Upload
others
View
4
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
วารสารสังคมลุ่มนํ้าโขง : ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554 หน้า 89-107
Journal of Mekong Societies : Vol.7 No.2 May-August 2011, pp. 89-107
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
Phra Thatpanom: Development of Historical,
Social, Cultural, Urban and Community
1 อาจารย์ประจ�าสาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
บทคัดย่อ องค์พระธาตพุนมมคีวามส�าคญัทางพทุธศาสนาและเป็นศนูย์รวมจติใจของประชาชนในแถบอนภุมูภิาคลุม่น�า้โขงทัง้ประชาชนชาวไทยและชาวลาวมาเป็นระยะเวลายาวนานด้วยมีประวตัศิาสตร์ทีย่าวนานตัง้แต่ยคุต�านานพระอรุงัคธาตจุนถงึยคุประวตัศิาสตร์ท้องถิน่ซึง่แสดงให้เห็นถึงความส�าคัญขององค์พระธาตุพนมในระดับภูมิภาค และสภาพทางสังคม วัฒนธรรมการเมืองการปกครองในแต่ละยุคสมัย พฒันาการด้านสงัคมและวฒันธรรมของชมุชนธาตพุนมได้เริม่ขึน้จากการจดัตัง้ชมุชนโดยพญาสุมิตธรรมวงศาได้สละข้าทาสถวายเป็นข้าโอกาสแด่องค์พระธาตุพนมเพื่อคอยดูแลรักษาองค์พระธาตุ นอกจากนี้ยังได้สละทรัพย์สินและเขตแดนซึ่งถือเป็นเขตแดนองค์พระธาตุ ทีเ่ป็นพืน้ทีบ่รเิวณชมุชนโดยรอบองค์พระธาตุหลงัจากนัน้ชมุชนธาตพุนมกม็กีารเคลือ่นย้ายผูค้นหลายครัง้จากเหตคุวามไม่สงบในภมูภิาคท�าให้มกีลุม่คนทีต่ัง้ถิน่ฐานอยูใ่นชมุชนพระธาตพุนมหลายชาติพันธุ์เช่น ไทย-ลาว ผู้ไทยญวนและจีน จึงท�าให้เมืองธาตุพนมมีความหลากหลาย ทางชนชาติและวัฒนธรรมจนถึงปัจจุบัน พัฒนาการของเมืองจากอดีตถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงตามล�าดับ ซึ่งมีร่องรอยที่หลงเหลือทางสถาปัตยกรรมอยู่ในเมืองเช่น สถาปัตยกรรมบริเวณซุ้มประตูโขง ตลาดลาว และชมุชนรมิถนนพนมพนารกัษ์ซึง่องค์ประกอบเมอืงเหล่านีเ้ป็นสิง่ทีม่คีณุค่าควรแก่การอนรุกัษ์เพือ่บอกเล่าความเป็นมาของเมอืงซึง่บทสรปุจากการศกึษาพฒันาการด้านต่างๆขององค์พระธาตุ วัด บ้านเมืองและผู้คนแล้ว ท�าให้เกิดความเข้าใจกับบริบทและความส�าคัญของพื้นที่ เพื่อน�าไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองในอนาคต ให้เกิดความเหมาะสมกับเมืองที่มีความส�าคัญทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน
อนุวัฒน์ การถัก / Anuwat Karnthak1
90 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
Abstract Phra Thatpanom pagoda is an important Buddhist center in the heart of the MekongSub-region,respectedbybothThaisandLaosforalongtime.ForlonghistorysincethemythoftheUrangka-Thattothelocalhistoryperiod,thisdemonstratestheimportanceofthepagodaintheregionasthesocialandpoliticalcultureofeachperiod. ThedevelopmentofthesocialandculturalofThatpanom’scommunitybeganwiththeestablishmentofthecommunity.byPrayaSumitDhamawongsadedicatedhisslavetoPhraThatpanomasthemindertotakecareofthispagoda,Inaddition,theirpropertyand territorywhich is theboundaryof theareasurrounding thecommunity,Fromthattimethecommunitywasthecommunityofmanypeoplethatmovedoutofthis communitycauseofunrestintheregion.Thatreasoncausedthisareaistheplaceofmanyethnicgroupswhosettledinthiscommunity,suchasThai-Laos,Phuthai,VietnameseandChinese,thecommunityhasadiverseethnicandculturalcontinuitytothepresent.Development of the city from the past to the present, respectively changes, suchas the architectural traces left in the city which is the temple arch (Pratu Khong), LaosmarketandthecommunityalongPanomPanarakRoad.Thecompositionofthesecitiesisthethingthatshouldbevaluableforconservationtotellthehistoryofthecity.The conclusionsofthestudyofthedevelopmentofthecityandthepeopleofPhraThatpanomtounderstandthecontextandsignificanceofthearea,leadtoestablishthedevelopmentplanofcityinthefuturethatappropriateforthemajorhistoricalsignificancecity.
บทน�ำ ชุมชนในเขตเทศบาลต�าบลธาตุพนมเป็นชุมชนเก่าที่มีประวัติการตั้ง
ถิน่ฐานคูม่ากบัองค์พระธาตพุนมโดยในต�านาน(Charoensupakul,1989)ได้กล่าว
ไว้ว่าบริเวณที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุพนมเคยเป็นที่ตั้งเมืองศรีโคตรบูร ซึ่งเป็น
เมืองหลวงอาณาจักรศรีโคตรบูร และองค์พระธาตุพนมได้ถูกสร้างในช่วงระหว่าง
พุทธศตวรรษที่ 8 ถึงพุทธศตวรรษที่ 12 เพื่อบรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วน
หน้าอก)ของพระพุทธเจ้าโดยเจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูรและเจ้าเมืองต่างๆรวม5
เมอืงร่วมกนัก่อสร้างขึน้และหลงัจากทีเ่มอืงศรโีคตรบรูได้ย้ายไปตัง้ทีอ่ืน่ชมุชนรอบ
