยะเวลาการไดภาระจํายอมโดยอายุความสะดุดหยุดลง ไมวาจะยายก่ีครั้งก่ีหน ก็ยังคงนับระยะติดตอกันไป
7.3 การระงับสิ้นไปแหงภาระจํายอม 7.3.1 การระงับสิ้นไปโดยผลของกฎหมาย ■ การระงับสิ้นไปโดยผลของกฎหมาย มี
1. โดยภารยทรัพยหรือสามยทรัพยสลายไปทั้งหมด
2. โดยภารยทรัพยและสามยทรัพยตกเปนเจาของคนเดียวกัน
3. ภาวะจํายอมที่มิไดจดทะเบียน และโดยภาระจํายอมหมดประโยชนแกสามยทรัพย มาตรา 1397 ถาภารยทรัพยหรือสามยทรัพยสลายไปทั้งหมดทานวาภารจํายอมสิ้นไป
มาตรา 1398 ถาภารยทรัพยและสามยทรัพยตกเปนของเจาของคนเดียวกัน ทานวาเจาของจะใหเพิกถอนการจดทะเบียนภารจํายอมก็ได แตถายังมิไดเพิกถอนทะเบียนไซร ภารจํายอมยังคงมีอยูในสวนบุคคลภายนอก ■ การที่ภารยทรัพยและสามยทรัพยตกเปนของเจาของคนเดียวนั้น จะไดมาโดยนิติกรรม โดยมรดกหรือโดยอายุความ ก็ไดท้ังสิ้น สําคัญตองเปนการไดมาโดยชอบดวยกฎหมาย ■ “เจาของคนเดียวกันนั้น” ไมจําเปนตองเปนของบุคคลเดียว อาจเปนของบุคคลหลายคนในลักษณะกรรมสิทธ์ิรวมก็ได ■ กรณีภาระจํายอมท่ีไดจดทะเบียน เม่ือตกเปนของบุคคลเดียวกันแลว ยังไมเปนเหตุใหภาระจํายอมที่ไดจดทะเบียนระงับสิ้นไป เจาของตองเพิกถอนทะเบียนนั้นเสียกอน มาตรา 1400 ถาภารจํายอมหมดประโยชนแกสามยทรัพยไซร ทานวาภารจํายอมนั้นสิ้นไป แตถาความเปนไปมีทางใหกลับใชภารจํายอมไดไซร ทานวาภารจํายอมนั้นกลับมีขึ้นอีก แตตองยังไมพนอายุความที่ระบุไวในมาตรากอน
ถาภารจํายอมยังเปนประโยชนแกสามยทรัพยอยูบาง แตเม่ือเทียบกับภาระอันตกอยูแกภารยทรัพยแลว ประโยชนนั้นนอยนักไซร ทานวาเจาของภารยทรัพยจะขอใหพนจากภารจํายอมทั้งหมด หรือแตบางสวนก็ได แตตองใช คาทดแทน
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
53
■ การหมดประโยชน ตองเปนเรื่องท่ีประโยชนหมดไปอยางสิ้นเชิง หากยังเปนประโยชนอยูบาง ไมวาจะนอยเพียงใด ภาระจํายอมก็ยังไมระงับสิ้นไป
กรณีตอไปนี้ ไมถือวาภาระจํายอมหมดประโยชน ภาระจํายอมไมระงับสิ้นไป
• ใชทางภาระจํายอมบางสวน
• ใชทางภาระจํายอมในบางชวงระยะเวลา • มีทางออกทางอ่ืน
■ ภาระจํายอมหมดประโยชน ตองมิใชกรณีท่ีภารยทรัพยหรือสามยทรัพยสลายไปทั้งหมด ■ การที่ภาระจํายอมหมาดประโยชนสิ้นเชิง ไมวาเหตุท่ีทําใหหมดประโยชนนั้นจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม แมเหตุจะเกิดจากการละเมิดสิทธิภาระจํายอม ภาระจํายอมยอมระงับสิ้นไปอยูนั่นเอง สวนความรับผิดจะอยูแกผูใด เปนกรณีหนึ่งแยกตางหาก ■ ภาระจํายอมจะกลับขึ้นมีใหมไดอีก ตองอยูภายใตเงื่อนไข
1. ความเปนไปมีทางใหกลับใชภาระจํายอม หรือประโยชนตามสิทธิภาระจํายอม แตตองกลับมีขึ้นอีกภายใน 10 ป 2. ภาระจํายอมที่จะกลับมีขึ้นอีก จะตองไมมีนิติกรรมตัดสิทธิการกลับมีขึ้นอีก
7.3.2 การระงับสิ้นไปโดยนิติกรรม ■ การระงับสิ้นไปโดยนิติกรรม มี 5 หัวขอคือ
1. กําหนดระยะเวลาในนิติกรรม
2. ความตกลงของคูกรณี
3. การแสดงเจตนาสละภาระจํายอม
4. บอกเลิกความยินยอม
5. การเรียกใหพนจากภาระจํายอม ■ การกําหนดระยะเวลาในนิติกรรม จะกําหนดตลอดอายุของเจาของภารยทรัพยหรือสามยทรัพยก็ได ภาระจํายอมยอมระงับไปเมื่อสิ้นระยะเวลาในนิติกรรม เม่ือครบกําหนดระยะเวลา ไมตองจดทะเบียนเพื่อระงับภาระจํายอมนั้นอีก ■ กรณีภาระจํายอมซึ่งไดมาโดยนิติกรรม แตมิไดทําเปนหนังสือและจดทะเบียน แมจะไดกําหนดระยะเวลาไว และกําหนดนั้นยังไมสิ้นไป ก็ยอมมีผลเฉพาะคูกรณี บุคคลภายนอกผูรับโอนภารยทรัพยนั้นหาจําตองผูกพันดวยไม แมบุคคลภายนอกจะไดรูถึงภาระจํายอมก็ตาม ในเมื่อบุคคลภายนอกไมตกลงยินยอมดวย ก็ไมจําเปนตองผูกพันตอภาระจํายอมนั้น ■ เม่ือกําหนดระยะเวลาไว ภาระจํายอมสิ้นไปตามกําหนดระยะเวลาในนิติกรรม แมระยะเวลาเกินกวา 10 ป จะอางวาใชอายุความไมได เพราะเปนการใชสิทธิตามนิติสัมพันธ มิใชเปนการใชสิทธิโดยปกปกษ ■ ภาระจํายอมโดยอายุความ เปนการไดมาโดยปรปกษ ยอมไมมีขอกําหนดระยะเวลาระงับสิทธิอยูแลว เวนแตจะถูกตัดสิทธิโดยนิติกรรมโดยความตกลงของคูกรณี หรือเขากรณีตามมาตรา 1399 ■ ภาระจํายอมระงับสิ้นไปโดยความตกลงของคูกรณี เปนนิติกรรมระงับสิทธิ จึงตองอยูในบังคับของมาตรา 1299 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1301 จึงตองทําเปนหนังสือและจดทะเบียน จึงจะมีผล ใชยันตอบุคคลภายนอกได ■ การแสดงเจตนาสละภาระจํายอม เปนการระงับไปโดยนิติกรรมจึงตองอยูในบังคับของมาตรา 1299 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1301 ■ การสละภาระจํายอม เปนสิทธิเฉพาะของผูทรงสิทธิไดแก เจาของสามยทรัพยท่ีจะระงับสิทธ์ิเทานั้น
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
54
■ เจาของภารยทรัพยยินยอมหรือมอบอํานาจใหใชภาระจํายอมโดยมิไดทําเปนหนังสือและจดทะเบียน มีผลกอใหเกิดเพียงบุคคลสิทธิ หากคูกรณีมิไดมีสัญญาตางตอบแทน หรือมิไดกําหนดคาทดแทน ฝายเจาของภารยทรัพยยอมมีสิทธิท่ีจะบอกเลิกความยินยอม ไมใหใชภาระจํายอมนั้นเสียเมื่อใดก็ได เพราะเปนเรื่องใหประโยชนแตฝายเดียว ■ ภาระจํายอมสวนใดไมใชและใชไมได ในกรณีมีการแบงแยกภารยทรัพย เจาของภารยทรัพยอาจเรียกใหพนจากภาระจํายอมได มาตรา 1394 ถามีการแบงแยกภารยทรัพย ทานวาภารจํายอมยังคงมีอยูทุกสวนที่แยกออก แตถาในสวนใดภารจํายอมนั้นไมใชและใชไมไดตามรูปการทานวาเจาของสวนนั้นจะเรียกใหพนจากภารจํายอมก็ได ■ หากเจาของภารยทรัพยแบงแยกภารยทรัพยออกเปนหลายสวน แตมิใหโอนแกผูใด หากใชสิทธิโดยสุจริตและไมเปนเหตุใหประโยชนแหงภาระจํายอมนั้นลดไปหรือเสื่อมความสะดวกตามมาตรา 1390 ยอมเรียกใหสวนนั้นพนจากภาระจํายอมได ■ ภาระจํายอมระงับสิ้นไปตามมาตรา 1394 เปนการระงับโดยนิติกรรม หากเปนภาระจํายอมที่ไดจดทะเบียนไว ก็ตองจดทะเบียนดวย ■ ภาระจํายอมสวนใดไมใชและใชไมได ในกรณีมีการแบงแยกสามยทรัพย เจาของภารยทรัพยอาจเรียกใหพนจากภาระจํายอมได มาตรา 1395 ถามีการแบงแยกสามยทรัพย ทานวาภารจํายอมยังคงมีอยูเพ่ือประโยชนแกทุกสวนที่แยกออกนั้น แตถาภารจํายอมนั้นไมใชและใชไมไดตามรูปการเพื่อประโยชนแกสวนใดไซร ทานวาเจาของภารยทรัพยจะเรียกใหพนจากภารจํายอมอันเก่ียวกับทรัพยสวนนั้นก็ได ■ ภารยทรัพยและสามยทรัพยตกเปนเจาของคนเดียวกัน ในกรณีภาระจํายอมที่ไดจดทะเบียน เจาของทรัพยอาจเรียกใหพนจากภาระจํายอมได มาตรา 1398 ถาภารยทรัพยและสามยทรัพยตกเปนของเจาของคนเดียวกัน ทานวาเจาของจะใหเพิกถอนการจดทะเบียนภารจํายอมก็ได แตถายังมิไดเพิกถอนทะเบียนไซร ภารจํายอมยังคงมีอยูในสวนบุคคลภายนอก ■ การเพิกถอนทะเบียนตามมาตรา 1398 ขอใหเจาพนักงานจดทะเบียนเพิกถอนไดโดยตรง ไมจําเปนตองฟองศาล ■ การไมจดทะเบียนเพิกถอน ภาระจํายอมยังคงมีผลบริบูรณอยูในสวนของบุคคลภายนอก ■ ภาระจํายอมเหลือประโยชนนอยมาก เม่ือเปรียบเทียบกับภาระอันตกแกภารยทรัพย เจาของภารยทรัพยอาจขอใหพนจากภาระจํายอมได มาตรา 1400 วรรคสอง ถาภารจํายอมยังเปนประโยชนแกสามยทรัพยอยูบาง แตเม่ือเทียบกับภาระอันตกอยูแกภารยทรัพยแลว ประโยชนนั้นนอยนักไซร ทานวาเจาของภารยทรัพยจะขอใหพนจากภารจํายอมทั้งหมด หรือแตบางสวนก็ได แตตองใช คาทดแทน
■ ภาระจํายอมระงับสิ้นไปตามมาตรา 1400 วรรคสอง เปนการระงับสิ้นไปโดยนิติกรรม หากไดจดทะเบียนไว การระงับสิ้นไปก็ตองจดทะเบียนดวย
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
55
7.3.3 การระงับสิ้นไปโดยอายุความ ■ ภาระจํายอม ถามิไดใชสิบป ถือวายอมสิ้นไป มาตรา 1399 ภารจํายอมนั้น ถามิไดใชสิบป ทานวายอมสิ้นไป ■ การที่มิไดใชนั้น หากใชอยูแมเปนบางชวงเวลา หรือมีทางอ่ืนใหใชไดอีก ภาระจํายอมยังไมระงับสิ้นไป ■ การที่เจาของสามยทรัพยมิไดใชเต็มที่ ยังถือไมไดวาไมไดใช อยางไรก็ตามสวนใดไมใชถึงสิบป ภาระจํายอมเฉพาะสวนนั้นก็ระงับสิ้นไป เชน ถนนกวาง 10 เมตร ใชเพียง 2 เมตร สวน 8 เมตรไมไดใชสิบป ก็ยอมระงับสิ้นไป ■ การมิไดใช 10 ป กฎหมายถือเอาผลเปนสําคัญ ไมสนใจวาเหตุท่ีมิไดใชจะเกิดจากสาเหตุใด เจาของสามยทรัพยจะถือเอาเหตุจําเปนใดๆ มากลาวอางมิได ■ การที่มิไดใช จะตองมิไดใชเลยติดตอกัน 10 ป เม่ือใชอีกครั้ง จะตองเริ่มนับอายุความใหม ■ กําหนดเวลา 1 ป กรณีถูกรบกวนการครอบครองตามมาตรา 1374 และ กรณีการถูกแยงการครอบครองตามมาตรา 1375 ไมเก่ียวกับอายุความเสียสิทธิภาระจํายอม จึงนํากําหนดระยะเวลา 1 ปมาใชไมได ■ อายุความไดสิทธิภาระจํายอม หรืออายุความเสียสิทธิภาระจํายอม มิใชอายุความฟองรอง แมคูกรณีมิไดยกเปนขอตอสู ศาลก็ยกเปนขอวินิจฉัยไดเอง
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
56
8. ทรัพยสิทธอ่ืินๆ
8.1 สิทธิอาศัย 8.1.1 ลักษณะของสิทธิอาศัย
■ สิทธิอาศัย (Habitation) เปนสิทธิท่ีบุคคลจะอยูในโรงเรือนของผูอ่ืนโดยไมตองเสียคาเชา ซึ่งการอยูอาศัยในโรงเรือนหรือบานเรือนของผูอ่ืนโดยไมตองเสียคาเชานี้ เปนการเก้ือกูลชวยเหลือกัน อันเปนลักษณะของความเอื้อเฟอตอกันในสังคม มาตรา 1402 บุคคลใดไดรับสิทธิอาศัยในโรงเรือน บุคคลนั้นยอมมีสิทธิอยูในโรงเรือนนั้นโดยไมตองเสียคาเชา มาตรา 1405 สิทธิอาศัยนั้นถามิไดจํากัดไวชัดแจงวาใหเพ่ือประโยชนแกผูอาศัยเฉพาะตัวไซร บุคคลในครอบครัวและในครัวเรือนของผูอาศัยจะอยูดวยก็ได มาตรา 1406 ถาผูใหอาศัยมิไดหามไวชัดแจง ผูอาศัยจะเก็บเอาดอกผลธรรมดาหรือผลแหงท่ีดิน มาใชเพียงที่จําเปนแกความตองการของครัวเรือนก็ได มาตรา 1407 ผูใหอาศัยไมจําตองบํารุงรักษาทรัพยสินใหอยูในความซอมแซมอันดี ผูอาศัยจะเรียกใหชดใชคาใชจาย ซึ่งไดออกไปในการทําใหทรัพยสินดีขึ้นหาไดไม ■ การไดดอกผลในเรื่องสิทธิอาศัยนี้ไดเฉพาะดอกผลธรรมดาเทานั้น ไมรวมถึงดอกผลนิตินัย เชน คาเชาบาน ■ ผูทรงสิทธิอาศัยไมมีสิทธิในที่ดินโรงเรือน จึงไมมีสิทธิปลูกสรางโรงเรือนขึ้นใหม หรือตอเติมได มาตรา 1404 สิทธิอาศัยนั้นจะโอนกันไมไดแมโดยทางมรดก
