522
"เกาทัณฑเปนหนุมอัตตาสูงที่เริ่มเบื่อความสมบูรณแบบ แพตรีเปนสาวนอยที่คอยรักแทจากอดีตชาติ เรือนแกวเปนสาวไฟแรงที่สับสนกับความตองการของตนเอง แตละคนมีความทุกขเพิ่มขึ้นอีกหลังจากโคจรมาพบกัน" ทางนฤพาน ดังตฤณ

บทที่ ๑ รักแรกพบ · บทที่๑. ... บทที่๒๘.วังวน ... อยกว านี้หากเขาจะร ู ตั ามววีปมป

  • Upload
    others

  • View
    5

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

  • "เกาทัณฑเปนหนุมอัตตาสูงที่เร่ิมเบื่อความสมบูรณแบบ แพตรีเปนสาวนอยที่คอยรักแทจากอดีตชาติ

    เรือนแกวเปนสาวไฟแรงที่สับสนกับความตองการของตนเอง แตละคนมีความทุกขเพิ่มขึน้อีกหลังจากโคจรมาพบกัน"

    ทางนฤพาน

    ดังตฤณ

  • สารบัญ

    สารบัญ ...................................................................................................................................................... ๒ บทที่ ๑. รักแรกพบ ..................................................................................................................................... ๓ บทที่ ๒. เอกาปติ ....................................................................................................................................... ๑๗ บทที่ ๓. คูบุญ ............................................................................................................................................ ๒๒ บทที่ ๔. อกหัก .......................................................................................................................................... ๓๓ บทที่ ๕. เขาสมาธิ ...................................................................................................................................... ๔๗ บทที่ ๖. จอมศิลปน .................................................................................................................................... ๖๓ บทที่ ๗. อุปจารสมาธิ ................................................................................................................................ ๗๕ บทที่ ๘. ฝนหวาน ...................................................................................................................................... ๘๕ บทที่ ๙. ตามฝน .......................................................................................................................................... ๙๖ บทที่ ๑๐. ผูวิเศษ ....................................................................................................................................... ๑๐๗ บทที่ ๑๑. อดีตชาติ .................................................................................................................................... ๑๒๒ บทที่ ๑๒. พุทธภูมิ .................................................................................................................................... ๑๓๕ บทที่ ๑๓. เจาชูยักษ ................................................................................................................................... ๑๕๓ บทที่ ๑๔. รวมทาง .................................................................................................................................... ๑๖๖ บทที่ ๑๕. กราบพระ ................................................................................................................................. ๑๘๑ บทที่ ๑๖. ฝนราย ....................................................................................................................................... ๑๙๕ บทที่ ๑๗. สาวเกง ...................................................................................................................................... ๒๑๑ บทที่ ๑๘. เจาเสนห .................................................................................................................................... ๒๒๙ บทที่ ๑๙. ใจแกวง ...................................................................................................................................... ๒๕๐ บทที่ ๒๐. กรรม ......................................................................................................................................... ๒๖๘ บทที่ ๒๑. สะกดจิต .................................................................................................................................... ๒๘๖ บทที่ ๒๒. คราวเคราะห ............................................................................................................................. ๓๐๓ บทที่ ๒๓. ใจสลาย ..................................................................................................................................... ๓๒๖ บทที่ ๒๔. งานศพ ...................................................................................................................................... ๓๔๗ บทที่ ๒๕. นางฟา ...................................................................................................................................... ๓๗๒ บทที่ ๒๖. ธรรมาภิสมัย .............................................................................................................................. ๔๐๑ บทที่ ๒๗. ประกวดภาพ ............................................................................................................................. ๔๒๐ บทที่ ๒๘.วังวน .......................................................................................................................................... ๔๖๕ บทที่ ๒๙. สิ้นโศก ...................................................................................................................................... ๕๐๙

  • บทท่ี ๑ รักแรกพบ

    มันเกิดขึ้นอีกแลว...

    เกาทัณฑเห็นตนเองขับรถคูใจไปบนถนนยาวเหยียด ไมรูทางกลับบาน ไมทราบจุดหมายปลายทาง เขารูสึกเดียวดายเหมือนถูกนํามาปลอยทิ้งไวในอีกมิติหนึ่งเพียงลําพัง เบื้องหนาเปนทองฟาที่ดูคับแคบ หมนมืดนาอึดอัด ชวนใหจิตใจหดหูวังเวงอยางยากจะบรรยาย

    นี่ตองไมใชโลกใบเกาแน ๆ

    สะกิดใจดวยความเคยคุนที่ฝกถามตนเองบอย ๆ ขณะตื่น วากําลังฝนอยูหรือเปลา ชายหนุมรีบยกฝามือขางขวาขึ้นดู เพงพินิจลายมืออยางตั้งใจ ทีแรกปรากฏเปนเสนสายยุงเหยิงดไูมคุนตา จากนั้นเมื่อเวลาผานไปอึดใจหนึ่ง เสนลายมือก็เร่ิมโยเย ขาดความชดัเจน จึงรูตัวในบัดนั้นวาตนกําลังตกอยูในหวงฝน และเปนฝนอันไมพึงปรารถนาเสียดวย

    พอรูตัว เกิดสติทราบชัดวากําลังหลับ กําลังอยูในโลกที่ถูกจิตสรางขึ้น เกาทัณฑก็ตระหนักวาตนสามารถบงการทุกสิ่งใหเปนไปดังใจ เขากําหนดใหสภาพของรถเปลี่ยนเปนอื่น ดวยเคล็ดคือปดตาลงนึกถึงสภาพภายในหองโดยสารเครื่องบินเล็ก แลวลืมตาขึ้น

    เปนไปตามตองการ พวงมาลัยรถเปลี่ยนเปนคันบังคับเครือ่งบินเล็ก

    นักบินในโลกความฝนดึงคันบังคับขึน้เพื่อใหเคร่ืองเชิดหัวทะยานสูทองฟา หลบหนีจากทางรางวังเวงนาทรมานไปเสีย เขาพยายามสังเกตรายละเอียดของเครื่องบิน เชนเหลียวไปนอกหนาตาง ดูปกขวาที่ยื่นยาวออกไป โดยกําหนดมองไมนานนัก เพราะทราบวาถามองสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ ภาพจะเปลี่ยนเปนอื่นตามธรรมชาติของผูเร่ิมฝกสติขณะฝน

    ปรับระดับการบินคงที่ ชะโงกหนากมลงมองต่ําผานกระจกหนาตาง บัดนี้เขาลอยตัวขึ้นมาอยูสูงเหนือพื้นดินลิบลับ เบื้องลางคือความเวิ้งวางของผืนดินสีน้ําตาล บอกตนเองวานี่มันแดนสนธยาชัด ๆ นกึดีใจที่หนีมาเสียได

    ขยับตัวมองตรง ความกดอากาศขนหนักจนอึดอัด ทําไมความอึดอัดยังตามขึน้มาอีก ลอยตัวสูงขนาดนี้ อากาศนาจะสดชื่นไดแลว เกาทัณฑขมวดคิ้วเครง จิตประหวัดถึงความจริงที่ตนบังคับเครื่องบินเล็กไมเปน เคยแตนั่งโดยสาร จะหาจุดหมายปลายทางมาแตไหน

    จะเดินทางกลับบานไดอยางไร ถาในหัวเต็มไปดวยความไมรู

    หลงอีกแลว คราวนี้ยิ่งเควงควางเขาไปใหญ เพราะทุกทิศทุกทางคืออากาศวางเปลา บังเกิดความกลัวขึ้นมาขณะหนึ่ง หากความฝนคือการหลงติดอยูกับความคับแคบ เขาก็อยากออกจากฝนเสียโดยพลัน

    มีอาการควานหาทาง ซึ่งคร้ังนี้มิใชทิศทางพุงไปของเครื่องบิน ทวาฉลาดขึ้นมาหนอย คือหาทางออกจากฝน...

