Upload
others
View
1
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
Pibo
on ch
omso
mbatแบบฝึกหัด 1.2 ก
1. จงหาล าดับของผลบวกย่อยของอนุกรมต่อไปนี้
(1) ...31
21...
181
61
21 1n
(2)
...323...
3423
1n
(3) ...(5)21
225
25
21 1n ...
(4) ...2
1)(...
81
41
21
n
1n
(5) 2 + (–1) + (–4) + ... + (5 – 3n) + …
(6)
...43
6427
169
43 n
...
(7) 0 + 3 + + 8 + ... + (n2 – 1) + … (8) –1 + 0 + 9 + ... + (n3 – 2n2)
(9)
......
n
101
10001
1001
101
(10) 100 + 10 + 1 + 0.1 + ... + 103–n + … (11) 1 – 2 + 3 – 4 + 5 – 6 + … + (–1)n–1n + …
2. อนุกรมในข้อ 1 อนุกรมใดบ้างที่เป็นอนุกรมลู่เข้าและมีผลบวกเป็นเท่าใด 3. จงหาผลบวกของอนุกรมต่อไปนี้
(1) ...3
12...81
11627
189
141n
1n
(2) ...23
83
43
233 1-n ...
(3)
...)x(2
1...)x(2
1)x(2
1x2
1n232222
4. จงแสดงว่า ทศนิยมซ้ า 90. เท่ากับ 1 5. จงเขียนทศนิยมซ้ าต่อไปนี้ให้อยู่ในรูปเศษส่วน
(1) 120. (4) 784.3
Pibo
on ch
omso
mbat (2) 40160. (5) 0.07373…
(3) 657.2 (6) 2.999…
6. จงหาค่าของ x ที่ท าให้ 1 + x + x2 + x3 + ... + xn–1 + ... = 32
7. จงหาค่าของ a1และ r เมื่อ
a1 + a1r + a1r2 + a1r3 + ... + a1rn–1 =23 และ
a1 – a1r + a1r2 – a1r3 + ... + (–1) n–1a1rn–1=43
8. ถ้าลากส่วนของเส้นตรงเชื่อมจุดก่ึงกลางด้านของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะได้รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสใหม่ ดังรูป (1) ถ้ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปแรกมีเส้นรอบรูปยาว 20 หน่วย รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สองมีเส้นรอบรูปยาวเท่าใด (2) ถ้ากระบวนการเกิดรูปใหม่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเกิดข้ึน อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ผลบวกของความยาวของ เส้นรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งหมดเป็นเท่าใด 9. รูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปหนึ่งมีด้านยาวด้านละ 10 นิ้ว รูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปที่สองเกิดจากการลากส่วนของเส้นตรงเชื่อมจุดกึ่งกลางด้นทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปแรกและรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปที่สามเกิดจากการลากส่วนของเส้นตรงเชื่อมจุดกึ่งกลางด้านทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปที่สองและสร้างรูปสามเหลี่ยมเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป จงหาผลบวกของความยาวของเส้นรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมทั้งหมด ถ้ากระบวนการนี้เกิดอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด 10. เรือไวกิ้งเป็นเครื่องเล่นชนิดหนึ่งในสวนสนุก จากจุดซ้ายสุดถึงจุดขวาสุดตามส่วนโค้งขณะแกว่งยาว 75 เมตร
ถ้าการแกว่งครั้งใหม่จะสั้นลง โดยมีระยะเป็น 53 ของระยะ
เดิม อยากทราบว่าหากไม่มีการหยุดกะทันหัน เรือไวกิ้งจะแกว่งไปมาตั้งแต่เริ่มจากจุดสูงสุดเป็นระยะทางเท่าใด
11. ถังบรรจุสารพิษซึ่งเก็บไว้ใต้ดินเพ่ือให้ย่อยสลายตัวเองเกิดรอยร้าว จึงท าให้สารพิษแพร่กระจายซึมผ่านเนื้อดินออกไป ในเวลาหนึ่งปี สารพิษดังกล่าวแพร่กระจายไปได้ไกลเป็นระยะทาง 1500 เมตร เมื่อสิ้นปีที่สอง สารพิษแพร่ต่อไปได้อีก 900 เมตร และเมื่อสิ้นปีที่สาม สารพิษแพร่ต่อไปได้อีก 540 เมตร (1) ถ้าอัตราการแพร่กระจายของสารพิษดังกล่าวเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ อยากทราบว่า เมื่อสิ้นปีที่สิบ สารพิษดังกล่าวจะแพร่ไปได้ไกลเท่าใด
Pibo
on ch
omso
mbat (2) สารพาดังกล่าวจะแพร่กระจายไปไกลถึงโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจุดฝังถังบรรจุสารพิษ
ออกไป 4 กิโลเมตร หรือไม่ จงอธิบาย
12. ผลบวกของอนุกรม ...32...