องค์พระธาตุพนมก็ยังเป็นชุมชนใหญ่อยู่ดูแลองค์พระธาตุพนม ต่อมาในสมัย
91
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
รัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ ชุมชนธาตุพนมได้จัดเป็น“บริเวณธาตุพนม”ขึ้นกับมลฑลลาวพวนและได้ตั้งเป็นอ�าเภอธาตุพนมในปีพ.ศ.2450เป็นต้นมา การบูรณะองค์พระธาตุพนมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเริ่มสถาปนาองค์พระธาตุตามต�านานพระอุรังคธาตุ จนมาถึงยุคประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่เริ่มม ีการบันทึกเมื่อปี พ.ศ. 500 ที่มีการบูรณะโดยคนท้องถิ่นที่อยู่เป็นชุมชนที่ตั้งขึ้น เพื่อดูแลองค์พระธาตุตั้งแต่อดีต และในปี พ.ศ. 2483 ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ โดยกรมศิลปากรโดยการต่อยอดครอบยอดเดิมขึ้นไปอีก10เมตรเพื่อให้มองเห็นได้ชัดจากฝั่งลาว และในปี พ.ศ. 2497 ได้ยกยอดฉัตรทองสูง 5.50 เมตรให้แก่ องค์พระธาตุ ซึ่งเหตุผลในการบูรณะในครั้งนี้ มีสาเหตุที่เกี่ยวเนื่องด้านการเมือง การปกครองเนือ่งจากในการก่อสร้างต่อเตมิองค์พระธาตพุนมให้มคีวามสงูเพิม่ขึน้ในแต่ละครั้ง มีสาเหตุมาจากความต้องการให้เป็นจุดหมายตา (Land Mark) ของบริเวณซึ่งหวังผลทางด้านการเมืองและวัฒนธรรมในระดับภูมิภาคจนปีพ.ศ.2518องค์พระธาตพุนมได้ล้มลงและได้ก่อสร้างขึน้ใหม่จนแล้วเสรจ็ในปีพ.ศ.2522โดยคงรูปแบบเดิมจนถึงปัจจุบัน ด้านมิติการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นที่โดยรอบองค์พระธาตุนั้นมีบันทึกตั้งแต่ต�านานพระอุรังคธาตุเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการปรับเปลี่ยนพื้นที่โดย รอบนั้นมีความสัมพันธ์กับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเมืองตามยุคสมัย เช่นการพัฒนาพื้นที่ในอดีตบริเวณด้านหน้าองค์พระธาตุที่เชื่อมต่อกับแม่น�้าโขง เพื่อรองรับย่านการค้าชายแดนบริเวณตลาดเก่า(ตลาดลาว)ที่ติดกับแม่น�้าโขง พัฒนาการตั้งแต ่อดีตจนถึงป ัจจุบันในมิติต ่างๆ ที่ เกี่ยวเนื่องกับ องค์พระธาตุและพื้นที่โดยรอบนั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ด้านประวัติศาสตร์ที่สามารถอธิบายในเชิงพื้นที่ได้ ซึ่งบทความนี้จะใช้การอธิบายเชิงวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างรอบด้าน และน�าไปสู่การพัฒนาในมิติต่างๆ ที่เหมาะสมกับ องค์พระธาตุและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งชุมชนที่มีการเปลี่ยนแปลงตามพลวัตร ของกระบวนการเป็นเมอืงทีเ่ข้มข้นขึน้เรือ่ยๆแต่สิง่ทีย่งัคงอยูอ่ย่างมัน่คงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง คือ ความศรัทธาต่อองค์พระธาตุพนมของประชาชนในภูมิภาค
ลุ่มน�้าโขงเช่นเดิมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
92 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ที่มา:ภาพจากหนังสือประวัติย่อองค์พระธาตุพนม.พระเทพรัตนโมลี:2548
พัฒนำกำรทำงประวัติศำสตร์
ประวัติองค์พระธาตุพนมจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกจะเป็นต�านาน
และส่วนที่สองจะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในส่วนที่เป็นต�านานนั้นเนื้อหา
จะกล่าวถึงการสถาปนาพุทธศาสนาในภูมิภาคที่สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์
พระพุทธศาสนาในลักษณะสากล การก�าเนิดชุมชนและผู้น�าชุมชนที่จะเป็นผู้ค�้าชู
พุทธศาสนาในลักษณะของการสร้างเงื่อนไขให้มีการสถาปนาองค์พระธาตุพนม
1. ส่วนที่1ต�ำนำนพระธำตุพนมตำมอุรังคนิทำน
ตามต�านานพระธาตุพนม(Charoensupakul,1989)ในช่วงแรกจะเริ่มมา
จากสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์เสด็จมายังภูมิภาคลุ่มน�้าโขง
และได้ท�านายถงึการเกดิเมอืงซึง่จะเป็นชมุชนทีค่�้าชพูระพทุธศาสนาและได้บอกถงึ
การกลับชาติมาเกิดของพญาศรีโคตรบูร ซึ่งเป็นผู้อัญเชิญพระพุทธเจ้าไปรับบาตร
ในเมอืงของตนเสรจ็แล้วถอืบาตรมาส่งพระพทุธเจ้าถงึบรเิวณภกู�าพร้าด้วยผลบญุ
อนันีเ้มือ่พญาศรโีคตรบรูกลบัชาตมิาเกดิเป็นพญาสมติธรรมวงศาเจ้าเมอืงมรกุขนคร
ก็มีโอกาสเป็นผู้สถาปนาพระอุรังคธาตุณ.ภูก�าพร้าในเวลาต่อมา
พระธาตพุนมองค์เดมิ ก่อนการ
บูรณะโดยกรมศิลปากร
พระธาตพุนม หลงัการบรูณะโดย
กรมศิลปากร พ.ศ. 2483-2484
พระธาตพุนม องค์ปัจจบุนัหลงั
การบูรณะ พ.ศ. 2518-2522
93
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วในปีพ.ศ.8พระมหากัสสปะพร้อมด้วย
พระอรหนัต์500องค์ได้อญัเชญิพระอรุงัคธาตมุาจากอนิเดยีมายงับรเิวณภกู�าพร้า
เมื่อมาถึงได้มีท้าวพญาจาก 5 แคว้นในภูมิภาคนั้น มาร่วมสร้างอูปมุงประดิษฐาน
พระอุรังคธาตุโดยก่อก�าแพงองค์ละด้านในทิศที่แคว้นของตนอยู่ดังนี้
- พญาจุลณีพรมทัติ ผู้ครองแคว้นหลวงพระบางสิบสองจุไทย ก่อทาง
ทิศตะวันออก
- พญาค�าแดงผู้ครองแคว้นหนองหานน้อยก่อด้านทิศตะวันตก
