150
สาขา: เครื่องกล วิชา: ME21 Machine Design/Mechanical Design ขอที: 1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่องจักรกลที่สําคัญกลาวไวอยางไร คําตอบ 1 : ขึ้นอยูกับลักษณะของอุตสาหกรรมหรือชนิดของเครื่องจักร คําตอบ 2 : ขึ้นอยูกับประสบการณของผูออกแบบ คําตอบ 3 : ขึ้นอยูกับเวลาที่ใชในการออกแบบ คําตอบ 4 : ขึ้นอยูกับการแขงขันทางดานการตลาด ขอที: 2 ผูออกแบบเครื่องจักรกลจําเปนตองมีความรูเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุวิศวกรรมเพื่อประโยชนอะไร คําตอบ 1 : เพื่อใหสามารถเลือกใชวัสดุที่มีราคาเหมาะสม คําตอบ 2 : เพื่อใหชิ้นสวนที่ออกแบบมีความสวยงาม คําตอบ 3 : เพื่อใหสามารถผลิตชิ้นสวนไดงาย คําตอบ 4 : เพื่อใหทราบกรรมวิธีทางโลหะวิทยาตางๆ ขอที: 3 ผูออกแบบเครื่องจักรกล จําเปนตองมีความรูทางดานเศรษฐศาสตร และการแขงขันทางดานราคา หนาที่อะไรไมใชหนาที่ของผูออกแบบ คําตอบ 1 : ประหยัดเงินของผูวาจาง คําตอบ 2 : ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการออกแบบ เพิ่มสิ่งดึงดูดใจ คําตอบ 3 : มีความรูดานการตลาด คําตอบ 4 : เพิ่มสมรรถนะของการออกแบบ ขอที: 4 การออกแบบมักตองคํานึงถึงความไมแนนอนที่อาจเกิดขึ้นระหวางการคํานวณการสราง การใชงาน ฯลฯ ผูออกแบบจึงมักใชคาความปลอดภัย เพื่อใหครอบคลุมความไมแน นอนตางๆที่คาดวาอาจเกิดขึ้น ตอไปนี้ขอใดคือความไมแนนอนที่ตองใชคาความปลอดภัย คําตอบ 1 : คาใชจายดานพลังงานที่เพิ่มขึ้น คําตอบ 2 : ผลจากชนิดของวัสดุที่แตกตางกัน คําตอบ 3 : ผลของขนาดวัสดุตอความตานแรง คําตอบ 4 : ผลจากการใชงานไมถูกตอง ขอที: 5 สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิห้ามจำหน่าย 1 of 150

ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

  • Upload
    others

  • View
    4

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

สาขา: เครื่องกล วิชา: ME21 Machine Design/Mechanical Design

ขอที่ : 1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่องจักรกลที่สําคัญกลาวไวอยางไร

คําตอบ 1 : ขึ้นอยูกับลักษณะของอุตสาหกรรมหรือชนิดของเครื่องจักร คําตอบ 2 : ขึ้นอยูกับประสบการณของผูออกแบบ

คําตอบ 3 : ขึ้นอยูกับเวลาที่ใชในการออกแบบ

คําตอบ 4 : ขึ้นอยูกับการแขงขันทางดานการตลาด

ขอที่ : 2 ผูออกแบบเครื่องจักรกลจําเปนตองมีความรูเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุวิศวกรรมเพื่อประโยชนอะไร

คําตอบ 1 : เพื่อใหสามารถเลือกใชวัสดุที่มีราคาเหมาะสม

คําตอบ 2 : เพื่อใหชิ้นสวนที่ออกแบบมีความสวยงาม

คําตอบ 3 : เพื่อใหสามารถผลิตชิ้นสวนไดงาย

คําตอบ 4 : เพื่อใหทราบกรรมวิธีทางโลหะวิทยาตางๆ

ขอที่ : 3 ผูออกแบบเครื่องจักรกล จําเปนตองมีความรูทางดานเศรษฐศาสตร และการแขงขันทางดานราคา หนาที่อะไรไมใชหนาที่ของผูออกแบบ

คําตอบ 1 : ประหยัดเงินของผูวาจาง คําตอบ 2 : ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการออกแบบ เพิ่มสิ่งดึงดูดใจ

คําตอบ 3 : มีความรูดานการตลาด

คําตอบ 4 : เพิ่มสมรรถนะของการออกแบบ

ขอที่ : 4

การออกแบบมักตองคํานึงถึงความไมแนนอนที่อาจเกิดขึ้นระหวางการคํานวณการสราง การใชงาน ฯลฯ ผูออกแบบจึงมักใชคาความปลอดภัย เพื่อใหครอบคลุมความไมแนนอนตางๆที่คาดวาอาจเกิดขึ้น ตอไปนี้ขอใดคือความไมแนนอนที่ตองใชคาความปลอดภัย คําตอบ 1 : คาใชจายดานพลังงานที่เพิ่มขึ้น

คําตอบ 2 : ผลจากชนิดของวัสดุที่แตกตางกัน

คําตอบ 3 : ผลของขนาดวัสดุตอความตานแรง คําตอบ 4 : ผลจากการใชงานไมถูกตอง

ขอที่ : 5

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

1 of 150

Page 2: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

Engineering design หมายถึง

คําตอบ 1 : กระบวนการหรือกรรมวิธีการประยุกตหลักการทางวิทยาศาสตรและเทคนิคตางๆ สําหรับวัตถุประสงคของนิยามกลอุปกรณ กระบวนการ หรือระบบในรายละเอียดที่พอเพียงเพื่อยอมให เห็นนิยามเหลานั้นเปนจริงได

คําตอบ 2 : เกี่ยวของกับการสรางสรรคเครื่องจักรกลใหทํางานไดอยางปลอดภัย เชื่อถือไดและดี คําตอบ 3 : ขบวนการสังเคราะห วิเคราะหและการเลือกที่ใชหลักการทางวิศวกรรมศาสตรมาประยุกตใช คําตอบ 4 : การออกแบบทางวิศวกรรม หรือ วิศวกรรมการออกแบบ

ขอที่ : 6 กระบวนการออกแบบประกอบดวยขั้นตอนดังนี้

คําตอบ 1 : การกําหนดปญหาและความตองการ, ภูมิหลังงานวิจัยที่เกี่ยวของ, การกําหนดเปาหมายหรือ วัตถุประสงค, การระบลุักษณะจําเพาะของงาน, การสังเคราะห, การวิเคราะห, การเลือก, การ ออกแบบรายละเอียด, การสรางตนแบบและการทดลอง, และการผลิต

คําตอบ 2 : การกําหนดปญหาและความตองการ, การกําหนดเปาหมายหรือวัตถุประสงค, การวิเคราะห, การ เลือก, การออกแบบรายละเอียด, การสรางตนแบบและการทดลอง, และการผลิต

คําตอบ 3 : การกําหนดปญหาและความตองการ, ภูมิหลังงานวิจัยที่เกี่ยวของ, การระบุลักษณะจําเพาะของ งาน, การวิเคราะห, การเลือก, การออกแบบรายละเอียด, การสรางตนแบบและการทดลอง, และการผลิต

คําตอบ 4 : การกําหนดปญหาและความตองการ, ภูมิหลังงานวิจัยที่เกี่ยวของ, การกําหนดเปาหมายหรือ วัตถุประสงค, การระบุลักษณะจําเพาะของงาน, การสังเคราะห, การเลือก, การออกแบบ รายละเอียด, การสรางตนแบบและการทดลอง, และการผลิต

ขอที่ : 7 ผลิตภัณฑที่ดีที่ไดจาการออกแบบตองไมมีคุณลักษณะเชนไร

คําตอบ 1 : สามารถทํางานหรือทําหนาที่ไดตามตองการหรือตามที่ลูกคาคาดหวังไว คําตอบ 2 : มีความปลอดภัยไมเปนอันตรายตอผูใช คําตอบ 3 : มีความเชื่อมั่นหรือเชื่อถือไดที่ระดับความเชื่อมั่นที่กําหนด นั้นคือผลิตภัณฑตองไมเสียหาย กอนที่จะถึงกําหนด

คําตอบ 4 : หาซื้อยาก ผลิตจํานวนจํากัด แขงขันกับคนอื่นไดในตลาด

ขอที่ : 8

มาตรฐาน (Standard) หมายถึง คําตอบ 1 : เซตของการระบุลักษณะจําเพาะสําหรับการวิเคราะห การออกแบบ การผลิตและการสรางบางสิ่ง คําตอบ 2 : เซตของการระบุลักษณะจําเพาะสําหรับชิ้นสวน วัสดุ หรือกระบวนการที่มุงเพื่อความสําเร็จที่ เหมือนกันหรือแบบเดียวกัน ประสิทธิภาพ และคุณภาพจําเพาะ คําตอบ 3 : เพื่อบรรลุระดับขั้นของความปลอดภัยจําเพาะ ประสิทธิภาพ และคุณภาพ

คําตอบ 4 : International Standards Organization (ISO)

ขอที่ : 9

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

2 of 150

Page 3: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

NYLON เปนวัสดุอะไร

คําตอบ 1 : Plastics คําตอบ 2 : Polymeric คําตอบ 3 : Thermoplastics คําตอบ 4 : Thermosets

ขอที่ : 10 เหล็กกลาคารบอนมีกี่ชนิด

คําตอบ 1 : 1 ชนิด

คําตอบ 2 : 2 ชนิด

คําตอบ 3 : 3 ชนิด

คําตอบ 4 : 4 ชนิด

ขอที่ : 11 คาความปลอดภัยที่จะเลือกใชในการออกแบบขึ้นอยูกับตัวประกอบอะไร

คําตอบ 1 : ความสวยงามของชิ้นงานที่จะผลิต

คําตอบ 2 : จํานวนของชิ้นงานที่จะผลิต

คําตอบ 3 : ความชํานาญและประสบการณของผูออกแบบชิ้นงาน

คําตอบ 4 : ประเภทของผลิตภัณฑที่จะผลิต

ขอที่ : 12

การเลือกใชคาความปลอดภัยในการออกแบบ ไมไดพิจารณาถึงตัวประกอบในขอใด

คําตอบ 1 : ชนิดของโหลดที่กระทํากับชิ้นงาน

คําตอบ 2 : ลักษณะการใชงานของชิ้นงาน

คําตอบ 3 : น้ําหนักของชิ้นงาน

คําตอบ 4 : ความสวยงามของชิ้นงาน

ขอที่ : 13

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

3 of 150

Page 4: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

การทดสอบเพื่อหาคุณสมบัติเชิงกลของวัสดุ ในกรณีที่ไมสามารถทดสอบโดยการทดสอบการดึง สามารถทําไดโดยวิธีใดที่งายที่สุด

คําตอบ 1 : การทดสอบการดัด

คําตอบ 2 : การทดสอบการบิด

คําตอบ 3 : การทดสอบความแข็ง คําตอบ 4 : การทดสอบการกระแทก

ขอที่ : 14 ความตานแรงของเหล็กมีสหสัมพันธ (correlation) กับคุณสมบัติในขอใด

คําตอบ 1 : มอดุลัสความยืดหยุน

คําตอบ 2 : มอดุลัสเฉือน

คําตอบ 3 : ความแข็ง คําตอบ 4 : สวนยืดสม่ําเสมอ

ขอที่ : 15 ในฐานะที่ทานเปนวิศวกรออกแบบชิ้นสวนเครื่องจักร สิ่งหนึ่งที่ตองคํานึงถึงคือการกัดกรอน ทานจะไมเลือกควบคุมการกัดกรอนดวยวิธีใด

คําตอบ 1 : ควบคุมดวยการออกแบบทางวิศวกรรม

คําตอบ 2 : ควบคุมโดยควบคุมสภาพแวดลอม

คําตอบ 3 : ควบคุมดวยการเลือกวัสด ุ

คําตอบ 4 : ควบคุมดวยกรรมวิธีทางความรอน

ขอที่ : 16

ขอใดไมใชรายการที่สําคัญในการเลือกวัสดุเพื่อใชในการออกแบบและผลิตชิ้นสวนเครื่องจักรกล คําตอบ 1 : คุณสมบัติของวัสด ุ

คําตอบ 2 : การหาวัสดุไดงาย

คําตอบ 3 : การคํานึงถึงในแงเศรษฐศาสตร คําตอบ 4 : สภาพแวดลอม

ขอที่ : 17 พิกัดความเผื่อ (Tolerances) จัดเปนคุณสมบัติวัสดุทางใด

คําตอบ 1 : คุณสมบัติทางกล

คําตอบ 2 : คุณสมบัติทางมิติ คําตอบ 3 : คุณสมบัติทางกายภาพ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

4 of 150

Page 5: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : คุณสมบัติทางเคมี

ขอที่ : 18 ในการทดสอบความแข็งวัสดุ (Hardness) ทานใชหัวทดสอบแบบไหนในการทดสอบ Rockwell C

คําตอบ 1 : หัวทดสอบรูปทรงกลม

คําตอบ 2 : หัวทดสอบรูปทรงปรามิด

คําตอบ 3 : หัวทดสอบรูปทรงกรวย

คําตอบ 4 : หัวทดสอบรูปทรงใดก็ได

ขอที่ : 19 วัสดุใดที่สามารถดูดซับพลังงานไดมากเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น

คําตอบ 1 : วัสดุเหนียว คําตอบ 2 : วัสดุเปราะ คําตอบ 3 : วัสดุพลาสติก

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ

ขอที่ : 20

ใชชิ้นงานทดสอบ (Specimen) ดังรูปกับงานทดสอบแบบใด

คําตอบ 1 : ทดสอบยกน้ําหนัก

คําตอบ 2 : ทดสอบแรงดึง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

5 of 150

Page 6: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : ทดสอบความลาตัว

คําตอบ 4 : ทดสอบความแข็งแรง

ขอที่ : 21

ผลจากการทดสอบชิ้นงานทดสอบ (Specimen) ไดลักษณะกราฟผลการทดสอบดังรูปในเบื้องตน ทานพิจารณาชิ้นงานทดสอบนี้วาเปนวัสดุชนิดใด

คําตอบ 1 : ทดสอบแรงดึงวัสดุออน

คําตอบ 2 : ทดสอบแรงดึงวัสดุเหนียว คําตอบ 3 : ทดสอบแรงดึงวัสดุเปราะ คําตอบ 4 : ทดสอบแรงดึงวัสดุแข็ง

ขอที่ : 22

ใชชิ้นงานทดสอบ (Specimen) ดังรูปกับงานทดสอบแบบใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

6 of 150

Page 7: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ทดสอบยกน้ําหนัก

คําตอบ 2 : ทดสอบแรงอัด

คําตอบ 3 : ทดสอบแรงกระแทก

คําตอบ 4 : ทดสอบการหดตัว

ขอที่ : 23

ผลจากการทดสอบชิ้นงานทดสอบ (Specimen) ไดลักษณะกราฟผลการทดสอบดังรูปในเบื้องตน ทานพิจารณาชิ้นงานทดสอบนี้วาเปนวัสดุชนิดใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

7 of 150

Page 8: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ทดสอบแรงกดวัสดุออน

คําตอบ 2 : ทดสอบแรงกดวัสดุเหนียว

คําตอบ 3 : ทดสอบแรงกดวัสดุเปราะ

คําตอบ 4 : ทดสอบแรงกดวัสดุแข็ง

ขอที่ : 24

ผลการทดสอบชิ้นทดสอบมาตรฐานในรูปขอ 466เปนวัสดุประเภทใด คําตอบ 1 : ออน

คําตอบ 2 : แข็ง

คําตอบ 3 : เปราะ

คําตอบ 4 : เหนียว

ขอที่ : 25

ผลการทดสอบชิ้นทดสอบมาตรฐานดังรูปนี้เปนวัสดุประเภทใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

8 of 150

Page 9: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ออน

คําตอบ 2 : แข็ง

คําตอบ 3 : เปราะ

คําตอบ 4 : เหนียว

ขอที่ : 26

กราฟจากผลทดสอบโดยมีความเคน (Stress) แกนเดียว (Uniaxial) และอยูในชวงของความเคลียด (Strain) แนวตรง (Linear) บริเวณจุด E หมายถึงอะไร

คําตอบ 1 : ชวงยืดหยุน (Elastic) คําตอบ 2 : ชวงยืดตัว (Elongation)

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

9 of 150

Page 10: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : จุดยืดหยุนของยังค (Young Modulus) คําตอบ 4 : จุดเฉลี่ยระหวางจุด Yield และ Proportional limit

ขอที่ : 27

ในโลหะที่ถูกเลือกมาใชมักมีสวนผสมของวัตถุธาตุหลายชนิด ซึ่งวัตถุธาตุเหลานี้มีคุณสมบัติอะไรที่ใชรวมกันได คําตอบ 1 : คุณสมบัติดาน Elastic

คําตอบ 2 : คุณสมบัติดานเคม ี

คําตอบ 3 : คุณสมบัติดานเปนตัวนําความรอน

คําตอบ 4 : คุณสมบัติดานเกาะยึดตัวติดกัน

ขอที่ : 28

จงบอกกรรมวิธีที่มีชื่อเรียกเหลานี้ Hot rolling, Extrusion, Forging คําตอบ 1 : Heat-treatment

คําตอบ 2 : Casting

คําตอบ 3 : Cold-working

คําตอบ 4 : Hot-working

ขอที่ : 29

จงบอกกรรมวิธีที่มีชื่อเรียกเหลานี้ Annealing, Quenching,Tempering, Case hardening คําตอบ 1 : Heat-treatment

คําตอบ 2 : Casting

คําตอบ 3 : Cold-working

คําตอบ 4 : Hot-working

ขอที่ : 30

ชื่อใดมีคุณสมบัติดาน Plastically สามารถดันโลหะขึ้นรูปใหเปนรูปทรงตามที่เราตองการ คําตอบ 1 : Heat-treatment คําตอบ 2 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

10 of 150

Page 11: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

Casting

คําตอบ 3 : Hot-working

คําตอบ 4 : Cold-working

ขอที่ : 31

ชื่อกรรมวิธีที่ใหคุณสมบัติทางวัสดุดีตามที่เราตองการและดีกวาเมื่อเปรียบเทียบกับงานหลอโลหะ คําตอบ 1 : Hot-working

คําตอบ 2 : Cold-working

คําตอบ 3 : Casting

คําตอบ 4 : Heat-treatment

ขอที่ : 32

ใหบอกชื่อกรรมวิธีขึ้นรูปดังรูป

คําตอบ 1 : Hot-forming

คําตอบ 2 : Forging

คําตอบ 3 : Pressing

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

11 of 150

Page 12: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : Rolling

ขอที่ : 33

ชื่อเรียกลายเสนจากงานขึ้นรูปรอนดังรูปคืออะไร

คําตอบ 1 : Fiber line

คําตอบ 2 : Flow line

คําตอบ 3 : Scaling line

คําตอบ 4 : Contour line

ขอที่ : 34

กานชิ้นงานดังแสดงในรูปถูกแรง F กระทําขนาด 25 kN ถากําหนดใหพื้นที่หนาตัดของกานชิ้นงานเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผาโดยมีความกวาง h มีขนาดเปน 2 เทาของความหนา b จงหาขนาดของ b และ h ถาชิ้นสวนนี้ทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคา σy = 370 MPa และใหใชคาความปลอดภัย, Ny=1.5

คําตอบ 1 : b = 5.32 mm และ h = 10.64 mm คําตอบ 2 : b = 6.35 mm และ h = 12.7 mm คําตอบ 3 : b = 7.12 mm และ h = 14.24 mm คําตอบ 4 : b = 8.31 mm และ h = 16.62 mm

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

12 of 150

Page 13: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 35

เพลากลมตันทําดวยเหล็กกลาซึ่งมีคาความตานแรงดึงคราก, σy = 440 MPa ยังสโมดูลัส (Young Modulus) E = 207 GN/m2 โมดูลัสเฉือน (Shear Modulus) G = 79.3

GN/m2 ใชถายทอดกําลัง 10 kW ดวยอัตราเร็ว 1750 rpm อยางสม่ําเสมอ จงหาขนาดของเพลาโดยใชคาความปลอดภัย, Ny=2

คําตอบ 1 : 9.82 mm คําตอบ 2 : 12.8 mm คําตอบ 3 : 15.42 mm คําตอบ 4 : 16.47 mm

ขอที่ : 36

กานชิ้นงานมีพื้นที่หนาตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา การกระจายของความเคน , σ ที่พื้นที่หนาตัดจะมีรูปแบบเปน

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

13 of 150

Page 14: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 37

ชิ้นงานมีลักษณะเปนเพลากลมเสนผาศูนยกลาง d mm ไดรับการออกแบบใหมีคาความปลอดภัย (safety factor) α = 0 แรงดึงสูงสุดที่ชิ้นงานทั้งนี้รองรับไดโดยไมเสียหายคือเทาใด (ชิ้นงานทําจากวัสดุที่มีคาความตานทานแรงคราก y MPa)

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 38

จงเรียงลําดับคาคุณสมบัติทางกลของวัสดุที่อานไดจากแผนภาพแสดงความสัมพันธของความเคน-ความเครียด ของวัสดุโดยทั่วไป จากคานอยไปคามาก (ความตานแรงดึงคราก (σy), ความเคนพิสูจน (0.2%σy), ความตานแรงดึงอัลลิเมต (σuts), ความเคนแตกหัก (σrupture))

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

14 of 150

Page 15: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 39

ความแข็งตึงของวัสดุ (Stiffness) คือความสามารถในการตานทานตอการเปลี่ยนแปลงรูปรางของ วัสดุนั้นจากแผนภาพความเคน-ความเครียด คุณสมบัติทางกลใดที่ใชบงชี้ความแข็งตึงของวัสดุนั้น

คําตอบ 1 : ยังสโมดูลัส (Young’s Modulus) คําตอบ 2 : ความตานทานแรงดึงคราก (Yield Strength) คําตอบ 3 : โมดูลัสเฉือน (Shear Modulus) คําตอบ 4 : ความตานทานแรงดึงอัลติเมต (Ultimate Tensile Strength)

ขอที่ : 40 การทําสอบใดที่ไมใชการทดสอบเพื่อหาคาความแข็ง (Hardness)ของชิ้นงาน หรือวัสดุ

คําตอบ 1 : Vicker Test คําตอบ 2 : Rockwell Test คําตอบ 3 : Brinell Test คําตอบ 4 : Charpy Test

ขอที่ : 41 การเพิ่มอัตราสวนของคารบอน(%C)ในโลหะเหล็กสงผลใหคุณสมบัติใดของโลหะเหล็กนั้นลดลง

คําตอบ 1 : คุณสมบัติในการรับแรง (Strength) คําตอบ 2 : ความเหนียว (Ductility) คําตอบ 3 : ความแข็ง (Hardness) คําตอบ 4 : ความเปราะ(Brittle)

ขอที่ : 42

ขั้นตอนของการออกแบบควรเรียงลําดับดังนี้

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

15 of 150

Page 16: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : รับรูความคองการ ลักษณะจําเพาะ ศึกษารายละเอียด สังเคราะหความคิด

คําตอบ 2 : ลักษณะจําเพาะ รับรูความคองการ สังเคราะหความคิด ศึกษารายละเอียด

คําตอบ 3 : สังเคราะหความคิด ศึกษารายละเอียด ลักษณะจําเพาะ รับรูความคองการ คําตอบ 4 : ศึกษารายละเอียด สังเคราะหความคิด รับรูความตองการ ลักษณะจําเพาะ

ขอที่ : 43

เพลากลมตันมีเสนผานศูนยกลางเทากับ 20 mm ทําดวยเหล็กกลาถูกกระทําดวยแรงบิด (Torque) เทากับ 225 Nm จงหาขนาดของความเคนเฉือน , τ ที่เกิดขึ้นที่หนาตัดของเพลา

คําตอบ 1 : 102.57 N/mm2 คําตอบ 2 : 113.46 N/mm2 คําตอบ 3 : 143.18 N/mm2 คําตอบ 4 : 158.97 N/mm2

ขอที่ : 44

กานชิ้นงานสั้นดังแสดงในรูปถูกแรงกด F กระทํา ถากําหนดใหกานชิ้นงานมีพื้นที่หนาตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา การกระจายของความเคน, σ ที่พื้นที่หนาตัดจะมีรูปแบบเปน

คําตอบ 1 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

16 of 150

Page 17: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 45

เพลากลมตันทําดวยเหล็กกลาถูกกระทําดวยแรงบิด (torque) เทากับ 225 Nm ถากําหนดใหใชคาความเคนเฉือนในการออกแบบ (Allowable Shear Stress) τd = 220

N/mm2 จงหาขนาดของเสนผานศูนยกลางของเพลา

คําตอบ 1 : 15.43 mm คําตอบ 2 : 16.42 mm คําตอบ 3 : 17.33 mm คําตอบ 4 : 18.78 mm

ขอที่ : 46

เพลากลมตันทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคาความตานแรงดึงคราก, σy = 310 MPa และมีคาโมดูลัสเฉือน, G = 80 GPa ใชถายทอดกําลัง 30 kW ที่อัตราเร็วรอบ 2000 rpm ถา

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

17 of 150

Page 18: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ตองการใหเพลามีมุมบิดไมเกิน 3 องศาตอความยาว 500 mm จะใชเพลาขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับเทาใดและจะมีคาความปลอดภัยเทาใด

คําตอบ 1 : d = 18.53 mm และ Ny = 2.32

คําตอบ 2 : d = 20.43 mm และ Ny = 2.32

คําตอบ 3 : d = 20.43 mm และ Ny = 5.85

คําตอบ 4 : d = 18.53 mm และ Ny = 4.85

ขอที่ : 47

เพลากลมตันทําดวยเหล็กกลาซึ่งมีคา σy = 440 NPa, E = 207 GN/m2 , G = 79.3 GN/m2 ใชถายทอดกําลัง 10 kW ดวยอัตราเร็ว 1750 rpm อยางสม่ําเสมอ จงหา

ขนาดของเพลาโดยใชคาความปลอดภัย, Ny = 2

คําตอบ 1 : 9.82 mm คําตอบ 2 : 12.80 mm คําตอบ 3 : 15.42 mm คําตอบ 4 : 16.47 mm

ขอที่ : 48

เพลากลมตันมีขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ d = 14 mm เพลานี้ทํามาจากเหล็กกลาซึ่งมีคาตานแรงดึงคราก , σy = 440 NPa ใชถายทอดกําลัง 10 kW ดวยอัตราเร็ว

1750 rpm อยางสม่ําเสมอ จงหาความเคนเฉือนสูงสุดที่เกิดขึ้นในเพลานี้

คําตอบ 1 : 88.67 mm คําตอบ 2 : 92.57 mm คําตอบ 3 : 101.28 mm คําตอบ 4 : 116.49 mm

