Upload
prapun-waoram
View
2.369
Download
3
Embed Size (px)
Citation preview
ตี�แผ่�ข้�อสอบอนุ�กรม
คำ��ส��ง ในแต่�ละข้�อจะประกอบด้�วยอน�กรมที่��ม�ความสั�มพั�นธ์ ต่�อเน"�องก�น จงเล"อกค$าต่อบจากต่�วเล"อก ก-ง มาเต่%มลงในช่�องว�างเพั"�อให้�ได้�อน�กรมที่��ม�ความสั�มพั�นธ์ ต่�อเน"�อ งก�นอย�างสัมเห้ต่�สัมผลมากที่��สั�ด้
ข้�อ 1. 2 3 1 6 4 3 3 36 6 3 5 90 8 3 7.......... (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั. ป* 48)
ก. 103
ข้. 126
ค. 168
ง. 204
ตีอบ คำ . ข้�อน�+ให้�เราสั�งเกต่ต่�วเลข้สั,งๆ ในโจที่ย นะคร�บ ต่�วอย�างเช่�น 36 ก�บ 90 ว�าที่$าไมนะเลข้สัองต่�วน�+ จ/งม�ค�าสั,งผ%ด้ปกต่%กว�าต่�วเลข้อ"�น ต่�อมาเราก0ลองเอาเลข้ 3
ต่�ว ที่��อย,�ข้�างห้น�าข้อง 36 ก�บ 90 บวกห้ร"อค,ณก�น เม"�อเราเอาค,ณก�น 4*3*3
= 36 และ 6*3*5 = 90 ง�ายม�2ยละคร�บ..
ด้�งน�+นจะได้�ว�า 8*3*7 = 168 เป3นค$าต่อบน��นเองข้�อ 2. 16 16 19 49 22 100 25 ....... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%ม ฯ)
ก. 28
ข้. 31
ค. 144
ง. 169
ตีอบ ง . ข้�อน�+ให้�เราสั�งเกต่ต่�วเลข้สั,งๆ เช่�นก�น ต่�วอย�างเช่�น 100 ก�บ 49 เอ5ะแปลกด้�ม�นสัล�บก�นอย,�ก�บเลข้ต่$�าคร�บ แล�วอยากบอก....บอกให้�ค�ณร, �ซะเลยว�าเลข้ 49
ค"อ 72 ห้ร"อ 7*7 เสัมอแน�ะ ด้�งน�+นเลข้ 100 ก0ต่�องเป3น 102 = 10*10 แล�วจะได้�ค$าต่อบว�า 132 = 13 * 13 = 169 ข้อให้�สั�งเกต่ด้�วยว�า 7, 10 และ 13 ห้�างก�นเที่�าก�บ 3 อย�างคงที่��
ข้�อ 3. 95 92 46 42 21 16 8 ......... (คล�ายข้�อสัอบ กที่ม.)
ก. 2
ข้. 6
ค. 24
ง. 32
ตีอบ ก . อน�กรมในข้�อน�+ต่�วเลข้ลด้ลงเร"�อยๆ ข้อให้�เราสั�งเกต่ว�า 95 ก�บ 92 ม�ค�าใกล�เค�ยงก�น (ลด้ลง) ที่$านองเด้�ยวก�น 46 ก�บ 42 ก0ม�ค�าใกล�เค�ยงก�น (ลด้ลง 4) และ 21 ก�บ 16 ก0ลด้ลง 4ด้�งน�+นต่�วเลข้ถั�ด้ไปก0ต่�องลด้ลงจาก 8 ลงอ�ก 6 จ/งได้�ค$าต่อบที่��ถั,กต่�องค"อ 8 -
6 = 2 น��นเองข้�อ 6. 1 1 1 5 2 2 3 8 4 3 6 12 7
4 10..........(คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 17 ข้. 15
ค.13 ง. 11
ตีอบ ก . ข้�อน�+ต่�วเลข้ในอน�กรมสั�บสันปนก�นห้มด้เลย แต่�ไม�ยากห้รอกน�า จะบอกเที่คน%คให้�ด้�งน�+คร�บ ให้�ห้าต่�วเลข้สั,งๆ ในอน�กรมซะก�อน จะพับว�าค"อเลข้ 12 และ 8 ซ/�งเพั%�มข้/+น 4เม"�อเราเล"อกพั%จารณาค$าต่อบจะได้� 1 1 1 5 2 2 3 8 4 3 6 12 7 4 10 17
ข้�อ 7. 148 74 80 40 46 23.......... (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.
+ ปปสั.)
ก. 26
ข้. 29
ค. 35
ง. 42
ตีอบ ข้ . อน�กรมข้�อน�+เราจะเห้0นช่�ด้ว�า 40 เป3นคร/�งข้อง 80 และ 74 เป3นคร/�งห้น/�งข้อง 148 รวมที่�+ง 23 ก0เป3นคร/�งน/�งข้อง 46 แต่�อน�กรมข้�อน�+ถัามห้าต่�วเลข้ที่��อย,�ถั�ด้จาก 23 ต่�างห้าก ซ/�งเราจะเห้0นว�า ถั�ด้จาก 74 ไปเป3น 80 เพั%�มข้/+น 6 ถั�ด้จาก 40 ไปเป3น 46 เพั%�มข้/+น 6
ด้�งน�+นจะได้�ว�าถั�ด้จาก 23 เพั%�มข้/+นอ�ก 6 ไปเป3น 29 น��เอง
ข้�อ 8. 245 479 61013 81317 101621 .......(คล�ายข้�อสัอบนายร�อยต่$ารวจ + ธ์�รการ + การเง%น)
ก. 121925
ข้. 121424
ค. 152125
ง. 151925
ตีอบ ก . ข้�อน�+โจที่ย แปลกด้�นะ ต่�วเลข้เพั%�มข้/+นเร0วจ�งเลย เราลองพั%จารณาต่�วเลข้ห้น�าข้อง แต่� ล ะช่� ด้จะ ได้�ด้� งน�+ 245 479 61013 81317
101621 ......เลข้ต่�วห้น�าที่��ได้�ค"อ 2 4 6 8 10
ต่�วเลข้เพั%�มข้/+นที่�ละ 2 คงที่�� ด้�งน�+นเลข้ต่�วห้น�าข้องค$าต่อบต่�องเป3น 12
แน�นอนน��นค"อต่�องต่อบข้�อ ก. ห้ร"อไม�ก0ข้�อ ข้. สั�วนเลข้ต่�วกลางข้องเลข้แต่�ละช่�ด้จะได้�ด้�งน�+ 245 479 61013 81317 101621 ......ซ/�งเพั%�มข้/+นที่�ละ 3
ด้�งน�+นต่�วเลข้กลางข้องค$าต่อบค"อ 19 น��นเองเราก0จะได้�ค$าต่อบที่��ถั,กต่�องค"อ 121925 น��นเอง
ข้�อ 9. 46 2 23 75 3 25 108 4 27 ......(คล�ายข้�อสัอบนายร�อยต่$ารวจ + ต่รวจคนเข้�าเม"อง)
ก. 200
ข้. 145
ค. 21
ง. 5
ตีอบ ข้ . ข้�อน�+ต่�องด้,ที่��ต่�วเลข้ต่$�า ๆ ที่��แที่รกอย,�บนอน�กรมจะง�ายกว�าค"อ 2, 3
และ 4
จะได้�ด้�งน�+ 46 2 23 75 3 25 108 4 27 .....
ซ/�งที่$าให้�เราที่ราบว�า 46 เก%ด้จาก 3*25 และ 108 เก%ด้จาก 4*27 ด้�งน�+นค$าต่อบที่��เราต่�องการต่�องเก%ด้จาก 5*29 น��นเอง ซ/�ง 5*29 = 145
ข้�อ 10. 2 5 6 4 7 9 8 12 54 32 .......(คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.ปล�ด้อ$าเภอ)
ก. 64
ข้. 76
ค. 19
ง. 18
ตีอบ คำ . ข้�อน�+แปลกต่รงที่��ม�เลข้ 4, 8, 12 และ 32 เป3นต่�วเลข้ลงแที่รกอย,�ในอน�กรมด้�งน�+คร�บ 2 5 6 4 7 9 8 12 54 32 .......จะได้�ว�า 5
+7 = 12 และ 7 + 12 = 19
แนุวข้�อสอบอนุ�กรมคำ��ส��ง ในแต่�ละข้�อจะประกอบไปด้�วยอน�กรมที่��ม�ความสั�มพั�นธ์ ต่�อเน"�องก�น จงเล"อก
ค$าต่อบจากต่�วเล"อก ก- ง มาเต่%มลงในช่�องว�างเพั"� อให้�ได้�อน�กรมที่��ม�ความสั�มพั�นธ์ ต่�อเน"�อ งก�นอย�างสัมเห้ต่�สัมผลมากที่��สั�ด้
ข้�อ 1. 4 2 8 14 24 46 .......... (คล�ายข้�อสัอบนายร�อยต่$ารวจ)
ก. 58
ข้. 60
ค. 70
ง. 84
ข้�อ 2. 1 4 2 6 6 8 15 10 .......... (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั. + ปล�ด้อ$าเภอ)
ก. 12
ข้. 16
ค. 31
ง. 41
ข้�อ 3. 17 17 51 255 .......... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. 1,781
ข้. 1,785
ค. 2,455
ง. 2,295
ข้�อ 4. 3 5 8 14 29 71 .......... (คล�ายข้�อสัอบ กที่ม.)
ก. 123
ข้. 145
ค. 162
ง. 194
ข้�อ 5. 7 -9 16 -20 29 .......... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. -33
ข้. -35
ค. -37
ง. -39
ข้�อ 6. 2 2 5 5 4 10 8 7 16 ......... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. 11
ข้. 12
ค. 13
ง. 14
ข้�อ 7. 6 10 18 29 51 76 .......... (คล�ายข้�อสัอบ กที่ม.)
ก. 126
ข้. 156
ค. 112
ง. 99
ข้�อ 8. 12 12 24 72 288 .......... (คล�ายข้�อสัอบ กที่ม.)
ก. 1,240
ข้. 1,440
ค. 1,420
ง. 1,480
ข้�อ 9. 45 18 65 28 90 43 120 .......... (คล�ายข้�อสัอบปล�ด้อ$าเภอ)
ก. 63
ข้. 86
ค. 130
ง. 155
ข้�อ 10. 3 2 7 5 4 21 7 6 43 .......... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. 8
ข้. 9
ค. 12
ง. 73
ข้�อ 11. 6 42 7 9 72 8 12 108 9 15 .......
... (คล�ายข้�อสัอบปล�ด้อ$าเภอ)
ก. 10
ข้. 18
ค. 122
ง. 1502XY3X3 ข้�อ 12. 3X 2XY 2Y 1 1 ………. (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
2YY ก. X
ข้. 3
6XY3Y ค. X
ง. 1
ข้�อ 13. 3 5 7 15 27 .......... (คล�ายข้�อสัอบ กที่ม.)
ก. 35
ข้. 42
ค. 47
ง. 49
ข้�อ 14. 3 10 33 134 .......... (คล�ายข้�อสัอบนายร�อยต่$ารวจ)
ก. 671
ข้. 691
ค. 792
ง. 797
ข้�อ 15. 1 4 36 9 121 14 256 19 441 .......
