13
บทที1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษามือไทย ภาษามือเป็นภาษาแรกของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินที่ใช้ในการสื่อความหมาย ระหว่างคนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินด้วยกันและกับบุคคลอื่นๆ เมื่อบุคคลที่มีความบกพร่อง ทางการได้ยินเติบโตขึ้นจะต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินจึงต้องเรียนรูวิธีการสื่อความหมายที่ใช้แทนการพูดกับผู้อื่นในสังคมด้วย เนื่องจากการสูญเสียการได้ยิน ผู้ที่มีความ บกพร่องทางการได้ยินจึงต้องเรียนโดยการฝึกทักษะด้วยตนเองโดยการดูริมฝีปากผู้อื่นเพื่อเข้าใจความ ต้องการของผู้พูด และแสดงท่าทางตอบผู้พูดด้วยการใช้มือทาท่าทางต่างๆ เพื่อแสดงให้รู้ว่าเข้าใจ หรือไม่เข้าใจในการสนทนาหรือฟังคาบอกเล่าต่างๆ ได้ ถ้าพ่อแม่บอกให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ ยินทากิจวัตรประจาวันหรือกิจกรรมบางอย่างที่เคยชิน ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินก็ตอบสนอง และแสดงความเข้าใจด้วยการปฏิบัติที่ทาให้รู้ว่าตนเข้าใจและรับรู้การสื่อความหมาย ความเป็นมาของภาษามือไทย การใช้ภาษามือประดิษฐ์ในระยะแรกคุณหญิงกมลา ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก ของเด็กนักเรียนหูหนวกที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ซึ่งท่านคิดทาขึ้นจากการไปศึกษาต่อจากต่างประเทศ โดยเลือกที่เหมาะสมกับการสอนเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินในประเทศไทย ให้สามารถสื่อ ความรู้ในการสอนการเรียนระหว่างครูกับศิษย์ได้ การคิดทาท่าภาษามือประดิษฐ์ขึ้นใช้ในการสอนและการเรียนของเด็กหูหนวกไม่สามารถทาได้ ครบทุกคาที่ใช้พูด ใช้เรียน หรือในชีวิตประจาวันเท่ากับภาษาของคนปกติ ดังนั้นต้องมีการใช้วิธีการ อื่นๆ เข้ามาช่วยในการพูด การเรียน หรือใช้ในชีวิตประจาวันได้แก่การสะกดนิ้วมือ ซึ่งจะมี รายละเอียดในหัวข้อต่อๆ ไป ความหมายของภาษามือ นักการศึกษาทางด้านการศึกษาของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินได้ตกลงและยอมรับ ว่าภาษามือเป็นภาษาหนึ่งสาหรับติดต่อสื่อความหมาย และกรมสามัญศึกษาได้ให้ความหมายของ ภาษามือไว้ดังนีภาษามือ คือ ภาษาสาหรับคนหูหนวก ใช้มือ สีหน้า และกิริยาท่าทางประกอบในการสื่อ ความหมาย และถ่ายทอดอารมณ์แทนการพูด ภาษามือของแต่ละชาติมีความหมายแตกต่างกัน เช่นเดียวกับภาษาพูด ซึ่งแตกต่างกันตามขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและลักษณะภูมิศาสตร์

บทที่ 1

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: บทที่ 1

บทท่ี 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษามือไทย

ภาษามือเป็นภาษาแรกของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินที่ใช้ในการสื่อความหมายระหว่างคนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินด้วยกันและกับบุคคลอ่ืนๆ เมื่อบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเติบโตขึ้นจะต้องอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนมากขึ้น ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินจึงต้อง เรียนรู้วิธีการสื่อความหมายที่ใช้แทนการพูดกับผู้อ่ืนในสังคมด้วย เนื่องจากการสูญเสียการได้ยิน ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินจึงต้องเรียนโดยการฝึกทักษะด้วยตนเองโดยการดูริมฝีปากผู้อ่ืนเพ่ือเข้าใจความต้องการของผู้พูด และแสดงท่าทางตอบผู้พูดด้วยการใช้มือท าท่าทางต่างๆ เพ่ือแสดงให้รู้ว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจในการสนทนาหรือฟังค าบอกเล่าต่างๆ ได้ ถ้าพ่อแม่บอกให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินท ากิจวัตรประจ าวันหรือกิจกรรมบางอย่างที่เคยชิน ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินก็ตอบสนองและแสดงความเข้าใจด้วยการปฏิบัติที่ท าให้รู้ว่าตนเข้าใจและรับรู้การสื่อความหมาย