ขอที่ : 49

ภาชนะผนังบางรูปทรงกระบอก ขนาดเสนผานศูนยกลาง 500 mm ยาว 1000 mm รับความดันภายใน p = 10 bar ทําดวยวัสดุที่มีคาความเคนใชงาน 25 MPa ภาชนะใบนี้ควรมีความหนานอยที่สุดเทาใด

คําตอบ 1 : 1.0 mm คําตอบ 2 : 1.5 mm คําตอบ 3 : 2.0 mm คําตอบ 4 : 2.5 mm

ขอที่ : 50

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

18 of 150

Page 19: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คุณสมบัติของวัสดุที่แสดงความสามารถในการรับแรงของเสาคืออะไร

คําตอบ 1 : ความตานแรงดึงคราก

คําตอบ 2 : ความตานแรงดึงสูงสุด

คําตอบ 3 : ความตานแรงกด

คําตอบ 4 : มอดุลัสยืดหยุน

ขอที่ : 51 ทฤษฎีความเคนหลักสูงสุด (Maximum Principal Stress Theory) เหมาะสําหรับใชในการออกแบบวัสดุประเภทใด

คําตอบ 1 : วัสดุเปราะที่รับแรงกดไดดี คําตอบ 2 : วัสดุเปราะที่รับแรงเฉือนไดดี คําตอบ 3 : วัสดุเหนียวที่รับแรงกดไดด ี

คําตอบ 4 : วัสดุเหนียวที่รับแรงเฉือนไดด ี

ขอที่ : 52

ทฤษฎีความเคนเฉือนออคตะฮีดรัล (Octahedral Shear Stress Theory) มีความแตกตางที่สําคัญจากทฤษฎีความเคนเฉือนสูงสุด (Maximum Shear Stress Theory) อยางไร

คําตอบ 1 : ทฤษฎีความเคนเฉือนออคตะฮีดรัลมีความแมนยําในการคํานวณนอยกวา คําตอบ 2 : ทฤษฎีความเคนเฉือนออคตะฮีดรัลมีความแมนยําในการคํานวณมากกวา คําตอบ 3 : ทฤษฎีความเคนเฉือนออคตะฮีดรัลใชความเคนในการคํานวณนอยกวา คําตอบ 4 : ทฤษฎีความเคนเฉือนออคตะฮีดรัลใชความเคนในการคํานวณมากกวา

ขอที่ : 53 เพลาหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสตันขนาด b x b กับเพลากลมตันมีรัศมีเทากับ r รับแรงบิดเทากัน ขอใดกลาวถูกตอง

คําตอบ 1 : น้ําหนักเพลาหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสตันตอความยาวเทากับน้ําหนักเพลากลมตันตอความยาว คําตอบ 2 : ความแข็งแรงตอน้ําหนักของเพลาหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสตันมากกวาความแข็งแรงตอน้ําหนักของ เพลากลมตัน

คําตอบ 3 : น้ําหนักเพลาหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสตันตอความยาวนอยกวาน้ําหนักเพลากลมตันตอความยาว คําตอบ 4 : ความแข็งแรงตอน้ําหนักของเพลาหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสตันนอยกวาความแข็งแรงตอน้ําหนักของ เพลากลมตัน

ขอที่ : 54 ในฐานะที่ทานเปนวิศวกรออกแบบเครื่องกล ทฤษฎีความลา (Failure theory) ทฤษฎีใดที่ทาน จะเลือกใชกับวัสดุเปราะ ( ฺBrittle materials)

คําตอบ 1 : Maximum normal stress theory คําตอบ 2 : Ductile Coulomb-Mohr theory คําตอบ 3 : Maximum shear stress theory

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

19 of 150

Page 20: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : Distortion energy

ขอที่ : 55

จงคํานวณหาแรงปฏิกิริยาที่จุดรองรับ D

คําตอบ 1 : 1,500 N คําตอบ 2 : -1,500 N คําตอบ 3 : 4,500 N คําตอบ 4 : -4,500 N

ขอที่ : 56

จงคํานวณหาแรงที่กระทําบนแขน AB ถาแรงปฏิกิริยาที่ A = 1500 N กระทําลงใน แนวดิ่ง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

20 of 150

Page 21: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 1,500 N C คําตอบ 2 : -1,500 N T คําตอบ 3 : 2,121 N T คําตอบ 4 : -2,121 N C

ขอที่ : 57

ที่ตําแหนงไหนของเพลามีความเคนสูงสุดเทากับ P/A

คําตอบ 1 : A, B, C, และ E คําตอบ 2 : B, E, และ F คําตอบ 3 : A, D, และ E คําตอบ 4 : A, B, C, D, E, และ F

ขอที่ : 58

โมเมนตดัด (Bending moment) เทาไรที่เกิดใน straight round rod ขนาดโต 40 mm. กับ straight square rod ขนาด 40 x 40 mm. ซึ่งมี normal stress สูงสุดเทากัน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

21 of 150

Page 22: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คือ 400 MPa

คําตอบ 1 : โมเมนตดัดใน rod ทั้งสองเทากัน

คําตอบ 2 : โมเมนตดัดใน round rod มากกวา คําตอบ 3 : โมเมนตดัดใน Square rod มากกวา คําตอบ 4 : โมเมนตดัดใน rod ทั้งสองเกือบเทากัน

ขอที่ : 59 เมื่อหมุดย้ํารับแรงเฉือนคู (double shear) จะเกิดความเคนเฉือนบนหนาตัดขวางของหมุดย้ําเทาใด

คําตอบ 1 : τ= F/A คําตอบ 2 : τ= 2F/A คําตอบ 3 : τ= F/2A คําตอบ 4 : τ= 3F/2A

ขอที่ : 60 ความเคนเฉือนที่เกิดขึ้นบนหนาตัดขวางของคานที่มีรูปรางหนาตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผามีคาเทาไร

คําตอบ 1 : τ= V/A คําตอบ 2 : τ = V/2A คําตอบ 3 : τ = 2V/A คําตอบ 4 : τ= 3V/2A

ขอที่ : 61

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

22 of 150

Page 23: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ความเคนเฉือนสูงสุดที่เกิดขึ้นในระบบความเคนผสมมีคาเทาใด

คําตอบ 1 : ครึ่งหนึ่งของความเคนดึงสูงสุด

คําตอบ 2 : ครึ่งหนึ่งของผลตางความเคน

คําตอบ 3 : ครึ่งหนึ่งของผลตางความเคนสูงสุด

คําตอบ 4 : ผลตางของความเคนสูงสุด

ขอที่ : 62 การออกแบบเพลาเพื่อใชรับความเคนผสมโดยใชทฤษฎีความเสียหายทั้งหมด ขนาดที่เล็กที่สุดจะหาไดโดยใชทฤษฎีใด

คําตอบ 1 : ทฤษฎีความเคนหลักสูงสุด

คําตอบ 2 : ทฤษฎีความเครียดหลักสูงสุด

คําตอบ 3 : ทฤษฎีความเคนเฉือนสูงสุด

คําตอบ 4 : ทฤษฎีความเคนเฉือนออคตะฮีดรัล

ขอที่ : 63 ขอใดกลาวไมถูกตอง กรณีที่ตองใชสูตร σ = F/A เพื่อหาความเคนดึง หรือความเคนอัด โดยตรง

คําตอบ 1 : Member ที่รองรับโหลดตองเปนเสนตรง คําตอบ 2 : เสนกระทําของโหลดตองผานเซนทรอย (Centroid) หนาตัด Member คําตอบ 3 : วัสดุของ Member ตองเปนเนื้อเดียวกัน (homogeneous) และมีคุณสมบัติเหมือนกันในทุกทิศทาง (isotropic) คําตอบ 4 : Memberไมจําเปนตองมีหนาตัดสม่ําเสมอใกลบริเวณที่เริ่มตนคํานวณความเคน

ขอที่ : 64 ขอใดกลาวถูกตอง ถาแรงบิด (Torque) หรือ twisting moment กระทํากับเพลากลมตัน (Solid shaft)

คําตอบ 1 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา และ Torsional Shear Stress นอยสุด เกิดที่รัศมีโตสุดของเพลา คําตอบ 2 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา และ Torsional Shear Stress เทากับ ศูนยเกิดที่รัศมีโตสุดของเพลา คําตอบ 3 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่รัศมีโตสุดของเพลาและ Torsional Shear Stress นอยสุดเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา คําตอบ 4 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่รัศมีโตสุดของเพลาและ Torsional Shear Stress เทากับศูนยเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา

ขอที่ : 65 Modified Mohr theory ถูกใชเพื่อทํานายการแตกหักของ

คําตอบ 1 : วัสดุเหนียว คําตอบ 2 : วัสดุเปราะ คําตอบ 3 : วัสดุเหนียวและวัสดุเปราะ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

23 of 150

Page 24: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : วัสดุวิศวกรรม

ขอที่ : 66 Maximum-distortion-energy-theory ถูกใชเพื่อทํานาย

คําตอบ 1 : วัสดุเหนียว คําตอบ 2 : วัสดุเปราะ คําตอบ 3 : วัสดุเหนียวและวัสดุเปราะ คําตอบ 4 : วัสดุวิศวกรรม

ขอที่ : 67 Distortion energy theory ทํานายความเสียหายเมื่อ

คําตอบ 1 : ทุกจุดอยูในรูปสี่เหลี่ยม

คําตอบ 2 : ทุกจุดอยูนอกรูปสี่เหลี่ยม

คําตอบ 3 : ทุกจุดอยูนอกรูปวงรี คําตอบ 4 : ทุกจุดอยูในรูปวงรี

ขอที่ : 68

เมื่อทานพิจารณาคาความปลอดภัย (Safety factor) จะตอง นําคาใดในกราฟ Stress-Strain มาพิจารณารวมกับความ เคนใชงาน (Working Stress)

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

24 of 150

Page 25: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ความเคนที่จุด R คําตอบ 2 : ความเคนที่จุด U คําตอบ 3 : ความเคนสูงสุด Su คําตอบ 4 : ความเคนที่จุดคลาก Y

ขอที่ : 69

พิจารณากราฟ Stress-Strain ของวัสดุ AL 6061-T6 มีปจจัย อะไรที่ชวยใหวัสดุนี้ยืดตัวไดงาย (High strain rate)

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

25 of 150

Page 26: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ตองการแรงดึงสูงๆเพื่อชวยใหยืดตัวงาย

คําตอบ 2 : ความเคนสูงๆชวยใหยืดตัวงาย

คําตอบ 3 : ความเคลียดมากๆจะชวยใหวัสดุยืดตัวงาย

คําตอบ 4 : อุณหภูมิสูงจะทําใหวัสดุยืดตัวไดสูง

ขอที่ : 70

Shear modulus มีความสําคัญในการคํานวณ Deflection ที่เกิดจาก Shear เชน Torsion จากรูปเมื่อให Shear Strain เลือกสมการ Shear modulus ที่ถูกตอง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

26 of 150

Page 27: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 71

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

27 of 150

Page 28: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

จากรูป Positiove Strain ในแนวแกน x ทําใหเกิด Negative Strain ในแนวแกน y สัดสวนนี้เรียกวา Poisson’s Ratio ใหเลือกสมการ ที่ถูกตองของ Poisson’s Ratio

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 72

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

28 of 150

Page 29: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ทฤษฎีความเสียหายอันเนื่องจากภาระตอเนื่อง (Steady load failure theory) ใชกับวัสดุชนิดใดไดบาง

คําตอบ 1 : วัสดุเหนียว(Ductile) และ/หรือเปราะ(Brittle) คําตอบ 2 : วัสดุใชในงานกอสราง คําตอบ 3 : วัสดุใชในงานเครื่องจักร คําตอบ 4 : วัสดุออน (Soft material)

ขอที่ : 73 Stress/Strain field ที่ใชกับทฤษฎีความเสียหายตอเนื่อง (Steady load failure theory) สามารถประยุกตใชกับภาระ ตามแนวแกนชนิดใดไดบาง

คําตอบ 1 : ไดเฉพาะแนวแกนเดียว (Uniaxial) คําตอบ 2 : ไดทั้งแนวแกนเดียว (Uni axial) และหลายแกน (Multi axial) คําตอบ 3 : ใชไดเฉพาะแบบหายแกน (Multi axial) คําตอบ 4 : ใชกับแนวแกน X, Y, Z

ขอที่ : 74

ทฤษฎีวาดวย Maximum-Normal-Strain Theory (ของ Saint-Venant) ตั้งขอสังเกตไววา เมื่อ Principal Strain มีคาเขา ใกล Strain และสอดคลองกับ Yield Strength จะมีสภาวะอะไรเกิดขึ้น

คําตอบ 1 : Internal friction คําตอบ 2 : Stress/Strain fall คําตอบ 3 : Yielding คําตอบ 4 : Failure

ขอที่ : 75

ทฤษฎีวาดวย Distorsion Energy Theory เมื่อคา Distorsion per unit volume เทากับ Distorsion per unit volume ที่เกิด จากแรงดึงตามแนวแกนเดียว (Uniaxial) บนชิ้นงานทดสอบ (Specimen) จนกระทั่งคาความเคนสูงขึ้นถึงชวง Yield Strength จะทําใหเกิดสภาวะเชนไร

คําตอบ 1 : Yielding คําตอบ 2 : Failure คําตอบ 3 : Stress/Strain fall คําตอบ 4 : Internal friction

ขอที่ : 76

กราฟตามรูปเกิดจากการทดสอบแรงดึงบนชิ้นงานทดสอบ (Tensile specimen) พื้นที่ U-area ที่อยูใต Stress-Strain curve คืออะไร

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

29 of 150

Page 30: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Proportional area คําตอบ 2 : Stress-Strain energy คําตอบ 3 : Strain energy area คําตอบ 4 : Specimen stressed

ขอที่ : 77

เมื่อ Distorsion Energy per unit volume มีคาเทากับ Distorsion Energy per unit volume ในการทดสอบแรงดึงบนชิ้นงานทดสอบ จนกระทั่งความเคนสูงขึ้นเขาใกล Yielding Strength จะเกิด สภาวะอะไรขึ้น

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

30 of 150

Page 31: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Yilding คําตอบ 2 : Internal friction คําตอบ 3 : Stress/Strain fall คําตอบ 4 : Failure

ขอที่ : 78

เรานําประโยชนของพื้นที่แรงเงาเปนของวัสดุ ที่อยูใตสภาวะความเคนของ Plain Stress Condition ไปใชอยางไร

คําตอบ 1 : พื้นที่บริเวณนี้จะไมเกิดคา Yield คําตอบ 2 : พื้นที่ภายใต Yield Strength คําตอบ 3 : พื้นที่ในสวนนี้จะไมเกิด Failure คําตอบ 4 : พื้นที่ความแข็งแรงใชงาน

ขอที่ : 79

เราสามารถนําสภาวะอะไรจากวงกลมของโมร (Mohr’s Circle) มาใชประโยชนในการออกแบบ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

31 of 150

Page 32: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Principal Stress คําตอบ 2 : Pure Stress คําตอบ 3 : Maximum Shear คําตอบ 4 : Pure Shear

ขอที่ : 80

ในสภาวะ Pure Shear สามารถกําหนดสูตรงายๆมาใชดังนี้

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

32 of 150

Page 33: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 81

ทฤษฎีเกี่ยวกับ The Maximum-Normal-Stress Theory ตั้งขอสังเกตไววา เมื่อคา σ1 σ2 σ3 เปน Pricipal Stress เมื่อคําหนึ่งในสามนี้มีคามากจนเขาใกลคาความแข็งแรง

ดึง (Tensile strength) และความแข็งแรงอัด (Compressive strength ) จะมีสภาวะเชนใดเกิดขึ้น

คําตอบ 1 : Failue คําตอบ 2 : Yielding

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

33 of 150

Page 34: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : Stress/Strain fall คําตอบ 4 : Internal friction

ขอที่ : 82

ชิ้นงานดังแสดงในรูปทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคาความตานแรงดึงคราก σy = 440 MPa รับแรงสถิตขนาด 1000 N จงคํานวณหาการเคลื่อนตัวของจุด A ซึ่งไดแกการบิดตัว

เนื่องจากทอรก และการเคลื่อนตัวในแนวดิ่ง (E= 207 GN/m2 , G = 79.3 GN/m2)

คําตอบ 1 : y = - 0.572 mm และ θ = 0.00658 เรเดียน

คําตอบ 2 : y = - 0.672 mm และ θ = 0.00758 เรเดียน

คําตอบ 3 : y = - 0.672 mm และ θ = 0.00658 เรเดียน

คําตอบ 4 : y = - 0.472 mm และ θ = 0.00658 เรเดียน

ขอที่ : 83 ทฤษฏีความเสียหาย (Failure Theories) ใดเมื่อใชในการคํานวณออกแบบแลวใหคาความ ปลอดภัยสูงสุด

คําตอบ 1 : ทฤษฏีความความเคนหลักสูงสุด (Maximum Normal Stress Failure Theory) คําตอบ 2 : ทฤษฏีความความเคนเฉือนสูงสุด (Maximum Shear Stress Failure Theory) คําตอบ 3 : ทฤษฏีความความเคนเฉือนออคตะฮีดรัล (Octahedral Shear Stress Failure Theory) คําตอบ 4 : ทฤษฏีความความเครียดหลักสูงสุด (Maximum Principle Strain Failure Theory)

ขอที่ : 84 ทฤษฎีความเคนหลักสูงสุดเหมาะสําหรับใชออกแบบวัสดุที่มีคุณสมบัติ

คําตอบ 1 : เปราะ คําตอบ 2 : เหนียว คําตอบ 3 : ยืดหยุนมาก

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

34 of 150

Page 35: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : ยืดหยุนนอย

ขอที่ : 85 หนวยของความเคนคือ

คําตอบ 1 : N-m คําตอบ 2 : N-m-1 คําตอบ 3 : N-m-2 คําตอบ 4 : N-m-3

ขอที่ : 86 จากการทําลองเพื่อหาความสัมพันธของความเคนความเครียด จะสามารคํานวณหาคุณสมบัติทางกล ใดของชิ้นงานนั้นได

คําตอบ 1 : สัมประสิทธความยืดหยุน (Modulus of Elasticity) คําตอบ 2 : ความสามารถในการตัดกลึง (Maclineability) คําตอบ 3 : ความหยุน (Malleability) คําตอบ 4 : ความเหนียว (Toughness)

ขอที่ : 87

เพลากลมเสนผานศูนยกลาง d รับแรง F = 50 kN ที่ระยะ a = 150 mm และแรงบิด T = 100 N–m ถาวัสดุมีคุณสมบัติ σy = 351.65 N/mm2 และใชทฤษฎีความเคน

เฉือนสูงสุด โดยกําหนดคาความปลอดภัย N = 2.5 ขนาด d เปนเทาใด

คําตอบ 1 : 81.83 mm

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

35 of 150

Page 36: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : 82.39 mm คําตอบ 3 : 82.81 mm คําตอบ 4 : 83.59 mm

ขอที่ : 88

เพลากลมเสนผานศูนยกลาง d รับแรง F = 50 kN ที่ระยะ a = 150 mm และแรงบิด T = 100 N–m ถาวัสดุมีคุณสมบัติ σy = 351.65 N/mm2 และใชทฤษฎีความเคน

เฉือนสูงสุด โดยกําหนดคาความปลอดภัย N = 2.5 ขนาด d เปนเทาใด

คําตอบ 1 : 80.17 mm คําตอบ 2 : 81.71 mm คําตอบ 3 : 82.23 mm คําตอบ 4 : 83.13 mm

ขอที่ : 89

เพลากลมเสนผานศูนยกลาง d รับแรง F= 50 kN ที่ระยะ a = 150 mm และแรงบิด T = 100 N-m ถาวัสดุมีคุณสมบัติ σy = 351.62 N/mm2 และใชทฤษฎีความเคนเฉือนออกตะฮีดรัลสูงสุด โดยกําหนดคาความปลอดภัย N=2.5 ขนาด d เปนเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

36 of 150

Page 37: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 81.77 mm คําตอบ 2 : 81.98 mm คําตอบ 3 : 82.19 mm คําตอบ 4 : 82.91 mm

ขอที่ : 90

ในระบบความเคนผสม ระนาบคาความเคนเฉือนสูงสุด จะทํามุมเทาใด กับระนาบของความเคน หลักเสมอ

คําตอบ 1 : 15o คําตอบ 2 : 45o คําตอบ 3 : 90o คําตอบ 4 : 135o

ขอที่ : 91

ในระนาบความเคนผสมที่มีคาความเคนหลักเปน และ คาความเคนตั้งฉากบนระนาบที่มีความเคนเฉือนสูงสุดจะมีคาเทาใด

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 92

ในกรณีของชิ้นงานที่มีความเคนเฉือน τxy กระทําเพียงอยางเดียว คาความเคนหลักที่เกิดขึ้นในระบบความเคนผสมจะมีคาเทาใด

คําตอบ 1 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

37 of 150

Page 38: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 93

ในทฤษฎีความเคนเฉือนสูงสุดหรือ เกณฑของเทรสกา วัสดุจะเริ่มเกิดการเสียหายเมื่อใด (τmax - ความเคนเฉือนสูงสุด, σy - ความตานแรงดึงคราก)

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 94

ชิ้นงานดังแสดงในรูปมีพื้นที่หนาตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีแรงดึง P กระทําเยื้องจากจุดศูนยกลางของพื้นที่หนาตัดเปนระยะเทากับ e ความเคนที่เกิดขึ้นที่พื้นที่หนาตัดจะมีรูปแบบเปน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

38 of 150

Page 39: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

39 of 150

Page 40: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 95

เพลากลมตันมีขนาดเสนผานศูนยกลาง d=20 mm ดังแสดงในรูปทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคาความตานแรงดึงคราก , σy = 210 Mpa รับภาระแรงดึงในแนวแกนเทากับ 10.5

kN และภาระดัดเทากับ 2040 N.m จงหาคาความเคนสูงสุดที่เกิดขึ้นในเพลานี้

คําตอบ 1 : 1,987.357 N/mm2 คําตอบ 2 : 2,629.675 N/mm2 คําตอบ 3 : 2,797.345 N/mm2 คําตอบ 4 : 2,857.643 N/mm2

ขอที่ : 96

กานเหล็กกลมดัดงอเปนรูปตัว L ดังแสดงในรูปทําจากเหล็กที่มีคาคุณสมบัติเฉพาะคือยังสโมดูลัส (Young Modulus) E, โมดูลัสเฉือน (Shear Modulus) G, พื้นที่หนาตัด (Cross Sectional Area) A, โมเมนตความเฉื่อยของพื้นที่หนาตัด (Area Moment of Inertia) I, และโมเมนตความเฉื่อยเชิงขั้วของพื้นที่หนาตัด (Polar Moment of Inertia) J ถามีแรงบิด T กระทําการโกงตัวของปลายดานอิสระมีคาเทากับ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

40 of 150

Page 41: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 97

กานเหล็กหลมดัดงอเปนรูปตัว L ดังแสดงในรูปทําจากเหล็กที่มีคาคุณสมบัติเฉพาะคือยังสโมดูลัส (Young Modulus) E, โมดูลัสเฉือน (Shear Modulus) G, พื้นที่หนาตัด (Cross Sectional Area) A, โมเมนตความเฉื่อยของพื้นที่หนาตัด (Area Moment of Inertia) I, และโมเมนตความเฉื่อยเชิงขั้วของพื้นที่หนาตัด (Polar Moment of Inertia) J ถามีแรง F กระทําการเคลื่อนตัวของปลายดานอิสระมีคาเทากับ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

41 of 150

Page 42: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 98 ชิ้นสวนเครื่องกลที่รับแรงเปลี่ยนแปลงควรมีผิวสําเร็จอยางไรจึงจะใชงานไดอยางเหมาะสมที่สุด

คําตอบ 1 : ผิวตัดกลึง คําตอบ 2 : ผิวรีดเย็น

คําตอบ 3 : ผิวเจียระไน

คําตอบ 4 : ผิวขัดมัน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

42 of 150

Page 43: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 99 ความเคนที่บริเวณรูเจาะบนชิ้นงานจะมีคาสูงกวาบริเวณที่หางออกไปจากรูเจาะเพราะเหตุใด

คําตอบ 1 : บริเวณรูเจาะมีพื้นที่หนาตัดเล็กกวา คําตอบ 2 : บริเวณรูเจาะมีพื้นที่หนาตัดขาดความตอเนื่อง คําตอบ 3 : บริเวณรูเจาะมีความเคนเปลี่ยนแปลง คําตอบ 4 : บริเวณรูเจาะมีความเคนหนาแนน

ขอที่ : 100 ขีดจํากัดความลา (fatigue limit) หมายถึงความเคนที่หาไดจากการรับภาระในลักษณะใด

คําตอบ 1 : ความเคนกระทําซ้ํากันสองทิศทางตอชิ้นทดสอบผิวเจียระไน

คําตอบ 2 : ความเคนกระทําซ้ํากันสองทิศทางตอชิ้นทดสอบผิวขัดมัน

คําตอบ 3 : ความเคนกระทําสลับกันสองทิศทางตอชิ้นทดสอบผิวเจียระไน

คําตอบ 4 : ความเคนกระทําสลับกันสองทิศทางตอชิ้นทดสอบผิวขัดมัน

ขอที่ : 101 ขีดจํากัดความทนทาน (endurance limit) ของเหล็กหลอและเหล็กกลาหลอ สําหรับการคงอยู 50% มีคาประมาณเทาไร

คําตอบ 1 : 40% ของคาความตานแรงดึงสูงสุด

คําตอบ 2 : 45% ของคาความตานแรงดึงสูงสุด

คําตอบ 3 : 50% ของคาความตานแรงดึงสูงสุด

คําตอบ 4 : 60% ของคาความตานแรงดึงสูงสุด

ขอที่ : 102 ความเคนที่ทําใหชิ้นงานที่รับแรงกระทําซ้ําๆ หลายวัฏจักร เกิดการแตกหักจะมีคาเทาไร

คําตอบ 1 : มีคาเทากับความตานแรงคราก

คําตอบ 2 : มีคานอยกวาความตานแรงคราก

คําตอบ 3 : มีคามากกวาความตานแรงคราก

คําตอบ 4 : มีคานอยกวาความตานแรงดึง

ขอที่ : 103 การทดสอบวัสดุเพื่อหาคาขีดจํากัดความทนทาน ตามปรกตินิยมใชวิธีการทดสอบแบบใด

คําตอบ 1 : การดึง คําตอบ 2 : การกด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