    ขณะคอย ๆ รูสึกตัวต่ืนขึ้น เกาทัณฑหายใจถี่เหมือนคนออกแรงไปมาก เขาตองปรับสติเปนครู กวาจะแนใจวาหลุดออกมาจากกรงแหงความฝนแลว

  • รอจนอาการทางกายสงบเปนปกติ ชายหนุมจึงลืมตามองเพดานหอง ถอนหายใจเฮือกใหญ แทบจะคืนเวนคืนในชวงหลังที่เขาตองทรมานกับฝนประหลาด ฝนวาหลงทาง ขี่จักรยานเสอืหมอบไปตามทุงรางบาง เดินเทาเปลาไปตามถนนในเมืองที่ปราศจากผูคนบาง มาคืนนี้ขับรถไปในแดนสนธยา ยิ่งรายกวาทุกคืนตรงที่แมเกิดสติ พยายามหนีขึ้นฟาแลวก็ยังหลงอยูนั่น

    แตละปมีคนเปนโรคประสาทเพราะฝนรายกันมาก ทางจิตวิทยายืนยันวาถาคนเราฝนผิดปกติรบกวนจิตใจซ้ํา ๆ ตองเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง จะปมในอดีตหรือเร่ืองคาใจในปจจุบันก็ตาม

    คงนากังวลนอยกวานี้ หากเขาจะรูตัววามีปมปญหาอยูจริง แตนี่จะใหสืบเคาจากไหน ในเมื่อเขาเกิดมาทามกลางความพรั่งพรอม กับทั้งกําลังอยูทามกลางความมั่งคั่งและมั่นคง อัตราสวนของรายรับกับรายจายผิดกันแทบเปนสิบตอหนึ่ง รถมีใหขับ หองหับมีใหอยูเปนของตนเอง ทุกอยางไดมาจากน้ําพักน้ําแรงในทางอันชอบดวยกฎหมายและศีลธรรมทั้งสิ้น ที่จะตองหวาดระแวงสักนอยวาตํารวจมาจับหรือศัตรูมาลางนั้น ไมมีเลย

    แรงผลักดันในชีวิตโดยรวมคือความเปนหมายเลขหนึ่ง นับแตวัยเรียนที่ผลสอบเปนเกรดเอรวด หรือคะแนนเต็มคนเดียวในวิชายาก มาจนถึงวยัทํางานที่ความรูความสามารถโดดเดน การงานลุลวงและดีเลิศ รวยโดยไมตองโกง มีความสุขโดยไมตองเบียดเบยีนคนอื่น แถมรูจักวิถีทางชีวิตของตนเอง วางแผนไวลวงหนาเลยวาจะเอาอะไรเมื่ออายุเทาไหร

    แตทําไมสวนลึกยังรูสึกวาหลงทาง โดยเฉพาะเมื่อมาถงึขดีความมั่นคงในชีวติอยางที่สุดแลวนี้?

    เกิดความกลุมจนเมือ่หลายวันกอนตองยอมเสียคาโทรศัพททางไกลตางประเทศ เพื่อปรึกษากับเพื่อนรุนพี่ที่เปนจิตแพทย แตฝายนั้นคงไมอยากเสียเวลาอันมคีาฟรี ๆ เพื่อลวงตับไตไสพุงของเขาเอาไปวิเคราะหเทาไหร ฟงแลวจึงใหคําแนะนํามางาย ๆ คือลองฝก ‘รูตัว’ ขึ้นมาในฝน ดวยเคล็ดคือถามตนเองบอย ๆ ระหวางวัน วากําลังฝนหรือต่ืน พอถามตัวเองทีก็ยกมือดูลายมือเสียที วาชัดหรือจาง หากชัดก็บอกไดวากําลังตื่น หากจาง และเสนสายเปลี่ยนแปลง ก็แสดงวาเปนฝน ใหกําหนดไวลวงหนาวาจะทําอะไรในจังหวะที่รูตัวแลวนั้น

    ฝร่ังมังคาวิจัยและบนัทึกผลเกี่ยวกับความรูตัวชัดในฝน หรือที่เรียกเปนศัพทเฉพาะวา Lucid Dreaming มาเนิ่นนาน เปนที่รูจักและปฏิบัติไดผลกันอยางกวางขวางพอควร มีเร่ืองบันทึกเลาขานมากมาย พอสรุปไดวาจะเอาอะไร แกปมเครียดชนิดใด หรืออยากสนุกสุดเดชแคไหน ลวนเปนไปไดทั้งสิ้น ขอเพียงสั่งสมทักษะในการควบคุมฝนไวอยูมือ

    เขาทําตามคําแนะนาํอยางดิบดี โดยมากกําหนดไวคือเมื่อไหรรูตัววาฝนหลง จะหลบทางรางเสียดวยการเหาะหนี ซึ่งก็สําเร็จอยูหรอก ปลูกเชื้อจิตสํานึกขณะตื่นไวจนสามารถติดตามมาเชื่อมติดกับจิตขณะฝนได อีกทั้งกําหนดใหตนพนจากพื้นแลว แตพอลองฟาก็ยังหลงอยูดี แบบที่เขาเรียกหนีเสือปะจรเขอยางไรอยางนั้น

    สายหนาดิก ถาฝนแคหนสองหนก็ชางเถิด แตซ้ําไปซ้ํามาแบบนี้ ต่ืนขึ้นมาแลวถามตัวเองวาลืมอะไร หลงอยางไรเขาบาง ระยะยาวคงบั่นทอนสขุภาพจิตจนหมดความสุขในชีวิตเอาทีเดยีว

    เอ...หรือวานาจะไปเปดหัวใหไกล ๆ เดินทางแบบสุดเหนือสุดใตประชดฝนเสียเลย

    ทีแรกแคคิดแบบวูบวาบเรื่อยเปอย แตพอเวลาผานไปนิดหนึ่ง ก็เกิดความรูสึกจริงจังตึงตังขึ้นมา โปรเจ็กตขนาดกลางซึ่งเขารับผิดชอบเพิ่งเรียบรอยไปเมื่อวาน นาจะใหนี่เปนคร้ังแรกในรอบหลายป ที่ไดหยุดเฉยสักสองสามวัน ทองเที่ยวไปตามตางจังหวัดใหสบายใจ

    แวบหนึ่งคิดอยากชวนเพื่อนตามประสาคนชอบเฮฮากับหมู แตใครจะไปตกคางอางแรมกับเขาได ในเมื่อพรุงนี้เปนวันทํางาน

  • ลังเลอยูเพียงคร่ึงนาทีก็ตัดสินใจเด็ดขาดวาฉายเดี่ยวดูสักครั้ง นี่จะเปนหนแรกอยางแทจริง ที่คิดแลนไกลตามลําพัง ไมมีเสียงเจี๊ยวจาวของสาวสวยและเสียงเอะอะโวยวายของเพือ่นขี้เมารอบรายพะรุงพะรัง

    นึกวาดภาพการทองเที่ยวอันโดดเดีย่วเดียวดายแลว ก็รูสึกขึ้นมาขณะจิตหนึ่งวา เออ...สบายดี ไดลองพูดนอย ๆ เห็นผูคนนอย ๆ จะไปไหนทีไมตองพะวงถามไถความเห็นชอบจากใคร ชางเปนประสบการณสดใหมอยางประหลาด ราวกับกําลังจะออกผจญภัยคร้ังแรกในโลกกวางที่ไมเคยรูจักฉะนั้น

    สวนลึกแลวเห็นวานี่นาจะแกเคล็ดฝนหลงได เขาแนใจวาตนเองไปไกลทั่วไทยโดยไมหลง ทั้งสติปญญา ทั้งกําลังกาย กําลังทรัพยพรอมพรักออกอยางนี ้หากบองตื้นขนาดขับรถไปหลงที่ไหนก็ไมตองกลับเขาเมืองอีกแลว สมัครทําไรไถนาชดใชความบื้ออยูแถว ๆ ที่หลงนั่นแหละ

    สะสางธุระยามเชาในหองน้ํา ออกมาโทรศัพทหาเจานาย เขามีความสําคัญกับบริษัทและสนิทกับเจานายมากพอจะโทร.ขอลาหยุดงานไดปุบปบ ฝายนั้นรับฟงและอวยพรใหเที่ยวสนุกอยางงายดาย เขาทํางานตลอดเจ็ดวันอยูหลายชวง อีกทั้งเพิ่งจะปดโปรเจ็กตไปเมื่อวาน สองสามวันสําหรับเปดหัวจึงนับเปนเร่ืองเล็กนอยอยูแลว

    ใสเสื้อฮาวายหลวมสบายและกางเกงยนีสตัวโปรด ยัดเสื้อผาหลายชุดใสกระเปาสะพาย ก็พรอมเดินทางทันที นับเปนความรูสึกอิสระไรกังวลอยางแทจริง เพราะแมแตจุดหมายปลายทาง แผนการทองเที่ยวก็ยังไมปรากฏขึ้นในหัวเลย ขอใหเดนิทางพนไปจากกรุงเทพฯกอนเถอะ

