Upload
flo
View
102
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
หน่วยที่ 6. การแทรกสอดคลื่นแสง. แสงช่วงที่ตามนุษย์มองเห็น เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า ความยาวคลื่น : 400-700 นาโนเมตร. Optics. ทัศนศาสตร์เชิงเลขาคณิต (Geometrical Optics) การสะท้อน (reflection) การหักเห (refraction) … ทัศนศาสตร์เชิงกายภาพ (Physical Optics) - PowerPoint PPT Presentation
Citation preview
หน่�วยที่�� 6การแที่รกสอด
คลื่��น่แสง
แสงช่�วงที่�ตามนุ�ษย์�มองเห็�นุ เป็�นุส�วนุห็นุ�งของคลื่�นุแม�เห็ลื่�กไฟฟ!าความย์าวคลื่�นุ: 400-700 นุาโนุเมตร
Optics
• ที่�ศน่ศาสตร�เชิ�งเลื่ขาคณิ�ต (Geometrical Optics)– การสะที่%อนุ (reflection)– การห็&กเห็ (refraction)– …
• ที่&ศนุศาสตร�เช่(งกาย์ภาพ (Physical Optics)– การแที่รกสอด (interference)– การเลื่�,ย์วเบนุ (diffraction)– โพลื่าไรเซช่&นุ (polarization)– …
ตอน่ที่�� 6.1 การแที่รกสอดของคลื่��น่แสงจากแหลื่�ง
ก�าเน่�ดแสง 2 แหลื่�ง• เง�อนุไขของการแที่รกสอด• การที่ดลื่องแบบช่�องเลื่�กย์าวค/�• การแที่รกสอดโดย์การสะที่%อนุจากฟ1ลื่�มบาง• อ(นุเตอร�ฟ2รอม(เตอร�ของไมเค(ลื่ส&นุ
การแที่รกสอด
การแที่รกสอดแบบเสร�ม (Constructive Interference)
d2 - d1 = n , n = 0, 1, 2, 3, .....----------------------------------ความแตกต�างจะต%องม�ค�าเที่�าก&บจ3านุวนุเที่�าของความย์าวคลื่�นุ
การแที่รกสอด
d2 - d1 = (2n + 1) (/2)
n = 0, 1, 2, 3, ....
การแที่รกสอดแบบห�กลื่"าง (Destructive Interference)
การแที่รกสอด
เง��อน่ไขการแที่รกสอด• แห็ลื่�งก3าเนุ(ดแสงต%องเป็�นุแห็ลื่�งก3าเนุ(ดแสงอาพ&นุธ์�• แห็ลื่�งก3าเนุ(ดแสงต%องให็%แสงส�เด�ย์วก&นุ• การรวมก&นุของคลื่�นุต%องเป็�นุไป็ตามห็ลื่&กการที่&บซ%อนุของ
คลื่�นุ
การที่ดลื่องแบบชิ�องเลื่$กยาวค%�ของย�ง
(Young's Double Slit Experiment)
(Thomas Young, ค.ศ. 1801)
การที่ดลื่องแบบชิ�องเลื่$กยาวค%�ของย�ง
(Young's Double Slit Experiment)
(Thomas Young, ค.ศ. 1801)
แถบสว�าง: = d sin = m
แถบม�ด: = d sin = (m+1/2) m = 0, 1, 2, ....
การที่ดลื่องแบบชิ�องเลื่$กยาวค%�ของย�ง
(Young's Double Slit Experiment)ความต�างว�ถ� (path difference) = d sin
เม��อ d << L: sin ปปปปปปปปปปปปป tan = y/L
แถบสว�างที่�� m:
ป ym/L = md
แถบม�ดที่�� m: ป ym/L = (m+1/2)/d m = 0, 1, 2, ....
การที่ดลื่องแบบชิ�องเลื่$กยาวค%�ของย�ง
(Young's Double Slit Experiment)
ต&วอย์�าง: ในุการที่ดลื่องของย์&ง ถ้%าระย์ะห็�างระห็ว�างช่�องเลื่�กย์าวเป็�นุ 0.1 ม(ลื่ลื่(เมตร แลื่ะระย์ะห็�างจากช่�องเลื่�กย์าวค/�ถ้�งฉากเป็�นุ 50 เซนุต(เมตร จงค3านุวณห็าระย์ะห็�างบนุฉากระห็ว�างแถ้บสว�างที่�อย์/�ต(ดก&นุ ของแสงที่�ส�ม�วงที่�ม�ค�าความย์าวคลื่�นุ 400 นุาโนุเมตร
แถบสว�างที่�� m:
ปym/L = md
ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปym+1 - ym = (m+1)L/d - mL/d = L/d
= (400 nm)(500 mm)/0.1m= 2,000,000 น่าโน่เมตร= 2 ม�ลื่ลื่�เมตร
ความเข"มของร�(วจากชิ�องเลื่$กยาว 2 ชิ�องIave=2I0cos22)
d<<L: =2dy/(L)
Iave=2I0cos2dy/(L))
การแที่รกสอดโดยการสะที่"อน่จากฟิ+ลื่�มบาง
•ส�บนุผิ(วนุ3,าม&นุที่�ราดบนุถ้นุนุ•ส�บนุฟองสบ/�•ส�บนุขนุนุกย์/ง•วงแห็วนุนุ(วต&นุ•...