■ สิทธิอาศัยไดมาโดยทางนิติกรรมเทานั้น การไดมาซึ่งสิทธิอาศัยจึงตองทําเปนหนังสือและจดทะเบียนตอเจาหนาท่ี มาตรา 1403 สิทธิอาศัยนั้น ทานวาจะกอใหเกิดโดยมีกําหนดเวลาหรือตลอดชีวิตของผูอาศัยก็ได ถาไมมีกําหนดเวลา ทานวาสิทธินั้นจะเลิกเสียในเวลาใดๆ ก็ไดแตตองบอกลวงหนาแกผูอาศัยตามสมควร
ถาใหสิทธิอาศัยโดยมีกําหนดเวลา กําหนดนั้นทานมิใหเกินสามสิบปถากําหนดไวนานกวานั้น ใหลดลงมาเปนสามสิบป การใหสิทธิอาศัยจะตออายุก็ไดแตตองกําหนดเวลาไมเกินสามสิบปนับแตวันทําตอ
8.1.2 ผลของสิทธิอาศัย ■ บุคคลใดไดรับสิทธิอาศัย บุคคลนั้นซึ่งมีฐานะเปนผูทรงสิทธิอาศัยยอมมีสิทธิดังนี ้
1. อยูอาศัยในโรงเรือนไดยไมตองเสียคาเชา 2. เก็บดอกผลธรรมดาเพียงเทาท่ีจําเปนแกความตองการของครัวเรือน
มาตรา 1409 ทานใหนําบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้วาดวยหนาท่ีและความรับผิดของผูเชาอันกลาวไวในมาตรา 552 ถึง 555,มาตรา 558,562 และ 563 มาใชบังคับโดยอนุโลม ■ หนาท่ีและความรับผิดของผูทรงสิทธิอาศัย
1. ใชโรงเรือนตามปกติประเพณี หรือท่ีกําหนดไวในนิติกรรมกอตั้งสิทธิอาศัย
2. สงวนโรงเรือนนั้นอยางวิญูชนจะพึงสงวนทรัพยสินของตน และตองบํารุงรักษาซอมแซมเล็กนอย
3. ตองยอมใหผูใหอาศัยหรือตัวแทนเขาตรวจดูโรงเรือนเปนครั้งคราว
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
57
4. ไมดัดแปลงหรือตอเติมโรงเรือน
5. รับผิดในความสิ้นสลายหรือบุบสลายของโรงเรือน
6. สงมอบโรงเรือนคืนใหผูใหอาศัยเมื่อสิทธิอาศัยสิ้นสุดลง ■ สิทธิของผูใหอาศัย
1. ตรวจสภาพโรงเรือนที่ใหอาศัยเปนครั้งคราว
2. ไดรับคืนโรงเรือนเมื่อสิทธิอาศัยสิ้นไป ■ หนาท่ีของผูใหอาศัย
1. สงมอบโรงเรือนใหผูทรงสิทธิอาศัยเมื่อสิทธิอาศัยเกิดผลขึ้น
2. ตองใหผูทรางสิทธิอาศัยไดใชประโยชนจากโรงเรือนนั้น 8.1.3 การระงับสิ้นไปซึ่งสิทธิอาศัย ■ การระงับสิ้นไปโดยผลแหงเจตนา
1. เม่ือสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว 2. เม่ือผูใหสิทธิอาศัยบอกเลิก
3. เม่ือผูทรงสิทธิสละสิทธิอาศัย
4. เม่ือคูกรณีท้ังสองฝายตกลงกันเลิกสิทธิอาศัย ■ การระงับสิ้นไปโดยผลแหงกฎหมาย
1. เม่ือผูทรงสิทธิอาศัยตาย
2. เม่ือสิทธิอาศัยกับกรรมสิทธ์ิเกลื่อนกลืนกัน ■ การระงับสิ้นไปโดยสภาพธรรมชาติ ■ เม่ือสิทธิอาศัยระงับสิ้นไป คูกรณีท้ังสองฝายก็ตองดําเนินการตางๆ ท่ีจะทําใหสิทธิอาศัยสิ้นสุดลง
1. การทําเปนหนังสือและจดทะเบียนระงับสิทธิอาศัย
2. สงคืนโรงเรือน
3. การฟองคดีเก่ียวกับสิทธิอาศัย ในกรณีท่ีโรงเรือนเสียหาย ผูใหอาศัยหรือทายาทจะตองฟองผูทรงสิทธิอาศัยหรือทายาทภายในหกเดือน
8.2 สิทธิเหนือพื้นดิน 8.2.1 ลักษณะของสิทธิเหนือพ้ืนดิน ■ สิทธิเหนือพ้ืนดิน (Superficies) เปนสิทธิท่ีใหบุคคลเปนเจาของโรงเรือน สิ่งปลูกสราง หรือสิ่งเพาะปลูกบนดินหรือใตดิน ซึ่งมีอยูหรือทําขึ้นในที่ดินของบุคคลอื่นโดยจะเสียคาเชาใหเจาของที่ดินดวยหรือไมก็ได มาตรา 1410 เจาของที่ดินอาจกอใหเกิดสิทธิเหนือพ้ืนดินเปนคุณแกบุคคลอื่น โดยใหบุคคลนั้นมีสิทธิเปนเจาของโรงเรือน สิ่งปลูกสราง หรือสิ่งเพาะปลูก บนดินหรือใตดินนั้น
■ สิทธิเหนือพ้ืนดินจะกอตั้งขึ้นไดแตเฉพาะในท่ีดินเทานั้น จะกอตั้งในอสังหาริมทรัพยอ่ืนๆ ไมไดเลย
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
58
ส.ค.1 คือ หนังสือท่ีนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอออกใหแกผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับและไดแจงการครอบครองตอนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอตามที่กฎหมายบัญญัติไว หนังสือนี้มีลักษณะสําคัญระบุจํานวนพื้นที่ บุคคลผูเปนเจาของ วิธีการไดมาซึ่งตําแหนงท่ีดิน หลักฐานแหงการไดมา และสภาพท่ีดิน
น.ส.3 คือ หนังสือรับรองจากพนักงานเจาหนาท่ีวาท่ีดินนั้นไดมีการทําประโยชนแลว ซึ่งออกใหแกผูมี ส.ค.1 หรือผูไดรับอนุญาตใหจับจองเปนใบจับจองตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือผูท่ีมีใบเหยียบย่ําหรือผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพ่ือการครองชีพ หรือผูท่ีครอบครองและทําประโยชนในที่ดินกอนวันที่ใชประมวลกฎหมายที่ดินโดยไมมีหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิ ซึ่งตกคางการแจงการครอบครอง และปฏิบัติตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติไว หรือผูซึ่งครอบครองทําประโยชนในที่ดินหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดนิใชบังคับโดยไมมีใบจับจอง ใบเหยียบย่ําหรือหลักฐานแสดงวาเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพ่ือการครองชีพและปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว ■ สิทธิเหนือพ้ืนดินมิใชสิทธิเฉพาะตัว ผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินจึงโอนสิทธิเหนือพ้ืนดินได ไมวาจะทางนิติกรรม หรือทําพินัยกรรม หรือโอนโดยผลแหงกฎหมาย มาตรา 1411 ถามิไดกําหนดไวเปนอยางอ่ืนในนิติกรรมอันกอใหเกิดสิทธิเหนือพ้ืนดินไซร ทานวาสิทธินั้นอาจโอนไดและรับมรดกกันได ■ สิทธิเหนือพ้ืนดินตางจากสิทธิการเชาท่ีดิน ผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินไมจําเปนตองเสียคาเชาใหแกเจาของที่ดิน และการไดมาซึ่งสิทธิเหนือพ้ืนดินตองทําเปนหนังสือและจดทะเบียนไมวากําหนดระยะเวลาจะมีมากหรือนอยเพียงใด แตการเชา ผูเชาตองเสียคาเชาใหกับเจาของท่ีดินเสมอ และการเชาไมเกินสามปก็ไมตองทําเปนหนงัสือและจดทะเบียน ■ การไดมาซึ่งสิทธิเหนือพ้ืนดิน
1. การไดมาโดยทางนิติกรรม
2. การไดมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม
a. การรับมรดก เวนแตนิติกรรมกอตั้งสิทธิเหนือพ้ืนดินจะระบุหามมิใหมีการรับมรดก ■ ระยะเวลาแหงการทรงสิทธิเหนือพ้ืนดิน มาตรา 1412 สิทธิเหนือพ้ืนดินนั้นจะกอใหเกิดโดยมีกําหนดเวลาหรือตลอดชีวิตเจาของที่ดิน หรือตลอดชีวิต
ผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินนั้นก็ได ถากอใหเกิดสิทธิพ้ืนดินโดยมีกําหนดเวลาไซร ทานใหนําบทบัญญัติมาตรา 1403 วรรค 3 มาใชบังคับโดยอนุโลม ■ กําหนดระยะเวลาของสิทธิเหนือพ้ืนดิน สามารถกําหนดไดดังนี ้
1. กําหนดระยะเวลาที่คํานวนไดแนนอน – ไมเกินสามสิบป และอาจตกลงตอเวลาออกไปอีกก็ได 2. กําหนดระยะเวลาตลอดชีวิต – จะเกินสามสิบปก็ได ไมตองมีการตอเวลา
■ การที่ไมกําหนดเวลา เจาของที่ดินหรือผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินจะบอกเลิกสิทธิเหนือพ้ืนดินเมื่อไรก็ได แตตองบอกกลาวลวงหนาตามสมควรแกระยะเวลา มาตรา 1413 ถาสิทธิเหนือพ้ืนดินนั้นไมมีกําหนดเวลาไซรทานวาคูกรณีฝายใดจะบอกเลิกเสียในเวลาใดก็ได แตตองบอกลวงหนาแกอีกฝายหนึ่งตามสมควร ถามีคาเชาซึ่งจําตองใหแกกันไซร ทานวาตองบอกลวงหนาปหนึ่ง หรือใหคาเชาปหนึ่ง
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
59
■ ถาบอกเลิกกันแลว แตไมไดออกจากที่ดินและเจาของที่ดินก็ปลอยใหผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินเปนเจาของตอ ถือไดวาสิทธิเหนือพ้ืนดินยังไมสิ้นสุดลง โดยเปนการทําสัญญาสิทธิเหนือพ้ืนดินกันตอไปโดยไมมีกําหนดเวลา 8.2.2 ผลของสิทธิเหนือพ้ืนดิน ■ สิทธิของผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดิน
1. สิทธิในฐานะเปนเจาของสิทธิเหนือพ้ืนดิน
2. โอนสิทธิเหนือพ้ืนดินใหแกบุคคลอื่น
3. รื้อถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสราง หรือสิ่งเพาะปลูก เม่ือสิทธิเหนือพ้ืนดินระงับสิ้นไป มาตรา 1416 เม่ือสิทธิเหนือพ้ืนดินสิ้นไป ผูทรงสิทธิจะรื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสราง สิ่งเพาะปลูกของตนไปก็ได แตตองทําใหท่ีดินเปนตามเดิม
แตถาเจาของที่ดินจะไมยอมใหรื้อถอนไป และบอกเจตนาจะซื้อตามราคาทองตลาดไซร ทานวาผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินจะไมยอมขายไมไดเวนแตจะมีเหตุอันสมควร
■ หนาท่ีของผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดิน
1. ชําระคาเชาใหแกเจาของที่ดิน ถาสิทธิเหนือพ้ืนดินนั้นมีคาเชา 2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขอันเปนสาระสําคัญซึ่งระบุไวในนิติกรรมกอตั้งสิทธิเหนือพ้ืนดิน
3. คืนที่ดินและรื้อถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสราง สิ่งเพาะปลูกและทําท่ีดินใหเปนไปตามเดิม ■ สิทธิของเจาของที่ดิน
1. ไดรับชําระคาเชา 2. บังคับซื้อโรงเรือน สิ่งปลูกสราง สิ่งเพาะปลูกในที่ดินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเหนือพ้ืนดิน
■ หนาท่ีของเจาของที่ดิน
1. ตองยอมใหผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินเปนเจาของโรงเรือน สิ่งปลูกสราง หรือสิ่งเพาะปลูกในท่ีดินของตน
2. ตองยอมใหผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินรื้อถอนทรัพยสินของเขาออกไปจากที่ดินเมื่อสิทธิเหนือพ้ืนดินระงับสิ้นไป เวนแตจะใชสิทธิบังคับซื้อ
