26
นโยบาย UCEP เริ่มดาเนินการตั้งแต่ เม.ย. 2560 โดย 1. ในหกเดือนแรกเน้นบทบาทให้บริการของรพ.เอกชนแก่ผู ้ป่วย ในระยะวิกฤต และ 2. ให้รพ.รัฐรับส่งต่อกรณีผู ้ป่วยพ้นวิกฤตและไม่ประสงค์จะจ่าย ค่าบริการเมื่อพ้นวิกฤต 1

นโยบาย UCEP 1. ในหกเดือนแรกเน้น ......นโยบาย UCEP เร มด าเน นการต งแต เม.ย. 2560โดย

  • Upload
    others

  • View
    4

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

  • นโยบาย UCEP

    เร่ิมด าเนินการตัง้แต ่เม.ย. 2560 โดย1. ในหกเดือนแรกเน้นบทบาทให้บริการของรพ.เอกชนแก่ผู้ ป่วย

    ในระยะวิกฤต และ2. ให้รพ.รัฐรับสง่ตอ่กรณีผู้ ป่วยพ้นวิกฤตและไมป่ระสงค์จะจ่าย

    คา่บริการเมื่อพ้นวิกฤต

    1

  • วตัถปุระสงค์ทัว่ไป เพื่อค้นหาหลกัฐานเชิงประจกัษ์วา่

    การด าเนินนโยบาย”เจ็บป่วยฉกุเฉินวิกฤต มีสิทธิทกุท่ี”ภายใต้กรอบของพระราชบญัญตัิ

    สถานพยาบาล 2541 ฉบบัแก้ไข 2559 ได้บงัเกิดผลอนัพงึปรารถนาหรือไม่ เพียงใด ยงัมี

    โอกาสพฒันาอะไร และจะมีแนวทางใช้โอกาสนัน้อยา่งไร

    2

  • 1) นโยบาย”เจ็บป่วยฉกุเฉินวิกฤต มีสิทธิทกุท่ี”อาศยัสมมติฐาน(program

    theory)อะไรในการก าหนดเนือ้หานโยบาย(เปา้ประสงค์ กลยทุธ มาตรการ) สมมติฐาน

    นัน้ๆสอดคล้องกบัองค์ความรู้อย่างไร ผู้มีสว่นได้เสียฝ่ายตา่งๆยดึถือสมมติฐานอะไรร่วมกนั

    และตา่งกนั

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ 3 ข้อ

    3

  • 2) การด าเนินนโยบายภายใต้กรอบของพระราชบญัญตัิสถานพยาบาล 2541 ฉบบัแก้ไข 2559 และสมมติฐานอ่ืนๆ

    ที่จะค้นพบใน(1) ได้บงัเกิดผลอนัพงึปรารถนาหรือไม ่เพียงใด ในแง่ตอ่ไปนี ้

    a) การเข้าถงึบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)และโรงพยาบาลของรัฐ(รับสง่ตอ่) เปรียบเทียบ

    ระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิรักษาพยาบาล รวมถงึการสง่ตอ่ระหวา่งโรงพยาบาลเอกชน-รัฐ

    b) ความโปร่งใส และการปฏิบตัิตามอตัราคา่บริการของโรงพยาบาลเอกชนท่ีประกาศไว้

    c) การปอ้งกนัรพ.เอกชนไมใ่ห้เก็บคา่รักษาพยาบาลอยา่งไม่สมเหตสุมผลตามกรอบกฎหมายดงักลา่ว

    d) คณุภาพบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)เปรียบเทียบระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิ

    รักษาพยาบาล(หลกัประกนัสขุภาพแห่งชาติ ประกนัสงัคม สวสัดิการข้าราชการฯ)

    e) ประสทิธิผลของกลไกสื่อสารกบัผู้ มีสว่นได้เสีย(ผู้ ป่วย ญาติ และรพ.เอกชน) กรณี preauthorization และเพ่ือให้ประชาชน

    โดยเฉพาะกลุม่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถงึบริการ

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ

    4

  • 3) ยงัมีโอกาสพฒันาอะไร และจะมีแนวทางใช้โอกาสนัน้อยา่งไร ในแง่ตอ่ไปนี ้

    a) เนือ้หานโยบายอนัได้แก่ สารบญัญตัิของพรบ.สถานพยาบาลฯ และสมมติฐานอ่ืนๆ

    b) การถ่ายทอดนโยบายสูก่ารปฏิบตัิมีช่องวา่งอะไรส าหรับพฒันากระบวนการนโยบายตัง้แตข่ัน้ก าหนดประเด็น(agenda

    setting) ไปจนถงึขัน้ประเมินผลการด าเนินนโยบาย (policy evaluation)