- พระยานันทเสนผู้ครองแคว้นศรีโคตรบูรก่อด้านทิศเหนือ
- พญาอินทปุฐนครผู้ครองแคว้นเขมรโบราณก่อทางด้านทิศใต้
การก่อสร้างได้ใช้อิฐดิบก่อเป็นผนังทั้ง4ด้านกว้างด้านละ2วาสูง1วา
และก่อยอดรปูฝาชสีงู1วาส่วนผนงัของอปูมงุนัน้เปิดประตไูว้ทกุด้านแล้วจงึน�าเอา
ไม้ฟืนคือไม้คันธรสชมพูนิโครธและไม้รังมาใส่ทุกประตูแล้วเผาเป็นเวลา3วัน
3 คืนจึงแล้วเสร็จ จากนั้นพญาทั้ง5ก็บริจาคของมีค่าจ�านวนมากบรรจุไว้ในอูปมุง
เป็นพุทธบูชา และได้น�าหลักหินที่น�ามาจากอินเดียและลังกา มาปักไว้ที่มุมทั้งสี่
ทั้งยังสร้างรูปอัจมูขี(สัตว์ประหลาด)มาปักไว้ที่มุมทิศตะวันออกด้านเหนือ-ใต้ด้วย
และได้สร้างรูปม้าไว้โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าพระธาตุ
เสด็จมาทางนั้นและพระพุทธศาสนาจะเจริญจากเหนือลงใต้
ความในต�านานอุรังคธาตุได้เริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งในปีพ.ศ.500ในลักษณะ
ของการสร้างประวตัศิาสตร์ท้องถิน่ขึน้มาอย่างแท้จรงิซึง่เป็นระยะเวลาทีม่กีารสร้าง
พระธาตุเจดีย์โดยคนท้องถิ่นขึ้นมาเองแล้ว อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่ง
ก็ยังสืบเนื่องกันมาตามพุทธพยากรณ์ ในขณะเดียวกันอีกส่วนหนึ่งก็เป็นผล
สืบเนื่องจากการเข้ามาสืบพระศาสนาของพระมหากัสสปะ ในช่วงนี้เมืองหนองคัน
แทเสือ้น�า้(เวยีงจนัทร์)และมรกุขนครกเ็กดิขึน้ตามพทุธท�านายแล้วซึง่จะเป็นชมุชน
ที่รองรับเงื่อนไขการสถาปนาพระธาตุพนมต่อไป
พระมหากสัสปะเมือ่กลบัถงึเมอืงราชคฤห์ทีช่มพทูวปีแล้วได้บวชสามเณร
3รปูจนส�าเรจ็เป็นอรหนัต์และได้เดนิทางมายงับรเิวณแคว้นศรโีคตรบรูเพือ่น�าเอา
กุมารทั้ง 5 องค์ที่เป็นชาติก�าเนิดใหม่ของท้าวพญาทั้งห้าที่ร่วมกันสร้างอูปมุง
94 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
พระอรุงัคธาตมุาบวชจนบรรลอุรหนัต์ครัน้อรหนัต์ทัง้ห้าระลกึชาตไิด้จงึปรารถนาที่
จะสร้างองค์พระธาตพุนมจงึไปขอความอปุถมัภ์จากพญาสมุติธรรมวงศาเจ้าเมอืง
มรุกขนคร ซึ่งเป็นชาติก�าเนิดใหม่ของพญาศรีโคตรบูร จึงได้ร่วมกันก่อสร้างและ
สถาปนาพระธาตุพนม โดยหลังจากสถาปนาแล้วพญาสุมิตธรรมวงศาได้ให้บริวาร
จ�านวน3,000คนไว้เป็นข้าโอกาสจนเกิดเป็นชุมชนพระธาตุพนมตั้งแต่นั้นมา
2.ส่วนที่2ประวัติศำสตร์ท้องถิ่น
ในช่วงที่สองที่ถือเป็นประวัติศาสตร์ขององค์พระธาตุพนมที่เกี่ยวข้องกับ
การบูรณะองค์พระธาตุพนมและวัดพระธาตุพนม โดยได้เริ่มในสมัยล้านช้างตั้งแต่
สมยัพระเจ้าโพธสิาลราชแห่งหลวงพระบาง(พ.ศ.2073-2103)ได้เสดจ็มาสร้างหอ
พระแก้วไว้ในบรเิวณวดัซึง่ถอืว่าเป็นการสร้างวดัพระธาตพุนมขึน้เป็นครัง้แรกด้วย
ต่อมาสมเด็จพระชัยเชษฐาธิราช (พ.ศ. 2101-2114) แห่งเวียงจันทร์ ได้เสด็จมา
นมัสการองค์พระธาตุ และได้วางระเบียบปฏิบัติให้กับข้าวัดในชุมชนธาตุพนมด้วย
(PrathepRattanamolee,1994)
ในปีพ.ศ.2157เจ้าเมืองศรีโคตรบูรได้มาปฏิสังขรณ์และสร้างถาวรวัตถุ
ในบริเวณลานประทักษิณ เช่น ก�าแพงแก้ว ซุ้มประตูต่างๆหอบูชาข้าวพระ และ
พระวหิารต่อมาในปีพ.ศ.2236-2245เจ้าราชครโูพนสะเมก็ได้น�าคนจากนครเวยีง
จันทร์จ�านวน 3,000 คน มาปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุพนมโดยการเปลี่ยนยอดเป็น
ทรงรุ้งแบบเจดีย์ลาวทั่วไปพร้อมบรรจุของมีค่าไว้บริเวณฐานยอดเพิ่มเติมด้วย
ระหว่างปี พ.ศ. 2355-2356 ซึ่งตรงกับรัชสมัย รัชกาลที่ 1 เจ้าอนุวงศ ์
ผู ้ครองนครเวียงจันทร์ได้ร ่วมมือกับเจ้าเมืองนครพนมและมุกดาหารได้ท�า
การบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งบริเวณวัด จนถึง พ.ศ. 2369-2371 เกิดสงครามระหว่าง
ล้านช้างกับกรุงเทพ ท�าให้ชุมชนลุ่มน�้าโขงระส�่าระสาย ชุมชนวัดธาตุพนมก็ได ้
หนีหายเป็นจ�านวนมาก ท�าให้วัดพระธาตุพนมทรุดโทรมลง และหอพระแก้วก็ได ้
พังทลายลงในพ.ศ.2430
ในปลายสมัยรัชกาลที่5(พ.ศ.2411-2453)พระครูวิโรจน์รัตโนบลได้เดิน
ทางจากอุบลเพื่อมาท�าการบูรณะองค์พระธาตุในครั้งแรก และครั้งที่สองในปีพ.ศ.
2449ได้กลับมาสร้างซุ้มประตูหน้าวัดเพิ่มเติมในปลายปีนั้นเองสมเด็จกรมพระยา
95
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ด�ารงราชานุภาพได้เสด็จมาพักแรมที่บริเวณวัด ในระหว่างการตรวจราชการ
ภาคอีสานได้สร้างระฆังถวายองค์พระธาตุ2ลูกทั้งยังให้ย้ายที่ว่าการอ�าเภอจาก
เมืองเรณูมาตั้งไว้ที่ต�าบลธาตุพนมในร.ศ.126
ในปีพ.ศ.2483-2484กรมศลิปากรได้ท�าการบรูณะองค์พระธาตุโดยการ
ต่อยอดครอบยอดเดิมขึ้นไปอีก10เมตรเพื่อให้มองเห็นได้ชัดจากฝั่งลาวและในปี
พ.ศ.2497ได้ยกยอดฉัตรทองสูง5.50เมตรให้แก่องค์พระธาตุโดยในพ.ศ.2493
ทางราชการได้ยกฐานะของวัดพระธาตุพนมขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิด
วรมหาวิหารจนปีพ.ศ.2518องค์พระธาตุพนมได้พังทลายลงและได้ก่อสร้างขึ้น
ใหม่จนแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2522โดยคงรูปแบบเดิมไว้มากที่สุดจนถึงปัจจุบัน