8.2.3 การระงับสิ้นไปซึ่งสิทธิเหนือพ้ืนดิน ■ เหตุของการระงับสิ้นไปซึ่งสิทธิเหนือพ้ืนดิน
1. การระงับสิ้นไปโดยผลแหงเจตนา a. เม่ือสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว b. เม่ือมีการบอกเลิกสิทธิเหนือพ้ืนดินในกรณีท่ีไมมีกําหนดระยะเวลา c. เม่ือเจาของที่ดินบอกเลิกสิทธิเหนือพ้ืนดินในกรณีท่ีผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินไมปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือไมชําระ
คาเชาสองปติดๆ กัน ดังบัญญัติไวในมาตรา 1414
d. เม่ือผูทรงสิทธิสละสิทธิเหนือพ้ืนดิน
e. เม่ือคูกรณีท้ังสองฝายตกลงกันเลิกสิทธิเหนือพ้ืนดิน
f. เม่ือเจาของที่ดินตาย ในกรณีท่ีสิทธิเหนือพ้ืนดินกอตั้งขึ้นตลอดชีวิตของเจาของที่ดิน
g. เม่ือผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินตาย ในกรณีท่ีสิทธิเหนือพ้ืนดินกอตั้งขึ้นตลอดชีวิตของผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดิน
2. การระงับสิ้นไปโดยผลแหงกฎหมาย
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
60
3. การระงับสิ้นไปโดยสภาพธรรมชาติ – ในกรณีดินที่อยูภายใตสิทธิเหนือพ้ืนดินสูญสลายไปหมด ■ โรงเรือน สิ่งปลูกสราง หรือสิ่งเพาะปลูกในดินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเหนือพ้ืนดินสิ้นสลายไป ไมทําใหสิทธิเหนือพ้ืนดินสิ้นไปดวย มาตรา 1414 ถาผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินละเลยไมปฏิบัติตามเงื่อนไขอันเปนสารสําคัญซึ่งระบุไวในนิติกรรมกอตั้งสิทธินั้นก็ดี หรือถามีคาเชาซึ่งจะตองใหแกกัน แตผูทรงสิทธิเหนือพ้ืนดินละเลยไมชําระถึงสองปติดๆ กันก็ดี ทานวาคูกรณีอีกฝายหนึ่งจะบอกเลิกสิทธิเหนือพ้ืนดินก็ได มาตรา 1415 สิทธิเหนือพ้ืนดินไมสิ้นไปโดยเหตุท่ีโรงเรือนสิ่งปลูกสรางหรือสิ่งเพาะปลูกสลายไป แมการสลายนั้นจะเปนเพราะเหตุสุดวิสัย
■ ผลของการสิ้นไปซึ่งสิทธิเหนือพ้ืนดิน
1. การทําหนังสือและจดทะเบียนระงับสิทธิเหนือพ้ืนดิน
2. การสงคืนที่ดินและรื้อถอนทรัพยสินตางๆ ออกจากที่ดิน
8.3 สิทธิเก็บกิน
8.3.1 ลักษณะของสิทธิเก็บกิน ■ สิทธิเก็บกิน (Usufruct) เปนทรัพยสิทธิชนิดหนึ่งท่ีตัดทอนอํานาจกรรมสิทธ์ิโดยทําใหผูทรงสิทธิมีสิทธิครอบครอง ใชสอย และแสวงประโยชนในทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเก็บกินนั้น มาตรา 1417 อสังหาริมทรัพยอาจตองตกอยูในบังคับสิทธิเก็บกินอันเปนเหตุใหผูทรงสิทธินั้นมีสิทธิ
ครอบครอง ใช และถือเอาซึ่งประโยชนแหงทรัพยสินนั้น
ผูทรงสิทธิเก็บกินมีอํานาจจัดการทรัพยสิน
ผูทรงสิทธิเก็บกินในปาไม เหมืองแร หรือท่ีขุดหิน มีสิทธิทําการแสวงประโยชนจากปาไม เหมืองแร หรือท่ีขุดหินนั้น
■ วัสดุแหงสิทธิเก็บกิน จะกอใหเกิดไดในอสังหาริมทรัพยเทานั้น ดังนั้นสิทธิเก็บกินจึงมีไดเฉพาะในที่ดิน ทรัพยท่ีติดกับที่ดินหรือท่ีประกอบเปนอันเดียวกับที่ดิน เชน โรงเรือน สิ่งปลูกสราง โลหะ แรตางๆ และสิทธิท่ีเก่ียวกับกรรมสิทธ์ิในที่ดิน ■ การมีสิทธิเก็บกิน ผูทรงสิทธิยอมมีสิทธิดังนี ้
1. การครอบครอง 2. การใช 3. การถือเอาประโยชนแหงทรัพยสิน คือ การเก็บดอกผลและแสวงประโยชนจากทรัพยสิน
4. การจัดการ
5. การแสวงหาประโยชนเปนกรณีพิเศษ ■ ผูทรงสิทธิมีอํานาจจัดการทรัพยสิน ก็ยอมมีสิทธิไดรับชําระหนี้เก่ียวกับทรัพยสินนั้น เชน คาเชาท่ีนา คาเชาหอง ในการจัดการทรัพยสิน ผูทรงสิทธิสามารถจัดการไดเองตามลําพัง ไมตองขอความเห็นหรือปรึกษาเจาของทรัพยสิน เพราะสิทธิเก็บกินไมใชสิทธิท่ีอยูรวมกับกรรมสิทธ์ิของเจาของทรัพยสิน แตเปนสิทธิแยกตางหากเปนเอกเทศ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
61
■ ปาไม คือ พ้ืนที่ท่ีมีตนไมซึ่งปลูกขึ้นไวสําหรับตัดทําประโยชนหรือจําหนาย มิไดหมายถึงท่ีท่ีมีตนไมไวสําหรับเก็บดอกผล ซึ่งเปนลักษณะของสวนหรือไร ผูทรงสิทธิเก็บกินจึงจะมีสิทธิแสวงหาประโยชนจากปาไมโดยตัดไมไปขาย แตตองไมทําลายสภาพของปาไม แตถาท่ีดินเปนสวนหรือไร ผูทรงสิทธิเก็บกินจะตดัไมเพ่ือทําฟนขายไมได ไดแตจะเก็บผลไม ■ เหมืองแร คือ พ้ืนที่ท่ีทําการขุดแรกเพ่ือจําหนาย ผูทรงสิทธิเก็บกินมีสิทธิท่ีจะขุดแรไปขายอันเปนการแสวงหาประโยชนจากเหมืองแรได แตตองอยูภายใตพระราชบัญญัติวาดวยการทําเหมืองแร ■ ท่ีขุดหิน คือ พ้ืนที่ท่ีมีการขุดหินไปขายโดยมิใชเหมืองแร แตเปนการขุดหินเอาจากที่ดินนั้น ผูทรงสิทธิเก็บกินสามารถทําการใดๆ อันเปนการขุดหินเพ่ือไปจําหนายได แมแตการระเบิดภูเขา แตทรัพยสินอันไมใชสิ่งท่ีติดกับดินหรือเปนอันหนึ่งอันเดียวกับที่ดิน และมีกฎหมายบัญญัติไวเปนอยางอ่ืนแลว จะแสวงประโยชนไมได เชน โบราณวัตถุ ■ สิทธิเก็บกินเปนสิทธิเฉพาะตัว เม่ือผูทรงสิทธิตาย สิทธิเก็บกินยอมระงับไป มาตรา 1418 สิทธิเก็บกินนั้น จะกอใหเกิดโดยมีกําหนดเวลาหรือตลอดชีวิตแหงผูทรงสิทธิก็ได ถาไมมีกําหนดเวลา ทานในสันนิษฐานไวกอนวาสิทธิเก็บกินมีอยูตลอดชีวิตผูทรงสิทธิก็ได ถาผูทรงสิทธิเก็บกินถึงแกความตาย ทานวาสิทธินั้นยอมสิ้นไปเสมอ ■ สิทธิเก็บกินจะโอนกันมิได ไมวาทางนิติกรรม หรือมรดก อยางไรก็ตามผูทรงสิทธิเก็บกินอาจโอนการใชสิทธิของตนใหผูอ่ืนได ■ การโอนสิทธิเก็บกินกับการโอนการใชสิทธิเก็บกินตางกัน คือ การโอนสิทธิเก็บกิน ผูทรงสิทธิเก็บกินโอนตัวสิทธิเก็บกินนั้นใหกับผูอ่ืน ทําใหนิติสัมพันธเดิมสิ้นสุดลง เกิดนิติสัมพันธใหมระหวางผูรับโอนกับเจาของกรรมสิทธ์ิเดิม สวนการโอนการใชสิทธิเก็บกิน ผูทรงสิทธิเก็บกินเอาสิทธิเก็บกินนั้นไปใหบุคคลอื่นใชแทนตน แตตนยังมีฐานะเปนผูทรงสิทธิเก็บกินอยู มาตรา 1422 ถามิไดกําหนดไวเปนอยางอ่ืนในนิติกรรมอันกอใหเกิดสิทธิเก็บกินไซร ทานวาผูทรงสิทธินั้นจะโอนการใชสิทธิของตนใหบุคคลภายนอกก็ไดในกรณีเชนนั้นเจาของทรัพยสินอาจฟองรองผูรับโอนโดยตรง ■ การโอนสิทธิเก็บกิน ไมตองทําเปนหนังสือและจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาท่ี เพราะไมใชการโอนสิทธิเก็บกิน ไมมีผลตอสิทธิเก็บกินถาผูรับโอนตาย สิทธิเก็บกินยอมไมระงับสิ้นไป ■ การไดมาซึ่งสิทธิเก็บกิน ไดมาโดยทางนิติกรรมเทานั้น จะเกิดโดยผลของกฎหมายหรืออายุความไมได ■ การกอตั้งสิทธิเก็บกิน อาจจะมีกําหนดระยะเวลาหรือไมก็ได ■ ระยะเวลาแหงการทรงสิทธิเก็บกิน ถามีกําหนดระยะเวลา
• กําหนดระยะเวลาไวแนนอน สูงสุดไมเกิน 30 ป • กําหนดระยะเวลาตลอดชีวิต แมจะเกิน 30 ป ก็ไมตองมีการตอเวลา
■ ระยะเวลาแหงการทรงสิทธิเก็บกิน ถาไมมีกําหนดระยะเวลา ผูใหอาศัยหรือเจาของสามารถบอกเลิกสิทธินั้นๆ เม่ือใดก็ไดโดยบอกลวงหนาตามสมควร 8.3.2 ผลของสิทธิเก็บกิน ■ สิทธิของผูทรงสิทธิเก็บกิน
1. ครอบครอง ใช ถือเอาประโยชนและจัดการอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับสิทธิเก็บกิน
2. โอนการใชสิทธิเก็บกินใหบุคคลอื่น เวนแตนิติกรรมกอตั้งสิทธิเก็บกินจะหามไว
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
62
■ หนาท่ีของผูทรงสิทธิเก็บกิน
1. รักษาทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเก็บกินเสมอ ตราบที่วิญูชนรักษาทรัพยสินของตนเอง (ม.1421)
2. สงวนภาวะแหงทรัพยสินมิใหเปลี่ยนไปในสาระสําคัญ และบํารุงรักษาปกติและซอมแซมเล็กนอย (ม.1424)
3. ออกคาใชจายในการจัดการทรัพยสิน (ม.1426)
4. ประกันวินาศภัยทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเก็บกิน (ม.1427)
5. สงทรัพยสินคืน และรับผิดสําหรับการเสื่อมสลายหรือเสื่อมราคาของทรัพยสินนั้น (ม.1420) มาตรา 1420 เม่ือสิทธิเก็บกินสิ้นลง ผูทรงสิทธิตองสงทรัพยสินคืนแกเจาของ ถาทรัพยสินสลายไป หรือเสื่อมราคาลง ผูทรงสิทธิเก็บกินตองรับผิดเวนแตจะพิสูจนไดวาความเสียหานั้นมิไดเกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถาผูทรงสิทธิเก็บกินใชทรัพยสินสิ้นเปลืองไปโดยมิชอบ ทานวาตองทําใหมีมาแทน
ถาทรัพยสินเสื่อมราคาเพราะการใชตามควรไซร ทานวาผูทรงสิทธิเก็บกินไมจําเปนตองใหคาทดแทน
มาตรา 1421 ในการใชสิทธิเก็บกินนั้น ผูทรงสิทธิตองรักษาทรัพยสินเสมอกับที่วิญูชนพึงรักษาทรัพยสินของตนเอง มาตรา 1424 ผูทรงสิทธิเก็บกินจําตองสงวนภาวะแหงทรัพยสินมิใหเปลี่ยนไปในสารสําคัญ กับตองบํารุงรักษาปกติและซอมแซมเล็กนอยดวย
ถาจําเปนตองซอมแซมใหญ หรือมีการสําคัญอันตองทําเพ่ือรักษาทรัพยสินไซร ทานวาผูทรงสิทธิเก็บกินตองแจงแกเจาของทรัพยสินโดยพลันและตองยอมใหจัดทําการนั้นๆ ไป ถาเจาของทรัพยสินละเลยเสียทานวาผุทรงสิทธิเก็บกินจะจัดทําการนั้นไปโดยใหเจาของทรัพยสินออกคาใชจายก็ได มาตรา 1426 ในระหวางที่สิทธิเก็บกินยังมีอยู ผูทรงสิทธิตองออกคาใชจายในการจัดการทรัพยสินตลอดจนเสียภาษีอากร กับท้ังตองใชดอกเบี้ยหนี้สินซึ่งติดพันทรัพยสินนั้น
มาตรา 1427 ถาเจาของทรัพยสินตองการ ผูทรงสิทธิเก็บกินจําตองเอาทรัพยสินประกันวินาศภัยเพ่ือประโยชนแกเจาของทรัพยสินและถาทรัพยสินนั้นไดเอาประกันภัยไวแลว ผูทรงสิทธิเก็บกินตองตอสัญญาประกันนั้นเมื่อถึงคราวตอ
ผูทรงสิทธิเก็บกินตองเสียเบี้ยประกันระหวางที่สิทธิของตนยังมีอยู ■ สิทธิของเจาของทรัพยสิน
1. คัดคานมิใหผูทรงสิทธิเก็บกินใชทรัพยสินในทางอันมิชอบดวยกฎหมายหรือมิสมควร (ม.1423)
2. ไดรับทรัพยสินคืนเมื่อสิทธิเก็บกินสิ้นสุดลง (ม.1420 วรรคหนึ่ง)