... (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 24
ข้. 33
ค. 42
ง. 676
ข้�อ 16. 33 49 63 75 .......... (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 65
ข้. 71
ค. 69
ง. 85
ข้�อ 17. 2 4 8 14 23 33 49 63 .......... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. 14
ข้. 25
ค. 88
ง. 91996335153ข้�อ 18. 7 9 13 21 37 ......... (คล�ายข้�อสัอบปล�ด้อ$าเภอ)
14344 ก. 69
ข้. 69
143ข้�อ 19. 7 10 25 100 475 …....... (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. 2,350
ข้. 2,845
ค. 1,875
ง. 16
ข้�อ 20. 4 29 7 93 12 253 19 .......... (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 278
ข้. 302
ค. 562
ง. 581
เฉลย1. ง
2. ค
3. ข้
4. ง
5. ข้
6. ก
7. ก
8. ข้
9. ก
10. ข้
11. ง
12. ข้
13. ง
14. ก
15. ก
16. ง
17. ค
18. ข้
19. ก
20. ง
ตี�แผ่�ข้�อสอบคำณิ�ตีศ�สตีร ทั่��วไป
คำ��ส��ง ในแต่�ละข้�อจะประกอบด้�วยโจที่ย คณ%ต่ศาสัต่ร และต่�วเล"อก ก ง– ให้�ศ/กษาโจที่ย ที่��ก$า ห้นด้แล�วค$า นวณห้าค$า ต่อบโด้ยอาศ�ยความร, �พั"+ นฐานที่ างคณ%ต่ศาสัต่ร
ข้�อ 1. ล,กเต่<าล,กห้น/� งม�ความยาวข้องเสั�นข้อบที่�กด้�านรวมก�นเป3น 72
เซนต่%เมต่ร อยากที่ราบว�าปร%มาต่รข้องล,กเต่<าน�+เป3นก��ล,กบาศก เซนต่%เมต่ร (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 144
ข้. 216
ค. 512
ง. 729
ตีอบ ข้ . อย�าล"มนะคร�บว�า....ล,กเต่<าแต่�ละล,กประกอบด้�วย 6 ด้�านห้ร"อ 6 ห้น�า ซ/�งเป3นร,ปสั��เห้ล��ยมจ�ต่�ร�สั จะม�ข้อบด้�านที่�+งห้มด้ 12 ข้อบด้�านด้�วย
ที่$า ให้�ล, ก เต่< าต่ามโจที่ย จ ะ ม�ด้� านแต่� ล ะ ด้� านยาว = 72 = 6
เซนต่%เมต่ร 12ด้�งน�+นปร%มาต่รข้องล,กเต่<า = ด้�าน × ด้�าน × ด้�าน = 6 × 6 × 6 =
216 ล,กบาศก เซนต่%เมต่รข้�อ 2. จงห้าว�าเลข้จ$านวนเต่0ม 2 จ$านวนที่��รวมก�นได้� 60 และที่$าให้�ผลค,ณข้อง
เลข้ 2 จ$านวนน�+ม�ค�าสั,งสั�ด้ค"อ (คล�ายข้�อสัอบกรมสั�งเสัร%มฯ)
ก. 50 ก�บ 10
ข้. 45 ก�บ 15
ค. 40 ก�บ 20
ง. 30 ก�บ 30
ตีอบ ง . ก0ลองจ�บต่�วเลข้ในต่�วเล"อกค,ณก�นด้,ซ%จะร, �เองด้�งน�+ 50×10 = 500, 45×15 = 675,
40×20 = 800, 30×30 = 900 ด้�งน�+นเลข้ 2 จ$านวนน�+ค"อ 30
ก�บ 30
ข้�อ 3. ด้$าร%ต่�องการแจกข้นมให้�เพั"�อน ๆ ในช่�+นเร�ยน ถั�าเข้าแจกให้�เพั"�อนคนละ 1
ช่%+น จะเห้ล"อข้นมอย,� 6 ช่%+นแต่�ถั�าเข้าแจกให้�เพั"�อนคนละ 2 ช่%+น จะม�เพั"�อนที่��ไม�ได้�ร�บข้นมอย,� 2 คน อยากที่ราบว�าด้$าร%ม�ข้นมที่�+งห้มด้ก��ช่%+น (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 14
ข้. 15
ค. 16
ง. 17
ตีอบ คำ . ข้�อน�+ม�ข้�อน�าสั�งเกต่ว�าคร�+งห้ล�งด้$าร%แจกข้นมให้�เพั"�อนคนละ 2 ช่%+น ด้�งน�+นข้นมที่��เข้าก0ต่�องม�อย,�ก0ต่�องเป3นเลข้ค,�เที่�าน�+น ค$าต่อบข้�อน�+ค"อข้�อ ก. 14 ห้ร"อไม�ก0ข้�อ ค. 16 นะคร�บสัมมต่%ว�าด้$า ร%ม�ข้นมอย,� 16 ช่%+น และต่�องม�เพั"� อนน�กเร�ยนอย,� 10 คน (เน"�องจากแจกก�นคนละช่%+น แล�วเห้ล"อข้นมอย,� 6 ช่%+นน��นา)เม"�อด้$าร%น$าข้นม 16 ช่%+นไปแจกก�นคนละ 2 ช่%+น จะแจกให้�เพั"�อนได้�ที่�+งห้มด้ 16
สั�วน 12 = 8 คน แสัด้งว�าม�เพั"�อนที่��ไม�ร�บข้นมอย,� = 10 - 8 = 2
คน ต่รงก�บโจที่ย เป=ะเลย
ย�งง�+นก0แสัด้งว�าด้$าร%ม�ข้นมอย,�ที่�+งห้มด้ 16 ช่%+นข้�อ 4. สั��เห้ล��ยมจ�ต่�ร�สับรรจ�อย,�ในวงกลมที่��ม�พั"+นที่�� 18 ต่ารางเซนต่%เมต่ร
อยากที่ราบว�าสั��เห้ล��ยมจ�ต่�ร�สัน�+ม�ความยาวด้�านละก��เซนต่%เมต่ร (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 3
ข้. 3√2
ค. 6
ง. 6√2
ตีอบ คำ . ข้�อน�+แสัด้งว�า □ จ�ต่�ร�สัวางอย,�ในวงกลม เป3นวงกลมที่��ม�พั"+นที่�� 18
ด้�งน�+น □ จ�ต่�ร�สัที่��ต่�องการม�ด้�านยาวด้�านละ = √2×18 =
√36 = 6 เซนต่%เมต่ร..ง�ายจ�งข้�อ 5. พั��ข้�ด้บ�อแห้�งห้น/�งเสัร0จใน 20 ว�น น�องข้�ด้บ�อเด้�ยวก�นเสัร0จใน 12 ว�น
ห้ากพั��ข้�ด้ไประยะห้น/�งแล�วห้ย�ด้ปล�อยให้�น�องข้�ด้ต่�อคนเด้�ยวจะใช่�เว ลาที่�+งสั%+น 14
ว�นต่�+งแต่�พั��ลงม"อข้�ด้ อยากที่ราบว�าพั��ข้�ด้บ�ออย,�ก�อนแล�วก��ว�น (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 3
ข้. 5
ค. 7
ง. 9
ตีอบ ข้ .
ก$าห้นด้ให้�พั��ข้�ด้บ�อคนเด้�ยวใช่�เวลา 20 ว�น และน�องข้�ด้บ�อคนเด้�ยวใช่�เวลา 12 ว�นจ/งเสัร0จ แล�วถัามว�าพั��ข้�ด้บ�ออย,�ก�อนแล�วก��ว�น ข้�อน�+กล�วยมาก ๆ คร�บก0เอาเวลาข้องพั��ค"อ 20 ต่�+งไว�ซ%แล�วเอาต่�วเลข้ในต่�วเล"อกไปห้ารซะ เลข้ต่�วไห้นห้าร 20
ลงต่�ว เป3นค$าต่อบ จะเห้0นว�า 20 สั�วน 5 = 4 ลงต่�วพัอด้� ด้�งน�+นพั��ข้�ด้บ�ออย,�ก�อนแล�ว 5 ว�น...อย�างง...น��ค"อเที่คน%ค
ข้�อ 6. ถั�า X ม�ค�าอย,�ระห้ว�าง 2 ถั/ง 9 และ Y ม�ค�าอย,�ระห้ว�าง 18 ถั/ง 54
อยากที่ราบว�า Y ม�ค�าระห้ว�างใด้ (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. 6 ถั/ง 9
ข้. 6 ถั/ง 12
ค. 3 ถั/ง 9
ง. 2 ถั/ง 27
ตีอบ ง . ข้�อ 9. กล�องผงซ�กฟอกข้นาด้ให้ญ่�ม�ข้นาด้ 40×25×7 ล,กบาศก เซนต่%เมต่ร
และกล�องผงซ�กฟอกข้นาด้เล0กม�ข้นาด้ 25×16×5 ล,กบาศก เซนต่%เมต่ร แต่�ละกล�องจะม�ผงซ�กฟอกอย,�เพั�ยง 3 ข้องกล�อง ถัามว�าจะต่�องซ"+อผงซ�กฟอกแต่�ละข้นาด้อย�างน�อยก��กล�องจ/งจะม�ปร% มาต่รเที่�าก�บ (คล�ายข้�อสัอบ ก.พั.)
ก. กล�องให้ญ่� 1 กล�อง กล�องเล0ก 2 กล�อง ข้. กล�องให้ญ่� 2
กล�อง กล�องเล0ก 5 กล�อง ค. กล�องให้ญ่� 2 กล�อง กล�องเล0ก 9 กล�อง ง. กล�องให้ญ่� 2
กล�อง กล�องเล0ก 7 กล�องข้�อ 10. ถั�าสั��เห้ล��ยมผ"นผ�าร,ปห้น/�ง ความยาวข้องด้�านกว�างเพั%�มข้/+น 30% แต่�
ด้�านยาวลด้ลง 10% ถัามว�าพั"+นที่��ข้องสั��เห้ล��ยมผ"นผ�าร,ปด้�งกล�าวจะม�พั"+นที่��เพั%�มข้ /+นก��เปอร เซ0นต่ (คล�ายข้�อสัอบนายร�อยต่$ารวจ)
ก. 17
ข้. 20
ค. 21
ง. 23
ตีอบ ก . ด้�านกว�างเพั%�มข้/+น 30% ห้มายถั/ง เด้%มกว�าง 100 ให้ม�กว�าง 130 ด้�านยาวลด้ลง 10% ห้มายถั/ง เด้%มยาว 100 ให้ม�ยาว 90 ด้�งน�+นพั"+นที่��เด้%ม = กว�าง×ยาว = 100×100 = 10,000
และพั"+นที่��ให้ม� = กว�าง×ยาว = 130×90 = 1,700
ห้ล�งจากน�+นเราก0เที่�ยบบ�ญ่ญ่�ต่%ไต่รยางศ โด้ยให้�เที่�ยบเป3น 100 ด้�งน�+ พั"+นที่��เด้%ม = 10,000 พั"+นที่��ให้ม� = 11,700
พั"+นที่��เด้%ม = 100 พั"+นที่��ให้ม� = 11,700×100 = 117
10,000
ด้�งน�+นพั"+นที่��สั��เห้ล��ยมด้�งกล�าวจะเพั%�มข้/+น = 117 – 100 = 17%
น��นเองข้�อแนุะนุ��เก��ยวก�บหล�กส&ตีรก�รสอบภ�คำ ก.