43 of 150

Page 44: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : การบิด

คําตอบ 4 : การดัด

ขอที่ : 104 ในทางปฏิบัติ ชิ้นงานที่รับแรงไดมากกวาเทาไรไซเกิล จึงจะถือวาเปนชิ้นงานที่มีอายุใชงานไมจํากัด

คําตอบ 1 : หาแสนครั้ง คําตอบ 2 : หนึ่งลานครั้ง คําตอบ 3 : หนึ่งลานหาแสนครั้ง คําตอบ 4 : สองแสนครั้ง

ขอที่ : 105 ตัวประกอบที่ใชสําหรับแกไขคาขีดจํากัดความทนทาน เมื่อชิ้นงานมีขนาดเสนผานศูนยกลางโตกวา 50 mm มีคาเทาไร

คําตอบ 1 : 0.65 คําตอบ 2 : 0.75 คําตอบ 3 : 0.85 คําตอบ 4 : 0.95

ขอที่ : 106 ขอใดไมใช fatigue-life methods ที่ใชในการออกแบบและวิเคราะหความเสียหายเนื่องจากความลา

คําตอบ 1 : Stress-life method คําตอบ 2 : Strain-life method คําตอบ 3 : Endurance Limit method คําตอบ 4 : Linear-elastic fracture mechanics method

ขอที่ : 107

จากรูป จงคํานวณหาคาความเคนเฉือนที่เกิดขึ้นกับสลัก ซึ่งมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 25 mm. จะมีคาเทากับเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

44 of 150

Page 45: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 5.38 MN/m2 คําตอบ 2 : 6.11 MN/m2 คําตอบ 3 : 7.34 MN/m2 คําตอบ 4 : 8.26 MN/m2

ขอที่ : 108 ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับความลาของโลหะ

คําตอบ 1 : ความเสียหายเนื่องจากความลาจะเริ่มตนที่บริเวณรองลิ่ม

คําตอบ 2 : ผิวหนาสําเร็จที่เรียบจะมีความตานทานความลานอยกวาผิวหนาสําเร็จที่หยาบ

คําตอบ 3 : การทําผิวหนาเหล็กกลาใหแข็งจะทําใหอายุความลาของผิวหนาลดลง คําตอบ 4 : ไมมีขอใดถูก

ขอที่ : 109

ไดอะแกรมตามรูปเปนของเครื่องทดสอบอะไร

คําตอบ 1 : Rotating beam fatigue test คําตอบ 2 : Bearing life test คําตอบ 3 : Cyclic Load test คําตอบ 4 : Balance load test

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

45 of 150

Page 46: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 110

ภาระ (Load) ในชื่อตางๆที่เราคุนเคยเชน Monotonic load, Static load, หรือ Steady load ซึ่งมีวัตถุประสงคอะไรทําไม นักออกแบบเครื่องจักรกลจึงมักคํานึงถึง

คําตอบ 1 : Strength คําตอบ 2 : Failure คําตอบ 3 : Safty factor คําตอบ 4 : Life cycle

ขอที่ : 111

ภาระ (Load) ในชื่อตางๆที่เราคุนเคยเชน Dynamic load, Cyclic load, หรือ Unsteady load ซึ่งมีวัตถุประสงคอะไรทําไม นักออกแบบเครื่องจักรกลจึงมักคํานึงถึง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

46 of 150

Page 47: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Strength คําตอบ 2 : Failure คําตอบ 3 : Safty factor คําตอบ 4 : Life cycle

ขอที่ : 112

จงบอกชื่อกราฟในรูปนี้

คําตอบ 1 : S-N Curve คําตอบ 2 : Stress life cycle คําตอบ 3 : Fatigue life คําตอบ 4 : Finite life

ขอที่ : 113

ระดับความเคนของวัสดุที่ทนไดจนถึง N-cycle นักออกแบบนิยมเรียกชื่อความแข็งแรงนี้วาอะไร

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

47 of 150

Page 48: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Fatigue Strength คําตอบ 2 : Ultimate strength คําตอบ 3 : Endurance strength คําตอบ 4 : Working strength

ขอที่ : 114 การเชื่อมตอวัสดุเขาดวยกัน (Connections) วิศวกรออกแบบมักคํานึงถึงภาระ (Load) อะไรบาง

คําตอบ 1 : Tension, Shear load คําตอบ 2 : Torsion load คําตอบ 3 : Bending load คําตอบ 4 : Compressive load

ขอที่ : 115

ใหเลือกสูตรในการคํานวณ Bearing Stress ของแผนที่ตอกันและยึดดวยตัวยึด (Fastener) ดังรูป

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

48 of 150

Page 49: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 116

แผนเหล็กกลาดังแสดงในรูปมีรูเจาะที่ A และรอยบากที่ B ซึ่งจะเกิดความเคนหนาแนนที่บริเวณดังกลาว โดยจะมีคาตัวประกอบความเคนหนาแนนเนื่องจากแรงดึงที่ A และ B คือ ktA = 2.2 และ ktB= 2.1 ถากําหนดใหแผนเหล็กกลาดังกลาวทํามาจากเหล็กกลาที่มีความตานแรงดึงคราก, σy = 350 MPa และแผนเหล็กกลานี้มีความหนา 30

mm จงหาวาแผนเหล็กกลานี้จะรับแรงสถิต F สูงสุดไดเทากับเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

49 of 150

Page 50: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 126,606.57 N คําตอบ 2 : 238,636.36 N คําตอบ 3 : 333,636.57 N คําตอบ 4 : 538,785.48 N

ขอที่ : 117

แผนเหล็กกลาดังแสดงในรูปมีรูเจาะที่ A, รอยบากที่ B และลดขนาดที่ C ซึ่งจะเกิดความเคนหนาแนนที่บริเวณดังกลาว โดยจะมีคาตัวประกอบความเคนหนาแนนเนื่องจากแรงดึงที่บริเวณทั้ง 3 ที่ดังนี้คือ ktA = 2.2, ktB = 2.1 และ ktC = 1.8 ถาเพิ่มแรงสถิต , F ไปเรื่อย ๆ จงพิจารณาวาแผนเหล็กกลานี้จะขาดที่ไหนกอน

คําตอบ 1 : A คําตอบ 2 : B คําตอบ 3 : C คําตอบ 4 : A, B และ C

ขอที่ : 118

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

50 of 150

Page 51: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : ความเสียหายเนื่องจากความลา (Fatigue Failure) ของชิ้นงานเกิดจากชิ้นงานถูกแรง กระทําซ้ํา (Repeated Load) หรือเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา (Fluctuating Load) ซึ่งทําให ความเคนที่เกิดขึ้นซ้ํา ๆ เปนจํานวนมากครั้งหรือหลายวัฏจักร (Cycle)

คําตอบ 2 : ความเคนหนาแนน (Stress Concentration) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หนาตัดของ ชิ้นงานไมมีผลตอการเสียหายเนื่องจากความลา

คําตอบ 3 : ขีดจํากัดความทนทน (Endurance Limit) หรือขีดจํากัดความลา (Fatigue Limit) หมายถึงคาความเคนสูงสุดที่กระทําซ้ํากันสองทิศทาง (Reversed Stress) ตอชิ้น ทดสอบผิวขัดมัน (Polished) ขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 8 mm ที่จํานวนวัฎจักร นับไมถวนโดยที่ชิ้นทดสอบไมแตกหัก

คําตอบ 4 : การออกแบบชิ้นงานเพื่อปองกันการเสียหายเนื่องจากความลาสามารถดําเนินการได โดยใชเกณฑของโซเดอรเบอรก (Soderberg’s Criterion)

ขอที่ : 119 ในการออกแบบสําหรับการแตกหักเนื่องจากความลา ผิวของชิ้นงานแบบใดจะทําใหชิ้นงานรับการ แตกหักไดดีที่สุด

คําตอบ 1 : ผิวเจียรนัย

คําตอบ 2 : ผิวขัดมัน

คําตอบ 3 : ผิวตัดกลึงหรือรีดเย็น

คําตอบ 4 : ผิวรีดรอน

ขอที่ : 120 ในการออกแบบสําหรับการแตกหักเนื่องจากความลา ตัวประกอบการคํานวณใดที่มีคาเทากับ หรือ มากกวา 1

คําตอบ 1 : ตัวประกอบผิว คําตอบ 2 : ตัวประกอบของขนาด

คําตอบ 3 : ตัวประกอบของแรง คําตอบ 4 : ตัวประกอบความเคนหนาแนน

ขอที่ : 121 ในการทดสอบเพื่อหาคาขีดจํากัดความลาของวัสดุ ชนิดของภาระที่ใชเปนหลักในการทดสอบคือ อะไร

คําตอบ 1 : การดึง คําตอบ 2 : การดัด

คําตอบ 3 : การบิด

คําตอบ 4 : การเฉือน

ขอที่ : 122 ชื่อตอไปนี้ชื่อใดที่ไมเกี่ยวกับเกณฑการออกแบบการแตกหักเนื่องจากความลา

คําตอบ 1 : Saderberg คําตอบ 2 : Goodman

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

51 of 150

Page 52: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : Gerber คําตอบ 4 : Mohr

ขอที่ : 123

ถาชิ้นงานถูกกระทําดวยความเคนแบบไชนซอยคัลท มีความเคนสวนเปลี่ยน 20 MPa และมีความเคนเฉลี่ย 100 MPa ถาวัสดุมีคา σy = 280 MPa และ σx = 200 MPa

โดยการใชเกณฑของโซเดอรเมอรกคาความปลอดภัยจะเปนเทาใด

คําตอบ 1 : 1.70 คําตอบ 2 : 1.90 คําตอบ 3 : 2.0 คําตอบ 4 : 2.2

ขอที่ : 124

ในการออกแบบชิ้นงานโดยเกณฑการแตกหักเนื่องจากความลา ถาชิ้นงานตองการรับความเคน เปลี่ยนแปลงจากคาสูงสุด 120 MPa และต่ําสุด 80 MPa คาความเคนสวนเปลี่ยน และ คาความเคน เฉลี่ย มีคาเทาใด ตามลําดับ

คําตอบ 1 : 10 , 50 MPa คําตอบ 2 : 20 , 100 MPa คําตอบ 3 : 40 , 200 MPa คําตอบ 4 : 200 , 40 MPa

ขอที่ : 125 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : ความเสียหายเนื่องจากความลา (Fatigue Failure) ของชิ้นงานเกิดจากชิ้นงานถูกแรง กระทําซ้ํา (Repeated Load) หรือเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา (Fluctuating Load) ซึ่งทําให ความเคนที่เกิดขึ้นซ้ํา ๆ เปนจํานวนมากครั้งหรือหลายวัฏจักร (Cycle)

คําตอบ 2 : ความเคนหนาแนน (Stress Concentration) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หนาตัดของ ชิ้นงานมีผลตอการเสียหายเนื่องจากความลา ซึ่งมักจะเกิดการเสียหายขึ้นกอนที่บริเวณ นี้

คําตอบ 3 : ขีดจํากัดความทนทน (Endurance Limit) หรือขีดจํากัดความลา (Fatigue Limit) หมายถึงคาความเคนสูงสุดที่กระทําซ้ํากันสองทิศทาง (Reversed Stress) ตอชิ้น ทดสอบผิวขัดมัน (Polished) ขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 8 mm ที่จํานวนวัฎจักร นับไมถวนโดยที่ชิ้นทดสอบไมแตกหัก

คําตอบ 4 : การออกแบบชิ้นงานเพื่อปองกันการเสียหายเนื่องจากความลาสามารถดําเนินการได โดยการออกแบบใหคาของความเคนที่เกิดขึ้นในชิ้นงานมีคานอยกวาคาความตานแรง ดึงครากของชิ้นงาน

ขอที่ : 126

แผนเหล็กกลาเจาะรูดังแสดงในรูปทํามาจากเหล็กกลาซึ่งมีคาความตานแรงดึงคราก , σy = 210 MPa และคาความตานแรงดึงสูงสุด, σy = 380 MPa ถูกกระทําดวยแรงซึ่ง

เปลี่ยนแปลงจาก 0 ถึง 20 kN ถาผิดหนาของแผนเหล็กกลานี้เปนแบบผิวเจียระไน จงหาความหนาของแผนเหล็กกลาโดยกําหนดใหใชคาความปลอดภัย, N=2

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

52 of 150

Page 53: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 11 mm คําตอบ 2 : 14.21 mm คําตอบ 3 : 12.56 mm คําตอบ 4 : 9.56 mm

ขอที่ : 127

แผนเหล็กกลาดังแสดงในรูปมีรูเจาะที่ A และรอยบากที่ B ซึ่งจะเกิดความเคนหนาแนนที่บริเวณดังกลาว โดยจะมีคาประกอบความเคนหนาแนนเนื่องจากแรงดึงที่ A และ B คือ ktA=2.2 และ ktB=2.1 ถากําหนดใหแผนเหล็กกลาดังกลาวทํามาจากเหล็กกลาซึ่งมีคาความตานแรงดึงคราก, σy = 210 MPa และคาความตานแรงดึงสูงสุด, σy =

380 MPa ถูกกระทําดวยแรง F ซึ่งเปลี่ยนแปลงจาก 0 ถึง 20 kN ถาผิวหนาของแผนเหล็กกลานี้เปนแบบผิวเจียระไน จงหาความหนาของแผนเหล็กกลาโดยกําหนดใหใชคาความปลอดภัย, N = 2

คําตอบ 1 : 10.87 mm คําตอบ 2 : 11.21 mm คําตอบ 3 : 11.78 mm คําตอบ 4 : 11.94 mm

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

53 of 150

Page 54: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 128

รอยตอเกยสองแถวยึดดวยหมุดย้ําขนาด 20 mm จํานวน 3 ตัว แผนโลหะหนา 10 mm กวาง 160 mm ถาความเคนอัดที่ใชออกแบบมีคา 120 MPa แรงอัดหมุดย้ํากับโลหะมีคาสูงสุดเทาไร

คําตอบ 1 : 72.0 kN คําตอบ 2 : 92.5 kN คําตอบ 3 : 113.1 kN คําตอบ 4 : 226.2 kN

ขอที่ : 129

รอยตอเกยสองแถวยึดดวยหมุดย้ําขนาด 20 mm จํานวน 3 ตัว แผนโลหะหนา 10 mm กวาง 160 mm ถาความเคนดึงที่ใชออกแบบมีคา 60 MPa แรงดึงที่ทําใหแผนโลหะขาดมีคาเทาไร คําตอบ 1 : 58.3 kN คําตอบ 2 : 72.0 kN คําตอบ 3 : 85.7 kN คําตอบ 4 : 92.5 kN

ขอที่ : 130 รอยตอดวยหมุดย้ําที่ตองการกันความดันรั่วควรออกแบบรอยตออยางไร

คําตอบ 1 : ออกแบบโดยใชรอยตอเกยแทนรอยตอชน

คําตอบ 2 : ออกแบบโดยใชรอยตอชนแทนรอยตอเกย

คําตอบ 3 : ออกแบบโดยใชปะเก็นกันรั่วที่รอยตอ

คําตอบ 4 : ออกแบบโดยใชหมุดย้ําหลายแถว

ขอที่ : 131 การออกแบบรอยตอชิ้นงานดวยหมุดย้ําควรเปนรอยตอลักษณะใด

คําตอบ 1 : รอยตอที่ไมสามารถยึดใหติดกันโดยใชสลักเกลียว คําตอบ 2 : รอยตอที่ไมสามารถยึดใหติดกันโดยใชการเชื่อม

คําตอบ 3 : รอยตอที่สามารถยึดใหติดกันและถอดไดเพื่อการเคลื่อนยาย

คําตอบ 4 : รอยตอที่อาจจะตองถอดไดในบางครั้ง

ขอที่ : 132 ลวดเชื่อมไฟฟา E60XX หมายความวา

คําตอบ 1 : เปนลวดเชื่อมไฟฟามี Tensile strengths อยางนอย 60 ksi โดยตัวเลข 2 ตัวสุดทายแสดง รายละเอียดกระบวนการเชื่อม

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

54 of 150

Page 55: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : เปนลวดเชื่อมไฟฟามี Tensile strengths ไมเกิน 60 ksi โดยตัวเลข 2 ตัวสุดทายแสดง รายละเอียดกระบวนการเชื่อม คําตอบ 3 : เปนลวดเชื่อมไฟฟามี Yield strengths อยางนอย 60 ksi โดยตัวเลข 2 ตัวสุดทายแสดง รายละเอียดกระบวนการเชื่อม คําตอบ 4 : เปนลวดเชื่อมไฟฟามี Yield strengths ไมเกิน 60 ksi โดยตัวเลข 2 ตัวสุดทายแสดง รายละเอียดกระบวนการเชื่อม

ขอที่ : 133

แผนเหล็กมี Yield strengths เทากับ 425 MPa หนา 17 mm. จํานวน 2 แผน ถูกเชื่อมตอเขาดวย กันแบบตอชน (Butt-welded) และมีรอยเชื่อมยาว 90 mm. โดยใชลวดเชื่อม E70 series จงหา แรงดึงสูงสุดที่กระทํากับรอยเชื่อม กําหนดให Safety factor เทากับ 3 , 1 ksi = 6.89 MPa และ คา Yield strengths นอยกวา Tensile strengths 12 ksi สําหรับลวดเชื่อม

คําตอบ 1 : 204 kN คําตอบ 2 : 246 kN คําตอบ 3 : 611 kN คําตอบ 4 : 738 kN

ขอที่ : 134

แผนเหล็กมี Yield strengths เทากับ 52.5 ksi หนา 0.50 in จํานวน 2 แผน ถูกเชื่อมตอเขาดวย กันแบบตอชน (Butt-welded) โดยใชลวดเชื่อม E60 series จงหาแรงดึงที่กระทํากับแผน เหล็กตอนิ้วของความกวางรอยเชื่อม กําหนดให Safety factor เทากับ 3 และคา Yield strengths นอยกวา Tensile strengths 12 ksi สําหรับลวดเชื่อม

คําตอบ 1 : 8,000 lb คําตอบ 2 : 24,000 lb คําตอบ 3 : 8,750 lb คําตอบ 4 : 26,250 lb

ขอที่ : 135

จงหา Weld throat area ที่ดานAB และ CD ของรอยเชื่อมแบบ Convex fillet weld โดย มี Leg length เทากับ 5 mm. ให t = 0.707h

คําตอบ 1 : 177 mm2

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

55 of 150

Page 56: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : 354 mm2 คําตอบ 3 : 625 mm2 คําตอบ 4 : 1250 mm2

ขอที่ : 136

จงหา Leg length ถารอยเชื่อมดาน AD และ BC ยาวดานละ 100 mm. กําหนดให 1 ksi = 6.89 MPa, t = 0.707h, Ssy = 0.58 Sy, และคา Yield strengths นอยกวา Tensile strengths 12 ksi สําหรับลวดเชื่อม

คําตอบ 1 : 9 mm คําตอบ 2 : 16 mm คําตอบ 3 : 32 mm คําตอบ 4 : 56 mm

ขอที่ : 137

จงคํานวณหาขนาดเสนผานศูนยกลางของหมุดย้ํา ถา F = 26,700

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

56 of 150

Page 57: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 8 mm คําตอบ 2 : 10 mm คําตอบ 3 : 11 mm คําตอบ 4 : 14 mm

ขอที่ : 138

งานตอยึดดวย Rivet ดังรูปเปนแบบตอเกย (Lap connection) วิศวกรทําการวิเคราะหความแข็งแรงดวยแรงชนิดใด

คําตอบ 1 : Shear load คําตอบ 2 : Tension load คําตอบ 3 : Bending load คําตอบ 4 : Compression load

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

57 of 150

Page 58: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 139

เนื่องจากระยะ Offset มีระยะเพียงเล็กนอยทําใหคาโมเมนตดัดมีไมมากในการออกแบบมักนิยมใชอะไรมา พิจารณาอยางเหมาะสม

คําตอบ 1 : Factor of Safety คําตอบ 2 : K factor คําตอบ 3 : Tension load factor คําตอบ 4 : Load factor

ขอที่ : 140

ในการพิจารณาคาเฉลี่ยความเคนเฉือนจากรูปนี้ จงเลือกสมการที่เหมาะสม

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

58 of 150

Page 59: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 141

สําหรับมาตรฐานในการปฏิบัติมักสมมุติให Rivet ทั้งหมดรวมกันรับภาระที่มากระทํา จงเลือกสมการที่เหมาะสม

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

59 of 150

Page 60: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 142 เมื่อวิศวกรยอมปลอยใหแรงบางอยางเกิดขึ้นกับตัวยึดเชน Screw, Rivet มากเกินไปอาจทําใหแรง Preload ลดลง กอนเวลา แรงนั้นคืออะไร

คําตอบ 1 : Vibration คําตอบ 2 : Impact คําตอบ 3 : Tensile คําตอบ 4 : Shear

ขอที่ : 143

แนวฉีก (Shear tear out) ที่เกิดขึ้นดังในรูปนี้ ทานเปนวิศวกรนักออกแบบสามารถควบคุมไมใหเกิดไดโดยกําหนดระยะหางจากขอบที่เหมาะสม(a) โดยใหทานเลือกกําหนดความสัมพันธกับความโตของ Rivet

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

60 of 150

Page 61: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 5t คําตอบ 2 : 5d คําตอบ 3 : >=d คําตอบ 4 : d

ขอที่ : 144

การเชื่อม (Welding) เปนกรรมวิธีที่เกิดจาการประยุกตการหลอมละลายวัสดุมาใชกับการเชื่อมตอวัสดุเขาดวยกันโดยใชความรอนบริเวณที่จะตอเขาดวยกันจนถึงจุดหลอมละลายโดยอาจจะเติมวัสดุชนิดเดียวกันลงไปในน้ําโลหะวัสดุหลัก(Parent material) ซึ่งการเชื่อมตองการการควบคุมสิ่งใดจึงจะทําใหการเชื่อมตอสมบูรณคําตอบ 1 : อัตราการเติมน้ําโลหะ คําตอบ 2 : การควบคุมอุณหภูม ิคําตอบ 3 : การควบคุม Amp คําตอบ 4 : การควบคุม Volt

ขอที่ : 145

งานเชื่อมแบบ Arc Welding เปนที่นิยมใชในอุตสาหกรรมเชื่อมโลหะทั่วๆไปมีหลักการคือปลอยใหกระแสไฟฟาไหลผานชองอากาศ (Air gab) โดยตลอด ซึ่งเปนชวงที่มีความตานทานสูงจึงทําใหเกิดการอารคแบบเขมขน อุณหภูมิบริเวณอารคจะประมาณเทาใด

คําตอบ 1 : 1200 ~ 1600 คําตอบ 2 : 1600 ~ 2500 คําตอบ 3 : 3000 ~ 5500 คําตอบ 4 : 5500 ~ 6500

ขอที่ : 146

งานเชื่อมแบบ MIG (Metal Inert Gas) เปนที่นิยมใชกับงานผลิตเปนจํานวนมากเชนงานอุตสาหกรรม เพราะหัวเชื่อมสามารถปลอยลวดเชื่อมเพื่อเติมน้ําโลหะไดอยางตอเนื่องแตการเชื่อม MIG ตองใชแกสเฉื่อยไดแก ARGON และ CO2 ผสมกันดวยสัดสวนเทาใดมาใชคลุมบริเวณหลอมละลายแนวเชื่อม

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

61 of 150

Page 62: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 25% Argon : 75% CO2

คําตอบ 2 : 50% Argon : 50% CO2 คําตอบ 3 : 75% Argon : 25% CO2

คําตอบ 4 : 80% Argon : 20% CO2

ขอที่ : 147

การเชื่อแบบ TIG (Tungsten Inert Gas) นิยมใชกับงานที่มีลักษณะบางเบา และเชื่อมตอวัสดุไมเหมือนกันเปนกรรมวิธีที่ใหความแข็งแรงสะอาดใหความแนนอนและควบคุมไดดีขอใดไมใชกาซเฉื่อยที่ใชในการเชื่อมแบบ TIG เพื่อคลุมแนวเชื่อม

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

62 of 150

Page 63: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : CO2 คําตอบ 2 : Argon คําตอบ 3 : Helium คําตอบ 4 : Hydrogen

ขอที่ : 148 Soldering และ Brazing เปนกรรมวิธรยึดตอโลหะ 2 ชนิดเขาดวยกัน ไมนิยมเรียกกรรมวิธีเชื่อม (Welding process) เพราะเหตุใด

คําตอบ 1 : ไมทําใหวัสดุหลัก ( Parent material ) หลอมละลาย คําตอบ 2 : ใหความแขงแรงแนวเชื่อมสูงมาก คําตอบ 3 : ใชความรอนสูงมาก คําตอบ 4 : ใชวัสดุที่แข็งมาเติมแนวเชื่อม

ขอที่ : 149

มาตรฐานที่ใชในการกําหนดเพื่อออกแบบเชน AWS ดังรูปวิศกรตองการออกแบบงานเชื่อมควรเลือกพิจารณาจุดใดเปนหลัก

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

63 of 150

Page 64: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Yield strength ควรมีคานอยกวา 70 ksi จะใหความแข็งแรงดี คําตอบ 2 : Electrode ไมจําเปนตองคุมความชื้น คําตอบ 3 : ใชทาเชื่อมใดๆก็ไดในการเชื่อม คําตอบ 4 : ใชกรรมวิธีเชื่อมใดๆ ก็ได

ขอที่ : 150

ความเคนตกคาง (Residual stress)ในเนื้องานเชื่อม สามารถเกิดไดจากหลายสาเหตุเชนระหวางกําลังเชื่อมใหความรอนและความเย็นไมสม่ําเสมอ การเชื่อมไมตอเนื่อง เนื้อวัสดุมีสวนผสมของ carbon ไมแนนอน เปนตน ความเคนตกคางนี้ทําใหอายุงานทนความลาตัวไดสั้นลงและมีสวนทําใหชิ้นสวนเสียหายไดงาย วิศวกรสามารถเอาความเคนตกคางออกจากแนวเชื่อมไดอยางไร คําตอบ 1 : Annealing คําตอบ 2 : Aging คําตอบ 3 : Tempering คําตอบ 4 : Heat treatment

ขอที่ : 151

ใชเกณฑอะไรมาใชในการออกแบบงานเชื่อม

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

64 of 150

Page 65: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ความเคนออกแบบควรเทากับหรือมากกวาความเคนใชงาน

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 : ความเคนที่เกิดขึ้นในแนวเชื่อมไมสัมพันธกับคา Factor of safety คําตอบ 4 : งานเชื่อมแบบ Butt weld ควรใชคา Factor of safety มากกวาแนวเชื่อมแบบอื่น