n2=n
n1
n3
• แสงที่�เด(นุที่างจากต&วกลื่างที่�ม�ดรรช่นุ�ห็&กเห็นุ%อย์กว�าไป็กระที่บผิ(วของต&วกลื่างที่�ม�ดรรช่นุ�ห็&กเห็มากกว�า แสงสะที่%อนุจะม�การเป็ลื่�ย์นุเฟส 180 องศา
• แสงที่�เด(นุที่างจากต&วกลื่างที่�ม�ดรรช่นุ�ห็&กเห็มากกว�าไป็กระที่บผิ(วของต&วกลื่างที่�ม�ดรรช่นุ�ห็&กเห็นุ%อย์กว�า แสงสะที่%อนุจะไม�ม�การเป็ลื่�ย์นุเฟส
การแที่รกสอดโดยการสะที่"อน่จากฟิ+ลื่�มบาง: n1&n3<n2
การแที่รกสอดโดยการสะที่"อน่จากฟิ+ลื่�มบาง: n1&n3<n2
การแที่รกสอดที่�เก(ดจากแสงที่�ม�เส%นุที่างเด(นุ 1 แลื่ะ 2 --------------------------------ความย์าวคลื่�นุในุฟ1ลื่�มบางม�ค�าเที่�าก&บ:
n = / n
n = ดรรช่นุ�ห็&กเห็ของฟ1ลื่�ม (ม�ค�ามากกว�า 1) ------------------------------แสงสะที่%อนุม�การเป็ลื่�ย์นุเฟส 180 องศา
• แสงตกกระที่บผิ(วฟ1ลื่�มในุแนุวต&,งฉากเสร(มก&นุ
2t=(m+0.5)n ห็ร�อ
2nt =(m+0.5)m=0,1,2,…
ห็&กลื่%างก&นุ2t=mn
ห็ร�อ2nt =mm=0,1,2,…
n = ดรรช่นุ�ห็&กเห็ของฟ1ลื่�ม
การแที่รกสอดโดยการสะที่"อน่จากฟิ+ลื่�มบาง: n1&n3<n2
• แสงตกกระที่บผิ(วฟ1ลื่�มที่�ที่3าให็%ม�มห็&กเห็เที่�าก&บ rเสร�มก�น่
2t/cosr =(m+0.5)n ห็ร�อ 2nt/cosr =(m+0.5)m=0,1,2,…
ห�กลื่"างก�น่2t/cosr=mn
ห็ร�อ2nt/cosr =mm=0,1,2,…
n = ดรรช่นุ�ห็&กเห็ของฟ1ลื่�ม
การแที่รกสอดโดยการสะที่"อน่จากฟิ+ลื่�มบาง: n1&n3<n2
การแที่รกสอดที่��ฟิ+ลื่�มอากาศบาง: n1&n3>n2
การแที่รกสอดที่��ฟิ+ลื่�มอากาศบาง: n1&n3>n2
เสร(มก&นุ2t =(m+0.5)
ปปปm=0,1,2,…n2=1 (อากาศ)
ห็&กลื่%างก&นุ2t =m
ปปm=0,1,2,…
วงแห็วนุนุ(วต&นุ
ต&วอย์�าง: การที่ดลื่องวงแห็วนุนุ(วต&นุห็นุ�งใช่%แสงความย์าวคลื่�นุ 600 นุาโนุเมตร แลื่ะเลื่นุส�ม�ดรรช่นุ�ห็&กเห็ 1.5 แลื่ะม�ร&ศม�ความโค%ง R เที่�าก&บ 2.5 เมตร จงห็าร&ศม� r ของร(,วสว�างที่� 5 ของวงแห็วนุนุ(วต&นุt<<R
r2=R2-(R-t)2 ----> r2 = 2Rt
ปปปปปปปปปปปปปปปปปปm=4ปt = (4.5)(6x10-7 m)/2 = 1.35x10-6 m
r2= 2Rtr= 2.6x10-3 m
เง��อน่ไขการแที่รกสอดแบบห�กลื่"าง:
2tn = (m+0.5)
ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปm
ปt = /4nหร�อ
t = n/4
การฉาบด%วย์ฟ1ลื่�มไม�สะที่%อนุแสง
การแที่รกสอดที่��ฟิ+ลื่�มบาง: n1<n2<n3
การฉาบด%วย์ฟ1ลื่�มไม�สะที่%อนุแสง
การแที่รกสอดที่��ฟิ+ลื่�มบาง: n1<n2<n3
ต&วอย์�าง: จากร/ป็ ให็%ห็าความห็นุาของซ(ลื่(คอนุออกไซด�ที่�ไม�ที่3าให็%เก(ดการสะที่%อนุของแสงความย์าวคลื่�นุ 550 นุาโนุเมตร
t = /4n
t= 550/(4*1.45)
t= 94.8 nm
The Michelson interferometer produces interference fringes by splitting a beam of monochromatic light so that one beam strikes a fixed mirror and the other a movable mirror. When the reflected beams are brought back together, an interference pattern results.