ว�ช�คำว�มส�ม�รถในุก�รศ+กษ� ว�เคำร�ะห และสร�ปเหตี�ผ่ล ข้�อสัอบว%ช่าน�+ใช่�ว�ด้ความสัามารถัที่างด้�านความม�เห้ต่�ผล ด้�านต่�วเลข้ และ
ด้�านภาษา1. คำว�มส�ม�รถทั่�งด้��นุคำว�มม�เหตี�ผ่ล (Reasoning)
แบบทั่�� 1 อ�ปม�อ�ปไมย (Analogy)
ข้�อสัร�ปร,ปแบบน�+แต่�ละข้�อจะประกอบด้�วยอ�ปมาอ�ปไมยที่��ย�งไม�สัมบ, รณ และต่�วเล"อก ก-ง ให้�เล"อกค$าสัองค$าจากต่�วเล"อก ก-ง มาแที่นเคร"�องห้มายค$าถัามข้องอ�ปมาอ�ปไมยที่��ไม�สัมบ,รณ น�+น โด้ยค$าแรกข้องต่�วเล"อกแที่นเคร"�องห้มายค$าถัามแรก ค$าที่��สัองข้องต่�วเล"อกแที่นเคร"�องห้มายค$าถัามห้ล�ง เม"�อแที่นแล�วต่�องที่$าให้�อ�ปมาอ�ปไมยน�+นสัมบ,รณ ค"อให้�ความสั�มพั�นธ์ เก��ยวข้�องข้องสัองค$าแรกสัอด้คล�องก�บความสั�มพั�นธ์ เก��ยวข้�องข้องสัอ งค$าห้ล�งตี�วอย��ง ข้�อ 01 อ�ห�ร : ? : : ? : ด้.�ม
ก. ก�นุ นุ�/� ข้. ห�ว นุ�/�แข้0ง คำ. ห�ว ข้��ว ง. ชด้ นุ�/�หว�นุ ตีอบ ก . เพร�ะก�นุและนุ�/� ม�แทั่นุเคำร.�องหม�ยคำ��ถ�ม จะได้�คำ��คำ&�แรกคำ.อ อ�ห�ร : ก�นุ ซึ่+�งม�คำว�มส�มพ�นุธ์ โด้ยสอด้คำล�องก�บคำ��คำ&�หล�งคำ.อ นุ�/� : ด้.�ม
ข้�อ 02 เสม�ยนุ : สถ�ปนุ�ก : : ? : ?
ก. ธ์�รการ : บร%ห้าร ข้. ข้�าราช่การ : เอกช่น ค. จ%ต่รกร : วาด้ร,ป ง. ห้น�งสั"อ : อาคาร ตีอบ ง . เพัราะห้น�งสั"อและอาคาร ม�ความสั�มพั�นธ์ เก��ยวข้�องสัอด้คล�องก�บเสัม�ยนและสัถัาปน%กมากที่��สั�ด้
ข้�อ 03 ล$าธ์าร : แม�น$+า : : ? : ?
ก. ที่ะเล : เร"อ ข้. ล,กน$+า : ย�ง คำ. อ��ว : ฝั่7� ง ง. ตี�ร�ง : หม�กร�ก ตีอบ ข้ . เพัราะล,กน$+าและย�ง ม�ความสั�มพั�นธ์ โด้ยสัอด้คล�องก�บ
ล$าธ์ารและแม�น$+ามากที่��สั�ด้
แบบทั่�� 2 ก�รสร�ปคำว�ม (Inference)
ข้�อสัอบร,ปแบบน�+จะประกอบด้�วยเง"�อนไข้ และในแต่�ละข้�อจะม�ข้�อสัร�ปที่�� 1
และข้�อสัร�ปที่�� 2 ให้�ศ/กษาเง"�อนไข้ที่��ก$าห้นด้ให้�ก�อน แล�วจ/งอาศ�ยความร, �ที่��ได้�จากเง"�อนไข้ด้�งกล�าวมาพั%จารณาข้�อสัร�ป ที่�+งสัองข้องแต่�ละข้�อ แล�วที่$าต่อบลงในกระด้าษค$าต่อบ โด้ยย/ด้ห้ล�กด้�งน�+
หล�กในุก�รทั่��ตีอบ ต่อบ ก. ถั�าข้�อสัร�ปที่�+งสัองเป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้ ต่อบ ข้. ถั�าข้�อสัร�ปที่�+งสัองไม�เป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้
ต่อบ ค. ถั�าข้�อสัร�ปที่�+งสัองไม�แน�ช่�ด้ ค"อ ศ/กษาจากเง"�อนไข้แล�วไม�สัามารถัสัร�ปได้�ว�าเป3นจร%ง ห้ร"อไม�เป3นจร%ง
ต่อบ ง. ถั�าข้�อสัร�ปใด้ข้�อสัร�ปห้น/�งเป3นจร%ง ห้ร"อไม�เป3นจร%ง ห้ร"อไม�แน�ช่�ด้ ซ/�งไม�ซ$+าก�บอ�กข้�อสัร�ปห้น/�ง
ตี�วอย��ง ข้�อ 01 – 03 ให�ใช�เง.�อนุไข้ทั่��ก��หนุด้ให�ตี�อไปนุ�/ส��หร�บก�รตีอบคำ��ถ�ม
เง.�อนุไข้- นายกานต่ ไม�สั,บบ�ห้ร��- ญ่าต่%ข้องนายธ์น,ที่�กคนสั,บบ�ห้ร��- นายธ์น,ไม�ได้�เป3นที่นายความ- นายสัมานญ่าต่%ข้องนายธ์น,เป3นที่นายความ- นายช่าต่%ญ่าต่%ข้องนายธ์น,เป3นต่$ารวจอย,�ที่��จ�งห้ว�ด้พัระนครศร�อย�ธ์ยา
คำ��ถ�ม ข้�อ 01 ข้�อสัร�ปที่�� 1 นายกานต่ เป3นญ่าต่%ข้องนายธ์น,
ข้�อสัร�ปที่�� 2 นายสัมานไม�สั,บบ�ห้ร�� ตีอบ ข้ . เพัราะข้�อสัร�ปที่�+งสัองไม�เป3นจร%งต่าม
เง"�อนไข้ ค"อ จากเง"�อนไข้ที่��ว�าญ่าต่%ข้องนายธ์น,ที่�กคนสั,บบ�ห้ร�� แต่�นายกานต่ ไม�สั,บบ�ห้ร�� นายกานต่ จ/งไม�ใช่�ญ่าต่%ข้องนายธ์น,และนายสัมานจ/งต่�องเป3นคนสั,บบ�ห้ร ��เพัราะเป3นญ่าต่%ข้องนายธ์น,
ข้�อ 02 ข้�อสัร�ปที่�� 1 ที่นายความที่�กคนสั,บบ�ห้ร�� ข้�อสัร�ปที่�� 2 ภรรยานายกานต่ ไม�ช่อบคนสั,บบ�ห้ร�� ตีอบ คำ . เพัราะข้�อสัร�ปที่�+งสัองด้,จากเง"�อนไข้แล�วไม�สัามารถัสัร�ปได้�แน�ช่�ด้ว�าเป3นจร%ง ห้ร"อไม�เป3นจร%ง เน"�องจากที่นายความที่�กคน
อาจสั,บบ�ห้ร��ก0ได้� ห้ร"อบางคนอาจไม�สั,บบ�ห้ร��ก0ได้� และภรรยานายกานต่ ก0เช่�นก�น เง"�อนไข้ไม�ได้�บอกว�าช่อบห้ร"อไม�ช่อบคนสั,บบ�ห้ร��
ข้�อ 03 ข้�อสัร�ปที่�� 1 ภรรยานายช่าต่%อย,�จ�งห้ว�ด้พัระนครศร�อย�ธ์ยา ข้�อสัร�ปที่�� 2 ญ่าต่%บางคนข้องนายธ์น,ร�บราช่การ ตีอบ ง . เพัราะข้�อสัร�ปที่�� 1 ไม�แน�ช่�ด้ว�าเป3นจร%งห้ร"อไม�เป3นจร%งเพั�ยงข้�อสัร�ปเด้�ยว สั�วนข้�อสัร�ปที่�� 2 น�+นเป3นจร%ง ด้�งน�+นจะต่อบ ก.
ห้ร"อ ข้. ห้ร"อ ค. ไม�ได้� ต่�องต่อบ ง.