ความเป็นมาของภาษามือไทย การใช้ภาษามือประดิษฐ์ในระยะแรกคุณหญิงกมลา ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก ของเด็กนักเรียนหูหนวกที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ซึ่งท่านคิดท าขึ้นจากการไปศึกษาต่อจากต่างประเทศ โดยเลือกที่เหมาะสมกับการสอนเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินในประเทศไทย ให้สามารถสื่อความรู้ในการสอนการเรียนระหว่างครูกับศิษย์ได้ การคิดท าท่าภาษามือประดิษฐ์ขึ้นใช้ในการสอนและการเรียนของเด็กหูหนวกไม่สามารถท าได้ครบทุกค าที่ใช้พูด ใช้เรียน หรือในชีวิตประจ าวันเท่ากับภาษาของคนปกติ ดังนั้นต้องมีการใช้วิธีการอ่ืนๆ เข้ามาช่วยในการพูด การเรียน หรือใช้ในชีวิตประจ าวันได้แก่การสะกดนิ้วมือ ซึ่งจะมีรายละเอียดในหัวข้อต่อๆ ไป

ความหมายของภาษามือ นักการศึกษาทางด้านการศึกษาของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินได้ตกลงและยอมรับว่าภาษามือเป็นภาษาหนึ่งส าหรับติดต่อสื่อความหมาย และกรมสามัญศึกษาได้ให้ความหมายของภาษามือไว้ดังนี้ ภาษามือ คือ ภาษาส าหรับคนหูหนวก ใช้มือ สีหน้า และกิริยาท่าทางประกอบในการสื่อความหมาย และถ่ายทอดอารมณ์แทนการพูด ภาษามือของแต่ละชาติมีความหมายแตกต่างกัน เช่นเดียวกับภาษาพูด ซึ่งแตกต่างกันตามขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและลักษณะภูมิศาสตร์

Page 2: บทที่ 1

3

เช่น ภาษามือจีน ภาษามืออเมริกา และภาษามือไทย เป็นต้น ภาษามือเป็นภาษาที่นักการศึกษาทางด้านการศึกษาของคนหูหนวกตกลงและยอมรับกันแล้วว่าเป็นภาษาหนึ่งส าหรับติดต่อสื่อความหมายระหว่างคนหูหนวกกับหูหนวกด้วยกัน และระหว่างคนปกติกับคนหูหนวก (กรมสามัญศึกษา. 2536: 3)

ภาษามือเป็นระบบสื่อสารอย่างหนึ่งของคนหูหนวก “ผู้พูด” จะใช้มือทั้งสองข้างแสดงท่าทาง หรือแสดงการวางมือในต าแหน่งต่างๆ กัน แต่ละท่า/ต าแหน่งของมือมีความหมาย ถ้าต้องการสื่อความหมายเป็นประโยคก็แสดงท่ามือหลายๆ ท่า ตามความหมายของค านั้นๆ (ผดุง อารยวิญญู. 2542: 34)

ดังนั้น ภาษามือจึงเป็นภาษาที่จะใช้สื่อสารส าหรับคนหูหนวกกับคนหูนวกและคนหูหนวกกับคนหูดีที่สามารถใช้ภาษามือได้ โดยการใช้ท่ามือ สีหน้า ท่าทาง ต าแหน่งและการวางมือซึ่งมีความหมายเป็นค า และน าค าต่างๆ ประกอบกัน จนกลายเป็นประโยค ที่ช่วยในการจัดการเรียน การสอนและใช้ในชีวิตประจ าวัน