    เคลื่อนรถออกจากที่จอด แมกระทั่งเกือบถึงประตูทางออกจากเขตคอนโดมิเนี่ยม ก็ยังไมตกลงปลงใจอยูดี วาจะไปไหน เหนือ ใต ออก หรือตก จนเลี้ยวซายออกถนนใหญนั่นแหละ ถึงปลงใจวาใหถนนพาไปก็แลวกัน

    ขับเร่ือยเฉื่อย ไมทําความเร็วอยางเคย กระทั่งพบวาตนเองอยูบนถนนวิภาวดรัีงสิต และอีกสิบนาทีตอมา ก็แฉลบมาวิ่งบนเสนทางที่จะไปเมืองกาญจ

    เห็นรานกวยเตี๋ยวขางทาง ก็นึกขึ้นไดวาตองหาอาหารเชาใสทองเสียหนอย จึงจอดทานที่รานนั้น ทานอิ่มก็ขึ้นรถสตารทเครื่องเดินทางตอ เกาทัณฑยิ้มอยูกับตนเอง เหมือนเมื่อครูไดทําสิ่งพิเศษ ตอนนี้เขาเปนอิสระจริง ๆ ทั้งจากการงาน จากสังคม และแมกระทั่งจากความตองการของตนเอง ไรแผนการในหัว ไดแตทอดตาไปเบื้องหนาเพื่อมุงเดินทางอยางเสรี หิวก็หาทาน งวงก็หานอน เดินทางตอแลวตออีก ไมมีใครใหหวง ไมมีภาระใหพะวงถึง

    ยิ้มออกมาเฉย ๆ ตองอยางนี้กระมัง ที่สรางความรูสึกใหมไดเหมือนเปลี่ยนไปเปนคนละคน

    ความสดชื่นร่ืนเริงกับเสรีภาพไรขอบเขตเกิดขึ้นเพยีงชั่วขณะเดียว ก็ตองมลายวับ เมื่อชวงหนึ่งถึงถนนเหยียดยาว แลเห็นทองฟาวางเปลาเบือ้งหนา สะกิดใหนึกถึงภาพฝน และเกิดคําถามในหัววา ‘นี่เรากําลังจะไปไหน ?’

    อารมณสดชื่นแผวซึมลงถนัด เกาทัณฑหร่ีตากับตนเอง เบี่ยงรถเขาจอดที่ไหลทาง และเหมือนพยายามใหคําตอบกบัตนเองเปนเหตุเปนผล วาที่ขับรถออกมาอยางไรจุดหมายนี้ ก็เพื่อสรางบรรยากาศเลียนแบบฝน และหาทางออกดวยภาวะจิตใจที่เต็มตื่นบริบูรณ

    ตอนนี้เหมือนอยูในฝนเปยบ ตางกันตรงที่มีสติคิดอานพรักพรอม

  • สวางวาบขึ้นมากะทันหัน เกาทัณฑใชหางตามองกระจกหลัง แลวเบนไปมองเบื้องหนา เมื่อเห็นถนนปลอดก็หักพวงมาลัยเหยียบคันเรง พุงรถวนยอนสวนทางกลับคืนเมือง นี่ยังไง คราวนี้ภาพตรงหนาเต็มไปดวยความรูสึก รูต่ืน รูตัว วาเขากําลังจะวิ่งกลับบาน ชายหนุมซึมซับความรับรูชนิดนั้นไวอยางเต็มตื้น เกิดความสุข ความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกคร้ัง นี่อาจเปนเกมแกฝนที่ตองลงทุนลงแรงและเปลืองเวลานิดหนอย แตก็คุม หากฝนอีก เขาจะนึกถึงการวกกลับมาสูฐานที่มั่นของชีวิตเชนกําลงัเกิดขึ้นเดีย๋วนี ้

    ทองซ้ํา ๆ ดวยความโสมนัส วาจะจําการยอนทางกลับบานอยางนี ้จะจําการยอนทางกลับบานอยางนี้ เยาะในใจวาเขาหาทางออกไดเกงกวาจิตแพทยเสียอีก

    ตอโทรศัพทมือถือ กรอกเสียงลงไปอยางร่ืนเริงฝากเลขาฯของเจานายวาพรุงนี้เขาจะไปทํางานตามปกติ ยกเลิกวันลาที่ขอไว เจานายคงงง แตนาจะชินแลวกับความเปนคนตัดสินใจเรว็ตามสถานการณเฉพาะหนาของเขา อาจคิดวาเขาเจออุปสรรคบางอยาง หรือเกิดไอเดียใหมที่รอนใจอยากเริ่มตนเสียแตพรุงนี้ก็ได

    ขับรถกลับบานดวยอารมณปลอดโปรง หนทางเบื้องหนาเต็มไปดวยความรูจกัมักคุน ภาพความวางเปลาไรจุดหมายสลายหายหนไปสิ้น อิสระที่แทจริงสําหรับชีวิตเขาคือการงานซึ่งชตัูวตนใหสูงเดนเปนสงา เมื่องานอยูในมือ เขาสามารถทาํอะไรก็ได ทุกคนตองเงี่ยหูฟงเขาพูด ทุกคนตองใหน้ําหนักกับความเห็นและการตัดสินใจของเขากอน นั่นแหละตัวตนของเขา นั่นแหละจุดหมายปลายทางในชีวิตเขา และเขาก็อยูที่จุดหมายปลายทางของชีวิตแลว

    ใกลเขาเขตกรุงเทพฯ สายตาเหลือบซายเห็นปายบอกทางเขาวัด เมื่อขามาไมสังเกต แตขากลับเห็นเดนถนัดตา แลวก็ถึงกับขนลุกซูกับชื่อบนแผนปายไมหนา

    วัดทางนฤพาน

    ความเร็วของรถชะลอลงทันใด นึกออกเดี๋ยวนั้นวานี่เปนปากซอยเขาบานปูซึ่งเขาหางหายหนา ไมแวะมาเยีย่มเยียนหลายปดีดัก เขาจําชื่อวัดได เพราะเห็นสะดุดตา ฟงสะดุดหูผิดแผกแตกตางจากชื่อวัดอื่น เมื่อกอนเคยมาบานปูกับพอสองสามหน เหลียวมองปายชือ่วัดดวยความสนใจทุกคร้ัง คลายมีมนตขลังบางอยางดึงใหตองมอง แมเมื่อสายตากําลังจับที่อื่น ก็จะเหมือนเผอิญหันขวับมาเจอทุกคราวไป

    ปุบปบตัดสินใจเลี้ยวเขาซอย ดีเหมือนกัน จะไดมาไมเสยีเที่ยว ลองเขาไปดูเสยีหนอย วาสภาพวดัเปนอยางไร ใจไมคาดหวังอะไรเลย เพราะเหน็มาจนรูดีวาวัดก็คือวัด ที่อยูของพระสงฆ และพระสงฆก็มีมากมายหลายประเภท ทั้งพวกชาวบานที่วันดีคืนดีหยบิจีวรมานุงหมตามประเพณี และพวกที่มีความเห็นเกี่ยวกับชีวติบางอยางซึ่งเขาไมเขาใจ คือ ‘เห็น’ ขนาดพรอมจะสละบานเรือนและทรัพยสินอยางไรความอาลยัไยด ี

    ผานหนาบานปู ทีแรกเกือบเลยไปดวยความขี้เกยีจแวะทักญาติผูใหญวัยชรา ปกติเขามักพบทานที่บานญาติเชนลุงหรืออา นอยคร้ังจะมาหาถึงนี่

    ความจําดานดีเกี่ยวกับปูแวบเขามาในหัว ปูเปนคนพิเศษ เปนคนแกที่ดูไมแก มีคําพูดสะกิดใจ ชวนคิดไดเกือบทุกคาํ นั่นทําใหตัดสินใจฝนความรูสึก ไหน ๆ ก็กําลังเบื่อ ลงเยี่ยมคนแกใหเกิดความเบื่อลบลางความเบื่อ อาจกลับออกมาดวยความกระชุมกระชวยขึน้ก็ได