32
321
1-n2
คือ 3และ Snแทนผลบวกย่อย n พจน์แรก จง
หา n ที่น้อยที่สุด เมื่อ Sn มีค่าน้อยกว่า 3 อยู่ไม่เกิน 1, 0.2 และ 0.05 ตามล าดับ (ใช้เครื่องค านวณ)
13. อนุกรมอนันต์ ...n1...
31
211 เป็นอนุกรมลู่ออก และ Snแทนผลบวกย่อย n พจน์แรก
จงหา n ที่น้อยที่สุด เมื่อ Snมีค่ามากกว่า 2, 3 และ 4 ตามล าดับ (ใช้เครื่องค านวณ) 14. นักเรียนคิดว่าวิธีการหาผลบวกของอนุกรมอนันต์แต่ละข้อในกรอบข้างล่างต่อไปนี้ ถูกต้องหรือไม่ จงอธิบาย
15. ก าหนดให้อนุกรมเรขาคณิตอนุกรมหนึ่งมีพจน์แรกเป็น 160 และมีอัตราส่วนร่วมเป็น 23 ถ้าผลบวก
ของ n พจน์แรกของอนุกรมนี้เท่ากับ 2110 แล้ว จงหาว่า n เท่ากับเท่าใด 16. ผลบวกของพจน์แรกและพจน์ที่สองของอนุกรมเรขาคณิตเท่ากับ –3 และผลบวกของพจน์ที่ 5 กับ
พจน์ที่ 6 คือ 161
จงหาผลบวกของ 8 พจน์แรกของอนุกรมนี้
(1) ให้ x = 1 + 2 + 4 + 8 + 16 + 32 + … จะได้ 2x = 2 + 4 + 8 + 16 + 32 + 64 + … = (1 + 2 + 4 + 8 + 16 + 32 + 64 + …) – 1 = x – 1 ดังนั้น x = –1 นั่นคือ ผลบวกของอนุกรม 1 + 2 + 4 + 8 + … + 2n–1 + … เท่ากับ –1 (2) ให้ S = 1 – 2 + 4 – 8 + 16 – 32 + 64 – ---------- (1) จะได้ 2S = 2 – 4 + 8 – 16 + 32 – 64 + … ---------- (2)
(1) + (2) จะได้ 3S = 1 นั่นคือ S = 31
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรม 1 – 2 + 4 – 8 + … + (–2)n–1 + … เท่ากับ 31
Pibo
on ch
omso
mbat17. แบคทีเรียกลุ่มหนึ่งขยายพันธ์โดยเพิ่มขึ้น 20% ในแต่ละชั่วโมง ถ้าเดิมแบคทีเรีย 1,000 ตัว จงหา
สูตรที่ใช้ในการหาจ านวนแบคทีเรียในเวลา t ชั่วโมง และเม่ือเวลาผ่านไป 10 ชั่วโมง จะมีแบคทีเรียทั้งหมดเท่าใด --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฉลยแบบฝึกหัด 1.2 ก
1. (1) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้
S1 = 21
S2 = 61
21 =
32
S3 = 181
61
21
= 1813
Sn = 1n
31
21...
181
61
21
= 1-n
n
3413
Pibo
on ch
omso
mbatล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ
21 ,
32 ,
1813 , …, 1-n
n
3413
, …
(2) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้ S1 = 3 S2 = 3 + 2 = 5
S3 = 3 + 2 + 34 =
319
Sn = 1n
323...