จากต�านานพระอรุงัคธาตจุนมาถงึประวตัศิาสตร์ท้องถิน่แสดงให้เหน็อย่าง
ชัดเจนถึงความส�าคัญและประวัติศาสตร์อันยาวนานขององค์พระธาตุพนมซึ่งในที่
นี้ ได ้กล ่าวไว ้ เพียงโดยย ่อเท ่านั้น ซึ่ ง ในต�านานพระอุรั งคธาตุนอกจาก
จะบอกถงึเรือ่งเล่าตามความเชือ่แล้วยงัแสดงให้เหน็ถงึสภาพบ้านเรอืนในอดตีตัง้แต่
การตั้ งถิ่นฐาน รูปแบบทางสังคม วัฒนธรรมของชนชาติแถบภูมิภาค
ลุ่มน�้าโขง แม้บางส่วนจะเป็นเรื่องเล่าหรือนิทาน แต่ก็บ่งบอกถึงสภาพการณ์ด้าน
ต่างๆในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดีและเป็นแนวทางการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
ที่ด�าเนินกันมาหลายยุคสมัย
ข้อมูลในการบูรณะวัดและองค์พระธาตุพนมนั้น ได้บอกเล่าความเป็นมา
ของเมอืงธาตพุนมในด้านการตัง้ถิน่ฐานสงัคมวฒันธรรมและการปกครองทีม่กีาร
เปลี่ยนแปลงในหลายยุคสมัยท�าให้มีผลต่อกายภาพของเมืองและพื้นที่โดยรอบวัด
พระธาตพุนมซึง่เป็นข้อมลูทีส่�าคญัในการน�าไปสูแ่นวทางการพฒันาเมอืงธาตพุนม
ในอนาคตซึ่งจะกล่าวในช่วงต่อไป
พัฒนำกำรทำงสังคมและวัฒนธรรม
“ข้าโอกาส” หรือ ข้อยโอกาส เป็นบุคคลที่มีผู้ศรัทธาถวายแด่วัด ซึ่งข้า
โอกาสเหล่านี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดตลอดชีวิต แม้จะมีลูกหลานก็จะตกเป็น
96 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
กรรมสิทธิ์ของวัดตลอดไป ในอดีตข้าโอกาสจะขาดจากอ�านาจรัฐ นั่นคือ การเก็บ
ส่วยอากรหรอืการเกณฑ์แรงงานจะน�าไปใช้ในราชการไม่ได้จนถงึรชัสมยัรชักาลที่
5จึงได้ยกเลิกไปพร้อมกับการเลิกทาส(Arjharn,1999)
ทีก่ล่าวถงึข้าโอกาสนีเ้นือ่งจากการจดัตัง้ชมุชนธาตพุนมในยคุแรกเกดิจาก
พญาสุมิตธรรมวงศาเจ้าเมืองมรุกขนครได้มาบูรณะองค์พระธาตุพนมและได้อุทิศ
ข้าโอกาสไว้ดแูลองค์พระธาตจุ�านวน3,000คนและให้เอาครอบครวัมาตัง้บ้านเรอืน
โดยรอบองค์พระธาตุ รวมทั้งได้สละทรัพย์สินและเขตดินแดนให้เป็นเขตแดนของ
องค์พระธาตุดังนี้
- ฝั่งซ้ายแม่น�้าโขง(สปป.ลาว)บ้านสะดือบ้านนาวางบ้านตาลเทิง
บ้านผักเผื้อบ้านดงใน
-ฝ่ังขวาแม่น�า้โขงทางทศิตะวนัตกถงึเขตอ�าเภอนาแกจงัหวดันครพนม
- ทิศเหนือเขตห้วยบังฮวกต�าบลดอนนางหงส์อ�าเภอธาตุพนม
-ทิศใต้ถึงอ�าเภอหว้านใหญ่จังหวัดมุกดาหาร
หลังจากการก่อตั้งชุมชนเป็นข้าโอกาสถวายแด่องค์พระธาตุแล้วได้มีการ
เปลี่ยนแปลงด้านการเมืองและการปกครองของเมืองใหญ่ในภูมิภาคนี้หลายครั้ง
ท�าให้ชุมชนธาตุพนมมีการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนย้ายเข้าออกหลายครั้ง
ซึง่พอสรปุเหตกุารณ์ตามช่วงเวลาต่างๆได้ดงันี้(Prathammarachanuwat,2008)
-ยุคเมืองมรุกขนครล่ม อยู่ในสมัยพระเจ้านิฎรุฎฐราช กษัตริย์องค์ที่ 3
ที่ครองเมืองต่อจากพญาสุมิตธรรมวงศา ในยุคนี้กษัตริย์ได้ขาดความเลื่อมใสใน
พุทธศาสนา จึงให้รื้อถอน เลิกละบ้านส่วยและข้าโอกาส ท�าให้บ้านเมืองล่มร้าง
รวมถึงชุมชนธาตุพนมด้วย
-ปีพ.ศ.2082พระเจ้าโพธิสาลราชเจ้านครหลวงพระบางได้มาบูรณะ
องค์พระธาตุพนม และได้รวบรวมข้าโอกาสเดิมหลังจากเมืองมรุกขนครล่ม แต่ได้
เพียงจ�านวนน้อยจึงได้ถวายข้าโอกาสเพิ่มเติมจนครบ3,000คนดังเดิม
-ปีพ.ศ.2175เจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูรได้มาบูรณะองค์พระธาตุพนม
และได้จัดระเบียบข้าโอกาส โดยมีสาระส�าคัญคือ การปักเขตแดนเพิ่มเติม และ
ตั้งระเบียบปฏิบัติให้กับข้าโอกาสในด้านการดูแลรักษาองค์พระธาตุพนม
97
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
-ปี พ.ศ. 2273 บ้านธาตุพนมแตกศึก เนื่องจากเกิดสงครามหลายฝ่าย
เช่นไทยญวนลาวและเขมรซึง่ต้องเดนิทพัผ่านบ้านธาตพุนมท�าให้ข้าโอกาสต้อง
หลบภัยสงครามจนเกือบเป็นเมืองร้างจนปี2349-2356บ้านธาตุพนมจึงเจริญขึ้น
อีกครั้ง
-ปีพ.ศ.2321เกิดสงครามระหว่างเวียงจันทร์กับธนบุรีจากเหตุพระวอ
พระตา เมืองหนองบัวล�าภู ข้าโอกาสได้หลบภัยสงครามไปซ่อนตามที่ต่างๆ
พอเหตุการณ์สงบก็กลับมาเพียง20-30ครัวเท่านั้น
-ปีพ.ศ.2369-2371ในแผ่นดินรัชกาลที่3เกิดสงครามเวียงจันทร์กับ
กรุงเทพท�าให้ชุมชนธาตุพนมได้รับผลกระทบอีกครั้ง ซึ่งมีบางส่วนถูกกวาดต้อน
ลงไปยังกรุงเทพ
-ปีพ.ศ.2375-2380เกิดสงครามระหว่างญวนกับไทยท�าให้มีผู้อพยพ
จากฝ่ังลาวข้ามมาอาศยัอยูเ่มอืงแถบรมิแม่น�า้โขงโดยส่วนใหญ่จะเป็นเชือ้สายผูไ้ทย
ซึ่งกระจายตัวกันอยู่ตามเมืองต่างๆ จนถึงปัจจุบัน เช่น อ�าเภอธาตุพนม อ�าเภอ
เรณูนครอ�าเภอเมืองนครพนมและจังหวัดสกลนครเป็นต้น
-ปี พ.ศ. 2426 เกิดสงครามอินโดจีน ผรั่งเศสเข้ายึดประเทศเวียตนาม
ท�าให้ชาวเวยีตนามบางส่วนอพยพหนภียัสงครามเข้ามาอยูใ่นพืน้ทีจ่งัหวดันครพนม
มกุดาหารอบุลราชธานแีละสกลนครซึง่มบีางส่วนทีเ่ข้ามาอาศยัอยูใ่นชมุชนธาตพุนม
-ปีพ.ศ.2449สมเดจ็กรมพระยาด�ารงราชานภุาพได้เสดจ็ตรวจราชการ
เมอืงนครพนมและเมอืงเรณนูครได้ประกาศย้ายทีว่่าการอ�าเภอจากเรณนูครมาอยู่
ที่อ�าเภอธาตุพนม