ขอที่ : 152

แรงเฉือนในแนวเชื่อมแบบตอเกย (Fillet) วิศวกรพิจารณาคาพื้นที่ (A) ดังในรูปมาใชคํานวณความเคนเฉือนไดอยางไร

คําตอบ 1 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

65 of 150

Page 66: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 153

วิศกรทํางานการออกแบบงานเชื่อมตองการพิจารณาชิ้นงานในรูปทนตอแรงดึง (Shear load) ไดเทาไร

คําตอบ 1 : Design Stress ใหพิจารราเทากับ Working Stress

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

66 of 150

Page 67: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 154

แรงดัด (Bending) ที่เกิดขึ้นจากการตอวัสดุแบบเกย (Lap connection) ทําใหเกิดโมเมนตดัด (Bending Moment) ตามแนวที่ตอเกยจะมีคาประมาณเทาใด

คําตอบ 1 : M = F.t/2 คําตอบ 2 : M = F.r คําตอบ 3 : M = t.r คําตอบ 4 : M = F.t

ขอที่ : 155

จากสมการนี้ ในสวนของ Rivet จะขาดจากกันดวยแรงเฉือนตามแนว Shear plan จงบอกความสัมพันธสมการนี ้

คําตอบ 1 : พื้นที่หนาตัดของ Rivet นําไปในการคํานวณ Shear stress คําตอบ 2 : เมื่อพิจารณา Contact area ดังนั้นจึงควรนําพื้นที่หนาตัดเฉลี่ยมาใชคํานวณหา Average shear stress คําตอบ 3 : แนว Shear plan เปนแนวที่แรง F กระทําผานควรคํานึงถึงระยะ Offset ประกอบการคํานวณ คําตอบ 4 : เนื่องจากไมสามารถใชคาที่แนนอนของพื้นที่หนาตัดของ Rivet และแรงเฉือนไดแทจริงจึงใชคาเฉลี่ยความเคนเฉือน Average shear stress

ขอที่ : 156

แรงสิตย F มีขนาดเทากับ 24 kN กระทํากับแบรกเก็ต (Bracket) ที่ตอยึดติดกับเสาเหล็กดวยหมุดย้ําจํานวน 3 ตัว ดังแสดงในรูปกําหนดใหหมุดย้ําทําจากเหล็กกลาซึ่งมี

คา และใหใชคาความปลอดภัย N = 3 ถาหากแรงสถิต F เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จงหาวาหมุดย้ําตัวไหนจะขาดกอน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

67 of 150

Page 68: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : A คําตอบ 2 : B คําตอบ 3 : C คําตอบ 4 : A และ B

ขอที่ : 157

เหล็กกลาแผนรูปสี่เหลี่ยมผืนผาตอยึดติดกับเหล็กกลารูปตัว C ดวยหมุดย้ําขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 21 mm. จํานวน 4 ตัว ดังแสดงในรูป โดยมีระยะ AB = CD = 120 mm และมี ระยะ BC = DA = 150 mm รับแรงสถิต F = 16 kN หมุดย้ําซึ่งทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคาความดานแรงดึงคราก σy 3172 N/mm2 และใชคาความ

ปลอดภัย , N = 3 ถาหากแรงสถิต F เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จงหาวาหมุดย้ําตัวไหนจะขาดกอน

คําตอบ 1 :

A และ B

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

68 of 150

Page 69: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

B และ C

คําตอบ 3 : C และ D คําตอบ 4 : A และ D

ขอที่ : 158

การยึดชิ้นงานดสวยการตอเกยดวยหมุดย้ําแบบหนึ่งแถวดังแสดงในรูป ใชหมุดย้ําขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 20 mm จํานวน 3 ตัว แผนชิ้นงาน, t = 25 mm มีความกวาง w = 130 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบเปนดังนี้ ความเคนดึง (Tensile Stress) σtd = 140 N/mm2 ความเคนกดและความเคนอัด (Compressive and

Bearing Syresses) σcd = 110 N/mm2 และ ความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 60 N/mm2 จงหาแรงเฉือนรวมที่ทําใหหมุดย้ําทุกตัวขาด

คําตอบ 1 : 40 kN คําตอบ 2 : 42 kN คําตอบ 3 : 45 kN คําตอบ 4 : 56.5 kN

ขอที่ : 159

การยึดชิ้นงานดวยการตอเกยดวยหมุดย้ําแบบหนึ่งแถวดังแสดงในรูป ใชหมุดย้ําขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 20 mm จํานวน 3 ตัว แผนชิ้นงานหนา, t=25 mm มีความกวาง w = 130 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบเปนดังนี้ ความเคนดึง (Tensile Stress) σtd = 140 N/mm2 ความเคนกดและความเคนอัด (Compressive and

Bearing Stresses) σcd = 110 N/mm2 และ ความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 60 N/mm2 จงหาแรงอัดรวม (Bearing Force) ระหวางหมุดย้ําอัดกับแผนชิ้นงานทุก

ตัว

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

69 of 150

Page 70: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 140 kN คําตอบ 2 : 145 kN คําตอบ 3 : 165 kN คําตอบ 4 : 200 kN

ขอที่ : 160

รอยตอเกยประกอบดวยหมุดย้ําขนาด 25 mm 3 ตัว แผนโลหะหนา t=12.5 mm กวาง b=175 mm คาความเคนออกแบบ คือ ความเคนดึง σtd = 70 N/mm2 , ความเคน

กด σcd = 140 N/mm2, ความเคนเฉือน τd = 60 N/mm2 ถาแรงต่ําที่สุดที่ทําใหสียหายคือ 88,357 N ประสิทธิภาพของรอยตอเปนเทาใด

คําตอบ 1 : 48.15% คําตอบ 2 : 57.70% คําตอบ 3 : 60.08% คําตอบ 4 : 70.28%

ขอที่ : 161

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

70 of 150

Page 71: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

รอยตอเกยประกอบดวยหมุดย้ําขนาด 25 mm 3 ตัว แผนโลหะหนา t = 12.5 mm กวาง b = 175 mm คาความเคนออกแบบ คือ ความเคนดึง σtd = 70 N/mm2 , ความ

เคนกด σcd = 140 N/mm2 , ความเคนเฉือน τd = 60 N/mm2 แรงอัดหมุดย้ําแถวนอก 2 ตัว และแรงเฉือนหมุดย้ําแถวใน 1 ตัวเปนเทาใด

คําตอบ 1 : 126,512 N คําตอบ 2 : 116,952 N คําตอบ 3 : 133,878 N คําตอบ 4 : 141,752 N

ขอที่ : 162

รอยตอเกยประกอบดวยหมุดย้ําขนาด 25 mm 3 ตัว แผนโลหะหนา t = 12.5 mm กวาง b = 175 mm คาความเคนออกแบบ คือ ความเคนดึง σtd = 70 N/mm2 , ความ

เคนกด σcd = 140 N/mm2 , ความเคนเฉือน τd = 60 N/mm2 แรงเฉือนหมุดย้ําขาดทุกตัวเทากับเทาใด

คําตอบ 1 : 77,358 N

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

71 of 150

Page 72: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : 88,357 N คําตอบ 3 : 89,513 N คําตอบ 4 : 98,315 N

ขอที่ : 163

รอยตอเกยประกอบดวยหมุดย้ําขนาด 25 mm 3 ตัว แผนโลหะหนา t = 12.5 mm กวาง b = 175 mm คาความเคนออกแบบ คือ ความเคนดึง σtd = 70 N/mm2 , ความ

เคนกด σcd = 140 N/mm2 , ความเคนเฉือน τd = 60 N/mm2 แรงเฉือนหมุดย้ําแถวนอก 2 ตัว และ แรงอัดหมุดย้ําแถวใน 1 ตัว เปนเทาใด

คําตอบ 1 : 102,654 N คําตอบ 2 : 120,546 N คําตอบ 3 : 103,748 N คําตอบ 4 : 130,487 N

ขอที่ : 164

รอยตอเกยประกอบดวยหมุดย้ําขนาด 25 mm 3 ตัว แผนโลหะหนา t = 12.5 mm กวาง b = 175 mm คาความเคนออกแบบ คือ ความเคนดึง σtd = 70 N/mm2 , ความ

เคนกด σcd = 140 N/mm2 , ความเคนเฉือน τd = 60 N/mm2 แรงดึงแผนโลหะแผนลางขาดตรงหมุดย้ําแถวนอกเปนเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

72 of 150

Page 73: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 190,575 N คําตอบ 2 : 109,375 N คําตอบ 3 : 180,175 N คําตอบ 4 : 170,735 N

ขอที่ : 165

รอยตอเกยประกอบดวยหมุดย้ําขนาด 25 mm 3 ตัว โลหะหนา t = 12.5 mm กวาง b = 175 mm คาความเคนออกแบบ คือ ความเคนดึง σtd = 70 N/mm2 ,ความเคนกด

σcd = 140 N/mm2 ความเคนเฉือน τd = 60 N/mm2 แรงอัดหมุดย้ํากับแผนโลหะที่ทําใหเสียหายเทากับเทาใด

คําตอบ 1 : 131,250 N คําตอบ 2 : 121,350 N

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

73 of 150

Page 74: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : 111,250 N คําตอบ 4 : 131,520 N

ขอที่ : 166

รอยเชื่อมใชลวดไฟฟาที่มีความตานแรงดึงคราก 396 N/mm2 ตองการใชรอยเชื่อม ขนาด 9 mm ใหรับแรง 40 kN โดยใชคาความปลอดภัย N = 2 ความยาวของรอยเชื่อมเปนเทาใด

คําตอบ 1 : 26.9 mm คําตอบ 2 : 27.7 mm คําตอบ 3 : 28.4 mm คําตอบ 4 : 29.5 mm

ขอที่ : 167

รอยเชื่อมใชลวดไฟฟาที่มีความตานแรงดึงคราก 396 N/mm2 ตองการใชรอยเชื่อม ขนาด 9 mm ใหรับแรง 40 kN โดยใชคาความปลอดภัย N = 2 ความยาวของรอยเชื่อมเปนเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

74 of 150

Page 75: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 23.5 mm

คําตอบ 2 : 24.1 mm

คําตอบ 3 : 24.9 mm

คําตอบ 4 : 25.3 mm

ขอที่ : 168

รอยเชื่อมใชลวดไฟฟาที่มีความดานแรงดึงคราก 396 N/mm2 ตองการใชรอยเชื่อมขนาด 9 mm ใหรับแรง 40 kN โดยใชคาความปลอดภัย N = 2 ความยาวของรอยเชื่อมเปนเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

75 of 150

Page 76: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 28.4 mm คําตอบ 2 : 29.1 mm คําตอบ 3 : 26.7 mm คําตอบ 4 : 25.2 mm

ขอที่ : 169

การยึดชิ้นงานดวยการตอเกยดวยหมุดย้ําแบบหนึ่งแถวดังแสดงในรูปใชหมุดย้ําขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 20 mm จํานวน 2 ตัว แผนชิ้นงานหนา, t = 25 mm มีความกวาง w = 130 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบเปนดังนี้ ความเคนดึง (Tensile Stress) σtd = 140 N/mm2 ความเคนกด และความเคนอัด (Compressive and

Bearing Stress) σcd = 110 N/mm2 และ ความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 60 N/mm2 จงหาแรงเฉือนรวมที่ทําใหหมุดย้ําทุกตัวขาด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

76 of 150

Page 77: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 30.25 kN คําตอบ 2 : 33.47 kN คําตอบ 3 : 37.70 kN คําตอบ 4 : 56.5 kN

ขอที่ : 170

การยึดชิ้นงานดวยการตอเกยดวยหมุดย้ําแบบหนึ่งแถวดังแสดงในรูปใชหมุดย้ําขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 20 mm จํานวน 2 ตัว แผนชิ้นงานหนา, t = 25 mm มีความกวาง w = 130 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบเปนดังนี้ ความเคนดึง (Tensile Stress) σtd = 140 N/mm2 ความเคนกด และความเคนอัด (Compressive and

Bearing Stress) σcd = 110 N/mm2 และ ความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 60 N/mm2 จงหาแรงอัดรวม (Bearing Force) ระหวางหมุดย้ําอัดกับแผนชิ้นงานทุกตัว

คําตอบ 1 : 102 kN

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

77 of 150

Page 78: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : 110 kN

คําตอบ 3 : 165 kN คําตอบ 4 : 200 kN

ขอที่ : 171

แรงสถิต F มีขนาดเทากับ 24 kN กระทํากับแบรกเก็ต (Bracket) ที่ตอยึดกับเสาเหล็กดวยหมุดย้ําจํานวน 4 ตัวดังแสดงในรูป กําหนดใหหมุดย้ําทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคา σy = 317.2 N/mm2 และใหใชคาความปลอดภัย , N = 3 ถาหากแรงสถิต F เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จงหาวาหมุดย้ําตัวไหนจะขาดกอน

คําตอบ 1 : A และ C

คําตอบ 2 : A และ B

คําตอบ 3 :

A และ D

คําตอบ 4 : B และ D

ขอที่ : 172

เหล็กกลาแผนยึดติดกันดวยหมุดย้ําขนาดเทากัน 3 ตัว ดังแสดงในรูปหมุดย้ําแตละตัวมีขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 19 mm และหมุดย้ําทํามาจากเหล็กกลาซึ่งมีคา σy

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

78 of 150

Page 79: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

= 317.2 N/mm2 ถากําหนดใหใชคาความปลอดภัย , N = 3 ถาหากแรงสถิตย F เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จงหาวาหมุดย้ําตัวไหนจะขาดกอน

คําตอบ 1 : A คําตอบ 2 : B คําตอบ 3 : C คําตอบ 4 : B และ C

ขอที่ : 173

โจทย การกําหนดตําแหนงการยึดดวยสลักเกลียวมีความสําคัญมากในการออกแบบ ในขณะที่ชิ้นงานซึ่งยึดดวยสลักเกลียวรับภาระ ควรออกแบบใหสลักเกลียวรับแรงชนิดใด

คําตอบ 1 : แรงดัดและแรงเฉือน

คําตอบ 2 : แรงเฉือนและแรงบิด

คําตอบ 3 : แรงดึงและแรงเฉือน

คําตอบ 4 : แรงเฉือนและแรงกด

ขอที่ : 174 ทานมีหลักการอยางไรในการเลือกใชวิธีการยึดโดยใช สลักเกลียวสตัด (stud bolts)

คําตอบ 1 : ใชกับรอยตอที่รับแรงเปลี่ยนแปลง คําตอบ 2 : ใชกับรอยตอที่ตองการใหถอดได

คําตอบ 3 : ใชเมื่อไมสามารถสอดสลักเกลียว (bolt) ผานชิ้นงาน

คําตอบ 4 : ใชเมื่อไมสามารถยึดโดยใชสลักเกลียวและแปนเกลียว

ขอที่ : 175 ทานมีหลักการอยางไรในการเลือกใชวิธีการยึดโดยใช สลักเกลียวและแปนเกลียว (bolts and nuts)

คําตอบ 1 : บริเวณที่หมุนหัวของสลักเกลียวและแปนเกลียวไดสะดวก

คําตอบ 2 : บริเวณรอยตอดวยหนาแปลน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

79 of 150

Page 80: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : บริเวณรอยตอที่ตองการใหถอดได คําตอบ 4 : บริเวณที่ไมสามารถใชการยึดดวยวิธีอื่น

ขอที่ : 176 ทานมีหลักการอยางไรในการเลือกใชวิธีการยึดโดยใช หมุดเกลียว (cap screws)

คําตอบ 1 : ใชกับรอยตอที่ขันแปนเกลียว (nut) ไมได คําตอบ 2 : ใชกับรอยตอที่ไมมีการถอดบอยนัก

คําตอบ 3 : ใชกับรอยตอที่ตองใชเกลียวยาวมาก

คําตอบ 4 : ใชกับรอยตอที่มีการถอดบอย

ขอที่ : 177 M12 x 1.75 หมายความวา

คําตอบ 1 : เปนเกลียวเมตริกมีเสนผานศูนยกลางหลัก (Major diameter) เทากับ 12 mm. และพิตซ (Pitch) เทากับ 1.75 mm คําตอบ 2 : เปนเกลียวเมตริกมีเสนผานศูนยกลางรอง (Minor diameter) เทากับ 12 mm. และพิตซ (Pitch) เทากับ 1.75 mm. คําตอบ 3 : เปนเกลียวเมตริกมีเสนผานศูนยกลางเฉลี่ย (Mean diameter) เทากับ 12 mm. และพิตซ (Pitch) เทากับ 1.75 mm. คําตอบ 4 : เปนเกลียวเมตริกมี lead เทากับ 12 mm. และพิตซ (Pitch) เทากับ 1.75 mm.

ขอที่ : 178 เกลียวแบบไหนที่นําไปใชในการสงถายกําลัง

คําตอบ 1 : เกลียวเมตริก

คําตอบ 2 : เกลียวอเมริกัน

คําตอบ 3 : เกลียวแอคเม

คําตอบ 4 : เกลียว UNR

ขอที่ : 179 ชิ้นสวนเครื่องกลชนิดไหนที่ใชในเครื่องจักรกลเพื่อเปลี่ยนการเคลื่อนที่เชิงมุมเปนการ เคลื่อนที่เชิงเสน หรือเพื่อสงถายกําลัง

คําตอบ 1 : สกร ูคําตอบ 2 : สกรูสงกําลัง คําตอบ 3 : เพลา คําตอบ 4 : เฟองบรรทัดและเฟองสะพาน

ขอที่ : 180

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

80 of 150

Page 81: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ประสิทธิภาพของสกรูสงกําลังขึ้นอยูกับ

คําตอบ 1 : สัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหวางนัตกับเกลียวและมุมฮีลิกซ (Helix angle) คําตอบ 2 : สัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหวางนัตกับเกลียวและมุมความเสียดทาน (Friction angle) คําตอบ 3 : สัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหวาง Thrust collar กับ Support และมุมฮีลิกซ (Helix angle) คําตอบ 4 : สัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหวาง Thrust collar กับ Support และมุมความเสียดทาน (Friction angle)

ขอที่ : 181 การยึดชิ้นงานใหติดกันดวยเกลียว มีแรงสองชนิดที่รอยตอซึ่งทําใหมีผลตรงกันขาม แรงเหลานั้นคือแรงอะไร

คําตอบ 1 : แรงดึงขั้นตนและแรงยึดรอยตอ

คําตอบ 2 : แรงที่ทําใหรอยตอหลวมและแรงเสียดทาน

คําตอบ 3 : แรงดึงขั้นตนและแรงที่ทําใหเกลียวคลายตัว คําตอบ 4 : แรงตานทานการคลายตัวและแรงเสียดทาน

ขอที่ : 182 อุปกรณล็อกไมใหแปนเกลียวคลายตัวใชหลักการอะไร

คําตอบ 1 : การดึงที่เกลียว คําตอบ 2 : การกดที่เกลียว คําตอบ 3 : การกันหมุนที่เกลียว คําตอบ 4 : ความเสียดทานที่เกลียว

ขอที่ : 183 เกลียวสกรูมาตรฐานระบบอเมริกันระบุ 12-28 UNF ตัวเลข 28 หมายถึง

คําตอบ 1 : ขนาดของเกลียว คําตอบ 2 : จํานวนเกลียวตอนิ้ว คําตอบ 3 : เกลียวหยาบ

คําตอบ 4 : เกลียวละเอียด

ขอที่ : 184 ขอใดเปนการกําหนดเกลียวสกรูระบบเมตริกถูกตอง

คําตอบ 1 : M 1.5 - 10 คําตอบ 2 : M 10 - 1.5 คําตอบ 3 : M 1.5 x 10

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

81 of 150

Page 82: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : M 10 x 1.5

ขอที่ : 185 ชิ้นสวนที่ยึดติดกันดวยสกรู การใหคา Preload จะมีประโยชนอยางไรกับชิ้นสวนที่เรายึดเขาดวยกัน

คําตอบ 1 : ชวยทําใหเพิ่มแรงตานทานการยึด (Friction force) คําตอบ 2 : ชวยทําใหเพิ่มความแข็งแรงตัวยึด

คําตอบ 3 : ชวยทําใหยืดอายุการใชงานสกร ูคําตอบ 4 : ชวยเพิ่มคาปลอดภัยใหกับตัวยึด

ขอที่ : 186

Friction force ที่เกิดจากการ Preload มีประโยชนในการยืดอายุตัวยึดของงานตอกัน (Connction) แตวิศวกรนัก ออกแบบเครื่องจักรกลไมกําหนด Preload ไวในการออกแบบมักใชในทางปฏิบัติ และเขาใชอะไรชวยออกแบบ

คําตอบ 1 : ใชคํานวณแรงเฉือน (Shear force) ชวยในการออกแบบ

คําตอบ 2 : ใชคํานวณแรงดึง (Tensile force) ชวยในการออกแบบ

คําตอบ 3 : ใชคํานวณแรงดัด (Bending force) ชวยในการออกแบบ

คําตอบ 4 : ใชคํานวณแรงบิด (Torsion force) ชวยในการออกแบบ

ขอที่ : 187

ภาระ (Load, P) ดังรูปซึ่งวางอยูในแนว Shear plan ในสภาวะทํางานจะเกิดภาระชนิดหนึ่งขึ้นเรามักเรียก ภาระแบบนี้วาอะไร

คําตอบ 1 : Compress load คําตอบ 2 : Eccentric load

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

82 of 150

Page 83: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : Steady load คําตอบ 4 : Bending load

ขอที่ : 188

มอเตอรมีน้ําหนัก (P) กระทําลงบนคานรองรับดังรูป โดยที่คานมีตีวยึด (Fasteners) ชวยยึดไวใหทรงตัวอยูได อยางสมดุล ตองการทราบวาภาระ (Load) ชนิดใดที่ ชวยตานใหสมดุล

คําตอบ 1 : Eccentric loads คําตอบ 2 : Equivalent loads คําตอบ 3 : Reverse loads คําตอบ 4 : Reaction loads

ขอที่ : 189

แรงตานสมดุลที่อยูในตัวยึด (Fastener) แตละตัว จะสมมติใหอยูในรูปสัดสวนกลับ (Inverse proportional) ของระยะระหวาง c.g (Center of gravity)ของกลุมตัวยึด ตองการทราบแรง มีขนาดเทาใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

83 of 150

Page 84: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 190

วิศวกรออกแบบมักกําหนดขนาด(Diameter) ตัวยึด(Fastener) ใหมีขนาดเทาๆ กัน ดังนั้นในการคํานวณความแข็งแรงจึง พิจารณาเลือกผลลัพธชนิดใดมาใช

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

84 of 150

Page 85: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Minimum resultant คําตอบ 2 : Maximum resultant คําตอบ 3 : Average resultant คําตอบ 4 : Oposite resultant

ขอที่ : 191

รูปบิดเบี้ยวที่เกิดกับงานยึดติดกันดวยสกรูดังรูป เกิดอาการเปลี่ยนรูปโคงงอจากแรงโคงงอ (Prying force) จาก F.B.D.นี้จงหา fa

คําตอบ 1 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

85 of 150

Page 86: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 192

จากสูตรคํานวณความความเคนเสียหาย (Tensile failure) ของแผนที่ยึดตอดวยตัวยึด (Fasteners) ใชสมการดังใน รูปได แตในการออกแบบจะตองใชคา Stress concentration factor ดวยเนื่องจากอาจเกิดความลาตัว (Fatigue) ในขณะใชงานซึ่งทําใหปรากฏการยืดฉีกบริเวณแนว รอบๆ รูเจาะได ดังนั้นสูตรคํานวณในการออกแบบ ที่เหมาะสมคือ

คําตอบ 1 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

86 of 150

Page 87: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 193

ฝาปดภาชนะความดันมีพื้นที่รับความดันเทากับ 210 x 103 mm2 ใชสลักเกลียวขนาด M20 จํานวน 10 ตัว ยึดฝาภาชนะความดัน ความแข็งตึงของชิ้นงานเปน 4 เทาของสลักเกลียว (k4 = 4kb) ความดันภายในถังเทากับ 1.5 MPa จงหาวาแรงบิดที่ตองใชขันสลักเกลียว จะมีคานอยที่สุดเทาใดจึงจะทําใหภาชนะความดันสามารถรับความดัน

ไดตามกําหนดพอดี

คําตอบ 1 : 95.2 Nm. คําตอบ 2 : 98.7 Nm. คําตอบ 3 : 99.8 Nm. คําตอบ 4 : 100.8 Nm.