    นึกเลน ๆ วาอาจเจออะไรไมคาดฝนเขาบาง…

  • มองปราดเดียวรูเลยวาบานไมสองชั้นของปูเกาแกนมนาน ทวาไดรับการดูแลซอมแซมอยางตอเนื่อง มิฉะนั้นปานนี้ก็คงเห็นผุพังไมเจริญตานัก เกาทัณฑจอดรถลงมากดออดหนาประตูบาน รอบบริเวณเงียบเชียบอยางไมนาจะมีคนอยู ชวนใหคิดวาคนในบานอาจออกไปขางนอก ซึง่นั่นก็แปลวาเขาแวะลงเสียเที่ยวเปลา

    กําลังหันรีหันขวางจะขึ้นรถหนีดวยความอดทนต่ํา ก็เผอิญเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกจากเรือนชั้นลางและเมียงมองมา เกาทัณฑเขมนตาจองหลอนดวยความแปลกหนา ความที่เคยตามพอมาเยี่ยมปูนอยหน ทําใหไมแนใจวาใครเปนใคร สมาชิกในเรือนมีอยูกี่คน จําไดหลัก ๆ เพยีงปูชนะ ยาเล็กซึ่งปจจุบันเสียชีวิตแลว กับเด็กอีกสองสามคน

    ผูหญิงคนนั้นเดินมาใกลประตู ลมหายใจเกาทัณฑถึงกับขาดหวง งันนิ่งไปเมือ่เห็นหลอนถนัด

    "มาหาใครคะ?"

    กังวานใสของแกวเสียงวิเวกหวานนั้นทําใหเขารูสึกตัว และเปดยิ้มปราศรัยได

    "ปูชนะอยูไหมครับ? ผมเปนหลาน"

    ชอบกล ที่เขาเห็นหนวยตาของหลอนขยายขึ้นหนอย ๆ ฉายแววคลายเปลี่ยนจากลังเลเปนมั่นใจ และมองมาดวยทาทีแปลกกวาเดิม

    "อยูคะ" ตอบแผวแลวไขประตูเปดให “กําลังนั่งอานหนังสือพิมพที่ชั้นบน"

    ชายหนุมกาวเขามาขางใน มีความสงบอกสงบใจเกิดขึ้นพรอมกับการวางเทาลงในเขตบานของปู สาวงามยิ้มใหเขาบาง ๆ ทําทาจะปลีกตัว ทวาความออนโยนที่แฝงไวดวยชีวิตชีวาอยางประหลาดนั้น รัดรึงใจใหเกาทัณฑไมนึกอยากปลอยหลอนหางไปเร็วนัก จึงรีบตั้งคําถามที่พอจะนึกไดปุบปบทันดวน

    "คุณเปนหลานปู ลกูพี่ลูกนองของผมหรือเปลาเอย?"

    วงศวานวานเครือของปูและยามีอยูมากมายกายกอง เขาจาํไมหมด โดยเฉพาะที่หางหนาหายตากันหลาย ๆ ป ทบทวนดูแลวเชื่อวาสมัยเด็กเขาไมเคยเห็นหลอนที่นี่มากอนแน ๆ

    สบตากัน นิลเนตรมีประกายสงบซึ้งที่สะทอนความเรียบนิ่งของจิตใจอันงดงาม หายากที่จะพบดวงตาชนิดนี้ เหมือนมองแผนน้ําที่ทําใหใจใสเย็นและออนโยนตามไดฉะนั้น

    "ก็ไมเชิงคะ...เดี๋ยวจะทําน้ําสมขึ้นไปให เชิญกอนนะคะ"

    เกาทัณฑฟงหลอนพูดตอบ แตจิตใจมัวจดจอกับเรียวปากสวยที่ขยับเจรจาไดงามปานวาด หญิงสาวผายมือไปทางบันไดขึ้นเรือน ระบายยิ้มออนและกาวเทาลับหายไปทางหนึ่ง ไมเปดโอกาสใหเขาทันตอความยาวสาวความยืดนานกวานัน้

    เดินขึ้นเรือนอยางใจไมคอยอยูกับเนื้อกับตัว รูปติดตา เสยีงติดหูตามมาทุกฝกาว หนทางในทิศที่ปราศจากหลอนดูไรความหมายขึ้นมากะทันหัน

  • พื้นที่กลางเรือนชั้นบนจัดวางดวยโตะเกาอี้ ทีวี ตูเย็นและพัดลมเกาแก ราวกับหยุดยุคสมัยไวกับวันวาน เกาทัณฑพบคุณปูนั่งเอกเขนกกางหนังสอืพิมพอานอยูบนเกาอี้โยก ทานไมเปลีย่นแปลงไปเลยแมแตนอยจากการมองผาดทีแรก

    "สวัสดีครับปู"

    ชายหนุมสงเสียงนาํ เมื่อเห็นทานเงยหนามองก็พนมมือไหว ปูลดหนังสือพิมพลงวางกับตัก เกาทัณฑมองทานอยางเกรงวาจะจําตนไมได แตปรากฏวาทานมองดวยตาเปลาปราศจากแวนอยูครูก็ทักเรียบ ๆ อยางคนมีสติระลึกรูแจมชัด

    "อาว! เปนไงนายเต มาถึงนี่ได"

    ชายหนุมยิ้มและนั่งลงบนเกาอี้ตัวหนึ่ง แคไดยินเสียงก็ระลกึไดหมดถึงบรรยากาศเกา ๆ ในวันกอน บังเกิดความยินดทีี่ไดพบทานอีกคร้ัง

    "อยากมาเยีย่มปูสิฮะ"

    เพิ่งอยากเอาจริง ๆ ก็ตอนที่พูด แปลกที่นึกรักปูขึ้นมากมายปุบปบ อาจเปนดวยความเย็นใจรอบกาย อาจเปนดวยดวงตาดําสนิทราวกับหนุมฉกรรจผูรูคิดและเปยมเมตตา อาจเปนดวยทาทีทรงภูมิและสุขุมคัมภีรภาพของทาน...

    หรือไมก็อาจเปนเพราะเพิ่งรูวาในบานนี้มีสาวแสนสวยคนหนึ่งอาศัยอยู

    "ผมไมไดมาเยีย่มปูเสียสามสี่ป"

    เอยคลายสารภาพผดิ ผูอาวุโสพับหนังสือพิมพวางลงบนโตะ

    "เจ็ดป" ทานแกดวยน้ําเสียงแนนของผูมีสมองประจุไวดวยความจําอันชดัเจนเทากับหรือมากกวาคนรุนหนุม "ตอนมาครั้งสุดทายนะแกเรียนวิศวะฯ ปสองไง ฉนัยังทักเลย เพิ่งอายสุิบเจ็ดก็ขึ้นปสองแลว และถามวาพอจบจะไปตอโทเมืองนอกเลยหรือเปลา”

    เกาทัณฑอาปากคางเปนครูดวยความงงงัน นึกไมถึงวาทานจะจํารายละเอียดเกี่ยวกับหลานผูหางเหินอยางเขาไดแมนยําขนาดนั้น

    "ออ…เออ ปูสบายดีใชไหมฮะ? ดูก็รู"

    "ก็เทาที่คนแกจะสบายไดนั่นแหละ...หนาตาทาทางแกเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะนี่ ถาเดินสวนกันขางนอกคงจาํไมได ดูเปนผูหลักผูใหญ ทั้งสวนสูง ทรงผมทรงเผา ทวงทีนั่งเดินภูมิฐานกวาสมัยวัยรุนเปนคนละคน"

    ชายหนุมยิ้มเฉยีง

    "บานปูเงียบยังไงก็อยางนั้นเลย ดีจริง ๆ ที่ไดอยูกับอากาศอยางนี ้ปูคงแข็งแรงไปอีกนาน”

    "อยากมาอยูมั่งไหมละ?"

  • เกาทัณฑไมไดนึกถงึสถานที่กลางสิ่งแวดลอมดี ๆ แตไพลไปนึกถึงแมงามผูนาใกลชิดเสียแทน ปากจึงตอบเรื่อยเปอยตามประสา

    "อยูไดก็ดีสิฮะ บานแสนสุขอยางนี้" แลวก็วกมาถามถึงเจาหลอนนางนั้นอยางสบจังหวะ "ผูหญิงที่เปดประตูใหผมเมื่อก้ีใครครับ? ถามแลวเห็นวาไมใชหลานปู"

    ปูชนะหยิบหูถวยแกวขางตัวขึ้นจิบน้ําชา

    "แกจํายายแพไมไดเหรอะ?"