3. ไดรับคาทดแทนในกรณีท่ีทรัพยสินเสียหายเพราะความผิดของผูทรงสิทธิ เจาของทรัพยสินมีสิทธิไดรับคาทดแทน
4. ฟองคดีท่ีเก่ียวกับทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเก็บกิน มาตรา 1423 เจาของทรัพยสินจะคัดคานมิใหใชทรัพยสินในทางอันมิชอบดวยกฎหมาย หรือมิสมควรก็ได ถาเจาของพิสูจนไดวาสิทธิของตนตกอยูในภยันตราย ทานวาจะเรียกใหผูทรงสิทธิเก็บกินหาประกันใหก็ได เวนแตในกรณีซึ่งผูใหทรัพยสินสงวนสิทธิเก็บกินในทรัพยสินนั้นไวเพ่ือตนเอง ถาผูทรงสิทธิเก็บกินละเลยไมหาประกันมาใหภายในเวลาอันสมควรซึ่งกําหนดใหเพ่ือการนั้น หรือถาผูทรงสิทธิเก็บกินมินําพาตอคําคัดคานแหงเจาของยังคงใชทรัพยสินนั้นในทางอันมิชอบดวยกฎหมาย หรือมิสมควรไซรทานวาศาลจะตั้งผูรักษาทรัพยเพ่ือจัดการทรัพยสินแทนผูทรงสิทธิเก็บกินก็ได แตเม่ือหาประกันมาใหแลวศาลจะถอนผูรักษาทรัพยท่ีตั้งขึ้นไวนั้นก็ได ■ กรณีเจาของทรัพยสินคัดคานมิใหผูทรงสิทธิใชทรัพยสินโดยมิชอบดวยกฎหมาย หรือในทางที่ไมสมควร แตผูทรงสิทธิก็ยังฝาฝน หรือเม่ือเจาของทรัพยสินเรียกใหผูทรงสิทธิหาประกันมาให ผูทรงสิทธิก็ยังไมยอมหาประกันมาให เจาของทรัพยสินไมมีสิทธิบอกเลิกสิทธิเก็บกิน แตมีสิทธิรองขอใหศาลตั้งผูรกัษาทรัพยเพ่ือจัดการทรัพยสินแทนผูทรงสิทธิ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
63
■ หนาท่ีของเจาของทรัพยสิน
1. สงมอบทรัพยสินใหแกผูทรงสิทธิเก็บกิน
2. ทําใหทรัพยสินที่สิ้นสลายไปคืนสภาพในกรณีท่ีไดรับคาทดแทน
3. ออกคาใชจายอันเปนการจําเปนสําหรับทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับสิทธิเก็บกิน (ม.1425) มาตรา 1425 คาใชจายอันเปนการจรนั้น ทานวาเจาของตองเปนผูออก แตเพ่ือจะออกคาใชจายเชนวานี้ หรือ
คาใชจายตามความในมาตรากอนเจาของจะจําหนายทรัพยสินบางสวนก็ได เวนแตผูทรงสิทธิเก็บกินจะเต็มใจทดรองเงินตามที่จําเปนโดยไมคิดดอกเบี้ย ■ เหตุของการระงับสิ้นไปซึ่งสิทธิเก็บกิน
1. การระงับสิ้นไปโดยผลแหงเจตนา a. เม่ือสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว b. เม่ือมีการบอกเลิกสิทธิเก็บกินในกรณีท่ีไมมีกําหนดระยะเวลา c. เม่ือผูทรงสิทธิสละสิทธิเก็บกิน
d. เม่ือคูกรณีท้ังสองฝายตกลงเลิกสิทธิเก็บกิน
2. การระงับสิ้นไปโดยผลแหงกฎหมาย
a. เม่ือผูทรงสิทธิตาย
b. เม่ือสิทธิเก็บกินกับกรรมสิทธ์ิเกลื่อนกลืนกัน
c. เม่ือสิทธิเก็บกันระงับสิ้นไปโดยสภาพธรรมชาติ มาตรา 1419 ถาทรัพยสินสลายไปโดยไมไดคาทดแทนไซร ทานวาเจาของไมจําตองทําใหคืนดี แตถาเจาของทําใหทรัพยสินคืนดีขึ้นเพียงใด ทานวาสิทธิเก็บกินก็กลับมีขึ้นเพียงนั้น
ถาไดคาทดแทนไซร ทานวาเจาของหรือผูทรงสิทธิเก็บกิน ตองทําใหทรัพยสินคืนดีเพียงที่สามารถทําไดตามจํานวนเงินคาทดแทนที่ไดรับและสิทธิเก็บกินกลับมีขึ้นเพียงที่ทรัพยสินกลับคืนดี แตถาพนวิสัยที่จะทําใหกลับคืนดีได สิทธิเก็บกินก็เปนอันสิ้นไป และคาทดแทนนั้นตองแบงกันระหวางเจาของทรัพยสิน และผูทรงสิทธิเก็บกินตามสวนแหงความเสียหายของตน
วิธีนี้ใหใชบังคับโดยอนุโลมถึงกรณีซึ่งทรัพยสินถูกบังคับซื้อ และกรณีซึ่งทรัพยสินสลายไปแตบางสวน หรือการทําใหคืนดีนั้นพนวิสัยในบางสวน ■ ผลของการระงับไปซึ่งสิทธิเก็บกิน
1. การทําเปนหนังสือและจดทะเบียนระงับสิทธิเก็บกิน
2. การสงคืนอสังหาริมทรัพย 3. การฟองคดีเก่ียวกับสิทธิเก็บกิน
มาตรา 1428 คดีอันเก่ียวกับสิทธิเก็บกินในระหวางเจาของทรัพยสินกับผูทรงสิทธิเก็บกิน หรือผูรับโอนนั้น ทานหามมิใหฟองเม่ือเกินปหนึ่งนับแตวันสิทธิเก็บกินสุดสิ้นลง แตในคดีท่ีเจาของทรัพยสินเปนโจทกนั้น ถาเจาของไมอาจรูวา สิทธิเก็บกินสุดสิ้นลงเมื่อใด ทานใหนับอายุความปหนึ่งนั้นตั้งแตเวลาที่เจาของทรัพยสินไดรู หรือควรรูวาสิทธิเก็บกินสุดสิ้นลง
8.4 ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย 8.4.1 ลักษณะของภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
64
■ ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย (Charge on immovable property) เปนทรัพยสิทธิชนิดหนึ่งท่ีตัดทอนอํานาจกรรมสิทธ์ิของเจาของอสังหาริมทรัพย โดยทําใหผูทรงสิทธิไดชําระหนี้เปนคราวๆ จากอสังหาริมทรัพยนั้น หรือไดใชและถือเอาประโยชนแหงอสังหาริมทรัพยตามที่ระบุไว กลาวอีกนัยหนึ่ง เจาของอสังหาริมทรัพยอาจตองตกอยูในภาระผูกพันที่จะตองชําระหนี้จากอสังหาริมทรัพยของตนเปนคราวๆ ใหแกบุคคลอื่น หรือตองยอมใหบุคคลอื่นไดใชและถือเอาประโยชนจากอสังหาริมทรัพยนั้นได มาตรา 1429 อสังหาริมทรัพยอาจตองตกอยูในภารติดพันอันเปนเหตุใหผูรับประโยชนมีสิทธิไดรับการชําระหนี้เปนคราวๆ จากทรัพยสินนั้น หรือไดใช และถือเอาซึ่งประโยชนแหงทรัพยสินตามที่ระบุไว ■ หนี้ท่ีจะตองชําระในเรื่องภาระติดพันอสังหาริมทรัพยนั้นจะตองชําระเปนครั้งคราว มิใชเปนการชําระเปนครั้งเดียวแลวเสร็จสิ้นกัน ■ การใชและถือเอาประโยชนจากภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยเหมือนกับสิทธิเก็บกิน แตในภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยจะมีลักษณะจํากัดอยางใดก็ได สวนสิทธิเก็บกินจะจํากัดไมได มาตรา 1433 ถาเจาของทรัพยสินมิไดชําระหนี้ตามภารติดพันไซรทานวานอกจากทางแกสําหรับการไมชําระหนี้ ผูรับประโยชนอาจขอใหศาลตั้งผูรักษาทรัพยเพ่ือจัดการทรัพยสินและชําระหนี้แทนเจาของ หรือสั่งใหเอาทรัพยสินออกขาย
ทอดตลาด และเอาเงินที่ขายไดจายใหผูรับประโยชนตามจํานวนที่ควรได เพราะเจาของทรัพยสินไมชําระหนี้ กับทั้งคาแหงภารติดพันดวย
ถาเจาของทรัพยสินหาประกันมาใหแลว ศาลจะไมออกคําสั่งตั้งผูรักษาทรัพย หรือคําสั่งขายทอดตลาด หรือจะถอนผูรักษาทรัพยท่ีตั้งขึ้นไวนั้น ก็ได ■ ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยเปนสิทธิเฉพาะตัว มาตรา 1431 ถามิไดกําหนดไวเปนอยางอ่ืนในนิติกรรมอันกอใหเกิดภารติดพันไซร ทานวาภารติดพันในอสังหาริมทรัพยนั้นจะโอนกันไมไดแมโดยทางมรดก ■ การไดมาซึ่งภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย
1. การไดมาโดยทางนิติกรรม
2. การไดมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ■ กําหนดระยะเวลาแหงการรับประโยชนในภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย
1. กรณีมีกําหนดเวลา a. กําหนดระยะเวลาที่คํานวนไดแนนอน ไมเกิน 30 ป b. กําหนดระยะเวลาตลอดชีวิต แมจะเกิน 30 ปก็ไมตองตอเวลา
2. กรณีไมมีกําหนดเวลา ผูใหอาศัยหรือเจาของสามารถบอกเลิกสิทธินั้นๆ เม่ือใดก็ไดโดยบอกลวงหนาตามสมควร มาตรา 1430 ภารติดพันในอสังหาริมทรัพยนั้น จะกอใหเกิดโดยมีกําหนดเวลา หรือตลอดชีวิตแหงผูรับประโยชนก็ได ถาไมมีกําหนดเวลา ทานใหสันนิษฐานไวกอนวาภารติดพันในอสังหาริมทรัพยมีอยูตลอดชีวิตผูรับประโยชน ถามีกําหนดเวลา ทานใหนําบทบัญญัติมาตรา 1403 วรรค 3 มาใชบังคับโดยอนุโลม 8.4.2 ผลของภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย ■ สิทธิของผูรับประโยชน
1. ไดรับประโยชนจากอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับภาระติดพัน
2. ขอใหศาลตั้งผูรักษาทรัพย หรือใหเอาอสังหาริมทรัพยออกขายทอดตลาด (ม.1433)
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
65
3. ทําการทุกอยางอันจําเปนเพ่ือรักษาและใชอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับภาระติดพัน มาตรา 1433 ถาเจาของทรัพยสินมิไดชําระหนี้ตามภารติดพันไซรทานวานอกจากทางแกสําหรับการไมชําระหนี้ ผูรับประโยชนอาจขอใหศาลตั้งผูรักษาทรัพยเพ่ือจัดการทรัพยสินและชําระหนี้แทนเจาของ หรือสั่งใหเอาทรัพยสินออกขาย
ทอดตลาด และเอาเงินที่ขายไดจายใหผูรับประโยชนตามจํานวนที่ควรได เพราะเจาของทรัพยสินไมชําระหนี้ กับทั้งคาแหงภารติดพันดวย
ถาเจาของทรัพยสินหาประกันมาใหแลว ศาลจะไมออกคําสั่งตั้งผูรักษาทรัพย หรือคําสั่งขายทอดตลาด หรือจะถอนผูรักษาทรัพยท่ีตั้งขึ้นไวนั้น ก็ได ■ หนาท่ีของผูรับประโยชน
1. ปฏิบัติตามเงื่อนไขอันเปนสาระสําคัญซึ่งระบุไวในนิติกรรมกอตั้งภาระติดพัน
2. ไมทําการเปลี่ยนแปลงอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับภาระติดพัน
3. ไมทําการอันเปนการเพ่ิมภาระแกอสังหาริมทรัพยท่ีอยูใตบังคับภาระติดพัน
4. หยุดกระทําการซึ่งเปนการรับประโยชนจากอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับภาระติดพัน เม่ือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยหมดสิ้นไป
■ สิทธิของเจาของอสังหาริมทรัพย
1. เรียกใหยายภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย ถาภาระติดพันแตะตองเพียงสวนหนึ่งแหงอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับภาระติดพัน (ป.พ.พ.มาตรา 1434 ประกอบมาตรา 1392 โดยอนุโลม)
2. บังคับใหผูรับประโยชนกระทําการใดๆ อันเปนการไดรับประโยชนจากอสังหาริมทรัพย เม่ือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยหมดสิ้นไป
■ หนาท่ีของเจาของอสังหาริมทรัพย
1. ทําการตามที่ระบุไวในนิติกรรมกอตั้งภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย กลาวคือ ชําระหนี้เปนคราวๆ จากอสังหาริมทรัพยท่ีอยูภายใตบังคับภาระติดพันใหแกผูรับประโยชน