ขอที่ : 194

การตอยึดชิ้นงานดวยสลักเกลียวขนาด M24 (จากตารางเกลียวมาตรฐานจะมีพื้นที่รับ ความเคน As = 353 mm2) ดังแสดงในรูปมีแรงดึงชั้นตนของสลักเกลียว Ft =

68,000 N มีคาความแข็งตึงของสลักเกลียว kb = 1,461 x 103 N/mm และมีคาความแข็งตึงของชิ้นงาน kc = 3,450.63 x 103 N/mm ถารอยตอของชิ้นงานนี้รับแรงภาย

นอก ke = 22,240 N จงคํานวณหาความเคนรวมในสลักเกลียว

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

87 of 150

Page 88: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 189.27 N/mm2 คําตอบ 2 : 211.38 N/mm2 คําตอบ 3 : 243.58 N/mm2 คําตอบ 4 : 320.51 N/mm2

ขอที่ : 195

ใชประแจทอรกขันสลักเกลียวขนาด M10 (จากตารางเกลียวมาตรฐานจะมีพื้นที่รับความเคน As= 58.0 mm2) ดวยแรงบิดเทากับ 20 Nm ถากําหนดใหสลักเกลียวที่ใชเปน

แบบไมมีการหลอลื่น (สัมประสิทธิ์ของทอรกสําหรับสลักเกลียวที่ไมมีการหลอลื่น, C = 0.2 ) จะเกิดความเคนดึงในเกลียวเทาใด

คําตอบ 1 : 100.4 N/mm2 คําตอบ 2 : 155.4 N/mm2 คําตอบ 3 : 172.4 N/mm2 คําตอบ 4 : 182.4 N/mm2

ขอที่ : 196

การตอยึดชิ้นงานดวยสลักเกลียวขนาด M24 (จากตารางเกลียวมาตรฐานจะมีพื้นที่รับความเคน As = 353 mm2) ดังแสดงในรูปชิ้นงานทําดวยอะลูมิเนียมซึ่งมีคา Ec = 71

(10)3 MPa และสลักเกลียวทําจากเหล็กกลาซึ่งมีคา Eb = 207(10)3 MPa สลักเกลียวนี้ไมมีการหลอลื่น (สัมประสิทธิ์ของทอรกสําหรับสลักเกลียวที่ไมมีการหลอลื่น, C =

0.2) ถาใชทอรกขันแปนเกลียวดวยขนาด 340 Nm จงหา

a) แรงดึงชั้นตนของสลักเกลียว

b) สวนยึดของสลักเกลียว

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

88 of 150

Page 89: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 57,000 N และ 0.0465 mm คําตอบ 2 : 79,000 N และ 0.0465 mm คําตอบ 3 : 68,000 N และ 0.0335 mm คําตอบ 4 : 68,000 N และ 0.0465 mm

ขอที่ : 197 คุณสมบัติตอไปนี้ไมใชคุณสมบัติของการยึดดวยสลักเกลียว

คําตอบ 1 : ราคาถูก

คําตอบ 2 : มีมาตรฐาน

คําตอบ 3 : มีความหนาแนนต่ํา คําตอบ 4 : ถอดประกอบได

ขอที่ : 198 ชนิดของเกลียวชนิดใดที่ไมนิยมใชทําสกรูสงกําลัง

คําตอบ 1 : เกลียวสี่เหลี่ยม

คําตอบ 2 : เกลียวแอคมิ

คําตอบ 3 : เกลียวบัตเตรส

คําตอบ 4 : เกลียวละเอียด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

89 of 150

Page 90: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 199

เครื่องกําเนิดไฟฟาหนัก 15 kN มีหวงสลักเกลียวติดไวเพื่อใชยกถาใชสลักเกลียวที่มีความเคนพิสูจน 540 N/mm2 คาความปลอดภัย N=5 สลักเกลียวจะมีพื้นที่หนาตัดเทาไร

คําตอบ 1 : 132.15 mm2 คําตอบ 2 : 138.89 mm2 คําตอบ 3 : 141.98 mm2 คําตอบ 4 : 142.12 mm2

ขอที่ : 200 ในการออกแบบสกรูสงกําลัง คามุมฮีลิกซ มีผลตางประสิทธิภาพของสกรูดังนี้

คําตอบ 1 : เมื่อมุมฮีลิกซมีคาเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพของสกรูเพิ่มขึ้น

คําตอบ 2 : เมื่อมุมฮีลิกซมีคาเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพของสกรูลดลง คําตอบ 3 : เมื่อมุมฮีลิกซมีคาเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพของสกรูเพิ่มขึ้นแลวลดลง คําตอบ 4 : เมื่อมุมฮีลิกซมีคาเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพของสกรูลดลงแลวเพิ่มขึ้น

ขอที่ : 201

ใชประแจทอรกขันสลักเกลียวขนาด M10 (จากตารางเกลียวมาตรฐานจะมีพื้นที่รับความเคน As= 58.0 mm2) ดวยแรงบิดเทากับ 20 Nm ถากําหนดใหสลักเกลียวที่ใชเปน

แบบไมมีการหลอลื่น (สัมประสิทธิ์ของทอรกสําหรับสลักเกลียวที่ไมมีการหลอลื่น, C = 0.2 ) จะเกิดความเคนดึงในเกลียวเทาใด

คําตอบ 1 : 100.4 N/mm2 คําตอบ 2 : 155.4 N/mm2 คําตอบ 3 : 172.4 N/mm2 คําตอบ 4 : 182.4 N/mm2

ขอที่ : 202

ใชประแจทอรกขันสลักเกลียวขนาด M8 (จากตารางเกลียวมาตรฐานจะมีพื้นที่รับความเคน As= 36.6 mm2) ดวยแรงบิดเทากับ 20 Nm ถากําหนดใหสลักเกลียวที่ใชเปน

แบบไมมีการหลอลื่น (สัมประสิทธิ์ของทอรกสําหรับสลักเกลียวที่ไมมีการหลอลื่น, C = 0.2 ) จะเกิดความเคนดึงในเกลียวเทาใด

คําตอบ 1 : 100.4 N/mm2 คําตอบ 2 : 155.4 N/mm2 คําตอบ 3 : 172.4 N/mm2 คําตอบ 4 : 341.53 N/mm2

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

90 of 150

Page 91: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 203

ฝาปดภาชนะความดันมีพื้นที่รับความดันเทากับ 210 x 103 mm2 ใชสลักเกลียวขนาด M20 จํานวน 10 ตัวยึดฝาภาชนะความดัน ความแข็งตึงของชิ้นงานเปน 4 เทาของสลักเกลียว (kc = 4kb) ความดันภายในถังเทากับ 1.5 MPa จงหาวาแรงบิดที่ตองใชขันสลักเกลียวจะมีคานอยที่สุดเทาใดจึงจะทําใหภาชนะความดันสามารถรับความดันได

ตามกําหนดพอดี

คําตอบ 1 : 95.2 Nm. คําตอบ 2 : 98.7 Nm. คําตอบ 3 : 99.8 Nm. คําตอบ 4 : 100.8 Nm.

ขอที่ : 204

ฝาปดภาชนะความดันมีพื้นที่รับความดันเทากับ 210 x 103 mm2 ใชสลักเกลียวขนาด M20 จํานวน 10 ตัวยึดฝาภาชนะความดัน ความแข็งตึงของชิ้นงานเปน 4 เทาของสลักเกลียว (kc = 4kb) ความดันภายในถังเทากับ 1.5 MPa จงหาวาแรงดึงทั้งหมดบนสลักเกลียว

คําตอบ 1 : 29.8 kN คําตอบ 2 : 29.95 kN คําตอบ 3 : 31.5 kN คําตอบ 4 : 32.38 kN

ขอที่ : 205

การตอยึดชิ้นงานดวยสลักเกลียวขนาด M24 (จากตารางเกลียวมาตรฐานจะมีพื้นที่รับความเคน As = 353 mm2) ดังแสดงในรูปมีแรงดึงชั้นตนของสลักเกลียว Fi = 68,000

N มีคาความแข็งตึงของสลักเกลียว Kb = 3,450.63 x 103 N/mm ถารอยตอของชิ้นงานนี้รับแรงภายนอก Fe = 22,240 N จงคํานวณหาแรงกดรวมบนชิ้นงาน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

91 of 150

Page 92: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 35,478.42 N คําตอบ 2 : 45,482.89 N คําตอบ 3 : 52,376.79 N คําตอบ 4 : 65,782.68 N

ขอที่ : 206 การออกแบบเพลาใหสามารถทํางานไดนั้น นอกจากตองรับแรงกระทําไดแลว ยังตองคํานึงถึงอะไรอีกบาง

คําตอบ 1 : ขนาดมาตรฐานของเพลา คําตอบ 2 : วัสดุที่ใชทําเพลา คําตอบ 3 : แบริ่งที่ใชรองรับเพลา คําตอบ 4 : ความแข็งเกร็ง (rigidity) ของเพลา

ขอที่ : 207 แนวคิดทั่วไปในการออกแบบเพลาคืออะไร

คําตอบ 1 : วางเพลาใหอยูใกลจุดที่ตองการขับมากที่สุด

คําตอบ 2 : วางเพลาใหขนานกันมากที่สุด

คําตอบ 3 : เลือกใชเพลาใหสั้นที่สุด

คําตอบ 4 : เลือกใชวัสดุเพลาที่มีคุณสมบัติเพียงพอสําหรับใชงาน

ขอที่ : 208

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

92 of 150

Page 93: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

เมื่อใชลิ่มตอเพลากับดุมลอเพื่อสงทอรคขณะสงกําลังลิ่มตองรับแรงอะไรบาง

คําตอบ 1 : แรงที่เกิดจากการสงทอรค

คําตอบ 2 : แรงที่เกิดจากการสงทอรคและแรงในแนวแกนเพลา คําตอบ 3 : แรงที่เกิดจากการสงทอรคและแรงจากการสวมอัดลิ่ม

คําตอบ 4 : แรงที่เกิดจากการสวมอัดลิ่มและแรงในแนวแกนเพลา

ขอที่ : 209 ลิ่มสี่เหลี่ยมผืนผา (rectangular key) และลิ่มแบน (parallel key) มีการใชงานแตกตางกันอยางไร

คําตอบ 1 : ลิ่มสี่เหลี่ยมผืนผาใชกับงานเบาแตตองตัดเจาะรองลิ่มบนเพลาลึก

คําตอบ 2 : ลิ่มแบนใชกับงานเบาแตตองตัดเจาะรองลิ่มบนเพลาหลายรอง คําตอบ 3 : ลิ่มแบนใชกับงานเบา แตตองการตัดเจาะรองลิ่มบนดุมลอตื้น คําตอบ 4 : ลิ่มแบนใชกับงานเบา แตตองการตัดเจาะรองลิ่มบนดุมลอตื้น

ขอที่ : 210 ชิ้นสวนเครื่องกลชนิดไหนที่ถูกใชกับเพลาเพื่อทําใหชิ้นสวนเครื่องกลอื่นเชน เฟอง ลอ เปน ตนหมุนไดอยางมั่นคงปลอดภัย

คําตอบ 1 : ลิ่มและสลัก

คําตอบ 2 : นัตและโบลท คําตอบ 3 : รอยเชื่อม

คําตอบ 4 : กาว

ขอที่ : 211

ในการเลือกใชลิ่มที่กลาววา “ความยาวของลิ่มขึ้นอยูกับความยาวของดุม (Hub) และ ภาระบิด (Torsional load) ที่สงถาย” ในฐานะที่ทานเปนวิศวกรทานจะเลือกใชลิ่มแบบไหน

คําตอบ 1 : Square key คําตอบ 2 : Gib-head key คําตอบ 3 : Woodruff key คําตอบ 4 : General key

ขอที่ : 212 จงหากําลังที่สงถายผานเพลา ถาเพลาหมุนดวยความเร็ว 50 rpm และเพลาสามารถรับแรงบิดได 2000 N.m

คําตอบ 1 : 2 kW คําตอบ 2 : 11 kW คําตอบ 3 : 100 kW

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

93 of 150

Page 94: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : 628 kW

ขอที่ : 213 สวนประกอบเครื่องจักรกลวางสอดระหวางเพลากับดุมของชิ้นสวนสงถายกําลังสําหรับสงถาย แรงบิด คือ

คําตอบ 1 : Pins คําตอบ 2 : Nuts, Screws คําตอบ 3 : Keys คําตอบ 4 : Rivets

ขอที่ : 214 จะใชลิ่มชนิดใด เมื่อตองการติดตั้งลิ่มตองสอดมาจากปลายของเพลา หลังจากดุมอยูในตําแหนง ที่ตองการแลว

คําตอบ 1 : ลิ่มทั่วไป

คําตอบ 2 : ลิ่มหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square keys) คําตอบ 3 : ลิ่มหนาตัดสี่เหลี่ยมผืนผา (Rectangular keys) คําตอบ 4 : ลิ่มเรียว (Taper keys)

ขอที่ : 215 เพลาเสนผาศูนยกลางไมเกิน 6 ½ นิ้ว ปกติจะใชลิ่มชนิดใด

คําตอบ 1 : ลิ่มทั่วไป

คําตอบ 2 : ลิ่มหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square keys) คําตอบ 3 : ลิ่มหนาตัดสี่เหลี่ยมผืนผา (Rectangular keys) คําตอบ 4 : ลิ่มเรียว (Taper keys)

ขอที่ : 216 บาลิ่ม (keyseats) ที่เพลาและดุมควรออกแบบใหมีความลึกเทาไร

คําตอบ 1 : 1/4 ของความสูงลิ่มที่เพลา และ 3/4 ของความสูงลิ่มที่ดุม

คําตอบ 2 : 1/2 ของความสูงลิ่มที่เพลา และ 1/2 ของความสูงลิ่มที่ดุม

คําตอบ 3 : 3/4 ของความสูงลิ่มที่เพลา และ 1/4 ของความสูงลิ่มที่ดุม

คําตอบ 4 : ไมมีกฎเกณฑแนนอนแตความลึกที่เพลาและดุมเมื่อรวมกันแลวตองเทากับความสูงลิ่ม

ขอที่ : 217 รับโหลดเบาและงายตอการถอดประกอบ ควรจะใชลิ่มชนิดใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

94 of 150

Page 95: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ลิ่มหนาตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square keys) คําตอบ 2 : ลิ่มหนาตัดสี่เหลี่ยมผืนผา (Rectangular keys) คําตอบ 3 : ลิ่มเรียว (Taper keys) คําตอบ 4 : ลิ่มวงเดือน (Woodruff keys)

ขอที่ : 218 ลิ่มสงกําลังเกิดความเสียหายเนื่องจาก

คําตอบ 1 : การเฉือนตามขวางระหวางผิวหนาของเพลากับดุม

คําตอบ 2 : การอัดที่เกิดจากการกดดานขางของลิ่มกับเพลา คําตอบ 3 : ถูกทั้งขอ ก. และ ข. คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ

ขอที่ : 219 จงคํานวณหาแรงบิด (Torque) ในเพลา เมื่อเพลาสงถายกําลัง 750 W ที่ 183 rad

คําตอบ 1 : 0.2 N.m คําตอบ 2 : 2.0 N.m คําตอบ 3 : 4.1 N.m คําตอบ 4 : 1.4 N.m

ขอที่ : 220 ขอใดกลาวถูกตอง ถาแรงบิด (Torque) หรือ twisting moment กระทํากับเพลากลมตัน (Solid shaft)

คําตอบ 1 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา และ Torsional Shear Stress นอยสุด เกิดที่รัศมีโตสุดของเพลา คําตอบ 2 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา และ Torsional Shear Stress เทากับ ศูนยเกิดที่รัศมีโตสุดของเพลา คําตอบ 3 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่รัศมีโตสุดของเพลาและ Torsional Shear Stress นอยสุดเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา คําตอบ 4 : Torsional Shear Stress สูงสุดเกิดที่รัศมีโตสุดของเพลาและ Torsional Shear Stress เทากับศูนยเกิดที่จุดศูนยกลางเพลา

ขอที่ : 221 ในการสงกําลังดวยเพลาสวนมาก นิยมใชเพลา

คําตอบ 1 : เพลากลมตัน

คําตอบ 2 : เพลาสี่เหลี่ยมตัน

คําตอบ 3 : เพลากลมกลวง คําตอบ 4 : เพลาสี่เหลี่ยมกลวง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

95 of 150

Page 96: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 222

เพลากลมตันใชในการถายทอดกําลังจากเครื่องยนตโดยใชสายพาน และพูเลย เพลาสงกําลังตอไปยังคลัชดังแสดงในรูป พูเลยทํามาจากเหล็กหลอมีขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 120 mm และมีความยาวของดุมลอเทากับ 30 mm พูเลยประกอบติดกับเพลาโดยใชลิ่ม โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 35 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยมผืนผา (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 10 mm x 8 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบของลิ่มเปนดังนี้ ความเคนกดและความเคนอัด (Compressive and Bearing Stresses) σcd = 80 N/mm2 และความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 50 N/mm2 จงหาความยาวของลิ่มเพื่อใชกับระบบการถายทอด

กําลังนี้

คําตอบ 1 : 6.86 mm คําตอบ 2 : 10.71 mm คําตอบ 3 : 12.34 mm คําตอบ 4 : 30 mm

ขอที่ : 223 ฮันติงทูธ (hunting tooth) มีประโยชนอยางไร

คําตอบ 1 : ชวยปรับอัตราทดใหถูกตอง คําตอบ 2 : ชวยลดการสึกหรอ

คําตอบ 3 : ชวยเพิ่มความแข็งแรงของฟนเฟอง คําตอบ 4 : ชวยเพิ่มความสม่ําเสมอในการขับ

ขอที่ : 224

การถายทอดกําลังโดยใชเพลาพูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิด ขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลย และสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดย

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

96 of 150

Page 97: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

เพลาสงกําลัง มีขนาดเสนผานศูนยกลาง 75 mm. และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 20 mm x 12 mm จงหาความยาวของลิ่มที่นอยที่สุดเพื่อใชกับระบบการถายทอดกําลังนี้

คําตอบ 1 : 147.57 mm คําตอบ 2 : 185.34 mm คําตอบ 3 : 195.47 mm คําตอบ 4 : 295.15 mm

ขอที่ : 225

การถายทอดกําลัง โดยใชเพลาพูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิดขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลย และสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 75 mm. และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 20 mm. x 12 mm. และมีความยาว 1 = 300 mm.จงหาขนาดของความเคนเฉือนที่เกิดขึ้นในลิ่ม

คําตอบ 1 : 15.74 N/mm2 คําตอบ 2 : 25.32 N/mm2 คําตอบ 3 : 32.89 N/mm2 คําตอบ 4 : 35.78 N/mm2

ขอที่ : 226

การถายทอดกําลังโดยใชเพลาพูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิดขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลยและสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 75 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 20 mm x 12 mm และมีความยาว l = 300 mm. จงหาขนาดของ ความเคนอัดที่เกิดขึ้นในลิ่ม

คําตอบ 1 : 89.92 N/mm2 คําตอบ 2 : 109.63 N/mm2 คําตอบ 3 : 110.54 N/mm2 คําตอบ 4 : 145.41 N/mm2

ขอที่ : 227 หลักการในการตรวจสอบความเร็ววิกฤตของระบบเพลาเพื่อใชงาน ควรใชงานตางจากความเร็ว วิกฤตเทาใด

คําตอบ 1 : 10 % คําตอบ 2 : 15 % คําตอบ 3 : 20 % คําตอบ 4 : 25 %

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

97 of 150

Page 98: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 228 เพลากลมมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 10 mm รับแรงบิด 4.10 N-m จะเกิดความเคนเฉือนเทากับ

คําตอบ 1 : 41.8 MPa คําตอบ 2 : 27.7 MPa คําตอบ 3 : 20.9 MPa คําตอบ 4 : 10.5 MPa

ขอที่ : 229 เพลาใชสงกําลัง 750 Watt โดยหมุนดวยความเร็ว 1750 รอบตอนาที จะมีแรงบิดเกิดขึ้นเทากับ

คําตอบ 1 : 3.10 N-m คําตอบ 2 : 4.10 N-m คําตอบ 3 : 5.10 N-m คําตอบ 4 : 6.10 N-m

ขอที่ : 230 เพลาเหล็กกลมขนาด เสนผานศูนยกลาง 35 mm ยาว 500 mm ใชสงกําลัง 20 kW ที่ความเร็ว 500 rpm จะเกิดความเคนเฉือนสูงสุดเทาใด

คําตอบ 1 : 40.5 MPa คําตอบ 2 : 45.5 MPa คําตอบ 3 : 50.5 MPa คําตอบ 4 : 51.5 MPs

ขอที่ : 231 เพลาเหล็กกลมขนาด เสนผานศูนยกลาง 35 mm ยาว 500 mm ใชสงกําลัง 20 kW ที่ความเร็ว 500 rpm จะมีมุมบิดเกิดขึ้นเทาใด

คําตอบ 1 : 0.90o คําตอบ 2 : 0.80o คําตอบ 3 : 0.70o คําตอบ 4 : 0.60o

ขอที่ : 232 เพลาเหล็กกลมขนาดเสนผาศูนยกลาง 35 mm ยาว 500 mm ใชสงกําลัง 20 kW ที่ความเร็ว 500 rpm จะใชแรงบิดเทาใด

คําตอบ 1 : 370 N-m คําตอบ 2 : 382 N-m

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

98 of 150

Page 99: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : 391 N-m คําตอบ 4 : 398 N-m

ขอที่ : 233

เพลากลมตันทํามาจากเหล็กกลาใชสงกําลัง 20 kW หมุนดวยความเร็วรอบ 1450 rpm วัสดุที่ใชมีคา σy = 524 N/mm2 , E= 207 GN/mm2 , G = 79.306 N/m2 ถาใช

คา safety factor = 2 ขนาดเสนผานศูนยกลางจะเปน

คําตอบ 1 : 16.22 mm คําตอบ 2 : 32.22 mm คําตอบ 3 : 12.44 mm คําตอบ 4 : 22.44 mm

ขอที่ : 234

เพลากลมตันทํามาจากหล็กกลายาว 500 mm ใชสงกําลัง 20 kW หมุนดวยความเร็วรอบ 1450 rpm วัสดุที่ใชมีคาคุณสมบัติ σy = 524 N/mm2 , E= 207 GN/mm2 , G

= 79.306 N/m2 ถาใชคา Safety factor = 2 เพลาจะมีมุมบิดเทาใด

คําตอบ 1 : 6๐

คําตอบ 2 : 6.5๐

คําตอบ 3 : 7๐

คําตอบ 4 : 7.5๐

ขอที่ : 235

เพลากลม และกลวง มีอัตตราสวนของเสนผานศูนยกลาง d/di = 2 ใชสงกําลัง 20 kW หมุนดวยความเร็วรอบ 1450 rpm วัสดุที่ใชมีคา ถาใชคา Safety factor = 2 ขนาด

เสนผานศูนยกลาง d คือ

คําตอบ 1 : 16.58 mm คําตอบ 2 : 32.58 mm คําตอบ 3 : 12.88 mm คําตอบ 4 : 22.88 mm

ขอที่ : 236

เพลากลมและกลวง มีอัตตราสวนของเสนผานศูนยกลาง d/di = 2 ใชสงกําลัง 20 kW หมุนดวยความเร็วรอบ 1450 rpm วัสดุที่ใชมีคา ถาใชคา Safety factor = 2 มุมบิด

เกิดขึ้นเทาใดถาเพลายาว 500 mm

คําตอบ 1 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

99 of 150

Page 100: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

5.2๐

คําตอบ 2 : 6.8 ๐

คําตอบ 3 : 7.2๐

คําตอบ 4 : 8.8๐

ขอที่ : 237

การถายทอดกําลังโดยใชเพลา พูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิดขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลยและสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 65 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 18 mm x 11 mm และมีความยาว l =300 mm. จงหาขนาดของความเคนเฉือนที่เกิดขึ้นในลิ่ม

คําตอบ 1 : 15.74 N/mm2 คําตอบ 2 : 25.32 N/mm2 คําตอบ 3 : 42.17 N/mm2 คําตอบ 4 : 48.76 N/mm2

ขอที่ : 238

การถายทอดกําลังโดยใชเพลา พูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิดขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลยและสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 65 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 18 mm x 11 mm และมีความยาว l =300 mm. จงหาขนาดของความเคนอัดที่เกิดขึ้นในลิ่ม

คําตอบ 1 : 89.92 N/mm2 คําตอบ 2 : 109.63 N/mm2 คําตอบ 3 : 120.37 N/mm2 คําตอบ 4 : 137.99 N/mm2

ขอที่ : 239

เพลากลมตันใชในการถายทอดกําลังจากเครื่องยนตโดยใชสายพานและพูเลย เพลาสงกําลังตอไปยังคลัชดังแสดงในรูป พูเลยทํามาจากเหล็กหลอมีขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 120 mm และมีความยาวของคุมลอเทากับ 20 mm พูเลยประกอบติดกับเพลาโดยใชลิ่ม โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 35 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยมผืนผา (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 10 mm x 8 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบของลิ่มเปนดังนี้ความเคนกดและความเคนอัด (Compressive and Bearing Stresses) σcd = 80 N/mm2 และความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 50 N/mm2 จงหาความยาวของลิ่มเพื่อใชกับระบบการถายทอด

กําลังนี้

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

100 of 150

Page 101: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 6.86 mm คําตอบ 2 : 10.71 mm คําตอบ 3 : 20 mm คําตอบ 4 : 30 mm

ขอที่ : 240

การถายทอดกําลังโดยใชเพลา พูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิดขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลยและสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 75 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 20 mm x 12 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบของลิ่มเปนดังนี้ ความเคนกดและความเคนอัด (Compressive and Bearing Stresses) σcd = 114.43 N/mm2 และความเคนเฉือน (Shear Stress) τd =

66.86 N/mm2 จงหาความยาวของลิ่มที่นอยที่สุดเพื่อใชกับระบบการถายทอดกําลังนี้

คําตอบ 1 : 147.57 mm คําตอบ 2 : 185.34 mm คําตอบ 3 : 195.47 mm คําตอบ 4 : 295.15 mm

ขอที่ : 241

การถายทอดกําลังโดยใชเพลา พูเลย และสายพานเพื่อใชในการถายทอดแรงบิดขนาด 7400 Nm จากเพลาไปยังพูเลยและสายพานเพื่อไปใชขับเครื่องอัดอากาศ โดยเพลาสงกําลังมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 60 mm และไดเลือกใชลิ่มมาตรฐานสี่เหลี่ยม (ISO/R 774) ขนาดพื้นที่หนาตัด (bxh) 18 mm x 11 mm ถากําหนดใหคาความเคนออกแบบของลิ่มเปนดังนี้ ความเคนกดและความเคนอัด (Compressive and Bearing Stresses) σcd = 80 N/mm2 และความเคนเฉือน (Shear Stress) τd = 50

N/mm2 จงหาความยาวของลิ่มที่นอยที่สุดเพื่อใชกับระบบการถายทอดกําลังนี้

คําตอบ 1 : 147.57 mm คําตอบ 2 : 274.07 mm

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

101 of 150

Page 102: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : 295.15 mm คําตอบ 4 : 560.61 mm

ขอที่ : 242 อัตราสวนการขบของเฟองหมายถึงอะไร

คําตอบ 1 : อัตราสวนระหวางจํานวนฟนของเฟองขับตอเฟองตาม

คําตอบ 2 : อัตราสวนระหวางจํานวนฟนของเฟองตามตอเฟองขับ

คําตอบ 3 : อัตราสวนระหวางระยะการขบของเฟองกับพิตช (pitch) คําตอบ 4 : อัตราสวนระหวางระยะการขบของเฟองกับพิตชฐาน (base pitch)

ขอที่ : 243 โมดุล (module) ของเฟองคืออะไร

คําตอบ 1 : อัตราสวนระหวางขนาดเสนผานศูนยกลางกับจํานวนฟน

คําตอบ 2 : อัตราสวนระหวางขนาดเสนผานศูนยกลางพิตชกับจํานวนฟน

คําตอบ 3 : อัตราสวนระหวางจํานวนฟนกับขนาดเสนผานศูนยกลาง คําตอบ 4 : อัตราสวนระหวางจํานวนฟนกับขนาดเสนผานศูนยกลางพิตช