ชนิดของภาษามือ ภาษามือ ส าหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ภาษามือธรรมชาติและภาษามือประดิษฐ์ ซึ่งมีความเหมือนและแตกต่างกันดังนี้

1. ภาษามือธรรมชาติ คือ ภาษาท่าทางที่คนปกติและคนหูหนวกคิดท าขึ้น เพ่ือใช้สื่อความหมายและความเข้าใจในการการอยู่ร่วมกันบ้านในชุมชน เช่น พ่อแม่ ญาติและเพ่ือนของ คนหูหนวก คนหูหนวกจะแสดงท่าทางตอบรับการสื่อความหมายว่าตนเข้าใจหรือไม่เข้าใจอย่างไร ซึ่งอาจมีมากพอที่จะใช้ในการสนทนาโต้ตอบกันได้เช่นเดียวกับคนปกติที่ ใช้ภาษาพูดในการสื่อความหมายว่าตนเข้าใจอย่างไร ซึ่งอาจมากพอที่จะใช้ในการสนทนาโต้ตอบกันได้เช่นเดียวกับคนปกติที่ใช้ภาษาพูดในการสื่อความหมายกัน ดังนั้นภาษามือธรรมชาติจึงมีความแตกต่างกันมากในแต่ละครอบครัวและแต่ละท้องถิ่น

ในแต่ละท้องถิ่นภาษาถิ่นที่ ใช้เรียกชื่อสิ่งของหรือแสดงอาการต่างๆ ของคนปกติ ไม่เหมือนกันและยังมีขนบธรรมเนียม ประเพณี และศาสนาที่แตกต่างกัน จึงเป็นสาเหตุให้ภาษามือธรรมชาติของแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย ดังนั้นคนหูหนวกที่อยู่ต่างท้องถิ่นกันจึงมีความล าบากในการสื่อความหมายซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นเช่นนี้การให้การศึกษาแก่เด็กหูหนวกจึงต้องก าหนดภาษามือที่เป็นแกนกลาง เพ่ือให้เป็นภาษาวิชาการที่ครูสอนเด็กหูหนวกใช้สอนได้เหมือนกัน เปรียบได้กับภาษาภาคกลางเป็นภาษาราชการจึงเป็นภาษาวิชาการที่จะต้องสอนนักเรียนให้อ่านออกเขียนได้ ฟังและพูดภาษากลางในการสื่อความหมายกันได้ทั่วไปในประเทศไทย

Page 3: บทที่ 1

4

2. ภาษามือประดิษฐ์ คือ ภาษามือที่ได้มาจากภาษามือธรรมชาติที่คนหูหนวกท าท่าทางแทนการพูด เรียกชื่อสิ่งของ เครื่องใช้ หรือแสดงอากัปกิริยาต่างๆ ที่แต่ละคนแต่ละท้องถิ่นใช้เหมือนๆ กันน ามารวบรวมให้ใช้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งมีการรวบรวมความคิด ความต้องการจากคนหูหนวกและนักวิชาการคิดท่าทางส าหรับค าต่างๆ ขึ้น ภาษามือประดิษฐ์นี้จะต้องได้รับการยอมรับและน าไปใช้เพ่ือการสอนการเรียนส าหรับคนหูหนวกในโรงเรียน บางท่าอาจได้มากจากการท าท่าเลียนแบบภาษามือของต่างประเทศ มีบางท่าอาจได้มาจากการท าท่าเลียนแบบภาษามือของต่างประเทศ มีบางค าที่ใช้กันในกลุ่มคนไทยและใช้เลียนแบบภาษาต่างประเทศก็มีอยู่หลายค า

การสะกดนิ้วมือภาษาอังกฤษและการสะกดนิ้วมือภาษาไทย การสะกดนิ้วมือเป็นภาษามือประดิษฐ์ขึ้นเพ่ือใช้สะกดค าต่างๆ ให้อ่านเขียนจากหนังสือเรียนหรือท าแบบฝึกหัดได้เช่นเดียวกับคนปกติ ในการท าภาษามือภาษาอังกฤษนั้นตามภาพดังนี้