2. ไมกระทําการใดๆ อันทําใหประโยชนของผูรับประโยชนลดไปหรือเสื่อมความสะดวก 8.4.3 การระงับสิ้นไปซึ่งภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย ■ เหตุของการระงับสิ้นไปซึ่งภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย
1. การระงับสิ้นไปโดยผลแหงเจตนา a. เม่ือสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว b. เม่ือมีการบอกเลิกภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย c. เม่ือเจาของทรัพยสินบอกเลิกภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย d. เม่ือผูรับประโยชนสละภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย e. เม่ือคูกรณีท้ังสองฝายตกลงกันเลิกภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย f. เม่ือผูรับประโยชนถึงแกความตายในกรณีท่ีกําหนดเวลาไวตลอดชีวิตของผูรับประโยชน
2. การระงับสิ้นไปโดยผลแหงกฎหมาย
a. เม่ือผูรับประโยชนถึงแกความตาย
b. เม่ือผูรับประโยชนขอใหศาลนําทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับภาระติดพันออกขายเพื่อชําระหนี้ท่ีคางอยู c. เม่ือเจาของอสังหาริมทรัพยนั้นพนจากภาระติดพัน
d. เม่ือผูรับประโยชนมิไดใชอสังหาริมทรัพยนั้นเปนเวลาสิบป e. เม่ือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยหมดประโยชนหรือมีประโยชนนอยลง
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
66
f. เม่ือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพยและกรรมสิทธ์ิเกลื่อนกลืนกัน
3. การระงับสิ้นไปโดยสภาพธรรมชาติ ■ ผลการระงับสิ้นไปซึ่งภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย
1. การทําเปนหนังสือและจดทะเบียนระงับภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย 2. หยุดกระทําการอันเปนการรับประโยชน หรือสงคืนอสังหาริมทรัพย
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
67
9. การไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยและทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
9.1 การไดมาโดยทางนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพยและทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย 9.1.1 หลักเกณฑการไดมาโดยทางนิติกรรม มาตรา 1299 วรรคแรก ภายในบังคับแหงบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ทานวาการไดมาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นไมบริบูรณ เวนแตนิติกรรมจะไดทําเปนหนังสือและไดจดทะเบียนการไดมากับพนักงานเจาหนาท่ี ■ อสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย เม่ือยังไมจดทะเบียนการไดมากับพนักงานเจาหนาท่ีใหถูกตอง ไมบริบูรณเปนทรัพยสิทธิแตยังสามารถใชบังคับระหวางกันเองตามบทกฎหมายในบรรพ 2 วาดวยหนี้ หรือบุคคลสิทธิ ■ แมทรัพยสิทธิท่ีไดรับมาจะเปนทรัพยสิทธิประเภทรอนสิทธ์ิ เชน ภาระจํายอม การไดมาก็ตองจดทะเบียน มิฉะนั้นจะไมบริบูรณเปนทรัพยสิทธิ 9.1.2 ผลของการไดมาโดยทางนิติกรรมตามมาตรา 1299 วรรคแรก ■ “ไมบริบูรณ” เปนความหมายตางการที่นิติกรรมเปนโมฆะ เพราะโมฆะนั้น หมายความวา นิติกรรมนั้นเสียเปลา ไมเกิดนิติสัมพันธระหวางกัน ไมมีผลทางกฎหมาย และ “ไมบริบูรณ” ก็มีความหมายตางจากไมสมบูรณ กลาวคือ ไมสมบูรณแปลวา ยังไมอาจถือสิทธิหรือบังคับเอาไดตามสิทธิท่ีเกิดขึ้นจากนิติกรรมนั้น ■ นิติกรรมไมบริบูรณนั้น หมายความวานิติกรรมที่ทําใหบุคคลไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยและทรัพยสิทธิเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้น ไมสามารถทําใหผูไดมามีสิทธิท่ีจะใชเพ่ือยกตกสูบุคคลทั่วไป หากแตใชบังคับกันไดในระหวางคูสัญญาในฐานะเปนบุคคลสิทธิ หรือสิทธิเหนือบุคคลที่เปนคูสัญญาเทานั้น
9.2 การไดมาโดยทางอื่น นอกจากนิติกรรมซึง่อสังหาริมทรัพยและทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
9.2.1 การไดมาโดยทางอายุความ ■ เม่ือมีขอเท็จจริงอยางใดอยางหนึ่งท่ีกฎหมายบัญญัติไวใหบุคคลมีสิทธิไดมาซึ่งทรัพยสิทธิ เพราะบุคคลนั้นไดกระทําขอเท็จจริงดังท่ีกฎหมายกําหนดไวนั้นครบกําหนดตามอายุความ 9.2.2 การไดมาโดยทางมรดก มาตรา 1599 เม่ือบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแกทายาท
ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกไดแตโดยบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น
มาตรา 1600 ภายใตบังคับของบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้กองมรดกของผูตายไดแกทรัพยสินทุกชนิดของผูตาย ตลอดทั้งสิทธิหนาท่ีและความรับผิดตางๆ เวนแตตามกฎหมายหรือวาโดยสภาพแลว เปนการเฉพาะตัวของ ผูตายโดยแท
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
68
■ ทรัพยสิทธิท่ีไมสามารถรับมาโดยทางมรดก
1. สิทธิอาศัย
2. สิทธิเก็บกิน
3. ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย 9.2.3 การไดมาโดยคําพิพากษาของศาล ■ การไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย โดยคําพิพากษาของศาลที่เปนการไดมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ไดแก การไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพย หรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยโดยคําพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีของศาลที่คดีดังกลาวนั้นมีการสืบพยาน และศาลตัดสินคดีโดยฟงจากพยานหลักฐานที่คู ความในคดีนําสืบ ■ การไดมาโดยคําพิพากษาตามยอมของศาล ไมเรียกวาเปนการไดมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม แตเปนการไดมาโดยทางนิติกรรม ตามคําพิพากษาฎีกาท่ี 9936/2539 9.2.4 ผลของการไดมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม มาตรา 1299 วรรคสอง ถามีผูไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผูไดมานั้น ถายังมิไดจะทะเบียนไซร ทานวาจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไมไดและสิทธิอันยังมิไดจดทะเบียนนั้น มิใหยกขึ้นเปนขอตอสูบุคคลภายนอกผูไดสิทธิมาโดยเสียคาตอบแทนและโดยสุจริต และไดจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแลว
■ การไดมาซึ่งทรัพยสิทธิในทันทีท่ีไดมา ผูท่ีไดมาตองจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาท่ี ถาไมกระทําตาม กฎหมายไดกําหนดสภาพบังคับไวโดยที่การไดมานั้นอาจเกิดความเสียหายได 2 ประการคือ
1. เปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไมได 2. ยกเปนขอตอสูบุคคลภายนอกผูไดสิทธิไปโดยสุจริต เสียคาตอบแทน และไดจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแลวไมได
■ บุคคลภายนอกที่จะไดรับความคุมครองจากมาตรา 1299 วรรคสอง ตองประกอบดวย
1. ตองเปนบุคคลภายนอก ตองไมใช a. เจาของเดิม
b. ทายาทหรือผูสืบสิทธิของเจาของอสังหาริมทรัพยอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยคนเดิม
c. เจาหนี้สามัญ
d. เจาของกรรมสิทธ์ิรวม
2. ทรัพยสิทธิท่ีบุคคลภายนอกไดรับมาตองเปนประเภทเดียวกันกับทรัพยสิทธิของผูไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยโดยทางอื่นนอกจากโดยนิติกรรม
3. ตองไดรับมาโดยเสียคาตอบแทน
4. ตองไดรับมาโดยสุจริต
5. ตองไดจดทะเบียนสิทธินั้นโดยสุจริต ■ ท่ีดินมือเปลาเฉพาะประเภทที่เปนหนังสือ น.ส.3 ก เทานั้นที่อนุโลมใหนําบทบัญญัติมาตรา 1299 วรรคสองมาบังคับใชได
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
69
9.3 การเพิกถอนการไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยและทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยทางทะเบียน
9.3.1 หลักเกณฑการเพิกถอนการจดทะเบียน มาตรา 1300 ถาไดจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยเปนทางเสียเปรียบแกบุคคลผูอยูในฐานะอันจะใหจดทะเบียนสิทธิของตนไดอยูกอนไซร ทานวาบุคคลนั้นอาจ เรียกใหเพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได แตการโอนอันมีคาตอบแทน ซึ่งผูรับโอนกระทําการโดยสุจริตนั้น ไมวากรณีจะเปนประการใด ทานวาจะเรียกใหเพิกถอนทะเบียนไมได ■ สิทธิของผูท่ีไดมาโดยไมจดทะเบียนอาจจะเสื่อมเสียไดเม่ือเกิดกรณีดังนี้
• กรณีไดมาโดยนิติกรรมเมื่อเจาของเดิมไมยอมไปจดทะเบียน - ผูไดทรัพยสิทธิท่ีไมบริบูรณก็อาจใชทางแกโดยการฟองศาลใหศาลบังคับใหเจาของเดิมซึ่งเปนคูสัญญาไปดําเนินการจดทะเบียนเพื่อใหตนเองไดทรัพยสิทธิท่ีบริบูรณ
• เจาของเดิมโอนทรัพยสิทธินั้นไปใหแกบุคคลภายนอกไปโดยทางทะเบียนโดยบริบูรณแลว – อาจใชมาตรา 1300 ฟองศาลเพ่ือใหศาลมีคําพิพากษาใหเพิกถอนการจดทะเบียนโอนนั้น
■ หลักเกณฑในการฟองพิสูจนเพ่ือใหศาลมีคําพิพากษาใหเพิกถอนการจดทะเบียน
1. เปนบุคคลผูอยูในฐานะอันจะใหจดทะเบียนสิทธิไดกอน
2. การจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นทําใหผูฟองเสียเปรียบ
3. การจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นทําโดยไมสุจริตหรือโดยไมเสียคาตอบแทน
■ บุคคลผูอยูในฐานะอันจะใหจดทะเบียนสิทธิไดกอน
1. ผูท่ีไดทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยตามมาตรา 1299 วรรคสอง เปนการไดทรัพยสิทธิไปโดยอํานาจแหงกฎหมายแลว สามารถนําสิทธิไปจดทะเบียนไดทันที
2. ผูท่ีไดทํานิติกรรมซึ่งมีวัตถุประสงคโอนทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยและไดดําเนินคดีทางศาลจนมีคําพิพากษาใหตนเองไดทรัพยสิทธิแลว หากแตยังมิไดดําเนินการไปจดทะเบียน