อ�น่เตอร�ฟิ,รอม�เตอร�ของไมเค�ลื่ส�น่(Michelson Interferometer)
อ�น่เตอร�ฟิ,รอม�เตอร�ของไมเค�ลื่ส�น่(Michelson Interferometer)
Precise distance measurements can be made with the Michelson interferometer by moving the mirror and counting the interference fringes which move by a reference point. The distance d associated with m fringes is
d=m/2
อ�น่เตอร�ฟิ,รอม�เตอร�ของไมเค�ลื่ส�น่(Michelson Interferometer)
λ = 632.8 nm λ = 420 nm
•เม��อขน่าดของความแตกต�างของระที่างเพิ่��มข.(น่ร�(วของการแที่รกสอดเคลื่��อน่ที่��ออก•เม��อขน่าดของความแตกต�างของระที่างลื่ดลื่งร�(วของการแที่รกสอดเคลื่��อน่ที่��เข"า
ตอนุที่� 6.2 การแที่รกสอดของคลื่�นุแสงจากแห็ลื่�ง
ก3าเนุ(ดแสงห็ลื่าย์แห็ลื่�ง• การบวกเฟเซอร�ของคลื่�นุ (ร(,วแที่รกสอดที่�เก(ดจาก
ช่�องเลื่�กย์าว 2 ช่�อง)
• ร(,วแที่รกสอดที่�เก(ดจากช่�องเลื่�กย์าว 3 ช่�อง• ร(,วแที่รกสอดที่�เก(ดจากช่�องเลื่�กย์าว N ช่�อง
เฟสของคลื่�นุ
2
)sin(
)sin(
2022
1011
k
krtEE
krtEE
00201
2
1
sin2
1
sin2
1
EEE
drr
drr
ที่�ต3าแห็นุ�ง P
)sin()sin2
1cos(2
)sin2
1sin()sin
2
1sin(
0
0021
krtkdEE
kdkrtEkdkrtEEEE
p
p
การบวกเฟิเซอร�ของคลื่��น่
ก3าห็นุดให็% เป็�นุความต�างเฟส (phase difference)
)2
sin()2
cos(2
)sin()2
cos(2
10
0
krtEE
krtEE
p
p
sinkd
จากความส&มพ&นุธ์� sind
2
ผิลื่รวมของคลื่�นุข�,นุอย์/�ก&บความต�างเฟส
การบวกเฟิเซอร�ของคลื่��น่
การรวมคลื่�นุว(เคราะห็�แบบการบวกเฟเซอร�
)2
sin()2
cos(2 0
tEEp
แลื่%วจะได%
การบวกเฟิเซอร�ของคลื่��น่
)sin(
sin
022
01
tEE
tEEถ้%า
ห็ร�อ)
2sin(
tEE Rp
โดย์ที่�)
2cos(2 0
EER
Ep
RE
E2
t0E
E1t
0E
)2
sin()2
cos(2)2
sin( 0
tEtEE Rp
การบวกเฟิเซอร�ของคลื่��น่
2
cos2coscos 000 EEEER
Ep
RE
2
ร�(วแที่รกสอดที่��เก�ดจากชิ�องเลื่$กยาว 3 ชิ�อง
E 0
E R
t
S 1
S 2
ฉาก
= d sin
d
P
L
y
d
S 3
y L
d2
2
ร�(วแที่รกสอดที่��เก�ดจากชิ�องเลื่$กยาว 3 ชิ�องt sinE E 01
) t (sin E E 02
)2 t (sin E E 03
E 0
E R = 3E 0
00
E 0E 0
60 o
E R
60 o
120 o
120 o180 o
E R = 0E R = E 0
60 o
/6120 o
/3180 o
/2
ร�(วแที่รกสอดที่��เก�ดจากชิ�องเลื่$กยาว 3 ชิ�อง
E o
2E o
3E o
E R
(a)
(b)
2
46 ช่�องเลื่�กย์าว
2 ช่�อง
8I o
Iช่�องเลื่�กย์าว
3 ช่�อง
3 slit3 slit vs. double slit
ค�าส/งส�ดป็ฐมภ/ม( (primary maximum) ค�าส/งส�ดที่�ต(ย์ภ/ม(
(secondary maximum)
ร�(วแที่รกสอดที่��เก�ดจากชิ�องเลื่$กยาว N ชิ�อง
2
20
/2)(
/2) (N sin
0 1 2-1-2
0 1 2-1-2
0 1 2-1-2
0 1 2-1-2
N = 2
N = 4
N = 8
N มาก
d sin
d sin
d sin
d sin