แบบสะกดนิ้วมือภาษาอังกฤษ

A

ก ำมือเอำนิว้โป้งไว้ขำ้งนิ้ว B

แบมือพับนิว้โป้งชิดผ่ำมือ C

ท ำมือรูปตัว c D

งอนิ้วกลำง นิว้นำงนิ้วกอ้ยลงให้ปลำยนิ้วกลำงชนกับปลำย

นิ้วโป้งและชูนิว้ชี้ขึ้น

E งอนิ้วทั้งหมดลงน ำนิ้วโป้ง

วำงที่ปลำยนิว้ชี ้

F แบมือและน ำนิ้วชี้แตะที่ปลำย

นิ้วโป้ง

G

ก ำมือน ำนิว้ชี้ นิว้โป้งออกมำให้สองนิ้วขนำนกัน

H ก ำมือน ำนิว้ชี้และนิว้กลำง

ออกมำชี้ไปด้ำนข้ำง

Page 4: บทที่ 1

5

I ก ำมือและชูนิ้วกอ้ย

J ท ำท่ำมือตัว I และหมุนมือเข้ำ

หำล ำตัว

K

ก ำมือชูนิว้ชี้และนิว้กลำงขึ้นน ำนิ้วโป้งไปแตะที่นิ้วกลำง

L ก ำมือชูนิว้ชี้และนิว้โป้ง กำงออก

ให้เหมือนตัว L

M ก ำมือเอำนิว้โป้งสอดใส่

ระหว่ำงนิ้วนำงและนิ้วก้อย

N ก ำมือเอำนิว้โป้งสอดใส่ระหว่ำง

นิ้วกลำงและนิว้นำง

O

ท ำมือตัว C แต่น ำปลำยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ติดกัน

P ท ำมือตัว K และคว่ ำมอืให้นิ้วชี ้

ชี้ไปด้ำนหน้ำ

Q ท ำมือตัว G แต่คว่ ำมือลง

R ก ำมือและน ำนิ้วชีแ้ละนิ้วกลำง

มำไขว้ทับกัน

S

ก ำมือตำมปกต ิT

ก ำมือเอำนิว้โป้งสอดใส่ระหว่ำงนิ้วชี้และนิ้วกลำง

U ก ำมือชูนิว้ชี้และนิว้กลำงขึ้น

นิ้วทั้งสองชิดกัน

V ท ำมือมือ U แต่นิ้วหำ่งกัน

W

ก ำมือและชูนิ้วชี้ นิว้กลำงและนิ้วนำงขึ้น

X ก ำมือและชูนิ้วชี้ขึ้น งอนิ้ว

เล็กน้อย

Page 5: บทที่ 1

6

Y ก ำมือและกำงนิ้วก้อยกับ

นิ้วโป้งออก

Z ก ำมือชูนิว้ชี้และขยับนิ้วเป็นตวั

Z ในอำกำศ

จากแบบสะกดนิ้วมือภาษาอังกฤษข้างต้น พบว่าในภาษาอังกฤษมีพยัญชนะและสระ รวมทั้งหมด 25 ตัว การที่จะน ามาใช้ในประเทศไทยนั้นต้องน าตัวอักษรมาเทียบเสียงโดยใช้แบบท่าทางอักษรที่มีเสียงตรงกัน ดังนี้

ตรงกับเสียง

K

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

T

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

S

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

P

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

H

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

B

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

R

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

W

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

D

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

F

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

L

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

J

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

Y

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

M

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

N

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

A

ท าท่ามือดังนี้

ในตัวอักษรบางตัวของภาษาไทยต้องใช้การผสมเสียงในภาษาอังกฤษ 2 ตัว จึงจะเป็นเสียงพยัญชนะนั้นๆ ได้แก่ ตัวอักษร ง ตัวอักษร ท และตัวอักษร ฉ ต้องใช้ท่ามือ 2 ท่ารวมกัน เวลาท าภาษามือต้องท า 2 จังหวะ ดังนี้