3. ผูซื้อทรัพยจากการขายทอดตลาดตามคําสั่งศาล
4. เจาของกรรมสิทธ์ิรวมซึ่งไมปรากฏชื่อตนเองในทะเบียน 9.3.2 การเรียกใหเพิกถอนทะเบียนไดตามมาตรา 1300 แตกตางจากการเพิกถอนการฉอฉลตามมาตรา 237 มาตรา 1300 ถาไดจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพยหรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยเปนทางเสียบเปรียบแกบุคคลผูอยูในฐานะอันจะใหจดทะเบียนสิทธิของตนไดอยูกอนไซร ทานวาบุคคลนั้นอาจ เรียกใหเพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได แตการโอนอันมีคาตอบแทน ซึ่งผูรับโอนกระทําการโดยสุจริตนั้น ไมวากรณีจะเปนประการใด ทานวาจะเรียกใหเพิกถอนทะเบียนไมได มาตรา 237 เจาหนี้ชอบที่จะรองขอใหศาลเพิกถอนเสียไดซึ่งนิติกรรมใด ๆ อันลูกหนี้ไดกระทําลงท้ังรูอยูวาจะเปนทางใหเจาหนี้เสียเปรียบ แตความขอนี้ทานมิใหใชบังคับ ถาปรากฏวาในขณะที่ทํานิติกรรมนั้น บุคคลซึ่งเปนผูไดลาภงอกแตการนั้นมิไดรูเทาถึงขอความจริงอันเปนทางใหเจาหนี้ตองเสียเปรียบนั้นดวย แตหากกรณีเปนการทําใหโดยเสนหาทานวาเพียงแตลูกหนี้เปนผูรูฝายเดียวเทานั้นก็พอแลวที่จะขอเพิกถอนได บทบัญญัติดังกลาวมาในวรรคกอนนี้ ทานมิใหใชบังคับแกนิติกรรมใดอันมิไดมีวัตถุเปนสิทธิในทรัพยสิน ■ มาตรา 1300 เปนกรณีบุคคลใชสิทธิฟองศาลเพ่ือขอใหเพิกถอนการจดทะเบียนทรัพยสิทธิเปนที่เสียเปรียบผูอยูในฐานะอันจะใหจดทะเบียนสิทธิไดกอน ■ มาตรา 237 เปนกรณีเจาหนี้ฟองขอใหเพิกถอนนิติกรรมที่ทําใหเจาหนี้ท้ังหลายเสียเปรียบ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
70
■ ความแตกตางระหวางสองมาตรา กลาวคือ
เพิกถอนการจดทะเบียนตามมาตรา 1300 เพิกถอนการฉอฉลตามมาตรา 237 ผูขอใหเพิกถอนไมจําเปนตองเปนเจาหนี้ หมายความวาจะเปนเจาหนี้อยูแลวระหวางกัน หรือมิไดเกี่ยวของทางหนีร้ะหวางกันเลยก็รองขอได หากเปนผูอยูในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิไดกอน
เฉพาะผูเปนเจาหนีใ้นสิทธิเรียกรองเทานั้นใชสิทธิรองขอได
เปนเรื่องชิงตัดหนาไปจดทะเบียนทรัพยสิทธิกอน ผูใดจะรูเรื่องวาผูขอเพิกถอนเสียเปรียบหรอืไม ไมเปนขอสําคญั
เปนเรื่องลูกหนี้เอาเปรียบเจาหนี้ เจาหนี้จึงตองอางวาลูกหนี้ทํานิติกรรมโดยรูวาทําใหเจาหนี้เสียเปรียบ
เปนเรื่องเพิกถอนการจดทะเบียนทรพัยสิทธิ เปนเรื่องของบุคคลสิทธิหรือหนี้หรือสิทธิเรียกรองทางหนี้ เปนเรื่องจดทะเบียนอสังหาริมทรัพยหรือจดทะเบียนทรพัยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
อาจจะเปนนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยได
9.4 การเปลี่ยนแปลง การระงับ และการกลับคืนมาซึ่งทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยที่มีกฎหมายกําหนดใหมีทะเบียน 9.4.1 การเปลี่ยนแปลงซึ่งทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย มาตรา 1301 บทบัญญัติแหงสองมาตรากอนนี้ ทานใหใชบังคับถึงการเปลี่ยนแปลง ระงับ และกลับคืนมาแหงทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นดวยโดยอนุโลม ■ การเปลี่ยนแปลง คือ การท่ีทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตฯ แตตองไมถึงกับทําใหทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นสิ้นสุดลง 9.4.2 การระงับซึ่งทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย ■ การระงับ คือ การที่ทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยนั้นสิ้นสุดลง เชน การไถถอน การจํานอง การตกลงระงับภาระจํายอม 9.4.3 การกลับคืนมาซึ่งทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย ■ การกลับคืน หมายถึง การที่ทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยของบุคคลหนึ่งตองโอนไปอยูกับอีกบุคคลหนึ่งเปนการชั่วคราว แลวภายหลังจึงกลับมาเปนเจาของเดิมอีก โดยมากมักจะเปนกรณีของนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับหลัง 9.4.4 การนําบทบัญญัติมาตรา 1299 1300 และมาตรา 1301 ไปใชกับสังหาริมทรัพยท่ีกฎหมายกําหนดใหมีทะเบียน มาตรา 1302 บทบัญญัติแหงสามมาตรากอนนี้ ทานใหใชบังคับถึงเรือกําปนหรือเรือมีระวางตั้งแต หกตันขึ้นไป เรือกลไฟหรือเรือยนตมีระวางตั้งแตหาตันขึ้นไป ท้ังแพและสัตวพาหนะดวยโดยอนุโลม ■ สังหาริมทรัพยท่ีคนทั่วไปเรียกกันวา “มีทะเบียน” เชน ทะเบียนปน ทะเบียนรถยนต ซึ่งเขาใจกันวาเปนทรัพยท่ีกฎหมายบังคับใหตองมีทะเบียนการไดมาหรือทะเบียนซึ่งแสดงออกถึงการทรงทรัพยสิทธิ เปนความเขาใจท่ีไมถูกตองและกอใหเกิดความเขาใจผิดในการทํานิติกรรมการไดมา แมกฎหมายจะบังคับวาทรัพยเหลานี้ตองมีทะเบียน ก็เปนแตเพียงทะเบียนที่ทางราชการกําหนดไวเพ่ือประโยชนและความสะดวกตอการควบคุมเทานั้น
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
71
■ คําวา “แพ” นั้นหมายถึง แพท่ีคนใชเปนที่อยูอาศัยเทานั้น ตามตนราง มาจากคําวา Floating House แพอ่ืนๆ ท่ีใชลอยน้ําเพ่ือการทองเท่ียวหรือขนสง ไมไดอยูในบังคับนี้ ■ ทะเบียนเปดเผยของแพ คือ ทะเบียนหมายเลขที่บาน ซึ่งตามกฎหมายกําหนดใหนายอําเภอเปนผูท่ีมีอํานาจในการเปนนายทะเบียนจดทะเบียนการไดมา การเปลี่ยนแปลง การระงับ หรือการกลับคืนมาของเรือนแพ ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองทองท่ี 2457 ■ “สัตวพาหนะ” หมายความถึง สัตวท่ีใชในการลากขนเข็นเครื่องมือในการขนสง ไดแก สัตวจําพวก ชาง มา วัว ความ ลา และลอเทานั้น ■ ทะเบียนเปดเผยของสัตวพาหนะคือ ตัวพิมพรูปสัตว โดยมีอําเภอเปนหนวยงานที่ทําหนาท่ีในการจัดทําและรับจดทะเบียนสัตวพาหนะ
เม่ือครบกําหนดเวลา ดังนี ้1. อายุสัตว ชาง เม่ืออายุยางเขาปท่ี 8 สัตวอ่ืนนอกจากโคตัวเมีย เม่ือมีอายุยางเขาปท่ี 6
2. การใชงาน ตองเปนสัตวท่ีใชสําหรับขับขี่ลากเข็น หรือใชงานไดแลว
3. สัตวพาหนะท่ีมีอายุยางเขาปท่ี 6 เม่ือจะนําไปนอกราชอาณาจักร หรือโคตัวเมีย เม่ือมีอายุยางเขาปท่ี 6 เม่ือจะทําการโอนกรรมสิทธ์ิ เวนแตเปนการโอนโดยทางมรดก
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
72
10. ระบบที่ดินและที่ดินของรัฐ
10.1 ระบบที่ดิน 10.1.1 ความหมายของที่ดิน มาตรา 139 อสังหาริมทรัพย หมายความวา ท่ีดินและทรัพยอันติดอยูกับที่ดินมีลักษณะเปนการถาวรหรือประกอบเปนอันเดียวกับที่ ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพยสินอันเก่ียวกับที่ดิน หรือทรัพยอันติดอยูกับที่ดินหรือประกอบเปนอันเดียวกับที่ดินนั้นดวย ■ ท่ีดิน หมายถึง อาณาเขตบนพื้นโลก ดังนั้น อาณาเขตหนึ่งๆ จึงประกอบดวยพื้นดิน พ้ืนน้ํา เชน แมน้ํา ลําคลอง ทะเลสาบดวย ท่ีดินถือวาเปนอสังหาริมทรัพยชนิดแรกตาม ป.พ.พ.มาตรา 139 สวนพื้นดินเปนอสังหาริมทรัพยชนิดที่สามตาม ป.พ.พ.มาตรา 139 คือเปนทรัพยประกอบอันเดียวกับที่ดิน ■ แมน้ํา ลําคลอง ถือวาเปนที่ดินเหมือนกัน ตาม ป.ท่ีดินมาตรา 1 และถือวาเปนที่ดินของรัฐประเภทพลเมืองใชรวมกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(2) ■ ท่ีดินของเอกชนก็ประกอบดวยพื้นน้ําได เชน ท่ีนาที่เจาของขุดเปนคูระบายน้ํา หรือท่ีดินที่ขุดเปนสระวายน้ํา ซึ่งพ้ืนน้ําเหลานี้ก็ถือวาเปนสวนหนึ่งของอาณาเขตของเจาของที่ดินคนนั้นนั่นเอง 10.1.2 การแบงประเภทของที่ดิน ■ การแบงประเภทที่ดินของรัฐ
1. ท่ีดินที่ยังไมเปนของใคร – ท่ีดินรกรางวางเปลา หรือท่ีดินซึ่งมีผูเวนคืนหรือทอดท้ิงหรือกลับมาเปนของแผนดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
2. ท่ีดินที่ไมอาจใหเปนกรรมสิทธ์ิของผูใดไดโดยเด็ดขาด – ทรัพยนอกพาณิชย รัฐไมอาจออกโฉนดได เวนแตรัฐอาจใหสิทธิบางประการในที่ดินนั้นแกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ท่ีดินเหลานี้ ไดแก ท่ีดินของรัฐสงวนไวเพราะมี หรือเพ่ือทรัพยากรธรรมชาต ิ
3. ท่ีดินที่ไมเปนของผูใดโดยเฉพาะเจาะจงแตรัฐใหราษฎรใชประโยชนรวมกัน – ท่ีชายตลิ่ง ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ ทุงเลี้ยงสัตว หนองน้ําสาธารณะ
4. ท่ีดินที่มีเจาของแลว – ท่ีดินที่บุคคลใดไดครอบครองและใชประโยชนแลว และปฏิบัติตามกฎหมายจนไดโฉนดแสดงการมีกรรมสิทธ์ิกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ
■ ผูท่ีเปนเจาของที่ดินของรัฐ หรือผูครอบครอง เชน
• รัฐบาล ไดแก กระทรวง ทบวง กรม
• องคการศาสนา • สํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย
■ ท่ีดินหลวงแยกออกเปน
• ท่ีดินของชาติ กรมที่ดินเปนผูดูแล
• ท่ีดินของศาสนา กรมการศาสนาดูแล
• ท่ีดินของพระมหากษัตริย สํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริยหรือสํานักงานพระคลังขางที่เปนผูดูแล
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
73
• ท่ีดินของรัฐบาล (ท่ีราชพัสดุ) กรมธนารักษ กระทรวงการคลังเปนผูดูแล มาตรา 1304 สาธารณสมบัติของแผนดินนั้น รวมทรัพยสินทุกชนิดของแผนดิน ซึ่งใชเพ่ือสาธารณประโยชน หรือสงวนไวเพ่ือประโยชนรวมกัน เชน
(1) ท่ีดินรกรางวางเปลา และท่ีดินซึ่งมีผูเวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับ มาเปนของแผนดินโดยประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน
(2) ทรัพยสินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน เปนตนวา ท่ีชายตลิ่งทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ
(3) ทรัพยสินใชเพ่ือประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ เปนตนวา ปอม และโรงทหาร สํานักราชการบานเมือง เรือรบ อาวุธยุทธภัณฑ ■ การจําแนกประเภทที่ดินเพ่ือประโยชนในการอนุรักษทรัพยากรที่ดิน
1. การจําแนกประเภทที่ดินเพ่ืออนุรักษทรัพยากรปาไม 2. การจําแนกประเภทที่ดินตามสมรรถนะที่ดินของประเทศไทย
3. การแจกประเภทที่ดินโดยถือลักษณะการใชท่ีดิน ■ พ้ืนที่ปาเพ่ือการอนุรักษ ประกอบดวย
1. อุทยานแหงชาติ 2. เขตรักษาพันธสัตวปา 3. เขตหามลาสัตวปา 4. วนอุทยาน
5. ปาชายเลนอนุรักษ 6. พ้ืนที่ลุมน้ําชั้น 1
7. พ้ืนที่อนุรักษอ่ืนๆ ■ การจําแนกประเภทที่ดินตามสมรรถนะที่ดิน
1. ท่ีดินเหมาะกับการเกษตรชั้น 1 และชั้น 2 จัดเปนที่ดีท่ีสุดของประเทศ
2. ท่ีดินเหมาะกับการเกษตรชั้น 3 และชั้น 4 เปนดินที่เพาะปลูกได แตคุณภาพดินคอนขางต่ํา 3. ดินภูเขา เปนบริเวณที่ยังมีปาปกคลุมและเปนที่สูง ไมสามารถทําการเกษตรได 4. ดินทราย
5. แหลงน้ํา ■ การจําแนกประเภทที่ดินโดยถือลักษณะการใชดิน
1. ปาสงวนแหงชาติ 2. ท่ีเกษตรกรรม
3. ท่ีอยูอาศัย
4. ท่ีเปนแหลงน้ํา 5. ท่ีประเภทอื่นๆ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
74
10.2 ที่ดินของรฐั
10.2.1 ลักษณะทั่วไปของสาธารณสมบัติของแผนดินและทรัพยสินของแผนดินธรรมดา ■ ทรัพยสินของแผนดินแบงไดเปนสองจําพวก
1. ทรัพยสินที่แผนดินถือไวในฐานะความเปนอยูเสมือนบริษัทเอกชนมีทรัพยสินไวจําหนาย จายโอน ทําประโยชนหากําไรเขาทองพระคลังได ทรัพยสินของแผนดินธรรมดา
2. ทรัพยสินที่แผนดินถือไวในฐานะเปนผูแทนของราษฎรและเก็บรักษาไวใชเพ่ือประโยชนสาธารณะหรือเพ่ือประโยชนของราษฎรรวมกันโดยตรง สาธารณสมบัติของแผนดิน ทรัพยนอกพาณิชย โอนกันไมได ยกอายุความขึ้นตอสูกับแผนดินไมได
มาตรา 1305 ทรัพยสินซึ่งเปนสาธารณสมบัติของแผนดินนั้นจะโอนแกกันมิได เวนแตอาศัยอํานาจแหงบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา มาตรา 1306 ทานหามมิใหยกอายุความขึ้นเปนขอตอสูกับแผนดินในเรื่องทรัพยสินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
มาตรา 1307 ทานหามมิใหยึดทรัพยสินของแผนดิน ไมวาทรัพยสินนั้น จะเปนสาธารณสมบัติของแผนดินหรือไม ■ การเปนสาธาณสมบัติของแผนดิน ขอแรก จะตองเปนทรัพยสินของแผนดินเสียกอน ถาเปนทรัพยสินของเอกชนแลว แมมีลักษณะอาจจะเปนสาธารประโยชนเพียงใด หรือแมเจาของจะไดอนุญาตใหพลเมืองใช แตมิไดอุทิศใหแกแผนดินแลว ก็หากลายเปนสมบัติของแผนดินไม เวนแตอุทิศโดยปริยาย ■ ถามีการบอกกลาวชัดแจง อุทิศใหแผนดิน หรือยอมใหพลเมืองใช แสดงเจตนาที่จะสละสิทธ์ิอุทิศใหประโยชนเชนนั้นไดชัดแจง ทรัพยสินที่เคยเปนของเอกชนก็อาจตกเปนสาธารณสมบัติของแผนดินได ■ ทรัพยสินของแผนดินมีลักษณะดังนี้
1. อาจโอนกันได เชนเดียวกับทรัพยสินของเอกชน เชน โตะ เกาอ้ี 2. หามยึดทรัพยสินของแผนดิน เพ่ือบังคับชําระหนี้ 3. มีผูใหความเห็นวา ทรัพยสินของแผนดินธรรมดาอาจถูกครอบครองปรปกษตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ได
■ ถาเปนทรัพยสินที่เปนสาธารณสมบัติของแผนดิน จะถูกครอบครองปรปกษไมได ถาเปนทรัพยสินธรรมดาจึงอาจถูกครอบครองปกปกษได เพราะทรัพยสินเหลานี้แผนดินยึดถือไวเหมือนเอกชนธรรมดา 10.2.2 สาธาณสมบัติของแผนดินประเภทที่รกรางวางเปลา ■ ท่ีรกรางวางเปลา ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(1) จําแนกไดเปน
1. ท่ีดินรกรางวางเปลา 2. ท่ีดินซึ่งมีผูเวนคืน
3. ท่ีดินที่มีผูทอดทิ้ง 4. ท่ีดินที่กลับมาเปนของแผนดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
■ ท่ีดินรกรางวางเปลา เปนที่ดินของรัฐที่ทางราชการไมเคยออกหนังสือสําคัญใดๆ ใหแกราษฎร คือ ไมมีใบเหยียบย่ําตราจอง สค.1 ใบจอง นส.3ก หรือโฉนดที่ดิน
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
75
■ ท่ีดินซึ่งมีผูเวนคืน คือ ท่ีดินที่เอกชนจะไปเวนคืนใหแกรัฐโดยสมัครใจ ไมใชท่ีดินที่ถูกทางการบังคับเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย เม่ือท่ีดินที่เอกชนไปเวนคืนใหแกรัฐโดยสมัครใจ ทําใหท่ีดินของเอกชนรกรางวางเปลาอีกครั้งหนึ่ง ■ ท่ีดินที่มีผูทอดทิ้ง ตามป.ท่ีดิน มาตรา 6 ถาไดความวาเจาของที่ดินมีโฉนดที่ดินทอดทิ้งท่ีดินเกิน 10 ปติดตอกัน หรือมี น.ส.3 น.ส.3ก ทอดทิ้งท่ีดินเกิน 5 ปติดตอกัน ศาลจะเพิกถอนโฉนดหรือ น.ส.3 ท่ีมีการทอดทิ้ง ทําใหท่ีดินตกเปนของรัฐ 10.2.3 สาธารณสมบัติของแผนดินประเภทพลเมืองใชรวมกัน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(2)
■ สาธารณสมบัติของแผนดินประเภทพลเมืองใชรวมกัน ไดแก
1. ท่ีชายตลิ่ง 2. ท่ีชายทะเล
3. ทางน้ํา (แมน้ํา ลําคลอง คู ฯลฯ)
4. ทะเลสาบ
5. หนองน้ําสาธารณะ
6. ทุงเลี้ยงสัตวสาธารณะ
7. ปาชาสาธารณะ
8. เหมืองสาธารณะ
9. ทางหลวง ■ สาธารณสมบัติของแผนดินประเภทพลเมืองใชรวมกัน ไมจําเปนตองมีทะเบียนวาอยูท่ีใด เนื้อท่ีเทาใด เพราะการจะเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน ขึ้นอยูกับวามีราษฎรใชท่ีดินนั้นเพ่ือประโยชนรวมกันหรือไมก็พอแลว ■ ท่ีชายตลิ่ง หมายถึง ท่ีดินที่อยูติดตอกับแมน้ํา ลําคลอง หรือทะเล ซึ่งในฤดูน้ําตามปกติ น้ําทวมทุกป ท่ีชายตลิ่งไมไดหมายความวาเปนสาธารณสมบัติแผนดินเสมอไป ตองมีสภาพเปนทรัพยสินของพลเมืองใชรวมกันดวย ■ ท่ีชายตลิ่ง เม่ือตื้นเขินจนถือไดวากลายเปนแผนดิน ท่ีนั้นก็พนจากสาธารณสมบัติแผนดิน เขามาอยูในสภาพ “ท่ีงอกริมตลิ่ง” ■ ท่ีชายทะเลซึ่งอยูระหวางปาแสมและที่นา น้ําทะเลทวมถึงบางฤดู เปนที่มีโฉนดและมีบุคคลครอบครองอยูมิไดทอดทิ้ง มิใชท่ีสาธารณะ ■ ทางน้ําแมภายหลังจะตื้นเขินจนใชเปนทางเดินเรือไมสะดวก แตถาเจาพนักงานยังปกครองดูแลอยู ก็ยังเปนสาธารสมบัติแผนดินตามเดิม ■ คลองธรรมดาเปนสาธารณสมบัติแผนดินประเภทพลเมืองใชรวมกัน แตคลองชลประทานเปนสาธารณสมบัติแผนดินประเภททรัพยสินท่ีใชเพ่ือประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ ■ ทาง แบงแยกได 2 ประเภท
1. ทางมหาชน
a. ทางหลวงแท b. ทางซึ่งราษฎรอุทิศใหเปนทางสาธารณะ
2. ทางเอกชน
a. ทางจําเปน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349
b. ทางภาระจํายอม ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1299 วรรค 1 ■ ทางมหาชน ถาผูใดปดก้ันกีดขวางเปนความผิดทางอาญา ถาเปนทางเอกชน จะเปนการละเมิดในทางแพง
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
76
■ ทางหลวงตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 แบงเปน
1. ทางหลวงพิเศษ
2. ทางหลวงแผนดิน
3. ทางหลวงชนบท
4. ทางหลวงเทศบาล
5. ทางหลวงสุขาภิบาล 6. ทางหลวงสัมปทาน
10.2.4 สาธารณสมบัติของแผนดินประเภทที่ใชเพ่ือประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(3) ■ ท่ีดินราชพัสดุ คือ ท่ีดินที่เปนของรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมตางๆ โดยมีกระทรวงการคลังเปนผูถือกรรมสิทธ์ิ ■ ท่ีดินราชพัสดุเปนทรัพยสินของรัฐบาล แตรัฐบาลมิใชนิติบุคคล ไมสามารถมีกรรมสิทธ์ิหรือทํานิติกรรมใดๆ ได กระทรวงการคลังซึ่งเปนนิติบุคคลจึงตองถือกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินแทน ■ ประเภทที่ดินราชพัสดุ
1. ท่ีดินที่มีสภาพเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
2. ท่ีดินที่เปนทรัพยสินของแผนดินประเภททรัพยสินธรรมดา ■ ท่ีดินราชพัสดุ ถาเดิมเปนของเอกชน ตอมายกใหกระทรวง ทบวง กรมใด และไดกรรมสิทธ์ิเปลี่ยนมือแลว ท่ีดินนั้นก็เปนของรัฐบาลไมตองรอขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลัง ก็เปนราชพัสดุทันที ■ อํานาจจัดการที่ดินราชพัสดุ คณะกรรมการที่ราชพัสดุ ■ การถอนที่ดินราชพัสดุ ตราเปนพระราชกฤษฎีกา 10.2.5 สาธารณสมบัติของแผนดินประเภทที่สงวนหรือหวงหาม ■ การหวงหามหรือสงวนที่ดินตามกฎหมายปจจุบัน
1. สงวนและพัฒนาที่ดินเพ่ือจัดใหแกประชาชน (ป.ท่ีดิน มาตรา 20(3))
2. สงวนหรือหวงหามที่ดินของรัฐซึ่งมิไดมีบุคคลใดมีสิทธิครอบครองเพื่อใหประชาชนใชประโยชนรวมกัน (ป.ท่ีดิน มาตรา 20(4))
3. การหวงหามที่ดินไวเพ่ือใชในราชการเฉพาะ
4. การหวงหามที่ดินตามความมุงหมายเฉพาะ ท่ีภูเขาหรือเขาและปริมณฑลรองภูเขาหรือเขา 40 เมตรทุกแหง แมน้ําลําคลองทุกแหง
5. การหวงหามตามกฎหมายพิเศษ 10.2.6 การออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง ตาม ป.ท่ีดิน มาตรา 8 ตรี
หนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง โฉนดที่ดิน
ไมใชหนังสือแสดงกรรมสิทธ์ิและสิทธิครอบครอง ออกใหเพื่อแสดงแนวเขตที่ดินทางราชการ
เปนหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิ
ออกใหไดเฉพาะสาธารณสมบัติแผนดนิประเภทพลเมืองใชรวมกัน และใชเพ่ือประโยชนแผนดินโดยเฉพาะ
ออกไดในสาธารณสมบัติแผนดินประเภทใชเพ่ือประโยชนแผนดินโดยเฉพาะ
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
77
อธิบดีกรมที่ดินเปนผูออก เจาพนักงานที่ดินเปนผูออก