-ปี พ.ศ. 2518 เกิดสงครามเวียตนามท�าให้มีการอพยพของผู้คนจาก
ประเทศลาวเขมรและเวียตนามใต ้เข้ามาในฝั่งไทยจ�านวนมากบางส่วนเข้ามาอยู่
ในชุมชนธาตุพนมซึ่งจะมีเชื้อสายลาวและญวนจนถึงปัจจุบัน
จากการล�าดบัเหตกุารณ์ทีเ่กดิขึน้กบัชมุชนธาตพุนมท�าให้เหน็ถงึพฒันาการ
ทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนซึ่งสรุปได้ดังนี้
1) ชุมชนธาตุพนมมีการเกิดและดับเป็นช่วงๆ อันมีสาเหตุมาจาก
ภยัสงครามเป็นหลกัแต่การฟ้ืนตวัของชมุชนจะเกดิขึน้เสมอและไม่ได้ดบัหายเหมอืน
98 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
กบัเมอืงใหญ่ในอดตีหลายๆเมอืงสาเหตกุารฟ้ืนตวัของชมุชนเกดิจาก2สาเหตหุลกั
คือ การบูรณะองค์พระธาตุพนมจากผู้ครองนครต่างๆ ที่ได้ถวายข้าโอกาสให้แด ่
องค์พระธาตุ และสาเหตุอีกประการคือ การที่ชุมชนถือว่าตนเองเป็นข้าโอกาสที่
ต้องรับใช้องค์พระธาตุและมีองค์พระธาตุเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจจึงต้องกลับมา
รวมตัวกันทุกครั้งหลังจากการหลบภัยต่างๆ
2) ในอดีตการจัดตั้งชุมชนธาตุพนม เป็นการจัดตั้งชุมชนที่มีลักษณะ
เฉพาะเพือ่มหีน้าทีด่แูลรกัษาวดัและองค์พระธาตุมลีกัษณะทางสงัคมและวฒันธรรม
ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นหลัก ซึ่งในสภาพปัจจุบันความรู้สึกของการเป็นข้า
โอกาสและหน้าทีท่ีต้่องปฏบิตัยิงัคงมอียู่แต่รปูแบบการปฏบิตัอิาจจะไม่เหมอืนเดมิ
เนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปตามกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคม
3) กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในชุมชนธาตุพนม มีความหลากหลายทาง
เชื้อชาติและวัฒนธรรม ซึ่งเห็นได้จากการล�าดับเหตุการณ์ของชุมชนพบว่ามีการ
อพยพผู้คนหลายครั้ง ถ้าแยกแยะกลุ่มชาติพันธุ ์ที่อาศัยอยู่ในชุมชนธาตุพนม
สามารถจ�าแนกได้2กลุ่มหลักคือ
-กลุม่แรกกลุม่ชาตพินัธุไ์ทย-ลาวและกลุม่ชาตพินัธุผ์ูไ้ทยเป็นกลุม่ดัง้เดมิ
ทีอ่าศยัในพืน้ทีแ่ละมจี�านวนมากทีส่ดุเป็นกลุม่ทีเ่ป็นข้าโอกาสตัง้แต่การจดัตัง้ชมุชน
ถงึแม้ชาวผูไ้ทยจะเข้ามาทหีลงัแต่กอ็ยูใ่นช่วงทีม่กีารจดัตัง้ข้าโอกาสซึง่ทัง้สองกลุม่
ชาติพันธุ์นี้จะนับถือศาสนาพุทธทั้งหมด และมีวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับองค์พระธาตุ
อยู่เสมอ
- กลุ่มที่สอง กลุ่มชาติพันธุ์ญวนและจีน เป็นกลุ่มที่อพยพมาภายหลัง
กลุม่แรกโดยสาเหตขุองการย้ายถิน่เข้ามาอยูใ่นชมุชนธาตพุนมนีม้ปัีจจยัต่างกนัคอื
กลุ่มชาติพันธุ์ญวนย้ายเข้ามาเพื่อหลบภัยสงคราม ส่วนกลุ่มชาติพันธุ์จีน ย้ายเข้า
มาเนือ่งจากการเข้ามาประกอบอาชพีค้าขายทัง้สองกลุม่ชาตพินัธุน์ีเ้ข้ามาในชมุชน
ธาตุพนมในเงื่อนไขที่ต่างจากกลุ่มแรกในการเป็นข้าโอกาสองค์พระธาตุดังนั้นจึงมี
การนบัถอืศาสนาอืน่เช่นศาสนาครสิต์เป็นต้นแม้ว่าทัง้4กลุม่ชาตพินัธุจ์ะมคีวาม
แตกต่างกันทางด้านบทบาทการเป็นข้าโอกาสและการใช้ภาษา วัฒนธรรมของ
99
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ตนเองภายในกลุ่ม แต่ก็อาศัยกันอยู่อย่างกลมเกลียวภายในชุมชน และปฏิบัติตน
เป็นผู้ดูแลองค์พระธาตุอย่างสม�่าเสมอ(Arjharn,1999)
4)ด้านประเพณีและวัฒนธรรมนั้น นอกจากการปฏิบัติตามฮีต 12
คอง14เหมือนกับชาวอีสานทั่วไปแล้วข้าโอกาสมีข้อแตกต่างจากประเพณีทั่วไป
คอืการปฏบิตัโิดยตรงต่อองค์พระธาตพุนมโดยคองทีเ่พิม่มาจากคอง14จะมเีพิม่
อกี9ข้อซึง่เป็นแนวปฏบิตัทิีเ่กีย่วข้องกบัองค์พระธาตพุนมและได้ถอืปฏบิตัสิบืทอด
กันมา ส่วนด้านประเพณีที่เป็นเฉพาะของท้องถิ่นคือ พิธีถวายข้าวพิชภาคต่อ
องค์พระธาตุพนม และประเพณีงานนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งถือเป็นประเพณีที่
ส�าคัญของข้าโอกาสและประชาชนในภูมิภาคแถบลุ่มน�้าโขง(Arjharn,1999)
พัฒนำกำรของเมืองและชุมชนธำตุพนม
พัฒนาการทางกายภาพของเมืองและพื้นที่โดยรอบองค์พระธาตุนั้น
เริ่มตั้งแต่การเลือกที่ตั้งองค์พระธาตุบริเวณริมแม่น�้าโขง ซึ่งเป็นท�าเลที่เหมาะสม
เนื่องจากมีภูมิสัณฐานที่เป็นที่เนิน (ภูก�าพร้า) ต่อมาชุมชนมีความหนาแน่นขึ้น
บริเวณตลาดเก่าริมแม่น�้าโขง จึงมีการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างวัดกับตลาด เพื่อ
ง่ายต่อการเข้าถงึองค์พระธาตจุากชมุชนและเป็นทางเข้าถงึหลกัของประชาชนจาก
ฝ่ังลาวในปัจจบุนัพืน้ทีโ่ดยรอบวดัพระธาตพุนมได้เปลีย่นแปลงเป็นย่านพาณชิยกร
รมและสถานที่ราชการแต่ยังคงพื้นที่ด้านหน้าวัดให้เป็นพื้นที่โล่งเพื่อใช้ในกิจกรรม
ของเมืองและเป็นแนวแกนหลักในการเข้าถึงองค์พระธาตุพนมจากแม่น�้าโขง
ประเด็นในการเปลี่ยนแปลงของการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบวัดพระธาตุพนมนั้น
เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเมืองที่มีความหนาแน่นมากขึ้น ท�าให้เกิด
กจิกรรมและองค์ประกอบเมอืงหลายอย่างตามมาโดยรอบองค์พระธาตพุนมดงันัน้