ตรงกับเสียง

NG

ท าท่ามือดังนี้

Page 6: บทที่ 1

7

ตรงกับเสียง

CH

ท าท่ามือดังนี้

ตรงกับเสียง

TH

ท าท่ามือดังนี้

นอกจากนี้การสะกดนิ้วมือภาษาไทยจะมีเสียงพยัญชนะสระ และวรรณยุกต์ที่แตกต่างจากภาษาอังกฤษ ดังนั้นในการก าหนดท่าสะกดนิ้วมือส าหรับพยัญชนะท่ีมีเสียงเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน ได้แก่ ก ต ส พ ห ด ฟ ล ย น จะใช้ท่าสะกดนิ้วมือเป็นตัวเลขในเสียงที่แตกต่างออกไป เช่น ก ข ค ฆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ก เป็น ก ท าท่า ดังนี้

1 ท่า

ข เป็น ก – 1 ท าท่า ดังนี้

2 ท่า

ค เป็น ก – 2 ท าท่า ดังนี้

2 ท่า

ฆ เป็น ก – 3 ท าท่า ดังนี้

2 ท่า

Page 7: บทที่ 1

8

จากการเทียบเสียงในรูปแบบต่างๆ ข้างต้น จึงได้แบบสะกดนิ้วมือภาษาไทยที่ใช้ในการเรียนการสอนส าหรับบุคคลที่บกพร่องทางการได้ยินและเพ่ือใช้ในการสื่อสาร ดังนี้

แบบสะกดนิ้วมือภาษามือไทย

ก ข ค ฆ ง จ

ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ

ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด

ต ถ ท ธ น บ

ป ผ ฝ พ ฟ ภ

ม ย ร ล ว ศ

Page 8: บทที่ 1

9

ษ ส ห ฬ อ ฮ การสะกดสระ วรรณยุกต์และสัญลักษณ์ สามารถสะกดสระ วรรณยุกต์และสัญลักษณ์ได้โดยใช้การเทียบเสียง และการชี้ที่ฝ่ามือ เช่น การเทียบเสียง สระอี ตรงกับเสียง e สระโอ ตรงกับเสียง o สระไอ ตรงกับเสียง i นอกนั้นเป็นการชี้ที่ฝ่ามือ ตามภาพดังนี ้

แบบสะกดสระ วรรณยุกต์และสัญลักษณ์

สระอะ

สระอา

ไม้หันอากาศ

สระอ า

สระอิ

สระอี

สระอึ

สระอือ

Page 9: บทที่ 1

10

สระอุ สระอู สระเอ สระแอ

สระโอ

สระไอไม้ม้วน

สระไอไม้มลาย

ฤ (ร)ึ

ไม้เอก

ไม้โท

ไม้ตรี

ไม้จัตวา

ในการจัดการเรียนการสอนของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินมีการสะกดค าเหมือนกับคนหูปกติ แต่ใช้การสะกดนิ้วมือภาษาไทยจะต้องเรียงล าดับพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์เช่นเดียวกับการพิมพ์ดีด ตัวอย่าง ค าว่า ควาย ดังนี้

ตัวอย่าง ค าว่า โต๊ะ

ค ว า ย ย

Page 10: บทที่ 1

11

เทคนิคการใช้ภาษามือเพื่อการสื่อสาร การสอนภาษามือเป็นการสอนภาษาหนึ่งที่ต้องมีวิธีการสื่อสารและเทคนิคในการสื่อสารกับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินไม่ว่าจะเป็นหลักการตั้งชื่อภาษามือ หลักการท าภาษามือ หลักในการแสดงสีหน้าและการเคลื่อนไหวตลอดจนโครงสร้างและไวยกรณ์ทางภาษา ซึ่งเป็นเทคนิคการใช้ภาษามือที่จะท าให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพเพ่ิมมากข้ึน ดังมีรายละเอียดดังนี้

1. การตั้งชื่อภาษามือ ในการสนทนาแต่ละครั้งส าหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จ าเป็นต้องมีการใช้ชื่อภาษามือ ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกโดยใช้สัญลักษณ์ท ามือที่บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินตั้งให้กับคู่สนทนา โดยมีหลักการตั้งชื่อภาษามือ ดังนี้