ใหผูดูแลรักษาเก็บไว 1 เก็บไวที่สาํนักงานที่ดินจังหวัด 1 และกรมที่ดิน 1 ใหเจาของที่ดินเก็บไว 1 เก็บไวที่สาํนักงานที่ดิน 1 ที่ดินที่มีหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงจะถูกครอบครองปรปกษไมได อาจถูกครอบครองปรปกษได จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไมได เปนทรัพยนอกพาณิชย ไมมีทางเปนของเอกชน เวนแตจะถกูถอนสภาพใหกลบัมาเปนที่รกรางวางเปลา
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมกับเจาพนักงานที่ดินได
10.2.7 การถอนสภาพสาธารณสมบัติของแผนดิน ■ การถอนสภาพสาธารณสมบัติของแผนดินประเภทพลเมืองใชรวมกัน
• ถาทบวงการเมืองหรือรัฐวิสาหกิจ จัดหาที่ดินอ่ืนใหพลเมืองใชรวมกันแทนของเดิม การถอนที่ดินเดิมใหกระทําโดยพระราชบัญญัติ ใหกลับมาเปนที่รกรางวางเปลา
• ถาพลเมืองเลิกใชประโยชน การถอนสภาพที่ดินเพ่ือใหเปนที่รกรางวางเปลา ตองกระทําโดยพระราชกฤษฎีกา • ท่ีดินพลเมืองใชรวมกันและเปลี่ยนสภาพไป ถากฎหมายบัญญัติใหตกเปนกรรมสิทธ์ิบุคคลอื่น ก็ใหเปนไปตาม
กฎหมายนั้น ไมตองออกพระราชกฤษฎีกา ■ การถอนสภาพสาธารณสมบัติแผนดินประเภทใชเพ่ือประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ ท่ีดินที่ไดหวงหาม หรือท่ีดินที่ไดสงวนไวตามความตองการของทบวงการเมือง ■ ท่ีดินที่อาจจะถูกถอนสภาพ
1. ท่ีดินที่ใชเพ่ือประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(3)
2. ท่ีดินที่ไดหวงหามไว a. หวงหามไวตามกฎหมายเกา b. หวงหามไวตาม พ.ร.บ.วาดวยการหวงหามที่ดินรกรางวางเปลา พ.ศ.2478
c. หวงหามที่ดินโดยพระราชกฤษฎีกาเปนการเฉพาะราย
3. ท่ีดินที่ไดสงวนไวตามความตองการของทบวงการเมือง ■ ถาทบวงการเมืองเลิกใชหรือไมตองการ ก็ใหทําการถอนสภาพโดยพระราชกฤษฎีกา ใหอํานาจคณะรัฐมนตรีท่ีจะใหทบวงการเมืองอ่ืนมีหนาท่ีเปนผูใชก็ได ■ ถาจะโอนที่ดินที่ถอนสภาพแลวใหเอกชน ใหกระทําเปนพระราชบัญญัติ ■ ถาจะนําท่ีดินที่ถอนสภาพแลวนําไปจัดเพ่ือประชาชนตาม ป.ท่ีดินหรือกฎหมายอื่น ใหกระทําโดยพระราชกฤษฎีกา
10.3 ที่ดินของศาสนาและพระมหากษัตริย
10.3.1 ท่ีดินของวัดวาอารามในพุทธศาสนา ■ วัด ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ พ.ศ.2505 มี 2 อยางคือ
1. วัดที่ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมา 2. สํานักสงฆ
■ วัดที่ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมา
• สราง หรือปฏิสังขรณขึ้นเปนหลักฐานถาวร
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
78
• มีพระภิกษุพํานักไมนอยกวา 5 รูปติดตอกันไมนอยกวา 5 ป แตระยะ 5 ป มิใหใชบังคับแกวัดที่สรางอุโบสถเสร็จเรียบรอยแลว
• ไดรับความเห็นชอบจากเจาคณะตําบล เจาคณะอําเภอ เจาคณะจังหวัด กรมการศาสนา สมเด็จพระสังฆราช กระทรวงศึกษาธิการ
■ สํานักสงฆ เหมือนกันวัดทุกอยาง แตไมมีโบสถ และยังไมไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ■ วัดตอไปนี้ ดูแลโดยสํานักพระคลังขางที่ โดยมีสํานักพระราชวังเปนผูมีอํานาจทํานิติกรรมตางๆ
1. วัดบวรนิเวศวรวิหาร
2. วัดรังษีเดิม (รวมอยูในวัดบวรนิเวศ)
3. วัดราชประดิษฐ 4. วัดราชบพิตร
5. วัดเทพศิริทราวาส
6. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
7. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
8. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ■ ท่ีดินของวัดวาอาราม ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ มาตรา 33
1. ท่ีวัด ไดแก ท่ีดินซึ่งตั้งวัด
2. ท่ีธรณีสงฆ คือ ท่ีดินที่ตกเปนสมบัติของวัด เปนที่ทําประโยชน 3. ท่ีกัลปนา คือ ท่ีดินที่เก็บผลประโยชนใหแกวัด แตะกรรมสิทธ์ิในที่ดินผูถือยังสงวนไวเปนของตน
■ การไดมาซึ่งท่ีดินของวัดวาอาราม
1. ผูอุทิศถวายที่ดินใหวัด อาจทําสัญญาให หรือทําเปนพินัยกรรม
2. วัดอาจไดมาโดยทางนิติกรรม
3. โดยการครอบครองปรปกษ ■ ธรณีสงฆ จะมีไดไมเกิน 50 ไร อาจไดมาเกิน 50 ไรได เม่ือรัฐมนตรีมหาดไทยเห็นสมควรและอนุมัติ ■ สิทธิพิเศษของที่ดินของวัดวาอาราม
• ยกอายุความเพื่ออางสิทธิครอบครองปรปกษและท่ีธรณีสงฆไมได แตอางไดในที่กัลปนาได • ยึดขายทอดตลาดเพื่อชําระหนี้ไมได เพราะไมอยูในความรับผิดชอบแหงการบังคับคดี แตท่ีกัลปนาอาจถูกยึดไปขาย
ทอดตลาดได ■ การโอนที่ดินของวัด ใหกระทําโดยพระราชบัญญัติ ■ วัดราง แมจะยุบเลิกไปแลว ก็ไมทําใหท่ีดินของวัดพนจากสภาพอันเปนที่วัดและธรณีสงฆ แมพลั้งเผลอออกโฉนดไปแลว เอกชนก็หาไดมีกรรมสิทธ์ิในที่นั้นไม ■ การจัดหาผลประโยชนในที่ดินของวัด
• การไดทรัพยสินเปนศาสนสมบัติ ใหลงทะเบียนทรัพยสิน เม่ือตองจําหนาย ตองระบุเหตุแหงการจําหนาย
• การกันที่ดินของวัดใหเปนที่จัดประโยชน กระทําไดเม่ือไดรับความเห็นชอบจากกรมการศาสนา และไดรับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
79
• การใหเชาท่ีดิน ใหไวยาวัจกรทําทะเบียนทรัพยสิน ทะเบียนผูเชา • การใหเชาท่ีธรณีสงฆ ท่ีกัลปนา หรือท่ีวัด ท่ีกันไวเปนที่จัดประโยชนเกิน 3 ป จะกระทําเมื่อไดรับความเห็นชอบจาก
กรมการศาสนา 10.3.2 ท่ีดินของวัดในศาสนาคริสตในประเทศไทย ■ มิซซังคาทอลิกเปนวัดในศาสนาคริสต ถือวาเปนนิติบุคคล ตางกับวัดบาดหลวงโรมันคาทอลิก ไมมีกฎหมายใหอํานาจเปนนิติบุคคล มิซซังคาทอลิกมีอํานาจถือท่ีดินได แตถือแทนบุคคลอื่นไมได ■ ท่ีดินของมัซซัง แบงเปน
1. ท่ีดินใชเปนวัด โรงเรือน ตึกราม วัดบาดหลวง a. สถานวัดบาดหลวง – ท่ีวัด ปาชา ท่ีอยูบาดหลวง โรงเรียกเด็กผูชายหรือหญิง ฯลฯ
b. สถานพักสอนศาสนา – โรงสวด ท่ีพักบาดหลวงเวลาไปตรวจสถานพัก โรงเรียนศาสนา โรงทํากุศล
2. ท่ีดินเพ่ือทําประโยชนใหแกมิซซัง 10.3.3 ท่ีดินของมัสยิดอิสลาม ■ มัสยิดอิสลามเปนนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.มัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 ■ วิธีการไดมาซึ่งท่ีดินของมัสยิดอิสลาม
1. โดยทางนิติกรรม
2. โดยเขาไปครอบครองปรปกษ 3. ไดมาตามบทบัญญัติแหงศาสนาอิสลาม
■ การถือสิทธิในที่ดิน
• การไดมาซึ่งท่ีดิน ตองไดรับอนุญาตจากรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
• ไดมาไมเกิน 50 ไร แตอาจไดเกิน 50 ไรได ถา i. รัฐมนตรีมหาดไทยเห็นสมควร
ii. มีท่ีดินเกิน 50 ไรอยูแลว กอนประมวลกฎหมายที่ดินประกาศ 1 ธ.ค.2497
iii. ตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม ในจังหวัดที่มีดะโตะยุติธรรม ไดแก ยะลา ปตตานี นราธิวาส และสตูล
10.3.4 ท่ีดินของศาลเจา ■ ศาลเจา หมายความวา สถานที่กอสรางขึ้นเปนทรวดทรงสําหรับประดิษฐานรูปเคารพและกระทําพิธีกรรมตามลัทธิของคนบางจําพวก และใหหมายความรวมถึงสถานท่ีถาวรซึ่งสรางขึ้นประกอบกับศาลเจาดวย ■ ท่ีศาลเจา หมายความถึง ท่ีดินที่ศาลเจาตั้งอยู และหมายความตลอดเขตบริเวณที่ดินของศาลเจาดวย ■ ศาลเจาตั้งอยูบนที่ดิน 2 ชนิด คือ
1. ศาลเจาท่ีตั้งอยูในที่ดินของเอกชน
2. ศาลเจาท่ีตั้งอยูในที่ดินของรัฐบาล ■ ศาลเจาตั้งในที่ดินของรัฐบาลหรือเอกชนอุทิศใหรัฐบาล จะยกอายุความครอบครอบปรปกษไมได
กฎหมายวาดวยทรัพยสิน ___________________________________________________________________________________________________
Update 2008-04-20 ดร.นิตินัย ขํามาลัย
80
■ ศาลเจาตั้งในที่ดินของเอกชน และมิไดอุทิศใหรัฐบาล ครอบครองปรปกษได ■ ถาศาลเจาตั้งในที่รัฐบาล หรือท่ีเอกชน แตอุทิศใหศาลเจาเปนสิทธิเด็ดขาด ถายังไมมีหนังสือสําคัญอะไร รัฐบาลจะออกโฉนดที่ดินได 10.3.5 ท่ีดินของพระมหากษัตริย ■ ทรัพยสินที่พระมหากษัตริยทรงถือ จําแนกไดเปน 2 ประการคือ
1. ทรัพยสินที่มีไวใชจายในราชการของแผนดินทั่วไป – กระทรวงพระคลังมหาสมบัติและสวนราชการตางๆ 2. ทรัพยสินซึ่งมีไวเพ่ือใชจายในราชการสวนพระองคโดยเฉพาะ – พระคลังขางที่
■ ทรัพยสินสวนพระองค หมายความวา ทรัพยสินที่เปนของพระมหากษัตริยอยูแลวกอนเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ หรือทรัพยสินที่รัฐบาลทูลเกลาถวาย หรือทรัพยสินที่ทรงไดมาไมวาในทางใดใดและเวลาใด นอกจากที่ทรงไดมาในฐานะทรงเปนพระมหากษัตริย ท้ังนี้รวมดอกผลที่เกิดดวย ■ ทรัพยสินสวนสาธารณสมบัติของแผนดิน หมายความวา ทรัพยสินในพระมหากษัตริยซึ่งใชเพ่ือประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ เปนตนวา พระราชวัง ซึ่งสํานักพระราชวังเปนผูดูแลรักษา ■ ทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย หมายความวา ทรัพยสินในพระมหากษัตริย นอกจากทรัพยสินสวนพระองคปละทรัพยสินสวนสาธารณสมบัติของแผนดินดังกลาว ■ ทรัพยสินสวนพระองค ไดแก
1. ทรัพยสินของพระมหากษัตริยท่ีทรงมีอยูกอนแลว
2. ทรัพยท่ีตกมาเปนของพระมหากษัตริยเม่ือครองราชสมบัติแลว
3. ทรัพยท่ีไดมาโดยซื้อจากเงินสวนพระองค ■ ทรัพยสินสวนพระมหากษัตริยท่ีเปนเครื่องอุปโภคบริโภค อยูในความดูแลของสํานักพระราชวัง สวนทรัพยสินประเภทอื่น เชน ท่ีดินตางๆ อยูในความดูแลของสํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย ■ สิทธิพิเศษของที่ดินของพระมหากษัตริย
1. การยกเวนภาษีอากร
2. ทรัพยสินของพระมหากษัตริยท้ัง 3 ประเภท โดยเฉพาะที่ดิน บุคคลธรรมดาจะเขามาถือสิทธิโดยอางการครอบครองปรปกษ หรือแยงการครอบครองไมได
■ การโอนที่ดินทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย
1. โอนก็ไดแตเฉพาะเพ่ือประโยชนแกทรัพยสินสวนพระมหากษัตริยนั้นเอง และโดยไดรับพระบรมราชานุญาต
2. โอนไดเพ่ือสาธารณประโยชน โดยมีบทกฎหมายใหโอนหรือจําหนายได