ขอที่ : 244 แบ็กแล็ช (backlash) ของเฟองคืออะไร

คําตอบ 1 : ผลตางระหวางคาดีเดนดัมกับแอดเด็นดัมของเฟองที่ขบกัน

คําตอบ 2 : ผลตางระหวางความกวางชองวางของฟนเฟองที่ขบกัน

คําตอบ 3 : ผลตางระหวางคาไดอะมัทรัลพิตชของฟนเฟองที่ขบกัน

คําตอบ 4 : ผลตางระหวางคาเซอรคิวลารพิตชของฟนเฟองที่ขบกัน

ขอที่ : 245 เฟองแบบไหนที่ใชเพื่อสงถายการเคลื่อนที่ระหวางเพลาขนานและไมขนาน

คําตอบ 1 : เฟองตรง คําตอบ 2 : เฟองเฉียง คําตอบ 3 : เฟองดอกจอก

คําตอบ 4 : เฟองหนอน

ขอที่ : 246

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

102 of 150

Page 103: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

อัตราสวนของเสนผานศูนยกลางพิตซตอจํานวนฟน คือขอใด

คําตอบ 1 : Circular pitch คําตอบ 2 : Diametral pitch คําตอบ 3 : Module คําตอบ 4 : Contact ratio

ขอที่ : 247 ขอไหนคือสูตรสําหรับหา กําลังในการสงถาย (The transmitted power) ของเฟองตรง

คําตอบ 1 : แรงยอยในแนวสัมผัส x ความเร็วเชิงเสนที่วงกลมพิตซ คําตอบ 2 : แรงยอยในแนวรัศมี x ความเร็วเชิงเสนที่วงกลมพิตซ คําตอบ 3 : แรงลัพธ x ความเร็วเชิงเสนที่วงกลมพิตซ คําตอบ 4 : แรง x ความเร็วเชิงเสนที่วงกลมพิตซ

ขอที่ : 248 ขอไหนกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับเฟองตรง

คําตอบ 1 : การเพิ่มขนาดฟน (Tooth size) จะเพิ่มความแข็งแรงดัด (Bending strength) มากกวาความ แข็งแรงผิวหนา (Surface strength) คําตอบ 2 : การเพิ่มความแข็งผิวหนา (Surface hardness) เฟองเหล็กจะใหผลคุมคามากพอเกี่ยวกับ ความทนทานผิวหนา (Surface endurance) คําตอบ 3 : เฟองที่แข็งกวาจะมีราคาสูงกวาในการผลิต แตเฟองจะเล็กกวาทําใหเรือนเฟองและสวน อื่นๆ เล็กกวาและเบากวา ดังนั้นราคาโดยรวมทั้งหมดจะลดลง คําตอบ 4 : การเพิ่มกรรมวิธีการผลิตเฟองจะเพิ่มความแข็งแรงความลาดัด

ขอที่ : 249

จงหาคา Train value (e) ของขบวนเฟองนี้

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

103 of 150

Page 104: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : e = n6/n2 คําตอบ 2 : n2/n6 คําตอบ 3 : N6/N2 คําตอบ 4 : N2/N6

ขอที่ : 250 เคลียแร็นซ (clearance) ของเฟองคืออะไร

คําตอบ 1 : ผลตางระหวางคาดีเดนดัมกับแอดเดนดัมของเฟองที่ขบกัน

คําตอบ 2 : ผลตางระหวางความกวางชองวางของเฟองที่ขบกัน

คําตอบ 3 : ผลตางระหวางคาไดอะมิทรัลพิตชของฟนเฟองที่ขบกัน

คําตอบ 4 : ผลตางระหวางคาเซอรคิวลารพิตชของฟนเฟองที่ขบกัน

ขอที่ : 251 การกําหนดขนาดของเฟองที่ผลิตโดยวิธีการหลอ เพื่อความสะดวกในการผลิตควรกําหนดขนาดดวยมาตรฐานใด

คําตอบ 1 : โมดุล

คําตอบ 2 : ไดอะมิทรัลพิตช คําตอบ 3 : เซอรคิวลารพิตช คําตอบ 4 : วงกลมพิตช

ขอที่ : 252

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

104 of 150

Page 105: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

การกําหนดขนาดฟนเฟองที่ผลิตโดยวิธีการตัดปาดผิว (machining) เพื่อความสะดวกในการผลิตควรกําหนดขนาดดวยมาตรฐานใด

คําตอบ 1 : โมดุลพิตช คําตอบ 2 : ไดอะมิทรัลพิตช คําตอบ 3 : เซอรคิวลาพิตช คําตอบ 4 : วงกลมพิตช

ขอที่ : 253 มุมกด (pressure angle) ของเฟองที่นิยมใชมีคากี่องศา

คําตอบ 1 : 22 องศา คําตอบ 2 : 23 องศา คําตอบ 3 : 24 องศา คําตอบ 4 : 25 องศา

ขอที่ : 254 ขอใดกลาวถูกตอง

คําตอบ 1 : เฟองเฉียงและเฟองดอกจอกทํางานบนเพลาขนาน

คําตอบ 2 : จํานวนฟนบนเฟองใดๆ ตองเปนจํานวนเต็ม

คําตอบ 3 : ระบบเฟองขบภายใน ( Internal meshing ) เฟองขับและเฟองตามมีทิศทางการหมุนตรงขามกัน

คําตอบ 4 : เฟองขบกัน เฟองขับและเฟองตามตองมีโมดูลตางกัน

ขอที่ : 255 Train value (TV) หาไดจาก

คําตอบ 1 : TV = Input velocity ratio / Output velocity ratio คําตอบ 2 : TV = Input speed / Output speed คําตอบ 3 : TV = ผลคูณของจํานวนฟนเฟองขับ / ผลคูณของจํานวนฟนเฟองตาม

คําตอบ 4 : TV = ผลคูณของจํานวนรอบเฟองตาม / ผลคูณของจํานวนรอบเฟองขับ

ขอที่ : 256 ใชสงถายการเคลื่อนที่ระหวางเพลาที่ไมขนานกัน (Nonparallel shafts) คือ

คําตอบ 1 : เฟองตรง คําตอบ 2 : เฟองเฉียง คําตอบ 3 : เฟองดอกจอก

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

105 of 150

Page 106: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : ชุดเฟองหนอน

ขอที่ : 257 สงถายการเคลื่อนที่และกําลังระหวางเพลาที่ไมตัดกัน (Nonintersecting shafts) คือ

คําตอบ 1 : เฟองตรง คําตอบ 2 : เฟองเฉียง คําตอบ 3 : เฟองดอกจอก

คําตอบ 4 : ชุดเฟองหนอน

ขอที่ : 258 ชุดกระบวนเฟองแบบไหนที่ใหอัตราทดสูง

คําตอบ 1 : ชุดเฟองตรง คําตอบ 2 : ชุดเฟองเฉียง คําตอบ 3 : ชุดเฟองดอกจอก

คําตอบ 4 : ชุดเฟองหนอน

ขอที่ : 259 ในการออกแบบเฟองเฉียงผูออกแบบตองสนใจมุมอะไร

คําตอบ 1 : Helix angle คําตอบ 2 : Normal pressure angle คําตอบ 3 : Transverse pressure angle คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ

ขอที่ : 260 จํานวนฟนตอนิ้วของเสนผาศูนยกลางพิตซคือ

คําตอบ 1 : Circular pitch คําตอบ 2 : Diametral pitch คําตอบ 3 : Pitch คําตอบ 4 : Module

ขอที่ : 261 เฟองตรงในระบบเมตริกเรียกวา

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

106 of 150

Page 107: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Diametral pitch คําตอบ 2 : Module คําตอบ 3 : Module pitch คําตอบ 4 : Diametral module

ขอที่ : 262 เฟองตรงมุมกด (Pressure angle) มีอิทธิพลตอ

คําตอบ 1 : ขนาดของวงกลมฐาน (Base circle) คําตอบ 2 : ขนาดของวงกลมพิตซ (Pitch circle) คําตอบ 3 : ขนาดของวงกลมแอดเดนดัม (Addendum circle) คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ

ขอที่ : 263 ในระบบเฟองตรง เฟองขบกันคูหนึ่งกําลัง (Power) หาไดจาก

คําตอบ 1 : Power = Tangential force x Pitch line velocity คําตอบ 2 : Power = Radial force x Pitch line velocity คําตอบ 3 : Power = Normal force x Pitch line velocity คําตอบ 4 : Power = force x Pitch line velocity

ขอที่ : 264 ในการผลิตเฟอง ฟนเฟองสําเร็จ (Finished) ดวยกระบวนการผลิตใด

คําตอบ 1 : กระบวนการ milling คําตอบ 2 : กระบวนการ shaping คําตอบ 3 : กระบวนการ grinding คําตอบ 4 : กระบวนการ hobbing

ขอที่ : 265 อะไรไมใชสาเหตุการไมไดศูนยของฟนเฟองบนเฟองขับเทียบกับเฟองตาม

คําตอบ 1 : เสนผาศูนยกลางเพลาใหญ (ความแข็งตึงสูง) คําตอบ 2 : การบิดเบี้ยวเนื่องจากความรอนระหวางการทํางาน

คําตอบ 3 : ชองวางระหวางเพลากับเฟอง เพลากับแบริ่ง หรือแบริ่งกับตัวเรือน

คําตอบ 4 : การเปลี่ยนรูปชั่วคราวของเฟอง เพลา แบริ่ง ตัวเรือน และโครงสรางรองรับ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

107 of 150

Page 108: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 266

ขอใดไมเหมาะกับ Spur Gear set

คําตอบ 1 : มีรูปฟนที่ขนานกับแกนเพลา คําตอบ 2 : ใชไดดีกับเพลาที่วางขนานกัน

คําตอบ 3 : เนื่องจากมีรูปทรงงายๆ จึงออกแบบงายแตมีตนทุนสูง คําตอบ 4 : เกิดเสียงดังงายมักมาจากเกิดการผิดพลาด (Error) ของฟนเฟอง

ขอที่ : 267

ขอใดไมเหมาะสมกับ Helical Gear set

คําตอบ 1 : มีฟนรูปทรงเฉียงทํามุมกับแกนเพลา คําตอบ 2 : มีเสียงดังมาก

คําตอบ 3 : ใชไดกับแกนเพลาที่ขนานกันหรือไมก็ได คําตอบ 4 : สงแรงลัพธ (Reaction) ไปตามแนว Axial load

ขอที่ : 268

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

108 of 150

Page 109: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอใดไมเหมาะสมกับ Bevel Gear set

คําตอบ 1 : รูปทรงของฟนเฟองอยูบนผิวรูปทรงกรวย

คําตอบ 2 : ใชไดกับเพลาที่ขนานกันเทานั้น

คําตอบ 3 : เมื่อใชกับที่ไมขนานกัน แกนเพลาขางหนึ่งจะวางแบบ Intersection คําตอบ 4 : รูปทรงของฟนเฟองอาจเปนแบบตรง (Straight) หรือแบบเกลียว (Spiral)

ขอที่ : 269

ขอใดไมเหมาะสมกับ Worm Gear set

คําตอบ 1 : มี Gear Ratio ที่ต่ํามากๆ (Out put หารดวย In put) คําตอบ 2 : ปกติเฟอง Gear มักใชเปนตัวขับ (Input) และเฟอง Worm ใชเปนตัวตาม (Out put) คําตอบ 3 : การเลื่อนตัว (Slide) ไดของ Worm-Gear ขณะหมุนทํางานเปนเหตุใหเกิดการสูญเสียเนื่องจากความฝด (Friction losses) คําตอบ 4 : แกนเพลาไมขนานกัน และไม Intersection กัน

ขอที่ : 270

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

109 of 150

Page 110: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

เมื่อ Gear Ratio ของชุดเกียรดังรูปคือ ใหพิจารณา Center Distance ที่ถูกตอง

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 271

ฟนเฟองถูกออกแบบมาเพื่อใหรักษาความเร็วใหคงที่ การออกแบบใหผิงฟนสัมผัสกันตลอดมีชื่อเรียกคือ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

110 of 150

Page 111: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : Involute profile คําตอบ 2 : Curve profile คําตอบ 3 : Contour profile คําตอบ 4 : Contact profile

ขอที่ : 272

ชองหางดังในรูปมีชื่อเรียกวาอะไร

คําตอบ 1 : Air gab คําตอบ 2 : Tolerance คําตอบ 3 : Tolerance คําตอบ 4 : Space

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

111 of 150

Page 112: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 273

ให Gear Ratio ของชุดเกียรดังรูปคือ ใหพิจารณา Cd(Center Distance)

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 274

ใหพิจารณาเลือก Gear Ratiio ที่เหมาะสมกับชุดเฟองดังรูป

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

112 of 150

Page 113: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 275 การออกแบบการสงกําลังของคลัตชแผน (disc clutches) มักใชสมมติฐานอะไร

คําตอบ 1 : แรงกดสม่ําเสมอ

คําตอบ 2 : การสึกหรอสม่ําเสมอ

คําตอบ 3 : ความดันสม่ําเสมอ

คําตอบ 4 : สงแรงสม่ําเสมอ

ขอที่ : 276 จุดออนของคลัตชแผน (disc clutches) คืออะไร

คําตอบ 1 : เกิดการสลิประหวางผิวหนาแผนคลัตช คําตอบ 2 : รับแรงกระแทกระหวางผิวหนาแผนคลัตช คําตอบ 3 : ใชความเสียดทานระหวางผิวหนาแผนคลัตช

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

113 of 150

Page 114: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : เกิดความรอนระหวางผิวหนาแผนคลัตช

ขอที่ : 277 คําตอบขอใดที่ไมใชวัตถุประสงคของการตอเพลาเขาดวยกันโดยใชคัปปลิง

คําตอบ 1 : ใชตอเพลาของอุปกรณที่ผลิตแยกกัน

คําตอบ 2 : สงกําลังโดยใชความเสียดทานระหวางผิวสัมผัส

คําตอบ 3 : ชวยปองกันการโอเวอรโหลด

คําตอบ 4 : ชวยลดการสั่นสะเทือน

ขอที่ : 278 ขอคิดสําคัญในการเลือกเบรกคืออะไร

คําตอบ 1 : ความสามารถในการรับทอรค

คําตอบ 2 : ความสามารถในการดูดซึมพลังงานจลน คําตอบ 3 : ความสามารถในการรับและระบายความรอน

คําตอบ 4 : ความสามารถในการเบรก

ขอที่ : 279 กลอุปกรณ (Devices) ชนิดใดที่ทําหนาที่ตัด-ตอการสงกําลังของเพลาสองเพลา

คําตอบ 1 : Brakes คําตอบ 2 : Clutches คําตอบ 3 : Couplings คําตอบ 4 : Keys และ Pins

ขอที่ : 280

จงพิจารณาสูตรหา Module ของเฟอง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

114 of 150

Page 115: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 281 Clutches ชนิดไหนที่นําไปใชสําหรับกลไกความเร็วต่ํา

คําตอบ 1 : Fluid clutches คําตอบ 2 : Electric clutches คําตอบ 3 : Jaw clutches คําตอบ 4 : Plate clutches

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

115 of 150

Page 116: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 282

คลัปปลิงแบบหนาแปลน (Flanged coupling) มีวงกลมโบลท (Bolt circle) ขนาด เสนผานศูนยกลางเทากับ 4 นิ้ว ออกแบบใหใช Bolts ขนาดเสนผานศูนยกลาง 1/4 นิ้ว ถา Bolt รับแรงบิดเทากับ 5000 ปอนด-นิ้ว และความเคนเฉือนอนุญาต (Allowable shear stress) เทากับ 10,000 ปอนดตอตารางนิ้ว จงคํานวณหาวาคลัปปลิงนี้ตองใช Bolts (N) กี่ตัว? กําหนดให T = FrN

คําตอบ 1 : 4 ตัว คําตอบ 2 : 5 ตัว คําตอบ 3 : 6 ตัว คําตอบ 4 : 7 ตัว

ขอที่ : 283

ใหพิจารณาเลือก Gear Ratio ที่เหมาะสมกับชุดเฟอง N51 ดังในรูป

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

116 of 150

Page 117: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 284 ขอไหนคือความมุงหมายที่สําคัญในการนําสปริงไปใชงาน

คําตอบ 1 : ควบคุมการเคลื่อนที่ในเครื่องจักร คําตอบ 2 : วัดแรงบิด

คําตอบ 3 : เก็บกําลัง คําตอบ 4 : ประกอบกับชิ้นสวนเครื่องจักรกล

ขอที่ : 285

จากชุดเฟองทดดังรูปนี้ใหหาความเร็วรอบของเฟอง E โดยกําหนดสมการใหดังนี้

คําตอบ 1 : -166.7 คําตอบ 2 : -176.6 คําตอบ 3 : -107.6 คําตอบ 4 : -100.6

ขอที่ : 286 รัศมีความเสียดทาน (friction radius) หมายถึงรัศมีในขอใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

117 of 150

Page 118: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : รัศมีเฉลี่ยของวัสดุความเสียดทาน

คําตอบ 2 : รัศมีเฉลี่ยของแผนคลัตช คําตอบ 3 : รัศมีที่แรงเสียดทานกระทํา คําตอบ 4 : รัศมีที่ใชหาแรงเสียดทาน

ขอที่ : 287 เมื่อตองการใหคลัตชแผนสงกําลังไดมากขึ้น ในทางปฏิบัติสามารถทําไดอยางไร

คําตอบ 1 : เพิ่มจํานวนชุดของคลัตช คําตอบ 2 : เพิ่มขนาดแผนคลัตช คําตอบ 3 : เพิ่มพื้นที่แผนคลัตช คําตอบ 4 : เพิ่มจํานวนแผนคลัตช

ขอที่ : 288

การถายทอดกําลังโดยใชเฟองตรงประกอบไปดวยพิเนียน (Pinion) ทําจากเหล็กหลอ ASTM 50 ขับกับเฟอง (Gear) ทําจากบรอนซ SAE 65 ดวยอัตราทด 3.5 เฟองเปนระบบ 14.5๐ เพื่อใชถายทอดกําลัง 4500 W ดวยความเร็วรอบของพีเนียน 1800 rpm โดยเฟองอันเล็กมีจํานวนฟนไมนอยกวา 16 ฟน ในการคํานวณออกแบบโดยใชสมการของลูอิส (Lewis Equation) สมการของแรงดัด (Bending Force) , Fb และสมการของแรงพลวัต (Dynamic Load) , Fd มีดังตอไปนี้

โดย m = Module

จงหาขนาดที่เล็กที่สุดของเฟองคูนี้ คําตอบ 1 : m = 2 mm คําตอบ 2 : m = 3 mm คําตอบ 3 : m = 4 mm คําตอบ 4 : m = 5 mm

ขอที่ : 289

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

118 of 150

Page 119: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คลัทชลิ่ม (cone clutch) ที่มีขนาดเสนผานศูนยกลางภายนอกเทากับคลัทชแผน มีขอไดเปรียบคลัทชแผนอยางไร

คําตอบ 1 : มีมุมลิ่มชวยในการสงกําลัง คําตอบ 2 : มีพื้นที่สัมผัสมากกวา คําตอบ 3 : มีคุณสมบัติของลิ่ม

คําตอบ 4 : สงกําลังไดมากกวา

ขอที่ : 290

การถายทอดกําลังโดยใชเฟองตรงประกอบไปดวยพิเนียน (Pinion) มีจํานวนฟนเทากับ 15 ฟน ขับกับเฟอง (Gear) ซึ่งมีจํานวนฟนเทากับ 45 ฟน พิเนียน และเฟองมีคา Modulem, m = 8 mm และเปนระบบ 14.5๐ FD จงหาขนาดของวงกลมพิตชของ พิเนียน และเฟอง (Pitch Diameters), d1 และ d2 = 120 mm และ ระยะระหวางจุด

ศูนยกลางของเพลา (Center Distance),C

คําตอบ 1 : d1 = 360 mm, d2 = 120 mm และ C = 240 mm

คําตอบ 2 : d1 = 140 mm, d2 = 360 mm และ C = 250 mm

คําตอบ 3 : d1 = 120 mm, d2 = 360 mm และ C = 240 mm

คําตอบ 4 : d1 = 360 mm, d2 = 140 mm และ C = 250 mm

ขอที่ : 291 ชิ้นสวนใดที่สามารถสงถาย input torque ได 100 %

คําตอบ 1 : Toothed Belts หรือ Timing Belts คําตอบ 2 : Roller Chains คําตอบ 3 : Inverted –Tooth Chains คําตอบ 4 : Fluid Coupling

ขอที่ : 292 ขอใดกลาวไมถูกตอง

คําตอบ 1 : เบรกทําหนาที่คลายกับคลัทช คําตอบ 2 : หนาที่พื้นฐานของเบรกคือดูดซับพลังงาน

คําตอบ 3 : เปลี่ยนพลังงานจลนและพลังงานศักยเปนความรอนเนื่องจากความเสียดทาน

คําตอบ 4 : คลัทชมีทั้งแบบเปยกและแบบแหง

ขอที่ : 293 พารามิเตอรขอใดที่ไมมีอิทธิพลตอการกําหนดความสามารถของคลัทชและเบรก

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

119 of 150

Page 120: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : ความเฉื่อยของชิ้นสวนหมุนหรือเคลื่อนที่ คําตอบ 2 : อายุและความเชื่อถือไดของระบบ

คําตอบ 3 : สภาพแวดลอมของระบบ

คําตอบ 4 : ไมมีคําตอบ

ขอที่ : 294

สปริงขดแบบรับแรงกด (Helical Coil Spring) ดังแสดงในรูปทําจากวัสดุ Hard Drawn Wire (ASTM A229) (E = 200 kN/mm2 และ G = 80 kN/mm2) ถากําหนดใหสปริงมีปลายเปนแบบปลายธรรมดา (Plain Ends) จงหาความแข็งตึงของสปริง (Spring Stiffness, k)

คําตอบ 1 : 0.125 N/mm คําตอบ 2 : 0.855 N/mm คําตอบ 3 : 0.974 N/mm คําตอบ 4 : 1.21 N/mm

ขอที่ : 295 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : การปองกันไมใหเกิดการขัดกันของเฟอง (Interference) สามารถดําเนินการไดโดยการ ตัดเนื้อโลหะที่อยูต่ํากวาวงกลมฐาน (Base Circle) ออกบาง (Undercut) แตจะมีขอเสีย คือทําใหอัตราทดลดลงและทําใหเฟองบอบบางลง

คําตอบ 2 : การปองกันไมใหเกิดการขัดกันของเฟอง (Interference) สามารถดําเนินการไดโดยการ ตัดปลายฟนใหสั้น (Stub Teeth) ลง แตจะทําใหอัตราสวนการขบกันของฟนเฟอง (Contact Ratio) ลดลง

คําตอบ 3 : การปองกันไมใหเกิดการขัดกันของเฟอง (Interference) สามารถดําเนินการไดโดยการ เพิ่มมุมกด (Pressure Angle) ของเฟองซึ่งจะทําใหขนาดของวงกลมฐานลดลง แตจะทํา ใหแรงปฏิกิริยาแนวรัศมีของเฟองเพิ่มขึ้น และมีความราบเรียบลดลง

คําตอบ 4 : เฟองตรง (Involute Spur Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังไดทั้งเพลาที่ขนาน กัน และไมขนานกัน

ขอที่ : 296 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : เฟองเฉียง (Helical Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังไดทั้งเพลาที่ขนานกัน และไมขนานกัน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

120 of 150

Page 121: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : เฟองเฉียง (Helical Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังไดมากกวาเฟองตรง (Involute Spur Gear) และมีเสียงในการทํางานนอยกวา เหมาะสําหรับการใชงานที่ ความเร็วสูง

คําตอบ 3 : เฟองดอกจอกฟนตรง (Straight Bevel Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังไดทั้ง เพลาที่ขนานกัน และไมขนานกัน

คําตอบ 4 : แรงที่กระทําบนเฟองเฉียงสามารถแยกไดออกเปน 3 แรงยอย ๆ คือ 1) แรงที่กระทําใน แนวรัศมีของเฟอง 2) แรงที่กระทําในแนวสัมผัสกับวงกลมพิตช และ 3) แรงที่กระทํา ในแนวแกนหมุน

ขอที่ : 297 ในการออกแบบเฟอง สภาวะแรงในขอใดที่ไมไดใชในการคํานวณ

คําตอบ 1 : Static Force in Bending คําตอบ 2 : Dynamic Load คําตอบ 3 : Wear (pitting) Force คําตอบ 4 : Torsional Force

ขอที่ : 298 บนฟนเฟอง สวนโคงที่เชื่อม หนาซี่เฟองกับ ฐานของชองวางระหวางฟน เรียกวาอะไร

คําตอบ 1 : โมดุล (Module) คําตอบ 2 : ฟลเลต (Fillet) คําตอบ 3 : เซอคิวลาพิตซ (Circular pitch) คําตอบ 4 : แบ็ตแลช (Backlash)

ขอที่ : 299

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

121 of 150

Page 122: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 300 บนฟนเฟอง ผลตางระหวางความกวางของชองวางระหวางฟน เรียกวาอะไร

คําตอบ 1 : โมดุล (Module) คําตอบ 2 : ฟลเลต (Fillet) คําตอบ 3 : เซอคิวลาพิตซ (Circular pitch) คําตอบ 4 : แบ็ตแลช (Backlash)

ขอที่ : 301

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

122 of 150

Page 123: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

สปริงขดทําดวย ลวดมีเสนผาศูนยกลาง 1 นิ้ว มีขนาดเสนผาศูนยกลางเฉลี่ยของขด 4 นิ้ว รับแรงกด 2000 lb ถาคา Wahl factor เปน 1.4 ความเคนเฉือนสูงสุดในสปริงคือ

คําตอบ 1 : 28,500 lb/in2 คําตอบ 2 : 25,800 lb/in2 คําตอบ 3 : 26,500 lb/in2 คําตอบ 4 : 23,500 lb/in2

ขอที่ : 302

สปริงขดแบบรับแรงกดตองยุบตัว 5 นิ้ว เมื่อรับแรงกด 50 Ib ถาคุณสมบัติของวัสดุ G = 12 x 106 Ib/in2 , τmax = 80,000 Ib/in2 , ดัชนีสปริง C = 8 , Wahl factor =

1.18 เสนผาศูนยกลางของลวดคือ

คําตอบ 1 : 0.1226 in คําตอบ 2 : 0.1566 in คําตอบ 3 : 0.1488 in คําตอบ 4 : 0.1376 in

ขอที่ : 303

สปริงขดรับแรงดึงตองยืด 100 mm เมื่อรับแรง 50 kg คุณสมบัติของวัสดุ G = 83 GPa ,tmax = 500 MPa ดัชนีสปริง C = 8 , Wahl factor = 1.18 ขนาดเสนผานศูนย