1.1 การตั้งชื่อจากลักษณะเด่นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ตาโต คิ้วเข้ม ขนตางอน ตลอดจน ไฝในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า เช่น มีไฝที่ใต้ปากก็จะชี้ที่ใต้ปาก มีไฝข้างแก้มชี้ที่ข้างแก้ม เป็นต้น

1.2 การตั้งชื่อจากลักษณะเด่นของการแต่งกายและเครื่องประดับ บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน เมื่อต้องการตั้งชื่อภาษามือจะดูการแต่งกายที่เด่นชัดในการตั้งชื่อภาษามือด้วย เช่น ถ้าใส่ก าไลอันใหญ่ ก็จะมีชื่อภาษามือโดยต้องท าท่าจับที่ข้อมือเหมือนการใส่ก าไล เป็นต้น

1.3 การตั้งชื่อจากสัญลักษณ์เด่นร่วมกับตัวอักษร การตั้งชื่อในรูปแบบนี้จะดูลักษณะเด่นร่วมกับใช้ตัวอักษรภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เช่น ใส่ต่างหูใหญ่และชื่อเล่นติ๊ก ดังนั้นชื่อภาษามือจะท าท่ามือตัว t และแตะที่ติ่งหู ซึ่งการตั้งชื่อแบบนี้สามารถแก้ปัญหาการตั้งชื่อภาษาซ้ ากันได้เป็นอย่างดี

2. หลักการท าภาษามือ ในการท าภาษามือเพ่ือสื่อความหมายมีหลักส าคัญคือ จะต้องเป็นท่าท่ีท าง่าย สะดวก รวดเร็ว มีความหมายใกล้เคียงธรรมชาติ และเหมาะสมกับหลักสรีรศาสตร์ ควรท าอย่างมีจังหวะ มีการเว้นระยะ ไม่ท าเร็วหรือช้าเกินไป และอยู่รัศมีสายตาสามารถมองเห็นได้ การท าท่ามือเดียวหรือสองมืออยู่ที่ระดับสายตาที่มองเห็น

โ ต ไม้ตรี ะ ะ

Page 11: บทที่ 1

12

3. การแสดงสีหน้าและการเคลื่อนไหวของใบหน้าเป็นสิ่งส าคัญช่วยให้เข้าใจความหมายในภาษามือชัดยิ่งขึ้น เช่น การปวดท้อง ปวดศีรษะต้องแสดงสีหน้าและท่าทางด้วย การขมวดคิ้วแสดงความสงสัย ใช่หรือไม่ การเลิกค้ิวแสดงค าถามท่ีต้องการค าตอบ

4. โครงสร้างและไวยากรณ์ทางภาษา 3.1 ท่ามือ (The handshape) คือ การท ามือเป็นท่าต่าง ๆ เช่น ก ามือเป็นท่าชกมวย

แบมือเป็นท่าตามใจ กางนิ้วเป็นท่าเลข 5 เป็นต้น 3.2 ต าแหน่งของมือ (The position of the hand) ต าแหน่งที่ เกิดให้ความหมาย

ต่างกัน ถึงแม้ว่าท่ามือจะเป็นท่ามือแบบเดียวกัน เช่น ฉัน จะใช้นิ้วชี้ชี้ที่หน้าอก ส่วนค าว่า รู้ ใช้นิ้วชี้ ชี้ที่ขมับ เป็นต้น

3.3 การเคลื่อนไหวของมือ (The movement of the hand) ท่ามือเดียวกันหาก เคลื่อนต่างกัน ความหมายก็จะต่างกัน เช่น ย่า ก ามือขยับขึ้นลงใต้คางและชี้ที่ตา ท าท่ามือ ย ส่วนค าว่า ยาย ก ามือขยับขึ้นลงใต้คางและท าท่ามือ ย และวน

3.4 ทิศทางของฝ่ามือ (The orientation of the palms in relationship to the body or to each other) ท่ามือท่าเดียวกันต าแหน่งเดียวกัน แต่ทิศทางต่างกันความหมายที่ได้ จะต่างกันด้วย เช่นของฉัน จะหันฝ่ามือทาบที่หน้าอก ส่วนค าว่าของเขา หันฝ่ามือออกจากกลางอกไปข้างหน้า