แบบทั่�� 3 ก�รสร�ปคำว�มจ�กส�ญล�กษณิ (Symbolic)
ข้�อสัอบร,ปแบบน�+จะประกอบด้�วยเง"�อนไข้ ซ/�งอย,�ในร,ปข้องต่�วอ�กษรและเคร"�องห้มายต่�าง ๆ ด้�งต่�อไปน�+
= ห้มายถั/ง เที่�าก�บ ¹ ห้มายถั/ง ไม�เที่�าก�บ ซ/�งอาจมากกว�าห้ร"อน�อยกว�า
> ห้มายถั/ง มากกว�า > ห้มายถั/ง ไม�มากกว�า ซ/�งอาจเที่�าก�บห้ร"อน�อยกว�า
< ห้มายถั/ง น�อยกว�า < ห้มายถั/ง ไม�น�อยกว�า ซ/�งอาจเที่�าก�บห้ร"อมากกว�า
£ ห้มายถั/ง น�อยกว�าห้ร"อเที่�าก�บ ³ ห้มายถั/ง มากกว�าห้ร"อเที่�าก�บและในแต่�ละข้�อจะม�ข้�อสัร�ปที่�� 1 และข้�อสัร�ปที่�� 2 ให้�ศ/กษาเง"�อนไข้ที่��ก$าห้นด้ให้�ก�อน แล�วจ/งอาศ�ยความร, �ที่��ได้�จากเง"�อนไข้ด้�งกล�าวมาพั%จารณาข้�อสัร�ป ที่�+งสัองข้องแต่�ละข้�อ แล�วที่$าต่อบลงในกระด้าษค$าต่อบ โด้ยย/ด้ห้ล�กด้�งน�+
หล�กในุก�รทั่��ตีอบ ต่อบ ก. ถั�าข้�อสัร�ปที่�+งสัองเป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้ ต่อบ ข้. ถั�าข้�อสัร�ปที่�+งสัองไม�เป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้
ต่อบ ค. ถั�าข้�อสัร�ปที่�+งสัองไม�แน�ช่�ด้ ค"อ ศ/กษาจากเง"�อนไข้แล�วไม�สัามารถัสัร�ปได้�ว�าเป3นจร%ง ห้ร"อไม�เป3นจร%ง
ต่อบ ง. ถั�าข้�อสัร�ปใด้ข้�อสัร�ปห้น/�งเป3นจร%ง ห้ร"อไม�เป3นจร%ง ห้ร"อไม�แน�ช่�ด้ ซ/�งไม�ซ$+าก�บอ�กข้�อสัร�ปห้น/�ง
ตี�วอย��ง ข้�อ 01 – 03 ให�ใช�เง.�อนุไข้ทั่��ก��หนุด้ให�ตี�อไปนุ�/ส��หร�บก�รตีอบคำ��ถ�ม
เง.�อนุไข้ ถั�า P > R = E < S
และ V > E < A > B (ที่�กต่�วอ�กษรม�ค�ามากกว�าศ,นย ) คำ��ถ�ม ข้�อ 01 ข้�อสัร�ปที่�� 1 B > E
ข้�อสัร�ปที่�� 2 R ¹ A
ตีอบ ก . เพัราะข้�อสัร�ปที่�� 1 และข้�อสัร�ปที่�� 2 ถั,กต่�องเป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้
ข้�อ 02 ข้�อสัร�ปที่�� 1 P < B
ข้�อสัร�ปที่�� 2 S ¹ P
ตีอบ คำ . เพัราะข้�อสัร�ปที่�+งสัอง ด้,จากเง"�อนไข้แล�วไม�สัามารถัสัร�ปได้�แน�ช่�ด้ว�าเป3นจร%งห้ร"อไม�เป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้
ข้�อ 03 ข้�อสัร�ปที่�� 1 P > A
ข้�อสัร�ปที่�� 2 E ¹ P
ตีอบ ง . เพัราะข้�อสัร�ปที่�� 1 ไม�สัามารถัสัร�ปได้�แน�ช่�ด้ว�าเป3นจร%งห้ร"อไม�เป3นจร%ง สั�วนข้�อสัร�ปที่�� 2 สัามารถัสัร�ปได้�ว�าเป3นจร%งต่ามเง"�อนไข้
แบบทั่�� 4 ก�รสร�ปเหตี�ผ่ลเช�งตีรรกว�ทั่ย� (Logic)
ข้�อสัอบร,ปแบบน�+จะประกอบด้�วย 2 สั�วนด้�งน�+ สั�วนที่�� 1 ค"อ เง"�อนไข้ห้ร"อข้�อม,ลที่��ก$าห้นด้ให้�และสั�วนที่�� 2 ค"อ ข้�อสัร�ป ให้�ศ/กษาเง"�อนไข้ที่��ก$าห้นด้ให้� แล�วจ/งอาศ�ยความร, �เฉพัาะที่��ได้�ร�บจากข้�อม,ลมาใช่�พั%จารณาว�าข้�อสัร�ปใด้สัอด้คล�องต่ามข้�อความข้�างต่�น ห้ร"อข้�อสัร�ปใด้ไม�สัอด้คล�องก�บข้�อความข้�างต่�น
ตี�วอย��งข้�อ 01 ต่รรกว%ที่ยา ค"อว%ช่าว�าด้�วยกฎเกณฑ์ การใช่�เห้ต่�ผล ผ,�ที่��ร, �จ�กใช่�ประโยช่น จาก
ต่รรกว%ที่ยาที่�กคนเป3นผ,�ม�เห้ต่�ผลที่�กคน ไม�เป3นผ,�เข้�าใจผ%ด้ง�าย ผ,�เข้�าใจผ%ด้ง�ายที่�กคนเป3นผ,�ห้าความสั�ข้ได้�ยาก
ข้�อใด้สอด้คำล�องตี�มข้�อคำว�มข้��งตี�นุก. ผ,�ร, �จ�กใช่�ประโยช่น จากต่รรกว%ที่ยาบางคนไม�เป3นผ,�ห้าความสั�ข้ได้�ย ากข้. ไม�ม�ผ,�ร, �จ�กใช่�ประโยช่น จากต่รรกว%ที่ยาคนใด้เป3นผ,�เข้�าใจผ%ด้ง�า ยค. ไม�ม�ผ,�ห้าความสั�ข้ได้�ยากคนใด้เป3นผ,�ม�เห้ต่�ผลง. ผ,�ม�เห้ต่�ผลที่�กคนเป3นผ,�ร, �จ�กใช่�ประโยช่น จากต่รรกว%ที่ยา
ตีอบ ข้ . เพัราะต่ามข้�อม,ลข้�างต่�นว%น%จฉ�ยได้�ว�าผ,�ร, �จ�กใช่�ประโยช่น จากต่ร รกว%ที่ยาที่�กคนไม�เป3นผ,�เข้�าใจผ%ด้ง�าย
ข้�อ 02 จากการศ/กษาพับว�า ถั�าร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บ จะที่$าให้�ระด้�บคอเลสัเต่อรอลและไต่รกล�เซอไรด้ ในเล"อด้ลด้ลง
ข้�อใด้สัอด้คล�องต่ามข้�อความข้�างต่�นก. ถั�าระด้�บคอเลสัเต่อรอลและไต่รกล�เซอไรด้ ในเล"อด้ข้องคนใด้ลด้ลง
แสัด้งว�าคนน�+นร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บ
ข้. ถั�าคนไม�ร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บแล�วระด้�บคอเลสัเต่อรอลและไต่รกล�เซอไรด้ ใ นเล"อด้จะไม�ลด้ลง
ค. ถั�าระด้�บคอเลสัเต่อรอลแลไต่รกล�เซอไรด้ ในเล"อด้ข้องคนใด้ไม�ลด้ลง แสัด้งว�าคนน�+นไม�ได้�ร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บ
ง. ถั�าต่นใด้ไม�ร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บ ระด้�บคอเลสัเต่อรอลและไต่รกล�เซอไรด้ ในเล"อด้ข้องคนน�+นจะเพั%�มข้/+น
ตีอบ คำ . เน"�องจากต่ามข้�อม,ลที่��ให้�มา เราที่ราบว�า ถั�าร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บ จะที่$าให้�ระด้�บคอเลสัเต่อรอลและไต่รกล�เซอไรด้ ในเล"อด้ลด้ลงเม"�อใช่�ห้ล�กต่รรกว%ที่ยาแล�ว ค$าต่อบในข้�อ ค. ค"อ ถั�าระด้�บคอเลสัเต่อรอลและไต่รกล�เซอไรด้ ในเล"อด้ข้องคนไม�ลด้ลง ด้�งน�+น จ/งสัร�ปได้�ว�าเข้าไม�ได้�ร�บประที่านกรด้ไลโนเลอ%กในข้นาด้ร�อยละ 12 ข้องแคลลอร��ที่��ควรได้�ร�บ
1. คำว�มส�ม�รถทั่�งด้��นุตี�วเลข้ (Numerical)
แบบทั่�� 1 อนุ�กรม ข้�อสัอบร,ปแบบน�+ในแต่�ละข้�อ โจที่ย จะก$าห้นด้อน�กรมที่��ม�ความสั�มพั�นธ์
ต่�อเน"�องก�นให้�ช่�ด้ห้น/�ง แล�วให้�ห้าต่�วเลข้จ$านวนถั�ด้ไปมาเต่%มลงในช่�องว�าง เพั"�อให้�ได้�อน�กรมที่��ม�ความสั�มพั�นธ์ ต่�อเน"�องก�นอย�างสัมเห้ต่�สัมผ ลมากที่��สั�ด้ โด้ยเล"อกจากต่�วเล"อก ก-ง แล�วที่$าต่อบลงในกระด้าษค$าต่อบตี�วอย��ง ข้�อ 01 5 10 20 35 ….
ก. 45 ข้. 50 ค. 55
ง. 60
ตีอบ คำ . เพัราะ 55 เป3นต่�วเลข้ที่��ที่$าให้�อน�กรมม�ความสั�มพั�นธ์ ต่�อเน"�องก�นอย�างสัมเห้ต่ �สัมผลมากที่��สั�ด้
ข้�อ 02 9 13 22 38 63 ….
ก. 86 ข้. 99 ค. 108
ง. 125
ตีอบ ข้ . เพร�ะ 99 เป9นุตี�วเลข้ทั่��ทั่��ให�อนุ�กรมม�คำว�มส�มพ�นุธ์ ตี�อเนุ.�องก�นุอย��งสมเหตี �สมผ่ลม�กทั่��ส�ด้
แบบทั่�� 2 โจทั่ย คำณิ�ตีศ�สตีร ข้�อสอบร&ปแบบนุ�/ในุแตี�ละข้�อจะประกอบด้�วยโจทั่ย คำณิ�ตีศ�สตีร และตี�วเล.อก ก-ง ให�ศ+กษ�โจทั่ย ทั่��ก��หนุด้ให�แล�วคำ��นุวณิห�คำ��ตีอบ โด้ยอ�ศ�ยคำว�มร&�พ./นุฐ�นุทั่�งคำณิ�ตีศ�สตีร แล�วทั่��ตีอบลงในุกระด้�ษคำ��ตีอบ
ตี�วอย��ง ข้�อ 01 ถั�าความยาวข้องเสั�นผ�าศ,นย กลางข้องวงกลมวงห้น/�งเพั%�มข้/+น 100 เปอร เซ0นต่ วงกลมที่��เก%ด้ข้/+นให้ม�จะม�พั"+นที่��เพั%�มข้/+นอ�กก��เปอร เซ0นต่
ก. 50 ข้. 100 ค.