3423
=
n
3219
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 3, 5, 319 , …,
n
3219 , …
(3) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้
S1 = 21
S2 = 25
21 = 3
S3 = 225
25
21
= 231
Sn = 1n(5)21
225
25
21 ... = )5(1
81 n
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ ... ),5(181...,,
2313,,
21 n
(4) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้
S1 = 21
S2 =
41
21 =
41
S3 = 81
41
21
=
83
Sn = n
1n
2
1)(...
81
41
21
=
n
211
31
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ
n
211
31...,,
83,
41,
21
(5) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้
Pibo
on ch
omso
mbatS1 = 2
S2 = 2 + (–1) = 1 S3 = 2 + (–1) + (–4) = –3
Sn = 2 + (–1) + (–4) + ... + (5 – 3n) = 3n)(72n
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 2, 1, –3, ..., 3n)(72n
(6) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้
S1 = 43
S2 = 169
43 =
1621
S3 = 6427
169
43
= 64111
Sn = n
43
6427
169
43
... =
n
4313
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ
n
431...,3,
64111,
1621,
43
(7) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้ S1 = 0 S2 = 0 + 3 = 3 S3 = 0 + 3 + 8 = 11
Sn = 0 + 3 + + 8 + ... + (n2 – 1) =
n
1i2 1)(i =
65n3n2n 23
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 0, 3, 11, ..., 6
5n3n2n 23
(8) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้ S1 = –1 S2 = –1 + 0 = –1 S3 = –1 + 0 + 9 = 8
Pibo
on ch
omso
mbatSn = –1 + 0 + 9 + ... +
n
1i23 )2i(i =
124n9n2n3n 234
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ –1, –1, 8, ..., 12
4n9n2n3n 234
(9) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้
S1 = 101
S2 = 1001
101 =
1009
S3 = 1000
11001
101
= 100091
Sn = n
101...
10001
1001
101
=
n
1011
111
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ
n
1011
111...,,
100091,
1009,
101
(10) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้ S1 = 100 S2 = 100 + 10 = 110 S3 = 100 + 10 + 1 = 111
Sn = 100 + 10 + 1 + 0.1 + ... + 103–n =
n1011
91000
ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 100, 110, 111, ...,
n1011
91000
(11) ผลบวกย่อยของอนุกรมนี้มีดังนี้ S1 = 1 S2 = 1 – 2 = –1 S3 = 1 – 2 + 3 = 2 S4 = 1 – 2 + 3 – 4 = –2 S5 = 1 – 2 + 3 – 4 + 5 = 3 S6 = 1 – 2 + 3 – 4 + 5 – 6 = –3 ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 1, –1, 2, –2, 3, –3, ...
2. (1) ...31
21
181
61
21 1-n
... เป็นอนุกรมเรขาคณิตท่ีม ีr =
31 ซ่ึง r 1
Pibo
on ch
omso
mbatดังนั้น อนุกรมนี้จึงเป็นอนุกรมลู่เข้าที่มีผลบวกเป็น
311
21
= 43
(2) อนุกรมลู่เข้า มีผลบวกเป็น 9
(3) ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ ...),5(181...,,
2313,,
21 n ล าดับนี้ไม่มีลิมิต
ดังนั้น อนุกรมท่ีก าหนดให้ ไม่สามารถหาผลบวกได้ จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
(4) อนุกรมลู่เข้า มีผลบวกเป็น 31
(5) ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 2, 1, –3, ..., ... 3n),(72n
ล าดับนี้ไม่มีลิมิต
ดังนั้น อนุกรมท่ีก าหนดให้ ไม่สามารถหาผลบวกได้ จึงเป็นอนุกรมลู่ออก (6) อนุกรมลู่เข้า มีผลบวกเป็น 3
(7) ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 0, 3, 11, ..., ...,6
5n3n2n 23 ล าดับนี้ไม่มี
ลิมิต ดังนั้น อนุกรมท่ีก าหนดให้ ไม่สามารถหาผลบวกได้ จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
(8) ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ –1, –1, 8, ..., ...,12
4n9n2n3n 234 ล าดับนี้
ไม่มีลิมิต ดังนั้น อนุกรมท่ีก าหนดให้ ไม่สามารถหาผลบวกได้ จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
(9) อนุกรมลู่เข้า มีผลบวกเป็น 11
1
(10) อนุกรมลู่เข้า มีผลบวกเป็น 9
1000
(11) ล าดับผลบวกย่อยของอนุกรมนี้คือ 1, –1, 2, –2, 3, –3, ... ล าดับนี้ไม่มีลิมิต ดังนั้น อนุกรมท่ีก าหนดให้ ไม่สามารถหาผลบวกได้ จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
3. (1) จะได้ ...