สรุป ภาษามือเป็นภาษาที่จะใช้สื่อสารส าหรับคนหูหนวกกับคนหูหนวก และคนหูหนวกกับคนหูดีที่สามารถใช้ภาษามือได้ โดยการใช้ท่ามือ สีหน้า ท่าทาง ต าแหน่งและการวางมือ ซึ่งมีความหมายเป็นค า และน าค าต่างๆ ประกอบกันจนกลายเป็นประโยคที่ช่วยในการจัดการเรียนการสอนและใช้ในชีวิตประจ าวัน ซึ่งแบ่งได้ 2 ชนิด ได้แก่ ภาษามือธรรมชาติและภาษามือประดิษฐ์ ซึ่งภาษามือธรรมชาติ เป็นภาษาท่าทางที่คนหูหนวกคิดขึ้นเพ่ือใช้ในการสื่อสารกับคนทั่วๆ ไปส่วนภาษามือประดิษฐ์นั้นได้มาจากภาษามือที่คนหูหนวกใช้เรียกชื่อสิ่งของ เครื่องใช้หรืออากัปกิริยาต่างๆ ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นโดยมีโครงสร้างและไวยกรณ์ภาษามือ นอกจากภาษามือแล้วการสื่อสารกับคนหูหนวก จ าเป็นต้องมีการสะกดนิ้วมือไทยในบางค าด้วย ได้แก่ การสะกดพยัญชนะไทย ซึ่งการสะกดพยัญชนะไทย สระ และวรรณยุกต์นั้น จะเทียบเสียงจากภาษามืออังกฤษ และสะกดนิ้วมือเป็นตัวๆ ไป จนกลายเป็นค า เพ่ือง่ายต่อการใช้งาน ทั้งนี้ในการสื่อสารด้วยภาษามือมีเทคนิคในการใช้ภาษามือ ได้แก่ ควรเป็นท่าที่ท าง่าย สะดวก รวดเร็ว มีความหมายใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่ท าเร็วหรือช้าเกินไป มีการแสดงสีหน้าและการเคลื่อนไหวของใบหน้า ตลอดจนต้องค านึงถึงโครงสร้างและไวยากรณ์ทางภาษา

Page 12: บทที่ 1

13

เช่น ท่ามือ ต าแหน่งมือ การเคลื่อนไหวของมือ ทิศทางของฝ่ามือ จึงจะท าให้การใช้ภาษามือถูกต้อง ตรงตามความหมายที่ต้องการจะสื่อสาร

แบบฝึกท้ายบท 1. ให้อธิบายความหมายและชนิดของภาษามือ 2. ให้นักศึกษาเขียนแผนที่ความคิดเก่ียวกับเทคนิคการใช้ภาษามือเพ่ือการสื่อสาร ที่ได้รับ

ในครั้งนี้ 3. นักศึกษาแปลประโยคต่อไปนี้

3.1 3.6

3.2 3.7

3.3 3.8

3.4 3.9

3.5 3.10

4. นักศึกษาสะกดนิ้วมือตามท่ีก าหนด 4.1 ชื่อแนะนามสกุลภาษาอังกฤษ 4.2 ชื่อและนามสกุลภาษาไทย

Page 13: บทที่ 1

14

4.3 จังหวัดที่ตนเองมีถิ่นก าเนิด

เอกสารอ้างอิง

กรมสามัญศึกษา. (2547). เอกสารประกอบการสอนภาษามือไทย ระดับ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว . กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). เอกสารประกอบการอบรมครูการศึกษาพิเศษ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว . ปทานุกรมภาษามือไทย. (2533). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษามือไทย เล่ม 1. ไทยวัฒนาพานิช : กรุงเทพฯ. วารี ถิระจิตร. (2545). การศึกษาส าหรับเด็กพิเศษ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์. ผดุง อารยวิญญู. (2542). การศึกษาส าหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์แว่นแก้ว.