กลางของลวดคือ

คําตอบ 1 : 3.28 mm คําตอบ 2 : 4.86 mm คําตอบ 3 : 5.12 mm คําตอบ 4 : 5.85 mm

ขอที่ : 304

สปริงขดรับแรงดึงตองยืด 100 mm เมื่อรับแรง 50 kg ทําจากวัสดุที่มีคุณสมบัติของวัสดุ G=83 GPa,τmax = 500 MPa ดัชนีสปริง C = 8 , Wahl factor = 1.18 ถาใชลวด

ขนาดเสนผานศูนยกลาง 5.0 mm จํานวนขดสปริงคือ

คําตอบ 1 : 20.7 ขด

คําตอบ 2 : 21.1 ขด

คําตอบ 3 : 19.8 ขด

คําตอบ 4 : 21.5 ขด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

123 of 150

Page 124: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 305 บนฟนเฟอง ระยะที่วัดบนวงกลมพิทซ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ณ ตําแหนงเดียวกันบนฟน ถัดไป มีชื่อเรียกวาอะไร

คําตอบ 1 : โมดุล (Module) คําตอบ 2 : ฟลเลต (Fillet) คําตอบ 3 : เซอคิวลาพิตซ (Circular pitch) คําตอบ 4 : แบ็ตแลช (Backlash)

ขอที่ : 306

สปริงขดแบบรับแรงกด (Helical Coil Spring) ดังแสดงในรูปทําจากวัสดุ Hard Drawn Wire (ASTM A227) (E = 200 kN/mm2 และ G = 80 kN/mm2) กําหนดใหสปริงมีปลายเปนแบบปลายธรรมดา (Plain Ends) ถามีแรงกดในแนวแกนเทากับ 200 N กระทํากับสปริงขดแบบรับแรงกดตัวนี้ จงหาระยะยุบตัวของสปริง

คําตอบ 1 : 99 mm คําตอบ 2 : 120 mm คําตอบ 3 : 171 mm คําตอบ 4 : 178 mm

ขอที่ : 307 เมื่อฟนเฟองหมุนมาขบกันระหวางการสงกําลังจุดสัมผัสระหวางฟนเฟองทั้งสอง เคลื่อนที่ในทิศทางใด เมื่อเปรียบเทียบกับหนาของซี่เฟองของเพลาขับ

คําตอบ 1 : แอคเดนดัม - จุดพิตซ คําตอบ 2 : จุดพิตซ – ดีเดนดัม

คําตอบ 3 : แอคเดนดัม- ดีเดนดัม

คําตอบ 4 : ดีเดนดัม - แอคเดนดัม

ขอที่ : 308 ชุดเฟองชุดใดที่ไมสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางการหมุนยอนกลับได

คําตอบ 1 : เฟองตรง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

124 of 150

Page 125: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : เฟองเฉียง คําตอบ 3 : เฟองดอกจอก คําตอบ 4 : เฟองหนอน

ขอที่ : 309 ชุดเฟองชนิดใดที่ไมสามารถใชสงกําลังไปยังเหลาที่ตั้งฉากกับเพลาขับได

คําตอบ 1 : เฟองตรง คําตอบ 2 : เฟองเฉียง คําตอบ 3 : เฟองดอกจอก คําตอบ 4 : เฟองหนอน

ขอที่ : 310

เบรกกามปูแบบสั้น (Short-shoe Drum Brake) ดังแสดงในรูป มีดรัม (Drum) ขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 300 mm ที่ปลายคันเบรกแตละขางมีแรงกระทําโดยแรง F

= 6 kN ถากําหนดใหสัมประสิทธิของความเสียดทานเบรกและดรัม, μ = 0.3

คําตอบ 1 : ขางซายเกิด Self-energizi คําตอบ 2 : ขางซายและขางขวาเกิด Self-energizing คําตอบ 3 : ขางขวาเกิด Self-energizing คําตอบ 4 : ขางซายและขางขวาไมเกิด Self-energizing

ขอที่ : 311 ในการคํานวณการออกแบบความแข็งแรงของฟนใน เฟองตรงจากการใชสมการของ ลูอิส(Lewis) มีการตั้งสมมติฐาน ใหฟนเฟองมีลักษณะเปน

คําตอบ 1 : เสา คําตอบ 2 : คานธรรมดา คําตอบ 3 : คานยื่น คําตอบ 4 : เพลา

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

125 of 150

Page 126: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 312 เฟองคูหนึ่งมีโมดูล 12 mm ประกอบดวยเฟองซึ่งมี 16 ฟน ขับเฟองซึ่งมีฟน 40 ฟน ฟนเฟอง เปนระบบ 20๐ FD ระยะหางระหวางจุดศูนยกลางของเฟองคือ

คําตอบ 1 : 336 mm คําตอบ 2 : 672 mm คําตอบ 3 : 640 mm คําตอบ 4 : 192 mm

ขอที่ : 313

เบรกกามปูแบบสั้น (Short-shoe Drum Brake) ดังแสดงในรูป มีดรัม (Drum) ขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 300 mm ที่ปลายคันเบรกมีแรง F กระทําโดยแรง F = 6 kN ถากําหนดใหสัมประสิทธิ์ของความเสียดทานเบรกและดรัม, μ = 0.3

จงตรวจสอบวาเบรกจะเกิด Self- energizing

คําตอบ 1 : เกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป

คําตอบ 2 : ไมเกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป

คําตอบ 3 : เกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป และทิศทางตรงขาม

คําตอบ 4 : ไมเกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป และทิศทางตรงขาม

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

126 of 150

Page 127: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 314

เฟองอันหนึ่งมี 45 ฟน โมดุล 8 mm และมุมกด

FD ขับโดย พิเนี่ยน ที่ทําใหมีอัตราทด 3 ขนาดของวงกลมฐานของเฟองคือ คําตอบ 1 : 360 mm คําตอบ 2 : 135 mm คําตอบ 3 : 380 mm คําตอบ 4 : 140 mm

ขอที่ : 315

เบรกแผนคาด (Differential Band Brake) มีแรง P กระทําบนคันเบรคดังแสดงในรูป จงพิจารณาวาระบบเบรกนี้จะเริ่มเกิด Self Locking เมื่อใด

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

127 of 150

Page 128: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 316 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : การปองกันไมใหเกิดการขัดกันของเฟอง (Interference) สามารถดําเนินการไดโดยการ ตัดเนื้อโลหะที่อยูต่ํากวาวงกลมฐาน (Base Circle) ออกบาง (Undercut) แตจะมีขอเสีย คือทําใหอัตราทดลดลงและทําใหเฟองบอบบางลง

คําตอบ 2 : การปองกันไมใหเกิดการขัดกันของเฟอง (Interference) สามารถดําเนินการไดโดยการ ตัดปลายฟนใหสั้น (Stub Teeth) ลง แตจะทําใหอัตราสวนการขบกันของฟนเฟอง (Contact Ratio) ลดลง

คําตอบ 3 : การปองกันไมใหเกิดการขัดกันของเฟอง (Interference) สามารถดําเนินการไดโดยการ ลดมุมกด (Pressure Angle) ของเฟองซึ่งจะทําใหขนาดของวงกลมฐานเพิ่มขึ้น แตจะทํา ใหแรงปฏิกิริยาของเฟองเพิ่มขึ้น

คําตอบ 4 : เฟองตรง (Involute Spur Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังระหวางเพลาที่ ขนานกัน

ขอที่ : 317

เบรกกามปูแบบสั้น (Short-shoe Drum Brake) ดังแสดงในรูป มีดรัม (Drum) ขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับ 300 mm ที่ปลายคันเบรกแตละขางมีแรงกระทําโดยแรง F = 6 kN ถากําหนดใหสัมประสิทธิ์ของความเสียดทานของเบรกและดรัม, μ = 0.3

คําตอบ 1 : ขางซายเกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป

คําตอบ 2 : ขางซายและขางขวาเกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป

คําตอบ 3 : ขางขวาเกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป

คําตอบ 4 : ขางซายและขางขวาไมเกิด Self-energizing ในทิศทางที่ดรัมหมุนอยูในรูป

ขอที่ : 318 ขอความใดไมถูกตอง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

128 of 150

Page 129: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : เฟองเฉียง (Helical Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังระหวางเพลาที่ขนานกัน เทานั้น

คําตอบ 2 : เฟองเฉียง (Helical Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังไดมากกวาเฟองตรง (Involute Spur Gear) และมีเสียงในการทํางานนอยกวา เหมาะสําหรับการใชงานที่ ความเร็วสูง

คําตอบ 3 : เฟองดอกจอกฟนตรง (Straight Bevel Gear) สามารถใชในการการถายทอดกําลังไดทั้ง เพลาที่ทํามุมตอกัน และ/หรือไมขนานกัน

คําตอบ 4 : แรงที่กระทําบนเฟองเฉียง (Helical Gear) สามารถแยกไดออกเปน 3 แรงยอย ๆ คือ 1) แรงที่กระทําในแนวรัศมีของเฟอง 2) แรงที่กระทําในแนวสัมผัสกับวงกลมพิตช และ 3) แรงที่กระทําในแนวแกนหมุน

ขอที่ : 319

การถายทอดกําลังโดยใชเฟองตรงคูหนึ่งในระบบ 20 องศา FD ประกอบไปดวยพิเนียม (Pinion) ขับกับเฟอง (Gear) ดวยอัตราทด 5.2 : 1 เพื่อใชถายทอดกําลัง 32.52 kW ดวยความเร็วรอบของพีเนียน 1125 rpm โดยเฟองอันเล็กมีจํานวนฟนไมนอยกวา 10 ฟน และกําหนดใหเฟองทั้งคูทํามาจาก เหล็กกลาผสม SAE 2320 Case Hardened และ WQT

ในการคํานวณออกแบบโดยใชสมการของลูอิส (Lewis Equation) สมการของแรงดัด (Bending Force), Fb และสมการของแรงพลวัต (Dynamic Load), Fd มีดังตอไปนี้

จงหาขนาดที่เล็กที่สุดของเฟองคูนี้ คําตอบ 1 : m = 4 mm คําตอบ 2 : m = 53 mm คําตอบ 3 : m = 6 mm คําตอบ 4 : m = 8 mm

ขอที่ : 320

การถายทอดกําลังโดยใชเฟองตรงคูหนึ่งในระบบ 20 องศา FD ประกอบไปดวยพิเนียน (Pinion) ขับกับเฟอง (Gear) ดวยอัตราทด 1.5 : 1 เพื่อใชถายทอดกําลัง 55 kW ดวยความเร็วรอบของพิเนียน 1750 rpm โดยเฟองอันเล็กมีจํานวนฟนไมนอยกวา 18 ฟน และกําหนดใหเฟองทั้งคูทํามาจากเหล็กกลาผสม SAE 3115 Case Hardened และ OQT

ในการคํานวณออกแบบโดยใชสมการของลูอิส (Lewis Equation) สมการของแรงตัด (Bending Force),Fb และสมการของแรงพลวัต (Dynamic Load), Fd มีดังตอไปนี้

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

129 of 150

Page 130: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

จงหาขนาดที่เล็กที่สุดของเฟองคูนี้ คําตอบ 1 : m = 4 mm คําตอบ 2 : m = 53 mm คําตอบ 3 : m = 6 mm คําตอบ 4 : m = 8 mm

ขอที่ : 321

คลัทชรถยนตมีพื้นที่สัมผัสสองหนา (คลัทชแหง) ตองการสงกําลังไมเกิน 30 kW ที่ความเร็วรอบ 200 rpm. กําหนดให ro / ri = 3 , f = 0.3 และความดันสูงสุดที่สปริง

แผนคลัทช กดแผนคลัทชไมเกิน 0.3 MPa จงคํานวณหาขนาดของแผนคลัทช โดยใชสมการทฤษฎีการสึกหรอสม่ําเสมอ

กําหนดให

และ T = πfr1 (r02 – r1

2) P max

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 322 สมการของพีทรอฟ (Petroff) มีสมมติฐานอยางไร

คําตอบ 1 : เจอรนัลไมสัมผัสแบริ่ง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

130 of 150

Page 131: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : เจอรนัลหมุนดวยความเร็วสูง คําตอบ 3 : เจอรนัลหมุนอยูตรงกลางแบริ่ง คําตอบ 4 : เจอรนัลไมมีความเสียดทานในแบริ่ง

ขอที่ : 323 ผิวโคงบนหนาลอสายพานทําไวเพื่ออะไร

คําตอบ 1 : เพิ่มความเสียดทานระหวางสายพานกับลอสายพาน

คําตอบ 2 : เพิ่มแรงดึงในสายพาน

คําตอบ 3 : ลดความสึกหรอของสายพาน

คําตอบ 4 : ควบคุมการเคลื่อนที่ของสายพาน

ขอที่ : 324 การพรีโหลด (preload) แบริ่ง มีวัตถุประสงคสําคัญอยางไร

คําตอบ 1 : เพิ่มความแมนยําในการประกอบ

คําตอบ 2 : เพิ่มความสามารถรับแรงภายนอก

คําตอบ 3 : เพิ่มความแข็งเกร็ง (rigidity) ใหกับเพลา คําตอบ 4 : รักษาตําแหนงของชิ้นสวน

ขอที่ : 325 ความหนานอยที่สุดของฟลมน้ํามันในการใชงานเจอรนัลแบริ่งขึ้นอยูกับอะไร

คําตอบ 1 : ขนาดและความยาวของเจอรนัลและแบริ่ง คําตอบ 2 : วัสดุของเจอรนัลและแบริ่ง คําตอบ 3 : ความหยาบของผิวหนาเจอรนัลและแบริ่ง คําตอบ 4 : เคลียแร็นซระหวางเจอรนัลและแบริ่ง

ขอที่ : 326 ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับสปริง

คําตอบ 1 : เปนวัสดุที่มีความยืดหยุนมากกวา คําตอบ 2 : ทํามาจากโลหะ และอโลหะ คําตอบ 3 : ใชเปนแหลงพลังงานใหกับกลไกในเครื่องจักร คําตอบ 4 : ใชสงถายกําลังจากชิ้นสวนหนึ่งไปยังอีกชิ้นสวนหนึ่ง

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

131 of 150

Page 132: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 327 การหลอลื่นในเจอรนัลแบริ่ง (journal bearing) ที่ทํางานตามปกติ เปนการหลอลื่นชนิดใด

คําตอบ 1 : การหลอลื่นแบบไฮโดรไดนามิก (hydrodynamic lubrication) คําตอบ 2 : การหลอลื่นแบบไฮโดรสแตติก (hydrostatic lubrication) คําตอบ 3 : การหลอลื่นแบบอิลาสโตไฮโดรไดนมิก (elastohydrodynamic lubrication) คําตอบ 4 : การหลอลื่นแบบเบาวนดะรี่ (boundary lubrication)

ขอที่ : 328 ลอสายพานที่สามารถใชงานที่ความเร็วขอบสูงสุดควรทําดวยวัสดุชนิดใด

คําตอบ 1 : ไฟเบอร คําตอบ 2 : ไม คําตอบ 3 : เหล็กหลอ

คําตอบ 4 : เหล็กกลาขึ้นรูป

ขอที่ : 329 เมื่อแบริ่งตองทํางานที่อุณหภูมิสูงเปนพิเศษ การหลอลื่นควรจะเปนชนิดใด

คําตอบ 1 : Hydrodynamic lubrication คําตอบ 2 : Hydrostatic lubrication คําตอบ 3 : Boundary lubrication คําตอบ 4 : Solid-film lubrication

ขอที่ : 330 พารามิเตอรที่สําคัญในการหลอลื่นของ Petroff’s equation คือ

คําตอบ 1 : ? n/P และ R/c คําตอบ 2 : ? P/n และ R/c คําตอบ 3 : n/P และ ? R/c คําตอบ 4 : n/P และ ? c/R

ขอที่ : 331 การสลิป (slip) ของสายพานคืออะไร

คําตอบ 1 : การเปลี่ยนแปลงแรงดึงในสายพาน

คําตอบ 2 : การเปลี่ยนแปลงความยาวบนลอสายพาน

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

132 of 150

Page 133: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : การเปลี่ยนแปลงความเร็วบนลอสายพาน

คําตอบ 4 : การเปลี่ยนแปลงความเร็วในสายพาน

ขอที่ : 332 ในการออกแบบ Sliding bearing ผูออกแบบสามารควบคุมตัวแปรอะไร

คําตอบ 1 : สัมประสิทธิ์ความเสียดทาน

คําตอบ 2 : อัตราการไหลของน้ํามันหลอลื่น

คําตอบ 3 : ความหนานอยสุดของฟลมน้ํามันหลอลื่น

คําตอบ 4 : ความหนืดสัมบูรณ

ขอที่ : 333 การขับดวยโซมีขอเสียอยางไร

คําตอบ 1 : ความเร็วไมสม่ําเสมอ

คําตอบ 2 : ติดตั้งยากกวาสายพาน

คําตอบ 3 : เฟองโซตองมีขนาดใหญกวาลอสายพานที่มีอัตราทดเทากัน

คําตอบ 4 : ไมมีความออนตัวในการสงกําลัง

ขอที่ : 334 ถาตองการใหแบริ่งรับ radial loads หรือ thrust loads หรือทั้งสองอยาง ทานจะใชแบริ่งชนิดใด

คําตอบ 1 : Ball bearing คําตอบ 2 : Straight roller bearing คําตอบ 3 : Needle bearing คําตอบ 4 : Tapered roller bearing

ขอที่ : 335 เฟองโซ (Sprocket) ควรมีจํานวนฟน (teeth) นอยสุดกี่ฟน

คําตอบ 1 : 15 ฟน

คําตอบ 2 : 16 ฟน

คําตอบ 3 : 17 ฟน

คําตอบ 4 : 18 ฟน

ขอที่ : 336

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

133 of 150

Page 134: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอไหนเปนชนิดของ Sliding bearing หรือ Plain bearing

คําตอบ 1 : Journal bearing กับ Sleeve bearing คําตอบ 2 : Journal bearing กับ Thrust bearing คําตอบ 3 : Journal bearing กับ Rolling- element bearing คําตอบ 4 : Journal bearing

ขอที่ : 337 ขอไหนเปนขอดีของสายพาน (Belts) ที่มีเหนือเฟอง (Gears) และโซ (Chains)

คําตอบ 1 : มีอัตราสวนความเร็ว (Speed ratio) ที่แนนอน

คําตอบ 2 : สามารถทํางานที่ความเร็วสูง คําตอบ 3 : สามารถสงถายกําลังไดมากกวา คําตอบ 4 : มีความคลองตัวในการตอกับเพลา

ขอที่ : 338

ระบบขับสายพานแบบ Open-belt drive ประกอบดวยพุลเลยขนาดเสนผานนศูนยกลาง 4 นิ้วและ 8 นิ้ว ตามลําดับ โดยพุลเลยตัวเล็กเปนตัวขับและหมุนดวยความเร็ว 500 รอบตอนาที จงคํานวณ หาความเร็วรอบของพุลเลยตัวใหญ กําหนดใหมีการสูญเสียความเร็วระหวางการสงเทากับ 3 %

คําตอบ 1 : 243 รอบตอนาที คําตอบ 2 : 250 รอบตอนาที คําตอบ 3 : 970 รอบตอนาที คําตอบ 4 : 1000 รอบตอนาท

ขอที่ : 339

จงหา Power loss (f) กําหนดให และ Power loss = 2 .f.F.R.n

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

134 of 150

Page 135: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : 106 W คําตอบ 2 : 116 W คําตอบ 3 : 206 W คําตอบ 4 : 226 W

ขอที่ : 340 การออกแบบการขับดวยโซ (Chain drives) ขอไหนไมถูกตอง

คําตอบ 1 : เฟองโซตัวใหญ (Larger sprocket) ปรกติควรมีจํานวนฟนไมเกิน 120 ฟน

คําตอบ 2 : มุมโอบของโซบนเฟองโซตวัเลก็ (Smaller sprocket) ไมควรเลก็กวา 120 องศา คําตอบ 3 : อัตราสวนความเร็วสูงสุดในการออกแบบการขับดวยโซเทากับ 7.0 คําตอบ 4 : ระยะหางศูนยกลาง (Center distance) ระหวางแกนเฟองโซ (Sprocket axes) ไมควรนอยกวา 30- 50 พิตซ

ขอที่ : 341 การครีพ (creep) ของสายพานคืออะไร

คําตอบ 1 : การเปลี่ยนแปลงแรงดึงในสายพาน

คําตอบ 2 : การเปลี่ยนแปลงความยาวบนลอสายพาน

คําตอบ 3 : การเปลี่ยนแปลงความเร็วบนลอสายพาน

คําตอบ 4 : การเปลี่ยนแปลงความเร็วในสายพาน

ขอที่ : 342 การขับดวยโซมีขอดีเหนือการขับดวยสายพานอยางไร

คําตอบ 1 : การบํารุงรักษางาย

คําตอบ 2 : มีขนาดกะทัดรัดกวาสายพาน

คําตอบ 3 : มีความเร็วขอบสูง คําตอบ 4 :

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

135 of 150

Page 136: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

มีความออนตัวในการสงกําลัง

ขอที่ : 343

จงหา Bearing characteristic number (S) และ ความหนาของฟลมน้ํามันเครื่องที่บางสุด กําหนดให = 2.7 x 10-6 reyn, Bearing characteristic

number , , ho/c = 0.47

คําตอบ 1 : 0.41, 0.00047 in คําตอบ 2 : 0.21, 0.0047 in คําตอบ 3 : 24.6, 0.0047 in คําตอบ 4 : 0.31, 0.00047 in

ขอที่ : 344 การขับดวยโซเพื่อใหทํางานไดอยางราบรื่นและมีอายุใชงานสูงสุด มีวิธีการกําหนดจํานวนฟนบนเฟองโซและจํานวนพิตชของโซอยางไร

คําตอบ 1 : จํานวนฟนบนเฟองโซเปนเลขคู จํานวนพิตชของโซเปนเลขคู คําตอบ 2 : จํานวนฟนบนเฟองโซเปนเลขคี่ จํานวนพิตชของโซเปนเลขคี่ คําตอบ 3 : จํานวนฟนบนเฟองโซเปนเลขคู จํานวนพิตชของโซเปนเลขคี่ คําตอบ 4 : จํานวนฟนบนเฟองโซเปนเลขคี ่จํานวนพิตชของโซเปนเลขคู

ขอที่ : 345 ชิ้นสวนยืดหยุน (Flexible elements) ชนิดใดที่ใชสงกําลังระหวางเพลา

คําตอบ 1 : เฟอง คําตอบ 2 : โซ คําตอบ 3 : ลูกเบี้ยวกับตัวตาม

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

136 of 150

Page 137: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : พุลเลย

ขอที่ : 346 โรลลิ่งแบริ่งมีขอดีเหนือกวาเจอรนัลแบริ่งอยางไร

คําตอบ 1 : มีความเสียดทานขณะสตารทนอยกวา คําตอบ 2 : ใชเนื้อที่ทางดานรัศมีนอย

คําตอบ 3 : อายุใชงานยาวนานกวา คําตอบ 4 : ขณะทํางานมีเสียงดังนอยกวา

ขอที่ : 347 การสลิประหวางสายพานกับพุลเลยทําใหเกิด

คําตอบ 1 : การสั่นสะเทือนในการสงกําลังลดลง คําตอบ 2 : อัตราสวนความเร็วไมแนนอน

คําตอบ 3 : การสะทานในการสงกําลังลดลง คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ

ขอที่ : 348 ขอใดกลาวไมถูกตอง

คําตอบ 1 : สายพานรูปตัว V ทํางานดวยแรงดึงสายพานนอยกวา คําตอบ 2 : สายพานรูปตัว V ทํางานไดราบเรียบและเงียบกวา คําตอบ 3 : สายพานรูปตัว V สามารถดูดซับ shock load ไดนอยกวา คําตอบ 4 : สายพานรูปตัว V ทํางานในที่กะทัดรัดกวาเพราะวาระยะหางระหวางศูนยกลางพุลเลยสั้นกวา

ขอที่ : 349 ขอใดไมมีผลตอการเลือกสายพานรูปตัว V

คําตอบ 1 : แรงดึงเริ่มตนบนสายพาน

คําตอบ 2 : กําลังขับของมอเตอรหรือเครื่องตนกําลัง คําตอบ 3 : ความยาวสายพาน

คําตอบ 4 : วัสดุที่ใชทําสายพาน

ขอที่ : 350 อายุใชงานของโรลลิ่งแบริ่งแปรผันตามตัวประกอบใด

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

137 of 150

Page 138: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : แรงในแนวรัศมี

คําตอบ 2 : แรงในแนวแกน

คําตอบ 3 : ความเร็วรอบของเพลา คําตอบ 4 : ชนิดของแบริ่ง

ขอที่ : 351 ความสามารถในการสงกําลังดวยโซไมขึ้นอยูกับขอใด

คําตอบ 1 : แผนประกบ (Link plates) ดานขางของโซ คําตอบ 2 : ลูกกลิ้งโซ (rollers) กับฟนเฟองโซ คําตอบ 3 : สลักโซ (Pin) กับบูช

คําตอบ 4 : ลูกกลิ้งโซกับบูช

ขอที่ : 352 การกําหนดอายุประเมินของแบริ่ง คิดจากจํานวนแบริ่งรอยละเทาใดที่สามารถหมุนไดโดยไมเกิดความเสียหายเนื่องจากความลา

คําตอบ 1 : รอยละ 60 คําตอบ 2 : รอยละ 70 คําตอบ 3 : รอยละ 80 คําตอบ 4 : รอยละ 90

ขอที่ : 353 แรงสมมูล (equivalent force) ที่ใชเลือกแบริ่ง มีเงื่อนไขในการกําหนดชนิดของแรงอยางไร

คําตอบ 1 : แรงในแนวรัศมีที่กระทําตอแบริ่ง คําตอบ 2 : แรงในแนวรัศมีและแนวแกนที่กระทําตอแบริ่ง คําตอบ 3 : แรงที่กระทําโดยที่วงแหวนในหมุน

คําตอบ 4 : แรงที่กระทําโดยวงแหวนนอกหมุน

ขอที่ : 354 แบริ่งชนิดไหนรับภาระดานขางไดดีเลิศ

คําตอบ 1 : Single-row, deep-groove ball คําตอบ 2 : Cylindrical roller คําตอบ 3 : Tapered roller คําตอบ 4 : Needle

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

138 of 150

Page 139: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 355 แบริ่งชนิดไหนรับภาระในแนวรัศมีไดดี

คําตอบ 1 : Single-row, deep-groove ball

คําตอบ 2 : Cylindrical roller

คําตอบ 3 : Tapered roller คําตอบ 4 : Needle

ขอที่ : 356 แบริ่งชนิดไหนสามารถปรับศูนยไดดีเลิศ

คําตอบ 1 : Single-row, deep-groove ball

คําตอบ 2 : Cylindrical roller คําตอบ 3 : Tapered roller คําตอบ 4 : Spherical roller