200 ง. 300
ตีอบ ง . เพัราะ 300% ค"อค$าต่อบที่��ถั,กต่�องที่��สั�ด้ ข้�อ 02 น$+าเกล"อ 6 ล%ต่ร ซ/�งม�ความเข้�มข้�น 4% ถั�าที่$าให้�ระเห้ยเป3นน$+าไปเสั�ย
1 ล%ต่ร ด้�งน�+น น$+าเกล"อที่��เห้ล"อจะม�ความเข้�มข้�นก��เปอร เซ0นต่ ก. 3 1/3 ข้. 4 4/5 ค. 4
ง. 5
ตีอบ ข้ . เพัราะ 4 4/5% ค"อค$าต่อบที่��ถั,กต่�องที่��สั�ด้
แบบทั่�� 3 ก�รว�เคำร�ะห ข้�อม&ล ข้�อสัอบแบบน�+ จะประกอบด้�วยข้�อม,ลช่�ด้ห้น/�ง ในร,ปข้องต่าราง แผนภ,ม%
ร,ปภาพั ฯลฯ และในแต่�ละข้�อจะม�ค$าถัามก�บต่�วเล"อก ก-ง ให้�ศ/กษาข้�อม,ลที่��ก$าห้นด้ให้�แล�วน$าความร, �ที่��ได้�จากข้�อม,ลด้�งกล�า วมาพั%จารณาต่อบค$าถัามข้องแต่�ละข้�อ แล�วที่$าต่อบลงในกระด้าษค$าต่อบ
ตี�วอย��ง ข้�อ 01–03 ให้�ใช่�ข้�อม,ลจากแผนภาพัที่��ก$าห้นด้ให้�ต่อบค$าถัาม
ข้�อ 01 คำ��ใช�จ��ยสองประเภทั่ใด้ทั่��รวมก�นุแล�วเทั่��ก�บคำร+�งหนุ+�งข้องคำ��ใช� จ��ยทั่�/งหมด้
ก. ค�าใช่�จ�ายสั�วนต่�วก�บค�าใช่�จ�ายเพั"�อสั�งคมและเบ0ด้เต่ล0ด้ข้. ค�าที่��พั�กอาศ�ยก�บอ�ปการะผ,�อ"�นค. ค�าน�นที่นาการก�บใช่�จ�ายสั�วนต่�วง. ค�าที่��พั�กอาศ�ยก�บใช่�จ�ายสั�วนต่�ว
ตีอบ ง . เพัราะค�าที่��พั�กอาศ�ยก�บค�าใช่�จ�ายสั�วนต่�วรวมก�นได้� 1,000 บาที่ ซ/�งเที่�าก�บคร/�งห้น/�งข้องค�าใช่�จ�ายที่�+งห้มด้ ซ/�งรวมก�นได้� 2,000 บาที่
ข้�อ 02 ค�าใช่�จ�ายในด้�านน�นที่นาการเป3นร�อยละเที่�าไรข้องค�าใช่�จ�ายที่�+งห้ม ด้ ก. 5 ข้. 10 ค. 15
ง. 20
ตีอบ ข้ . เพัราะ 200 บาที่ เป3นร�อยละ 10 ข้อง 2,000 บาที่ ข้�อ 03 ม�มที่��จ�ด้ศ,นย กลางข้องสั�วนที่��เป3นที่��พั�กอาศ�ย โต่เป3นก��เที่�าข้องสั�วนที่��
เป3นออมที่ร�พัย ก. 3 ข้. 4 ค. 5
ง. 6
ตีอบ คำ . เพัราะม�มที่��จ�ด้ศ,นย กลางข้องสั�วนที่��เป3นที่��พั�กอาศ�ยเป3น 5 เที่�าข้องม�มที่��จ�ด้ศ,นย กลางข้องสั�วนที่��เป3นออมที่ร�พัย ที่�+งน�+ ด้,ได้�จากค�าใช่�จ�ายที่��พั�กอาศ�ยเที่�าก�บ 500 บาที่ ค%ด้เป3น 5 เที่�าข้องค�าใช่�จ�ายออมที่ร�พัย ซ/�งเที่�าก�บ 100 บาที่
1. คำว�มส�ม�รถทั่�งภ�ษ� (Verbal)
ที่��พั�กอาศ�ย
500 บาที่อ�ปการะ
ผ,�อ"�น400 บาที่
ออมที่ร�พัย 100 บาที่
น�นที่นาการ
200 บาที่
ใช่�จ�ายสั�วนต่�ว
500 บาที่
ใช่�จ�ายเพั"�อสั�งคมและ
เบ0ด้เต่ล0ด้300 บาที่
ข้�อสัอบจะประกอบด้�วยบที่ความและข้�อค$าถัาม ให้�ศ/กษาที่$าความเข้�าใจก�บบที่ความที่��ก$าห้นด้ให้�ก�อน แล�วจ/งอาศ�ยความร, �ความเข้�าใจจากบที่ความน�+น ๆ เป3นห้ล�กในการที่$าต่อบตี�วอย��ง จ�ด้เด้�นข้องประว�ต่%ศาสัต่ร อย,�ที่��ข้�อเที่0จจร%งและห้ล�กฐาน น�กประว�ต่%ศาสัต่ร จ/งต่�องอาศ�ยห้ล�กฐานในการว%น%จฉ�ยประว�ต่%ศาสัต่ร ห้ล�กฐานในประว�ต่%ศาสัต่ร แบ�งออกเป3น 2 ประเภที่ ค"อ ห้ล�กฐานช่�+นต่�นและห้ล�กฐานช่�+นรอง ห้ล�กฐานช่�+นต่�นห้มายถั/งบ�นที่/กห้ร"อค$าบอกเล�าข้องผ,�พับเห้ต่�การณ ห้ร" อผ,�เก��ยวข้�องก�บเห้ต่�การณ ห้ร"อห้ล�กฐานที่างโบราณคด้� เช่�น ปCอมปราการ เจด้�ย ร,ปปD+ นและอ"�น ๆ เป3นต่�น ห้ล�กฐานช่�+นรองห้มายถั/งบ�นที่/กห้ล�งที่��เห้ต่�การณ เก%ด้ข้/+นแล�ว เช่�น บ�นที่/กเก��ยวก�บธ์�รก%จ ค$าบอกเล�าและอ"�น ๆ อย�างไรก0ต่าม ห้ล�กฐานที่�+งสัองประเภที่น�+จะสั$าค�ญ่มากน�อยเพั�ยงไร ผ,�ใช่�ย�อมต่�องอาศ�ยห้ล�กห้ลายประการเข้�าประกอบในการช่��งน$+าห้น�กข้ องความจร%ง เช่�น ต่�องพั%จารณาถั/งช่�วงระยะเวลาข้องเห้ต่�การณ และการบ�นที่/ก เพัราะย%�งบ�นที่/กได้�ที่�นเห้ต่�การณ มากเที่�าไร ความถั,กต่�องย�อมม�มากข้/+นเที่�าน�+น นอกจากน�+ น�กประว�ต่%ศาสัต่ร ที่��ใช่�ว%ธ์�การที่างประว�ต่%ศาสัต่ร บ�นที่/กเห้ต่�การณ ม�สั�วนช่�วยให้�ห้ล�กฐานม�ค�ณค�ามากข้/+น ด้�งน�+น จ/งเห้0นได้�ว�าว%ช่าประว�ต่%ศาสัต่ร เป3นเร"�องข้องการประสัานงานก�นระ ห้ว�างห้ล�กฐานและน�กประว�ต่%ศาสัต่ร เพัราะห้ล�กฐานแม�จะแน�นอนถั,กต่�องเพั�ยงไร ถั�าน�กประว�ต่%ศาสัต่ร ไม�น$ามาใช่�ก0ห้มด้ค�ณค�าห้ร"อไร�ความห้มาย น�กประว�ต่%ศาสัต่ร และห้ล�กฐานจ/งต่�องเป3นที่�+งผ,�ให้�และผ,�ร �บซ/�ง ก�นและก�น
ข้�อ 01 บที่ความน�+เน�นถั/งความสั$าค�ญ่ในเร"�องอะไร ก. ข้�อเที่0จจร%งข้องประว�ต่%ศาสัต่ร ข้. ห้ล�กฐานที่างประว�ต่%ศาสัต่ร ค. การว%น%จฉ�ยประว�ต่%ศาสัต่ร ง. ความสั$าค�ญ่ข้องประว�ต่%ศาสัต่ร ต่อบ ข้. เพัราะสัร�ปความสั$าค�ญ่ข้องข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้� ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 02 ข้�อใด้กล�าวถั,กต่�องที่��สั�ด้ ก. ประว�ต่%ศาสัต่ร เป3นสั%�งที่��แน�นอนเช่"�อถั"อได้� ข้. น�กประว�ต่%ศาสัต่ร ม�ความสั$าค�ญ่มากกว�าห้ล�กฐานที่างประว�ต่%ศาสัต่ร ค. ประว�ต่%ศาสัต่ร อาจจะเปล��ยนแปลงได้� ง. ห้ล�กฐานช่�+นรองสั�วนให้ญ่�เช่"�อถั"อไม�ได้�ต่อบ ค. เพัราะม�ความห้มายอย�างเด้�ยวก�บข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�
ข้�อ 03 ที่��ว�า น�กประว�ต่%ศาสัต่ร และห้ล�กฐานเป3นที่�+งผ,�ให้�และผ,�ร �บซ/�งก�นและก �น “ ”
ห้มายความว�า ก. น�กประว�ต่%ศาสัต่ร เป3นผ,�สัร�างห้ล�กฐานข้/+น ข้. น�กประว�ต่%ศาสัต่ร เป3นผ,�น$าห้ล�กฐานมาใช่� ค. น�กประว�ต่%ศาสัต่ร เป3นผ,�ต่�ความห้ล�กฐานในข้ณะที่��ห้ล�กฐานให้�ความจร %งแก�ประว�ต่%ศาสัต่ร ง. น�กประว�ต่%ศาสัต่ร เป3นผ,�เห้0นค�ณค�าข้องห้ล�กฐานในข้ณะที่��ห้ล�กฐานช่� วยให้�เก%ด้ประว�ต่%ศาสัต่ร ต่อบ ค. เพัราะม�ความห้มายอย�างเด้�ยวก�บข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�
ว%ช่าภาษาไที่ย
ข้�อสัอบว%ช่าภาษาไที่ยใช่�ที่ด้สัอบความร, �ความเข้�าใจภาษาและความสัามารถัใ นการใช่�ภาษาให้�ถั,กต่�อง1. ความเข้�าใจภาษา (Comprehension) จะว�ด้ความสัามารถัในด้�านความเข้�าใจภาษาไที่ย โด้ยสัามารถัสัร�ปความในร,ปแบบต่�าง ๆ จากข้�อความสั�+น ๆ ห้ร"อบที่ความได้�แนวค$าถัามการว�ด้ความเข้�าใจภาษาที่��เป3นข้�อความสั�+น ๆ จงอ�านข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้� แล�วต่อบค$าถัามโด้ยพั%จารณาเล"อกต่�วเล"อก ก, ข้, ค, ห้ร"อ ง ที่��ถั,กต่�องที่��สั�ด้
- การสัร�ปความข้�อ 01 เสั�ยงข้องค$าเพั�+ยนและกลายได้� ความห้มายก0เพั�+ยนและกลายได้�ที่$านองเด้�ยวก�น เพัราะเสั�ยงและความห้มายเป3นข้องค,�ก�น ถั�าแยกก�นแต่�ละสั�วนก0ไม�เป3นค$าพั,ด้ในภาษา เพัราะม�แต่�เสั�ยงอย�างเด้�ยวก0เป3นเสั�ยงที่��ปราศจากความห้มาย ถั�าม�แต่�ความห้มายก0เป3นแต่�ความในใจ เม"�อไม�เปล�งเสั�ยงออกมาก0ไม�ม�ใครที่ราบ ข้�อความน�+สัร�ปว�าอย�างไร ก. ที่�+งเสั�ยงและความห้มายเป3นสั%�งที่��เปล��ยนแปลงได้� ข้. ความสั�มพั�นธ์ ข้องเสั�ยงและความห้มายอย,�ที่��การสั"�อสัาร ค. การสั"�อสัารด้�วยเสั�ยงที่��ม�ความห้มายเป3นการสั"�อสัารที่��สัมบ,รณ ที่��สั �ด้ ง. ในการสั"�อสัารต่�องใช่�ที่�+งเสั�ยงและความห้มายประกอบก�นจ/งจะเข้�าใจไ ด้�ต่อบ ง. เพัราะสัร�ปความสั$าค�ญ่ข้องข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 02 พั%น�ยกรรมค"อค$าสั��งแสัด้งความต่�+งใจสั�ด้ที่�ายที่��จะยกที่ร�พัย สั%นห้ร"อว างข้�อก$าห้นด้ใด้ ๆ เก��ยวก�บที่ร�พัย สั%นข้องต่น อ�นจะให้�เก%ด้เป3นผลบ�งค�บได้�ต่ามกฎห้มายเม"�อต่นต่ายแล�วข้�อความน�+สัร�ปว�าอย�างไรก. พั%น�ยกรรมค"อเอกสัารแสัด้งเจต่นาในเร"�องที่ร�พัย สั%นซ/�งถั,กต่�องต่ามกฎ ห้มายข้. พั%น�ยกรรมค"อบรรด้าที่ร�พัย สั%นที่�+งปวงที่��ผ,�ต่ายได้�มอบไว�แก�ผ,�ร �บ ต่ามที่��ก$าห้นด้ค. พั%น�ยกรรมค"อเอกสัารแสัด้งสั%ที่ธ์%และห้น�าที่��ข้องผ,�ร �บที่ร�พัย สั%นข้องผ, �ต่ายต่ามที่��ระบ�ไว�ง. พั %น�ยกรรมค"อมรด้กที่��ผ,�ต่ายได้�มอบไว�ให้�แก�ผ,�ร �บต่ามเง"�อนไข้ที่��ไ ด้�ระบ�ไว�ที่�กประการต่อบ ก. เพัราะสัร�ปความสั$าค�ญ่ข้องข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 03 จากการสั$ารวจเม"�อไม�นานมาน�+ ปรากฏว�า ในประช่ากรผ,�ม�สั%ที่ธ์%ออกเสั�ยงสั��คน จะม�อย,�คนห้น/�งที่��ออกเสั�ยงเล"อกต่�วบ�คคลโด้ยไม�ค$าน/งถั/งพัรรค ห้ากเข้าพั%จารณาแล�วว�าบ�คคลน�+นเห้มาะสัมก�บห้น�าที่��ผลจากการสั$ารวจสั ร�ปว�าอย�างไร &nb sp;