    ขอบเขตการติดตามประเมินผล ภายใน ปีแรก ตัง้แตว่นัที่ประกาศนโยบาย โดยครอบคลมุพืน้ที่ กทม และเมือง

    ภมูิภาค ที่โรงพยาบาลเอกชนด าเนินการอยู่

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ

    5

  • ระเบียบวิธี

    การผสมผสาน(mixed method)ระหว่างการค้นหาหลกัฐาน

    • เชิงปริมาณ

    • เชิงคณุภาพ

    6

  • 1. วิเคราะห์ข้อมลู ที่จะได้รับผ่านการประสานงานของสพฉ

    • ฐานข้อมลูอนมุตัิสิทธิ

    • ฐานข้อมลูการเบิกจา่ย

    2. ส ารวจทางโทรศพัท์ผู้ ป่วยท่ีผา่นหรือไม่ผา่น preauthorization

    เชิงปริมาณ

    7

  • 1) นโยบาย”เจ็บป่วยฉกุเฉินวิกฤต มีสิทธิทกุท่ี”อาศยัสมมติฐาน(program

    theory)อะไรในการก าหนดเนือ้หานโยบาย(เปา้ประสงค์ กลยทุธ มาตรการ) สมมติฐาน

    นัน้ๆสอดคล้องกบัองค์ความรู้อย่างไร ผู้มีสว่นได้เสียฝ่ายตา่งๆยดึถือสมมติฐานอะไรร่วมกนั

    และตา่งกนั

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ 3 ข้อ

    8

  • 9

  • 2) การด าเนินนโยบายภายใต้กรอบของพระราชบญัญตัิสถานพยาบาล 2541 ฉบบัแก้ไข 2559 และสมมติฐานอ่ืนๆ

    ที่จะค้นพบใน(1) ได้บงัเกิดผลอนัพงึปรารถนาหรือไม ่เพียงใด ในแง่ตอ่ไปนี ้

    a) การเข้าถงึบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)และโรงพยาบาลของรัฐ(รับสง่ตอ่) เปรียบเทียบ

    ระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิรักษาพยาบาล รวมถงึการสง่ตอ่ระหวา่งโรงพยาบาลเอกชน-รัฐ

    b) ความโปร่งใส และการปฏิบตัิตามอตัราคา่บริการของโรงพยาบาลเอกชนท่ีประกาศไว้

    c) การปอ้งกนัรพ.เอกชนไมใ่ห้เก็บคา่รักษาพยาบาลอยา่งไม่สมเหตสุมผลตามกรอบกฎหมายดงักลา่ว

    d) คณุภาพบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)เปรียบเทียบระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิ

    รักษาพยาบาล(หลกัประกนัสขุภาพแห่งชาติ ประกนัสงัคม สวสัดิการข้าราชการฯ)

    e) ประสทิธิผลของกลไกสื่อสารกบัผู้ มีสว่นได้เสีย(ผู้ ป่วย ญาติ และรพ.เอกชน) กรณี preauthorization และเพ่ือให้ประชาชน

    โดยเฉพาะกลุม่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถงึบริการ

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ

    10

  • รูปที่ 1 แนวโน้มผูข้อสทิธ์ิ UCEP รายเดอืน

    11

  • ลกัษณะ Number (%)

    สทิธิพ้ืนฐาน

    สทิธิขา้ราชการ 5,444 (27.52)

    สทิธิคนไทยในตา่งประเทศ 44 (0.22)

    สทิธิประกนัสงัคม 2,847 (14.39)

    สทิธิประกนัสขุภาพถว้นหนา้ 11,121 (56.21)

    สทิธิสวสัดกิารพนกังานสว่นทอ้งถ่ิน 329 (1.66)

    Shift

    Morning 7,989 (39.54)

    Evening 7,944 (39.32)

    Night 4,273 (21.15)

    Route of transportation

    Refer 376 (1.86)

    มาดว้ยตนเอง 15,853 (78.46)