การวางแนวทางพัฒนาพื้นที่ในอนาคตต้องมีการศึกษาในมิติต่างๆอย่างครบถ้วน
เพือ่ให้เกดิการพฒันาทีเ่หมาะสมกบัพืน้ทีแ่ละองค์พระธาตุซึง่ความสมัพนัธ์ของมติิ
ต่างๆที่น�าไปสู่แนวทางในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ต่อไป
100 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณวัดพระธาตุพนมและพื้นที่โดยรอบที่มา : www.pointasia.com
1. กำรเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศ
จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบว่าสถานที่ตั้งองค์พระธาตุพนมเป็นเนิน
ดินสูงกว่าบริเวณโดยรอบประมาณ2.00เมตรซึ่งกล่าวเรียกในต�านานว่าภูก�าพร้า
ภนูีต้ัง้อยูห่่างจากแม่น�้าโขงประมาณ600เมตรด้านหน้าภกู�าพร้าเป็นถนนชวางกรู
และถดัจากถนนไปทางทศิตะวนัออกเป็นบงึน�า้กว้างประมาณ300เมตรยาวขนาน
ไปกับแม่น�้าโขงเรียกกันในท้องถิ่นว่าบึงธาตุ และเชื่อกันว่าบึงนี้ถูกขุดขึ้นในอดีต
เพื่อน�าเอาดินมาปั้นอิฐในการก่อสร้างองค์พระธาตุพนม เมื่อพิจารณาลักษณะของ
บึงธาตุนี้พบว่าสภาพเดิมมีความยาวไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตรจนถึง
แม่น�า้โขงส่วนทางตอนใต้ถกูถมและก่อสร้างเป็นบ้านเรอืนจนสงัเกตได้ยากลกัษณะ
ของบึงธาตุในแบบนี้เป็นลักษณะของแม่น�้าโขงเดิม และได้เปลี่ยนทางเดินเป็นใน
101
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ลักษณะปัจจุบัน ในส่วนที่เป็นทางน�้าเดิมปัจจุบันได้ถูกถมและเกิดตื้นเขินจนมี
ลักษณะเป็นแอ่งน�้าเป็นช่วงๆและแอ่งน�้าที่อยู่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมได้เรียก
กันว่าบึงธาตุ
ลกัษณะของภกู�าพร้าทีส่งูกว่าบรเิวณโดยรอบนัน้ล้อมรอบด้วยคนู�า้3ด้าน
คือด้านทิศเหนือใต้และตะวันตกคูน�้าลักษณะเป็นแนวที่เกิดจากการขุดขึ้นคูน�้า
ทางทิศเหนือและใต้สิ้นสุดทางด้านหน้าเพราะถูกถนนชวางกูรตัดทับ ซึ่งแต่เดิม
ก่อนทีถ่นนสายนีจ้ะตดัคนู�า้จะต่อไปถงึบงึธาตุท�าให้สภาพเดมิภกู�าพร้าจะมนี�า้ล้อม
รอบทั้ง 4 ด้าน แต่ปัจจุบันร่องรอยของคูน�้าถูกท�าลายไปมากเนื่องจากการสร้าง
อาคารเพิ่มเติมภายในวัดจึงเห็นเป็นเพียงแอ่งน�้าเป็นช่วงๆเท่านั้น(ThefineArts
Department,1979)
ท�าเลทีต่ัง้ในอดตีของพระธาตพุนมตดิกบัแม่น�า้โขงซึง่นอกจากภมูปิระเทศ
ทีเ่หมาะสมแล้วน่าจะมจีดุประสงค์ในการให้เข้าถงึได้ง่ายซึง่เส้นทางการสญัจรหลกั
ในอดีตคือแม่น�้าโขงเนื่องจากแม่น�้าโขงได้เปลี่ยนทิศทางจากเดิมจึงท�าให้เกิดเป็น
แผ่นดินและวัดพระธาตุได้ห่างออกจากแม่น�้าโขงประมาณ600เมตรซึ่งปัจจุบันได้
มถีนนเป็นแนวแกนตรงจากแม่น�า้โขงเข้าสูว่ดัพระธาตซุึง่ถอืว่าเป็นเส้นทางทีส่�าคญั
ในการเข้าถึงของประชาชนจากฝั่งลาว
2. กำรเติบโตของเมืองจำกอดีตถึงปัจจุบัน
การเติบโตของชุมชนในเขตเทศบาลต�าบลธาตุพนมนั้น เดิมมีศูนย์กลาง
หลักอยู่บริเวณตลาดลาวและพื้นที่โดยรอบซึ่งถือเป็นย่านพาณิชกรรมหลักในอดีต
ส่วนย่านพักอาศัยได้กระจายตัวตามถนนพนมพนารักษ์และถนนเลียบแม่น�้าโขง
ซึ่งสภาพชุมชนในปัจจุบันยังคงสภาพดั้งเดิมอยู่มาก
ทศิทางการเตบิโตของเมอืงได้ขยายตวัตามถนนชวางกรูทางด้านทศิเหนอื
และทิศตะวันตก โดยเกิดเป็นย่านพาณิชยกรรมใหม่ผสมกับที่พักอาศัยส่วนย่าน
พาณชิยกรรมหลกัได้ย้ายจากตลาดลาวมาอยูใ่นบรเิวณตลาดสดเทศบาลส่วนพืน้ที่
รมิแม่น�า้โขงได้ปรบัเปลีย่นจากย่านพกัอาศยัเดมิเป็นพืน้ทีร่องรบันกัท่องเทีย่วมาก
ขึน้เช่นโรงแรมร้านอาหารกระจายตวัอยูต่ามรมิแม่น�้าซึง่มแีนวโน้มของการขยาย
ตัวมากขึ้นส�าหรับการใช้ประโยชน์ที่ดินในอนาคตได้ก�าหนดให้มีศูนย์กลางชุมชน
102 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
หลักในบริเวณชุมชนเดิมที่มีวัดพระธาตุพนมเป็นศูนย์กลาง โดยมีพื้นที่รองรับ
การขยายตัวต่อเนื่องมาทางตอนใต้ของชุมชน และได้ก�าหนดให้มีศูนย์กลางชุมชน
รองขึ้นมาใหม่บริเวณทางด้านทิศตะวันตกซึงเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการเพื่อให้เกิด
การขยายตัวของเมืองมาทางทิศตะวันตกเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
องค์ประกอบเมืองที่มีคุณค่ำทำงประวัติศำสตร์
จากพฒันาการของเมอืงตัง้แต่อดตีจนถงึปัจจบุนัยงัคงพบเหน็องค์ประกอบ
เมืองทางกายภาพที่สามารถเล่าเรื่องราวของเมืองแห่งต�านานนี้ได้ เช่น รูปแบบ
ทางสถาปัตยกรรมภมูทิศัน์วฒันธรรมซึง่องค์ประกอบเหล่านีล้้วนมคีวามส�าคญัใน
การวางแผนพฒันาเมอืงในอนาคตเนือ่งจากเมอืงธาตพุนมเป็นเมอืงทีม่ปีระวตัศิาสตร์
อันยาวนานการอนุรักษ์สิ่งที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เมืองจึงถือเป็นเรื่องที่จ�าเป็น
ในปัจจุบันการอนุรักษ์และบูรณะองค์ประกอบภายในวัดพระธาตุพนม
รวมถงึองค์พระธาตพุนมได้รบัการดแูลอย่างดยีิง่และแสดงให้เหน็ถงึประวตัศิาสตร์
อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าจะให้เกิดผลต่อสภาพแวดล้อมที่ดีของวัด จึงควรพัฒนา