    เกาทัณฑขมวดคิ้วงง

    "แพ? ผมเคยรูจักเขาดวยหรือครับ?"

    ถามอยางนึกไมออกจริง ๆ ปูชนะพยกัหนาแลวพูดปดตัดบท

    "เอาเถอะ ก็หลานฉนัคนหนึ่งนะแหละ"

    “เอะ! ยังไงกัน เขาบอกไมใช แตปูบอกใช”

    ชายชราผอนลมหายใจ เปลี่ยนเร่ืองเสยีเฉย ๆ

    "นี่กินอะไรมารึยังละ?"

    "เรียบรอยฮะ ปูละครับ ถายังเดี๋ยวผมจะออกไปซื้อใหไหม?"

    "ไมตองหรอก เพิ่งกินกับยายแพไปเมือ่ก้ีเหมือนกัน"

    พอดี ‘ยายแพ’ เดินขึ้นมาบนเรือนพรอมกับแกวน้ําสมคั้น เกาทัณฑชะงักไป และมองหลอนนําเครื่องรับรองมาวางตรงหนาดวยดวงตาจับนิ่ง ใจคลายถูกแชเย็นไปชั่วขณะดวยอิทธิพลเหนือคําบรรยายในหลอน

    "แพ นี่เต หลานปู รูจักพี่เขาไวนะลูก"

    หญิงสาวพนมมือไหวตามมารยาทและยิ้มใหเขาบาง ๆ เกาทัณฑรับไหวและยิ้มตอบดวยทาทีของพี่ชาย ทวงทีกิริยาของหลอนฉายความบริสุทธิ์สะอาดไปตลอดทั้งกายใจเยี่ยงผูเปนอยูเรียบงายสันโดษ ทวาดวงตาแฝงแววฉลาดรูลึกซึ้ง ทําใหภาพรางชวนทัศนานั้น ยิ่งดูยิ่งมีคาขึ้นอยางประหลาดล้ํา

    อยากยินเสยีงหวานใสและแสนจะนุมหูของหลอนอีก ทวาเมื่อเสร็จจากยิ้มใหเขาพอเปนพิธีแลว ก็หันกลับและเดินหลีกลงบันไดไป ชายหนุมมองตามจนลับสายตาดวยความอยากจะหาเชือกมาทําบวงบาศกเหวี่ยงไปคลองตัวดึงหลอนกลับมานั่งคุยกับเขาและปูตอ ไมใชขึ้นมาทําใหตาสวางแลวเดินหายไปเฉย ๆ ราวกับตัวละครที่โผลออกมาจากมานเรียกความสนใจคนดูใหเร่ิมตั้งตาโตชม แตแลวยังไมทันแสดงบทบาทสําคัญก็แวบเขาหลังเวทีเสียนี ่

  • ๑๐

    ไดสติเมื่อปูกระแอมเบา ๆ เกาทัณฑหันกลับมายิ้มเกอ ๆ อยากจะถามอะไรเกี่ยวกับหลานสาวของปูอีกมาก ๆ แตก็ใหรูสึกประเจิดประเจอไปหนอย จึงเลี่ยงถามเรื่องอื่นเสียพน ๆ เปนการพักยก

    "ปูยังนั่งวิปสสนาอยูหรือเปลาครับ?"

    ดึงเขาเร่ืองนั้นเพราะบุคลิกลักษณะของปูยังดูเปนผูทรงธรรมไมสรางซา ทานคงยินดีคยุเกี่ยวกบัของชอบเปนแน สมัยเด็กพอเคยพูดเขาหูบอย วาปูรักการนั่งวิปสสนาเปนชีวิตจิตใจ

    “อือม ก็นั่งอยูนะ ปะเหมาะเคราะหดีก็เดินวิปสสนา ยืนวิปสสนา หรือกระทั่งนอนวิปสสนาดวยเหมือนกัน”

    “นอนก็วิปสสนาไดหรือครับ?” เกาทัณฑทักกลั้วหัวเราะ “เอ สงสัยผมคงรูจักคํานี้นอยไปหนอย”

    ทําใจใหนึกอยากรูความหมายและตนสายปลายเหตุจริงจัง จะไดคุยกับปูแบบออกรส ความรูความสามารถอันหลากหลายของเขามีสวนชวยเปดใจใหยอมรับขอมูลใหมเพื่อเขามาเก็บเปนวัตถุดิบโดยปราศจากกําแพงกั้น แมสวนลึกลงไปที่กนบึ้งหัวใจจะนึกปฏิเสธอยูเต็มประตู สาเหตุก็มิใชอะไรอื่น ปจจุบันพระสงฆองคเจาและการวิปสสนาธุระทั้งหลายกลายเปนภาพเสื่อมเสยีที่ถูกตีแผแฉตามสื่อหลักตาง ๆ มั่วไปหมด ขุดคุยแลวมีแตเร่ืองหลอกลวงทั้งเพ แทบกลาวไดวาใครเร่ิมสนใจเกี่ยวกับเร่ืองจิตวิญญาณหรือการศาสนา ก็เร่ิมมีสิทธิ์เขารกเขาพงแลว

    “แลวแกนึกนะ วิปสสนาเปนยังไง ตองนั่งอยางเดียวหรือ?”

    ปูยอนถาม เกาทัณฑคิดเล็กนอยกอนตอบตามจริง

    “พอไดยินคํานี้ ผมจะนึกถึงภาพคนใสชุดขาว นั่งหลับตา หรือเดินจงกรมกลับไปกลับมา เพื่อทําจิตใจใหสงบ ปลอยวางทางโลก หันหลังใหกับความบันเทิงทุกชนดิ”

    “ถาเดินกลับไปกลบัมาแลวใจสงบ ปลอยวางทางโลกได พวกชอบเดินเลนหลังกินขาวคงไดดี บันเทิงใจเทาพระกนัไปแลว”

    เกาทัณฑหัวเราะ

    “ทราบอยูครับปู วาตองมีวิธีกําหนดใจอยูขางในดวย”

    แลวชายหนุมก็ถึงบางออดวยคําโตตอบของตนเอง เขาใจในบัดนั้นวาวิธี ‘ทํา’ วิปสสนาไมขึ้นอยูกับอิริยาบถภายนอก แตเปนวิธีการทางใจ

    “อยางที่นึกดูลมหายใจไปเรื่อย ๆ แลวเกิดฌาน เกิดญาณขึ้นมานี่ เรียกวาวิปสสนาใชไหมครับ?”

    “ถาทําสมาธิจนเกิดความนิ่ง แตไมเปลีย่นความเชือ่เกา ๆ ก็ไดช่ือวามาแคปากประตูวิปสสนาเทานั้น”

    ชายชราตอบเอื่อย ๆ ทวาแฝงดวยพลังลนลึกชวนใหสงบและอยากฟงตอ ฝายหลานฟงพลางยกมือลูบคาง อมยิม้และพยายามซอนแววตา มิใหฉายความคดิชัดนัก ความเชื่อแบบไหนกันที่เปนเปาหมายของวิปสสนา แบบที่ลางสมองจนเห็นวาควรหันหลังและทิ้งขวางความสนุกบรรดามีในโลกอยางนั้นหรือ?

  • ๑๑

    “ความเชือ่เกา ๆ เสยีหายตรงไหนครับ?”