    EMS under 1669 3,413 (16.89)

    EMS not under 1669 398 (1.97)

    Unknow 166 (0.82)

    Age, year, mean (SD) 54.55 (24.27)

    Gender

    Male 10,311 (51.49)

    Female 9,713 (48.51)

    ตารางท่ี 1 แสดงลกัษณะโดยทัว่ไปของผูป่้วยท่ีขอสทิธ์ิ UCEP

    12

  • ตารางท่ี 2 กลุ่มอาการน าของผูป่้วยท่ีขอสทิธ์ิ UCEPChief complaint Number (%)

    Fatique 3,376 (16.71)

    Dyspnea 3,005 (14.87)

    Chest pain/discomfort 2,097 (10.38)

    Paralysis 1,803 (8.92)

    Road traffic injury 1,570 (7.77)

    Abdominal,Back,pelvic pain 1,469 (7.27)

    Unresponsiveness 1,116 (5.52)

    Falling 1,008 (4.99)

    Cardiac arrest 842 (4.17)

    Seizure 725 (3.59)

    Headache/EENT problems 661 (3.27)

    Pediatric problems 618 (3.06)

    Anphylaxis/allergy 398 (1.97)

    Haemorrage(Non trauma) 371 (1.84)

    DM 227 (1.12)

    OB-Gyn 183 (0.91)

    Animal bite 167 (0.83)

    Assualt and injury 163 (0.81)

    Intoxication/drug overdose 121 (0.6)

    Airway obstruction 119 (0.59)

    Burn and electical injury 96 (0.48)

    Psychiatric/emotional problems 40 (0.2)

    Drowning/diving/marine related trauma 16 (0.08)

    Environmental injury 12 (0.06)13

  • 14

    ไม่มีขอ้มูลการสง่ตอ่ระหวา่งสถานพยาบาล

  • 2) การด าเนินนโยบายภายใต้กรอบของพระราชบญัญตัิสถานพยาบาล 2541 ฉบบัแก้ไข 2559 และสมมติฐานอ่ืนๆ

    ที่จะค้นพบใน(1) ได้บงัเกิดผลอนัพงึปรารถนาหรือไม ่เพียงใด ในแง่ตอ่ไปนี ้

    a) การเข้าถงึบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)และโรงพยาบาลของรัฐ(รับสง่ตอ่) เปรียบเทียบ

    ระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิรักษาพยาบาล รวมถงึการสง่ตอ่ระหวา่งโรงพยาบาลเอกชน-รัฐ

    b) ความโปร่งใส และการปฏิบตัิตามอตัราคา่บริการของโรงพยาบาลเอกชนท่ีประกาศไว้

    c) การปอ้งกนัรพ.เอกชนไมใ่ห้เก็บคา่รักษาพยาบาลอยา่งไม่สมเหตสุมผลตามกรอบกฎหมายดงักลา่ว

    d) คณุภาพบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)เปรียบเทียบระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิ

    รักษาพยาบาล(หลกัประกนัสขุภาพแห่งชาติ ประกนัสงัคม สวสัดิการข้าราชการฯ)

    e) ประสทิธิผลของกลไกสื่อสารกบัผู้ มีสว่นได้เสีย(ผู้ ป่วย ญาติ และรพ.เอกชน) กรณี preauthorization และเพ่ือให้ประชาชน

    โดยเฉพาะกลุม่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถงึบริการ

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ

    15

  • การถูกเรียกเกบ็ค่าใชจ่้ายช่วงยงัไม่พน้ภาวะฉุกเฉินกลุ่มใชสิ้ทธิ UCEP

    • ค่าใชจ่้ายท่ีถูกเรียกเกบ็มีตั้งแต่ ,4,000 –170,000 บาท (แต่มีเคสเพียง 3,3,1 ของUCS, CSMBS, SSS ท่ีใหข้อ้มูลค่าใชจ่้ายไ้)้

    • ส่วนใหญ่ไม่ทราบช่องทางการร้องเรียนเม่ือถูกเรียกเกบ็เงิน ร้อยละ 63, 84, 78 ของUCS, CSMBS, SSS ตามล า้บั