องค์ประกอบเมืองอื่นๆที่จะเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับวัดและเหมาะสม
กับเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานโดยยกตัวอย่างองค์ประกอบเมืองที่มีคุณค่า
ทางประวัติศาสตร์ดังนี้
1. พื้นที่ภำยในวัดพระธำตุพนม
ปัจจุบันพื้นที่ภายในวัดธาตุพนมในส่วนที่เป็นเขตพุทธาวาส รวมถึง
องค์ประกอบภายในวัดที่เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุตามที่กล่าวมาแล้วก็ได้
รบัการบรูณะและเกบ็รกัษาไว้อย่างดีส่วนพืน้ทีท่ีเ่ป็นส่วนบรกิารนกัท่องเทีย่วภายใน
วดัมกีารใช้พืน้ทีต่ัง้ร้านค้าและจอดรถผูท้ีม่านมสัการองค์พระธาตุท�าให้พืน้ทีภ่ายใน
วัดมีความแออัดและไม่เหมาะสมในการที่เป็นเขตสังฆาวาสซึ่งสาเหตุดังกล่าวอาจ
สืบเนื่องมาจากการปรับปรุงพื้นที่ภายนอกวัดยังไม่สามารถเอื้อต่อกิจกรรมต่างๆ
ที่เกิดขึ้นได้ จึงท�าให้กิจกรรมต่างๆดังกล่าวต้องเข้าไปใช้พื้นที่ภายในวัดแทนพื้นที่
ภายนอก ดังนั้นแนวทางการปรับปรุงพื้นที่ภายในวัดควรจะแยกส่วนกิจกรรมที ่
103
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ไม่เหมาะสมกบัเขตสงัฆาวาสออกไปจดัไว้ภายนอกวดัเช่นพืน้ทีโ่ล่งบรเิวณหน้าวดั
เป็นต้น
2. พื้นที่ตลำดเก่ำ(ตลำดลำว)
ในอดีตตลาดลาวเป็นตลาดหลักของชาวชุมชนธาตุพนม ที่มีกิจกรรม
การค้าหนาแน่น เนื่องจากมีการเปิดจุดผ่อนปรนในบริเวณตลาด ซึ่งมีการซื้อขาย
แลกเปลีย่นสนิค้าจากประชาชนทัง้จากฝ่ังไทยและลาวต่อมาได้ย้ายจดุผ่อนปรนไป
บริเวณส�านักงานเทศบาล ประกอบกับมีย่านการค้าใหม่เกิดขึ้น จึงท�าให้กิจกรรม
การค้าในตลาดลาวเริ่มซบเซาลงจนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นของตลาดลาวคือตั้งอยู่บนถนนเส้นแกนหลักที่เป็นเส้นทางจาก
แม่น�้าโขงเข้าสู่วัดพระธาตุพนม และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์
ประกอบด้วยอาคารแถวชั้นเดียวและสองชั้นทอดยาวตามริมถนนทั้งสองข้าง โดย
รปูแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นยคุช่างฝีมอืชาวญวนรปูแบบโคโลเนยีลและเรอืนไม้
พื้นถิ่นซึ่งปัจจุบันอาคารทรุดโทรมลงมาก
แนวทางการปรบัปรงุและฟืน้ฟกูจิกรรมทางด้านการค้าทีซ่บเซาของพื้นที่
บรเิวณนี้อาจกระท�าได้โดยการปรบักจิกรรมการใช้อาคาร(AdaptiveRe-use)เพือ่
ใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น รวมทั้งการปรับปรุงอาคารในเชิงอนุรักษ์ เพื่อรักษา
รปูแบบทางสถาปัตยกรรมเดมิของพืน้ที่โดยพืน้ทีส่่วนนีจ้ะต้องเชือ่มต่อทางกจิกรรม
และส่งเสริมมุมมองที่ดีต่อวัดพระธาตุพนมด้วย
ภาพถ่ายบริเวณพื้นที่ตลาดเก่า ( ตลาดลาว )
104 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
3. ชุมชนดั้งเดิมริมถนนพนมพนำรักษ์
พื้นที่เมืองเก่าของชุมชนธาตุพนมที่ตั้งอยู่ริมถนนพนมพนารักษ์ เป็น
องค์ประกอบเมอืงทีม่คีณุค่าทางประวตัศิาสตร์ทีบ่อกเล่ารปูแบบทางสถาปัตยกรรม
และวิถีชีวิตของคนในชุมชนได้ โดยในสภาพปัจจุบันยังคงหลงเหลือรูปแบบอาคาร
ที่เป็นอาคารไม้แบบพื้นถิ่น และมีอาคารรูปแบบโคโลเนียล ที่มีสภาพสมบูรณ์
แต่บางส่วนก็ได้มีการรื้อถอนและก่อสร้างอาคารรูปแบบใหม่ขึ้นมาทดแทน
แนวทางการพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ ควรมองประเด็นในด้านการอนุรักษ์
ชุมชน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ของเมืองเก่าที่มีบรรยากาศเหมาะสมกับ
วัดพระธาตุพนม
ภาพถ่ายแสดงรูปแบบทางสถาปัตยกรรมชุมชนริมถนนพนมพนารักษ์
4. พื้นที่โล่งหน้ำวัดพระธำตุพนม
แนวทางพัฒนาให้เป็นเขตปริมลฑลของวัดเป็นหลักเพื่อให้เกิดกิจกรรมที่
ต่อเนือ่งจากภายในวดัได้รวมทัง้ส่งเสรมิภาพลกัษณ์ทีด่ต่ีอวดัพระธาตพุนมในการ
ใช้พื้นที่บริเวณนี้นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัดแล้วยังควรพัฒนาให้เป็นที่
105
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
รองรับกิจกรรมของเมืองที่เกี่ยวข้องกับประเพณีวัฒนธรรมและศาสนาด้วยเพื่อให้
เกิดการใช้พื้นที่ที่คุ ้มค่าและกิจกรรมที่เกิดขึ้นจะไม่รบกวนกิจกรรมภายใน
วัดพระธาตุพนม ส่วนพื้นที่ต่อเนื่องบริเวณหน้าตลาดสดเทศบาล ควรจัดพื้นที ่
เพือ่ให้รองรบักจิกรรมในการท่องเทีย่วโดยเฉพาะทีเ่กีย่วกบัวดัพระธาตพุนมซึง่น�า
เอากิจกรรมด้านการค้าและที่จอดรถภายในวัดพระธาตุพนมมารวมไว้ในพื้นที่นี้
เพื่อไม่ให้รบกวนกิจกรรมภายในวัด
ภาพถ่ายพื้นที่โล่งบริเวณหน้าวัดพระธาตุพนม
จากองค์ประกอบเมืองทั้งหลายที่ได้กล่าวมาเบื้องต้น เป็นเพียงตัวอย่าง
แนวทางการวางแผนพัฒนาเมือง ในแง่คิดของนักออกแบบชุมชนเมือง โดยม ี
จุดประสงค์หลักเพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองที่เหมาะสมกับบริบทและเอกลักษณ์
เฉพาะของเมอืงซึง่ในการจดัท�าแผนการพฒันาเมอืงนัน้คงต้องมอีงค์ประกอบหลาย
อย่างเข้ามาเกี่ยวข้องรวมทั้งประเด็นต่างๆที่มากกว่าที่เสนอเช่นด้านการควบคุม