    “ตรงที่มันคลาดเคลื่อนจากความเปนจริง ทําใหดวงจิตอยูในสภาพเชื้อของทุกขนะซ”ี

    “ความเปนจริง ? ปูคงหมายถึง เออ...อะไรที่เขาเรียกกันวาความจริงสูงสุดใชไหมฮะ? ถาวากันแบบปรัชญา ทางพุทธอนุญาตใหความจริงผูกอยูกับมุมมองของแตละคนไดหรือเปลา? ผมเคยคุยกับเพือ่นคร้ังหนึ่ง ไมไดแยงปูนะครับ คือเรามองกนัวาคนเลือกเชือ่ยังไง ก็มีความจริงรองรับอยูอยางนั้น ยกตัวอยางเชนถาเชื่อวาชีวติคือหนาที่ เราก็จะพบหนาที่สักอยางที่สมตัว และอยูกับมันไปไดจนตาย”

    เกาทัณฑควบคุมเสยีงไมใหมีน้ําหนักเกินออกมาจนกลายเปนการชวนปูโตวาที

    “ก็จริง” ปูรับดวยสีหนาออกยิ้ม “บางคนก็รักหนาที่ ยึดมั่นในหนาที่ขนาดยอมตายได”

    “นั่นซีครับ” ชายหนุมรีบเสริม “แสดงใหเห็นวาใครตั้งมุมมองเพื่อเชือ่อะไรสกัอยาง ชีวิตก็จะเปนไปตามนั้น มนุษยเปนสัตวโลกที่พิสดารกวาสิ่งมีชีวิตอื่นก็ตรงความหลากหลาย ความเปนอิสระในการเลือกเชื่อ และเลนแรแปรธาตุความเชื่อใหกลายเปนรูปธรรม กลายเปนความจริงที่จับตองไดขึ้นมา ผมถึง...สงสัยอยูบาง เมื่อมีการบัญญัติคําวา ‘ความจริงสูงสุด’ ไวในคัมภีรของแตละศาสนา เราเอาอะไรเปนเกณฑวัดวานั่นแนนอนแลว ชนิดดิ้นเปนอื่นไมได?”

    “ก็คงตองดูที่พระศาสดาแตละองคตรัสมั้ง วาเมื่อมาตามทางของศาสนาแลว จะเกิดผลลัพธสุดทายเปนความจริงชนิดไหน ถาสาวกตางๆทําตามกติกาแลวพบความจริงตามนั้น ก็ถือวาใช”

    ชายหนุมเอียงคอนดิหนึ่ง นาประหลาดแท เขาเคยเรียนพทุธศาสนาในหลักสูตรมากอน แตตอนนี้ลืมแลววาเปาหมายของพุทธศาสนาคืออะไร

    “แลวผลลัพธของการมาตามทางพุทธ หรืออีกนัยหนึ่งการทําวิปสสนานี่ คืออะไรครับปู?”

    “การดับทุกข...ดับชนิดที่กลับกําเริบขึ้นไมไดอีกเลย”

    คราวนี้เกาทัณฑแอบหัวเราะอยูในใจ คนตายไงละ หัวใจไมกลับเตนอีก ก็คือสิ้นทุกขอยางสนทิ นั่นแหละความจริง นั่นแหละสิ่งที่ประจักษตาวาเปนปลายทางของทกุชีวิต เขาไมเห็นเลยวารางวัลของพุทธจะแตกตางจากโบนัสของธรรมชาติตรงไหน

    ออ...ลืมไป อยางปูคงเชื่อเร่ืองชีวิตหนา โลกสวรรค โลกนิพพาน

    สิ่งเหลานี้จะเรียกวา ‘ความจริง’ อยางไรได ในเมื่อไมมีอะไรมารองรับสักอยางนอกจากความเชื่อ เปนการเชื่อโดยปราศจากพื้นยืนโดยแท

    แตราวกับปูลวงรูวาเขาคิดอะไร ทานเอยเนิบวา

    “ถาเหลือแตใจที่เสมอกับธรรมชาติ เลิกดิ้นรน เลิกเปนเชื้อไฟอยางสิ้นเชิง คนเราเปนสุขไดยิ่งกวาขึ้นสวรรคเสียอีก เพราะบนสวรรคอาจมีความนาขัดใจ จัดเปนทุกขทางใจชนิดหนึ่ง การดับทุกขอยางสนิทเปนประโยชนในปจจุบัน พิสูจนไดกอนตาย เชื่อไดสนิทใจเดี๋ยวนี้ ตางจากโลกหนา ที่ตองตายเสียกอนถึงรูวาเร่ืองกุหรือของจริง”

  • ๑๒

    “เขาใจละครับ พอจําไดแลววาพุทธศาสนาเนนเร่ืองทุกขและการดับทุกข กอนอื่นตองเร่ิมดวยการเห็นทุกข เหมือนมองใหออกวามีไฟไหม แลวก็ตองหาน้ํามาดับไฟ ซึ่งน้ํานั้นคือวิปสสนานี่เอง ถูกไหมครับ?”

    “บางทีน้ําที่เอามาดบัไฟอาจเปนแคสตปิญญารูตัวธรรมดา ๆ ก็ได เอางี ้แกเชื่อไหมวาโดยธรรมชาตินะ คนเราหวงทุกข ทั้งรูวาทุกขเกิดขึ้น ก็ยังทูซี้จะรักษาเอาไว”

    เกาทัณฑเบิกตานิดหนึ่ง

    “เหรอครับ? เอ ผมไมเคยคิดอยางนี้เลย ใคร ๆ ก็เกลียดทกุขกันทั้งนั้น จะหวงไวทําไม”

    “ใช คนเราเกลียดทกุข แตเมื่อทุกขเกิดแลว ก็เหมือนแกลงตัวเอง เก็บมันไวในที่ที่เกิดนั่นแหละ”

    ชายหนุมครางอออยางพอมองเห็นราง ๆ รอฟงปูขยายความตอ

    “ลองตัดความรูสึกในตัวตนออกไปนะ ใหเหลือใจอยางเดียวพอ ถาวากันตามเหตุผล เมื่อเกิดทุกขแลวก็ควรจะตัดทิ้งจากใจใชไหม ?”

    “ครับ”

    “ถาใจมันมีปญญากํากับก็ควรทําอยางนั้นแหละ แตนี่เปลา อยางเชนเกิดโทสะ เกิดความอาฆาตมาดราย มีความรุมรอนขึ้นในอก แทนที่จะรูตัววาเกิดความทุกขเพื่อผลักไสออกไป กลับออกอาการอุมทุกขนั้นไว บางทีขยายผลดวยซ้ํา ทําใหเกิดพฤติกรรมภายนอกเปนการอาละวาดหัวฟดหัวเหวี่ยง หรือกระทั่งตีรันฟนแทงใหตายกันไปขาง

    ลองตรองดูนะ เมื่อพลิกอาการของจิตจากอุมทุกข ประคบประหงมทุกข เปนรูตัววากําลังทุกข มีสติพอจะถามตัวเองวาตนเหตุทุกขคือใครหรืออะไร ถาโมโหโกรธา ก็สืบจนพบวามีภาพใครปรากฏอยูในโทสะ

    พอทําไดอยางนั้น ก็เทากับเห็นอาการที่ใจจับยึดตนเหตุทุกข เมื่อเห็นแลววาอาการจับยึดเปนอยางไร ก็เกิดสัญชาตญาณเองวาจะปลอยวางดวยทาไหน ปลอยใครคนที่ทําใหเกิดทุกขนั่นแหละ ปลอยเสียไดก็เบาโลงในหัวอก ลิ้มรสความสุขที่เกดิจากการดับทุกขขึ้นเอง เห็นไหม ไมตองใชวิปสสนาเลย เอาแคความฉลาดทางจิตก็พอแลว”

    เกาทัณฑยิ้มแบบเหน็ดวย แตไมใชเห็นจริง เพราะจังหวะนั้นปราศจากตัวอยางโทสะในอกตนเปนเครื่องสาธิตและทดลองใหเห็นตาม

    “ก็เขาหลักจิตวิทยาดีนี่ฮะ แตคงประยกุตใชกับทุกเร่ืองไมได เพราะเหตุการณที่กอไฟโทสะมีน้าํหนักแตกตางกัน คนเราถูกตีใหเจ็บ ถาความเจ็บกายยังอยู คงยากจะขมใจไมใหเจ็บตาม”

    “นั่นแหละเหตุผลที่ตองมีวิปสสนาธุระไวดับกิเลส ดับเชื้อโทสะใหสนิท ถาปราศจากเชื้อโทสะเสียอยางเดยีว ใครก็ทําใหเราทุกขดวยไฟโกรธไมไดดวยวิธีใด ๆ เลย”

    “เชื้อโทสะคอื…?”

  • ๑๓

    “ภาวะไมรูของจิตไงละ พอไมรูมันก็คดิไปเรื่อยเปอย บาปบาง บุญบาง เปนที่ต้ัง ที่อิงอาศัยของอุปาทานในตัวตนแบบหนึ่ง ๆ ถาปลุกจิตใหต่ืนขึ้นดวยการเห็นในวิปสสนาขั้นสูงจนสดุสายเมื่อไหร ความรูสึกเกี่ยวกับตัวตนแบบไหน ๆ ก็ไมเหลืออยูเลย เหลือแตจิตที่ปลอดโปรงจากเงื่อนไขและการรอยรัดทุกชนิด”

    ชายหนุมขมวดคิ้วกังขา

    "แปลวาที่ทุกคนในโลกเกิดมาพรอมกับความรูสึกในตัวตนนี่ ผิดหมด?"