ก. ประช่ากรสั�วนให้ญ่�น%ยมเล"อกต่�วบ�คคลมากกว�าพัรรคข้. ผ,�ม�สั%ที่ธ์%ออกเสั�ยงจะม�แนวที่างการต่�ด้สั%นใจในที่$านองเด้�ยวก�นค. ผ,�ออกเสั�ยงสั�วนให้ญ่�ไม�น%ยมเล"อกพัรรคที่��ม�บ�คคลไม�เห้มาะสัมง. ความสัามารถัข้องผ,�สัม�ครเป3นปDจจ�ยสั$าค�ญ่อ�นห้น/�งในการช่�วยให้�ผ,�อ อกเสั�ยงต่�ด้สั%นใจเล"อกต่อบ ง. เพัราะสัร�ปความสั$าค�ญ่ข้องข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
- การห้าความห้มาย
ข้�อ 01 ความค%ด้เร"�องสัห้กรณ น�+เป3นความค%ด้แบบสั�งคมน%ยมโด้ยแที่� แต่�การสัห้กรณ ก0ม�ผ,�น$าไปใช่�ได้�ผลด้�ในเศรษฐก%จแบบนายที่�นน�+นห้ลาย แห้�ง ข้�อความน�+ห้มายความว�าอย�างไร ก. สัห้กรณ เป3นเคร"�องม"อที่างเศรษฐก%จแบบสั�งคมน%ยมและแบบนายที่�นด้�วย ข้. สัห้กรณ เป3นอ�ด้มคต่%ข้องสั�งคมน%ยม แต่�ใช่�ได้�ไม�เห้มาะสัมก�บประเที่ศแบบที่�นน%ยม ค. สัห้กรณ เป3นอ�ด้มคต่%ที่างเศรษฐก%จแบบสั�งคมน%ยม แต่�บางประเที่ศแบบที่�นน%ยมก0ใช่�ได้�ผลด้�
ง. สัห้กรณ เป3นเคร"�องม"อพั�ฒนาเศรษฐก%จข้องประเที่ศสั�งคมน%ยม แต่�ข้�ด้ก�บระบบเศรษฐก%จแบบที่�นน%ยมต่อบ ค. เพัราะม�ความห้มายอย�างเด้�ยวก�บข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�
ข้�อ 02 ห้�ามม%ให้�ม�คนที่$างานในที่��ที่��ม�เสั�ยงด้�งเก%น 85 เด้ซ%เบล เป3นเวลานาน 8
ช่��วโมง ใน 5 ว�นข้องสั�ปด้าห้ ข้�อความน�+ห้มายความว�าอย�างไรก. ในที่��ที่��ม�เสั�ยงด้�งเก%นกว�า 85 เด้ซ%เบล คนงานจะที่$างานเก%นกว�า 8 ช่��วโมงไม�ได้�ข้. คนงานจะที่$างาน 8 ช่��วโมง ใน 5 ว�น ในที่��ที่��ม�เสั�ยงด้�งเก%นกว�า 85 เด้ซ%เบลไม�ได้�ค. คนงานจะใช่�เวลาที่$างานว�นละ 8 ช่��วโมง ต่%ด้ต่�อก�นถั/ง 5 ว�น ในที่��ที่��ม�เสั�ยงด้�งเก%น 85 เด้ซ%เบลไม�ได้�ง. ในห้น/�งสั�ปด้าห้ คนงานสัามารถัที่$างานว�นละ 8 ช่��วโมง ในที่��ที่��ม�เสั�ยงด้�งเก%นกว�า 85 เด้ซ%เบลได้�ไม�เก%น 2 ว�นต่อบ ค. เพัราะม�ความห้มายอย�างเด้�ยวก�บข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�
ข้�อ 03 มต่%คณะร�ฐมนต่ร�ได้�ก$าห้นด้แนวที่างเก��ยวก�บการบรรจ�บ�คคลเข้�าร�บราช่ การว�าให้�สั� �งบรรจ�ย�อนห้ล�งไปได้�ไม�ก�อนว�นที่��ผ,�น� +นได้�รายงาน ต่�วเข้�าปฏ%บ�ต่%ห้น�าที่��ราช่การข้�อความน�+ห้มายความว�าอย�างไรก. คณะร�ฐมนต่ร�ม�มต่%ไม�ให้�บรรจ�บ�คคลเข้�าร�บราช่การย�อนห้ล�งข้. คณะร�ฐมนต่ร�ให้�บรรจ�บ�คคลเข้�าร�บราช่การย�อนห้ล�งได้�ในบางกรณ�ค. คณะร�ฐมนต่ร�ให้�บรรจ�บ�คคลเข้�าร�บราช่การในว�นที่��มารายงานต่�วเข้�า ร�บราช่การได้�ง. คณะร�ฐมนต่ร�ม�มต่%ไม�ให้�บรรจ�บ�คคลที่��มารายงานต่�วเข้�าร�บราช่การก �อนมาปฏ%บ�ต่%ราช่การต่อบ ค. เพัราะม�ความห้มายอย�างเด้�ยวก�บข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�
- การต่�ความ
ข้�อ 01 ผงซ�กฟอกที่��ใช่�อย,�ในปDจจ�บ�น ม�ผลที่$าให้�พั"ช่น$+าเจร%ญ่เต่%บโต่อย�างรวด้เร0ว เพัราะว�าม�สัารอาห้ารที่��เป3นป�Gยข้องพั"ช่ แต่�จะม�ผลที่$าให้�น$+าเสั�ยในระยะห้ล�ง เพัราะว�าพั"ช่จะด้/งออกซ%เจนในน$+ามาใช่�ในการห้ายใจข้�อความน�+ต่�ความ ว�าอย�างไรก. ผงซ�กฟอกม�สั�วนที่$าให้�น$+าเสั�ยข้. พั"ช่น$+าเจร%ญ่เต่%บโต่ได้�ด้�ในที่�� ๆ น$+าเสั�ยค. ผงซ�กฟอกให้�ประโยช่น แก�มน�ษย ได้�ห้ลายอย�าง
ง. พั"ช่น$+าจะไม�ใช่�ออกซ%เจนในอากาศมาปร�งอาห้ารต่อบ ก. เพัราะต่�ความจากข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 02 ประต่,สัามยอด้เป3นประต่,ก$าแพังเม"องซ/�งสัร�างข้/+นให้ม�ในร�ช่กาลที่�� 5 โด้ยสัร�างเป3นประต่,สัามช่�อง ม�ยอด้ที่�+งสัามช่�อง ต่�+งแต่�น�+นมาช่าวบ�านก0พัาก�นเร�ยกประบ�+นที่�าย�งกล�าวว�า ประต่,สัามยอด้ ข้�อความน�+ต่�ความว�าอย�างไร“ ”
ก. ช่าวบ�านเป3นผ,�สัร�างประต่,ก$าแพังเม"องข้. ประต่,ก$าแพังเม"องน%ยมสัร�างให้�ม�ยอด้เสัมอค. “ประต่,สัามยอด้ ได้�ช่"�อจากล�กษณะการสัร�าง”
ง. เร%�มม�การสัร�างประต่,ก$าแพังเม"องในสัม�ยร�ช่กาลที่�� 5ต่อบ ค. เพัราะต่�ความจากข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 03 สัม�ยก�อนไม�ปรากฏเร"�องปDญ่ห้าภาวะแวด้ล�อมเป3นพั%ษ เพัราะคนน�อยข้�อความน�+ต่�ความว�าอย�างไรก. ภาวะแวด้ล�อมเป3นพั%ษก�อให้�เก%ด้อ�นต่รายก�บคนข้. คนเป3นต่�นเห้ต่�ข้องปDญ่ห้าภาวะแวด้ล�อมเป3นพั%ษค. สัม�ยก�อนปDญ่ห้าภาวะแวด้ล�อมเป3นพั%ษเก%ด้ข้/+นน�อยง. สัม�ยก�อนม�คนจ$านวนน�อยที่��ก�อปDญ่ห้าภาวะแวด้ล�อมเป3นพั%ษต่อบ ข้. เพัราะต่�ความจากข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�ได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
แนวค$าถัามการว�ด้ความเข้�าใจภาษาที่��เป3นบที่ความ จงอ�านบที่ความที่��ก$าห้นด้ให้� แล�วต่อบค$าถัามในแต่�ละข้�อ โด้ยพั%จารณาเล"อกต่�วเล"อก ก, ข้, ค ห้ร"อ ง ที่��ถั,กต่�องที่��สั�ด้ ที่�+งน�+ ให้�ย/ด้เน"+อความในบที่ความเป3นห้ล�กต่�วอย�าง ห้น�งสั"อห้ร"อข้�อเข้�ยนใด้ ๆ ค"อสั%�งที่��มน�ษย เข้�ยนข้/+น การเข้�ยนจ/งห้มายถั/งสั%�งที่��มน�ษย ค%ด้ออกมาเป3นต่�วอ�กษร มน�ษย เข้�ยนอะไร ค$าต่อบค"อ มน�ษย เข้�ยนสั%�งที่��ต่นร, �ห้ร"อค%ด้ ถั�าเช่�นน�+น การอ�านค"ออะไร การอ�านค"อความพัยายามที่��จะถั�ายที่อด้สั%�งที่��มน�ษย เข้�ยนไว�กล�บออก มาเป3นความค%ด้ เม"�อพั%จารณาอย�างน�+แล�วย�อมเห้0นว�าการอ�านก�บการเข้�ยนเป3นข้อง ค,�ก�น ม�ความสั�มพั�นธ์ ก�นอย�างแยกไม�ออก อย�างไรจ/งจะเร�ยกว�า อ�านด้� ห้ร"อ เข้�ยนด้� เร"�องน�+น�กปราช่ญ่ ที่างภาษาได้�ให้�ที่รรศนะไว�ว�า ผ,�เข้�ยนแสัด้งความค%ด้อย�างไร ผ,�อ�านก0ได้�ความค%ด้อย�างน�+น “
เอนเอ�ยงไปต่ามน�+น ห้ร"อปฏ%บ�ต่%ต่ามน�+น อย�างน�+เร�ยกว�า เข้�ยนด้� และ ผ,�เข้�ยนแสัด้ง” “
ความค%ด้อย�างไร ผ,�อ�านเข้�าใจได้�ห้มด้ ร, �เที่�าที่�นที่�กความค%ด้ แต่�ผ,�อ�านม�ความค%ด้เป3น
ข้องต่นเอง ร, �จ�กว%เคราะห้ ว%จารณ เล"อกร�บแต่�ความค%ด้ที่��เป3นประโยช่น ข้จ�ด้ความค%ด้ที่��ไร�สัาระออกไป เพัราะอ�านอย�างม�ว%จารณญ่าณ อย�างน�+เร�ยกว�า อ�านด้�”
ข้�อ 01 สัาระสั$าค�ญ่ข้องบที่ความน�+กล�าวถั/งเร"�องอะไร ก. การเข้�ยนห้น�งสั"อ &nb sp; &nb sp; &nb
sp; &nb sp; ข้. การเป3นน�กอ�านที่��ด้� ค. การเข้�ยนก�บการอ�าน ง. การอ�านข้�+นใช่�ว%จารณญ่าณ ต่อบ ค. เพัราะต่อบค$าถัามได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 02 การเข้�ยนด้�จะต่�องม�ล�กษณะอย�างไรก. ภาษาที่��ใช่�สัละสัลวยและเข้�าใจง�ายข้. ความค%ด้ที่��แสัด้งออกมาที่�นสัม�ยและเป3นจร%งค. ผ,�เข้�ยนใช่�เห้ต่�ผลและห้ล�กฐานต่�าง ๆ ประกอบการเข้�ยนง. ผ,�อ�านเข้�าใจความห้มายข้องข้�อเข้�ยนได้�ต่รงก�บที่��ผ,�เข้�ยนต่�องการ ต่อบ ง. เพัราะต่อบค$าถัามได้�ถั,กต่�องที่��สั�ด้
ข้�อ 03 ที่��กล�าวว�า อ�านด้� ห้มายความว�าอย�างไร“ ”
ก. อ�านเอาจร%งเอาจ�ง & nbsp; & nbsp; & nbsp;
ข้. อ�านแล�วได้�ความร, �และความค%ด้ ค. อ�านแล�วม�ความร, �สั/กคล�อยต่าม &n bsp; ง. เล"อกอ�านเฉพัาะบางต่อนที่��ด้�และม�สัาระ ต่อบ ข้.