81116
2718
914 =
......
811
271
91
8116
278
94
=
311
91
321
94
=
23
91(3)
94
= 61
34
= 23
Pibo
on ch
omso
mbat(2) อนุกรม ...
23
83
43
233 1-n ... เป็นอนุกรมเรขาคณิตที่มีอัตราส่วนร่วม
เท่ากับ 21 จะได้ ...
23
83
43
233 1-n ... =
311
3
=
213 = 6
(3) เมื่อ x เป็นจ านวนจริง จะได้ ...)x(2
1...)x(2
1)x(2
1x2
1n232222
เป็นอนุกรมเรขาคณิตท่ีมีอัตราส่วนร่วมเท่ากับ 2x2
1
เนื่องจาก x2 0 ดังนั้น 2 + x2 2 ซึ่งท าให้ 121
x21
2
ดังนั้น ...)x(2
1...)x(2
1)x(2
1x2
1n232222
=
2
2
x211
x21
= 1x
12
4. 90. = 0.9999... = 0.9 + 0.09 + 0.009 + 0.0009 + ...
= ....109
109
109
109
432
เนื่องจาก ....109
109
109
32 เป็นอนุกรมเรขาคณิต ที่มีอัตราส่วนร่วมเท่ากับ 101
ดังนั้น ....109
109
109
32 =
1011
109
=
910
109
= 1 จะได้ 90. = 1
5. (1) 120. = 0.212121... = 0.21 + 0.0021 + 0.000021 + ...
= ....1021
1021
1021
642
Pibo
on ch
omso
mbat=
2
2
1011
1021
=
9910
1021 2
2
= 9921 =
337
(2) 41060. = 0.6104104... = 0.6 + 0.0104 + 0.0000104 + 0.0000000104 + ...
= ....10104
10104
10104
106
1074
= 3
4
1011
1010
106
= 9990104
106
= 9990
1045994
= 99906098
(3) 657.2 = 7.25656... = 7 + 0.2 + 0.056 + 0.00056 + 0.0000056 + ...
= ....1056
1056
1056
1027 753
=
2
3
1011
1056
1027
= 99056
1027
= 990
561987
= 9902547
= 4951277
(4) 784.3 = 4.38787... = 4 + 0.3 + 0.087 + 0.00087 + 0.0000087 + ...
= ....1087
1087
1087
1034 753
Pibo
on ch
omso
mbat=
2
3
1011
1087
1034
= 99087
1034
= 990
872974
= 9903844
= 4951924
(5) 370.0 = 0.07373... = 0.073 + 0.00073 + 0.0000073 + ...
= ....1073
1073
1073
753
= 2
3
1011
1073
= 99073
(6) 2.999 = 2.999 ...
= 2 + 0.9 + 0.09 + 0.009 + ...
= ....109
109
1092 32
=
1011
109
2
= 992
= 3
6. เพราะว่า 1 + x + x2 + x3 + ... + xn–1 + ... = 32
และเนื่องจาก a1 = 1 , r = x
จะได้ว่า 32 =
x11
2 – 2x = 3
∴ x = 21
7. จาก a1 + a1r + a1r2 + a1r3 + ... = 23 จะได้
x1a1
= 23 ---------- (1)
Pibo
on ch
omso
mbatและ a1 – a1r + a1r2 – a1r3 + ... =
43 จะได้
x1a1
= 43 ---------- (2)
จาก (1), 2a1 + 3r = 3 ---------- (3) จาก (2), 4a1 – 3r = 3 ---------- (4) (3) + (4), 6a1 = 6
∴ a1 = 1
จาก (3) จะได้ r = 3
23 = 31
8. (1) รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปแรกมีด้านยาว 5 หน่วย
ด้านของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สองยาว 22
25
25
= 225
= 2
25 หน่วย
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สองมีเส้นรอบรูปยาว 210 หน่วย
(2) ด้านของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สามยาว 22
425
425
=
25 หน่วย
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สามมีเส้นรอบรูปยาว 10 หน่วย
ด้านของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สี่ยาว 22
45
45
= 4
25 หน่วย
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปที่สี่มีเส้นรอบรูปยาว 25 หน่วย จะได้ ผลบวกของเส้นรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็น 20+ 210 + 10 + 25 + ...