    0%

    10%

    20%

    30%

    40%

    50%

    60%

    70%

    80%

    90%

    100%

    UCS CSMBS SSS

    การถกูเรียกเก็บเงินของผู้ ใช้สิทธิ UCEP

    ไมถ่กูเรียกเก็บเงิน ถกูเรียกเก็บเงิน

    U6 – U7

    16

  • ความเห็นต่อผลการประเมินภาวะฉุกเฉินกลุ่มไม่ผ่านเกณฑ ์PA

    • ร้อยละ 46 กลุ่ม CSMBS ไ้รั้บใบแจง้ผล PA ในขณะท่ี มีเพียงร้อยละ 17 และ 12 ของกลุ่มUCS & SSS ตามล า้บัท่ีไ้รั้บใบแจง้ผล PA

    • ส่วนใหญ่ไม่ทราบช่องทางการร้องเรียนเม่ือไม่เห็น้ว้ยกบัผลการประเมิน PA ร้อยละ 67, 76, 79 ของ UCS, CSMBS, SSS ตามล า้บั

    0%

    10%

    20%

    30%

    40%

    50%

    60%

    70%

    80%

    90%

    100%

    UCS CSMBS SSS

    การเห็นด้วยกบัผลการประเมินภาวะฉกุเฉิน

    เห็นด้วย ไมเ่ห็นด้วย

    N6 – N8

    17

  • 2) การด าเนินนโยบายภายใต้กรอบของพระราชบญัญตัิสถานพยาบาล 2541 ฉบบัแก้ไข 2559 และสมมติฐานอ่ืนๆ

    ที่จะค้นพบใน(1) ได้บงัเกิดผลอนัพงึปรารถนาหรือไม ่เพียงใด ในแง่ตอ่ไปนี ้

    a) การเข้าถงึบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)และโรงพยาบาลของรัฐ(รับสง่ตอ่) เปรียบเทียบ

    ระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิรักษาพยาบาล รวมถงึการสง่ตอ่ระหวา่งโรงพยาบาลเอกชน-รัฐ

    b) ความโปร่งใส และการปฏิบตัิตามอตัราคา่บริการของโรงพยาบาลเอกชนท่ีประกาศไว้

    c) การปอ้งกนัรพ.เอกชนไมใ่ห้เก็บคา่รักษาพยาบาลอยา่งไม่สมเหตสุมผลตามกรอบกฎหมายดงักลา่ว

    d) คณุภาพบริการการแพทย์ฉกุเฉินของโรงพยาบาลเอกชน(ให้บริการในระยะวิกฤต)เปรียบเทียบระหวา่งกลุม่ประชากรตา่งสทิธิ

    รักษาพยาบาล(หลกัประกนัสขุภาพแห่งชาติ ประกนัสงัคม สวสัดิการข้าราชการฯ)

    e) ประสทิธิผลของกลไกสื่อสารกบัผู้ มีสว่นได้เสีย(ผู้ ป่วย ญาติ และรพ.เอกชน) กรณี preauthorization และเพ่ือให้ประชาชน

    โดยเฉพาะกลุม่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถงึบริการ

    วตัถปุระสงค์เฉพาะ

    18

  • ... UCEP

    Outcomes Total (n=15,700

    )

    Non cardiac

    arrest

    (n=13,78

    2)

    Cardiac

    arrest (n=1,918)

    Dead 1,777 (11.32) 700 (5.08) 1,077 (56.15)

    Improved 7,782 (49.57) 7,509 (54.48) 273 (14.23)

    Not

    improve 2,720 (17.32) 2,494 (18.1) 226 (11.78)

    Missing 3,421 (21.8) 3,079 (22.34) 342 (17.83)

    NHSO dataset: 1/4/60 - 9/4/61 19

  • การใชบ้ริการหลงัพน้ภาวะฉุกเฉินกลุ่มใชสิ้ทธิ UCEP

    0%

    20%

    40%

    60%

    80%

    100%

    UCS CSMBS SSS

    การใช้บริการหลงัพ้นภาวะฉกุเฉิน

    รพ.เดิม รพ.หลกั รพ.อ่ืน

    U11 – U13

    0%

    20%

    40%

    60%

    80%

    100%

    UCS CSMBS SSS

    สิทธิทีใช้ในการรักษา

    ประกนัรัฐ ประกนัรัฐ+ร่วมจา่ย จา่ยเงินเอง ประกนัเอกชน ประกนัรัฐ+เอกชน อ่ืนๆ

    • ประมาณคร่ึงๆของผูป่้วยท่ียงัคงรับบริการต่อใน รพ.เอกชนและท่ียา้ยไปรพ.ในระบบประกนัสุขภาพภาครัฐ (CSMBS ยา้ยกลบัรพ.รัฐในสั้ ส่วนนอ้ยกวา่สิทธิอ่ืน)