ข้�อ 04 ผ,�เข้�ยนม�ความประสังค จะเน�นสั%�งใด้ก. การเข้�ยนและการอ�านที่��ด้� & nbsp; & nbsp; &
nbsp; ข้. ความสัามารถัในการเข้�ยนและการอ�านค. ความสั�มพั�นธ์ ระห้ว�างการเข้�ยนก�บการอ�าน ; ง. ความสั�มพั�นธ์ ระห้ว�างผ,�เข้�ยนที่��ด้�ก�บผ,�อ�านที่��ด้� ต่อบ ก.
1. การใช่�ภาษา (Expression)
จะว�ด้ความสัามารถัในการใช่�ภาษา โด้ยสัามารถัพั%จารณาใช่�ภาษาในร,ปแบบต่�าง ๆ ได้�
อย�างถั,กต่�องเห้มาะสัม ได้�แก� ค$าห้ร"อกล��มค$า ประโยค ห้ร"อข้�อความสั�+น ๆ รวมที่�+งสัามารถัเร�ยงล$าด้�บข้�อความได้�ถั,กต่�อง แนวค$าถัามการเล"อกใช่�ค$าที่��ถั,กต่�องเต่%มลงในช่�องว�าง จงอ�านข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้� แล�วพั%จารณาเล"อกต่�วเล"อก ก, ข้, ค ห้ร"อ ง เต่%มในช่�องว�างให้�ถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา และให้�ม�ความห้มายสัอด้คล�องก�บข้�อความที่��ก$าห้นด้ให้�น�+นข้�อ 01 ร�ฐบาลอ%นเด้�ยได้�ประกาศ………. นโยบายที่างด้�านสั%นเช่"�อข้องประเที่ศเพั"�อช่�วยให้�การสั�งออกผล%ต่ผลที่าง อ�ต่สัาห้กรรมข้ยายต่�วก. ผ�อนผ�น ; ข้. ลด้ห้ย�อน ; ค. ผ�อนคลาย &nbs
p; ง. ปลด้เปล"+องต่อบ ค. เพัราะ ผ�อนคลาย“ ” เป3นช่น%ด้ข้องค$าที่��เต่%มลงในช่�องว�างได้�ถั,กต่�องและม�ความห้มายสัอด้คล �องก�บข้�อความ ที่��ก$าห้นด้ให้�
ข้�อ 02 ต่บะในพั�ที่ธ์ศาสันา ห้มายถั/ง ความเป3นอย,�อย�างง�าย ๆ ต่�ด้ความก�งวลในการแสัวงห้าสั%�งปรนเปรอความสั�ข้ให้�……….เที่�าที่��จ$าเป3 นแก�การด้$ารงช่�ว%ต่ ก. เห้มาะสัม ; ข้. เพั�ยงพัอ ; ค. เห้ล"อเพั�ยง &n bsp; ง. พัอประมาณต่อบ ค. “เห้ล"อเพั�ยง”
ข้�อ 03 ข้�อเร�ยกร�องที่�+ง 8 ข้�อน�+ สัามารถัต่กลงได้� 7 ข้�อเที่�าน�+น………. ข้�อเร�ยกร�องที่��ให้�ร�ฐบาลเปล��ยนแปลงก$าห้นด้ราคาข้�าวข้�+นต่$�าข้/+นใ ห้ม� ก. ยกเว�น ข้. นอกจาก ค. กล�าวค"อ &nbs p; ง. โด้ยเฉพัาะต่อบ ก. “ยกเว�น”
ข้�อ 04 ต่ามห้ล�กภาษาไที่ยถั"อว�าเม"�อ การ น$าห้น�ากร%ยาและ ความ น$าห้น�ากร%ยา“ ” “ ”
ห้ร"อว%เศษณ จะได้�ค$าประสัมเป3นค$านาม ห้ร"อจะเร�ยกให้�ช่�ด้ลงไปอ�กก0ว�าอาการนามน�บว�าค$าที่�+งสัองน�+สั$าค�ญ่ มาก สัามารถั……….ช่น%ด้ข้องค$าในไวยากรณ ได้� ก. ระบ� &n bsp; &n bsp; ข้. ก$าห้นด้ &
nbsp; ค. เปล��ยน ; ง. แยกประเภที่ต่อบ ค. “เปล��ยน”
ข้�อ 05 ใครจะสัมมต่%เร�ยกสั%�งใด้ว�าอะไรก0ได้�ที่�+งสั%+น อย,�ที่��ว�าภาษาที่��ใช่�น� +น………
สัามารถัเป3นสั"�อต่%ด้ต่�อระห้ว�างผ,�พั,ด้ก�บ ผ,�ฟDง ห้ร"อผ,�เข้�ยนก�บผ,�อ�านได้�ห้ร"อไม�เพั�ยงไร
เที่�าน�+นเอง ก. สัาเห้ต่� ข้. ผลล�พัธ์ ; ค. ปDจจ�ยสั$าค�ญ่ & nbsp; ง. ความสั$าค�ญ่ต่อบ ง. “ความสั$าค�ญ่”
แนวค$าถัามการเข้�ยนประโยคให้�ถั,กต่�องแบบที่�� 1 ในแต่�ละข้�อจงพั%จารณาข้�อความในแต่�ละต่อนที่��ม�ต่�วเล"อก ก, ข้, ค ห้ร"อ ง ก$าก�บอย,�ห้น�าข้�อความ แล�วเล"อกต่อบว�าข้�อความต่อนใด้ใช่�ไม�ร�ด้ก�มห้ร"อไม�ถั,กต่�อง
ข้�อ 01 (ก) กลองเป3นข้องสั$าค�ญ่อย�างห้น/�งสั$าห้ร�บบ�านเม"อง / (ข้) ใช่�เป3นห้ล�กสั$าห้ร�บบอกให้�ร, �เวลา / (ค) ในสัม�ยที่��ย�งไม�ม�นาฬิ%กาใช่�ก�นที่��วไป / (ง) ต่�องอาศ�ยกลองเป3นสั�ญ่ญ่าณต่อบ ข้. เพัราะกลองไม�ได้�ใช่�เป3นห้ล�กสั$าห้ร�บบอกให้�ร, �เวลา ด้�งน�+น ใช่�เป3นห้ล�ก ใน“ ”
ต่�วเล"อก ข้. จ/งเป3นกล��มค$าที่��ใช่�ไม�ถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษาและไม�สัอด้คล�องก�บข้� อความ
ข้�อ 02 (ก) ที่��เร�ยกว�าฉ�นที่ล�กษณ ด้�วยม�ความประสังค / (ข้) ให้�ม�ช่"�อต่รงก�นก�บไวยากรณ ในภาษาบาล� / (ค) ที่��ที่�านจ$าแนกไว�เป3นอ�กข้รว%ธ์� วจ�ภาค วากยสั�มพั�นธ์ ฉ�นที่ล�กษณ / (ง) ซ/�งไวยากรณ ในภาษาไที่ยเราได้�อ%งอาศ�ยมาสัร�างข้/+นไว�เป3นห้ล�กต่อบ ง. เพัราะกล��มค$า อ%งอาศ�ย ในต่�วเล"อก ง“ ” . ใช่�ไม�ร�ด้ก�มและไม�ถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 03 (ก) ค$าว�าจราจร ใช่�ก�นแพัร�ห้ลายเม"�อที่างราช่การได้�ประกาศใช่�พัระราช่บ�ญ่ญ่�ต่%จราจรที่า งบก พั.ศ. 2477 / (ข้) เพั"�อจ�ด้ระเบ�ยบการเด้%นข้องยวด้ยาน ต่ลอด้จนการเด้%นที่างเที่�าข้องคนและจ<าจ5ะต่ามถันน / (ค) สั$าห้ร�บประสัานงานก�นด้�วยความปลอด้ภ�ยและรวด้เร0วต่ามสัมควร / (ง)และพัร�อมก�นน�+ก0ได้�ต่�+งต่$ารวจแผนกจราจรข้/+นต่อบ ค. เพัราะกล��มค$า สั$าห้ร�บประสัานงานก�น ในต่�วเล"อก ค“ ” . ใช่�ไม�ร�ด้ก�มและไม�ถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 04 (ก) วงด้นต่ร�ที่��เร�ยกว�าข้�บไม� เป3นวงด้นต่ร�โบราณข้องไที่ย / (ข้) ที่��ถั"อก�นว�าเป3นข้องสั,งศ�กด้%Iอย�างห้น/�ง / (ค)จะม�ได้�ก0แต่�ข้องห้ลวงเที่�าน�+น / (ง) แม�แต่�งานข้องห้ลวงที่��จะบรรเลงด้�วยวงข้�บไม�ก0ต่�องเป3นงานสัมโภช่ช่�+ นสั,ง
ต่อบ ข้. เพัราะ วงด้นต่ร�ไม�ใช่�ข้องสั,งศ�กด้%I“ ” ด้�งน�+น ข้องสั,งศ�กด้%I ในต่�วเล"อก ข้. จ/งเป3นกล��มค$าที่��ใช่�ไม�ถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษาและไม�สัอด้คล�องก�บข้� อความ
แบบที่�� 2 ในแต่�ละข้�อ จงพั%จารณาค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่� และม�ต่�วเลข้ 1, 2
ห้ร"อ 3 ก$าก�บอย,� แล�วเล"อก
ต่อบ ก. ถั�าค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�ที่�+ง 3 กล��ม ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา ต่อบ ข้. ถั�าค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�เฉพัาะก�ล�ม 1 และกล��ม 2 ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา ต่อบ ค. ถั�าค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�เฉพัาะกล��ม 1 และกล��ม 3 ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา ต่อบ ง. ถั�าค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�เฉพัาะกล��ม 2 และกล��ม 3 ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 01 การย%งปJนเพั"�อแสัด้งความเคารพัน�+น เราเร�ยกว�าย%งสัล�ต่ การย%งสัล�ต่เป3นการ (1)แสัด้งความเคารพัให้�แก�
ช่าต่%ห้ร"อบ�คคล จ$านวนน�ด้ที่��ย%งก0ม�เกณฑ์ ต่ามควรแก�เก�ยรต่%ยศข้องผ,�ห้ร"อสั%�งที่��ควรร�บการเคารพั (2) (3)
ต่อบ ก . เพัราะค$าและกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�ที่�+ง 3 กล��ม ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษาข้�อ 02 อ�ต่ว%สั�ย ห้มายถั/ง เร"�องห้ร"อภาพัข้องสั%�งที่�+งห้ลายที่��ผ,�เข้�ยนอาจน$ามาใช่�เป3นเค�าโครงโด้ยว%ธ์�น/กห้ร"อ (1) (2)ค%ด้เห้0นในใจ
ภวว%สั�ย เป3นภาพัที่��สัร�างข้/+นจากประสับการณ ข้องผ,�เข้�ยน (3)
ต่อบ ก . เพัราะค$าและกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�ที่�+ง 3 กล��ม ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 03 น�กประพั�นธ์ ควรเข้�ยนเร"�องที่��แนะให้�คนได้�ค%ด้ น�กเข้�ยนห้ลายคนห้น�ความจร%ง โด้ยที่�� (1) (2)สัร�างโลกข้/+นให้ม�
โด้ยการไม�ยอมร�บสัภาพัช่�ว%ต่จร%ง ที่$าให้�ผ,�อ�านพัลอยห้น�โลกแห้�งความจร%งไปด้�วย (3)
ต่อบ ค . เพัราะค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�เฉพัาะกล��ม 1 และกล��ม 2 เที่�าน�+นที่��ใช่�ได้�ร�ด้ก�ม และถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 04 คณะกรรมการพั%จารณาแก�ปDญ่ห้าสัะพัานกร�งเที่พัลงมต่%อน�ญ่าต่ให้�รถับรรที่�กผ�านสัะพัานสัมเด้0จพัระปK� นเกล�า (1)
ได้�ในช่�วงเวลาระห้ว�าง 10.00-15.00 น. เพั"�อผ�อนคลาย ความช่$าร�ด้ข้องสัะพัานที่��ก$าล�งที่ร�ด้โที่รมอย�างมาก (2) (3)
ต่อบ ค . เพัราะค$าห้ร"อกล��มค$าที่��ข้�ด้เสั�นใต่�เฉพัาะกล��ม 1 และกล��ม 3 เที่�าน�+นที่��ใช่�ได้�ร�ด้ก�ม และถั,กต่�องต่ามห้ล�กภาษา
แบบที่�� 3 ในแต่�ละข้�อจงเล"อกต่�วเล"อก ก, ข้, ค ห้ร"อ ง ที่��ม�ประโยคที่��เร�ยงค$าถั,กต่�องและใช่�ค$าได้�ร�ด้ก�มถั,กต่�องต่ามห้ล�กภ าษา
ข้�อ 01 ก. รองนายกร�ฐมนต่ร�ได้�กล�าวค$าปราศร�ยต่�อน%สั%ต่น�กศ/กษาข้. ที่�กคนจะต่�องปฏ%บ�ต่%ต่ามกฎห้มายเพั"�อความเป3นธ์รรมต่�อสั�งคมค. กระที่รวงมห้าด้ไที่ยช่�+แจงว�าข้�าวด้�งกล�าวคลาด้เคล"�อนจากความเป3นจร% งง. ศ,นย บร%การประช่าสั�มพั�นธ์ เสันอข้�าวไม�ที่�นต่�อเห้ต่�การณ และไม�เห้0น ความสั$าค�ญ่ก�บประช่าช่นต่อบ ค. เพัราะเป3นประโยคที่��ม�กล��มค$า คลาด้เคล"�อนจาก ที่��ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�อง“ ”
ต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 02 ก. รถัน$าเที่��ยวสัม�ยให้ม�ม�เคร"�องอ$านวยความสัะด้วกพัร�อมเพัร�ยง ข้. เคร"�องใช่�ไฟฟCาช่�วยให้�งานบ�านบางอย�างเสัร0จสั%+นในเวลาอ�นรวด้เร 0ว ค. ผ,�จะออมเง%นควรศ/กษาต่%ด้ต่ามข้�อม,ลเก��ยวก�บสัถัาบ�นการเง%นให้�เข้� มงวด้ ง. การด้,แลร�กษาอย�างด้�จะที่$าให้�เคร"�องใช่�ไฟฟCาใช่�งานได้�อย�างม�สัมร รถัภาพัต่อบ ข้. เพัราะเป3นประโยคที่��ใช่�ค$าข้ยาย ในเวลาอ�นรวด้เร0ว ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�อง“ ”
ต่ามห้ล�กภาษา
ข้�อ 03 ก. ประช่าช่นมาช่�มน�มก�นอย�างแน�นห้นา ข้. เข้าใช่�เห้ต่�ผลเป3นมาต่รการในการต่�ด้สั%นใจ ค. ช่าต่%ไที่ยเราเป3นช่าต่%เก�าแก�มาแต่�ด้�+งเด้%ม ง. ภาษาเป3นระบบสั�ญ่ล�กษณ ที่��มน�ษย ใช่�ในการสั"�อความค%ด้ต่อบ ง. เพัราะเป3นประโยคที่��เร�ยงค$าถั,กต่�องและใช่�ได้�ร�ด้ก�มถั,กต่�องต่ามห้ล� กภาษา
ข้�อ 04 ก. การพั�ฒนาสั�งคมม�ความสั$าค�ญ่ก�บภาวะการครองช่�พัข้องประช่าช่น ข้. การสัร�างสัรรค ความเจร%ญ่ให้�แก�ประเที่ศช่าต่%และประช่าช่นเป3นสั%�งจ$าเป 0น ค. ที่�กคนต่�องม�ความร�บผ%ด้ช่อบร�วมก�นในความสังบสั�ข้ข้องบ�คคลในสั�งคม ง. ปDญ่ห้าสั$าค�ญ่สั$าห้ร�บการศ/กษาค"อ ที่$าอย�างไรจ/งจะม�โรงเร�ยนเพั�ยงพัอต่�อน�กเร�ยนที่��เพั%�มข้/+นที่�กป*ต่อบ ข้. เพัราะเป3นประโยคที่��ม�กล��มค$า ให้�แก� ที่��ใช่�ได้�ร�ด้ก�มและถั,กต่�องต่ามห้ล�ก“ ”
ภาษา
แนวค$าถัามการเร�ยงล$าด้�บข้�อความให้�ถั,กต่�อง จงพั%จารณาข้�อความในต่�วเล"อก ก, ข้, ค ห้ร"อ ง ว�าข้�อความใด้เป3นล$าด้�บที่�� 1, 2, 3 ห้ร"อ 4 แล�วจ/งต่อบค$าถัามข้องแต่�ละข้�อ
ข้�อ 01 ข้�อความใด้เป3นล$าด้�บที่�� 3ก. ห้ร"อไม�ที่ราบผลร�ายที่��เก%ด้ข้/+นต่ามมาภายห้ล�งข้. ถั�าห้ากไม�กระที่$าสั%�งเห้ล�าน�+นก0เพัราะไม�ที่ราบว�ต่ถั�ประสังค ค. โด้ยย/ด้ข้�าวสัารข้�อม,ลที่��ได้�ร�บจากสั%�งแวด้ล�อมประกอบการน�+น ๆง. ที่ฤษฎ�สัมองกลถั"อว�าคนเป3นสั%�งม�ช่�ว%ต่ซ/�งม�กจะที่$าอะไรอย�างม�จ�ด้ห้ มายต่อบ ข้. เพัราะจะเร�ยงได้�ด้�งน�+ ง-ค-ข้-ก
ข้�อ 02 ข้�อความใด้เป3นล$าด้�บที่�� 4ก. และก�อให้�เก%ด้ความสั,ญ่เสั�ยที่างเศรษฐก%จม%ใช่�น�อยข้. แต่�การเพั%�มปร%มาณการใช่�ว�คซ�นในช่�วงเวลา 5 ป* ที่��ผ�านมาค. สัะที่�อนให้�เห้0นว�าโรคพั%ษสั�น�ข้บ�าเป3นปDญ่ห้าที่��ที่ว�ความสั$าค�ญ่ง. แม�ว�าสัถั%ต่%โรคพั%ษสั�น�ข้บ�าในประเที่ศไที่ยม%ได้�ม�อ�ต่ราเพั%�มข้/+นมากต่อบ ก. เพัราะจะเร�ยนได้�ด้�งน�+ ง-ข้-ค-ก
ข้�อ 03 ข้�อความใด้เป3นล$าด้�บที่�� 3ก. และให้�ม�การแลกเปล��ยนความค%ด้เห้0นข้. ล�กษณะเด้�นประการห้น/�งข้องการฝึNกอบรมก0ค"อค. ระห้ว�างผ,�ร �บการฝึNกอบรมห้ร"อผ,�อภ%ปรายอย�างอ%สัระง. ว%ธ์�การฝึNกอบรมพัยายามที่��จะสัร�างบรรยากาศแห้�งความสัมานฉ�นที่ ต่อบ ก. เพัราะจะเร�ยงได้�ด้�งน�+ ข้-ง-ก-ค
ข้�อ 04 ข้�อความใด้เป3นล$าด้�บที่�� 4ก. การเร�ยนร, �เร"�องเก��ยวก�บความสั�มพั�นธ์ ระห้ว�างประเที่ศน�+นข้. เพั"�อประมวลข้�อเที่0จจร%งน�+น ๆ มาเป3นความร, �ประด้�บสัต่%ปDญ่ญ่าค. ว%ธ์�ห้น/�งค"อสัด้�บต่ร�บฟDงข้�าวสัารต่�าง ๆ ในปDจจ�บ�นและค�นห้าสัาระที่��แที่�จร%งสัะสัมไว�ง. อ�กว%ธ์�ห้น/�งค"อศ/กษาความเป3นมาข้องประเที่ศน�+น ๆ โด้ยเฉพัาะที่างด้�านนโยบายต่�างประเที่ศต่อบ ง. เพัราะจะเร�ยงได้�ด้�งน�+ ก-ค-ข้-ง