=
221
20
= )220(2 9. ความยาวของเส้นรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมรูปแรก เท่ากับ 30 นิ้ว
ความยาวของเส้นรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมรูปที่สอง เท่ากับ 15 นิ้ว
ความยาวของเส้นรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมรูปที่สาม เท่ากับ 215 นิ้ว
ผลบวกของความยาวเส้นรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมทั้งหมดคือ ...2151530
=
211
30
= 60
∴ ผลบวกความยาวเส้นรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมทั้งหมดมีค่า 60 นิ้ว 10. การแกว่งครั้งแรกจากจุดไกลสุดด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งได้ระยะทาง 75 เมตร
Pibo
on ch
omso
mbatการแกว่งครั้งท่ีสองได้ระยะทาง
5375 เมตร
การแกว่งครั้งท่ีสามได้ระยะทาง
5375
53 =
2
5375
เมตร
การแกว่งครั้งท่ีสี่ได้ระยะทาง 2
5375
53
= 3
5375
เมตร
ระยะทางท่ีได้จากการแกว่งครั้งใหม่เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ดังนั้น เรือไวกิ้งจะแกว่งไปมาตั้งแต่เริ่มต้นจากจุดสูงสุดเป็นระยะทางเท่ากับ
...5375
5375
537575
32
=
...
53
53
53175
32
=
531
175 =
2575 = 187.5 เมตร
11. (1) ให้ an เป็นระยะทางท่ีสารพิษแพร่กระจายต่อจากต าแหน่งเดิมเมื่อเวลาผ่านไป n ปี ก าหนด a1 = 1500, a2 = 900, a3 = 540
สังเกตว่า 53
900540
1500900
สมมติให ้an เป็นล าดับเรขาคณิตที่มีพจน์แรกเป็น 1500 และมีอัตราส่วนร่วมเป็น 53
ให้ S10 เป็นผลบวกของระยะทางที่สารพิษแพร่กระจายไปได้เมื่อสิ้นปีที่สิบ
จะได้ S10 = 1500 + 900 + 540 + ... + 9
531500
=
531
5311500
10
=
10
531(1500)
25
=
10
5313750 = 3727.325
เมื่อสิ้นปีที่สิบ สารพิษจะแพร่กระจายไปได้ 3727.325 เมตร
(2) เพราะว่า ผลบวกอนันต์ของอนุกรมนี้เท่ากับ
531
1500
= 3750
ดังนั้น สารพิษจะแพร่กระจายไปได้ไกลที่สุด 3,750 เมตร ซึ่งไปไม่ถึงโรงเรียน
12. ให้ Sn แทนผลบวกย่อย n พจน์แรกของอนุกรม ...32...
32
321
1-n2
Pibo
on ch
omso
mbat sn =
r1)r(1a n
1
=
321
3211
n
=
n
3213
s1 = 1 s2 = 35
= 1.6666
s3 = 919 = 2.1111 s4 =
2765 = 2.4074
s5 = 81211 = 2.6049 s6 =
243665 = 2.7366
s7 = 7292059 = 2.8244 s8 =
21876305 = 2.8829
s9 = 656119171 = 2.9219 s10 =
1968358025 = 2.9479
s11 = 59049175099 = 2.9653
เมื่อ Sn มีค่าน้อยกว่า 3 อยู่ไม่เกิน 1 จะได้ 2 Sn 3 เมื่อ Sn มีค่าน้อยกว่า 3 อยู่ไม่เกิน 0.2 จะได้ 2.8 Sn 3 เมื่อ Sn มีค่าน้อยกว่า 3 อยู่ไม่เกิน 0.05 จะได้ 2.95 Sn 3 จะได้ n ที่น้อยที่สุด ตามเงื่อนไขข้างต้นเป็น n = 3, n = 7 และ n = 11 ตามล าดับ
13. ให้ Sn แทนผลบวกย่อย n พจน์แรกของอนุกรม ...n1...