ขอที่ : 357 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : โรลลิ่งแบริ่ง (Rolling Bearing) ในขณะทํางานจะมีเสียงดังกวาเนื่องจากมีการสัมผัส ระหวางผิวของลูกกลิ้งและแหวนบางในบางชวงของการทํางาน และจะมีอายุการใช งานสั้นกวาทั้งนี้เนื่องมาจากความเคนที่เกิดขึ้นมีคาสูง และเปนประเภทการกระทําซ้ํา (Repeating Load) จึงทําใหเกิดการเสียหายเนื่องจากความลา เมื่อเปรียบเทียบกับเจอร นัลแบริ่ง (Journal Bearing)

คําตอบ 2 : โรลลิ่งแบริ่ง (Rolling Bearing) โดยทั่วไปแลวจะสามารถแบงออกเปนสองพวกใหญ ๆ คือ บอลแบริ่งซึ่งมีลูกกลิ้งเปนรูปทรงกลม (Ball Bearing) และโรลเลอรแบริ่ง (Roller Bearing) ซึ่งมีลูกกลิ้งเปนรูปทรงกระบอกตรง (Straight Roller) หรือเปนรูป ทรงกระบอกเรียว (Tapered Roller)

คําตอบ 3 : เจอรนัลแบริ่ง (Journal Bearing) เปนอุปกรณของเครื่องจักรกลที่ใชรองรับเพลา โดยทั่วไปแลวเจอรนัลแบริ่งจะใชน้ํามันเปนสารหลอลื่น (Lubrication) เพื่อลดความ เสียดทาน ความสึกหรอ และความรอนที่เกิดขึ้นในชิ้นสวนที่มีการเสียดสีกัน

คําตอบ 4 : บอลแบริ่ง (Radial Ball Bearing) หรือตลับลูกปนเปนแบริ่งแบบที่นิยมใชกันอยู โดยทั่วไป สามารถนําไปใชสําหรับการรับภาระไดทั้งในแนวรัศมี (Radial Load) และ ในแนวแกน (Axial or Thrust Load)

ขอที่ : 358

แบริ่งชนิดใดที่เหมาะสมกับการใชงานเพื่อใชสําหรับการรองรับเพลาที่รับกําลังมาจากเฟอง เฉียง (Bevel Gear) ที่ติดอยูกับเพลา ซึ่งจะเกิดภาระที่กระทําขึ้นทั้งในแนวรัศมี (Radial Load) และในแนวแกน (Axial or Thrust Load)

คําตอบ 1 : Radial Ball Bearings

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

139 of 150

Page 140: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : Deep-Groove Ball Bearings และ Single-row Spherical Roller Bearing คําตอบ 3 : Cylindrical หรือ Straight Roller Bearings คําตอบ 4 : Needle Roller Bearings

ขอที่ : 359

การหลอลื่นในเจอรนอล แบริ่งมีหลักการของการหลอลื่นดังนี้

คําตอบ 1 : การหลอลื่นแบบไฮโรไดนามิคส

คําตอบ 2 : การหลอลื่นแบบไฮโดรสแตติก

คําตอบ 3 : การหลอลื่นแยยอิลาสโคไฮโดรไดนามิก

คําตอบ 4 : การหลอลื่นแบบเบาวนดอรี่

ขอที่ : 360 คุณสมบัติของวัสดุขอใดที่ไมใชเปนขอหลักในการพิจารณาขั้นตนในการเลือกวัสดุมาทําแบริ่ง

คําตอบ 1 : คุณสมบัติในการรับแรง

คําตอบ 2 : คุณสมบัติในการทนการกัดกรอน

คําตอบ 3 : คุณสมบัติการออนตัวติดตั้งงาย

คําตอบ 4 : คุณสมบัติในการนําไฟฟา

ขอที่ : 361 คุณสมบัติขอใดที่เปนขอดีของโรลลิ่งแบริ่ง เทื่อเปรียบกับเจอรนับแบริ่ง

คําตอบ 1 : ราคาถูกกวา คําตอบ 2 : อายุใชงานยาวนานกวา คําตอบ 3 : มีทิศทางการรับแรงมากกวา คําตอบ 4 : เสียงเบากวาขณะทํางาน

ขอที่ : 362 ขอเหวี่ยงของเครื่องอัดอากาศตองรับภาระ 50 kg ถาเสนผานศูนยกลางของแบริ่งเปน 20 mm และ อัตราสวน L/D ใชคา 1.7 ความดันของแบริ่งจะเปนเทาใด

คําตอบ 1 : 620 kPa

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

140 of 150

Page 141: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : 721 kPa คําตอบ 3 : 650 kPa คําตอบ 4 : 751 kPa

ขอที่ : 363

ขอเหวี่ยงของเครื่องอัดอากาศตองรับภาระ 50 kg ถาเสนผานศูนยกลางของแบริ่งเปน 20 mm และ อัตราสวน L/D ใชคา 1.7 ความยาวของแบริ่งจะเปนเทาใด

คําตอบ 1 : 34 mm

คําตอบ 2 : 35 mm

คําตอบ 3 : 36 mm คําตอบ 4 : 37 mm

ขอที่ : 364

สมการพีทรอป (Petroff) แสดงถึงความสัมพันธระหวางสัมประสิทธิ์ความเสียดทานในเจอรนอลแบริ่ง กับกลุมตัวแปรไรมิติ ซึ่งประกอบดวยความหนืด μ ( Pa.s ) อัตราการหมุน n( rad / s ) และความดันแบริ่ง P ( N / mm2 )

คําตอบ 1 : μnP

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 365

โคนคลัทชมีมุมของโคน 12o มีรัศมีเฉลี่ย 8 นิ้ว สัมประสิทธิ์ความเสียดทาน 0.35 ถาใชสงกําลัง 1000 Ib-in ตองใชแรงในการกดเทาไร

คําตอบ 1 : 73.2 lb

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

141 of 150

Page 142: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 : 74.3 lb คําตอบ 3 : 75.4 lb คําตอบ 4 : 76.5 lb

ขอที่ : 366

โคนคลัชตมีมุมของโคน 12o มีรัศมีเฉลี่ย 8 นิ้ว สัมประสิทธิ์ความเสียดทาน 0.35 ถาหมุนดวยความเร็ว 1800 rpm จะสงกําลังไดเทาไร

คําตอบ 1 : 24.3 hp คําตอบ 2 : 26.5 hp

คําตอบ 3 : 28.6 hp

คําตอบ 4 : 30.2 hp

ขอที่ : 367 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : โรลลิ่งแบริ่ง (Rolling Bearing) ในขณะทํางานจะมีเสียงดังกวาเนื่องจากมีการสัมผัส ระหวางผิวของลูกกลิ้งและแหวนบางในบางชวงของการทํางาน และจะมีอายุการใช งานสั้นกวาทั้งนี้เนื่องมาจากความเคนที่เกิดขึ้นมีคาสูง และเปนประเภทการกระทําซ้ํา (Repeating Load) จึงทําใหเกิดการเสียหายเนื่องจากความลา เมื่อเปรียบเทียบกับเจอร นัลแบริ่ง (Journal Bearing)

คําตอบ 2 : โรลลิ่งแบริ่ง (Rolling Bearing) โดยทั่วไปแลวจะสามารถแบงออกเปนสองพวกใหญ ๆ คือ บอลแบริ่งซึ่งมีลูกกลิ้งเปนรูปทรงกลม (Ball Bearing) และโรลเลอรแบริ่ง (Roller Bearing) ซึ่งมีลูกกลิ้งเปนรูปทรงกระบอกตรง (Straight Roller) หรือเปนรูป ทรงกระบอกเรียว (Tapered Roller)

คําตอบ 3 : เจอรนัลแบริ่ง (Journal Bearing) เปนอุปกรณของเครื่องจักรกลที่ใชรองรับเพลาหรือ เจอรนัล (Journal) โดยทั่วไปแลวเจอรนัลแบริ่งจะใชลูกกลิ้ง (Rolling Element) สัมผัส ระหวางระหวางเจอรนัล (Journal) และแบริ่ง (Bearing) เพื่อลดความเสียดทาน ความ สึกหรอ และความรอนที่เกิดขึ้นในชิ้นสวนที่มีการเสียดสีกัน

คําตอบ 4 : บอลแบริ่ง (Radial Ball Bearing) หรือตลับลูกปนเปนแบริ่งแบบที่นิยมใชกันอยู โดยทั่วไป เหมาสมกับการนําไปใชสําหรับการรับภาระในแนวรัศมี (Radial Load)

ขอที่ : 368

แบริ่งชนิดใดที่เหมาะสมกับการใชงานเพื่อใชสําหรับการรองรับเพลาซึ่งเกิดภาระที่กระทํากับ เพลาในแนวรัศมี (Radial Load) เทานั้น

คําตอบ 1 : Radial Ball Bearings

คําตอบ 2 : Deep-Groove Ball Bearings และ Single-row Spherical Roller Bearing

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

142 of 150

Page 143: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 3 : Cylindrical หรือ Straight Roller Bearings คําตอบ 4 : Needle Roller Bearings

ขอที่ : 369

การถายทอดกําลังดวยสายพาน ปลายทั้งสองขางของเพลารองรับดวย Angular Ball Bearing (α = 25๐) No.218 (มี Bore = 90 mm และมี Rated Load Capacities, C = 29 kN สําหรับอายุการใชงาน 90 x 106 รอบ ) เพลาหมุนดวยอัตราเร็ว 1200 rpm แบริ่งทํางานภายใตแรงกระตุกปานกลาง (ใช Ka = 1.7) และกําหนดให Reliability

Factor, KF = 0.7 จงหาอายุการใชงานของแบริ่งแตละอัน ถาแบริ่งแตละอันรับ Thrust Load เทากัน คือ 13 kN (ใหตอบเปนหนวยชั่วโมง)

คําตอบ 1 : L1 = 282.76 hr, L2 = 722.85 hr

คําตอบ 2 : L1 = 299.89 hr, L2 = 726.86 hr

คําตอบ 3 : L1 = 322.89 hr, L2 = 846.57 hr

คําตอบ 4 : L1 = 400.57 hr, L2 = 827.43 hr

ขอที่ : 370

วิศวกรออกแบบ Angular Ball Bearing (α=25๐) No.204 (มี Bore = 20 mm และมี Rated Load Capacities, C = 3.05 kN สําหรับอายุการใชงาน 90x106 รอบ ) เพลาหมุนดวยอัตราเร็ว 1000 rpm แบริ่งทํางานภายใตภาระการทํางานคอนขางเรียบ (ใช Ka = 1) แลกําหนดให Reliability Factor, Kr = 1 จงหาอายุการใชงานของแบ

ริ่งแตละอัน ถาแบริ่งรับภาระ Radial Load = 2.0 kN และ Thrust Load = 1.0 kN (ใหตอบเปนหนวยชั่วโมง)

คําตอบ 1 : L = 59765.42 hr

L = 5987.32 hr

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

143 of 150

Page 144: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 : L = 6000.32 hr

คําตอบ 4 : L = 6114.77 hr

ขอที่ : 371

วิศวกรออกแบบ Angular Ball Bearing (α=25๐) No.204 (มี Bore = 20 mm และมี Rated Load Capacities, C = 3.05 kN สําหรับอายุการใชงาน 90x106 รอบ ) เพลาหมุนดวยอัตราเร็ว 1000 rpm แบริ่งทํางานภายใตภาระการทํางานคอนขางเรียบ (ใช Ka = 1) แลกําหนดให Reliability Factor, Kr = 1 จงหาอายุการใชงานของแบริ่งแต

ละอัน ถาแบริ่งรับภาระ Radial Load = 1.0 kN และ Thrust Load = 2.0 kN (ใหตอบเปนหนวยชั่วโมง)

คําตอบ 1 : L = 2115.87 hr คําตอบ 2 : L = 4817.99 hr คําตอบ 3 : L = 5742.87 hr คําตอบ 4 : L = 6512.82 hr

ขอที่ : 372 ขอใดกลาวถูกตอง

คําตอบ 1 : การสงกําลังดวยเฟองโซคูหนึ่ง ดานตึง (Tight side) และดานหยอน (Slack side) จะมีแรงบน เฟองโซเทากัน

คําตอบ 2 : การสงกําลังดวยเฟองโซคูหนึ่ง ดานตึง (Tight side) มีแรงบนเฟองโซมากกวาดานหยอน (Slack side) ซึ่งดานนี้จะมีแรงมากกวาศูนย คําตอบ 3 : การขับดวยสายพานรูปตัว V บนพุลเลยคูหนึ่งทั้งดานตึงและดานหยอนจะอยูภายใตแรงดึง แตแรงดึงดานตึงจะมากกวาดานหยอน

คําตอบ 4 : การขับดวยสายพานรูปตัว V บนพุลเลยคูหนึ่งทั้งดานตึงและดานหยอนจะอยูภายใตแรงดึง เทากัน

ขอที่ : 373

ในการถายทอดกําลังโดยใชสายพานวีผูออกแบบตองใชพูเลย ขนาด 100 mm และ 200 mm เพื่อตองการใหไดอัตราทดเทากับ 2 :1 พอดี กําลังสูงสุดที่ตองการถายทอดเทากับ 8.3 kW (N3 = 1.2) ถาพูเลยตัวใหญหมุนดวยอัตราเร็ว 800 rpm จงหาวาจะใชสายพานวีหนาตัดแบบใดจึงจะเหมาะสม

คําตอบ 1 : หนาตัดแบบ Y คําตอบ 2 : หนาตัดแบบ Z คําตอบ 3 : หนาตัดแบบ A คําตอบ 4 : หนาตัดแบบ B

ขอที่ : 374

โซโรลเลอร (Roller Chain) ISO/R 606 06B-1 (มีระยะพิทชของโซ , p = 9.525 mm และแรงแตกหักนอยที่สุดของโซ, Fb = 8.93 kN)ใชในการถายทอดกําลังเทากับ

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

144 of 150

Page 145: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

2.2 kW ดวยอัตราเร็วรอบของเฟองโซเทากับ 1200 rpm ถาอัตราทดเทากับ 1 และ จํานวนฟนของเฟองโซ (Sprocket) เทากับ

คําตอบ 1 :

คําตอบ 2 :

คําตอบ 3 :

คําตอบ 4 :

ขอที่ : 375 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : สายพานสามารถใชในการถายทอดกําลังระหวางเพลาหนึ่งไปยังอีกเพลาหนึ่ง มีราคา ถูกและใชงาย สามารถรับแรงกระตุกและการสั่นสะเทือนไดดี แตมีขอเสียคืออัตราทด ไมแนนอนเนื่องมาจากการลื่นไถลของสายพาน (Slip) และการยืดตัวของสายพาน (Creep)

คําตอบ 2 : เนื่องจากคุณสมบัติในการออนตัวของสายพาน (Flexibility) สายพานสามารถ ประกอบการขับของสายพานเปนแบบ Open Drive สําหรับเพลาที่ขนานกันเพื่อทําให เพลาขับและเพลาตามหมุนในทิศทางเหมือนกัน และเปนแบบ Cross Drive สําหรับ เพลาที่ขนานกันเพื่อทําใหเพลาขับและเพลาตามหมุนในทิศทางตรงขามกัน

คําตอบ 3 : สายพานแบน (Flat Belt) สามารถสงกําลังไดดีกวาสายพานวี (V-Belt) คําตอบ 4 : ไมสามารถใชโซสงกําลังประกอบติดตั้งแบบ Cross Drive ได

ขอที่ : 376

ในการถายทอดกําลังโดยใชสายพานวี ใชมอเตอรกระแสสลับขนาด 4 kW มีอัตราเร็วรอบ 1450 rpm ถายทอดกําลังผานพูเลย และสายพานไปขับเครื่องอัดอากาศที่อัตราเร็วรอบ 815 rpm (ใหใช Ns = 1.3) จงหาวาจะใชสายพานวีหนาตัดแบบใดจึงจะเหมาะสม

คําตอบ 1 : หนาตัดแบบ Y คําตอบ 2 : หนาตัดแบบ Z คําตอบ 3 : หนาตัดแบบ A คําตอบ 4 : หนาตัดแบบ B

ขอที่ : 377

ระบบสงกําลังดวยสายพานมี pulley 2 ตัว ที่มีเสนผานศูนยกลาง 4 นิ้ว และ 8 นิ้ว มีระยะระหวาง ศูนยกลาง 24 นิ้ว pulley ตัวเล็กหมุนดวยความเร็ว 500 rpm ถามีการสลิป 3 % ความเร็วของpulley ตัวใหญคือ

คําตอบ 1 : 243 rpm คําตอบ 2 : 245 rpm คําตอบ 3 : 247 rpm

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

145 of 150

Page 146: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 4 : 249 rpm

ขอที่ : 378

ระบบสงกําลังดวยสายพานมี pulley 2 ตัวที่มีเสนผานศูนยกลาง 4 นิ้ว และ 8 นิ้ว มีระยะระหวาง ศูนยกลาง 24 นิ้ว pulley ตัวเล็กหมุนดวยความเร็ว 500 rpm ความยาวของสายพานเล็กจะเปน

คําตอบ 1 : 61.01 นิ้ว คําตอบ 2 : 63.53 นิ้ว คําตอบ 3 : 65.04 นิ้ว คําตอบ 4 : 67.02 นิ้ว

ขอที่ : 379

ระบบสงกําลังดวยสายพานมี pulley 2 ตัวที่มีเสนผานศูนยกลาง 4 นิ้ว และ 8 นิ้ว มีระยะระหวาง ศูนยกลาง 24 นิ้ว pulley ตัวเล็กหมุนดวยความเร็ว 500 rpm มุมของการสัมผัสของ pulley เล็กจะ เปน

คําตอบ 1 : 170.4๐ คําตอบ 2 : 160.2๐ คําตอบ 3 : 150.3๐ คําตอบ 4 : 140.4๐

ขอที่ : 380 ระบบสงกําลังดวยสายพานมี pulley ที่มีเสนผานศูนยกลาง 200 mm และ 100 mm มีระยะหาง ระหวางศูนยกลาง 600 mm มุมสัมผัสของ pulley ใหญคือ

คําตอบ 1 : 170๐ คําตอบ 2 : 180๐ คําตอบ 3 : 190๐ คําตอบ 4 : 200๐

ขอที่ : 381 ระบบสงกําลังดวยสายพานมี pulley ที่มีเสนผานศูนยกลาง 200 mm และ 100 mm มีระยะหาง ระหวางศูนยกลาง 600 mm มุมสัมผัสของ pulley เล็กคือ

คําตอบ 1 : 170๐ คําตอบ 2 : 180๐ คําตอบ 3 : 190๐ คําตอบ 4 : 200๐

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

146 of 150

Page 147: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 382 ระบบสงกําลังดวยสายพานมี pulley ที่มีเสนผานศูนยกลาง 200 mm และ 100 mm มีระยะหาง ระหวางศูนยกลาง 600 mm ความยาวของสายพานจะเปน

คําตอบ 1 : 1.40 m คําตอบ 2 : 1.52 m คําตอบ 3 : 1.68 m คําตอบ 4 : 1.74 m

ขอที่ : 383 ความเคนที่เกิดขึ้นในสายพานสงกําลังมีดังนี้

คําตอบ 1 : ความเคนดึง และ ความเคนดัด

คําตอบ 2 : ความเคนเฉือน และ ความเคนดึง คําตอบ 3 : ความเคนดัด และความเคนเฉือน

คําตอบ 4 : ความเคนดึงอยางเดียว

ขอที่ : 384 ขอเสียของการใชสายพานสงกําลังคือ

คําตอบ 1 : อัตราทดไมแนนอน

คําตอบ 2 : ราคาแพง คําตอบ 3 : ใชงานมีเสียงดัง คําตอบ 4 : รับการสั่นสะเทือนไมได

ขอที่ : 385 ขอความใดไมถูกตอง

คําตอบ 1 : สายพานสามารถใชในการถายทอดกําลังระหวางเพลาหนึ่งไปยังอีกเพลาหนึ่ง มีราคา ถูกและใชงาย สามารถรับแรงกระตุกและการสั่นสะเทือนไดดี แตมีขอเสียคืออัตราทด ไมแนนอนเนื่องมาจากการลื่นไถลของสายพาน (Slip) และการยืดตัวของสายพาน (Creep)

คําตอบ 2 : เนื่องจากคุณสมบัติในการออนตัวของสายพาน (Flexibility) สายพานสามารถ ประกอบการขับของสายพานเปนแบบ Open Drive สําหรับเพลาที่ขนานกันเพื่อทําให เพลาขับและเพลาตามหมุนในทิศทางเหมือนกัน และเปนแบบ Cross Drive สําหรับ เพลาที่ขนานกันเพื่อทําใหเพลาขับและเพลาตามหมุนในทิศทางตรงขามกัน

คําตอบ 3 : สายพานวี (V-Belt) สามารถสงกําลังไดดีกวาสายพานแบน (Flat Belt) คําตอบ 4 : สามารถใชโซสงกําลังประกอบติดตั้งแบบ Cross Drive ได

ขอที่ : 386

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

147 of 150

Page 148: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ในการถายทอดกําลังโดยใชสายพานวี ใชมอเตอรกระแสสลับขนาด 5 kW มีอัตราเร็วรอบ 1250 rpm ถายทอดกําลังผานพูเลยและสายพานไปขับเครื่องดูดควันซึงมีความเร็วรอบ 480 rpm (ใหใช Ns = 1.3) จงหาวาจะใชสายพานวีหนาตัดแบบใดจึงจะเหมาะสม

คําตอบ 1 : หนาตัดแบบ Y คําตอบ 2 : หนาตัดแบบ Z คําตอบ 3 : หนาตัดแบบ A คําตอบ 4 : หนาตัดแบบ B

ขอที่ : 387

ในการถายทอดกําลังโดยใชสายพานวี ผูออกแบบตองใชพูเลย ขนาด 100 mm และ 200 mm เพื่อตองการใหไดอัตราทดเทากับ 2 :1 พอดี กําลังสูงสุดที่ตองการถายทอดเทากับ 8.3 kW (Ns = 1.2) ถาพูเลยตัวใหญหมุนดวยอัตราเร็ว 800 rpm จงหาวาจะใชสายพานวีหนาตัดแบบใดจึงจะเหมาะสม

คําตอบ 1 : หนาตัดแบบ Y คําตอบ 2 : หนาตัดแบบ Z คําตอบ 3 : หนาตัดแบบ A คําตอบ 4 : หนาตัดแบบ B

ขอที่ : 388

ในการถายทอดกําลังโดยใชสายพานวี ผูออกแบบตองใชพูเลย ขนาด 100 mm และ 300 mm เพื่อตองการใหไดอัตราทดเทากับ 3 :1 พอดี กําลังสูงสุดที่ตองการถายทอดเทากับ 10 kW (Ns = 1.3) ถาพูเลยตัวใหญหมุนดวยอัตราเร็ว 650 rpm จงหาวาจะใชสายพานวีหนาตัดแบบใดจึงจะเหมาะสม

คําตอบ 1 : หนาตัดแบบ Y คําตอบ 2 : หนาตัดแบบ Z คําตอบ 3 : หนาตัดแบบ A คําตอบ 4 : หนาตัดแบบ B

ขอที่ : 389

โซโรลเลอร (Roller Chain) ISO/R 606 08B-1 (มีระยะพิตยของโซ, p = 12.70 mm และแรงแตกหักนอยที่สุดของโซ , Fb = 17.85 kN) ใชในการถายทอดกําลังเทากับ

5.5 kW ดวยอัตราเร็วรอบของพิเนียนเทากับ 1450 rpm ถาอัตราทดเทากับ 2.5 และจํานวนฟนของพิเนียนเทากับ 23 ฟน จงหาแรงดึงในโซ, Ft (โดยถือวาแรงหนีศูนย

กลางของโซมีคานอยมากเมื่อเปรียบเที่ยบกับแรงดึงในแนวสัมผัส) และคาความปลอดภัยของโซ

คําตอบ 1 : Ft = 0.451 kN และ N = 19.33

คําตอบ 2 : Ft = 0.471 kN และ N = 20.33

คําตอบ 3 : Ft = 0.780 kN และ N = 22.88

คําตอบ 4 : Ft = 0.795 kN และ N = 19.33

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

148 of 150

Page 149: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

ขอที่ : 390

ขอใดถูกตองที่สุดถาหากหนาตัดดังกลาวนําไปใชเปนคาน

รูป ก. รูป ข. คําตอบ 1 : หนาตัดรูป ข. รับโมเมนตดัดไดมากกวา รูป ก. คําตอบ 2 : หนาตัดรูป ก. แข็งแรงมากกวา รูปตัด ข. เทากับ 4.21 เทา คําตอบ 3 : หนาตัดรูป ก. แข็งแรงมากกวา รูปตัด ข. เทากับ 3.2 เทา คําตอบ 4 : หนาตัดรูป ก. แข็งแรงมากกวา รูปตัด ข. เทากับ 2

ขอที่ : 391 เฟองตรงในระบบนิ้วถา Diametral pitch เปนจํานวนเต็มต่ํากวา 20 เรียกวา

คําตอบ 1 : Coarse pitch คําตอบ 2 : Medium pitch คําตอบ 3 : Fine pitch คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ

ขอที่ : 392

การถายทอดกําลังดวยสายพาน ปลายทั้งสองขางของเพลารองรับดวย Angular Ball Bearing (α = 25๐) No.218 (มี Bore = 90 mm และมี Rated Load Capacities, C = 29 kN สําหรับอายุการใชงาน 90 x 106 รอบ ) เพลาหมุนดวยอัตราเร็ว 1200 rpm แบริ่งทํางานภายใตแรงกระตุกปานกลาง (ใช Ka = 1.7) และกําหนดให Reliability

Factor, Kf = 0.7 จงหาอายุการใชงานของแบริ่งแตละอัน ถาแบริ่งแตละอันรับ Thrust Load เทากัน คือ 10 kN (ใหตอบเปนหนวยชั่วโมง)

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

149 of 150

Page 150: ข อที่ :1 ปรัชญาของการออกแบบเครื่ัองจกรกลที่สําคัญกล าวไว ...¸ªาขาเครื่องกล/วิชา

คําตอบ 1 : L1 = 782.56 hr, L2 = 22.85 hr

คําตอบ 2 : L1 = 688.76 hr, L2 = 68.43 hr

คําตอบ 3 : L1 = 422.89 hr, L2 = 46.57 hr

คําตอบ 4 : L1 = 400.57 hr, L2 = 27.43 hr

สภาวิศวกรขอสงวน

สิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

150 of 150