    "ถามองวามีผิดมีถูกนี่ไมจบหรอก อยางที่แกวานั่นแหละ มีความจริงรองรับทุกความเชื่ออยูเสมอ แตความจริงของคนในโลกนี่มันหนัก เต็มไปดวยความเปลีย่นแปลงกลับไปกลับมา เปนเหตุใหเกิดโลภะ โทสะ โมหะ หรืออีกนัยหนึ่งความดิ้นรนกระสับกระสายของจิต ซึ่งอาการนั้นเรียกไดเต็มปากเต็มคาํวา 'เปนทุกข' พูดใหงายวาเชื่อแบบคนในโลก ยึดแบบคนในโลกแลวตองทุกขนี่ ทางพุทธศาสนาปฏิเสธ"

    เกาทัณฑอึ้งไปพักใหญ ประเด็นสงสัยเกี่ยวกับคําวา ‘วิปสสนา’ ถูกปดตกไปได นึกในใจวาพุทธศาสนามีเหตุผลรองรับเหมือนเสาค้ําคานมั่นคงด ีแตสวนลึกไมคอยเชื่อนักวาการกําจัดกิเลสอยางเด็ดขาดนั้นเปนไปได หรือถึงเปนไปได ก็ไมรูจะกําจัดทําไม ในเมื่อทุกวันนี้มีกิเลสก็เปนสขุสนุกสนานดีจะตาย

    อยางไรก็ตาม การสนทนาดําเนินมาจนถึงจุดที่เขาขีเ้กียจแหยตอ ยังไงก็ตองใหความเคารพเกรงใจปูบาง มิเชนนั้นจะเหมือนทําตัวเปนคนชางจับผิด และจับปูมาแตงตั้งเปนทนายแกตางใหพระศาสนา เกาทัณฑจึงคอย ๆ เบี่ยงหัวเร่ือง

    "แพ...หลานสาวปูคงไดรับอะไรไปจากปูเยอะ ปูคงสอนเรื่องดี ๆ ไวหลายอยาง โดยเฉพาะธรรมะในพระศาสนา ทาทางฉลาดคิดอานมากเลย"

    "ก็ไมเชิง ฉันแนะแตเร่ืองที่จําเปน ไมไดสั่งสอนมากมายนกัหรอก ยายแพเปนเด็กดี รูอะไรดี ๆ ดวยตัวเองอยูแลว"

    "ปูเลี้ยงเขามาตั้งแตเกิดหรือฮะ?"

    "อือม"

    "เรียนจบรึยังครับนัน่?”

    "เรียนครุศาสตรปสุดทาย"

    เกาทัณฑขยบัจะถามรายละเอียดใหมากกวานั้น แตปูชิงถามถึงสารทุกขสุขดิบของญาติ ๆ เสียกอน ซึ่งเขาก็จาระไนไปตามเพลง รวมถึงความกาวหนาในชีวิตการงานของตนเองดวย

    “เอาละ” ปูเงยหนามองนาฬิกา “เดี๋ยวไดเวลาพระผูใหญที่ฉันนับถือมาออกรายการแสดงธรรม แกจะดูกับฉันไหม?”

    “เออ…ไมละครับ ผมรบกวนปูแคนี้ดีกวา”

    บอกกลาววาจะหมั่นมาเยี่ยมเยียนทานอีก แลวเกาทัณฑก็ไหวลา

  • ๑๔

    จิตใจคึกคักขึ้นทันใด เขาลงบันไดมาถงึขางลาง เหลียวไปรอบ ๆ ดวยหวังจะไดพบกับหญิงสาวที่ตนสะดุดตาสะดดุใจ อยางไรเสียก็ตองหาหลอนใหพบเพื่อวานชวยมาเปดประตูอยูแลว คงเปนโอกาสอันดีที่จะทําความรูจักกับหลอน ไหน ๆ นับศักดิ์แลวไมใชญาติก็เหมือนญาติ ในเมื่อปูยกเปนหลานแท ๆ อยางนั้น

    บานปูมีอาณาเขตพอควร เกาทัณฑเดินเลียบมาถึงดานหลังก็พบหลอนคนนั้นนั่งลิดกิ่งไมดวยกรรไกรอยูที่ริมร้ัวดานหนึ่ง ดีใจอยางประหลาดแมเมื่อเห็นเพียงดานหลัง เขาผอนฝเทาลงหยุดยืนแยมริมฝปากยิ้ม เบิกตาเฝาพินจิเงียบ ๆ รูปศีรษะหลอนมนสวย ผิวพรรณมีน้ํามีนวลเฉิดฉายเสียจนสองรอบดานใหดูสวางตา

    ในทามกลางความสะพรั่งแหงไมดอกไมประดับรอบราย หลอนคลายนั่ง ณ ศูนยกลางความสดชื่นออนหวานอันดึงดูดใหนาเขาใกลที่สุด เห็นหลอนแลวใจเปดราวกับมองทะเลกวาง ผูหญิงคนนี้ทําใหที่ที่หลอนปรากฏกลายเปนเขตเฉพาะอันวิเศษ และทําใหวันที่พบหลอนกลายเปนวันอันทรงความหมายยิ่ง

    ดูเหมือนฝายถูกจับจองจะมีสัญชาตญาณรูตัววามีใครคนหนึ่งลอบพินิจอยูเบือ้งหลัง จึงเหลียวหนามาและสบตากัน ชายหนุมเกือบเกอไป เพราะรูตัววาทําลับลอเสียมารยาทอยูเปนนาน แตก็ทําทีปกติ คือสงยิ้มใหอยางจะขอผูกมิตร ทวาหลอนเพียงมองตอบดวยดวงตาทอแววนิ่ง มิไดยิ้มรับแตอยางใด

    ไมปลอยเวลาใหทอดนานนัก เกาทัณฑเปลงคําทักทายดวยน้ําเสียงเปนกันเอง

    "รูสึกวาแพจะรักตนไมมากนะฮะ"

    โดยคิดวาปูแนะนําแลว จึงถือสนิทเรียกหลอนไดเต็มปาก หลอนลุกขึ้นยืนและแยมยิ้มอยางคนมอีัธยาศัยด ี

    "คงอยางนั้นแหละคะ" แลวก็ถามในฐานะผูมีหนาที่อํานวยความสะดวกแขกไปใครมา "จะกลับใชไหมคะ?"

    ถามแลวทําทาขยับจะนําทางไปเปดประตูร้ัวให แตเกาทัณฑไมรูไมชี้ เสยื่นหนาเขาไปดูดอกไมสีแดงใกลตัวอยางใจเย็น แลวถามอยางจะดึงใหหลอนตองหยุด

    "แพคงหามาเองทั้งนั้น แปลกตาเยอะแยะไปหมด นี่เรียกวาอะไรฮะ?"

    หญิงสาวผินหนามองตาม ทอดระยะนดิหนึ่งกอนตอบ

    "ดอกพวงแกวคะ"

    เอื้อนเอยไมดังนัก น้ําเสียงไมสอแววอยากสนทนาหาความยาวกับคนชางไกหาเร่ืองถามเทาไหร เกาทัณฑเหลียวหนามาหา ปนหนากึ่งยิ้มกึ่งเครงแบบนักวิชาการผูทราบวาจะชวนคนรักตนไมคุยอยางไรใหสบอารมณ

    "ดอกของมันรูปเหมือนหัวใจนะ คงมใีครตั้งชื่อใหเกี่ยวของกับหัวใจไวบางใชไหม?"