สภาพแวดล้อมเมืองทางกายภาพเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมเป็นต้น
บทสรุป
จากการศึกษาพัฒนาการทางด้านประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ต�านานจนถึง
ประวตัศิาสตร์ท้องถิน่พบว่าองค์พระธาตพุนมมคีวามเกีย่วพนักบัประวตัศิาสตร์ของ
ภูมิภาคลุ่มน�้าโขงมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ซึ่งมีทั้งยุคที่รุ่งเรืองและถดถอย
106 Journal of Mekong Societies
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
ตามสภาวะการของบ้านเมอืงแต่เมือ่ใดทีม่กีารบรูณะองค์พระธาตพุนมกจ็ะมคีวาม
ร่วมมือจากหลายชนชาติ หลายเมือง ท�าให้เกิดความสัมพันธ์อันดีในสังคมและ
ศาสนาของผู้คนในภูมิภาคแถบนี้ที่ล้วนแต่สันติสุขร่วมมือกันโดยปราศจากความ
เดียดฉันท์ไม่ว่าทางเชื้อชาติเผ่าพันธุ์และการเมือง
ร่องรอยที่หลงเหลือทั้งโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่ยังหลงเหลืออยู่ใน
เขตแดนพระธาตุพนมซึ่งกินบริเวณกว้างตามชุมชนโดยรอบต่างๆเช่นวัดเจดีย์
พื้นที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งถ้าได้รวบรวม ศึกษา บูรณะและเผยแพร่ให้เกิด
การเรยีนรูก้บัสาธารณะชนทัว่ไปกจ็ะเป็นพืน้ทีป่ระวตัศิาสตร์ทีม่คีวามส�าคญัในระดบั
ภูมิภาค ได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่ทั้งด้าน
กายภาพเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมตามมา
การจัดตั้งชุมชนธาตุพนมที่มาจากการถวายตัวเป็นข้าโอกาสที่คอยดูแล
องค์พระธาตุนั้น เป็นการจัดตั้งชุมชนที่มีลักษณะเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากวิถีชีวิต
สังคมวัฒนธรรมมีความเกี่ยวพันกับองค์พระธาตุทั้งสิ้นถึงแม้ชุมชนในอดีตจะได้
รับผลกระทบจากความขัดแย้งในภูมิภาคที่ท�าให้มีการเคลื่อนย้ายแตกกระจายไป
บ้างแต่ก็สามารถรวมตัวกันจัดตั้งเป็นชุมชนได้อีกครั้ง และผลจากการเคลื่อนย้าย
ผู้คนในภูมิภาคนี้ ท�าให้ชุมชนธาตุพนมมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ได้แก่
ชาวไทย-ลาวชาวผู้ไทยชาวญวนและชาวจีนซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีวัฒนธรรมเป็น
ของตนเองแต่ทกุกลุม่กส็ามารถอยูร่่วมกนัอย่างสงบสขุเนือ่งจากมอีงค์พระธาตพุนม
เป็นศูนย์รวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียว
พัฒนาการของเมืองธาตุพนม ที่ผ่านมายังคงเห็นองค์ประกอบของ
เมืองเก่าที่มีคุณค่า ที่บอกเล่าความเป็นมาของชุมชนได้เช่น พื้นที่ตลาดลาว
ซุ้มประตูโขง และชุมชนริมถนนพนมพนารักษ์ ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบเมืองที่มี
เอกลกัษณ์ควรค่าแก่การรกัษาเพือ่บอกเล่าความเป็นมาของเมอืงและเหมาะสมกบั
ความเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ส�าหรบับทความนีไ้ด้ชีใ้ห้เหน็ถงึพฒันาการด้านต่างๆของพระธาตุวดัเมอืง
และผูค้นทีม่คีวามส�าคญัอย่างยิง่ในการวางแผนพฒันาเมอืงพระธาตพุนมเนือ่งจาก
เป็นอัตลักษณ์ของเมืองที่จะเป ็นแนวทางหลักในการพัฒนาเมือง เพื่อให ้
107
พระธาตุพนม : พัฒนาการด้านประวัติศาสตร์
สังคม วัฒนธรรม เมืองและชุมชน
ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2554
องค์พระธาตพุนมทีม่คีวามส�าคญัระดบัภมูภิาคลุม่แม่น�า้โขงยงัคงบทบาทนัน้ต่อไป
ในอนาคตเพราะองค์พระธาตพุนมมพีฒันาการในแต่ละช่วงเวลาทีเ่กีย่วข้องกบัผูค้น
สังคมวัฒนธรรมเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองมาโดยตลอดแต่สิ่งที่ไม่เคย
เปลี่ยนแปลงคือ ความเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจของประชาชนในภูมิภาคแถบนี้
และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ท�าให้องค์พระธาตุพนม มีประวัติศาสตร์ที่
ยาวนานและยังคงมีพัฒนาการร่วมกับชุมชนต่อไปอีกนาน
เอกสำรอ้ำงอิง
Arjharn,Tossapon.(1999).Kha-o-kard Phra Thatpanom Amphur Thatpanom
Changwat Nakornpanom. (In Thai) (The Servants of Thatpanom
PagodainThatpanomDistrictNakornpanomProvince).n.p.
Charoensupakul,Anuwit.(1989).Phra Thatpanom (InThai)(PhraThatpanom).
2nded.Bangkok:KurusapaPress.
Na Parknam, Nor (1986).Kwaumpenma Khong Sthup Jadi nai Siam
Prathet(InThai)(HistoryofBuddhismPagodainThailand).Bangkok:
MuengBoranPress.
Prathammarachanuwat(2008).Urangka Nitan - Tamnam Phra Thatpanom
(In Thai) (Urangka Nitan - TheMyth of Phra ThatpanomPagoda).
Bangkok:JunePublishing.
Prathep Rattanamolee. (1994).Prawat Yore Phra Thatpanom (In Thai)
(TheShortHistoryofPhraThatpanomPagoda).2nded. n.p.
ThefineArtsDepartment.(1979).Jodemaihate Karn Burana Patisungkhon
ong Phra Thatpanom. (in Thai) (The Annals of Phra Thatpanom
Restoration).Bangkok:PikanetPress.
108 วารสารสังคมลุ่มนํ้าโขง
ปีที่ 7 ฉบับพิเศษ 2554