    • สิทธิหลกัท่ีใชคื้อ ประกนัสุขภาพภาครัฐ (ร้อยละ 60) รองลงมาคือ จ่ายเงินเองร้อยละ 20-28 ประกนัเอกชนยงัมีบทบาทไม่ถึงร้อยละ 10

    • ร้อยละ 45, 49, 38 ของสิทธิ UCS, CSMBS, SSS รายงานวา่มีค่าใชจ่้าย โ้ยมีค่าใชจ่้ายเฉล่ีย 1.1 –1.5 แสน/ราย (1,000 – 900,00 ตั้ ราย 6 ลา้นออก)

    20

  • 21

    1. การเขา้ถึงฐานขอ้มูล

    • การประสานงานโดยสพฉ.

    • ม.46 (3) พรบ.สถานพยาบาล 2541

    2. ความครบถว้นของขอ้มูล

    อุปสรรค

  • 22

    ขอ้เสนอแนะ

  • Red: proposed public interventions

    Relationship: solid line…positive; dash line …negative

    23

    Hosp charge

  • 24

    ถาม-ตอบ

  • จ านวนตวัอยา่งกลุ่มท่ีไม่ผา่นเกณฑ์ PA (NUCEP)

    สิทธิTotalUCS CSMBS SSS

    Month 07 35 31 47 11308 43 27 37 10709 41 26 43 11010 38 22 28 88

    Total 157 106 155 418

    สิทธิTotalUCS CSMBS SSS

    ยนิดใีห้ข้อมูล 78 63 76 217ติ้ต่อไม่ไ้้ 25 12 37 74เบอร์ไม่ถูกตอ้ง 15 15 17 47ปฏิเสธใหข้อ้มูล 39 16 25 80

    157 106 155 418

    จ านวนตวัอยา่งท่ีโทรติ้ต่อไ้แ้ยกรายเ้ือน ผลของการติ้ต่อทางโทรศพัท์

    • ประมาณร้อยละ 70 ของตวัอยา่งโทรติ้ต่อคร้ังเ้ียวไ้ค้วาม โ้ยในกลุ่มท่ียนิ้ีใหข้อ้มูลนั้นร้อยละ 85 โทรติ้ต่อคร้ังเ้ียวไ้้• ทั้งน้ีมีเพียงร้อยละ 50, 59, 49 ของสิทธิ UCS, CSMBS, และ SSS ตามล า้บัท่ียนิ้ีใหข้อ้มูล (มีร้อยละ 25, 15, 16 ตามล า้บัท่ี

    ปฏิเสธการใหข้อ้มูล)

    25

  • จ านวนตวัอยา่งกลุ่มท่ีผา่นเกณฑ ์PA (UCEP)

    สิทธิTotalUCS CSMBS SSS

    Month 07 36 42 28 10608 37 33 20 9009 42 21 41 10410 46 27 30 103

    Total 161 123 119 403

    สิทธิTotalUCS CSMBS SSS

    ยนิดใีห้ข้อมูล 88 72 55 215ติ้ต่อไม่ไ้้ 32 16 26 74เบอร์ไม่ถูกตอ้ง 16 17 23 56ปฏิเสธใหข้อ้มูล 23 14 15 52

    159 119 119 397

    จ านวนตวัอยา่งท่ีโทรติ้ต่อไ้แ้ยกรายเ้ือน ผลของการติ้ต่อทางโทรศพัท์

    • ประมาณร้อยละ 70 ของตวัอยา่งโทรติ้ต่อคร้ังเ้ียวไ้ค้วาม โ้ยในกลุ่มท่ียนิ้ีใหข้อ้มูลนั้นร้อยละ 80 โทรติ้ต่อคร้ังเ้ียวไ้้• ทั้งน้ีมีเพียงร้อยละ 55, 61, 46 ของสิทธิ UCS, CSMBS, และ SSS ตามล า้บัท่ียนิ้ีใหข้อ้มูล (มีร้อยละ 14, 12, 13 ตามล า้บัท่ี

    ปฏิเสธการใหข้อ้มูล)

    26