    นัยนตาคูงามเหลือบมาทางเขาแวบหนึ่งกอนตอบ

    "ฝร่ังเรียกดอกพวงแกววา Bleeding Heart คะ เพราะมีกลีบเทียมรูปหัวใจ กับกลีบดอกและเกสรยื่นออกมาเหมือนหยดเลือด รวมทั้งดอกเลยคลายหัวใจที่ถูกคั้นจนเลือดหยด”

  • ๑๕

    เกาทัณฑหอปากครางอยางคนเพิ่งสังเกตตาม

    “เออ จริงดวยแฮะ ชางตั้งชื่อกันจริง”

    ฟงจากคําตอบแคนัน้ ก็เดาวาหลอนคงเปนนักพฤกษศาสตรผูรูรอบ มีความผูกพันกับหลากไมนานาพันธุเกินกวาคนทั่วไปมาก ที่สําคัญดูมีความรักและจินตนาการอันออนโยนตอพฤกษาทั้งหลายราวกับพวกมันเปนนองสาวนองชาย เกาทัณฑคิดในใจวาคราวหนาคราวหลังคงตองเอาพันธุอะไรที่มีคาหายากมากํานัลเสียหนอย

    "ถาผมเขาถึงความรูสึกของไมดอกพวกนี้ได” เขามองแถวแนวดอกพวงแกวที่หอยตัวอยูบนกิ่งและสงบกับธรรมชาติอันบอบบางของพวกมัน "ผมคงรูจักความประณีตอีกแบบหนึ่งของจิตใจเหมือนแพบาง"

    เกาทัณฑหันมายิ้มให หญิงสาวสบตาดวยครูหนึ่ง กอนจะกะพริบเนิบชาและเบนหางไปทางอื่น

    "นั่นดอก Forget-Me-Not ใชไหมฮะ?" เขาชี้ไปที่ดอกไมสฟีาซึ่งตนพอรูจัก "ชื่อเหมือนเศรา แตก็ฟงดูซึ้งดี...อยาลืมฉัน...แพพอจะรูที่มาของชื่อนี้ไหม?"

    หญิงสาวทอดตามองดอกไมอันเปนเปาคําถาม มีความงนันิ่งชวนใหรูสึกผิดสังเกต ราวกับหลอนถูกสะกิดใหระลึกถึงความหลังบางอยาง เกาทัณฑสําเหนียกถึงกระแสเศราที่กระจายจางออกมา เกือบขยับจะเปลี่ยนเรื่อง แตหลอนเอยตอบเสียกอน

    "ถาจําไมผิด ดูเหมือนตํานานออสเตรีย-ฮังการีสมัยศตวรรษที่สิบสองจะกลาวไววามีชายหนุมคนหนึ่ง ชะโงกจากริมผาเอื้อมมือจะเด็ดดอกไมนี้สงใหคนรัก แตพลาดตกลงไปสูกระแสน้ําเชี่ยวเบือ้งลาง ฝายหญิงไดยินแตเสียงแววจากสายน้ําวา ‘รักฉัน...อยาลืมฉัน' ก็เลยกลายเปนที่มาของชื่อนะคะ"

    เกาทัณฑจินตนาการตาม และอยางเห็นเปนเร่ืองสนุก เขานึกอยากใหตนเองเปนชายดวงกุดเมื่อชาติกอน และใหหลอนคนนี้เปนหญิงสาวคนรัก เร่ืองคงบรรเจิดแทถาระลึกไดอยางนัน้แลวเด็ดดอก ‘อยาลืมฉัน' สงใหหลอนสักดอกเดี๋ยวนี ้

    "เศรานะฮะ เด็ดดอกไมแลวตาย รูอยางนี้เดินไปซื้อจากตลาดดีกวา”

    พูดติดตลก แตหลอนทําหนาเฉยเปนเชงิแสดงวาไมมีอารมณขันรวมดวย

    "ที่จริงถาหนุมคนนั้นอุทานอะไรธรรมดา ๆ ออกมาใหคนรักไดยินกอนตกน้ําละก็ ดอกไมนี้นาจะชื่อ ‘เวรแลวที่รัก' มากกวานะ"

    คราวนี้หลอนเผลอหัวเราะออกมาได แตหัวเราะนิดเดียวแลวรีบเงียบตามประสาผูหญิงมาดสวย ไมปลอยเอิ๊กอากนาน ๆ ตอหนาผูชายแปลกหนา เกาทัณฑอมยิ้ม สายลมออนพัดมาระลอกหนึ่ง ความสงบจากธรรมชาติรอบตัวและจากคนงามตรงหนาทําใหอยากยืนอยูตรงนั้นนานแสนนาน

    "แพ..."

    เสียงปูชนะดังมาจากชั้นบน หญิงสาวเบิกตาเล็กนอยและรีบหันไปขานรับ

    “ขา”

  • ๑๖

    “โทรศัพทหนูนะ”

    “คะ ขึ้นไปเดีย๋วนี้แหละคะ”

    แลวก็หันมามองเขา เกาทัณฑยิ้มเจื่อน

    “เห็นทีผมคงตองขอตัวแลวมั้ง”

    ราชินีแหงสวนดอกไมเงียบเสยีง ไดแตเดินนํามาออกมาหนาบาน ซึ่งชายหนุมจําตองเดินตาม

    “ขอบคณุฮะ” พูดเมือ่กาวพนเขตรั้วที่หลอนเปดประตูให “ผมคงหาโอกาสมาเยี่ยมปูอีกเร็ว ๆ นี้ ไมไดทําหนาที่หลานที่ดีมาเสียนาน”

    “โชคดีคะ”

    อวยพรพอเปนพิธีเพื่อหมุนตัวกลับ ผละจากไปรับโทรศัพท เกาทัณฑรูสึกวาบางสิ่งในทรวงอกวูบไหว ใจสวนหนึ่งแลนตามหลังหลอนไป แมหญิงสาวขึ้นเรือนลับตาแลว ก็ยังมองคางอยูเปนนาน

    แกวลํ้าคา หายาก และคงไดมายาก

    แตคนอยางเขา

    ถาอยาก...ตองได!

  • ๑๗

    บทท่ี ๒ เอกาปต ิ

    แพตรีกลับมาถึงบานกอนหาโมงเย็นเล็กนอย ลางหนาลางตาแลวขึ้นไปดูคุณปูขางบนเรือน เห็นหลับอยูก็ลงมาขางลางเพื่อพบปะกับนองนอยทั้งหลายของหลอนเสียหนอย กอนเขาครัวทําอาหารเย็น

    นอง ๆ เรียงรายอยูรอบบาน รอการรดน้ํารินใจจากหลอนสลอน แพตรียิ้มมุมปากนิด ๆ อยางคนที่สามารถมีความสุขอยูกับตนเอง หลอนมองไมดอกไมประดับแตละตนดวยความรกัสนิท สัมผัสชัดถึงกระแสแหงความมีชีวิตและวิญญาณของพวกมัน เคยชินกับการเห็นรอยยิ้มที่สงออกมาจากแตละไมใบ แตละกลีบดอก พวกมันถือกําเนิดมาจากมือหลอน หลอนเปนผูเลี้ยงดทูะนุถนอมใหแตกกิ่งกานสาขาออกมาวันตอวันอยางไมเคยเบื่อหนาย

    ‘ถาผมเขาถึงความรูสึกของดอกไมพวกนี้ได ผมคงรูจักความประณีตอีกแบบหนึ่งของจิตใจเหมือนแพบาง’

    คําพูดของใครคนหนึ่งกลับมากลับมากระซิบกองอยูในหู อารมณไหวไกวเลก็นอย แลวกลับสงบเยือกเย็นลงราบคาบ สายลมออนพัดกิ่งใบมวลไมรอบขางพลิ้วไหว มือนอยยกขึ้นเสยปอยผมที่ตองแรงลมเขาที่ สยายยิ้มกวางขึ้น สีชมพูสดฉ่ําของกอกุหลาบซึ่งเขาประทับกลางตาเวลานั้นชางใหความหวานแหลมล้ําลึกตางจากธรรมดา หลอนรินรดสายน้ําจากถังติดฝกบัวลงดินจนชุมพอประมาณไปทั่วบริเวณ ต้ังความคิดใหน้ํานั้นซึมลงถึงทุกรากทุกแขนงของไมพุมหอมเบื้องหนา จินตนาการเห็นความเอิบอาบอันแผซานขึ้นเลี้ยงทั่วทกุอณูลําตน กิ่งใบ และกลีบดอกสีชมพู ดวงจิตดิ่งลงเปนสมาธิ รูชัดถึงความอิ่มเกษมสดชื่นในตัวกุหลาบ เทากับความปติเบิกบานในตนเอง

    กําหนดรูการเขาออกของสายลมหายใจอันนิ่มนวลและยดืยาวชัดลึกกวาปกติ กลิ่นอายความสดฉ่ําระร่ืนจากมวลพฤกษพันธุรอบดานรวมอยูในสายลมหายใจนั้น กระจายเขาสูทรวงอก แลเห็นในมโ