31
211
โดยใช้เครื่องค านวณ จะได้ S1 = 1
S2 = 23 = 1.500
S3 = 611 = 1.833
S4 = 1225 = 2.083
S5 = 60137 = 2.283
S6 = 2049 = 2.450
S7 = 140363 = 2.592
S8 = 280761 = 2.717
S9 = 25207129 = 2.828
Pibo
on ch
omso
mbatS10 =
25207381 = 2.928
S11 = 2772083711 = 3.019
S12 = 2772086021 = 3.103
S13 = 3603601145993 = 3.180
S14 = 3603601171733 = 3.251
S15 = 3603601195757 = 3.318
S16 = 7207202436559 = 3.380
S17 = 1225224042142223 = 3.439
S18 = 408408014274301 = 3.495
S19 = 77597520275295799 = 3.547
S20 = 1551950455835135 = 3.597
S21 = 517316818858053 = 3.645
S22 = 517316819093197 = 3.690
S23 = 118982864444316699 = 3.734
S24 = 3569485921347822955 = 3.775
S25 = 8923714800
73405252246 = 3.815
S26 = 8923714800
73439574226 = 3.854
S27 = 08031343320033125362520 = 3.891
S28 = 08031343320033154045889 = 3.927
S29 = 80023290895623879227046511 = 3.961
S30 = 80023290895621479304682830 = 3.994
S31 = 68007220177644973572907742572 = 4.027
Pibo
on ch
omso
mbatดังนั้น n ที่น้อยที่สุด เมื่อ Sn มากกว่า 2 คือ 4
n ที่น้อยที่สุด เมื่อ Sn มากกว่า 3 คือ 11 n ที่น้อยที่สุด เมื่อ Sn มากกว่า 4 คือ 31
14. (1) ไม่ถูกต้อง เพราะ 1 + 2 + 4 + 8 + 16 + 32 + ... เป็นอนุกรมอนันต์ที่เป็นอนุกรม เรขาคณิต
อนุกรมนี้มีอัตราส่วนร่วมเป็น 2 ซ่ึง 2 1 จึงไม่สามารถหาผลบวกได้ (2) ไม่ถูกต้อง เพราะ 1 – 2 + 4 – 8 + 16 – 32 + ... เป็นอนุกรมอนันต์ที่เป็นอนุกรม เรขาคณิต
อนุกรมนี้มีอัตราส่วนร่วมเป็น –2 ซ่ึง 2 1 จึงไม่สามารถหาผลบวกได้
15. Sn = r1
)r(1a n1
2100 =
231
231160
n
n = 5 16. ให้พจน์แรกของอนุกรมเรขาคณิตเป็น a และมีอัตราส่วนร่วมเป็น r
จะได้ a + ar = –3
และ ar4 + ar5 = 163
แก้ระบบสมการข้างต้น จะได้ r = 21 หรือ
21
ถ้า r = 21 แล้วจะได้ a = –2
ถ้า r = 21
แล้วจะได้ a = –6
ผลบวก 8 พจน์แรกของอนุกรมนี้เท่ากับ 64255
ทัง้สองกรณี
17. เดิมมีแบคทีเรีย 1000 ตัว
เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง จะมีแบคทีเรีย (1000)100120
= 1200 ตัว
เมื่อเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง จะมีแบคทีเรีย (1000)100120 2
= 1440 ตัว
เมื่อเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง จะมีแบคทีเรีย (1000)100120 3
= 1728 ตัว
Pibo
on ch
omso
mbatดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป t ชั่วโมง จะมีแบคทีเรีย (1000)
100120 t
เมื่อ t = 10 จะได้ a10 = (1000)100120 10
≈ 6191 ตัว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------